A-Rachun Lapsiri

A-Rachun Lapsiri ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ลงคลิปธรรมะทุกวัน

เที่ยว หนังสือ ออกกำลัง โค้ด ลงทุน

Line: you are my second family 🤍
ให้สิ่งของ ให้ความรู้ ให้อภัย ให้ธรรมะ

30/07/2025

๖๐. ทุกขญาณ (ญาณในทุกข์)

สรุป : ญาณที่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่าทุกข์คืออะไร มีลักษณะอย่างไร เกิดจากอะไร และมีวิธีดับทุกข์อย่างไร

เนื้อหา : ทุกขญาณคือความรู้แจ้งในอริยสัจ 4 ข้อแรก คือ ทุกข์ ทำให้เข้าใจถึงความจริงว่าชีวิตนี้มีความทุกข์เป็นธรรมดา และเห็นถึงลักษณะของทุกข์ (ทุกขลักษณะ) เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ (ทุกขสมุทัย) และหนทางดับทุกข์ (ทุกขนิโรธ)

ภาคทฤษฏี :
อริยสัจ 4 : ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, มรรค
ทุกขลักษณะ 3 : อนิจจัง (ความไม่เที่ยง), ทุกขัง (ความเป็นทุกข์), อนัตตา (ความไม่ใช่ตัวตน)
ปฏิจจสมุปบาท : หลักธรรมที่อธิบายถึงเหตุและผลของการเกิดทุกข์

ภาคปฏิบัติ :
สติปัฏฐาน 4 : การเจริญสติเพื่อรู้เท่าทันกาย ใจ และธรรม
วิปัสสนาญาณ : การเจริญปัญญาเพื่อเห็นความจริงของสิ่งทั้งหลายตามที่เป็นจริง
การพิจารณาไตรลักษณ์ : การพิจารณาความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความเป็นอนัตตา

ทุกขญาณเป็นญาณเบื้องต้นที่สำคัญในการปฏิบัติธรรม เพราะเป็นพื้นฐานให้เกิดญาณอื่นๆ ที่สูงขึ้นไป เมื่อเข้าใจทุกข์อย่างถ่องแท้แล้ว จึงจะสามารถแสวงหาหนทางดับทุกข์ได้อย่างถูกต้อง

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #ทุกขญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

29/07/2025

๕๙. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรเจริญ เป็นมรรคญาณ

สรุป : ปัญญาคือหัวใจของการหลุดพ้น ต้องเจริญให้ถึงมรรคญาณถึงจะเห็นทางสว่าง

เนื้อหา : "ปัญญา" ในทางพุทธศาสนาไม่ใช่แค่ความรู้ แต่เป็น "ปัญญาญาณ" คือความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมของโลกและชีวิต เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการก้าวข้ามความทุกข์และบรรลุถึงความสุขที่แท้จริง การเจริญปัญญาจึงเป็นหนทางสำคัญที่นำไปสู่มรรคผลนิพพาน

ภาคทฤษฏี :
ปัญญาในมรรคมีองค์ 8 : คือ สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ) และ สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ) เป็นจุดเริ่มต้นและแกนหลักของการปฏิบัติธรรม
ปัญญาในโพชฌงค์ 7 : คือ ธัมมวิจยะ (ความเลือกเฟ้นธรรม) เป็นองค์ธรรมที่ช่วยให้พิจารณาและเข้าใจธรรมะได้อย่างถูกต้อง
ปัญญาในวิปัสสนาญาณ 9 : เป็นญาณที่เกิดจากการเจริญวิปัสสนา ทำให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความไม่มีตัวตนของสรรพสิ่ง
ญาณ 16 (โสฬสญาณ) : ญาณทั้ง 16 ขั้นที่เกิดขึ้นตามลำดับในการเจริญวิปัสสนา เป็นกระบวนการที่ปัญญาค่อยๆ พัฒนาจนถึงจุดสูงสุดคือ มรรคญาณ
ปัญญาในไตรสิกขา : คือ อธิปัญญาสิกขา เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาปัญญาให้รู้แจ้งเห็นจริง

ภาคปฏิบัติ :
การฟังธรรม (สุตมยปัญญา) : เริ่มจากการรับฟังคำสอนที่ถูกต้องจากครูบาอาจารย์หรือแหล่งความรู้ที่เชื่อถือได้
การคิดพิจารณา (จินตามยปัญญา) : นำสิ่งที่ได้ฟังมาคิดวิเคราะห์ แยกแยะ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้
การเจริญภาวนา (ภาวนามยปัญญา) : ลงมือปฏิบัติจริง ทั้งสมถภาวนา (ทำสมาธิ) และวิปัสสนาภาวนา (เจริญปัญญา) เพื่อให้เกิดญาณทัสนะ

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #มรรคญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

28/07/2025

๕๘. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทําให้แจ้ง เป็นนิโรธญาณ

สรุป : นิโรธญาณคือปัญญาที่รู้แจ้งสภาวะดับทุกข์ เป็นเป้าหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรม

เนื้อหา :
ปัญญา : ความรู้แจ้งตามความเป็นจริง, ความเข้าใจถูกต้องในสภาวะธรรม
อรรถ : ความหมาย, เนื้อหา, จุดประสงค์
สิ่งที่ควรกระทำ : การปฏิบัติ, การเจริญสติปัญญา
ให้แจ้ง : ทำให้ชัดเจน, ทำให้ปรากฏ, ทำให้ประจักษ์
นิโรธญาณ : ปัญญาที่รู้แจ้งความดับทุกข์ (นิโรธ)

นิโรธญาณ คือ ปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติจนรู้แจ้งความดับแห่งทุกข์ เป็นเป้าหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา การจะเข้าถึงนิโรธญาณได้ ต้องอาศัยการเจริญสติปัญญาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการปฏิบัติในมรรคมีองค์ 8

ภาคทฤษฎี :
ญาณ 16 (โสฬสญาณ) : ขั้นตอนการเจริญวิปัสสนาญาณ เริ่มจากการพิจารณาความเกิดดับของรูปนาม จนถึงการเห็นนิพพาน
โพธิปักขิยธรรม 37 : ธรรมที่เป็นองค์ประกอบของการตรัสรู้ มี สติปัฏฐาน 4, สัมมัปปธาน 4, อิทธิบาท 4, อินทรีย์ 5, พละ 5, โพชฌงค์ 7, มรรคมีองค์ 8
วิปัสสนาญาณ 9 : ญาณที่เกิดจากการเจริญวิปัสสนา มีตั้งแต่ อุทยัพพยญาณ (เห็นความเกิดดับ) จนถึง สัจจานุโลมิกญาณ (ญาณที่คล้อยตามอริยสัจ)

ภาคปฏิบัติ :
ศีล : รักษาศีลให้บริสุทธิ์ เพื่อเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติธรรม
สมาธิ : เจริญสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบและตั้งมั่น
ปัญญา : เจริญวิปัสสนา เพื่อให้เห็นความจริงของโลกและชีวิต

การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 (กายานุปัสสนา, เวทนานุปัสสนา, จิตตานุปัสสนา, ธัมมานุปัสสนา) เป็นวิธีหลักในการเจริญวิปัสสนา เพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งตามความเป็นจริง

นิโรธญาณไม่ใช่แค่ความรู้ แต่เป็นการประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง การจะเข้าถึงนิโรธญาณได้ ต้องอาศัยการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและอดทน รวมถึงการมีครูบาอาจารย์ที่คอยชี้แนะ

การเข้าถึงนิโรธญาณเป็นการสิ้นสุดของการเวียนว่ายตายเกิด และเป็นความสุขที่แท้จริง

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #นิโรธญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

27/07/2025

๕๗. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรละ เป็นสมุทยญาณ

สรุป : ปัญญาที่ยังยึดติดใน "ตัวตน" และ "ความอยาก" เป็นสิ่งที่ต้องละ เพราะเป็นเหตุแห่งทุกข์ ทำให้เกิดการปรุงแต่งและเวียนว่ายตายเกิด

เนื้อหา :
ปัญญา (ในบริบทที่ควรละ) : หมายถึง ความรู้ ความเข้าใจ ความคิด ที่ยังข้องอยู่กับกิเลส ตัณหา อุปาทาน เป็น "สมุทัย" คือเหตุแห่งทุกข์
สมุทัยญาณ : ญาณที่รู้แจ้งถึงเหตุให้เกิดทุกข์ คือ ตัณหา (ความอยาก) ซึ่งเป็นรากเหง้าของกิเลสทั้งปวง
ทำไมต้องละ? : เพราะปัญญาที่ยังไม่บริสุทธิ์ (คือยังไม่เห็นตามความเป็นจริงว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา) จะยิ่งเสริมให้กิเลสแข็งแรงขึ้น ทำให้เกิดการยึดมั่นถือมั่นใน "ตัวกู ของกู" มากยิ่งขึ้น
เป้าหมายที่แท้จริง : คือการเจริญปัญญาที่ถูกต้อง (วิปัสสนาญาณ) เพื่อละวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน เข้าใจความจริงของธรรมชาติ และดับทุกข์ได้ในที่สุด

ภาคทฤษฎี :
อริยสัจ 4 : สมุทัย คือ 1 ในอริยสัจ 4 ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน เป็นความจริงว่า "เหตุแห่งทุกข์" คือตัณหา
ปฏิจจสมุปบาท : อธิบายความสัมพันธ์ที่สืบเนื่องกันของเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดทุกข์ ตัณหาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภพชาติ
ไตรลักษณ์ : การพิจารณาความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ความเป็นทุกข์ (ทุกขัง) และความไม่ใช่ตัวตน (อนัตตา) จะช่วยให้ละวางความยึดมั่นในสิ่งต่างๆ ได้

ภาคปฏิบัติ :
สติปัฏฐาน 4 : การเจริญสติในกาย เวทนา จิต ธรรม จะช่วยให้เห็นความจริงของสิ่งต่างๆ ตามที่มันเป็น โดยไม่ปรุงแต่ง
วิปัสสนา : การเจริญวิปัสสนา (ปัญญาที่เห็นแจ้ง) จะช่วยให้ละวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน และดับทุกข์ได้
การละวาง : ไม่ใช่การ "ไม่คิด" แต่เป็นการ "รู้เท่าทัน" ความคิด แล้วปล่อยวาง ไม่ให้ความคิดนั้นๆ ครอบงำจิตใจ

ปัญญาทางโลก vs. ปัญญาทางธรรม : ปัญญาทางโลก (เช่น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี) อาจนำมาซึ่งความสุขสบายทางกาย แต่ไม่สามารถดับทุกข์ได้ ปัญญาทางธรรม (วิปัสสนาญาณ) ต่างหากที่ดับทุกข์ได้
อวิชชา : ความไม่รู้ (คือไม่รู้ความจริงของอริยสัจ 4) เป็นรากเหง้าของกิเลสทั้งปวง การเจริญปัญญาที่ถูกต้องจะช่วยขจัดอวิชชาได้
มรรคมีองค์ 8 : การเจริญมรรคมีองค์ 8 (โดยเฉพาะสัมมาทิฏฐิ – ความเห็นชอบ) เป็นหนทางสู่การดับทุกข์

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #สมุทยญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

26/07/2025

๕๖. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรกําหนดรู้ เป็นทุกขญาณ

สรุป : ปัญญาที่ต้องรู้คือ "ทุกขญาณ" ญาณที่รู้ว่าทุกข์มีอยู่จริง เป็นส่วนหนึ่งของปัญญาที่ต้องเจริญเพื่อบรรลุมรรคผล

เนื้อหา : ทุกขญาณ คือ ญาณที่รู้ชัดถึงความทุกข์ ความไม่เที่ยง ความเป็นอนัตตาของขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) เป็นปัญญาที่เห็นความจริงว่าชีวิตนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง

ภาคทฤษฏี :
ไตรลักษณ์ : ทุกขญาณเชื่อมโยงกับไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง (ความไม่เที่ยง) ทุกขัง (ความเป็นทุกข์) อนัตตา (ความไม่ใช่ตัวตน) การเห็นไตรลักษณ์จะนำไปสู่การปล่อยวาง
อริยสัจ 4 : ทุกขญาณเป็นส่วนหนึ่งของอริยสัจ 4 ข้อแรก คือ ทุกข์ การทำความเข้าใจทุกข์เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่การดับทุกข์
ปฏิจจสมุปบาท : ทุกขญาณเชื่อมโยงกับปฏิจจสมุปบาท คือ การเกิดขึ้นพร้อมกันของธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน การเห็นความเชื่อมโยงนี้จะทำให้เข้าใจเหตุแห่งทุกข์

ภาคปฏิบัติ :
การเจริญสติปัฏฐาน 4 : พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ด้วยสติ เพื่อเห็นความจริงว่าทุกสิ่งเป็นทุกข์
การพิจารณาขันธ์ 5 : พิจารณาว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
การทำวิปัสสนา : การเจริญวิปัสสนาจะช่วยให้เกิดญาณปัญญาที่เห็นความจริงของโลก

ญาณ 16 (โสฬสญาณ) : ทุกขญาณเป็นส่วนหนึ่งของญาณ 16 ซึ่งเป็นขั้นตอนของการเจริญวิปัสสนาญาณ
วิปัสสนาญาณ 9 : ทุกขญาณเป็นจุดเริ่มต้นของวิปัสสนาญาณ 9 ซึ่งเป็นการเห็นความจริงของโลกตามลำดับขั้น

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #ทุกขญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

25/07/2025

๕๕. ปัญญาในความเป็นผู้มีความชํานาญในอินทรีย์ ๓ ประการ โดยอาการ ๖๔ เป็นอาสวักขยญาณ

สรุป : อาสวักขยญาณคือญาณที่ทำให้สิ้นอาสวะ เกิดจากการฝึกอินทรีย์ 3 (อนินทรีย์, มนินทรีย์, ปัญญินทรีย์) จนชำนาญ โดยมีอาการ 64 เป็นเครื่องแสดงถึงความชำนาญนั้น

เนื้อหา :
อินทรีย์ 3 : หมายถึง ธรรมที่เป็นใหญ่ในการทำหน้าที่ของตน ได้แก่
อนินทรีย์ : ความรู้ทั่วถึงในทุกข์ (ทุกข์)
มนินทรีย์ : ความรู้ทั่วถึงในเหตุให้เกิดทุกข์ (สมุทัย)
ปัญญินทรีย์ : ความรู้ทั่วถึงในความดับทุกข์ (นิโรธ)
อาการ 64 : เป็นรายละเอียดของการเจริญวิปัสสนา เพื่อให้เกิดความชำนาญในอินทรีย์ 3 แต่ละอินทรีย์มีอาการ 16 รวมเป็น 48 และรวมกับอาการของมรรคอีก 16 รวมเป็น 64
อาสวักขยญาณ : ญาณที่ทำให้สิ้นไปจากอาสวะ (กิเลสที่หมักดองอยู่ในจิตใจ) เป็นผลจากการเจริญวิปัสสนาจนเกิดความชำนาญในอินทรีย์ 3

ภาคทฤษฏี :
หลักการทำงาน : การเจริญวิปัสสนาเป็นการพิจารณาขันธ์ 5 (รูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร, วิญญาณ) ให้เห็นตามความเป็นจริงว่าเป็นทุกข์, ไม่เที่ยง, ไม่ใช่ตัวตน เมื่อพิจารณาซ้ำๆ ก็จะเกิดปัญญาเห็นแจ้งในอริยสัจ 4 และสามารถละกิเลสได้ในที่สุด
ความเชื่อมโยง : อินทรีย์ 3 เป็นส่วนหนึ่งของโพธิปักขิยธรรม 37 ซึ่งเป็นธรรมที่เกื้อหนุนต่อการตรัสรู้ อาสวักขยญาณเป็นผลสูงสุดของการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา

ภาคปฏิบัติ :
การเจริญวิปัสสนา : เริ่มจากการมีสติรู้ตัวในปัจจุบันขณะ (สติปัฏฐาน 4) จากนั้นพิจารณาขันธ์ 5 ตามความเป็นจริง
การพัฒนาอินทรีย์ : เมื่อเจริญวิปัสสนาไปเรื่อยๆ อินทรีย์ 3 จะค่อยๆ แก่กล้าขึ้น จนเกิดความชำนาญ
การละกิเลส : เมื่ออินทรีย์แก่กล้าถึงที่สุด ก็จะสามารถละกิเลสได้หมดสิ้น และบรรลุอาสวักขยญาณ

อาการ 64 : รายละเอียดของการเจริญวิปัสสนาในแต่ละอินทรีย์ จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปตามจริตของแต่ละบุคคล การศึกษาอาการ 64 อย่างละเอียดจะช่วยให้เข้าใจถึงกระบวนการเจริญวิปัสสนาได้ดียิ่งขึ้น
ความสำคัญของครูบาอาจารย์ : การเจริญวิปัสสนาควรมีครูบาอาจารย์คอยแนะนำ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับจริตของตน

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #อาสวักขยญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

24/07/2025

๕๔. ปัญญาในความเห็นรูปนิมิตหลายอย่างหรืออย่างเดียว ด้วยสามารถแห่งแสงสว่าง เป็นทิพจักขุญาณ

สรุป : ทิพจักขุญาณ คือปัญญาที่เห็นรูปนิมิตได้ทั้งหลายและอย่างเดียว อาศัยกำลังแห่งสมาธิและแสงสว่างภายใน

เนื้อหา :
ทิพจักขุญาณ : ญาณพิเศษที่ทำให้เห็นสิ่งที่ปกติมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ รวมถึงรูปนิมิตต่างๆ
รูปนิมิต : ภาพที่ปรากฏในสมาธิ อาจเป็นภาพอดีต ปัจจุบัน อนาคต หรือสิ่งอื่น ๆ
หลายอย่างหรืออย่างเดียว : ทิพจักขุญาณสามารถเห็นรูปนิมิตได้หลากหลาย หรือเพ่งพิจารณาที่รูปนิมิตเดียวก็ได้
ด้วยสามารถแห่งแสงสว่าง : แสงสว่างในที่นี้หมายถึง ปัญญาที่เกิดจากสมาธิ ทำให้จิตใจสว่างและเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน

ภาคทฤษฏี :
ทิพจักขุญาณเป็นหนึ่งในอภิญญา (ความรู้ยิ่ง) ที่เกิดจากการเจริญสมาธิภาวนา ตามหลักพระพุทธศาสนา การเห็นรูปนิมิตเป็นเพียงผลพลอยได้ของการปฏิบัติ ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด เป้าหมายที่แท้จริงคือการพัฒนาปัญญาเพื่อดับทุกข์

ภาคปฏิบัติ :
เจริญสมาธิ : ฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้จิตใจสงบและมีกำลัง
กำหนดอารมณ์ : เลือกอารมณ์กรรมฐานที่เหมาะสม เช่น อานาปานสติ (การกำหนดลมหายใจ)
เพ่งรูปนิมิต : เมื่อจิตสงบ อาจเกิดรูปนิมิตขึ้น ให้เพ่งพิจารณาด้วยปัญญา
ไม่ยึดติด : อย่าหลงใหลในรูปนิมิต เพราะเป็นเพียงมายา ควรใช้ปัญญาพิจารณาความจริง

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #ทิพจักขุญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

23/07/2025

๕๓. ปัญญาในการกําหนดธรรมทั้งหลายอันเป็นไปตามปัจจัย ด้วยสามารถแห่งความแผ่ไปแห่งกรรมหลายอย่างหรืออย่างเดียว เป็นบุพเพนิวาสานุสสติญาณ

สรุป : บุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ ญาณที่ระลึกชาติได้ โดยเข้าใจความสัมพันธ์ของเหตุปัจจัยที่ส่งผลมาจากการกระทำ (กรรม) ในอดีตชาติ

เนื้อหา : ญาณนี้ไม่ใช่แค่การจำเรื่องราวเก่าๆ ได้ แต่เป็นการเห็นความเชื่อมโยงของกรรมที่ทำไว้ ทั้งกรรมดี กรรมชั่ว ที่ส่งผลต่อชีวิตในปัจจุบัน รวมถึงการเห็นความเชื่อมโยงระหว่างกรรมหลายอย่าง หรือกรรมอย่างเดียว ที่ส่งผลต่อชีวิต

ภาคทฤษฏี :
ปัจจัย : ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
กรรม : การกระทำ (กาย วาจา ใจ) ที่เป็นเหตุให้เกิดผล
บุพเพนิวาสานุสสติญาณ : ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้ และเข้าใจความสัมพันธ์ของกรรม

ภาคปฏิบัติ : การเจริญสติ วิปัสสนา เพื่อให้จิตสงบ และสามารถย้อนระลึกชาติได้

ญาณนี้เป็นหนึ่งในอภิญญา ๖ (ความรู้พิเศษ) การได้ญาณนี้ไม่ใช่จุดหมายสูงสุด แต่เป็นเครื่องมือช่วยให้เห็นความจริงของโลก และละวางความยึดมั่นถือมั่น

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #บุพเพนิวาสานุสสติญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

22/07/2025

๕๒. ปัญญาในการกําหนดจริยาคือวิญญาณหลายอย่างหรืออย่างเดียว ด้วยความแผ่ไปแห่งจิต ๓ ประเภท อย่างเดียวสามารถแห่งความผ่องในแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นเจโตปริยญาณ

สรุป : เจโตปริยญาณคือญาณหยั่งรู้จิตผู้อื่น อาศัยจิตที่บริสุทธิ์และแผ่ขยายออกไป สามารถรับรู้สภาวะจิตใจของผู้อื่นได้

เนื้อหา :
ปัญญาในการกำหนดจริยา : หมายถึง ความสามารถในการเข้าใจและประเมินพฤติกรรม, ความคิด, และเจตนาของผู้อื่น
วิญญาณหลายอย่างหรืออย่างเดียว : ในบริบทนี้ "วิญญาณ" หมายถึง จิตสำนึก, ความตระหนักรู้, หรือความเข้าใจ อาจมองได้ทั้งในแง่ของความหลากหลาย (การรับรู้หลายแง่มุม) หรือความเป็นเอกภาพ (การรวมความเข้าใจ)
ความแผ่ไปแห่งจิต ๓ ประเภท : อ้างอิงถึงการแผ่เมตตา, กรุณา, มุทิตา ไปยังสรรพสัตว์
ความผ่องในแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย : หมายถึง การที่อินทรีย์ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ปราศจากกิเลส, ความขุ่นมัว, ทำให้สามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและเป็นกลาง
เจโตปริยญาณ : ญาณที่สามารถรู้จิตใจของผู้อื่น

ภาคทฤษฎี : เจโตปริยญาณเป็นอภิญญาอย่างหนึ่งที่เกิดจากการฝึกจิตให้บริสุทธิ์และมีกำลัง เมื่อจิตมีความบริสุทธิ์และแผ่ขยายออกไป จะสามารถรับรู้สภาวะจิตใจของผู้อื่นได้คล้ายกับการอ่านใจ แต่ไม่ใช่การอ่านความคิดโดยตรง แต่เป็นการรับรู้สภาวะทางอารมณ์, ความรู้สึก, เจตนา, หรือแนวโน้มของจิตใจ

ภาคปฏิบัติ : การฝึกเจโตปริยญาณทำได้โดยการเจริญสมาธิ, วิปัสสนา, และการแผ่เมตตา การเจริญสมาธิช่วยให้จิตสงบและมีกำลัง ส่วนวิปัสสนาช่วยให้เห็นความจริงของธรรมชาติของจิตใจ การแผ่เมตตาช่วยให้จิตมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเชื่อมโยงกับผู้อื่น

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #เจโตปริยญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

21/07/2025

๕๑. ปัญญาในการกําหนดเสียงเป็นนิมิตหลายอย่างหรืออย่างเดียวด้วยสามารถการแผ่วิตกไป เป็นโสตธาตุวิสุทธิญาณ

สรุป : โสตธาตุวิสุทธิญาณ คือปัญญาที่เกิดจากการกำหนดเสียงเป็นนิมิต แล้วใช้ความสามารถในการ "แผ่วิตก" คือการลด ละ เลิก ความคิดปรุงแต่ง จนเกิดเป็นความรู้แจ้งในสภาวะของเสียงตามความเป็นจริง ไม่ยึดติดว่าเป็นอะไร เป็นใคร

เนื้อหา :
การกำหนดเสียงเป็นนิมิต : เริ่มจากการรับรู้เสียง (โสตธาตุ) แล้วกำหนดลักษณะของเสียงนั้นๆ เช่น เสียงดัง เสียงเบา เสียงสูง เสียงต่ำ เสียงใกล้ เสียงไกล หรือเสียงที่เกิดจากอะไร เป็นต้น การกำหนดนี้เป็นเหมือนการสร้าง "ป้าย" หรือ "เครื่องหมาย" ให้จิตจดจำเสียงนั้นได้
การแผ่วิตก : คือการลดความคิดปรุงแต่งที่เกี่ยวกับเสียงนั้นๆ เช่น ไม่คิดว่าเสียงนั้นเพราะหรือไม่เพราะ น่าฟังหรือไม่น่าฟัง ชอบหรือไม่ชอบ เป็นต้น การแผ่วิตกคือการปล่อยวางความคิดที่ปรุงแต่งขึ้นมา
โสตธาตุวิสุทธิญาณ : เมื่อแผ่วิตกได้แล้ว จิตจะเริ่มเห็นสภาวะของเสียงตามความเป็นจริง คือเห็นว่าเสียงเป็นเพียงคลื่นพลังงานที่เกิดขึ้นและดับไป ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตน เมื่อเห็นเช่นนี้ ปัญญาก็จะเกิดขึ้น เรียกว่า โสตธาตุวิสุทธิญาณ

ภาคทฤษฎี :
สติปัฏฐาน 4 : การเจริญสติในกาย เวทนา จิต และธรรม เป็นพื้นฐานสำคัญของการเกิดโสตธาตุวิสุทธิญาณ การมีสติจะช่วยให้เราเห็นเสียงตามความเป็นจริง ไม่ปรุงแต่ง
ไตรลักษณ์ : การพิจารณาความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตนของเสียง จะช่วยให้เราปล่อยวางความยึดมั่นในเสียงได้ง่ายขึ้น
ปฏิจจสมุปบาท : การเข้าใจว่าเสียงเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยต่างๆ จะช่วยให้เราไม่ยึดติดว่าเสียงนั้นมาจากไหน หรือมีความสำคัญอย่างไร

ภาคปฏิบัติ :
กำหนดเสียง : เมื่อได้ยินเสียง ให้กำหนดลักษณะของเสียงนั้นๆ เช่น "เสียงดัง" "เสียงเบา" "เสียงรถ" เป็นต้น
แผ่วิตก : เมื่อความคิดปรุงแต่งเกิดขึ้น ให้รู้ทันความคิดนั้น แล้วปล่อยวาง ไม่ให้ความคิดนั้นครอบงำจิตใจ
พิจารณาไตรลักษณ์ : พิจารณาว่าเสียงนั้นไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป เป็นทุกข์เพราะทนอยู่ไม่ได้นาน และไม่ใช่ตัวตน
เจริญสติ : ฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวัน เพื่อให้จิตมีสติอยู่เสมอ และไม่ปรุงแต่งกับเสียง

ความแตกต่างระหว่างการได้ยินกับการรับรู้ : การได้ยินเป็นเพียงกระบวนการทางกายภาพ แต่การรับรู้เป็นการตีความของจิต จิตปรุงแต่งเสียงให้มีความหมายต่างๆ การแผ่วิตกจะช่วยให้เราเห็นเสียงโดยไม่ปรุงแต่ง
อุปสรรคในการเกิดโสตธาตุวิสุทธิญาณ : ความยึดมั่นในเสียง ความคิดปรุงแต่ง ความฟุ้งซ่าน และความง่วงเหงา เป็นอุปสรรคสำคัญในการเกิดโสตธาตุวิสุทธิญาณ
ประโยชน์ของโสตธาตุวิสุทธิญาณ : ช่วยให้เราไม่ทุกข์กับเสียง ช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของเสียง และช่วยให้เราปล่อยวางความยึดมั่นในสิ่งต่างๆ

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #โสตธาตุวิสุทธิญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

20/07/2025

๕๐. ปัญญาในความสําเร็จด้วยการกําหนดกายและจิตเข้าด้วยกัน และด้วยสามารถแห่งความตั้งไว้ซึ่งสุขสัญญาและลหุสัญญา เป็นอิทธิวิธญาณ

สรุป : รวมกายใจให้เป็นหนึ่ง ควบคุมสัญญาเบา สบาย บรรลุญาณพิเศษ

เนื้อหา :
กายและจิต : การรวมกายและจิตเป็นหนึ่งเดียวไม่ใช่แค่การคิดบวก แต่เป็นการฝึกฝนให้กายและใจทำงานสอดคล้องกัน
สุขสัญญาและลหุสัญญา : สัญญาคือความจำได้หมายรู้ สุขสัญญาคือความจำได้ถึงความสุข ลหุสัญญาคือความจำได้ถึงความเบา สบาย การฝึกฝนให้จิตตั้งมั่นในสัญญาเหล่านี้จะช่วยให้จิตใจสงบ
อิทธิวิธญาณ : ญาณคือความรู้ อิทธิวิธญาณคือความรู้พิเศษที่เกิดจากการฝึกฝนจิตใจจนเข้มแข็ง สามารถควบคุมกายและจิตได้ตามต้องการ

ภาคทฤษฏี :
สมาธิ : การทำสมาธิเป็นพื้นฐานสำคัญในการรวมกายและจิตให้เป็นหนึ่ง
วิปัสสนา : การเจริญวิปัสสนาจะช่วยให้เห็นความจริงของกายและจิต ทำให้ปล่อยวางได้
ไตรสิกขา : ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นแนวทางปฏิบัติที่ครบวงจรในการพัฒนาจิตใจ

ภาคปฏิบัติ :
กำหนดลมหายใจ : ฝึกกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
เดินจงกรม : เดินอย่างช้าๆ โดยมีสติอยู่กับเท้าที่สัมผัสพื้น
พิจารณากาย : พิจารณาส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างละเอียด
เจริญเมตตา : แผ่เมตตาให้กับตนเองและผู้อื่น

สุขสัญญา : การสร้างสุขสัญญาทำได้โดยการระลึกถึงความสุขที่เคยเกิดขึ้น หรือการสร้างความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน
ลหุสัญญา : การสร้างลหุสัญญาทำได้โดยการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกเบาสบาย
อิทธิวิธญาณ : การบรรลุอิทธิวิธญาณไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด แต่เป็นผลพลอยได้จากการฝึกฝนจิตใจอย่างถูกต้อง

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #อิทธิวิธญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

19/07/2025

๔๙. ปัญญาในความว่าธรรมจริง เป็นสัจจวิวัฏฏญาณ

สรุป : ปัญญาแท้ในธรรม คือญาณหยั่งรู้ความจริงแห่งการเปลี่ยนแปลง

เนื้อหา :
ปัญญาในความว่าธรรม : ไม่ใช่แค่ความรู้ แต่เป็นการรู้แจ้งในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
สัจจวิวัฏฏญาณ : ญาณที่เห็นความจริงว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ (อนิจจัง)

ภาคทฤษฎี :
อนิจจัง : ทุกสิ่งเกิดดับ ไม่คงที่
ทุกขัง : สภาวะที่ทนอยู่ไม่ได้ เพราะความไม่เที่ยง
อนัตตา : ความไม่มีตัวตนที่แท้จริง เพราะทุกอย่างประกอบด้วยเหตุปัจจัย

ภาคปฏิบัติ : เจริญสติปัฏฐาน ๔ เพื่อเห็นความจริงของกาย ใจ อารมณ์ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ญาณ ๑๖ (โสฬสญาณ) : ขั้นตอนการเจริญวิปัสสนาตั้งแต่ต้นจนถึงมรรคผลนิพพาน เริ่มจากการเห็นความเกิดดับ ไปจนถึงการปล่อยวาง
วิปัสสนาญาณ ๙ : ญาณที่เกิดขึ้นจากการเจริญวิปัสสนา ทำให้เห็นความจริงชัดเจนยิ่งขึ้น

#คนค้ำวัด #พุทธศาสนา #ปฏิบัติธรรม #ธรรมะ #สัจจวิวัฏฏญาณ #ปัญญาญาณ #ปฏิสัมภิทามรรค #ขุททกนิกาย #สุตตันตปิฎก #ชาติสุดท้าย

Adresse

Democratic Republic Of The

Notifications

Soyez le premier à savoir et laissez-nous vous envoyer un courriel lorsque A-Rachun Lapsiri publie des nouvelles et des promotions. Votre adresse e-mail ne sera pas utilisée à d'autres fins, et vous pouvez vous désabonner à tout moment.

Contacter L'entreprise

Envoyer un message à A-Rachun Lapsiri:

Partager