27/09/2025
พิชัยสงครามซุนวูบทที่10ภูมิประเทศ | ซุนวูในธรรมะ
ในบริบทของพิชัยสงครามซุนวู บทที่ 10 ว่าด้วยภูมิประเทศนั้น "นามรูปปริจเฉทญาณ" หรือญาณที่กำหนดรู้จำแนกสภาวะที่เป็น "รูปธรรม" และ "นามธรรม" ได้อย่างชัดเจน คือปฐมบทแห่งปัญญาของจอมทัพผู้ไม่คิดจะนำพาทหารไปตายฟรี การประยุกต์ใช้ในเชิงรูปธรรมที่เด่นชัดที่สุด คือการที่แม่ทัพสามารถ "แยกแยะ" สภาพแวดล้อมทางกายภาพ (รูป) ออกจากแผนการรบและความปรารถนาในใจตน (นาม) ได้อย่างสิ้นเชิง
**"รูปธรรม" (รูป)** ในที่นี้คือภูมิประเทศทั้ง 6 ประเภทที่ซุนวูระบุไว้แบบเนื้อๆ เน้นๆ ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ:
1. **ภูมิประเทศแบบทางสะดวก (Accessible ground):** พื้นที่เปิดโล่ง ใครจะเข้าจะออกก็ได้ นี่คือ "รูป" ที่เห็นตามจริง มันคือความจริงที่ว่า "ถ้าเราไปง่าย ศัตรูก็มาง่าย"
2. **ภูมิประเทศแบบทางคับขัน (Entangling ground):** เข้าไปแล้วออกยาก เหมือนเดินเข้าซอยตันในตอนกลางคืน นี่คือ "รูป" ของกับดักโดยธรรมชาติ ใครเข้าไปก่อนก็ติดแหง็กอยู่ในนั้น
3. **ภูมิประเทศแบบทางยัน (Temporizing ground):** ชิงลงมือก่อนก็ไม่ได้เปรียบ ถอยก็เสียเปรียบ เป็นพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกัน นี่คือ "รูป" ของสภาวะที่บีบให้ต้อง "นิ่ง"
4. **ภูมิประเทศแบบทางแคบ (Narrow passes):** คอขวด หากเราชิงยึดได้ก่อนด้วยกำลังพลหยิบมือเดียว ก็สามารถต้านทัพใหญ่ได้ นี่คือ "รูป" ของจุดยุทธศาสตร์ที่ "เล็กแต่ทรงพลัง"
5. **ภูมิประเทศแบบทางสูงชัน (Precipitous heights):** ที่สูงชัน หากเรายึดได้ก่อนแล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศใต้ (ตามตำรา) จะได้เปรียบทั้งการรบและการรับแสงแดด นี่คือ "รูป" ของความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์อย่างแท้จริง
6. **ภูมิประเทศที่อยู่ห่างไกล (Positions at a great distance):** เมื่ออยู่ไกลกันมาก กำลังทัดเทียมกัน การท้าทายให้มารบนั้นไม่เกิดประโยชน์ นี่คือ "รูป" ของระยะทางที่ลดทอนประสิทธิภาพของกองทัพ
จอมทัพผู้มี "นามรูปปริจเฉทญาณ" จะมองเห็น "รูป" เหล่านี้ตามความเป็นจริง เขาจะไม่ถูก "นาม" คือความอยากเอาชนะ ความโอหัง หรือความกลัว บิดเบือนการรับรู้ เขาจะไม่มอง "ทางคับขัน" แล้วเพ้อฝันว่า "เดี๋ยวคงหาทางออกเจอ" เพราะนั่นคือการเอา "นาม" (ความหวัง) ไปปนกับ "รูป" (ความจริงที่เป็นซอยตัน) เขาจะเห็นเพียงว่า "นี่คือโคลน นี่คือหน้าผา นี่คือคอขวด" การตัดสินใจจึงตั้งอยู่บนฐานของความเป็นจริงทางกายภาพ ไม่ใช่ความปรารถนาในใจ
.......
ในทางนามธรรม "นามรูปปริจเฉทญาณ" คือการถอน "อัตตา" และ "อวิชชา" ของแม่ทัพออกจากสมการรบโดยสิ้นเชิง มันคือการตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งว่า "ความคิดของเรา" ไม่ใช่ "ความเป็นจริง" และนี่คือจุดที่แม่ทัพส่วนใหญ่พ่ายแพ้ ไม่ใช่เพราะศัตรูเก่งกว่า แต่เพราะพ่ายแพ้ต่อ "นามธรรม" ในใจตนเอง
**"นามธรรม" (นาม)** ในที่นี้คือสภาวะภายในที่จับต้องไม่ได้ แต่ส่งผลต่อการตัดสินใจอย่างมหาศาล:
* **แผนการรบ (Strategy):** แผนที่วาดไว้อย่างสวยหรูบนโต๊ะ คือ "นาม" เมื่อนำไปใช้ในสนามรบจริงซึ่งเป็น "รูป" มันอาจกลายเป็นแค่เศษกระดาษได้ทันทีหากไม่สอดคล้องกับภูมิประเทศ
* **ขวัญและกำลังใจ (Morale):** ความฮึกเหิมหรือความหวาดกลัวของทหาร คือ "นาม" ที่ทรงพลัง แม่ทัพที่ปราศจากญาณนี้อาจสั่งทหารที่ขวัญเสียให้ปีน "ทางสูงชัน" (รูป) ผลลัพธ์คือการละลายของกองทัพ
* **ความปรารถนาในชัยชนะ (Desire for Victory):** ความอยากได้ชื่อเสียงเกียรติยศ คือ "นาม" ที่เป็นพิษร้าย มันสามารถผลักดันให้แม่ทัพมองข้าม "รูป" ที่เป็นอันตราย เช่น การนำทัพข้ามแม่น้ำเชี่ยวเพียงเพื่อจะรีบเข้าตีศัตรู
* **ความประมาท (Heedlessness):** การคิดว่า "เราเหนือกว่า" คือ "นาม" ที่บดบังปัญญา ทำให้มอง "ทางสะดวก" (รูป) ว่าปลอดภัย ทั้งที่มันคือพื้นที่ที่เปิดช่องให้ศัตรูโอบล้อมได้ง่ายที่สุด
* **อัตตาของแม่ทัพ (The General's Ego):** ตัวตน ความยึดมั่นในความคิดของตนเอง คือสุดยอดแห่ง "นาม" ที่เป็นมหันตภัย แม่ทัพที่ยึดติดกับแผนของตน (นาม) จนไม่ยอมรับความจริงของภูมิประเทศ (รูป) ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาบอดที่ยืนยันจะเดินข้ามเหวเพราะแผนที่ในมือบอกว่าตรงนี้เป็นสะพาน
"นามรูปปริจเฉทญาณ" ในมิตินี้จึงเป็นการ "รู้ทัน" สภาวะในใจตนเองและกองทัพ เป็นการแยกแยะอย่างเด็ดขาดระหว่าง "สิ่งที่ข้าคิดว่าควรจะเป็น" กับ "สิ่งที่มันเป็นอยู่จริงๆ" จอมทัพที่บรรลุถึงญาณนี้ จะไม่รักแผนการของตนมากกว่าชีวิตทหาร จะไม่ให้ความทะนงตนมาอยู่เหนือข้อเท็จจริงทางภูมิศาสตร์ ชัยชนะของเขาจึงไม่ได้มาจากความกล้าหาญเพียงอย่างเดียว แต่มาจาก "ปัญญา" ที่เห็นแจ้งในสภาวะรูปธรรมและนามธรรมอย่างทะลุปรุโปร่งนั่นเอง
#ซุนวู #ธรรมะ #ซุนวูในธรรมะ