German at home เรียนรู้เยอรมันที่บ้าน

German at home เรียนรู้เยอรมันที่บ้าน 🌾optimistische Menschen
เรียนเยอรมัน​ 🍌 ย่อยง่าย

มีหลายคนอยากให้ลูกมาเรียนต่อเยอรมัน ลองเสพข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ content กันค่ะ.. ประเทศเยอรมันนี้นึกถึงเด็กและ...
25/09/2025

มีหลายคนอยากให้ลูกมาเรียนต่อเยอรมัน ลองเสพข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ content กันค่ะ.. ประเทศเยอรมันนี้นึกถึงเด็กและเยาวชน รวมถึงเวลาของครอบครัวมาก การศึกษาเขาคิดมาอย่างดีและดีมากค่ะ

Cr.ขอบคุณข้อมูลดีๆ สาระวิชาการจากเพจคุณหย่งค่ะ

ระบบการศึกษาของเยอรมนี

การศึกษาของเยอรมนี ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก วันนี้หย่งศรีจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจกับระบบการศึกษาของที่นี่* ค่ะ

*เยอรมนีปกครองด้วยระบบสหพันธรัฐ นโยบายด้านการศึกษา​เป็นเรื่องของแต่ละรัฐตัดสินใจเอง จึงอาจมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกับที่เขียนเล่านี้บ้างนะคะ
.........

ระบบการศึกษาของเยอรมนี แบ่งเป็นคร่าวๆ ได้ดังนี้

๑ ก่อนอนุบาล (Kindertagesstätte/ Krippe) เหมือนกับ เนิร์สเซอรี่ ที่ไทย รับดูแลเด็กตั้งแต่ ๑ - ๓ ขวบ ไม่มีการเรียนการสอนวิชาการ แต่จะดูแลพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็ก

ส่วนใหญ่แล้วผู้ปกครองเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย โดยจะพิจารณาจากรายได้ คนรายได้น้อยจ่ายน้อย คนรายได้มากจ่ายมาก แต่อาจมีบางพื้นที่ บางรัฐ เช่น เบอร์ลิน ที่สามารถเข้าเรียนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย(หลัก)

มีที่ให้เด็กทั้งแบบครึ่งวัน ค่อนวัน และเต็มวัน (กินอาหารกลางวันที่โรงเรียน? นอนที่โรงเรียน? อยู่ที่โรงเรียนได้จนถึง ๕ โมงเย็น)

๒ อนุบาล (Kindergarten) รับเด็กตั้งแต่ ๓ - ๕ ขวบ ยังไม่มีการสอนวิชาการ เด็กๆ จะได้วาดภาพระบายสี ต่อตัวต่อ เล่นกับเพื่อนๆ ฯลฯ

ส่วนใหญ่ผู้ปกครองเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเช่นกัน แต่ในบางเมืองอาจมีนโยบายเด็กเรียนอนุบาลได้ฟรี เช่น บาด ฮอมบวร์ก, เบอร์ลิน ฯลฯ
..........

๓ โรงเรียนประถม (Grundschule) มีชั้นป.๑ - ป.๔ เป็นการศึกษาภาคบังคับ เมื่อถึงวัยเข้าเรียนประถม (อายุครบ ๖ ปีบริบูรณ์) ผู้ปกครองจะได้รับจดหมายจากทางรัฐ แจ้งว่าลูกถึงวัยเข้าเรียนโรงเรียนประถมแล้ว โดยจะได้ไปเรียนที่โรงเรียน... ใกล้บ้าน (ขึ้นอยู่กับที่อยู่ในทะเบียนบ้าน) ผู้ปกครองไม่สามารถเลือกโรงเรียนให้ลูกได้

*ยกเว้นในกรณีที่ลูกเป็นเด็กพิเศษ ต้องการโรงเรียนที่ดูแลเด็กพิเศษโดยตรง ที่เรียกว่า Förderschule สามารถทำเรื่องแจ้งเพื่อไปเรียนยังโรงเรียนนี้ได้

การเรียนประถมนั้นฟรี ไม่มีค่าเทอม แต่จะมีค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ต่างๆ เครื่องเขียน กระเป๋านักเรียน ฯลฯ โรงเรียนไม่มีเครื่องแบบ ไม่กำหนดทรงผม สีกระเป๋า

บางโรงเรียนอาจใช้ระบบ ป.๑ ป.๒ เรียนด้วยกัน แล้วค่อยไปแยกเมื่อถึงชั้น ป.๓ จำนวนนักเรียนต่อห้องมักไม่เกิน ๒๕ คน

ส่วนคุณภาพของโรงเรียนประถมนั้น ว่ากันว่าไม่แตกต่างกันมาก (จากประสบการณ์ส่วนตัว ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพการเรียนการสอนในระดับนี้ คือ คุณครูประจำชั้น)

การเรียนป.๑ ป.๒ มักจะยังไม่มีการบ้านและการสอบ

การสอบให้คะแนน มักเริ่มที่ชั้นป.๓ โดยถือวิชาคณิตศาสตร์และภาษาเยอรมันเป็นวิชาหลัก เพราะคะแนนจากสองวิชานี้จะถูกใช้เป็นเกณฑ์วัดว่า เด็กเหมาะสมจะเรียนในโรงเรียนแบบใดต่อไป การให้คะแนน "เน้น" ที่การตอบปากเปล่าในห้องและการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน คะแนนจากข้อสอบเป็นรอง

การเรียนที่โรงเรียนรัฐของเยอรมัน ใช้ภาษาเยอรมันเป็นหลัก มีการทดสอบภาษาของเด็กตั้งแต่ก่อนเข้าเรียน เด็กที่ภาษาเยอรมันไม่แข็งแรง จะมีชั้นเรียนเสริมให้ด้วย

หากไม่ประสงค์เรียนโรงเรียนของรัฐ ผู้ปกครองสามารถเลือกโรงเรียนเอกชนต่างๆ อาทิ โรงเรียนทางเลือก (Waldorf, Montessorri), โรงเรียนสองภาษา หรือโรงเรียนอินเตอร์ได้ ค่าใช้จ่ายอยู่ในหลักร้อยตอนปลายถึงพันกว่ายูโรต่อเดือนต่อคน ขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้ปกครองด้วย จำนวนนักเรียนในห้องมักน้อยกว่าโรงเรียนรัฐ (ไม่ถึง ๒๐ คนต่อห้อง)

ผู้ปกครองระดับ Ultra Rich อาจเลือกส่งลูกไปโรงเรียนประจำ (Internat) ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ ๓๐๐๐ ยูโรต่อเดือน (บวกลบแล้วแต่โรง)

อนึ่ง ข้อมูลจากสำนักงานสถิติของเยอรมนี (Statistics Bundesamt) เมื่อปี ๒๐๒๒ พบว่าเด็กนักเรียนส่วนใหญ่มากของประเทศ (๙๐.๘ เปอร์เซ็นต์) เรียนในโรงเรียนภาครัฐ มีนักเรียนเพียง ๙.๘ เปอร์เซ็นต์ที่เรียนในโรงเรียนเอกชน

ทั้งนี้ แนวโน้มของจำนวนโรงเรียนเอกชน และจำนวนเด็กนักเรียนที่สมัครเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชน เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
........

๔ โรงเรียนมัธยม เมื่อจบชั้น ป.๔ นักเรียนจะต้องไปศึกษาต่อ โรงเรียนระดับนี้แบ่งเป็น ๔ แบบ

๑) Hauptschule เรียนชั้น ๕ ไปถึงชั้น ๙ หรือ ๑๐ แล้วออกไปทำงานได้เลย แต่จะหางานยากมาก เพราะงานส่วนใหญ่ต้องการวุฒิมากกว่านี้

เด็กส่วนใหญ่ที่จบด้วยวุฒินี้ หากยังไม่ได้เรียนชั้น ๑๐ จะเรียนต่อจนจบชั้น ๑๐ แล้วนำวุฒิไปเรียนต่อใน Berufsausbildung

๒) Realschule เรียนชั้น ๕ ถึง ๑๐ หลังจากนั้นจะสามารถเลือกทำ Ausbildung คือ เรียนไปด้วย ฝึกงานไปด้วย (และได้เงินไปด้วย) หากมาสายนี้ เรียนจบแล้วมักจะได้งานเลยที่ที่บริษัทที่ฝึกงาน (การเรียนแบบนี้ เป็นต้นแบบของอาชีวะศึกษาและพาณิชยศาสตร์ที่เมืองไทยด้วย)

๓) Gymnasium เทียบได้กับสายสามัญของไทย เรียนไปจนถึงชั้น ๑๓ (มากกว่าบ้านเรา ๑ ปี) สอบผ่านก็จะเรียกว่าจบ Abitur และไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้

๔) Gesamtschule เป็นโรงเรียนที่มีโรงเรียนทุกแบบรวมกันอยู่ในนั้น บางโรงเรียนนักเรียนทั้งสามแบบเรียนรวมกัน และบางโรงเรียนนักเรียนแต่ละประเภทเรียนแยกห้องกัน แต่ใช้พื้นที่ส่วนกลางด้วยกัน
..........

การที่เด็กจะเรียนต่อในแบบไหนนั้น แต่ละรัฐของเยอรมนีมีนโยบายไม่เหมือนกัน บางรัฐครูเป็นผู้ประเมินและมีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด บางรัฐครูเป็นผู้ประเมินและแนะนำ แต่คนตัดสินใจคนสุดท้ายคือพ่อแม่

ในอดีตการเรียนทั้งสายอาชีพและสายสามัญ/วิชาการได้รับความนิยมใกล้เคียงกัน เด็กที่ไม่ชอบเรียนวิชาการ จะเลือกเรียนสายวิชาชีพ เรียนและทำงานไปพร้อมกัน หาเงินได้เร็วกว่า

แต่ทุกวันนี้ พ่อแม่โดยมากอยากให้ลูกไปเรียนที่ Gymnasium เพราะว่าเป็นเส้นทางที่จะได้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย มักจะได้เงินเดือนเยอะกว่า

อีกทั้งเมื่อทำงานไปแล้วพบว่า ในตำแหน่ง/สายงานเดียวกัน คนที่จบปริญญามักมีโอกาสได้เลื่อนขั้น ได้เพิ่มเงินเดือนสูงและเร็วกว่าคนที่จบเพียง Ausbildung

แม้คะแนนของเด็กหลายคนจะไม่ถึง หรือไม่เหมาะกับเรียนสายนี้ ในรัฐที่พ่อแม่เป็นผู้ตัดสินใจ พ่อแม่หลายคนก็สมัคร Gymnasium ให้ลูก หลายคนได้ที่เรียนจริงแต่เรียนไม่ไหว เมื่อจบชั้น ๖ ก็ต้องย้ายออก (บางคนไปได้ถึงชั้น ๘, ๙ ก็ต้องออกเช่นกัน) ไม่ใช่เด็กทุกคนที่เข้าไปเรียนจะสามารถเรียนจนจบได้

ในทางกลับกัน หากเด็กคนไหนผลการเรียนดีก็สามารถขยับได้ เช่น เรียน Realschule อยู่ แต่คะแนนดีมาก ก็สามารถสมัครข้ามไปเรียน Gymnasium ต่อได้
........

การศึกษาในระดับมัธยมนี้ นักเรียนสามารถเลือกโรงเรียนได้เอง รัฐไม่บังคับแล้ว

หากอยู่เมืองเล็ก เรื่องนี้จะไม่ยุ่งยากนัก เพราะไม่มีตัวเลือกมาก โรงเรียน Gymnasium อยู่ตรงไหนก็ไปตรงนั้น หากอยู่ในเมืองที่เล็กมากๆ อาจต้องเดินทางข้ามเมืองไปเรียน

แต่เมืองใหญ่ มีโรงเรียนมัธยมเป็นจำนวนมาก เด็กและผู้ปกครองต้องเลือก

ในระดับมัธยม โรงเรียนของรัฐในเยอรมนีแตกต่างกันที่จุดแข็งของโรงเรียน บางโรงเน้นวิทยาศาสตร์ บางโรงเน้นไปทางดนตรี ศิลปะ บางโรงมีจุดเด่นด้านภาษา ฯลฯ ดังนั้น ถนัด/อยากมุ่งไปทางไหน ก็ไปสมัครที่นั่น

อนึ่ง การศึกษาแค่จากหน้ากระดาษและเว็บไซต์อาจยังไม่พอ หากจะให้มั่นใจ ควรไปดูของจริง

โดยทุกโรงจะจัดให้มีวัน Tag der offenen Tür หรือ Open-House Day เปิดให้เด็กๆ และผู้ปกครองได้สัมผัสบรรยากาศของโรงเรียน ชั้นเรียน ผู้ปกครองของนักเรียนปัจจุบัน และกิจกรรมสารพัดอย่างที่มี

รวมทั้งได้ลองเดินทางไปโรงเรียนจริงๆ ได้รู้ว่าจะไปอย่างไร? จะลำบากมากในทุกเช้าหรือเปล่า? เพื่อประกอบการตัดสินใจ

ทั้งนี้ นักเรียนไม่สามารถสมัครได้ทุกโรงที่ต้องการ บางรัฐเรามีสิทธิเลือกได้ ๒ อันดับ บางรัฐ ๓ อันดับ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ที่ในโรงเรียนที่ปรารถนา

แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่เรียน อย่างไรเสียทางรัฐก็จะจัดหาที่เรียนให้ เพียงแต่ไม่ใช่โรงเรียนที่ต้องการและอาจจะอยู่ไกลบ้านหน่อย

ส่วนวิธีการคัดเลือกนั้น โรงเรียนเป็นผู้ตัดสินใจ บางรัฐพิจารณาจากผลการเรียน บางรัฐใช้วิธีจับฉลาก

การเรียนในระดับมัธยมจะเน้นที่คะแนนสอบมากขึ้น ความสำคัญของการตอบปากเปล่าจะน้อยลงเรื่อยๆ

เมื่อขึ้นชั้น ๗ จะเริ่มมีการเลือกวิชาภาษาต่างประเทศที่ ๒ (ภาษาแรกคือ อังกฤษ เริ่มเรียนมาตั้งแต่ระดับประถมแล้ว) บางรัฐอาจเริ่มแล้วตั้งแต่ชั้น ๖

แต่ละโรงมีภาษาให้เลือกแตกต่างกัน อาทิ ฝรั่งเศส สเปน ลาติน บางโรงที่มีความพร้อมอาจมีภาษาแม่ (ตามเชื้อชาติ) ของเด็กให้เลือกเรียนได้ด้วย
...........

๕ มหาวิทยาลัย หลังจากจบ Abitur แล้ว นักเรียนอาจเลือกหยุดเรียน ๑ ปีเพื่อไปแลกเปลี่ยน หรือหาประสบการณ์ก่อนตัดสินใจสมัครเข้ามหาวิทยาลัย หรือสมัครเรียนต่อได้ทันที

ที่เยอรมนีไม่มีการสอบเอนทรานซ์ นักเรียนจะยื่นใบสมัครและคะแนนไปยังคณะที่ต้องการ แต่ละคณะมีกำหนดของตัวเองว่า วิชาอะไรต้องได้เกรดไหนบ้าง

สมัยก่อน การศึกษาในเยอรมนีไม่มีปริญญาตรี แต่จะเรียน ๕ ปี จบแล้วได้ Diplom ซึ่งเทียบเท่าปริญญาโท

แต่หลังจากประกาศใช้ Bologna Process เมื่อปี ๑๙๙๙ มีการปรับโครงสร้างการเรียนระดับอุดมศึกษาให้มีปริญญาตรี โท และเอก, มีระบบหน่วยกิตของยุโรป, ประกันคุณภาพการศึกษา หลายมหาวิทยาลัยมีโปรแกรมภาษาอังกฤษในระดับปริญญาโทมากขึ้น

เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการเรียนที่ไม่สูงนัก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ทำให้การศึกษาต่อที่เยอรมนีในระดับอุดมศึกษา ในเยอรมนีได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น
...........

ส่วนท่านที่สนใจจะย้ายกลับไปที่ประเทศไทย พร้อมลูกน้อยที่ยังเรียนอยู่ในระดับประถมและมัธยมศึกษา หรือท่านที่อยู่เมืองไทย และสนใจให้ลูกเรียนในระบบการศึกษาแบบเยอรมัน

ที่ประเทศไทย โรงเรียนที่มีหลักสูตรเยอรมันที่ได้รับการรับรอง (จบ Abitur จากโรงเรียนเหล่านี้แล้วไปต่อระดับอุดมศึกษาที่เยอรมนีได้เลย) คือ

๑) RIS Swiss Section: หลักสูตรภาษาเยอรมัน (สวิตเซอร์แลนด์) เมื่อเรียนจบ จะได้ Bilingual Matura มาตรฐาน Luzern สามารถเข้าเรียนต่อได้ทุกมหาวิทยาลัยในสวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้ง ETHZ - มหาวิทยาลัยรัฐบาลด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตั้งอยู่ในเมืองซูริก

๒) Christian German School Chiang Mai (CDSC): หลักสูตรภาษาเยอรมัน (เยอรมนี) แบบรัฐ Thüringen (เรียน ๔+๘ ปีเป็น ๑๒ ปี เหมือนที่ไทย, สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ) จบแล้วจะได้ DIA Deutsches Internationales Abitur
...........

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลที่เขียนมาข้างต้นจะเป็นประโยชน์ เสริมสร้างความเข้าใจ และช่วยประกอบการตัดสินใจของหลายๆ ท่านได้ค่ะ หากส่วนใดตกหล่น/ผิดพลาด แจ้งได้เลยนะคะ จะรีบแก้ไขให้ถูกต้องค่ะ

#ระบบการศึกษา #เยอรมนี #โรงเรียน #อนุบาล #ประถม #มัธยม #มหาวิทยาลัย

24/09/2025

ถ้าคุณต้องไป เตือนเพื่อนบ้านที่ทำเสียงดัง แนะนำให้ใช้ภาษาที่ สุภาพ แต่ชัดเจน จะดีที่สุด เพื่อไม่ให้กลายเป็นการทะเลาะกัน

Entschuldigung, könnten Sie bitte etwas leiser sein?
= ขอโทษนะครับ/คะ ช่วยเบาเสียงหน่อยได้ไหมครับ/คะ

Es ist schon spät, könnten Sie bitte die Lautstärke reduzieren?
= ตอนนี้ดึกแล้ว ช่วยลดเสียงลงหน่อยได้ไหมครับ/คะ

Wir hören die Musik sehr laut. Wäre es möglich, etwas leiser zu machen?
= เราได้ยินเสียงเพลงดังมากเลย จะเป็นไปได้ไหมที่จะช่วยทำให้เบาลงหน่อยครับ/คะ

Ich möchte Sie bitten, die Lautstärke etwas zu reduzieren. Danke für Ihr Verständnis.
= ผม/ดิฉันอยากขอให้คุณช่วยลดเสียงลงหน่อย ขอบคุณที่เข้าใจครับ/คะ

เคล็ดลับเวลาไปเตือนเพื่อนบ้าน

ขึ้นต้นด้วย Entschuldigung (ขอโทษนะครับ/คะ) จะทำให้น้ำเสียงดูสุภาพ

พูดแบบ ขอความร่วมมือ ไม่ใช่ออกคำสั่ง

ถ้าเขาให้ความร่วมมือ ควรปิดท้ายด้วย “Vielen Dank!” (ขอบคุณมากครับ/ค่ะ)

24/09/2025

แอดเจอ2-3 ครั้ง มุก ขอถามแปปเดียว แซงคิวได้ป่ะ!
แบบขออนุญาตแซง ถ้าจำเป็นจริงๆ บางทีเขากล้าขอก็กล้าให้ แต่บางทีแปปเดียวคือ5นาที
ไอ้เราก็รีบเป็นเหมือนกัน
...ถ้าเจอคนหน้ามึน มนุษย์ป้าเอาคำนี้ไปใช้ค่ะ

✅️sich anstellen = ต่อแถว, เข้าคิว

***กริยาสะท้อนนะคะ***
กรุณาเอาตัวเองไปต่อคิว

✅️Schlange stehen = ยืนต่อคิว

Sie mussen sich anstellen.
= คุณต้องไปต่อคิวค่ะ

Wir stehen Schlange vor der Kasse.
= พวกเรากำลังต่อแถวอยู่หน้าช่องจ่ายเงิน

Bitte hinten anstellen!
= กรุณาไปต่อคิวด้านหลัง!

Hey, bitte stell dich hinten an.
= เฮ้ ไปต่อแถวข้างหลังสิ

🍁🍁🍁
ถ้าเจอสถานการณ์ที่ มีคนแซงคิว แล้วคุณอยากบอกให้เขา ไปต่อแถว สามารถพูดได้แบบสุภาพและชัดเจนตามนี้นะคะ

Entschuldigung, bitte stellen Sie sich hinten an.
แปล: ขอโทษนะครับ/คะ กรุณาไปต่อแถวด้านหลังค่ะ

Es gibt eine Warteschlange. Bitte hinten anstellen.
แปล: มีคนต่อแถวอยู่นะคะ กรุณาไปต่อแถวข้างหลังด้วยค่ะ

Alle warten hier. Könnten Sie sich bitte hinten anstellen?
แปล: ทุกคนกำลังรออยู่ตรงนี้ คุณช่วยไปต่อแถวข้างหลังได้ไหมคะ

กระแสมัชฉะกรีนทีดังไกลถึงเยอรมันแอดชอบสั่งเลยซื้ออุปกรณ์มาทำเอง รสชาดดีเหมือนใบไม้จากธรรมขาติเลยค่ะ😝 รู้สึกออเกนิค🌱ยอดอ่...
02/09/2025

กระแสมัชฉะกรีนทีดังไกลถึงเยอรมันแอดชอบสั่งเลยซื้ออุปกรณ์มาทำเอง

รสชาดดีเหมือนใบไม้จากธรรมขาติเลยค่ะ😝 รู้สึกออเกนิค

🌱ยอดอ่อนของใบชาแน่ๆ🐛

02/09/2025

ถ้าเคยเจอ Red Flag จะรู้ว่า Green Flag คือดีงามไม่เปลืองพลังงานไม่ต้องแปลงร่างเป็นนักสืบโคนัน ไม่ต้องตามหาความจริงที่มีเพียง1เดียว

อยากจะร้องไห้ไปกับเธอ😢🥹
27/07/2025

อยากจะร้องไห้ไปกับเธอ😢🥹

นี่ไม่ใช่แค่การสัมภาษณ์ แต่นี่คือบทสนทนาที่ลึกซึ้งที่สุดครั้งหนึ่งของ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล (BLACKPINK) ที่ได้มาเป....

22/06/2025

Sie können sich (bei) mir melden.🌸
คุณสามารถติดต่อฉันได้

-sich bei jemandem melden
= ติดต่อใครบางคน / แจ้งข่าวให้ทราบ / ทักทาย

กิริยาสะท้อน
ใช้กับ Preposition bei + Dativ
..

💠 วลีสุภาพ (ใช้กับลูกค้า คนไม่สนิท งานเอกสาร)
วลีเยอรมัน ความหมาย
Bitte zögern Sie nicht, mich zu kontaktieren. โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อฉัน
Gerne können Sie sich bei mir melden. ยินดีให้คุณติดต่อกลับ
Ich freue mich auf Ihre Rückmeldung. รอการติดต่อกลับจากคุณ
Kontaktieren Sie mich jederzeit gern. ติดต่อฉันได้ทุกเมื่อเลยนะคะ

🔸 วลีกึ่งทางการ / ใช้ได้ทั่วไป
วลีเยอรมัน ความหมาย
Melden Sie sich einfach, wenn Sie Fragen haben. ติดต่อมาได้เลยหากมีคำถาม
Lassen Sie mich wissen, wenn Sie soweit sind. บอกฉันได้เลยเมื่อคุณพร้อม
Sagen Sie einfach Bescheid. แจ้งมาได้เลยนะคะ

🔹 วลีกันเอง (ใช้กับเพื่อน คนรู้จัก)
วลีเยอรมัน ความหมาย
Meld dich bei mir. ทักมานะ / ติดต่อมาได้เลย
Schreib mir einfach. ส่งข้อความมาเลยนะ
Sag einfach Bescheid. บอกกันได้เลยนะ
Gib mir kurz Bescheid. แจ้งให้ทราบสั้น ๆ ก็พอ
Ruf mich an, wenn du Zeit hast. โทรมาหาได้นะถ้าว่าง

กริยาแบบสะท้อน (Reflexive Verben) #เข้าใจกริยาสะท้อนใน3นาที1. กริยาแบบสะท้อน (Reflexive Verben) คืออะไร?คือ กริยาที่ ประ...
09/06/2025

กริยาแบบสะท้อน (Reflexive Verben)

#เข้าใจกริยาสะท้อนใน3นาที

1. กริยาแบบสะท้อน (Reflexive Verben) คืออะไร?
คือ กริยาที่ ประธาน (ผู้กระทำ)
กับ กรรม (ผู้รับการกระทำ) เป็น คนเดียวกัน

เช่น "ฉันล้างหน้าให้ตัวเอง", "เธอหวีผมของตัวเอง"

Ich wasche mich. = ฉันล้างตัวเอง

Du kämmst dich. = เธอหวีผมตัวเอง

✅ 2. รูปแบบสะท้อนใช้กับ "sich" (ผันตามประธาน):
ประธาน รูปของ "sich" (Akk.)
ich mich
du dich
er/sie/es sich
wir uns
ihr euch
sie/Sie sich

✅ 3. ใช้ Akkusativ หรือ Dativ ต่างกันอย่างไร?
🔹 ส่วนใหญ่ใช้ Akkusativ (กรรมตรง)
เพราะเป็นการกระทำต่อตัวเองโดยตรง

ตัวอย่าง:

Ich dusche mich. = ฉันอาบน้ำเอง

Sie zieht sich an. = เธอแต่งตัวเอง

Wir freuen uns. = พวกเราดีใจ

🔸 บางกริยาใช้ Dativ
(เมื่อมีกรรมอีกตัวเป็น Akkusativ)

ถ้ามี กรรมอื่นอีกตัว (Akkusativ) = รูปสะท้อนจะเป็น Dativ

ตัวอย่าง:

Ich wasche mir die Hände.
= ฉันล้าง มือของตัวเอง (มือ = กรรมตรง → ใช้ mir เป็นกรรมรอง)

Du kämmst dir die Haare.
= เธอหวีผมให้ตัวเอง

Er putzt sich die Zähne.
= เขาแปรงฟันของตัวเอง

09/06/2025

– Wie geht’s dir?
– Es geht mir gut, und selbst?

ประโยคนี้เป็นประโยคที่คนเยอรมันใช้ทักทายกันบ่อยมากแบบเป็นกันเอง เหมือนกับภาษาไทยที่เราถามว่า "สบายดีไหม?" แล้วตอบว่า "สบายดี แล้วคุณล่ะ?"

“und selbst?” แปลว่า “แล้วคุณล่ะ?” ใช้ถามกลับเวลาตอบคำถามว่า “สบายดี” หรือ “เป็นยังไงบ้าง”

ซึ่ง “selbst” ในที่นี้แปลว่า “ตัวเอง” หรือ “คุณเอง” นั่นเอง แต่จะใช้แบบนี้ในบทสนทนาไม่เป็นทางการเท่านั้น

ถ้าอยากสุภาพ ต้องใช้ “und Ihnen?” ใช่ครับ/ค่ะ!

ถ้าอยากพูดให้เป็นธรรมชาติ ลองใช้:

Wie geht’s dir?
“สบายดีไหม
Es geht mir gut, und dir?
“สบายดี แล้วคุณล่ะ?”

หรือถ้าในสถานการณ์ที่ทางการหน่อยก็:

Wie geht es Ihnen?
(สุภาพ)
Es geht mir gut, danke. Und Ihnen?

09/06/2025

#สอบถามก่อนนวด ระหว่างนวด และหลังนวด
พร้อมคำแปลง่าย ๆ
---

# # #ก่อนนวด (สอบถามแบบเป็นกันเอง)

* **Hallo! Wie fühlst du dich heute?**
สวัสดี! วันนี้รู้สึกยังไงบ้าง?

* **Gibt es bestimmte Stellen, die ich besonders behandeln soll?**
มีจุดไหนที่อยากให้เน้นนวดเป็นพิเศษไหม?

* **Ist der Druck so angenehm für dich?**
แรงกดแบบนี้โอเคไหม?

* **Hast du Allergien oder gesundheitliche Probleme, die ich wissen sollte?**
มีภูมิแพ้หรือปัญหาสุขภาพอะไรที่ฉันควรรู้ไหม?

---

# # #ระหว่างนวด (พูดแบบเบา ๆ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสบาย)

* **Sag bitte Bescheid, wenn es zu stark oder zu schwach ist.**
บอกฉันได้เลยนะถ้าแรงเกินไปหรือน้อยไป

* **Atme tief ein und aus, das hilft dir zu entspannen.**
หายใจเข้าลึก ๆ แล้วออกช้า ๆ จะช่วยให้ผ่อนคลายนะ

* **Wie fühlt sich das an?**
รู้สึกยังไงบ้าง?

* **Möchtest du, dass ich an einer anderen Stelle weitermache?**
อยากให้ฉันนวดจุดอื่นต่อไหม?

---

# # #หลังนวด (พูดให้ลูกค้ารู้สึกดีและดูแลหลังนวด)

* **Wie fühlst du dich jetzt?**
ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง?

* **Trink bitte viel Wasser, das hilft beim Entgiften.**
กรุณาดื่มน้ำเยอะ ๆ นะ จะช่วยล้างสารพิษ

* **Wenn du noch Schmerzen hast, kannst du dich gerne melden.**
ถ้ายังเจ็บหรือไม่สบาย สามารถบอกฉันได้เสมอ

* **Ich freue mich, dich bald wiederzusehen!**
ฉันดีใจที่ได้ดูแลคุณ และหวังว่าจะเจอกันอีกเร็ว ๆ นี้!

09/06/2025

#ประโยคทักทายลูกค้าและทำนัดหมายในร้านนวด พร้อมคำแปลง่าย ๆ:

---

# # #ทักทายลูกค้า

* **Guten Tag! Herzlich willkommen in unserem Massage-Studio.**
สวัสดีครับ/ค่ะ ยินดีต้อนรับสู่ร้านนวดของเรา

* **Wie kann ich Ihnen heute helfen?**
วันนี้ให้ช่วยอะไรดีครับ/ค่ะ?

* **Haben Sie einen Termin oder möchten Sie spontan eine Massage buchen?**
คุณได้นัดหมายไว้หรืออยากจองนวดแบบทันทีเลยครับ/ค่ะ?

* **Bitte nehmen Sie Platz, ich komme gleich zu Ihnen.**
เชิญนั่งก่อนนะครับ/ค่ะ เดี๋ยวฉันจะมาในไม่ช้านี้

---

# # #ทำนัดหมาย

* **Möchten Sie einen Termin für eine Massage vereinbaren?**
ต้องการนัดหมายสำหรับนวดไหมครับ/ค่ะ?

* **Wann passt es Ihnen am besten?**
คุณสะดวกวันเวลาไหนครับ/ค่ะ?

* **Wir haben Termine am Montag um 11 Uhr oder am Mittwoch um 15 Uhr.**
เรามีนัดวันที่จันทร์ตอน 11 โมง หรือวันพุธตอนบ่าย 3 โมงครับ/ค่ะ

* **Ich trage den Termin gerne für Sie ein.**
ฉันจะลงบันทึกนัดหมายให้คุณนะครับ/ค่ะ

* **Bitte geben Sie mir Ihren Namen und Ihre Telefonnummer.**
กรุณาบอกชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของคุณด้วยครับ/ค่ะ

* **Vielen Dank! Wir freuen uns auf Ihren Besuch.**
ขอบคุณมากครับ/ค่ะ เรารอคุณมาที่ร้านนะคัฟ

# # #ขอโทษลูกค้าเวลาคิวเต็ม:

„Es tut mir leid, im Moment habe ich keine freien Termine. Danke für Ihr Verständnis!“

“ขอโทษค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาว่าง ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ”

ต่อไปนี้คือ 🌻 **TIPP!**1.ให้ **จำ Preposition ที่ใช้คู่กับ Verb** เป็นกลุ่มไว้ในหัวตอนสอบหรือใช้งานจริง เราจะนึกออกว่า v...
09/06/2025

ต่อไปนี้คือ 🌻 **TIPP!**

1.ให้ **จำ Preposition ที่ใช้คู่กับ Verb** เป็นกลุ่มไว้ในหัว

ตอนสอบหรือใช้งานจริง เราจะนึกออกว่า verb ตัวไหนใช้กับ preposition อะไรบ่อยๆ

เช่น:

* **warten auf** + Akk
* **denken an** + Akk
* **sprechen mit** + Dativ

* **sich freuen über** + Akk
(ดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว)
* **sich freuen auf** + Akk
(ตั้งตารอกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น)

2.จำ Preposition ว่ากลุ่มไหนตามด้วย Dativ หรือ Akk

✅️คำสรรพนาม (Pronomen):
บุรุษ -Akkusativ vs Dativ

ich - mich /mir
du -dich / dir
er -ihn / ihm
sie -(เธอ) sie / ihr
es -es / ihm
wir -uns / uns
ihr -euch /euch
sie (พวกเขา) -sie / ihnen
Sie (คุณ/สุภาพ) -Sie / Ihnen

Adresse

Bonn
53117

Webseite

Benachrichtigungen

Lassen Sie sich von uns eine E-Mail senden und seien Sie der erste der Neuigkeiten und Aktionen von German at home เรียนรู้เยอรมันที่บ้าน erfährt. Ihre E-Mail-Adresse wird nicht für andere Zwecke verwendet und Sie können sich jederzeit abmelden.

Teilen

Kategorie