https://www.facebook.com/124028257456214/

Koong Ka in the UK, 87/9 ม. 5, Nottingham (2025)

02/09/2025

ความเป็นจริง…ที่แม่ต้องยอมรับ😂😂😂
ตอนท้องพักผ่อนเยอะๆนะคะ
หลังคลอด..บอกเลยแม่แทบจะไม่ได้พัก😂😂😂😂

ร่วมสนับสนุนสั่งซื้อสินค้าด้านล่างค่ะ

02/09/2025

สิ่งที่แม่ต้องทน 😂😂😂
และต้องทนต่อไป 🤣🤣🤣🤣 เพราะรัก ❤️

ร่วมสนับสนุนสั่งซื้อสินค้าลิ้งค์ในคอมเม้นต์ด้านล่างค่ะ

01/09/2025

🔸ในโลกที่ความจำเป็นบีบคั้นให้พ่อแม่
ต้องจากบ้านเกิดไปทำงานไกล
เพื่อแลกกับอนาคตที่ดีกว่าของครอบครัว

🔸พวกเขาจำต้องทิ้งสิ่งมีค่าที่สุดไว้เบื้องหลัง —
คือดวงใจดวงน้อยของตนเอง
เด็กน้อยเติบโตใต้เงาร่มของตายาย

🔸ที่คอยโอบอุ้มด้วยความรักและ
ความอบอุ่นแทนมือของพ่อแม่ที่ห่างไกล
ทุกคืนที่ลมพัดผ่าน ตายายกอดหลานแน่น

🔸ในขณะที่พ่อแม่เฝ้าฝันถึงเสียงหัวเราะของลูก
จากอีกฟากหนึ่งของแผ่นดิน
แม้ร่างกายจะห่าง แต่หัวใจ

🔸ไม่เคยหายไปจากกันเลย
ความคิดถึงกลายเป็นแรงผลักดัน
ให้พ่อแม่สู้ทนต่อทุกความเหน็ดเหนื่อย

🔸เพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งครอบครัว
จะได้กลับมากอดกันอีกครั้ง
ภายใต้หลังคาเดียวกัน

พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วย
🔸ความรักและความเข้าใจ❤️

ร่วมสนับสนุนสั่งสินค้าลิงค์ในคอมเม้นต์ด้านล่างนะคะ

01/09/2025

✌🏻💰💸💸💸💸

01/09/2025

⚠️พ่อแม่ใช้เงินซื้อสังคมให้ลูกโดยการส่งลูกไปเรียนโรงเรียนเอกชนแต่เค้าไม่ได้หมายความว่าสังคมที่ลูกอยู่นั้นจะเป็นสังคมที่ลูกต้องการ

• พ่อแม่บางคน เลือกส่งลูกไปโรงเรียนเอกชน เพราะเชื่อว่าจะทำให้ลูกได้อยู่ใน “สังคมที่ดี” หรือ มีเพื่อนที่มีฐานะ ความคิด และโอกาสที่ดีกว่า
• การทำแบบนี้มักถูกเรียกว่า “ซื้อสังคมให้ลูก” เพราะโรงเรียนเอกชนมีค่าใช้จ่ายสูง และพ่อแม่คิดว่าการจ่ายเงินมากขึ้นจะทำให้ลูกได้อยู่ในแวดวงที่ “ดีกว่า”
• แต่ข้อความนี้ต้องการสื่อว่า ถึงแม้พ่อแม่จะใช้เงินซื้อโอกาสทางสังคมให้ลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสังคมนั้นจะตรงกับสิ่งที่ลูกต้องการหรือเหมาะสมกับตัวลูกจริง ๆ

⸻

เหตุผลที่สังคมที่พ่อแม่เลือก อาจไม่ใช่สังคมที่ลูกต้องการ
1. ความแตกต่างด้านบุคลิกและความชอบ
• พ่อแม่อาจมองว่าโรงเรียนเอกชนมีเพื่อนที่ “มีคุณภาพ” แต่ลูกอาจรู้สึกไม่เข้ากับเพื่อนกลุ่มนั้น
• ตัวอย่างเช่น ลูกเป็นคนเรียบง่าย ไม่ชอบแข่งขันหรูหรา แต่เพื่อน ๆ ในโรงเรียนเอกชนอาจเน้นแบรนด์เนม การใช้ชีวิตหรูหรา ลูกจึงรู้สึกแปลกแยก
2. ค่านิยมและวิถีชีวิตไม่ตรงกัน
• พ่อแม่อยากให้ลูกคบเพื่อนที่ “บ้านมีฐานะดี” แต่ลูกอาจให้ความสำคัญกับความจริงใจและความเรียบง่ายมากกว่า
• ดังนั้น แม้พ่อแม่จะ “ซื้อสังคม” ให้ แต่ลูกก็ไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้น
3. ความกดดันทางจิตใจ
• เมื่อถูกวางไว้ในสังคมที่พ่อแม่เลือก ลูกอาจรู้สึกว่าต้อง “ปรับตัว” ให้เหมือนคนอื่น
• บางครั้งสิ่งนี้ก่อให้เกิดความเครียด ความโดดเดี่ยว หรือแม้แต่ความรู้สึกว่าตนเอง “ไม่เป็นตัวเอง”

⸻

สรุปง่าย ๆ

“พ่อแม่อาจใช้เงินเลือกโรงเรียนเอกชนเพื่อให้ลูกได้อยู่ในสังคมที่พวกเขาเห็นว่าดี แต่สังคมนั้นอาจไม่ใช่สังคมที่ลูกต้องการหรือเหมาะกับตัวลูก”

01/09/2025

เหนื่อยแค่ไหน…
แม่ก็จะต้องทำหน้าที่แม่เสมอ ❤️

01/09/2025

เปลี่ยนแพมเพิดที
ดิ้นยิ่งกว่าลิง 🐒
ร้องไห้บ้านจะแตก🤣🤣

30/08/2025

เมื่อลูกเงียบ
เป็นสิ่งที่น่าสงสัยที่สุด
😂😂😂😂

ร่วมสนับสนุนสั่งซื้อสินค้าลิ้งค์ในคอมเม้นด้านล่างค่ะ

30/08/2025

❌5เหตุผลทำไมเราไม่ควรดุลูกต่อหน้าคนอื่น❌

การดุลูกต่อหน้าคนอื่น มักไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม เพราะอาจส่งผลกระทบต่อ จิตใจ, ความสัมพันธ์ในครอบครัว, และ พัฒนาการทางอารมณ์ ของเด็กในระยะยาว เหตุผลหลัก ๆ มีดังนี้:

⸻

1. กระทบความมั่นใจและคุณค่าในตนเองของเด็ก
• เด็กจะรู้สึก อับอาย และ เสียหน้า เมื่อต้องถูกตำหนิในที่สาธารณะ
• การถูกดุซ้ำ ๆ ต่อหน้าคนอื่นอาจทำให้เด็กคิดว่า
“เราไม่เก่งพอ” หรือ “เราเป็นคนไม่ดี”
จนเกิดปัญหาความมั่นใจและความนับถือตัวเองต่ำ

⸻

2. ทำให้เด็กรู้สึกต่อต้านและไม่อยากฟัง
• เมื่อถูกดุต่อหน้าคนอื่น เด็กมักจะ ปกป้องศักดิ์ศรี ด้วยการเถียงหรือเงียบใส่
• เด็กจะสนใจ “รักษาหน้า” มากกว่ารับฟังเหตุผล ทำให้การสอนขาดประสิทธิภาพ

⸻

3. บั่นทอนความไว้วางใจระหว่างพ่อแม่กับลูก
• ถ้าเด็กกลัวว่าจะถูกตำหนิในที่สาธารณะ เขาอาจ ไม่อยากเล่าเรื่องผิดพลาด ให้พ่อแม่ฟังอีก
• เด็กจะรู้สึกว่า พ่อแม่ไม่ปกป้อง แต่กลับเป็นคนทำให้เสียหน้า

⸻

4. ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว
• การดุลูกเสียงดังต่อหน้าคนอื่นอาจทำให้คนรอบข้างมองครอบครัวในแง่ลบ
• เด็กอาจถูกเพื่อนล้อหรือแซว ซึ่งกระทบจิตใจและความสัมพันธ์ทางสังคม

⸻

5. พลาดโอกาสในการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
• การสอนควรทำใน บรรยากาศที่เด็กปลอดภัย เพื่อให้เขาพร้อมเปิดใจรับฟัง
• ดุหรือสอนเป็นการส่วนตัว ทำให้เด็กเข้าใจเหตุผลมากกว่ารู้สึกถูกลงโทษ

⸻

แนวทางที่เหมาะสมแทนการดุต่อหน้าคนอื่น
• ควบคุมอารมณ์ตัวเอง ก่อนพูดกับลูก
• แยกออกมาคุยส่วนตัว ในพื้นที่ที่ปลอดภัย
• ใช้วิธีอธิบายเหตุผล มากกว่าการตำหนิ
• หลังจากเหตุการณ์สงบ ควร พูดคุยอย่างเข้าใจ เพื่อช่วยให้เด็กเรียนรู้และปรับปรุงตัว

💰ร่วมสนับสนุนสั่งซื้อสินค้าลิ้งค์ในคอมเม้นต์ด้านล่างค่ะ

30/08/2025

💻เทคโนโลยีกับเด็ก: เมื่อของเล่นเสริมพัฒนาการเริ่มไร้ความหมาย และสังคมในอนาคตกำลังเปลี่ยนแปลง

💡ยาวหน่อยแต่มีประโยชน์ค่ะ💡

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกช่วงวัย เด็กเล็กจำนวนมากเติบโตมาท่ามกลางสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และสื่อดิจิทัลที่เต็มไปด้วยสีสันและการเคลื่อนไหวที่ดึงดูดสายตา ทำให้ของเล่นเสริมสร้างพัฒนาการที่เคยเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นทักษะด้านร่างกาย ภาษา และสังคม กลายเป็นสิ่งที่ถูกมองข้าม เด็กในปัจจุบันมักเลือกหน้าจอมากกว่าของเล่นจริง ซึ่งส่งผลให้ขาดการฝึก การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ ลดการเรียนรู้จากการสัมผัส การทดลอง และการโต้ตอบกับสิ่งรอบตัว อันเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาทั้ง IQ และ EQ

ในระยะยาว พฤติกรรมนี้อาจสร้างคนรุ่นใหม่ที่มี สมาธิสั้น ขาดทักษะการแก้ปัญหาเชิงลึก และมีแนวโน้ม ขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เพราะโตมากับการสื่อสารผ่านหน้าจอมากกว่าการสื่อสารตัวต่อตัว หากปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในวงกว้าง จะส่งผลต่อโครงสร้างสังคมในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราอาจเผชิญสังคมที่เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ซึ่งพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างหนัก ขาดทักษะการคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม และความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น (Empathy) ซึ่งเป็นทักษะที่โลกอนาคตให้ความสำคัญมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ วิธีการใช้เทคโนโลยี ของผู้ปกครองและสังคม หากเราสามารถสร้างสมดุลระหว่างการใช้สื่อดิจิทัลกับการเล่นของจริง เปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ ประสาทสัมผัสครบทุกด้าน ฝึกสำรวจ ทดลอง และเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เทคโนโลยีก็จะไม่ใช่ภัย แต่จะกลายเป็นเครื่องมือเสริมพัฒนาการที่ทรงพลัง และช่วยเตรียมเด็กให้พร้อมรับมือกับโลกอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เทคโนโลยีกับเด็ก: ผลกระทบและทางออก

1. ผลกระทบต่อพัฒนาการเด็ก
• 📌 ลดการพัฒนาทักษะทางร่างกาย
เด็กใช้หน้าจอมากเกินไป ทำให้ขาดโอกาสหยิบจับ สำรวจ และเคลื่อนไหว → ส่งผลให้กล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่พัฒนาไม่เต็มที่
• 📌 พัฒนาการทางภาษาและสังคมล่าช้า
เด็กที่เล่นกับหน้าจอมากกว่าคนจริง ๆ มักพูดช้ากว่า และไม่ชินกับการสื่อสารแบบเผชิญหน้า
• 📌 เสี่ยงต่อปัญหาสมาธิสั้น
หน้าจอมีสิ่งเร้าที่เปลี่ยนเร็ว ทำให้เด็กเคยชินกับการรับข้อมูลแบบสั้น ๆ → ส่งผลให้ตั้งสมาธิกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ไม่นาน
• 📌 ลดความคิดสร้างสรรค์
เด็กไม่ได้ใช้จินตนาการเล่นกับของเล่นจริง จึงขาดการฝึกคิดแก้ปัญหาและสร้างสิ่งใหม่ ๆ

⸻

2. ผลกระทบต่อสังคมในอนาคต
• 🌐 คนรุ่นใหม่พึ่งพาเทคโนโลยีสูง
เด็กที่โตมากับหน้าจอมีแนวโน้มขาดทักษะการใช้ชีวิตจริง และขาดความสามารถในการปรับตัวเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ที่ซับซ้อน
• 🌐 ขาดทักษะการสื่อสารและทำงานร่วมกัน
เมื่อคุ้นเคยกับการสื่อสารผ่านหน้าจอมากกว่าการพบปะตัวจริง ทักษะการเจรจาและการเข้าอกเข้าใจผู้อื่น (Empathy) จะลดลง
• 🌐 สังคมอาจขาดนวัตกรรมที่แท้จริง
การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปอาจทำให้ความคิดสร้างสรรค์ลดลง ส่งผลให้ขาดแรงขับเคลื่อนด้านนวัตกรรม

⸻

3. แนวทางแก้ปัญหา
• ✅ จำกัดเวลาใช้หน้าจอ
ผู้ปกครองควรกำหนด “เวลาปลอดหน้าจอ” ให้เด็กได้เล่นกับของจริง
• ✅ ส่งเสริมการเล่นเชิงสร้างสรรค์
ให้เด็กเล่นของเล่นที่กระตุ้นการคิด เช่น ตัวต่อ บล็อกไม้ ดินน้ำมัน หรือกิจกรรมกลางแจ้ง
• ✅ ใช้เทคโนโลยีอย่างมีคุณภาพ
หากจะให้ใช้หน้าจอ ควรเลือกสื่อที่เหมาะกับวัย และเล่นไปพร้อมกับเด็กเพื่อช่วยอธิบายและโต้ตอบ
• ✅ สร้างเวลาคุณภาพในครอบครัว
เล่น พูดคุย และทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อช่วยพัฒนาทักษะภาษา สังคม และอารมณ์

30/08/2025

💡ทำไมเราจะต้องสอนลูกให้ทำงานบ้าน🤔

การสอนลูกให้ทำงานบ้านไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาดหรือความเป็นระเบียบในบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นการปลูกฝังทักษะชีวิตและค่านิยมที่สำคัญสำหรับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบค่ะ นี่คือเหตุผลหลัก ๆ ที่ควรสอนลูกให้ทำงานบ้าน:

⸻

1. ปลูกฝังความรับผิดชอบ
• เด็กจะเรียนรู้ว่าการอยู่ร่วมกับผู้อื่นต้องช่วยกันดูแลบ้าน ไม่ใช่ปล่อยให้พ่อแม่ทำคนเดียว
• ทำให้เขารู้สึกเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของครอบครัว และเข้าใจว่าทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง

⸻

2. พัฒนาทักษะชีวิต (Life Skills)
• การกวาดบ้าน ล้างจาน หรือซักผ้า เป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตเมื่อโตขึ้น
• เด็กที่ฝึกตั้งแต่เล็กจะสามารถดูแลตัวเองได้ดีในอนาคต และไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นมากเกินไป

⸻

3. สร้างระเบียบวินัยและความรับผิดชอบต่อเวลา
• การให้ลูกทำงานบ้านตามตารางช่วยให้เขารู้จักการวางแผน จัดลำดับความสำคัญ และบริหารเวลา
• เด็กจะเข้าใจผลลัพธ์ของการผัดวันประกันพรุ่ง เช่น ถ้าไม่ซักผ้าก็ไม่มีเสื้อสะอาดใส่

⸻

4. พัฒนา Soft Skills
• การทำงานเป็นทีม: การช่วยกันทำงานบ้านทำให้เด็กเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น
• การแก้ปัญหา: เช่น ถ้าน้ำหก เด็กจะคิดเองว่าจะเช็ดอย่างไรให้เร็วและสะอาด
• ความอดทน: งานบางอย่างต้องใช้เวลาและความละเอียด เด็กจะฝึกความอดทนโดยธรรมชาติ

⸻

5. เสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง
• เมื่อเด็กทำงานบ้านสำเร็จ เขาจะรู้สึกภูมิใจและมีความมั่นใจว่าตัวเองก็ทำสิ่งสำคัญได้
• สิ่งนี้ช่วยพัฒนาทัศนคติ “ฉันทำได้” ซึ่งจะมีผลกับการเรียนและการทำงานในอนาคต

⸻

6. ปลูกฝังค่านิยมเรื่องการช่วยเหลือและเห็นใจผู้อื่น
• เมื่อเด็กเห็นว่าการช่วยทำงานบ้านทำให้พ่อแม่เหนื่อยน้อยลง เขาจะค่อย ๆ ซึมซับเรื่องการแบ่งเบาภาระคนอื่น
• ทำให้เด็กโตขึ้นมาเป็นคนที่รู้จักคิดถึงคนรอบข้าง

⸻

เทคนิคสอนลูกให้ทำงานบ้านอย่างได้ผล
• เริ่มจากงานเล็ก ๆ เช่น เก็บของเล่น พับผ้า วางจานในอ่าง
• สอนด้วยการทำให้ดู แล้วค่อยให้เขาลองทำเอง
• ใช้คำชมเชย เพื่อสร้างแรงจูงใจ
• ทำให้สนุก เช่น เปิดเพลงหรือทำเป็นเกม
• แบ่งงานตามวัย ให้เหมาะสมกับความสามารถของลูก

ร่วมสนับสนุนเพจสั่งซื้อสินค้าลิ้งค์ในคอมเม้นด้านล่างค่ะ

28/08/2025

เป็นแม่ต้องอดทน 😅😅😅

Koong Ka in the UK

02/09/2025

02/09/2025

01/09/2025

01/09/2025

01/09/2025

01/09/2025

01/09/2025

30/08/2025

30/08/2025

30/08/2025

30/08/2025

28/08/2025

Address

Telephone

Website

Alerts

Contact The Business

Shortcuts

Share

Category