Manager Radio ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Manager Radio, บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร, ตึกวิทยุ 102/1 ถ. พระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ .

หัวใจกตัญญู! “น้องรดา” วัยแค่ 11 ทั้งเรียนทั้งช่วยแม่ขายขนมไทยหารายได้ แม่ป่วยหลายโรครุมเร้า ต้องล้างไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
01/10/2025

หัวใจกตัญญู! “น้องรดา” วัยแค่ 11 ทั้งเรียนทั้งช่วยแม่ขายขนมไทยหารายได้ แม่ป่วยหลายโรครุมเร้า ต้องล้างไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

หัวใจกตัญญู! “น้องรดา” วัยแค่ 11 ทั้งเรียนทั้งช่วยแม่ขายขนมไทยหารายได้ แม่ป่วยหลายโรครุมเร้า ต้องล้างไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

“ตอนนี้เป็นโรคเบาหวาน ความดัน และไต เป็นเบาหวานตั้งแต่อายุ 16 และมีโรคแทรกซ้อนมาเรื่อยๆ คือ มีฝีในม้าม ทำให้ต้องตัดม้ามทิ้ง และ 4 ปีที่ผ่านมาก็เป็นโรคไต ต้องตัดไตทิ้ง 1 ข้าง ตอนนี้ต้องไปล้างไตอาทิตย์ละ 3 ครั้ง”

หากมองผิวเผิน อาจไม่มีใครทราบว่า แม่นฤมล เอี่ยมประวัติ ผู้อยู่ในวัยแค่ 34 จะถูกโรครุมเร้าอยู่มากมาย ซึ่งปัญหาสุขภาพที่รุนแรงถึงขั้นต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญบางส่วน ฟังดูแล้วน่าตกใจ แต่หากย้อนกลับไปเมื่อครั้งวัยรุ่น ที่โรคเริ่มถามหา ก็ทำให้ทราบที่มาของโรคได้

“(ถาม-เป็นเบาหวานตอนอายุน้อยมากเลย เกิดอะไรขึ้น?) น่าจะเป็นเพราะว่าตอนเด็กๆ ทานน้ำอัดลมเยอะ เพราะไปขายของตลาดนัด ก็ดื่มน้ำอัดลมอย่างเดียว มันร้อนก็กินแต่น้ำอัดลมตั้งแต่เด็กเลย (ถาม-ตอนนั้นค่าน้ำตาลเท่าไหร่จำได้ไหม?) 500-600 เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้วก็ 500 จนเครื่องวัดไม่ได้ เหมือนจะขาดยาไปอาทิตย์หนึ่ง (ถาม-ภาวะเบาหวานรุนแรงขนาดนี้ มันส่งผลต่อร่างกายส่วนไหนบ้าง?) ไตโดนแน่นอน ม้ามก็ตัดทิ้งไปแล้ว เพราะมีฝีในม้าม เป็นโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน ตอนแรกตับก็มีฝี แต่สามารถดูดออกได้ มันตัดไม่ได้แล้ว”

ความเจ็บป่วยที่มาเยือนตั้งแต่วัยเรียน ไม่เพียงทำให้แม่ต้องออกจากเรียนกลางคัน แต่ยังส่งผลต่อการทำงานให้ไปต่อไม่ได้อีกด้วย

“พอป่วยต้องดร็อปเรียนไปเลย แค่ ปวช. แต่ไม่จบด้วยนะ คือมันอยู่กลางคันพอดี มันป่วยประมาณ ปวช.ปี 2 ก็เลยต้องหยุดเรียนเลย พอช่วงที่เริ่มทำงาน ก็ทำงานร้านสะดวกซื้อ ตอนนั้นก็ป่วย แต่คิดว่าตัวเองยังแข็งแรงอยู่ ยังทำงานได้ ก็เลยไม่ค่อยใส่ใจดูแลร่างกายสักเท่าไหร่ ยังใช้ชีวิตแบบปกติ ทำงานเข้ากะดึกได้ หลังจากมีลูกแล้ว ก็ยังออกมาทำงานร้านสะดวกซื้อเหมือนเดิม แต่พอทำไปๆๆ มันเหมือนรู้ตัวว่าไม่ไหว ก็เลยออก จากนั้นไม่นานก็เข้าห้องผ่าตัดเลย เพราะตรวจแล้วไตมีฝี ตั้งแต่นั้นมาก็คือนอน รพ. ผ่าตัด เข้าห้องไอซียู เข้าออกๆๆ อยู่อย่างนั้นเป็นเดือน แล้วก็มานอนข้างนอกอีกเดือนกว่าๆ เกือบ 2 เดือน”

ไม่ใช่แค่สุขภาพแม่ที่มีปัญหา จนต้องรักษาตัวต่อเนื่อง แต่ชีวิตคู่ก็พังทลาย เพราะสามีมาตีจาก “ตอนที่ป่วยแรกๆ เขามีมาดูแลบ้าง แต่พอเลิกกันตอนลูก 2 ขวบ ก็ไม่เคยยุ่งกันอีกเลย (ถาม-เหตุผลที่เขาไป เขาบอกไหม?) ไม่ได้บอก แต่เหมือนมีคนอื่นด้วย (ถาม-แล้วในแง่ของการรับผิดชอบ?) ไม่มีเลย เราก็ดูแลลูกคนเดียว”

ช่วงที่แม่ป่วยจนทำงานไม่ได้ แม้จะโชคดีที่มีน้องสาวช่วยดูแลค่าใช้จ่าย แต่ในที่สุด เมื่อสถานการณ์เริ่มไม่ไหว แม่จึงพยายามฝืนสังขารลุกขึ้นมาทำงานทันทีที่ร่างกายเริ่มฟื้นตัว โดยมีน้องรดา (ลภัสรดา กิจสมัคร) ลูกสาวอาสาช่วยอีกแรง

“คือตอนนั้นที่บ้านไม่มีเงินแล้ว แบบว่าน้องสาวทำงานก็ไม่มีโอทีแล้ว ไม่มีเงินมาซัพพอร์ตแล้ว เงินใช้จ่ายในบ้านก็ไม่มีแล้ว บางวันลูกก็ไม่มีเงินไปโรงเรียนเลย แม่เลยคิดหาวิธีว่า ทำอะไรดีนะ ลูกก็เสนอว่า ขายข้าวไข่เจียวที่หน้าโรงเรียนลูก”

“หนูเริ่มช่วยแม่ขายของตั้งแต่ ป.3 ขายมาเรื่อยๆๆๆ (ถาม-ตอนนั้นทำไมถึงขายข้าวไข่เจียว?) เพราะมันเป็นเมนูที่ง่ายๆ แล้วเด็กหน้าโรงเรียนเขาชอบกินกัน”

แม้ช่วงแรกกระแสตอบรับข้าวไข่เจียวจะดีมาก แต่ภายหลังก็เริ่มไม่ดี จนแม่ต้องตัดสินใจหันไปขายขนมไทยแทน “ช่วงแรกฟีดแบ็คดีมาก มีแต่คนมาอุดหนุน มีคนมาเหมา นานๆ วันเข้า มันเบาลง ตอนแรกก็ยังถูไถขายไปก่อน ทำไป 20 กล่อง ถ้าเป็นวันพระวันโกนก็จะมีผู้ใหญ่ใจดีมาเหมา แต่ถ้าไม่ใช่วันพระวันโกนก็ขายได้ 3 กล่อง บางครั้งก็ต้องไปขายที่ล้างไตบ้าง บางครั้งก็ขายหมด บางครั้งก็ไม่หมด ก็ต้องเก็บไว้กิน จนมันไม่ได้แล้วจริงๆ ก็เลยเปลี่ยนมาขายขนม”

ลูกสาวช่วยคิด จนนำมาสู่การขาย “ขนมไทย”!

“ช่วงนั้นขายข้าวไข่เจียวไม่ดีเลย แล้วก็คิดไม่ออกว่าจะขายอะไร ทีนี้หนูก็นึกออกอย่างหนึ่งว่า ตอนที่หนูยังอยู่อนุบาล 3 อยู่ หนูจำได้ว่า หนูไปขายขนมไทยอยู่หน้าเซเว่นกับแม่ แค่ไปช่วยเขานั่งเฉยๆ ก็เลยนึกได้ว่า ขายขนมไทยไหมแม่ แม่บอก แล้วจะหาทุนจากไหนก่อน ก็เลยเริ่มหาทุน (ถาม-ใครหาทุน?) แม่ ต้องยืมเขามาก่อน พอเวลาขายของได้ ก็เอาไปคืนเขา (ถาม-แล้วตอนนี้ยังเป็นหนี้เขาอยู่ไหม?) ไม่แล้วค่ะ (ถาม-แสดงว่ากิจการที่หนูคิด ทำได้?) พยักหน้า”

ด้วยความที่แม่ป่วย ต้องไปล้างไตที่ รพ.สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ทำให้แม่และน้องรดาไปขายขนมไทยได้แค่สัปดาห์ละ 3 วัน โดยขายตั้งแต่เช้ายันดึก

“(ถาม-ทุกวันนี้หนูไปขายวันไหนบ้าง?) ขายอาทิตย์หนึ่ง 3 วัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่หน้าห้างอิออน ศรีราชา จ.ชลบุรี ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม แต่หนูจะกลับดึกกันหน่อยประมาณเที่ยงคืน (ถาม-โห แล้ววันอาทิตย์ขายถึงดึก เช้าวันจันทร์หนูไปเรียนไหวหรือ?) ไหวค่ะ (ถาม-ตอนนี้ขายมานานแค่ไหน?) ขายมาประมาณครึ่งปีแล้วค่ะ”

“(ถาม-อยู่ที่ร้านหนูต้องทำอะไรบ้าง?) จัดของ แม็กของ เรียกลูกค้า (ถาม-มีขนมอะไรขายบ้าง?) ขนมชั้น ขนมมัน ขนมกล้วย ฯลฯ แต่ซิกเนอเจอร์ของร้านคือ ข้าวเหนียวหน้านวล (ถาม-แล้วอะไรขายดีที่สุด?) จะเป็นข้าวเหนียวหน้านวลและหม้อแกงถั่ว (ถาม-ขายยังไง?) กล่องละ 20 บาททั้งหมด แต่ถ้าเป็นขนมเปี๊ยะจนถึงขนมถ้วยฟู จะกล่องละ 30 บาท (ถาม-หนูทำเป็นหลายอย่างเลย ถ้าวันไหนแม่ไม่สบาย หนูดูร้านได้คนเดียวเลย?) ค่ะ (ถาม-จริงหรือ?) ใช่ค่ะ”

“(ถาม-ตอนนี้หนูอายุ 11 เรียนอยู่ชั้นไหน?) ป.5 ค่ะ (ถาม-ชอบเรียนวิชาอะไร?) ศิลปะ เพราะชอบวาดรูปค่ะ (ถาม-ถ้าวันหนึ่งหนูมีโอกาสเรียนสูงๆ อยากเรียนด้านไหน?) ศิลปะและการแสดงค่ะ”

แม่ยอมรับ ขายขนมไทย แค่พอได้กิน แต่ไม่เหลือเก็บ!

“(ถาม-หลังจากขายขนม ความเป็นอยู่เราดีขึ้นหรือแย่ลง?) ก็ดีขึ้นระดับหนึ่ง จากเมื่อก่อนที่บางมื้อไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน บางทีกินข้าวได้แค่เช้า บางวันมีเย็นกิน บางวันไม่มีเย็นกิน แต่ทุกวันนี้เช้าเย็นได้กินครบ แต่ไม่ถึงกับเหลือเก็บ เพราะรายได้จากที่ขายศุกร์เสาร์อาทิตย์ ก็ไม่ได้เยอะ อาทิตย์หนึ่งประมาณ 600-700 ก็เฉลี่ยๆ ใช้ภายในอาทิตย์เอา”

“(ถาม-ในแง่สุขภาพ แม่ประเมินกำลังของเราไหมว่าจะรักษาตัวต่อยังไงหรือจะกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน?) คิดว่าน่าจะลามไปเรื่อยๆ แม่คิดว่าถ้าเปลี่ยนไตก็ไม่น่าจะเวิร์ค ค่าใช้จ่ายก็เยอะด้วย เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไตต้องเสียค่าใช้จ่าย กว่าจะได้เปลี่ยนก็นาน เปลี่ยนมาก็ไม่รู้จะเข้ากับเราได้ไหม ก็ต้องมาให้ยาอีก แม่คิดว่า ถ้าเราดูแลสภาพแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ต้องล้างไตไปเรื่อยๆ นะ แม่คิดว่าแม่ก็น่าจะอยู่ได้ เพราะทุกวันนี้เกือบปีแล้วแม่ก็ยังทรงๆ”

ลูกอยากป่วยแทนแม่ อยากเห็นแม่มีความสุข!
"(ถาม-เวลาหนูเห็นแม่ไม่สบาย หนูรู้สึกยังไงบ้าง?) อยากจะเป็นคนที่ป่วยแทนแม่เลย (ถาม-หนูคิดว่า เวลาหนูช่วยแม่ขายของ แล้วแม่รู้สึกยังไง?) รู้สึกดีใจที่เห็นหนูทำงานได้ (ถาม-แล้วสิ่งนี้ทำให้หนูมีความสุขไหม?) มีความสุข ถ้าหนูเห็นแม่มีความสุข หนูก็มีความสุขแล้ว (ถาม-อยากบอกอะไรแม่ไหม?) รักแม่มากๆ เลยนะคะ รักแม่เท่าฟ้าเลย”

ติดตามเรื่องราวความรักความกตัญญูและสู้เพื่อแม่ของน้องรดาได้
ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หนูจะช่วยแม่สู้”
วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
ทาง News1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 618 / กล่อง True ID ช่อง 19)

และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

(หากท่านใดต้องการอุดหนุนขนมไทยของน้องรดาและคุณแม่ แวะไปอุดหนุนได้ที่ห้างสรรพสินค้าอิออน ศรีราชา จ.ชลบุรี หรือหากต้องการสนับสนุนทุนการศึกษาให้น้อง โอนไปได้ที่ ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี ด.ญ.ลภัสรดา กิจสมัคร เลขที่บัญชี 020-466-882-543)

#กตัญญู #สู้เพื่อแม่ #สู้ชีวิต #แม่ค้าวัยจิ๋ว

“ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากไร้ได้เรียน บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-เร่ร่อนhttps...
25/09/2025

“ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากไร้ได้เรียน บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-เร่ร่อน
https://news1live.com/detail/9680000091937

22/09/2025

คำคม ฅนจริงฯ

“ขอเป็นแสงเทียนเล็กๆ คอยส่องสว่างให้คนในสังคมได้ทราบว่า ยังมีคนลำบากอีกเยอะ ถ้าเราช่วยได้ ก็ช่วย”

หรรษวรรธน์ บัวพรม (ครูวัฒน์)
ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุ

คลิปชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ครูผู้ให้..ที่พึ่งผู้ยากไร้” (ฉบับเต็ม)
https://www.youtube.com/watch?v=pIPzQ0mMvU4

20/09/2025

ครู...ที่ช่วยต่ออนาคตให้เด็กยากไร้ และคลายทุกข์ให้กลุ่มเปราะบาง

พรุ่งนี้ 11.30-12.00 น.อย่าพลาดชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน "ครูผู้ให้..ที่พึ่งผู้ยากไร้"
19/09/2025

พรุ่งนี้ 11.30-12.00 น.อย่าพลาดชม
รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน "ครูผู้ให้..ที่พึ่งผู้ยากไร้"

ที่พึ่งผู้ยากไร้! “ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากจน-เร่ร่อน ได้เรียน-มีอาชีพ บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-คนยากไร้

“เราเป็นเด็กบ้านนอก ผมเกิดที่ จ.นครพนม เกิดในครอบครัวยากจน พ่อแม่ทำไร่ทำนา พอจบ ป.6 ปุ๊บ แม่ก็ไม่มีเงินส่งให้เรียนต่อ ตอนนั้นคิดว่าถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง เราก็คงจะเป็นชาวไร่ชาวนา”

ครูวัฒน์ (หรรษวรรธน์ บัวพรม) นักพัฒนาสังคม ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุ กรุงเทพฯ ย้อนชีวิตวัยเด็กที่เติบโตมากับความยากจน ทำให้ครูเกือบต้องหยุดการศึกษาไว้แค่ ป.6 โชคดีได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อที่วัด หาไม่แล้ว ชีวิตครูอาจมาไม่ถึงจุดนี้

“เผอิญโชคดีว่ามีหลวงพ่อท่านอาจจะเห็นอะไรไม่ทราบ ท่านเลยชวนมาบวช เราเลยได้มาบวชกับท่าน (ถาม-ตอนนั้นอายุเท่าไหร่เริ่มบวช?) 13 ปี คือจบ ป.6 พอบวชก็อยู่กับท่าน อยู่ได้ 3 ปี เราก็เรียนนักธรรมไปจนจบนักธรรมตรี โท เอก ก็จบ 3 ปี ท่านเสียชีวิต เราก็เคว้งแล้ว ไม่รู้จะยังไง จะสึกหรือจะไปยังไง”

แม้จะรู้สึกเคว้งคว้างหลังหลวงพ่อมรณภาพ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่ได้รับความเมตตาจากพี่สาวของหลวงพ่อ ทำให้ครูวัฒน์ยังมีหนทางให้เดินต่อ

“พอดีว่า ญาติ พี่สาวของหลวงพ่อ คืออยู่อุดรฯ พี่สาวเลยถามว่า เณรอยากจะสึกไหม หรือไปเรียนต่อที่อุดรฯ ผมเลยบอกว่า ไป ตั้งแต่นั้นพี่สาวท่านก็เลยพาสามเณรมาอยู่ที่อุดรฯ ที่วัดมัชฌิมาวาส มาเรียนปีหนึ่ง และมีเพื่อนๆ ที่อยู่วัดนั้นมาอยู่วัดนิมมานรดี แถวบางแค ก็ชวนมาอีก ก็เลยได้มาอยู่วัดนิมมานรดี ก็เรียนหนังสือ เรียนบาลี อยู่วัดนิมฯ สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ก็ออกจากวัดนิมฯ ไปอยู่วัดมหรรณพาราม แถวเสาชิงช้า ก็อยู่ยาวจนลาสิกขา ตอนนั้นได้เรียนถึงเปรียญธรรม 5 ประโยค และจบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ก็สึกออกมา (ถาม-เบ็ดเสร็จใช้ชีวิตในการเป็นนักบวชกี่ปี?) ตั้งแต่อายุ 13 ถึง 24 ปี”

หลังออกจากเพศบรรพชิตพร้อมวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ครูวัฒน์เริ่มหางานทำ ซึ่งแม้จะผ่านงานมาหลากหลาย แต่ก็ยังไม่ใช่งานที่ครูรัก

“ไปทำงานที่แรกคือ ร้านหนังสือบุ๊คสไมล์ แถวๆ ราชภัฎจันทรเกษม ไปสมัครและไปทำ แต่ทำได้ไม่นาน เพราะมันไม่ใช่ทางเรา เพราะไม่ชอบ พอดีญาติเขามีคนที่บ้านไปทำงานที่เกาะเต่า เป็นรีสอร์ท เขาก็ลองถามว่า อยากไปทำงานไหม เราก็ลองดู ทำอยู่ปีหนึ่ง ก็กลับขึ้นมา ก็มาทำงานที่โรงแรมมณเฑียร พระราม 3 ก็ทำอยู่ 5 ปี (ถาม-ทำตำแหน่งอะไร?) ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟ และรูมเซอร์วิส (ถาม-แต่ตอนนั้นมีวุฒิปริญญาตรี ทำไมไปทำพนักงานเสิร์ฟ?) ตอนเรียนมหามกุฏราชวิทยาลัย จบมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ อยากเป็นไกด์ ตอนที่เรียนอยากเป็นไกด์ (ถาม-แล้วมีโอกาสได้ไปสู่เส้นทางที่ตั้งใจไหม?) ไม่ได้ไป”

แม้ไม่มีโอกาสได้เป็นไกด์ดังที่เคยตั้งใจ แต่ในที่สุด โชคชะตาก็พาให้ครูวัฒน์ ได้มาทำงานที่ครูรักอย่างแท้จริง “พอดีมีเพื่อนที่จบสถาบันเดียวกัน แต่ท่านเป็นรุ่นพี่ ตอนนี้ท่านเสียชีวิตไปแล้ว คือเป็นครูเหมือนกันนี่แหละ ท่านก็เลยชวนว่า ลองมาทำศูนย์สร้างโอกาสเด็กไหม เป็นอย่างนี้นะ อยู่กับเด็ก ก็มา ศูนย์แรกที่ไปทำคือ ศูนย์สร้างโอกาสเด็กสะพานพระปกเกล้า อยู่แถวคลองสาน ตอนนั้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ก็จะเป็นศูนย์ที่มีคนเร่ร่อนเยอะ คนไร้บ้านเยอะ”

“(ถาม-แสดงว่าสนใจงานจิตอาสาหรืองานสาธารณะตั้งแต่ตอนนั้น?) ใช่ครับ มาทำแล้วรู้สึกว่า เอ๊ะ มันเหมือนถูกจริตเรา คือได้เห็นเด็กที่มอมแมมเดินเข้ามา แล้วถาม ครูมีข้าวอะไรให้กินไหม โอเค ไปดูมาม่า ปลากระป๋อง ในศูนย์เราจะมีข้าวสาร มาม่า ปลากระป๋อง เด็ก กลางคืนเขาจะไปทำงาน พอเช้ามา เขาก็จะมาที่ศูนย์เรา มาอาบน้ำ มาทำอาหาร มาทานข้าว เขากินเสร็จ เขาก็นอน คือศูนย์เราเปิดเวลาราชการ 8 โมงครึ่งถึงบ่าย 4 โมง เด็กก็ทานข้าวเสร็จ ตอนเย็น ปิดศูนย์ เขาก็ไปทำมาหากินของเขา อย่างน้อยๆ ผมมองว่า เขายังเห็นศูนย์ฯ ว่า ไปกินข้าวกับศูนย์ครูได้ โดยที่ไม่ต้องไปลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งชีวิตจะดำดิ่งลงไปใช่ไหม อย่างน้อยๆ เขาพอมีที่พึ่งว่า ท้องฉันหิวนะ ฉันเข้าไปที่ศูนย์ฯ ครูมีข้าวให้กิน”

ครูวัฒน์เป็นนักพัฒนาสังคมอยู่ที่ศูนย์สร้างโอกาสเด็กสะพานพระปกเกล้าหลายปี ก่อนย้ายมาอยู่ที่ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุหลายปีแล้วเช่นกัน “เราจะดูแลเด็กกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง กลุ่มภาวะยากลำบากหรือเด็กไร้บ้านอยู่กับครอบครัวที่พาออกมาอยู่นอกชุมชน”

“(ถาม-ครูต้องนำสิ่งของไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ชาวบ้าน ของส่วนใหญ่เราเอามาจากไหน?) มาจากภาคีเครือข่าย หลักๆ คือจากครูเชาว์ (เชาวลิต สาดสมัย ครูประจำศูนย์สร้างโอกาสเด็กพระราม 8) ซึ่งท่านเป็นคนที่มีเครือข่ายเยอะบริจาคมา ครูเชาว์ก็จะส่งต่อมาที่ศูนย์ฯ ทุ่งครุ ศูนย์ฯ ทุ่งครุก็กระจายออกไปในชุมชน”

“ตอนนี้ที่ดูแลอยู่ประมาณ 7 ชุมชน เป็นชุมชนหลังวัดทุ่งครุ ชุมชนอาคารแฟลต ชุมชนหลัง สน.ทุ่งครุ ชุมชนวัดด่านฯ ใต้ทางด่วน เลียบทางด่วน และชุมชนคลองเก้าห้อง (ถาม-ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอะไร?) ส่วนใหญ่หาเช้ากินค่ำ อาชีพรับจ้างทั่วไป โรงงาน (ถาม-เวลาครูลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านไปอย่างไร?) ถ้าของเยอะ ก็ใส่รถยนต์ไป ถ้าไม่เยอะก็ไปมอเตอร์ไซค์ ถ้าไม่ไกลมาก บางทีก็เดิน ปกติจะไปกัน 2 คนกับครูป้อม (ประสิทธิ์ พลมั่น เพื่อนร่วมงาน)”

นอกจากหาทุนการศึกษาให้เด็กยากไร้ในชุมชน รวมถึงเด็กเร่ร่อนได้เรียนและทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองแล้ว ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงก็เป็นอีกกลุ่มที่ครูวัฒน์ห่วงใยและให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งครูไม่เพียงนำสิ่งของจำเป็นไปช่วยผู้ป่วย แต่บางครั้งยังมีการสร้างบ้านหรือสร้างห้องน้ำให้ครอบครัวที่บ้านทรุดบ้านพังหรือไม่มีห้องน้ำใช้อีกด้วย โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายหรือผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมช่วยเหลือ

เปิดใจผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่มีต่อครูวัฒน์!

พยูร สีใส ประธานชุมชนวัดด่านประชาอุทิศ 101 : “ขอบคุณครูจริงๆ มีสิ่งของก็เอามาให้เราตลอด ขอทุนการศึกษาให้เด็กหรือผู้ยากไร้ เขาจะเดินเรื่องตลอด เขาไม่เห็นจะเหน็ดจะเหนื่อย บางทีชาวบ้านยังไม่ทันหาเอกสาร ยังไม่ครบ เขาก็ตามจนได้ เขามานั่งรอชาวบ้านนะ เขาช่วยเหลือชาวบ้านจริงๆ ขอบคุณครูวัฒน์ครูป้อมอย่างสูง”

วงเดือน คำพิมูล ลูกบ้านชุมชนวัดด่านประชาอุทิศ 101 : “ครูวัฒน์ช่วยมาหลายปีแล้ว เราขอแพมเพิสก็โอเค เรื่องของใช้ ขอให้บอก เขาช่วยเหลือตลอด ก็ขอให้ครูอยู่กับเราแบบนี้ไปนานๆ เขาดีมากๆ เรารักเขา”

จำรัส เหมือนโพธิ์ทอง ประธานชุมชนหมู่ 5 ทุ่งครุ : “ครูวัฒน์มีทุนมาให้เด็กๆ และผู้ด้อยโอกาสเยอะมาก บางครั้งมีแบบอยู่ในคลอง แกก็นั่งเรือไปกับเขา เพื่อหาทุนให้เด็กๆ ก็ขอให้ครูวัฒน์ทำงานช่วยเหลือเด็กๆ ต่อไป ทำดีแล้วค่ะครูวัฒน์”

โยษิตา บางใหญ่ : “ขอบคุณครูวัฒน์มากๆ ที่ช่วยสนับสนุนครอบครัวหนูและน้องๆ ให้ได้รับการศึกษา ครูช่วยไว้เยอะมากเลย ตอนนี้หนูเรียนจบแล้ว และได้งานทำแล้ว ดีใจมาก (ถาม-ถ้าวันนั้นไม่ได้เรียน คิดว่าจะมีโอกาสแบบนี้ไหม?) น่าจะหางานยากขึ้น”

สมพร เมฆกัลจาย จิตอาสาชุมชนวัดด่านประชาอุทิศ 101 : "ขอบคุณครูวัฒน์ที่มีน้ำใจไมตรีที่ดี ชุมชนนี้ไม่เคยมีใครเข้ามาเลย การเข้ามาของครูวัฒน์ เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำให้รู้สึกอบอุ่น อุ่นใจขึ้นมาบ้างว่า เวลาที่เราไม่รู้จะพึ่งใคร เรายังมีครูวัฒน์นะ พอจะติดต่อกันได้ ขอความช่วยเหลือได้ และครูก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ"

15 ปีแล้ว ที่ครูวัฒน์ทุ่มเทอุทิศตนทำงานเพื่อเด็กยากไร้ และกลุ่มเปราะบางในชุมชน ไม่เว้นแม้แต่เด็กเร่ร่อนและผู้ใหญ่ไร้บ้านนอนใต้สะพาน ไม่ว่าสิ่งที่ทำหรือปัญหาที่เจอ จะยากลำบากแค่ไหน ครูวัฒน์ไม่เคยท้อหรือถอดใจ สู้ทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือทุกคน ให้หลุดพ้นจากความเสี่ยงที่ชีวิตจะดำดิ่ง ให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่สร้างภาระหรือก่อปัญหาให้กับสังคม แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สำเร็จทุกคนทุกครั้ง แต่ครูพร้อมทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อเป็นที่พึ่งให้กับทุกคนต่อไป

ติดตามเรื่องราวการทำงานเพื่อเด็กและคนยากไร้ของครูวัฒน์ได้
ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ครูผู้ให้..ที่พึ่งผู้ยากไร้”
วันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
ทาง News1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 618 / กล่อง True ID ช่อง 19)

และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

(หากท่านใดต้องการสนับสนุนข้าวสารอาหารแห้งหรือของใช้จำเป็นสำหรับผู้ป่วยผู้พิการ เพื่อให้ครูวัฒน์และครูป้อมนำไปช่วยเหลือเด็กๆ และผู้ป่วยผู้ยากไร้ ติดต่อได้ที่ ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุ กรุงเทพฯ หรือเพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุ)

#ครู #ครูผู้ให้ #ครูผู้เป็นที่พึ่ง #ที่พึ่งผู้ยากไร้ #ครูวัฒน์ #แรงบันดาลใจ

19/09/2025

จาก..เด็กยากจน สู่..ครูผู้ให้ ที่พึ่งของผู้ยากไร้

ติดตามเรื่องราวการทำงานเพื่อเด็กและคนยากไร้ของครูวัฒน์ได้
ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ครูผู้ให้..ที่พึ่งผู้ยากไร้”
วันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
ทาง News1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 618 / กล่อง True ID ช่อง 19)

และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

ที่พึ่งผู้ยากไร้! “ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากจน-เร่ร่อน ได้เรียน-มีอาชีพ บรร...
17/09/2025

ที่พึ่งผู้ยากไร้! “ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากจน-เร่ร่อน ได้เรียน-มีอาชีพ บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-คนยากไร้

ที่พึ่งผู้ยากไร้! “ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากจน-เร่ร่อน ได้เรียน-มีอาชีพ บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-คนยากไร้

“เราเป็นเด็กบ้านนอก ผมเกิดที่ จ.นครพนม เกิดในครอบครัวยากจน พ่อแม่ทำไร่ทำนา พอจบ ป.6 ปุ๊บ แม่ก็ไม่มีเงินส่งให้เรียนต่อ ตอนนั้นคิดว่าถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง เราก็คงจะเป็นชาวไร่ชาวนา”

ครูวัฒน์ (หรรษวรรธน์ บัวพรม) นักพัฒนาสังคม ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุ กรุงเทพฯ ย้อนชีวิตวัยเด็กที่เติบโตมากับความยากจน ทำให้ครูเกือบต้องหยุดการศึกษาไว้แค่ ป.6 โชคดีได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อที่วัด หาไม่แล้ว ชีวิตครูอาจมาไม่ถึงจุดนี้

“เผอิญโชคดีว่ามีหลวงพ่อท่านอาจจะเห็นอะไรไม่ทราบ ท่านเลยชวนมาบวช เราเลยได้มาบวชกับท่าน (ถาม-ตอนนั้นอายุเท่าไหร่เริ่มบวช?) 13 ปี คือจบ ป.6 พอบวชก็อยู่กับท่าน อยู่ได้ 3 ปี เราก็เรียนนักธรรมไปจนจบนักธรรมตรี โท เอก ก็จบ 3 ปี ท่านเสียชีวิต เราก็เคว้งแล้ว ไม่รู้จะยังไง จะสึกหรือจะไปยังไง”

แม้จะรู้สึกเคว้งคว้างหลังหลวงพ่อมรณภาพ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่ได้รับความเมตตาจากพี่สาวของหลวงพ่อ ทำให้ครูวัฒน์ยังมีหนทางให้เดินต่อ

“พอดีว่า ญาติ พี่สาวของหลวงพ่อ คืออยู่อุดรฯ พี่สาวเลยถามว่า เณรอยากจะสึกไหม หรือไปเรียนต่อที่อุดรฯ ผมเลยบอกว่า ไป ตั้งแต่นั้นพี่สาวท่านก็เลยพาสามเณรมาอยู่ที่อุดรฯ ที่วัดมัชฌิมาวาส มาเรียนปีหนึ่ง และมีเพื่อนๆ ที่อยู่วัดนั้นมาอยู่วัดนิมมานรดี แถวบางแค ก็ชวนมาอีก ก็เลยได้มาอยู่วัดนิมมานรดี ก็เรียนหนังสือ เรียนบาลี อยู่วัดนิมฯ สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ก็ออกจากวัดนิมฯ ไปอยู่วัดมหรรณพาราม แถวเสาชิงช้า ก็อยู่ยาวจนลาสิกขา ตอนนั้นได้เรียนถึงเปรียญธรรม 5 ประโยค และจบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ก็สึกออกมา (ถาม-เบ็ดเสร็จใช้ชีวิตในการเป็นนักบวชกี่ปี?) ตั้งแต่อายุ 13 ถึง 24 ปี”

หลังออกจากเพศบรรพชิตพร้อมวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ครูวัฒน์เริ่มหางานทำ ซึ่งแม้จะผ่านงานมาหลากหลาย แต่ก็ยังไม่ใช่งานที่ครูรัก

“ไปทำงานที่แรกคือ ร้านหนังสือบุ๊คสไมล์ แถวๆ ราชภัฎจันทรเกษม ไปสมัครและไปทำ แต่ทำได้ไม่นาน เพราะมันไม่ใช่ทางเรา เพราะไม่ชอบ พอดีญาติเขามีคนที่บ้านไปทำงานที่เกาะเต่า เป็นรีสอร์ท เขาก็ลองถามว่า อยากไปทำงานไหม เราก็ลองดู ทำอยู่ปีหนึ่ง ก็กลับขึ้นมา ก็มาทำงานที่โรงแรมมณเฑียร พระราม 3 ก็ทำอยู่ 5 ปี (ถาม-ทำตำแหน่งอะไร?) ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟ และรูมเซอร์วิส (ถาม-แต่ตอนนั้นมีวุฒิปริญญาตรี ทำไมไปทำพนักงานเสิร์ฟ?) ตอนเรียนมหามกุฏราชวิทยาลัย จบมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ อยากเป็นไกด์ ตอนที่เรียนอยากเป็นไกด์ (ถาม-แล้วมีโอกาสได้ไปสู่เส้นทางที่ตั้งใจไหม?) ไม่ได้ไป”

แม้ไม่มีโอกาสได้เป็นไกด์ดังที่เคยตั้งใจ แต่ในที่สุด โชคชะตาก็พาให้ครูวัฒน์ ได้มาทำงานที่ครูรักอย่างแท้จริง “พอดีมีเพื่อนที่จบสถาบันเดียวกัน แต่ท่านเป็นรุ่นพี่ ตอนนี้ท่านเสียชีวิตไปแล้ว คือเป็นครูเหมือนกันนี่แหละ ท่านก็เลยชวนว่า ลองมาทำศูนย์สร้างโอกาสเด็กไหม เป็นอย่างนี้นะ อยู่กับเด็ก ก็มา ศูนย์แรกที่ไปทำคือ ศูนย์สร้างโอกาสเด็กสะพานพระปกเกล้า อยู่แถวคลองสาน ตอนนั้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ก็จะเป็นศูนย์ที่มีคนเร่ร่อนเยอะ คนไร้บ้านเยอะ”

“(ถาม-แสดงว่าสนใจงานจิตอาสาหรืองานสาธารณะตั้งแต่ตอนนั้น?) ใช่ครับ มาทำแล้วรู้สึกว่า เอ๊ะ มันเหมือนถูกจริตเรา คือได้เห็นเด็กที่มอมแมมเดินเข้ามา แล้วถาม ครูมีข้าวอะไรให้กินไหม โอเค ไปดูมาม่า ปลากระป๋อง ในศูนย์เราจะมีข้าวสาร มาม่า ปลากระป๋อง เด็ก กลางคืนเขาจะไปทำงาน พอเช้ามา เขาก็จะมาที่ศูนย์เรา มาอาบน้ำ มาทำอาหาร มาทานข้าว เขากินเสร็จ เขาก็นอน คือศูนย์เราเปิดเวลาราชการ 8 โมงครึ่งถึงบ่าย 4 โมง เด็กก็ทานข้าวเสร็จ ตอนเย็น ปิดศูนย์ เขาก็ไปทำมาหากินของเขา อย่างน้อยๆ ผมมองว่า เขายังเห็นศูนย์ฯ ว่า ไปกินข้าวกับศูนย์ครูได้ โดยที่ไม่ต้องไปลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งชีวิตจะดำดิ่งลงไปใช่ไหม อย่างน้อยๆ เขาพอมีที่พึ่งว่า ท้องฉันหิวนะ ฉันเข้าไปที่ศูนย์ฯ ครูมีข้าวให้กิน”

ครูวัฒน์เป็นนักพัฒนาสังคมอยู่ที่ศูนย์สร้างโอกาสเด็กสะพานพระปกเกล้าหลายปี ก่อนย้ายมาอยู่ที่ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุหลายปีแล้วเช่นกัน “เราจะดูแลเด็กกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง กลุ่มภาวะยากลำบากหรือเด็กไร้บ้านอยู่กับครอบครัวที่พาออกมาอยู่นอกชุมชน”

“(ถาม-ครูต้องนำสิ่งของไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ชาวบ้าน ของส่วนใหญ่เราเอามาจากไหน?) มาจากภาคีเครือข่าย หลักๆ คือจากครูเชาว์ (เชาวลิต สาดสมัย ครูประจำศูนย์สร้างโอกาสเด็กพระราม 8) ซึ่งท่านเป็นคนที่มีเครือข่ายเยอะบริจาคมา ครูเชาว์ก็จะส่งต่อมาที่ศูนย์ฯ ทุ่งครุ ศูนย์ฯ ทุ่งครุก็กระจายออกไปในชุมชน”

“ตอนนี้ที่ดูแลอยู่ประมาณ 7 ชุมชน เป็นชุมชนหลังวัดทุ่งครุ ชุมชนอาคารแฟลต ชุมชนหลัง สน.ทุ่งครุ ชุมชนวัดด่านฯ ใต้ทางด่วน เลียบทางด่วน และชุมชนคลองเก้าห้อง (ถาม-ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอะไร?) ส่วนใหญ่หาเช้ากินค่ำ อาชีพรับจ้างทั่วไป โรงงาน (ถาม-เวลาครูลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านไปอย่างไร?) ถ้าของเยอะ ก็ใส่รถยนต์ไป ถ้าไม่เยอะก็ไปมอเตอร์ไซค์ ถ้าไม่ไกลมาก บางทีก็เดิน ปกติจะไปกัน 2 คนกับครูป้อม (ประสิทธิ์ พลมั่น เพื่อนร่วมงาน)”

นอกจากหาทุนการศึกษาให้เด็กยากไร้ในชุมชน รวมถึงเด็กเร่ร่อนได้เรียนและทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองแล้ว ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงก็เป็นอีกกลุ่มที่ครูวัฒน์ห่วงใยและให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งครูไม่เพียงนำสิ่งของจำเป็นไปช่วยผู้ป่วย แต่บางครั้งยังมีการสร้างบ้านหรือสร้างห้องน้ำให้ครอบครัวที่บ้านทรุดบ้านพังหรือไม่มีห้องน้ำใช้อีกด้วย โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายหรือผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมช่วยเหลือ

เปิดใจผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่มีต่อครูวัฒน์!

พยูร สีใส ประธานชุมชนวัดด่านประชาอุทิศ 101 : “ขอบคุณครูจริงๆ มีสิ่งของก็เอามาให้เราตลอด ขอทุนการศึกษาให้เด็กหรือผู้ยากไร้ เขาจะเดินเรื่องตลอด เขาไม่เห็นจะเหน็ดจะเหนื่อย บางทีชาวบ้านยังไม่ทันหาเอกสาร ยังไม่ครบ เขาก็ตามจนได้ เขามานั่งรอชาวบ้านนะ เขาช่วยเหลือชาวบ้านจริงๆ ขอบคุณครูวัฒน์ครูป้อมอย่างสูง”

วงเดือน คำพิมูล ลูกบ้านชุมชนวัดด่านประชาอุทิศ 101 : “ครูวัฒน์ช่วยมาหลายปีแล้ว เราขอแพมเพิสก็โอเค เรื่องของใช้ ขอให้บอก เขาช่วยเหลือตลอด ก็ขอให้ครูอยู่กับเราแบบนี้ไปนานๆ เขาดีมากๆ เรารักเขา”

จำรัส เหมือนโพธิ์ทอง ประธานชุมชนหมู่ 5 ทุ่งครุ : “ครูวัฒน์มีทุนมาให้เด็กๆ และผู้ด้อยโอกาสเยอะมาก บางครั้งมีแบบอยู่ในคลอง แกก็นั่งเรือไปกับเขา เพื่อหาทุนให้เด็กๆ ก็ขอให้ครูวัฒน์ทำงานช่วยเหลือเด็กๆ ต่อไป ทำดีแล้วค่ะครูวัฒน์”

โยษิตา บางใหญ่ : “ขอบคุณครูวัฒน์มากๆ ที่ช่วยสนับสนุนครอบครัวหนูและน้องๆ ให้ได้รับการศึกษา ครูช่วยไว้เยอะมากเลย ตอนนี้หนูเรียนจบแล้ว และได้งานทำแล้ว ดีใจมาก (ถาม-ถ้าวันนั้นไม่ได้เรียน คิดว่าจะมีโอกาสแบบนี้ไหม?) น่าจะหางานยากขึ้น”

สมพร เมฆกัลจาย จิตอาสาชุมชนวัดด่านประชาอุทิศ 101 : "ขอบคุณครูวัฒน์ที่มีน้ำใจไมตรีที่ดี ชุมชนนี้ไม่เคยมีใครเข้ามาเลย การเข้ามาของครูวัฒน์ เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำให้รู้สึกอบอุ่น อุ่นใจขึ้นมาบ้างว่า เวลาที่เราไม่รู้จะพึ่งใคร เรายังมีครูวัฒน์นะ พอจะติดต่อกันได้ ขอความช่วยเหลือได้ และครูก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ"

15 ปีแล้ว ที่ครูวัฒน์ทุ่มเทอุทิศตนทำงานเพื่อเด็กยากไร้ และกลุ่มเปราะบางในชุมชน ไม่เว้นแม้แต่เด็กเร่ร่อนและผู้ใหญ่ไร้บ้านนอนใต้สะพาน ไม่ว่าสิ่งที่ทำหรือปัญหาที่เจอ จะยากลำบากแค่ไหน ครูวัฒน์ไม่เคยท้อหรือถอดใจ สู้ทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือทุกคน ให้หลุดพ้นจากความเสี่ยงที่ชีวิตจะดำดิ่ง ให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่สร้างภาระหรือก่อปัญหาให้กับสังคม แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สำเร็จทุกคนทุกครั้ง แต่ครูพร้อมทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อเป็นที่พึ่งให้กับทุกคนต่อไป

ติดตามเรื่องราวการทำงานเพื่อเด็กและคนยากไร้ของครูวัฒน์ได้
ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ครูผู้ให้..ที่พึ่งผู้ยากไร้”
วันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
ทาง News1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 618 / กล่อง True ID ช่อง 19)

และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

(หากท่านใดต้องการสนับสนุนข้าวสารอาหารแห้งหรือของใช้จำเป็นสำหรับผู้ป่วยผู้พิการ เพื่อให้ครูวัฒน์และครูป้อมนำไปช่วยเหลือเด็กๆ และผู้ป่วยผู้ยากไร้ ติดต่อได้ที่ ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุ กรุงเทพฯ หรือเพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุ)

#ครู #ครูผู้ให้ #ครูผู้เป็นที่พึ่ง #ที่พึ่งผู้ยากไร้ #ครูวัฒน์ #แรงบันดาลใจ

นักสู้แขนเดียว! “ป้าหนูเล็ก” แม้แขนขาพิการ ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา สู้ขายกล้วยทอดหารายได้ ไม่อยากเป็นภาระใครhttps://news1li...
11/09/2025

นักสู้แขนเดียว! “ป้าหนูเล็ก” แม้แขนขาพิการ ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา สู้ขายกล้วยทอดหารายได้ ไม่อยากเป็นภาระใคร
https://news1live.com/detail/9680000087130

09/09/2025

ครูผู้เสียสละ! วัยใกล้ 80 ยังไม่หยุดพัก สอนฟรี-ไม่มีวันหยุด

คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ครูทอน...ครูในดวงใจ” (ฉบับเต็ม)
https://www.youtube.com/watch?v=4ZSE7Ai641o

08/09/2025

คำคม ฅนจริงฯ

“เกือบ 60 ปีที่พิการ แม้บางครั้งจะเหนื่อย แต่ท้อไม่ได้ เราต้องสู้ต่อไป”

บุญมี ศรีสุพรรณ (ป้าหนูเล็ก)
ร่างกายพิการแต่ใจยังสู้

คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “แขนเดียวยังสู้” (ฉบับเต็ม)
https://www.youtube.com/watch?v=rphIcXZu6AU

ที่อยู่

ตึกวิทยุ 102/1 ถ. พระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ
10200

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Manager Radioผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Manager Radio:

แชร์