13/08/2025
ฝึกทักษะเอาตัวรอดทางการเงิน (คลิกอ่าน)
เกิดและโตมาจนถึงวัยนี้ ทักษะชีวิตที่ผมคิดว่าคนเราทุกคนควรมีติดตัว ก็คือ “ทักษะการเอาตัวรอด”
โดยหากคุยกันเฉพาะแค่ในมุมการเงิน คำว่า “รอด” ไม่ได้หมายถึงแค่ ยังมีชีวิตอยู่ หรือ ยังไม่ล้มละลาย เท่านั้น แต่เป็นภาวะที่
- รักษาตัวเองให้อยู่ในเกมต่อไปได้ (ยังไม่ Game)
- ปัญหาอาจจะหนักมากกกก แต่ยังไม่ถึงกับจมชีวิตเรา (ยังมีหวัง)
- อาจต้องยอมตัดรายจ่าย หรือขายทรัพย์สินบางอย่าง เพื่อให้ได้ไปต่อ
- ซื้อเวลา เพื่อรอจังหวะ ให้มีเวลาวางแผน แก้ไข และกลับมาผงาด
ใดๆ ในโลก ก่อนที่มันจะ “รุ่ง” มันต้องอยู่รอดให้ได้เสียก่อน
และต่อไปนี้ คือ ทักษะการเอาตัวรอดทางการเงิน ที่พี่อยากให้น้องๆ ที่กำลังสร้างตัวสร้างชีวิตมีกันทุกคน
1. เงินต้องพอใช้ทุกเดือน
ถ้าเงินยังไม่พอใช้ ต้องกู้กิน ต้องหยิบยืม อย่าฝันกาวว่าวันหนึ่งจะสำเร็จจะมีชีวิตที่ดี
แต่ต้องยอมรับว่ายุคสมัยมันเปลี่ยน คำว่า “เงินพอใช้” ไม่ได้ตั้งโจทย์จากรายได้เหมือนแต่ก่อน ว่าเงินเดือน 15,000 18,000 หรือ 25,000 ควรใช้หรือจัดสรรยังไงให้พอ?
เพราะยุคนี้รายได้มันเฟ้อไม่ทันรายจ่าย คำว่า “พอใช้” ในยุคใหม่จึงต้องตั้งโจทย์จาก “รายจ่าย” จากนั้นจึงค่อยหาเงินเข้ากระเป๋าให้พอใช้
ลองดูนะ! หยิบกระดาษมา 1 แผ่น เขียนรายจ่ายทั้งหมดไม่ว่า Need ทั้ง Want ตามไลฟ์สไตล์ลงไป แล้วรวมตัวเลขดูว่าต้องใช้เท่าไหร่ นั่นแหละโจทย์มึง! หาให้ได้เท่านั้น ถึงจะ “รอด” ถึงจะ “พอแด๊ก”
แต่ถ้ายังหาระดับนั้นไม่ได้ ก็เบาไลฟ์สไตล์ลงมาหน่อย ทำยังไงก็ได้ให้พอใช้ ไม่ติดลบ
“หาเงินให้พอใช้” คือ ความรับผิดชอบพื้นฐานต่อชีวิต ที่ต้องทำให้ได้
2. รู้จักเห็นแก่ตัวเองบ้าง
หลายคนอยู่ไม่รอดเรื่องเงิน เพราะใช้ชีวิตเป็น “เดอะแบก” รับผิดชอบเกินตัว เกินความสามารถในการหาเงิน หาคนเดียวจะเลี้ยง 4 เลี้ยง 5 ชีวิต (เก่งจังนะพ่อ)
พี่ก็เคยเป็นมาก่อน แต่แนะนำว่า “อย่าหาทำ” โลกแม่งมักตอบแทนเดอะแบกด้วยความพินาศย่อยยับ อย่าคิดทุกคนรอบตัวคิดว่าทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้จะทำอะไร ทุกคนต้องมีส่วนในการรับผิดชอบชีวิตตัวเองด้วย
นั่งมองคนรอบตัวแบบจริงจัง พ่อแม่เราช่วยได้เต็มที่แค่ไหน ก็เท่านั้นก่อน ถ้าท่านยังไม่แก่มาก ก็ยังต้องช่วยกันหาเงิน ไม่ใช่อยู่เฉยๆ รอเงินอย่างเดียว (คุยกันแบบมีวุฒิภาวะได้)
น้องๆ ถ้าเราส่งไม่ไหว กู้ กยศ. เรียนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ดอกเบี้ยแค่ 1% ต่อปี (ดอกเบี้ย แสนละพัน)
ญาติที่มาอยู่ มาอาศัยด้วย ก็ห้ามอยู่เฉยๆ ร่วมด้วยช่วยกัน หาเงินหารายได้ อย่าอยู่ให้เป็นภาระ ถ้าไม่ช่วยทำมาหากิน ก็ต้องเรียนเชิญออกไป
ไอ้โค้ช ... มึงแม่มไร้ Empathy!
ที่แนะนำ กูทำมาหมดทุกอย่าง ตอนเป็นหนี้ พ่อกูเริ่มต้นใหม่ด้วยการเป็นเกษตรกรปลูกพริกขาย เปิดอู่เล็กๆรับซ่อมรถที่ต่างจังหวัด แม่กูขายอาหารตามสั่ง น้องกูเรียนจบด้วย กยศ.
กลับไปที่โจทย์ “ทุกคนต้องรู้จักเอาชีวิตรอด” และวิธีรอดนั้นทุกคนควรมีส่วนร่วมด้วย มันถึงจะเรียกว่า “มีกิน มีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี กันทู้กกกกกกคนนะครับ” ไม่ใช่รอด เพราะรอคนอื่นทำให้เรารอด
ถ้าแบกอยู่คนเดียว แล้วเดอะแบกแม่งดันพังเสียก่อนล่ะ จะทำยังไง (อีเมล์ที่โค้ชหนุ่มได้รับทุกวันนี้ 2 ใน 3 แม่งเดอะแบกทั้งนั้น)
รู้จักเห็นใจตัวเองบ้าง ตั้งหลักให้ได้ แล้วเราจะแบกทุกคนได้ดีกว่าวันนี้
3. หัดเป็นคนจมูกไว และไม่นิ่งดูดายต่อปัญหา
นี่ถือเป็นสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดที่สำคัญ!
โลกส่งสัญญาณเตือนเราตลอด หัดสังเกตอะไรที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง ทำให้เรารู้สึกลำบากหรือคอยกวนใจ อาทิ เงินไม่เคยพอใช้ จ่ายบัตรเครดิตได้แค่ขั้นต่ำ หยิบยืมเงินกระทันหันตลอดเวลา รู้สึกจัดการชีวิตไม่ค่อยได้ ฯลฯ
สังเกตเห็นแล้วก็อย่านิ่งนอนใจ ลงมือทำอะไรสักอย่าง
เงินไม่ค่อยพอใช้ - ลองทำงบรายรับรายจ่าย ดูว่าเงินมันไหลไปที่ไหน
จ่ายบัตรเครดิตได้แค่ขั้นต่ำ จ่ายเต็มจำนวนไม่ไหว - เบาการใช้บัตรหน่อยดีมั้ยโยม
หยิบยืมเงินกระทันหันตลอดเวลา - โลกนี้มีวิชาวางแผนการเงินนะ เรียนรู้หน่อยดีมั้ย
รู้สึกจัดการชีวิตไม่ค่อยได้ - นั่งคุยกับตัวเอง หยิบกระดาษปากกามาลองขีดเขียนดูมั้ย ว่าตอนนี้รู้สึกไม่ดีกับเรื่องอะไร
ฯลฯ
กำแพงที่พังทลายล้วนเกิดจาก “รอยร้าว” ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น หรือมีคนเห็น แต่ไม่ได้ใส่ใจที่จะแก้ปัญหา ทั้งที่หากแก้ตั้งแต่มันยังเป็นแค่รอยร้าว ก็อาจแก้ไขได้ง่ายกว่านี้ เรื่องเงินทองก็เหมือนกัน
4. เพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ
เพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ เพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ เพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ
เพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ เพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ เพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ
เพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ เพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ เพิ่มพูนความรู้การเงินอยู่เสมอ
ความรู้การเงินจะช่วยให้มึง “รอด”
5. ฝึกนิสัยรักการแก้ปัญหา (อย่าหนี!)
การมีความรู้จะช่วยเปิดประตูใหม่ๆ ให้เราได้ลองหาทางออกจากปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ แต่มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าคุณมีความรู้ แต่มีนิสัยชอบหนีปัญหา หรือมองโลกในแง่ดีจัด ว่าปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายด้วยตัวมันเอง
ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้กลุ้ม ... พวกที่เอาแต่คิดวนไปวนมา ไม่มีทางแก้ปัญหาได้
วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ก็คือ การไปจัดการที่ต้นเหตุ พี่เองก็ชอบทำแบบนั้นนะ อย่างตอนแก้หนี้ วิธีแก้หนี้ที่ดีที่สุด ก็คือ คุยตรงๆ กับเจ้าหนี้ ปรึกษาเลยว่าแก้ไขอะไรได้บ้าง รวบหนี้รวมหนี้ ขอลดงวดผ่อน ขอจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย พักชำระหนี้ ขอแม่มหมดทุกทาง แต่ถ้าหมดทางจริงๆ ก็บอกไปเลย “อยากจ่ายนะ แต่ไม่มีเลย ถ้าพี่ไม่ช่วย พี่ก็ฟ้องเลยฮะ ไม่มีจริงๆ” (ประโยคนี้พี่ลองมาแล้ว น้องๆ ลองดู ฮา)
นิสัยรักการแก้ปัญหาสามารถฝึกกันได้ แต่หัวใจสำคัญมันอยู่ที่เจ้าของปัญหา ว่าคุณ “เชื่อ” หรือเปล่า ว่าเราจัดการกับมันได้ เอาชนะมันได้ และแก้ไขให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
ลองชนะปัญหาบ่อยๆ เริ่มจากเล็กๆ สะสมความเชื่อมั่นในตัวเองให้มากพอ แล้วโลกจะอยู่ในกำมือเรา (เดี๋ยววววว)
6. ทำทุกทาง ... เพื่อให้รอด
สุดท้ายถ้าต้องเอาให้รอดจริงๆ ก็ต้องยอมทำให้ได้ทุกอย่าง (เฮ้ย! แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม และไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนะ)
ตอนไม่มีเงินจ่ายเจ้าหนี้นอกระบบ พี่ยกมือไหว้เลย “พี่กินดอกผมมาเยอะแล้ว ขอส่งต้นอย่างเดียวได้มั้ยพี่”
เสี่ยงตีนนิดนึง แต่ก็นะ กูหมดทางจริงๆ สุดท้ายเจ้าหนี้ลดดอกเบี้ยให้ครึ่งนึง (ก็ยังดีวะ)
ตอนร้านของครอบครัวโดนยึด เพื่อนๆ รุมถาม “ทำไมร้านพ่อมึงปิดล่ะ” ตอบมันไปว่าเบาๆ ว่า “เจ๊งไง” มันก็ยังอุตสาห์ห่วงใยถามต่อ “ทำไมเจ๊งอ่ะ” ก็เลยตอบไปดีๆ ว่า “ขายได้น้อยกว่าที่จ่ายไง เหี้ย!” ถามจังงงง
นั่งคุยไกล่เกลี่ยที่ศาล ขอยังไงก็ไม่ลดหนี้ ไม่ลดงวดให้ ก็เลยบอกเจ้าหนี้ไปว่า “พี่ยึดอะไรได้ยึดเลย ผมก็หมดทาง แล้ว ลุกขึ้นยืนไหว้แล้วเดินหนีเลย เจ้าหนี้ตะโกนเรียก “เฮ้ยน้อง คุยกันก่อน” สุดท้ายก็เจรจาได้
ไม่ได้สอนให้เอาเปรียบใครนะ แต่จำไว้ไม่ว่ายังไง “กูต้องรอด"
ใครกำลังเหนื่อย กำลังสู้อยู่ พี่เอาใจช่วยนะ ถ้ามองไกลถึงอิสระทางการเงิน วิธีเอาตัวรอดง่ายๆ แค่นี้ต้องทำให้ได้ก่อน