สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี กรมประชาสัมพันธ์

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี กรมประชาสัมพันธ์ รายงานข่าวสารของรัฐบาลในทุกมิติ คลังสาระความรู้คู่เมืองปทุม

เอกนัฏ ส่ง “มอก.วอทช์“ AI ปราบสินค้าไม่ได้มาตรฐานทางออนไลน์ รวบแล้วแสนรายการ ป้องผู้บริโภคนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุ...
09/06/2025

เอกนัฏ ส่ง “มอก.วอทช์“ AI ปราบสินค้าไม่ได้มาตรฐานทางออนไลน์ รวบแล้วแสนรายการ ป้องผู้บริโภค

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมเปิดตัว "มอก.วอทช์" ระบบอัจฉริยะที่ใช้ AI ตรวจสอบสินค้าไม่ได้มาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกช่องทาง ครอบคลุมการตรวจสอบนับแสนรายการ พร้อมขยายภารกิจ "ทีมสุดซอย" สู่โลกออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อปกป้องผู้บริโภคและแก้ไขปัญหาสินค้าข้ามชาติทะลักไร้คุณภาพที่กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย

นายพงศ์พลได้อ้างอิงรายงานสถานการณ์การทะลักเข้าของสินค้าข้ามชาติของสภาอุตสาหกรรมที่ระบุว่าสถานการณ์การทะลักเข้าของสินค้าข้ามชาติมีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่วนมากเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ประกอบการและผู้ผลิตไทย ทั้งในเรื่องของการแข่งขันด้านราคา การละเมิดลิขสิทธิ์ และลักลอบนำเข้ามาสวมสิทธิ์ในการส่งออก ซึ่งปัจจุบันได้เกิดปัญหานี้ในสินค้าทุกชนิด เกิดผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างรุนแรง

รัฐมนตรีเอกนัฏเล็งเห็นถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และด้วยข้อจำกัดของจำนวนเจ้าหน้าที่ จึงได้มอบหมายให้คณะกรรมการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรม (INDX) นำโดยนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการปราบปรามปราบปรามและป้องกันสินค้าไม่ได้มาตรฐาน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยคณะกรรมการ INDX ได้พิสูจน์ผลงานมาแล้วจากความสำเร็จของระบบ “แจ้งอุต” ช่องทางออนไลน์ ร้องเรียนภาคอุตสาหกรรมเพื่อประชาชนได้รับความนิยมอย่างสูงสุด และตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาคณะกรรมการINDX เดินหน้าพัฒนาระบบที่ป้องกันผู้บริโภคจากสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่เรียกว่า “มอก.วอทช์” ซึ่งได้ใช้กลไกลในการพัฒนาเวอร์ชั่นแรกในการตรวจจับสินค้าที่ไม่ได้ มอก. โดยใช้ “บอทอัตโนมัติ” แทนมนุษย์ ในการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลสินค้าบนหน้าเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์ ที่ใช้เทคโนโลยี Ai จับ Keyword หรือ รูปภาพ เปรียบเทียบข้อมูลในระบบของ มอก. พร้อมรวบรวมลิ้งค์ที่ผิด พรบ. มอก.

ซึ่งในระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา Ai “มอก.ว็อทช์” ได้ตรวจจับและรวบรวมรายการที่เข้าข่ายไม่ได้มาตรฐานแล้วกว่า 98,756 รายการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบคัดกรองสินค้าที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างชัดเจน

นายพงศ์พล กล่าวต่อว่า จากข้อมูลและการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สินค้าไม่มี มอก. และถูกฝ่าฝืนมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1.กลุ่มพลาสติกสัมผัสอาหาร 2.กลุ่มของเล่นเด็ก 3.กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้า 3 กลุ่มนี้ล้วนเป็นสินค้าที่ต้องมี มอก. บังคับใช้ตามกฎหมายอย่างชัดเจน เพื่อรับประกันคุณภาพและความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ตอกย้ำความจำเป็นของระบบ “มอก. วอทช์” ในการเข้ามาจัดการปัญหานี้

ถึงแม้จะไม่มีงบประมาณสนับสนุนสำหรับระบบ “มอก.วอทช์” แต่ต้องขอขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ตรวจจับสินค้าไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม นำโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ทุกท่านที่มุ่งมั่น ทุ่มเท และได้ร่วมกันผลักดันการทำงานอย่างไม่ย่อท้อ

“ขณะนี้ระบบ มอก.วอทช์ กำลังเก็บรวบรวม URL ของผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนขายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน โปรดติดตามผลการดำเนินงานของเราเร็วๆนี้ครับ “ นายพงศ์พล ย้ำเตือนผู้ขายสินค้าไม่ได้ มอก. เตรียมดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องผู้บริโภคและสร้างความเป็นธรรมในตลาดต่อไป

รมว.คลัง ปาฐกถา ออท.-กสญ.ไทย ย้ำการลงทุนโครงสร้าง ศก.อุตสาหกรรมเป้าหมาย-เพิ่มแรงขับเคลื่อน ศก.ระยะยาว.นายพิชัย ชุณหวชิร ...
09/06/2025

รมว.คลัง ปาฐกถา ออท.-กสญ.ไทย ย้ำการลงทุนโครงสร้าง ศก.อุตสาหกรรมเป้าหมาย-เพิ่มแรงขับเคลื่อน ศก.ระยะยาว.
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก เพื่อถ่ายทอดหลักคิดสำคัญของเศรษฐกิจไทย และแนวทางการยกระดับศักยภาพของประเทศผ่านการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง โดยได้ชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างรายได้ของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้า และบริการ 73% และการบริโภคภาคเอกชน 60% เป็นหลัก พร้อมย้ำว่า รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความสมดุลให้กับระบบเศรษฐกิจไทย ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ และการปฏิรูปกฎระเบียบเชิงระบบ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังได้เน้นย้ำถึงการการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ คมนาคม การศึกษา สาธารณสุข และพลังงาน, การส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมฐานข้อมูล, การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจและการค้า และการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อกระตุ้นการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังย้ำว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตที่ครอบคลุม โดยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น รายได้ที่สูงขึ้น และการบริโภคภายในประเทศ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

ทั้งนี้ ภายหลังจบการบรรยาย คณะทูตได้รับมอบหมายพันธกิจเชิงยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศของไทย ทั้งการเชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเป้าหมาย, การค้นหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนในตลาดใหม่ ๆ และการเสนอแนวทางและความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการศึกษาของไทย โดยเรียนรู้จากต้นแบบต่างประเทศ

โดยการประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ในการเชื่อมโยงนโยบายการต่างประเทศ เข้ากับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติ และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

"ภูมิธรรม" แจ้ง ทหารกัมพูชาถอนกำลังแล้ว หลังไทยออกมาตรการคุมเข้มจุดผ่านแดนชายแดนไทย–กัมพูชา▶️ อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : http...
09/06/2025

"ภูมิธรรม" แจ้ง ทหารกัมพูชาถอนกำลังแล้ว หลังไทยออกมาตรการคุมเข้มจุดผ่านแดนชายแดนไทย–กัมพูชา

▶️ อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : https://pathumthani.prd.go.th/th/content/category/detail/id/38/iid/395954

#ภูมิธรรมแจ้งทหารกัมพูชาถอนกำลังแล้วหลังไทยออกมาตรการคุมเข้มจุดผ่านแดนชายแดนไทยกัมพูชา #เพื่อนบ้านกันคุยกันได้ #ไทยกัมพูชา #กระทรวงกลาโหม #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

รมว.กต.ประชุม ออท.-กสญ.ไทยผลักดันผลประโยชน์ไทยให้ตอบโจทย์ความท้าทายโลก-สร้างรายได้ ปชช.ทั่วถึง - ย้ำ "ทูต ศก.เชิงรุก" ดั...
09/06/2025

รมว.กต.ประชุม ออท.-กสญ.ไทยผลักดันผลประโยชน์ไทยให้ตอบโจทย์ความท้าทายโลก-สร้างรายได้ ปชช.ทั่วถึง - ย้ำ "ทูต ศก.เชิงรุก" ดันเครื่องยนต์ ศก.อุตสาหกรรมใหม่รับเทรนโลก.
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ประจำปี 2568 เพื่อร่วมกันกําหนดทิศทาง และแนวทางขับเคลื่อนนโยบายการต่างประเทศในบริบทโลก ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ในหัวข้อการประชุม “การทูตเชิงรุกที่ตอบโจทย์ประชาชน: จากนโยบายสู่การปฏิบัติ” ว่า การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญที่ โลกอยู่ในจุดเปลี่ยน (Turning point) ที่สำคัญ โดยเฉพาะโครงสร้างอำนาจและระเบียบโลก แบบหลายขั้วอำนาจ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ อาจเห็นความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเดิม กับมหาอำนาจ
ใหม่ ๆ ท้าทายโลกกลับสู่ภาวะไร้เสถียรภาพ ประเทศต่าง ๆ ต้องปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ภาวะนี้ มักนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เกิดความขัดแย้งทางทหารในวงกว้าง ดังนั้น จึงขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ร่วมกันมอง และประเมิน ผลกระทบในภาพใหญ่ และระยะยาวให้กว้างกว่าการรับมือกับมาตรการตอบโต้ทางภาษีในปัจจุบัน และร่วมกันปรับเป้าหมายและกลยุทธ์ การดำเนินนโยบายต่างประเทศให้มีความชัดเจน และสอดคล้องกับบริบทโลกปัจจุบัน เพื่อขับเคลื่อนการต่างประเทศ นำพาประเทศไทยไปอยู่ในตำแหน่งจุดยืนที่จะสามารถแสวงหาประโยชน์สูงสุด ภายใต้การเมืองโลกปัจจุบัน และอนาคต เพื่อรักษา-ผลักดันผลประโยชน์ของไทยให้ตอบโจทย์

นายมาริษ ยังย้ำหลักการการดำเนินนโยบายต่างประเทศไทย ที่รัฐบาลใช้เป็นแนวทางการขับเคลื่อนการต่างประเทศในปัจจุบัน อาทิ การรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ (strategic balance) กับมหาอำนาจหลัก และการเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับมหาอำนาจรอง เพื่อกระจายความเสี่ยง (multiple alignment) รักษาจุดแข็งของไทยที่ไม่เลือกข้าง อยู่บนพื้นฐานของการปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติอย่างยืดหยุ่น ยึดผลประโยชน์แห่งชาติและประชาชนเป็นสำคัญ, การมีส่วนร่วมในการกำหนดระเบียบโลกใหม่ในประเด็นต่าง ๆ และของกลุ่มต่าง ๆ เช่น OECD และ BRICS เพื่อเป็นผู้เชื่อมกลุ่มและขั้วอำนาจต่าง ๆ และเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพ (peace promoter) และผู้ปกป้องกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นจุดเปราะบางต่าง ๆ โดยในช่วงที่ผ่านมา บทบาทของไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมา และการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถคงบทบาทที่สร้างสรรค์ในประเด็นความมั่นคงทางอาหารและความมั่นคงทางสุขภาพ จากจุดแข็งของไทยด้านการเกษตรและสาธารณสุขด้วย

นายมาริษ ยังเน้นย้ำถึงการใช้นโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก ผ่านการเร่งส่งเสริมเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ หรือ GDP growth engines ที่เป็นสินค้าในอุตสาหกรรมใหม่ (S Curve) และเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ให้มีปริมาณการผลิต เพื่อใช้ในประเทศ นำเข้า และส่งออกมากขึ้น อาทิ Semiconductor, AI, EV, Data Center, Robotic เป็นต้น โดยรัฐบาลเน้นดำเนินการผ่านการดึงดูดการลงทุนใน 7 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์, อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, แบตเตอรี่ไฟฟ้า และยานยนต์ไฟฟ้า ฐานชีวภาพ (BCG) ดิจิทัลและสร้างสรรค์ และศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ควบคู่ไปกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ที่ต้องเร่งเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างศูนย์กลางการบิน Landbridge, Financial Hub และกฎกติกาทางเศรษฐกิจในบริบทโลกใหม่ อย่าง FTA OECD ระเบียบ AI รวมทั้งยังต้องรักษาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเดิมตั้งแต่การท่องเที่ยว การส่งออกสินค้าเกษตร ตลอดจนสินค้าหลักตัวอื่นๆ เช่น รถสันดาบ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อัญมณี ควบคู่ไปกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนอย่างทั่วถึง

นายมาริษ ยังคาดหวังว่า ผลลัพธ์ของการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ครั้งนี้ จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศ ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นการทูตต้องจับต้องได้ ทำให้ประชาชนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น

09/06/2025

🔴 LIVE 1 การตรวจราชการของ
นายกรัฐมนตรี ณ พื้นที่โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ไขปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องจาก
พระราชดำริ บ้านปากชัดหนองบัว หมู่ 2 ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี

ศอ.ปชด. หนุนเต็มที่ร่วมขับเคลื่อนมาตรการปกป้องอธิปไตย คุมเข้มจุดผ่านแดนชายแดนไทย–กัมพูชาย้ำ!!! ใช้มาตรการเข้มข้น-สันติวิ...
08/06/2025

ศอ.ปชด. หนุนเต็มที่
ร่วมขับเคลื่อนมาตรการปกป้องอธิปไตย คุมเข้มจุดผ่านแดนชายแดนไทย–กัมพูชา

ย้ำ!!! ใช้มาตรการเข้มข้น-สันติวิธี เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน พร้อมยกระดับปราบ “อาชญากรรมข้ามชาติ–แก๊งสแกม–ค้ามนุษย์”

คำชี้แจงของนายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเราได้รับรายงานข่าวจากการเจรจากันทั้งสองฝ่ายใ...
08/06/2025

คำชี้แจงของนายภูมิธรรม เวชยชัย
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เราได้รับรายงานข่าวจากการเจรจากันทั้งสองฝ่ายในทุกระดับ สรุปตรงกันว่า ขณะนี้กองกำลังของทั้ง2ฝ่าย(ไทย -กัมพูชา)ได้ออกตรวจแนวพื้นที่ร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายพยายามหาวิธีการในการลดความขัดแย้ง และการเผชิญหน้า ซึ่งทำให้สถานการณ์ในพื้นที่เป็นไปในทางที่ดีมากขึ้น

ในนามของกระทรวงกลาโหมและกองทัพไทย ขอขอบคุณ รัฐบาลกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังส่วนหน้าของกองทัพกัมพูชา ที่ได้ร่วมกันเจรจาและช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ไปในทางที่ดี เป็นไปตามหลักการที่ยึดสันติเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย

ความคืบหน้าขณะนี้ กองกำลังสองฝ่ายได้มีการออกสำรวจพื้นที่และแนวคูเลตร่วมกัน และได้มีการกลบฝังพื้นที่ตามข้อตกลงร่วมกัน พร้อมกับมีการปรับกำลังของทั้งสองฝ่ายไปอยู่ในแนวพื้นที่ที่ได้ตกลงกันไว้ในช่วงสถานการณ์ปกติเมื่อปี 2567 เรียบร้อยแล้ว

เราทั้ง 2 ฝ่ายคาดหวังจะให้วิถีทางการแก้ปัญหาผ่านกลไก JBC ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เป็นการคลี่คลายปัญหาของทั้งสองประเทศอย่างสันติ

กระทรวงกลาโหม ขอขอบคุณกองกำลังฝ่ายไทย แม่ทัพภาค 2 และกองทัพบกที่อดทนอดกลั้น ต่อสถานการณ์และยึดสันติวิธีเป็นที่ตั้ง

จากนี้ไป ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกฝ่ายระมัดระวังการให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อไม่นำไปสู่สถานการณ์ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งใหม่มากยิ่งขึ้น

8 มิถุนายน 2568
ณ 18:30 น.

08/06/2025
  | "จำกัด" การผ่านแดน เพื่อความปลอดภัย-ลดความเสี่ยงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา| https://www.facebook.com/share/p/18vq3yfgK...
08/06/2025

| "จำกัด" การผ่านแดน เพื่อความปลอดภัย-ลดความเสี่ยงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
| https://www.facebook.com/share/p/18vq3yfgKE/
╔════════╗
#สรุป | การบริหารพื้นที่ชายแดน ด้วยมาตรการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา (8 มิ.ย.68)
⚠️| กัมพูชา...เสริมกำลังตามแนวชายแดน และดัดแปลงที่มั่นทางทหาร และเสี่ยงเกิดเหตุไม่พึงประสงค์
⚠️| ไทย..."จำกัด" การผ่านแดน เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ชายแดน
╚════════╝
🛡 รายละเอียด | หลักปฏิบัติที่สำคัญๆ
[1] การกำหนดมาตรการต่างๆ ที่มีการยกระดับตามแนวชายแดนครั้งนี้ เป็นไปตามมติ #สภาความมั่นคงแห่งชาติ และ #นโยบายรัฐบาล โดยมีการกำกับดูแล #การแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยกระทรวงกลาโหม
[2] การปฏิบัติปัจจุบัน
| เป็นการเพิ่มความเข้มงวดในการผ่านจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา (ขั้นที่ 1 จำกัดบุคคล และขั้นที่ 2 จำกัดเวลา)
| ยังไม่ได้มีการปิดจุดผ่านแดน
| เว้นช่องทางธรรมชาติที่ได้ปิดไปแล้ว ช่วงที่มีการยกระดับการปราบปราม
ขบวนการยาเสพติดและแก๊ง call center ในเวลาที่ผ่านมา
[3] สาเหตุที่ประเทศไทยต้องกำหนดมาตรการนี้
| เนื่องจากมีการเพิ่มเติมกำลังของทหารฝ่ายกัมพูชาตามแนวชายแดน และมีการดัดแปลงที่มั่นทางทหาร
| อาจมีความเสี่ยงที่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่พึ่งประสงค์
| ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ทั้งไทย-กัมพูชา ตามแนวชายแดน
🎯อย่างไรก็ตาม...รัฐบาลยังมีความห่วงใยผลกระทบต่อ #การดำรงชีวิตประจำวัน ของพี่น้องประชะชาชนตามแนวชายแดน จึงกำหนดข้อยกเว้นภารกิจจำเป็นต่างๆ ไว้ด้วย
╔════════╗
🛡 | มาตรการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ดำเนินการ #จากเบาไปหาหนัก ได้สัดส่วนตามสถานการณ์
📝| https://www.facebook.com/share/p/1HsiBiQReN/
╚════════╝
#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
#สนามไชย2
#รวมไทยไปด้วยกัน
++++++++++++
ติดตาม "สนามไชย2" ในทุกแพลตฟอร์ม |
🌐Instagram : https://www.instagram.com/sanamchai2th/
🌐X : https://x.com/sanamchai2th
🌐Tiktok : https://www.tiktok.com/
🌐Threads : https://www.threads.net/

ไทยยกระดับโต้กัมพูชา หลังปฏิเสธข้อเสนอลดความตึงเครียด-เสริมกำลังพลเข้าประชิดแนวชายแดน ยันประชุม JBC ยังมีอยู่ พร้อมเดินห...
08/06/2025

ไทยยกระดับโต้กัมพูชา หลังปฏิเสธข้อเสนอลดความตึงเครียด-เสริมกำลังพลเข้าประชิดแนวชายแดน ยันประชุม JBC ยังมีอยู่ พร้อมเดินหน้าเจรจาอย่างสันติวิธี

#ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทย #กัมพูชา

ที่อยู่

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี เลขที่ 1 ชั้น 1 ต. บางปรอก อ. เมือง จ. ปทุมธานี
จ. ปทุมธานี
12000

เบอร์โทรศัพท์

+6625812121

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี กรมประชาสัมพันธ์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์