Tharathorn Photography สอนถ่ายภาพ

22/06/2025

ระหว่าง Fujifilm X-Half ที่เราชอบในดีไซน์หรือรูปร่างหน้าตา กับ Fujifilm X-M5 ที่มาพร้อมกับ Feature และ Fuctions ที่จัดเต็ม...
ในราคาที่ไม่ต่างกันมาก เราจะเลือกตัวไหนดี.!?

20/06/2025

หลังจากได้ลองเอา Insta360 Ace Pro2 ถ่ายภาพนิ่งดู เพราะรู้ว่าเขา Co Engineered with Leica น่าจะไดภาพที่สวย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
แต่ว่าน่าจะดีถ้ามี Grip มาติดเพิ่มเพื่อให้กล้องแอคชั่นตัวเล็กๆ จับถนัดมือและดูเหมือนกล้องถ่ายรูปมากขึ้น...
สำหรับ Xplorer Grip Kit ตัวนี้จะเป็นของแบรนด์อิสระที่ทำขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีเพราะมีราคาที่เบาลงมาหน่อย ลองดูว่าหน้าตาจะออกมาสวยงามเหมือนกล้องถ่ายภาพแค่ไหน...อย่าลืมนะว่านี่น้องๆ Leica นะ

09/06/2025

อยากซื้อกล้องเป็นของตัวเองเอาไว้ไปเที่ยว X-T30 หรือ X-Half เลือกตัวไหนดี ถ้าราคาไม่ไกลกันมาก

02/06/2025

X-Half ถือเป็นกล้องดิจิตอลอีกตัวที่ได้รับความสนใจเยอะมาก
ส่วนหนึ่งอาจมาจากหน้าตา ที่เหมือนกล้องฟิล์ม
ส่วนหนึ่งอาจมาจากฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่ยังเหมือนกล้องฟิล์ม ที่เป็นกล้อง Half-frame รวมตัว App ที่มารองรับการใช้งานยังทำให้เป็นเสมือนการล้างฟิล์มอีก
และที่ขาดไม่ได้คือ Film simulation ที่ทำให้กล้อง Fujifilm ได้สไตล์ภาพที่ใกล่เคียงกับภาพที่ได้จากฟิล์มถ่ายภาพจริงๆ....

28/05/2025

กล้องดิจิตอลกำลังกลับมา...
ตอนแรกที่ได้ยินคำนี้ก็รู้สึกแปลกๆ เพราะว่าเราก็ใช้กล้องดิจิตอลอยู่ตลอดเวลา จะกลับมากี่โมง.!?
พอคิดทบทวนอีกทีก็ "อ๋อ" คงหมายถึงสำหรับคนทั่วไปที่ใช้โทรศัพท์มือถือหรือ Smartphone ถ่ายรูปกัน แล้วหันมาใช้กล้อง ที่เป็นกล้องจริงๆอย่าง "กล้องดิจิตอล"
วันนี้พี่เลยเอากล้องดิจิตอลของ Kodak มาลอง และมาเล่าให้ฟังว่าน่าสนใจแค่ไหน...
ไปดูกัน....

Send a message to learn more

28/05/2025

ถามว่า "เลนส์ค่าย กับ เลนส์นอกค่าย" ตัวไหนดีกว่ากัน
พอดีวันนี้มีเลนส์ขนาดเดียวกันที่เป็นเลนส์ค่ายกับเลนส์นอกค่ายพอดี ก็เลยอยากที่จะเอามาเปรียบเทียบให้ดูกันชัดๆ ว่าต่างกันยังไง...
แต่ก็แค่สองตัวนี้นะ ไม่ได้หมายถึงทุกตัว หรือทุกรุ่น ต้องพิจารณาเป็นรุ่นๆไปนะครับ...

Send a message to learn more

26/05/2025

เลนส์ Tilt ตัวใหม่จาก TTArtisan ที่ออกแบบมาสำหรับกล้อง APS-C โดยเฉพาะ มีให้เลือกทั้งหมด 5 เม้าท์ คือ SonyE, Fuji X, Nikon Z, Canon RF และ M43
ในคลิปจะเป็น Sony E บอกเลยว่าเป็นอีกเลนส์ตัวหนึ่งที่รู้สึกว่า "สนุก" ในการถ่าย เพราะมีอะไรที่ให้เราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายวิดีโอ




https://ttartisan.store/products/tilt-35mm-f1-4

30/01/2025

เมื่ออยากรู้ว่าถ้าเราเอากล้อง Action Camera มาถ่ายวิดีโอในสตูดิโอแบบจัดแสงถ่าย เอาไปถ่ายภาพนิ่งเหมือนกล้องถ่ายภาพ และถ่ายเอาไปถ่ายงานในที่แสงน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่น้อยคนทำกัน...
สิ่งที่ได้จะเป็นยังไง.!?

17/01/2025

Sony A6400 เป็นกล้อง Sony ตัวแรกที่รู้สึกอยากได้
หลังจากลองใช้กล้อง Sony ได้สักพัก ก็เริ่มหลงรักในความ "เบา"
บางครั้งเราเองก็รู้ ว่าสิ่งที่ถืออยู่นั้น "หนัก" แต่บางทีเราก็ไม่อาจปล่อยวางมันได้
การไม่ยึดติด ทำให้เรา "เบา สบาย"
การถ่ายภาพก็เช่นกัน...

15/01/2025

มี Sony ZV-E10 แล้ว
ทีนี้ก็ต้องมีอุปกรณ์เสริม ไม่ว่าจะเป็น ไฟ ไมค์ ขาตั้ง
คลิปนี้จะมาพูดถึงอุปกรณ์เสริม ที่ "น่าจะมี" เพื่อให้เราได้งานที่ดีมีคุณภาพมาดขึ้นครับ...

14/01/2025

คลิปที่ 785
มาดูว่านอกจากมีกล้องแล้ว ควรมีอะไรอีกบ้างสำหรับสายครีเอเตอร์
การ์ด เลนส์ ไมค์ ไฟ ขาตั้ง การ์ดรีดเดอร์ ชุดทำความสะอาด ฯลฯ
เอาที่จำเป็นพอ...

1 ปี 168 คลิปยาว 174 อัพโหลด ก็เยอะอยู่นะ
ไหนๆก็นับแล้ว เลยจัดอันดับซะเลย กับ 8 คลิปยอดวิวสูงสุดของปี 2024
และมีคลิปที่อยากแนะนำให้ดู
อย่างคลิปทดลองตื่นตี 5 เป็นเวลา 30 วัน ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างมั้ย
อันนี้ต้องลองทำ...

02/01/2025

ถ้าสิ่งที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้ก็คงเป็นการเปลียนแปลงที่มีเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่ใช่สิ่งใหม่เป็นสิ่งที่ทำอยู่แล้ว
เริ่มจากการอ่านหนังสือที่มากขึ้น ไม่นับรวมตอนเด็กที่ไม่อ่านเลย หลังจากเริ่มอ่านหนังสือที่เป็นหนังสือ "นอกตำรา" ครั้งแรกราวๆปี 47 จากหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
"คุณเอาหนังสือเล่มนี้ไปอ่านแล้วมาสรุปให้พี่ฟังนะ"
The Magic Of Thinking Big หรือ "คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก" ในชื่อภาษาไทย ซึ่งใช้เวลาในการอ่านประมาณ 2 เดือน เพราะเป็นคนอ่านหนังสือช้ามาก นี่อาจจะเป็นหนึ่งสาเหตุของการไม่ชอบอ่านหนังสือ ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในเรื่องของการอ่าน จากที่เคยอ่านแต่เรื่องสั้นสมัยที่เรียนหนังสือ (เพราะอ่านเรื่องยาวไม่เคยรอด)
หลังจากนั้นในปีเดียวกันก็ตามมาด้วย Rich Dad Poor Dad "พ่อรวยสอนลูก" 4 เล่มรวด เหมือนราวกับว่าอ่านแล้วเราจะรวยขึ้นมาทันที แบบประมาณ "แค่ซื้อหนังสือมา" ก็ดูฉลาดขึ้นแล้ว อ่านไม่อ่านอีกเรื่องหนึ่ง 😊
ยังไม่พอในความรวย เมื่อไปเจอ Think And Grow Rich คิดแล้วรวย
ตามมาด้วย Secret Of Millionaire Mind ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน
และอีกหลายเล่มที่เกี่ยวอะไรที่รวยๆ
มันเหมือนสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเรา มันคือความรู้ที่เราไม่เคยรู้ เพราะชีวิตอยู่กับแต่ดินสอ EE กระดาษ 100ปอนด์ กล้อง ฟิล์มและนิตยสารถ่ายภาพ...
และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...
คือเริ่มรู้สึกอึดอัด เริ่มรู้สึกไม่มีความสุข เริ่มรู้สึกว่าชีวิตขาดความเป็น "ศิลปะ" เพราะทุกสิ่งที่คิดและลงมือทำคือ "เพื่อธุรกิจ" ทำให้ "สุนทรียะ" ของชีวิตหายไป
"เลิก"
ตั้งแต่ปี 50 เราเลิกอ่านหนังสือทันที ไม่จับอีกเลย "ชีวิตมีไว้ให้ใช้" กลับมาใช้ชีวิตเดิม อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป ถ้างานไหนอยากทำ "ผมทำให้ฟรี" ถ้างานไหนไม่อยากทำก็ตอบว่า "ปกติผมไม่รับงานแบบนี้ครับ"
อยู่มาวันหนึ่ง ประมาณปี 58 เริ่มกลับมาทำธุรกิจของตัวเองอีกครั้ง และเป็นช่วงที่งานถ่ายภาพเยอะมาก เยอะจนไม่มีเวลาพัก ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย หนังที่เคยชอบดูก็ไม่มีเวลาไปดู ทางออกคือ "หนังสือ" แต่เปลี่ยนไปเป็นหนังสือนิยายแปล โดยมีวิธีการอ่านแบบง่ายๆคือ...
เมื่อรีทัชงานเสร็จ 10 รูป จะได้พักอ่านหนึ่งตอนหรืออย่างน้อย 10 หน้า ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่เพลินมาก ยิ่งถ้านิยายเรื่องไหนสนุก น่ารู้ น่าลุ้น การทำงานก็ยิ่งเร็ว ยิ่งลื่น เพราะว่าอยากอ่านต่อ
ขนาดบางเดือนงานพีคๆ ถ่ายพรีเวดดิ้ง 25 คู่ ต้องรีทัชภาพคู่ละ 30 ภาพ นี่ยังไม่รวมเวลานั่งเลือกรูปจากเป็นพันๆ รูปต่อคู่
แต่ก็ทำงานทันถึงขั้นผู้ช่วยถามว่า "พี่ทำทันได้ยังไง" นี่แหละคือเคล็ดลับ
ซึ่งเพิ่งอ่านเจอในหนังสือกองนี้ที่เขาแนะนำเรื่องการสร้างแรงจูงใจในการทำบางสิ่ง เช่นการทำงาน โดยการแทรกเรื่องสนุกๆ หรือสิ่งที่อยากทำเข้าไป เหมือนการรีทัชรูป 10 รูปต่อการอ่านนิยาย 10 หน้า บางทีงานเสร็จเร็วขึ้นมากกว่าการนั่งรีทัขงานอย่างเดียวซะอีก
เมื่อโควิดเข้ามา เหมือนทุกอย่างถูกเเบรก หลายอย่างช้าลง และบางอย่างก็หยุด
และเมื่อประมาณกลางปีที่ผ่านมานี่เองที่เราเริ่มกลับมาอ่านหนังสืออีกครั้ง ช่วงเวลา 6 เดือนกับการอ่านหนังสือ 23 เล่ม ซึ่งจริงๆก็ก่อนหน้านั้นตั้งแต่ต้นปีก็มี 5-6 เล่มที่อ่านแต่ก็อ่านไม่จบสักเล่ม คิดว่าปีนี้จะลื้อกลับมาอ่านใหม่อีกรอบ
และการอ่านรอบนี้ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือน "กลับไปเรียนหนังสือ" อีกรอบ เป็นเหมือนการเรียนปริญญาที่ไม่มีมหาวิทยาลัยมาบังคับวิชาเรียน และแน่นอนว่าไม่มีใบปริญญาให้ แต่สิ่งที่ได้คือ "การเรียนรู้" ในสิ่งที่เราอยากรู้จริงๆ และเราก็ได้สนุกกับการเรียนรู้ คิดและวิเคราะห์
เอาจริงๆแล้วการอ่านหนังสือในช่วงวัยนี้เหมือนเรียนปริญญาโทด้วยซ้ำ เพราะว่าบางอย่างที่เรา "ไม่เข้าใจ" ในวัย 30 หรือ 40 เราก็เข้าใจมันได้ในวัยนี้ เหมือนมีสิ่งต่างๆสะสมอยู่ในสมองแล้วเริ่มตกตะกอนในตอนอ่าน
และที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของ "การเข้าใจ" มาจากประสบการณ์
แม้จะเป็นหนังสือเล่มเดียวกัน คนอ่านคนละคนก็ตีความต่างกัน
หรือแม้แต่ "เราเอง" อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน แต่อ่านในช่วงวัยที่ต่างกัน เราก็ตีความและเข้าใจต่างออกไป
ถ้าจะให้แนะนำหนังสือจาก 23 เล่มนี้ ว่าควรเริ่มเล่มไหนก่อนดีที่จะช่วยจุดไฟในการอ่าน
เล่มแรกคือ Lucky "ความสำเร็จได้มาเพราะโชคช่วย"
จะทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมวันนี้เราทำสิ่งนี้อยู่ เอาง่ายๆคือเหมือนหลักแห่งเหตุและผล ซึ่งก็ฟังดูย้อนแย้งกับคำว่า Lucky หรือโชคอยู่พอสมควร แต่เมื่ออ่านแล้วเราจะเข้าใจ
และคิดว่าน่าจะมีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่อยากมี "โชคช่วย"
เล่มที่สอง Die With Zero "ตายที่ 0"
ถ้าให้สรุปสั้นๆก็คงหมายถึงความพอดี เอาง่ายๆคือ เราไม่จำเป็นต้องหาเงินจนท่วมหัวแล้วก็ไม่มีแรงใช้ สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้
เป็นการบริหารเวลา การสร้างประสบการณ์และบริหารควาสุข
ส่วนเล่มที่สามก็คงเป็นของ "อีโร่" ของเรา Be Useful "จงทำตัวให้มีประโยชน์" ของ Arnold
เอาจริงๆ ก็มีส่วนคล้ายกับ Lucky ที่ทำให้เรารู้ว่า "ทำไม" จากเด็กคนหนึ่งที่เติบโตที่ออสเตรีย ถึงกลายดารา Hollywood ที่มีค่าตัวสูงที่สุด และยังได้เป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐ
รวมถึงไอเดีย ความคิด หลักการบางอย่างในการทำงาน
อ่านๆไปก็เหมือนกำลังนั่งคุยกับคนเหล็ก "I'll be back"
เล่มที่สี่ยกให้ Same as Ever "จิตวิทยาเอาชนะอนาคต"
เอาจริงๆพอเริ่มอ่าน นี่มันเป็นเรื่องที่เราเคยรู้แล้วหรือเปล่า.!?
ใช่มันคือ Same as Ever
บางอย่างมันเคยเกิดขึ้น และบางอย่างมันก็เกิดซ้ำอีก เหมือนย้ำให้เราเข้าในโลกมากขึ้น แต่ถึงแม้บางเรื่องเราจะรู้แล้ว เราก็ยังอยากรู้อีกอยู่ดี
"ป้าข้างบ้าน" คือจิตวิญญาณ คือจิตใต้สำนึกของมนุษย์ คือความอยากรู้อยากเห็น
แต่เล่มนี้ไม่ได้แค่เล่าให้รู้ แต่เขาเล่าเพื่อให้เราได้เรียนรู้
อีกเล่ม เป็นเล่มสุดท้ายก่อนละกัน เดี๋ยวจะยาวเกินไป Grit "สิ่งที่ต้องมี... เมื่อคุณไม่มีแต้มต่อในชีวิต"
เป็นเล่มที่กำลังอ่านอยู่ ใกล้จบแล้ว ขอเป็นการแนะนำระหว่างทางละกัน
เล่มนี้เป็นหนังสือที่มีหน้าปกที่ไม่น่าสนใจให้หยิบอ่านสักเท่าไหร่ แต่กลายเป็นหนังสือที่ทำให้ "ตื่นเต้น" ที่สุด อ่านแบบไม่อยากวาง และอยากรีบอ่านให้จบเร็วที่สุด
เป็นหนังสือที่พูดถึง พรสวรรค์กับความทรหด ที่บอกเราว่า "แค่พรสวรรค์อย่างเดียวไม่พอ" แต่คนที่ไม่มีพรสวรรค์ก็อาจจะทำได้ดีกว่าถ้าเขามีความทรหด...
ซึ่งอาจจะมีหลายอย่างที่ตรงกับประสบการณ์ชีวิตของตัวเราเอง เลยทำให้อินยิ่งขึ้น...
สุดท้ายถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ แปลว่า "คุณคือนักอ่าน" ตัวจริง
และขอให้โชคดีในวันนี้ และตลอดปี 68
และหวังว่าสิ่งนี้น่าจะจุดประกายไฟและไอเดียของหลายคนที่กำลังจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ในช่วงปีใหม่นี้
"สวัสดีปีใหม่ครับ"