หุ้นจงปัง

หุ้นจงปัง today is difficult. tomorrow is much more difficult. the day after tomorrow is beautiful. most people die tomorrow evening .

“น้ำดื่ม” อาจดูเป็นสินค้าธรรมดาในสายตาหลายคน แต่ในประเทศจีนที่มีประชากรเกิน 1,400 ล้านคน ตลาดน้ำดื่มกลับเป็นธุรกิจขนาดมห...
09/07/2025

“น้ำดื่ม” อาจดูเป็นสินค้าธรรมดาในสายตาหลายคน แต่ในประเทศจีนที่มีประชากรเกิน 1,400 ล้านคน ตลาดน้ำดื่มกลับเป็นธุรกิจขนาดมหึมา มูลค่าหลายแสนล้านหยวน และการแข่งขันนั้นดุเดือด

🌟โดยวันนี้ผมขอยกตัวอย่างมา 2 เจ้าที่ครองส่วนแบ่งตลาดมามากที่สุดคือ
✅1. Nongfu Spring – ผู้นำสายแบรนด์พรีเมียม
✅2. C’estbon – เบอร์สองสายปริมาณจากเครือรัฐวิสาหกิจ China Resources
ทั้งสองแบรนด์กินส่วนแบ่งตลาดรวมกันกว่า 40–50% และต่างก็มีแผนขยายสู่ฮ่องกงและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Nongfu Spring ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีชื่อ Zhong Shanshan โดย Nongfu วางตัวเป็นแบรนด์สุขภาพที่พรีเมียม “ไม่เติมแร่ธาตุ เพราะน้ำธรรมชาติดีอยู่แล้ว และมีรสชาติหวานนิดๆ ” ใช้กลยุทธ์เน้น emotional branding, packaging พรีเมียม และสินค้ามาร์จิ้นสูงเพื่อดึงกลุ่มผู้บริโภครายได้ปานกลางถึงสูง ด้วยกลยุทธ์แบบ Brand-Driven + High Margin
แม้ Valuation จะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่แบรนด์ที่แข็งแรงและกำไรต่อหน่วยที่สูง ทำให้ Nongfu ยังคงน่าสนใจในมุมมองของนักลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อบริษัทมีแผนขยายสู่ต่างประเทศในระดับภูมิภาค

🧃 สินค้าเด่น:
1.น้ำแร่ธรรมชาติ – ตัวหลัก มาจากแหล่งน้ำบนภูเขาในจีน
2.ชาพร้อมดื่ม – เช่น Oriental Leaf
3.น้ำผลไม้ – เช่น Farmer’s Orchard
4.น้ำวิตามิน / Energy drinks – กลุ่ม Functional beverage
5.น้ำแร่พรีเมียม – เช่น Nongfu Baishan (ขวดแก้ว)

📈 งบการเงินคร่าวๆ:
-รายได้ปี 2024: ~42,896 ล้านหยวน
-กำไรสุทธิ: ~12,123 ล้านหยวน
-อัตรากำไรสุทธิ: ~28% (สูงมากในกลุ่ม FMCG)
-P/E: ~33x (Forward ~29x)

🚀 โอกาสเติบโต:
1.ขยายกลุ่ม non-water beverage ที่ margin สูง
2.เจาะตลาดต่างประเทศ: ฮ่องกง, สิงคโปร์, ASEAN
3.สร้าง premium product line สำหรับสายสุขภาพ
4.เร่งการขายผ่าน e-commerce + social commerce (Tmall, JD)

C’estbon เป็นบริษัทลูก ในเครือ China Resources Group กลุ่มรัฐวิสาหกิจใหญ่ของจีน (ระดับเดียวกับ CP ในไทย) และเพิ่ง IPO ปี 2024 ที่ผ่านมา ได้เงินทุนกว่า 4.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อเร่งขยายการผลิตทั่วประเทศ มีเลขหุ้นคือ 2460

กลยุทธ์ที่ใช้คือ “ราคาถูก + ช่องทางจัดจำหน่ายทั่วถึง” เจาะลึกตลาดเมืองรองในจีน โดยเน้นขายน้ำบริสุทธิ์ที่ต้นทุนต่ำ และใช้ โมเดลธุรกิจแบบ Scale-Driven เพื่อดึงต้นทุนเฉลี่ยให้ต่ำลง สินค้ายังไม่หลากหลายเท่า Nongfu แต่เริ่มขยับเข้าสู่ชาและเครื่องดื่มสุขภาพแล้ว
Valuation ของ C’estbon ถูกกว่า Nongfu อย่างชัดเจน เพราะเพิ่งเข้าตลาดหุ้น และยังอยู่ในช่วงเร่งโตด้วยทุน IPO ก้อนใหญ่ ใครที่มองหาหุ้นเติบโตแต่ยังราคาไม่แรงมาก อาจมองว่า C’estbon คือโอกาสระยะกลางถึงสั้นที่น่าจับตา

🧃 สินค้าเด่น:
1.น้ำดื่มบริสุทธิ์ (Purified Water) – เจาะกลุ่มแมส ราคาต่อหน่วยต่ำ
2.น้ำแร่ – เปิดตัวแข่งขัน Nongfu
3.น้ำวิตามิน / น้ำเกลือแร่ – กลุ่ม functional
4.ชาพร้อมดื่ม – เริ่มขยายไลน์หลัง IPO

📈 ตัวเลขทางธุรกิจ:
-รายได้คาดการณ์ (2023–24): ~29,000 ล้านหยวน
-กำไร Q1/2025: +23% YoY
-อัตรากำไรสุทธิ: ~22%
-P/E หลัง IPO: ~22–25x

🚀 โอกาสเติบโต:
1.เพิ่มกำลังผลิตทั่วประเทศ
2.ปูพรม distribution ทั้งออนไลน์-ออฟไลน์
3.บุกตลาดเครื่องดื่มสุขภาพเพิ่ม
4.ใช้พลังรัฐวิสาหกิจ เจาะ hypermarket, โรงพยาบาล, สำนักงานรัฐ

08/07/2025

ช่องยูทูปโดนปิด ถามว่าเสียใจมั้ยก็นิดนึงแต่เสียดายมากกว่า555 เอาจริงผมยังไม่รู้เลยว่าโดนได้ไง เสียดายผู้ติดตามช่องกำลังโต5555 กับเงินที่ผมกำลังจะถอนได้ล่ะ สรุปปลิวไปก่อน

คือเรื่องมันเกิดคือหลังจากที่ผมกรอกข้อมูลให้ทาง google เพื่อรับตังเนี่ยแหละครับ แล้วเหมือนมันไม่ผ่านเพราะข้อมูลไม่ตรงบัตรประชาชน

ผมก็อ่ะส่งไปใหม่ สรุปตี 1 กว่ามีเมลเด้งช่องโดนปิดเลย พอกดอุทรไป 5 นาที มีเมลมาอีกบอกช่องคุณจะไม่ถูกนำกลับมาอีก ผมแบบ WTF มาก

ที่รู้สึกแย่คือ
1.ไม่มีการส่งเมลมาเตือนเลยสักครั้ง มาโดนทีปลิวคือระงับแล้วให้อุทรเลย
2.ไม่บอกว่าผิดกฎข้อไหน แต่ให้มาอ่านเอง ซึ่งมันบอกว่าใช้ AI + คน จับ จับผิด จับถูกป่าวก็ไม่รู้
3.ติดต่อซับพอร์ตยากมาก
4.ช่องผมนี่บริสุทธิ์ใจมาก ถ้าผมโดนช่องแบบผมคงหายไปเป็นแสนๆแน่

สาเหตุที่คิดว่าช่องโดนปิด ส่วนตัวคิดว่าเพราะแปะลิ้งลงทะเบียนมั้ง เป็น google form แค่นี้แหละ แต่แบบเห้ย เจ้าอื่นก็ทำ ทำไม่เราโดนได้เนี่ย เซ็งๆเลยครับ😅

07/07/2025

ใครมีปสก.ช่องโดนปิดแต่กู้กลับมาได้รบกวนทักผมมาหน่อยนะครับ
ถ้ามีปาฏิหาริย์กู้ได้นี่ผมกราบเลย🥲

07/07/2025

ช่องยูทูปผมปลิวแล้วครับ
ปลิวแบบกู้กลับไม่ได้😭
ฝากทุกคนรอติดตามช่องของผมใหม่เร็วๆนี้ครับ🫠

🌟ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี หลายอุตสาหกรรมดูเหมือนจะชะลอตัว แต่ก็ยังมีอีกหลายกลุ่มธุรกิจในไทยที่ยังโตได้อยู่ 🙏โพสนี้ผมเล...
07/07/2025

🌟ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี หลายอุตสาหกรรมดูเหมือนจะชะลอตัว แต่ก็ยังมีอีกหลายกลุ่มธุรกิจในไทยที่ยังโตได้อยู่

🙏โพสนี้ผมเลยจะมาแชร์ เพื่อให้เห็นภาพว่าธุรกิจไหนยังน่าจับตาอยู่บ้าง
โดยผมใช้เกณฑ์ TAM (Total Addressable Market) หรือ “ขนาดตลาดรวม” มาเป็นตัววัดหลัก แล้วเรียงลำดับตาม อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR)
ซึ่งนี้คือผลลัพธ์คือ 8 อันดับธุรกิจที่ TAM ยังโตแรงในไทย

✅1.E‑commerce (รวม social‑commerce)
ธุรกิจขายของออนไลน์ยังโตไม่หยุด โดยเฉพาะรูปแบบโซเชียลคอมเมิร์ซที่มัดใจผู้บริโภคผ่าน Live, TikTok และ IG กลายเป็น “พฤติกรรมพื้นฐาน” ไปแล้ว
– 26.9 % CAGR (2025–2033) เติบโตเดือดในไทย
ตัวอย่างหุ้น
COM7 – กลุ่มค้าปลีกอุปกรณ์ไอที/มือถือ
SPVI – หนึ่งในตัวแทนจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple

✅2.Energy‑as‑a‑Service
ธุรกิจพลังงานไม่ได้ขายไฟอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็น “บริการพลังงานครบวงจร” ทั้งระบบจัดการพลังงาน, smart grid และ energy storage
– 19.4 % CAGR (2025–2030) ตลาดบริการพลังงานในไทย
ตัวอย่างหุ้น
BCPG – พลังงานหมุนเวียน+บริการ
EGCO – ขยายสู่ระบบ smart energy

✅3.Solar Energy (ระบบโซลาร์)
ภาคครัวเรือนและโรงงานหันมาติดโซลาร์รูฟมากขึ้น ส่วนภาครัฐก็สนับสนุนเต็มที่
– 18.5 % CAGR (2023–2030)
ตัวอย่างหุ้น
BCPG – Solar project รายใหญ่
GUNKUL – Solar rooftop / IPP

✅4.Digital Health (Global proxy)
สุขภาพยุคใหม่คือเรื่องของเทคโนโลยี ทั้ง Telemedicine, AI วินิจฉัยโรค, และ Wearable Device ต่างๆ
– 22.2 % CAGR (2025–2030) ตลาดดิจิทัลเฮลท์โลกโตแรง
ตัวอย่างหุ้น
B*H – รพ.ใหญ่ + Telehealth
BDMS – รพ.เครือ BDMS + บริการดิจิทัล

✅5.ASEAN EV Market
ตลาด EV ในภูมิภาคกำลังเดือด รัฐไทยเองก็ผลักดันแบบสุดตัว ทั้งลดภาษี ยกเว้นค่าจดทะเบียน และสร้าง ecosystem รอบรถไฟฟ้า

– 12 % CAGR (2026–2032) ไทยโตตามภูมิภาค
ตัวอย่างหุ้น
EA – EV charging & smart energy
PTT –EV charger + สร้างสถานี

✅6.Renewable Energy (รวม)
– 9–12 % CAGR (2024–2030) พลังงานสะอาดโตต่อเนื่อง
ตัวอย่างหุ้น
BCPG, EA, GUNKUL

✅7.Digital Transformation (ไทย)
องค์กรและหน่วยงานรัฐไทยเริ่มตื่นตัวกับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ทั้ง Cloud, Cybersecurity และ AI
– 8.12 % CAGR (2024–2029) Digital transformation ไทยโตมั่นใจ
ตัวอย่างหุ้น
SAMART

✅8.EV Charging Infrastructure
สถานีชาร์จ EV คือตัวเร่งสำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ช่วงปี 2020–2025 โตแบบ x3 เท่า
– 7.5 % CAGR (2025–2031) + ปี 2020–2025 โต 62% แล้ว
ตัวอย่างหุ้น
EA, PTT

----
🙏สนใจเข้ากลุ่มไลน์กับหุ้นจงปัง สนับสนุนเพจ รับสัญญาณหุ้นเรียลไทม์ เพียงเปิดบัญชีเทรดหุ้นจงปัง เปิดได้ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ TFEX กองทุนรวมเลยครับ คลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ เด่วมีทีมงานติดต่อไปครับ เปิดฟรี ไม่มีขั้นต่ำครับ ค่าคอมถูกมาก
https://forms.gle/zEmgWokDBtRU5CN38

“ ที่มึงยังจนเพราะมึงขี้เกียจล่ะสิ ”“ คนสมัยนี้โครตสบาย เข้าถึงโอกาสได้โครตง่าย ไม่ต้องมาลำบากเหมือนพ่อกับแม่ ”ผมเชื่อว่...
06/07/2025

“ ที่มึงยังจนเพราะมึงขี้เกียจล่ะสิ ”
“ คนสมัยนี้โครตสบาย เข้าถึงโอกาสได้โครตง่าย ไม่ต้องมาลำบากเหมือนพ่อกับแม่ ”
ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้อ่าน หรือได้ยินคำพูดเหล่านี้มาบ้างแล้ว แต่คำพูดเหล่านี้เป็นความจริงรึเปล่า ?

หนังสือเรื่อง “ มนุษย์เงินเดือนต้องรอด ” เป็นหนังสือก่อนเงินที่ผมอ่านจบแล้ว รู้สึกว่ามันดีมากกกกกก เนื้อหาเกี่ยวกับปัญหาเงินๆทองๆเนี่ยแหละ แต่สิ่งที่หนังสือเล่มนี้จากจากหนังสือการเงินเล่มอื่น คือจะมาชวนตั้งคำถามกับปัญหาการเงิน เศรษฐกิจ การเมืองกัน โดยไม่รีบตัดสินว่าฝ่ายไหนผิด แค่ชวนให้มาดูว่าคนแต่ละกลุ่มมองเรื่องการเงินต่างกันยังไง

เช่น พ่อแม่มักจะพูดกับเราเสมอว่า เด็กยุคนี้มันสบาย ไม่เหมือนกับยุคของตนที่อพยพมาแต่ตัว ต้องมาดิ้นรนเอาตัวรอด ในขณะที่เด็กสมัยนี้ ( จริงก็ทุกสมัยแหละจร้า แค่เอาไว้พูดกับเด็กที่อายุน้อยกว่า ) มีโอกาสมากมาย มีอินเตอร์เน็ตที่สามารถหาโอกาสในชีวิตได้ง่าย

นั่นก็ถูก ในมุมมองของผู้ใหญ่

ส่วนในมุมของเด็ก แม้ว่าจะมีโอกาสมากขึ้น ก็หมายความว่าการแข่งขันก็ย่อมสูงขึ้นไปด้วยเช่นกัน และจากข้อมูลเกี่ยวกับค่าครองชีพ และ เงินเดือน เป็นความจริงที่ว่าเงินเดือนนั้น โตไม่ทันค่าครองชีพไปนานแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อนที่การพัฒนายังไม่มากนัก โอกาสในการลงทุนดีๆมีเต็มไปหมด เช่น ตลาดหุ้น ทองคำ ที่ดิน ที่หลังจากเวลาผ่านมาพร้อมนักลงทุนต่างชาติ และความเจริญ ก็ทำให้เข้าถึงชีวิตที่ดีได้ยากขึ้นเช่นกัน

นี่ยังไม่รวมเรื่องของ AI ที่พัฒนามาเร็วมาก จนอาจจะทำให้ตำแหน่งงานในอนาคตลดลงด้วย

คนยุคหลังนั้นก็เติบโตตามการกระทำคนของคนยุคก่อนเนี่ยแหละ ทุกยุค ย่อมมีปัญหาในแบบของตัวมันเอง ดังนั้นการกล่าวว่าคนยุคใหม่สบาย อาจจะสรุปไม่ได้ การที่บอกว่าคนสมัยใหม่สบาย มันก็มามาทุกยุคแหละ แต่พอเอาเข้าจริง ทุกๆคนก็หวังที่อยากจะให้คนรุ่นต่อมาสบาย และอยากให้ประเทศที่เองอยู่ก้าวหน้าทั้งนั้น

กับอีกเรื่องที่ผมชอบมากคือ "เพราะเราขี้เกียจหรอ ถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราจน" จริงๆแล้วการขี้เกียจก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่คนจนจำนวนไม่น้อยเลยที่รู้ว่า เราต้องออมนะ เราต้องเก็บเงิน เราต้องลงทุน เขารู้ เราก็ต้องยอมรับจริงๆว่า “ โลกนี้ทุกคนไม่ได้เกิดมาด้วยต้นทุนชีวิตที่เท่ากัน ”

ความจนทำให้เราเก็บเงินได้ช้ากว่าคนอื่น ของบางอย่าง คนจนต้องคอยซื้อของที่แพงกว่าคนรวยอีก หรือแม้จะทั่งเวลา คนรวยมีเงินนั่งรถดีๆกลับมา ส่วนคนจนก็ต้องมาคอยนั่งรถเมย์กลับบ้าน ต้นทุนด้านเวลามันก็ต่างกันแล้ว

ลองนึกภาพว่า ตัวเรากำลังอยู่ในเรือที่เก่าๆ ลำหนึ่ง มีเป้าหมายที่อยากจะหาเกาะ ( อิสรภาพทางการเงิน ) กับคนรวยที่นั่งเรือยอร์ช สิ
ในโลกเรามันมีอยู่ 2 อย่าง
1.ปัจจัยที่ควบคุมได้
2.ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้

ปัจจัยที่ควบคุมได้ก็เหมือนกับเรือของเรา แม้ว่าเรือเราจะเก่า แต่เราก็สามารถทำงานหาเงินมาซ่อมเรือใหม่ได้
ส่วนปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ก็เหมือนกับพายุ (วิกฤตประเทศ) หลายๆคนที่รอดพายุมาได้ก็บอกว่า "เห็นมั้ย ที่ผมรอดมาได้ เพราะผมพยายามมากพอ "
ขอโทดทีเหอะ เราอยู่ในพายุเดียวกันก็จริง แต่เราอยู่บนเรือคนละลำกันนะ หลายคนที่ต้นทุนไม่ดี พยายามสุดขีดก็อาจไม่รอดได้

คนที่เกิดมาต้นทุนดีมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว( เชื้อชาติ เพศ ฐานะ ) แต่คนส่วนมากจะไม่ยอมรับกัน เพราะถ้าบอกว่า “ผมโชคดีเกิดมารวย” ก็คงไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าที่ผมประสบความสำเร็จทุกวันนี้ได้ เพราะผมขยัน มันจะน่าฟังกว่าตั้งเยอะ ( ซึ่งถ้าคุณคิดว่า ถ้าขยันแล้วจะรวย ไม่ใช่แน่อน อยากรู้ต้องไปซื้ออ่าน )

สุดท้ายนี้ผมไม่ได้บอกว่าให้ทุกคนขีเกียจ หรือเข้าข้างนะ แค่อยากจะให้เข้าใจเงื่อนไขชีวิตแต่ละคนด้วย เพราะเราไม่รู้เลยว่า ชีวิตเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ดังนั้นเราก็ไม่ควรไม่ตัดสินใครถ้าเรายังไม่รู้จักเขาดีพอ

🌟จงตื่นรู้เถิด เหล่ามนุษย์เงินเดือน🌟

ส่วนเรารู้ คนพูดคือ บิล เกตส์🤣ล้อเล่นนะครับ อย่าดราม่า ผมแค่อ่านหนังสือจนเมาเฉยๆ555ปล.เล่มขวาดี๊ดี ผมลองไปกรีดๆอ่านดูที่...
05/07/2025

ส่วนเรารู้ คนพูดคือ บิล เกตส์🤣
ล้อเล่นนะครับ อย่าดราม่า ผมแค่อ่านหนังสือจนเมาเฉยๆ555

ปล.เล่มขวาดี๊ดี ผมลองไปกรีดๆอ่านดูที่ร้านหนังสือ สรุปถูกใจพากลับบ้านเลย

🌟Law of One Price กับการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย P/E Ratioในโลกการเงิน หลักการพื้นฐานหลายอย่างอาจดูเหมือนเป็นทฤษฎีเก่า ๆ แต...
04/07/2025

🌟Law of One Price กับการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย P/E Ratio
ในโลกการเงิน หลักการพื้นฐานหลายอย่างอาจดูเหมือนเป็นทฤษฎีเก่า ๆ แต่เมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับบริบทใหม่ ๆ เช่น คริปโต หรือการประเมินมูลค่าหุ้น ก็กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง

หนึ่งในแนวคิดสำคัญที่นักลงทุนควรรู้จักคือ Law of One Price หรือ กฎของราคาสินค้าเดียวกัน ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา (arbitrage) และยังช่วยวิเคราะห์หุ้นว่าราคาถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันได้อย่างมีหลักการ

🔍Law of One Price คือแนวคิดที่บอกว่า “สินค้าชนิดเดียวกัน ควรมีราคาเท่ากันในทุกตลาด” ถ้าไม่มีต้นทุนแฝง เช่น ภาษีนำเข้า ค่าขนส่ง หรือข้อจำกัดด้านการซื้อขายระหว่างประเทศ

ยกตัวอย่างง่าย ๆ: ถ้าทองคำแท่ง 1 ออนซ์ในตลาดนิวยอร์กมีราคาถูกกว่าที่ลอนดอนมาก ๆ คนก็จะซื้อจากนิวยอร์กแล้วขายที่ลอนดอน → จนสุดท้ายราคาทั้งสองตลาดจะค่อย ๆ ปรับเข้าใกล้กัน นี่คือ LOOP ทำงานผ่านกลไก "arbitrage"

🪙Arbitrage ในโลก Bitcoin เป็นตัวอย่างคลาสสิกเกิดขึ้นจริงแบบเห็นได้ชัด เพราะเป็นตลาดที่ไม่มีศูนย์กลาง ราคาของ Bitcoin บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ อาจไม่เท่ากันในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น:
บน Binance: BTC ราคา 1,020,000 บาท
บน Bitkub: BTC ราคา 1,000,000 บาท

นักเทรดสามารถ ซื้อ BTC จาก Bitkub แล้วโอนไปขายบน Binance เพื่อกินกำไรส่วนต่าง 20,000 บาท นี่เรียกว่า arbitrage และเมื่อคนทำแบบนี้มากขึ้น ราคาทั้งสองฝั่งก็จะเข้าใกล้กันในที่สุด ตามกฎของ LOOP

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง อาจมีต้นทุนแฝง เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าธรรมเนียมแลกเปลี่ยนเงิน และเวลารอการยืนยันธุรกรรมบนบล็อกเชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ arbitrage ในคริปโตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนรุนแรง

🧠ส่วนการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย P/E Ratio ในตลาดหุ้น สามารถนำมาใช้กับการวิเคราะห์มูลค่าหุ้นด้วย P/E Ratio (Price to Earnings Ratio) ได้อย่างมีประโยชน์

P/E คือ ตัวชี้วัดว่าตลาดกำลังให้มูลค่าหุ้นกี่บาท ต่อกำไรสุทธิ 1 บาทของบริษัท หากบริษัทสองแห่งมีลักษณะคล้ายกันมาก เช่น อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน มีโครงสร้างต้นทุนคล้ายกัน มีความเสี่ยงใกล้เคียงกัน และเติบโตในระดับเดียวกัน — ทั้งสองบริษัทควรจะมี P/E ใกล้เคียงกัน

🧠ตัวอย่างเช่น:
หุ้น A และ หุ้น B อยู่ในกลุ่มโรงพยาบาล
📌หุ้น A มี P/E = 15
📌หุ้น B มี P/E = 25

ถ้าทั้งสองมีศักยภาพการเติบโตใกล้เคียงกัน นักลงทุนอาจมองว่า หุ้น A “ถูกกว่า” หุ้น B อย่างไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน และอาจเลือกเข้าซื้อหุ้น A → เมื่อแรงซื้อเพิ่มขึ้น ราคาหุ้น A ก็จะขยับขึ้น และ P/E จะเข้าใกล้ B มากขึ้น นี่คือ LOOP ทำงานในตลาดหุ้น
ใช้แนวคิด LOOP อย่างชาญฉลาด

แม้แนวคิดนี้จะดูเรียบง่าย แต่การนำมาใช้จริงจำเป็นต้องเข้าใจ 🌟“ความแตกต่างของคุณภาพ”🌟 ระหว่างบริษัท เช่น การบริหาร ความสามารถในการแข่งขัน หรือความน่าเชื่อถือของกระแสเงินสดในอนาคต เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้หุ้นคล้ายกันอาจ “สมควร” ที่จะมี P/E ไม่เท่ากันก็ได้

💸ดังนั้น การเปรียบเทียบ P/E Ratio ด้วยแนวคิดของ Law of One Price จึงควรใช้เป็น เครื่องมือเบื้องต้นในการหา “ความผิดปกติของราคา” แล้วค่อยวิเคราะห์เชิงคุณภาพต่อว่า เหมาะสมจะลงทุนหรือไม่

#ลงทุน #วิเคราะห์ #หุ้น #วิเคราะห์หุ้น #หุ้นต่างประเทศ #เปิดบัญชีหุ้น #เปิดบัญชีลงทุน #หุ้นจงปัง

ในยุคที่คนจำนวนมากหันมาเสพคอนเทนต์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นหนัง ซีรีส์ หรือการ์ตูน การเติบโตของ “เว็บตูน” กลายเป...
03/07/2025

ในยุคที่คนจำนวนมากหันมาเสพคอนเทนต์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นหนัง ซีรีส์ หรือการ์ตูน การเติบโตของ “เว็บตูน” กลายเป็นกระแสหลักที่สร้างทั้งรายได้และอาชีพใหม่ๆ ให้กับผู้คนมากมาย หนึ่งในผู้เล่นสำคัญในตลาดนี้คือ Kakao Webtoon ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Kakao Entertainment จากเกาหลีใต้ ที่เคยเข้ามาบุกตลาดไทยอย่างเต็มตัวเมื่อไม่กี่ปีก่อน ทว่า... ล่าสุดกลับประกาศ “เตรียมปิดตัว” อย่างเป็นทางการภายในปี 2026

สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ คือ Kakao Webtoon ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ LINE Webtoon หรือแพลตฟอร์มชื่อดังอื่นๆ ที่ใช้คำว่า “Webtoon” เช่นเดียวกัน — พวกเขาคือคู่แข่งคนละค่ายกัน Kakao พยายามสร้างระบบนิเวศน์ของตนเอง ด้วยการ์ตูนระดับพรีเมียม งานภาพสวย และระบบการซื้อตอนแบบรายตอนที่ดึงดูดใจผู้ใช้จำนวนไม่น้อยในช่วงแรก

แต่ปัญหาหลักที่ Kakao Webtoon ต้องเผชิญกลับไม่ใช่เรื่องคุณภาพของคอนเทนต์ หากแต่เป็น “พฤติกรรมของผู้บริโภค” และ “การละเมิดลิขสิทธิ์” ที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เว็บไซต์แปลเถื่อนจำนวนมากดูดคอนเทนต์จากเว็บถูกกฎหมายไปปล่อยฟรี โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว ส่งผลให้ยอดซื้อ การเติบโตของรายได้ และความมั่นใจของนักลงทุนเริ่มถดถอยลงเรื่อยๆ

แม้จะเป็นข่าวน่าเสียดายสำหรับแฟนการ์ตูนจำนวนมาก แต่การปิด Kakao Webtoon ในไทยครั้งนี้ ไม่ใช่จุดจบของบริษัทแม่ Kakao Entertainment แต่อย่างใด กลับกัน มันคือการ "ตัดแขนขาเพื่อรักษาลำตัว" ของบริษัทแม่ที่ยังคงดำเนินธุรกิจด้านบันเทิง เทคโนโลยี และลิขสิทธิ์อย่างต่อเนื่องทั้งในเกาหลี ญี่ปุ่น และตลาดอื่นๆ

สาเหตุหลักของการถอนตัวในไทย อินโดนีเซีย ไต้หวัน และยุโรป มาจากความท้าทายที่หลายแพลตฟอร์มดิจิทัลกำลังเผชิญ คือ “พฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่พร้อมจ่าย” และ “เว็บตูนเถื่อน” ที่แปลและแจกจ่ายฟรีแบบละเมิดลิขสิทธิ์ ส่งผลให้ยอดขายต่ำกว่าคาด แม้จะมีคอนเทนต์ดีแค่ไหนก็ตาม บริษัทจึงตัดสินใจเลือกเก็บเฉพาะตลาดที่ยังมีศักยภาพ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และบางประเทศในอเมริกาเหนือ

ในอีกด้านหนึ่ง Kakao Entertainment ยังคงแข็งแกร่งในธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตซีรีส์ เพลง การดูแลศิลปิน และลิขสิทธิ์ IP ที่ขายไปทั่วโลก พวกเขายังถือหุ้นในหลายค่ายเพลงชั้นนำของเกาหลี และมีสายสัมพันธ์ธุรกิจในญี่ปุ่นและอเมริกา จึงไม่มีสัญญาณว่า Kakao จะล้มละลายหรือปิดตัวลงในเร็วๆ นี้

01/07/2025

RIP ตลาดหุ้นไทย🥲

ในการประเมินมูลค่าหุ้น 1 ในวิธีที่คนนิยมมากที่สุดก็คือการคิดลดกระแสเงินสด เพราะเป็นการประเมินมูลค่าจากผลการดำเนินงาน ซึ่...
30/06/2025

ในการประเมินมูลค่าหุ้น 1 ในวิธีที่คนนิยมมากที่สุดก็คือการคิดลดกระแสเงินสด เพราะเป็นการประเมินมูลค่าจากผลการดำเนินงาน ซึ่งตัวแปรที่เราต้องหากันนั่นก็คือ free cash flow นั่นเอง

ผมรู้สึกสนใจ เพราะที่มาของการคำนวณสูตรมีความซับซ้อนมาก
ดังนั้นวันนี้ผมจะลองมาอธิบายแบบง่ายๆ เกี่ยวกับ free cash flow ให้เองครับ

free cash flow หรือ กระแสเงินสดอิสระ อธิบายสั้นๆคือ เงินสดที่เหลือจากกิจการหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่"จำเป็น" ในการทำธุรกิจ พร้อมที่จะจ่ายคืนให้ผู้ถือหุ้น หรือเจ้าหนี้

2 แบบหลัก ๆ ที่นิยมใช้
1.Free Cash Flow to Firm (FCFF) เงินสดที่เหลือพร้อมให้ทั้ง “ผู้ถือหุ้น + เจ้าหนี้”
2.Free Cash Flow to Equity (FCFE) เงินสดที่เหลือให้เจ้าหนี้แล้วเหลือเฉพาะ "ผู้ถือหุ้น"
หลังจากจ่ายดอกเบี้ยและหนี้แล้ว

เริ่มจากข้อ 1 . Free Cash Flow to Firm (FCFF)
มีสูตรคือ FCFF = EBIT × (1 – Tax Rate) + Depreciation & Amortization – CapEx – ΔWorking Capital

ผมขอแบ่งเป็น 4 ก้อนเพื่อความง่าย
1. EBIT × (1 – Tax Rate)
2. + Depreciation & Amortization
3. – CapEx
4. – ΔWorking Capital

ก้อน 1 มีอีกชื่อคือ NOPAT "กำไรจากการดำเนินงานสุทธิภาษี" EBIT คือกำไรก่อนหัก ดอก+ภาษี พอ × (1 – Tax Rate) ก็คือการคิดภาษีแล้ว เหลือแค่ EBI
ที่เอา NOPAT มาคิดเพราะว่า เราต้องการดูว่า “กิจการหาเงินจากการดำเนินงานได้จริงเท่าไหร่ หลังจ่ายภาษี แต่ก่อนจ่ายดอกเบี้ย” ถ้าใช้ Net Income มันหักดอกเบี้ยไปแล้ว เหลือเฉพาะของผู้ถือหุ้น แต่เราจะเอาทั้ง “ผู้ถือหุ้น + เจ้าหนี้” ดังนั้น Net Income ไม่ตอบโจทย์

ก้อน 2 + Depreciation & Amortization หรือ + ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย ที่บวกกลับเพราะไม่ใช่เงินสดออกจริง ค่าเสื่อมเป็นแค่ ตัวเลขบัญชี ไม่มีเงินสดออกซ้ำตอนบันทึกค่าเสื่อม ดังนั้นเลยต้อง + กลับ

ก้อน 3 – CapEx หรือ Capital Expenditure เงินสดที่บริษัทใช้ลงทุนในของใหญ่ ที่ต้อง ลบถ้าบริษัทไม่ลงทุน CapEx เลย ธุรกิจอาจจะหยุดเติบโต ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อธุรกิจ

ก้อน 4 – ΔWorking Capital คือ การเปลี่ยนแปลงของเงินทุน
ถ้า Working Capital เพิ่ม = เงินสดไหลออก
ถ้า Working Capital ลด = เงินสดไหลเข้า
ที่ต้องลบเพราะ เป็นเงินสดที่เหลือจริงๆ จากการหมุนเวียนของกิจการ ซึ่งถ้า Working Capital ลด = เงินสดไหลเข้า ค่าจะติดลบได้ แล้วพอมาเจอ - ข้างหน้าจะเป็นแบบนี้ - (- xx) จะกลายเป็น +

ส่วนอีกตัวคือ2. Free Cash Flow to Equity (FCFE)
มีสูตรคือ = Net Income + Depreciation & Amortization – CapEx – ΔWorking Capital + Net Borrowing

ทุกคนสังเกตม่ะว่าจะมีบางตัวแปรเหมือนกัน แต่ที่ต่างกันเพราะว่า FCFE คือ เงินสดที่เหลือให้ “ผู้ถือหุ้น” หลังจากบริษัทจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด ลงทุนใน CapEx และชำระหนี้ที่ต้องจ่ายแล้ว = หักให้เจ้าหนี้แล้ว

คำถามที่คนมักจะถามกันคือ ทำไมไม่ใช้ NOPAT เพราะว่า Net Income หักให้เจ้าหนี้แล้ว
และตัวสุดท้ายคือ + Net Borrowing ที่เป็นบวก เพราะว่า Net Borrowing คือเงินกู้ยืมโดยมองว่า ถ้าผู้ถือหุ้นมีเงินใช้เพิ่มจากการกู้ก็ต้องบวกกลับเข้าไป

สุดท้ายนี้เวลาเราอ่านหนังสือ เราจะพบว่าสูตรมันมีแค่นี้แหละครับ แต่มันจะมีการจัดรูปใหม่ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เราเอาไปพลิกแพลงใช้ต่อได้ และการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยการคิดลดนั้น แค่ทุกคนหา free cash flow อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะต้องหา wacc กับ growth ด้วย ถ้าหาผิด หรือไม่เข้าใจบริษัทดีพอผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะผิดอยู่ดี

ที่อยู่

ดินแดง
ดินแดง

เบอร์โทรศัพท์

+66956140456

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หุ้นจงปังผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง หุ้นจงปัง:

แชร์