หุ้นจงปัง

หุ้นจงปัง today is difficult. tomorrow is much more difficult. the day after tomorrow is beautiful. most people die tomorrow evening .

เวลาเราคัดหุ้น นอกจาก “กำไรโต” หรือ “ราคาถูก” อีกตัวชี้วัดที่ นักลงทุนระดับโลก ชอบใช้กันคือ👉 ROIC (Return on Invested Ca...
22/09/2025

เวลาเราคัดหุ้น นอกจาก “กำไรโต” หรือ “ราคาถูก” อีกตัวชี้วัดที่ นักลงทุนระดับโลก ชอบใช้กันคือ
👉 ROIC (Return on Invested Capital) = ผลตอบแทนที่บริษัทสร้างได้จากเงินลงทุนทั้งหมด

🔎 ROIC = บริษัทใช้เงินเก่งแค่ไหน?
ROIC บอกว่า ทุก 1 ดอลลาร์ที่บริษัทเอาไปลงทุน → ได้ผลตอบแทนกลับมากี่เซนต์
สูตรคิดคร่าว ๆ คือ

🌟ROIC=กำไรจากการดำเนินงานหลังภาษี / เงินลงทุนที่ใส่จริง🌟

-กำไรจากการดำเนินงานหลังภาษี (NOPAT)
= วัดกำไรแท้ ๆ ของธุรกิจ
-เงินลงทุนที่ใส่จริง (Invested Capital)
= เงินผู้ถือหุ้น + หนี้ – เงินสดส่วนเกิน

📈 อ่านค่ายังไง?
ROIC < 5% → อ่อนแอ คู่แข่งบี้ได้ง่าย
ROIC 5–10% → พอมีที่ยืน แต่ไม่เด่น
ROIC 10–20% → ดี มีปราการ (moat) พอสมควร
ROIC > 20% → สุดยอด แปลว่าใช้เงินลงทุนได้โคตรคุ้ม

🏰 หุ้นที่ ROIC สูงตลอด = หุ้นมี “ปราการ”
เพราะบริษัทยิ่งมี แบรนด์ / network effect / switching cost / tech ล้ำ ๆ
ก็ยิ่งรักษา ROIC สูงได้แม้มีคู่แข่ง

🌱ตัวอย่างหุ้น ROIC สูง (ข้อมูลล่าสุด):
-Apple (AAPL) → ~45-50%
-Microsoft (MSFT) → ~35-40%
-Visa (V) → ~28-30%
-ASML → ~25%

💡 ทำไม ROIC สำคัญกว่ากำไรสุทธิ
บางบริษัทกำไรดูสวย แต่ใช้เงินลงทุนบาน → ROIC ต่ำ = ไม่คุ้ม
ตรงข้าม บางบริษัทกำไรไม่ได้โตพุ่ง แต่ ROIC สูงสม่ำเสมอ = ใช้เงินโคตรมีประสิทธิภาพ

✨ สรุปสั้น ๆ
ROIC คือเครื่องวัดว่า บริษัทใช้ทุนคุ้มจริงไหม
ถ้า ROIC > WACC (ต้นทุนเงินทุน) → บริษัทกำลังสร้างมูลค่าเพิ่ม หุ้นน่าสนใจ

นักลงทุนสาย VI ก็เลยชอบคัดหุ้นที่ ROIC สูง & คงที่ → เพราะนั่นคือหุ้นที่มี “ปราการ” คอยปกป้องนั่นเองค้าบ

ช่วงนี้มีแต่คอนเท้น อวสาน.... นู่นนี่นั่น มันอาจจะทำให้หลายๆคนเกิดความเครียดได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความเครียด เรามาสร้...
19/09/2025

ช่วงนี้มีแต่คอนเท้น อวสาน.... นู่นนี่นั่น มันอาจจะทำให้หลายๆคนเกิดความเครียดได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความเครียด เรามาสร้างระบบทำเงินกันดีกว่าครับ😇

ในช่วงเสดกิจไม่ดีแบบนี้ คนตกงาน AI แย่งงาน รายได้เริ่มหาย การมีรายได้หลายทางตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกแล้ว แต่เป็นทางรอด ผมเลยได้มีการทำคลิปสุดพิเศษนี้มาให้ทุกคนได้รับชมกันครับ

🥰ไม่ใช่แค่นั้น นอกจากสอนแล้ว บางคลิปผมจะมีการแจกไฟล์ EA ให้ไปลองใช้งานฟรีกันด้วยครับ ซึ่งทั้งหมดนี้ ฟรีหมดเลย

โดยคลิปจริงๆมีเยอะกว่านี้ แต่มันจัดเลย์เอ้ารูปไม่สวย ผมก็เลยเอามา 6 คลิปเด็ดๆพอครับ
1.ปูพื้นฐานการใช้โปรแกรม MT5 + วิธีติด EA
2.สอนวิธีเช่าสัญญาณ VPS ไว้รันบอท จะได้ไม่ต้องเปิดคอมตลอดเวลา
3.สอน concept การใช้งาน grid ให้เข้าใจหลักการทำงานก่อน
4.สอนใช้งาน grid original + แจก EA
5.สอนใช้งาน grid DYNAMIC + แจก EA
6.อันนี้แถม แชร์ประสบการณ์ทำ pair trade

โดยทั้งหมดนี้สามารถหาดูได้ที่ช่องยูทูป หุ้นจงปัง เลยค้าบ
🌟🌟🌟ลิ้งดูอยู่ใต้คอมเม้นต์ครับ🌟🌟🌟
(ใครมือใหม่อย่าดูข้ามตอนนะครับ เด่วงง)

ปล.ขออภัยที่ใส่เสื้อซ้ำหลายคลิป พอดีผมขี้เกียจถ่ายรูปใหม่บ่อยๆครับ พร้อมกับผมเองก็มีเครื่องซักผ้าด้วย การซื้อเสื้อผ้าบ่อยมันทำลายโลกนะครับ ฝากไว้เท่านี้

#หุ้นจงปัง #ลงทุน #เปิดบัญชีหุ้น #เปิดบัญชีลงทุน #รายได้พิเศษ #อิสระภาพทางการเงินและเวลา #รายได้เสริมรายวัน #รายได้ระหว่างเรียน #อิสรภาพด้านเวลา #วิเคราะห์กราฟ

ถ้า FED ลดดอก…ควรเลือกหุ้นตัวไหนดี?คืนนี้มีข่าวดอกเบี้ยนะครับ ถ้า Fed ลดดอกเบี้ย ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสเด้งแรง 📈 แต่จะซื...
17/09/2025

ถ้า FED ลดดอก…ควรเลือกหุ้นตัวไหนดี?
คืนนี้มีข่าวดอกเบี้ยนะครับ ถ้า Fed ลดดอกเบี้ย ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสเด้งแรง 📈 แต่จะซื้อหุ้นตัวไหนดี? เรามาไล่เป็นกลุ่มกันเลย
1️⃣ ธนาคาร / สถาบันการเงิน
หุ้นแนะนำ: JPMorgan Chase (JPM), Citigroup (C)
ทำไมได้ประโยชน์:
ดอกเบี้ยถูกลง → ต้นทุนเงินกู้ต่ำลง
Loan demand ฟื้น → คนกู้บ้าน, รถ, บัตรเครดิตมากขึ้น
Margin จากการปล่อยกู้ระยะยาวอาจดีขึ้น ถ้า Yield Curve ยังชัน
⚡ Tip: หุ้นธนาคาร sensitive กับ yield curve ลองจับจังหวะ NIM + loan growth
2️⃣ Homebuilders
หุ้นแนะนำ: D.R. Horton (DHI), Lennar (LEN)
ทำไมได้ประโยชน์:
Mortgage rate ถูกลง → คนซื้อบ้านง่ายขึ้น
Demand ฟื้น → ยอดขายบ้านใหม่กระโดด
Margin builder ดีขึ้น เพราะราคาบ้าน + demand เพิ่ม
🔑 Homebuilders = ตัวชี้วัดว่าการลดดอก Fed ส่งผลกับเศรษฐกิจภาคอสังหาฯ จริงหรือไม่
3️⃣ Tech / Growth
หุ้นแนะนำ: Nvidia (NVDA), AMD (AMD), Broadcom (AVGO)
ทำไมได้ประโยชน์:
หุ้นกลุ่ม growth sensitive ต่อ discount rate
ดอกเบี้ยลด → มูลค่าปัจจุบันของเงินในอนาคตสูงขึ้น → PE สูงๆ ดู attractive
Option liquidity หนา → เหมาะสำหรับเก็ง short-term spike หลังข่าว
⚡ Tech / Growth = high beta, ถ้า Fed ลดดอก → momentum อาจเด้งแรง
🔥 สรุปง่ายๆ
ธนาคาร: ได้จาก loan demand + credit quality ดีขึ้น
Homebuilders: Mortgage ถูก = บ้านขายดี
Tech / Growth: Discount rate ต่ำ = valuation เพิ่ม

ถ้าคุณอยากเก็ง ข่าวสั้น ให้เน้น NVDA, AMD, AVGO
ถ้าคุณอยาก ลงทุนสั้น–กลางเทอม ให้จับ DHI, LEN และธนาคารใหญ่ ๆ

การลงทุนใน “อวกาศ” กำลังกลายเป็น New Space Economy ที่เงินทุนจากทั้งรัฐบาลและเอกชนไหลเข้าแบบมหาศาลธุรกิจที่กำลังโตแบบก้า...
16/09/2025

การลงทุนใน “อวกาศ” กำลังกลายเป็น New Space Economy ที่เงินทุนจากทั้งรัฐบาลและเอกชนไหลเข้าแบบมหาศาล
ธุรกิจที่กำลังโตแบบก้าวกระโดด ได้แก่:
🛰️ ธุรกิจยิงจรวด (Rocket Launch) → รองรับดาวเทียมขนาดเล็กที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
🌕 Lunar Lander / ภารกิจดวงจันทร์ → NASA และบริษัทเอกชนทุ่มทุน
🏗️ Space Station เชิงพาณิชย์ → ตลาดใหม่สำหรับ research, tourism, และ defense
📡 Infrastructure + AI บนอวกาศ → ดาวเทียมที่ส่งข้อมูลและวิเคราะห์แบบเรียลไทม์

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่บริษัทอย่าง Rocket Lab (RKLB) ทำอยู่ และทำให้กลายเป็นหุ้นอวกาศที่ถูกมองว่าเป็น “SpaceX เวอร์ชันที่เราซื้อได้ในตลาดหุ้น”

📊 ทำไม “หุ้นอวกาศ” ถึงน่าลงทุน?
Global Space Economy คาดว่าจะโตจาก ~$600B → $1.8T ภายในปี 2035 (BCG & McKinsey) โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ประมาณ 9%
Demand ด้าน ดาวเทียม, AI, defense, lunar mission พุ่งแรง
บริษัทพวกนี้ยัง early stage → Upside ใหญ่ แต่ผันผวนสูง

✅ สรุปสำหรับนักลงทุน
ถ้าคุณเชื่อว่าอวกาศคืออนาคต หุ้นอย่าง Rocket Lab (RKLB) คือประตูบานแรก
แต่หากกลัว “ขึ้นไม่ทัน” ยังมี Intuitive Machines ,Firefly, Voyager, BlackSky Technology และ Redwire ที่อาจกลายเป็นหุ้นเด้ง ของ New Space Economy

💡 หุ้นอวกาศ = High Risk + High Reward
ใครรับความเสี่ยงได้ → ตลาดนี้อาจซ่อน “หุ้น 10 เด้ง” อยู่ก็ได้

1️⃣ Intuitive Machines (LUNR)
-ทำ lunar lander + payload delivery → ส่งเครื่องมือและอุปกรณ์ขึ้นดวงจันทร์
-Infrastructure-as-a-service สำหรับภารกิจอวกาศ
-เหมาะกับคนที่ชอบ exploration และ contract รัฐบาล (NASA)

2️⃣ Redwire Corporation (RDW)
-ผลิต ชิ้นส่วนดาวเทียม + infrastructure อวกาศ เช่น โครงสร้างดาวเทียม, deployables
-ลงทุนได้แม้ไม่ยิงจรวดเอง
-เหมาะกับคนอยากได้ exposure space tech แบบ safe หน่อย

3️⃣ Voyager Technologies (VOYG)
-ทำ space infrastructure + commercial station และเทคโนโลยี support
-มองไปไกลกับ long-term space economy
-เหมาะกับคนที่อยากลงทุนในสถานีอวกาศ, payload และ supply chain

4️⃣ BlackSky Technology (BKSY)
-ดาวเทียมถ่ายภาพโลก + AI analytics
-วิเคราะห์ข้อมูล real-time จากภาพถ่ายดาวเทียม
-เหมาะกับคนที่อยากได้ data จากอวกาศ + monitoring

16/09/2025

[ ] พูดแหย่เล่น จนเป็นข่าวลือ ที่ทำให้คนตื่นตระหนกแห่ไปถอนเงิน 2,000 ล้านเยน บทเรียนจากเหตุการณ์ Bank Run ปี 1973 ของธนาคาร Toyokawa Shinkin
ช่วงที่ผ่านมามีประเด็นเรื่องบัญชีม้า ที่ทำให้เกิดการอายัดบัญชีที่อยู่บนเส้นทางการโอนเงิน แม้ว่าจะเป็นความพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องมิจฉาชีพ แต่ก็มีคนมากมายที่เป็นผู้บริสุทธิ์ถูกลูกหลงไปด้วย
(ประเด็นนี้ต้องตามดูกันต่อครับว่าจะมีการแก้ไขยังไง มันเป็นประเด็นที่ร้อนแรงมากถึงขั้นแฮชแท็ก ‘อายัดบัญชี’ ติด Trending บน X เลยทีเดียว)
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือคนเริ่มแชร์กันว่าร้านค้าหลายร้านเลือกรับแต่เงินสดแล้ว บางคนบอกควรรีบถอนเงินสดมาเก็บเอาไว้บ้าง บางคนถึงขั้นบอกควรให้เกิด Bank Run บ้าง เรื่องราวเหมือนจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนครับเรื่องการถูกอายัดบัญชีโดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและมีมาตรการออกมาช่วยเหลือ การไปถอนเงินสดมาถือไว้บ้างก็อาจจะพอช่วยให้อุ่นใจได้บ้าง แต่ในขณะเดียวกันเรื่องที่ต้องระวังไปพร้อมๆ กันด้วยคือสิ่งที่เราพูดคุย ข้อมูล หรือข่าวสารที่แชร์กัน (ทั้งออนไลน์และออฟไลน์) เพราะมันสามารถสร้างความตื่นตระหนกและความเสียหายต่อความเชื่อมั่นได้ไม่น้อยเช่นกัน
📖 ในหนังสือ ‘Crossover Creativity’ เดฟ ทรอตต์ (Dave Trott) เล่าถึงเหตุการณ์ Bank Run ครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับธนาคาร Toyokawa Shinkin ในปี 1973 ที่คนแห่กันไปถอนเงินกว่า 2,000 ล้านเยนภายในเวลาไม่กี่วัน เหตุเพราะข่าวลือว่าธนาคารจะล้มละลาย และเมื่อสืบสาวไปถึงต้นทาง เกิดจากการพูดเล่นแหย่กันของเพื่อนสาวสามคนบนรถไฟ
ก่อนอื่นต้องอธิบายเรื่อง Bank Run ก่อน
มันคือภาวะที่ผู้ฝากเงินจำนวนมากตื่นตระหนกและรีบแห่ถอนเงินออกจากธนาคารในเวลาเดียวกัน เพราะกังวลว่าธนาคารอาจจะล้มละลายหรือไม่สามารถจ่ายคืนได้ แม้ว่าธนาคารจะมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน แต่ด้วยลักษณะการทำงานที่นำเงินฝากไปปล่อยกู้ระยะยาว ทำให้ไม่สามารถมีเงินสดเพียงพอรองรับการถอนพร้อมกันจำนวนมากได้ ความตื่นตระหนกนี้จึงกลายเป็น “คำทำนายที่ทำให้เป็นจริง” (self-fulfilling prophecy) เพราะยิ่งคนถอนมาก ธนาคารก็ยิ่งขาดสภาพคล่อง และสุดท้ายอาจล้มจริง แม้ตอนแรกจะยังแข็งแรงอยู่ก็ตาม
📌กลับมาที่ธนาคาร Toyokawa Shinkin
➡️ ในวันที่ 8 ธันวาคม เพื่อนสามคนพูดคุยกันว่าหลังจากเรียนจบจะไปทำงานที่ไหน ผู้หญิงคนหนึ่งก็บอกว่าได้งานที่ธนาคาร Toyokawa Shinkin
เพื่อนสองคนแกล้งแหย่เล่นเรื่องอันตรายจากโจรปล้นและบอกว่างานนี้ ‘ฟังดูอันตราย’
พอกลับถึงบ้าน ผู้หญิงคนนั้นก็ไปถามแม่ว่าทำงานที่ธนาคาร Toyokawa Shinkin มีความเสี่ยงจริงไหม?
แม่ดันไปเข้าใจคำถามผิด เลยไปถามญาติที่ทำงานในร้านเสริมสวยว่าเคยได้ข่าวเรื่องธนาคาร Toyokawa Shinkin ว่าตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงรึเปล่า?
➡️ วันที่ 10 ธันวาคม ญาติคนนั้นก็ไปถามบรรดาลูกค้าของตัวเองที่ร้านเสริมสวยว่าเคยได้ยินเรื่องธนาคาร Toyokawa Shinkin เสี่ยงล้มละลายบ้างไหม?
หนึ่งในลูกค้าของร้านซึ่งเป็นเจ้าของร้านซักแห้งก็เริ่มไปถามลูกค้าของตัวเองต่อว่าเคยได้ยินข่าวลือตรงนี้ไหม?
ถึงตรงนี้เราจะเริ่มเห็นแล้วว่า ‘เอ๊ะ…มันเริ่มไปกันใหญ่แล้ว’ จากมันคือความเข้าใจผิดที่บิดเบี้ยวมาเรื่อยๆ คล้ายกับ ‘เกมกระซิบส่งสาร’ ที่คนหนึ่งพูดให้อีกคนหนึ่งฟังแล้วข้อมูลก็อาจจะตกหล่นระหว่างทางหรือบางทีสื่อสารไม่ครบทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนไปได้
แต่เรื่องมาพลิกตรงนี้ต่อ
➡️ วันที่ 13 ธันวาคม เจ้าของร้านซักแห้งดันไปได้ยินลูกค้าคุยโทรศัพท์เรื่องถอนเงินจากธนาคาร Toyokawa Shinkin จำนวน 1.2 ล้านเยน (ซึ่งในความจริงแล้วลูกค้าคนนั้นก็แค่ถอนมาใช้จ่ายในธุรกิจปกติ)
อคติว่าด้วยการยืนยันความเชื่อของตัวเองอย่าง ‘Confirmation Bias’ เริ่มทำงาน
หมายถึงว่า ในหัวของเจ้าของร้านซักแห้งคนนั้นคิดอยู่แล้วว่าธนาคาร Toyokawa Shinkin มีปัญหา มีความเสี่ยงอะไรบางอย่าง พอเห็นลูกค้าของตัวเองไปถอนเงิน ทีนี้คิดในหัว ‘เฮ้ยย…มันใช่แน่เลย’
กลายเป็นว่าตัวเองรีบไปถอนเงินบ้าง เพราะกลัวว่าธนาคาร Toyokawa Shinkin จะล้ม อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง ถอนเงินออกมาหมดเลย 1.8 ล้านเยน
จากนั้นไม่พอ ไปเตือนเพื่อนฝูงต่ออีกทอด ส่งผลให้คนอีก 59 รายไปถอนเงินกว่า 50 ล้านเยน
ถึงตอนนี้ข่าวกระจายไปเร็วมาก
ทรอตต์เล่าว่า “คนขับแท็กซี่คนหนึ่งเล่าว่าตอน 14.15 น. ผู้โดยสารบอกว่า 'ธนาคารอาจตกอยู่ในความเสี่ยง’ แล้วตอน 14.30 น.ผู้โดยสาร อีกคนก็บอกว่า ‘ธนาคารกำลังอยู่ในความเสี่ยง’ พอถึงตอน16.30 น. ผู้โดยสารอีกคนก็บอกว่า ‘ธนาคารคงจะล้มละลาย’ สุดท้ายตอน 18.00 น. ผู้โดยสารอีกคนก็บอกว่า ‘พรุ่งนี้ธนาคารจะปิดทำการ’”
ไปกันใหญ่แล้ว หลังจากนั้นคนเริ่มแห่กันไปถอนเงิน
➡️ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ความตื่นตระหนกทวีความรุนแรงขึ้น คำชี้แจงจาก Toyokawa Shinkin Bank ที่ออกมาเพื่อคลายความกังวลกลับถูกตีความผิดว่า:
* “เงินย่อยต่ำกว่า 10,000 เยนจะถูกปัดลง”
* “สภาพธุรกิจของธนาคารน่าสงสัย เพราะเขาไม่ยอมจ่ายดอกเบี้ย” (ที่จริงธนาคารเลือกคืนเงินต้นก่อน เพื่อเร่งกระบวนการ เนื่องจากการคำนวณดอกเบี้ยใช้เวลานาน)
* “ตำรวจเข้ามาสืบสวนธนาคาร” (ผู้ฝากเงินเข้าใจผิดเมื่อเห็นตำรวจเข้ามาคุมฝูงชน)
อคติว่าด้วยการยืนยันความเชื่อของตัวเองยิ่งทำให้คนคิดไปอีกว่า มีตำรวจมาดูแล แบบนี้วิกฤติจริงๆ แน่เลย
มีผู้ฝากเงินบางคนสอบถามว่า “ได้ยินว่ามีการประชุมชี้แจงเรื่องการล้มละลาย”�อีกคนที่ได้รับบัตรคิวก็โวยว่า: “ของพรรค์นี้ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น!”
จากนั้นยังมีข่าวลือใหม่ ๆ ผุดขึ้น เช่น “การทุจริตของเจ้าหน้าที่ธนาคารเป็นสาเหตุการล้มละลาย” “เจ้าหน้าที่ธนาคารยักยอกเงินไป 5,000 ล้านเยน” หรือ “ประธานของ Toyokawa Shinkin Bank ปลิดชีพตัวเองไปแล้ว” เป็นต้น
➡️ ในวันที่ 15 ธันวาคม ธนาคารกลางญี่ปุ่นถึงขั้นต้องจัดแถลงข่าว ยืนยันว่าสถานะทางธุรกิจของธนาคาร Toyokawa Shinkin ยังคงปกติดี พร้อมจัดส่งเงินสดผ่านสาขานาโกย่าเพื่อลดความสับสน เงินสดถูกนำมากองสูง 1 เมตร กว้าง 5 เมตร ตั้งไว้หน้าห้องนิรภัยของสาขาหลัก เพื่อแสดงความมั่นคงทางการเงิน
ขณะเดียวกันประธานธนาคารที่ถูกลือว่าเสียชีวิตก็ออกมาเกลี้ยกล่อมลูกค้าที่สาขาหนึ่ง ทำให้ผู้ฝากเงินเริ่มสงบลงบ้าง อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่ตื่นตระหนกเข้ามาที่ธนาคารอยู่
➡️ วันที่ 16 ธันวาคม ตำรวจได้เปิดเผยเส้นทางการแพร่กระจายของข่าวลือ โดยสถานี NHK ได้นำคำแถลงนี้ออกอากาศในคืนนั้น
➡️ วันที่ 17 ธันวาคม หนังสือพิมพ์ใหญ่ก็ลงรายงานคำแถลงของตำรวจเช่นกัน ทว่าข่าวลือก็ยังคงแพร่ต่อไป ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปในอีกหลายวันถัดมา
เรื่องนี้มีบทเรียนที่สอนอยู่สองเรื่องคือ 1) ข้อมูล/คำพูด หรือการแชร์อะไรบางอย่างให้กับคนอื่น โดยเฉพาะสมัยนี้บนโลกออนไลน์มันแพร่กระจายไวมาก เพราะฉะนั้นก่อนจะพูดหรือแชร์ข้อมูลอะไรต้องระวังและตรวจสอบข้อมูลให้ดีๆ ก่อน และ 2) ข้อมูลเชิงลบหรือเรื่องข่าวร้ายนั้นกระจายไวมากเป็นไฟลามทุ่งเลย
ในส่วนของข้อสองอาจจะเป็นเพราะมนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่า อคติว่าด้วยการจดจ่อกับเรื่องเชิงลบ (Negativity Bias) อยู่แล้วด้วย
ดังนั้น เหตุการณ์ Bank Run ของ Toyokawa Shinkin Bank ในปี 1973 จึงไม่ใช่แค่เรื่องเล่าของธนาคารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น แต่เป็นเครื่องเตือนใจว่า “ข่าวลือ” และ “ความกลัว” สามารถทำลายความเชื่อมั่นได้รวดเร็วกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจจริง ๆ เสียอีก
ในโลกที่ข้อมูลแพร่กระจายได้เร็วเพียงปลายนิ้วคลิก ยิ่งกว่าเมื่อ 50 ปีก่อนหลายร้อยเท่า เราทุกคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การส่งต่อข่าวสาร คำพูดเล่น ๆ ที่ไม่คิดอะไรมาก อาจกลายเป็นประกายไฟที่จุดให้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตได้ทันที เช่นเดียวกับที่เพื่อนสาวสามคนคุยกันบนรถไฟ แล้วเรื่องลุกลามจนคนแห่ถอนเงิน 2,000 ล้านเยนภายในไม่กี่วัน
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการกดแชร์ กดโพสต์ หรือแม้แต่การพูดคุยกันเล่น ๆ สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้อาจมีพลังมากกว่าที่เราคิดเสมอ หากไม่ระมัดระวัง มันอาจกลายเป็น “เกมกระซิบส่งสาร” ที่สร้างผลลัพธ์ไม่คาดคิดขึ้นมาได้ และบางครั้งความเสียหายนั้นอาจใหญ่โตมากกว่าที่คิด
#การเงินส่วนบุคคล

ในโลกดิจิทัลทุกวันนี้ ความปลอดภัยคือของจำเป็น ไม่ใช่ตัวเลือกบริษัททุกที่ย่อมต้องการป้องกันตัวเองจาก แฮกเกอร์ , malware ต...
12/09/2025

ในโลกดิจิทัลทุกวันนี้ ความปลอดภัยคือของจำเป็น ไม่ใช่ตัวเลือก
บริษัททุกที่ย่อมต้องการป้องกันตัวเองจาก แฮกเกอร์ , malware ต่างๆ

หุ้น CrowdStrike (CRWD) จึงกลายเป็นดาวเด่น เพราะ AI-native platform ของเขาช่วยตรวจจับภัยแบบเรียลไทม์ และโตเร็วสุดในวงการ

🌱ขนาดตลาด Cybersecurity
-ขนาดตลาดรวม (TAM): ตลาด Cybersecurity ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 270 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี
-การใช้จ่ายด้าน Cybersecurity: บริษัทต่าง ๆ วางแผนที่จะจัดสรรงบประมาณด้าน Cybersecurity เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับซอฟต์แวร์ทั่วไป

😇แต่ถึงกระนั้น นักลงทุนหลายคนอาจกลัว ซื้อไม่ทัน หรือราคาพุ่งแรงเกินไป
ผมได้มีการคัดหุ้นที่อยู่กลุ่มเดียวกันมาอีก 4 ตัว ให้ทุกคนลองไปทำการบ้านกันครับ
..
🌟1. CrowdStrike (CRWD) – AI-Driven Endpoint Security
ทำอะไร: ป้องกันคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทจากไวรัส แฮกเกอร์ และ ransomware
จุดเด่น: โตเร็วสุดในวงการ, ตรวจจับภัยแบบเรียลไทม์, ลูกค้าองค์กรใหญ่ทั่วโลก
ตัวเลขสำคัญ: รายได้ปี 2025 อยู่ที่ 3.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 29% จากปีก่อนหน้า
..
🌟2. Palo Alto Networks (PANW) – ครบเครื่องด้าน Security
ทำอะไร: ป้องกันเครือข่าย, Firewall, Cloud Security, Zero Trust
จุดเด่น: ครบเครื่องสำหรับองค์กรใหญ่, ใช้ได้ทั้ง cloud และ on-premise
เทียบ CRWD: โตช้ากว่า แต่ platform ครอบคลุมกว่า
..
🌟3. Zscaler (ZS) – Cloud-Native Zero Trust
ทำอะไร: ป้องกันบริษัทที่ย้ายระบบขึ้น cloud แบบ 100%
จุดเด่น: subscription model ใช้ง่าย, ปลอดภัยสำหรับองค์กรออนไลน์
เทียบ CRWD: CRWD ครอบคลุม endpoint แต่ ZS เน้น cloud เต็มตัว
..
🌟4. Fortinet (FTNT) – ราคาคุ้มค่า ครบวงจร
ทำอะไร: ป้องกันเครือข่ายและคอมพิวเตอร์, มีทั้ง software และอุปกรณ์ firewall
จุดเด่น: ราคาคุ้มค่า, ครอบคลุม hardware + software, เสถียร
เทียบ CRWD: โตช้ากว่า แต่เสถียรและเหมาะกับ long-term investment
..
🌟5. Okta (OKTA) – Identity & Access Management (IAM)
ทำอะไร: จัดการสิทธิ์เข้าถึงระบบและข้อมูลขององค์กร
จุดเด่น: ใช้งานง่าย, ปลอดภัย, leader ในตลาด IAM
เทียบ CRWD: CRWD ครอบคลุม security กว้างกว่า แต่ Okta เชี่ยวเฉพาะ IAM

#หุ้นจงปัง #ลงทุน #เปิดบัญชีหุ้น #วิเคราะห์หุ้น #หุ้นต่างประเทศ

ช่วงนี้ราคาหุ้น ORACLE ขึ้นเยอะมาก มาจากการที่ Oracle เพิ่งประกาศสัญญาใหญ่ ๆ หลายสัญญาประมาณ $300 พันล้าน (กับ OpenAI) ท...
11/09/2025

ช่วงนี้ราคาหุ้น ORACLE ขึ้นเยอะมาก มาจากการที่ Oracle เพิ่งประกาศสัญญาใหญ่ ๆ หลายสัญญาประมาณ $300 พันล้าน (กับ OpenAI) ที่จะใช้งาน Cloud Infrastructure ระยะยาว รวมถึง RPO (Remaining Performance Obligations) พุ่ง ~$455 พันล้าน ซึ่งสูงขึ้น ~359% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

นั่นทำให้นักวิเคราะห์หลายเจ้าขยับราคาเป้าหมายขึ้นมาก บอกว่านี่อาจจะยังไม่จบของรอบ ORACLE ที่โตจาก AI / Cloud เฟสนี้

แต่ถึงอย่างนั้นบางคนอาจจะมองว่าราคาตอนนี้แพงเกินไปรึป่าวน๊าาา วันนี้ผมก็เลยคัดหุ้นที่ทำธุรกิจคล้ายๆกัน แต่ราคายังไม่พุ่งแรงมาก มาให้ศึกษากันต่อครับ


1. 🏢 IBM (IBM) – Hybrid Cloud & Consulting รุ่นเก๋า
ทำอะไร: Cloud, AI (Watson), Consulting
จุดเด่น: อยู่กับองค์กรใหญ่และรัฐบาลมานานเหมือน Oracle แต่ปรับตัวมาทาง Hybrid Cloud + บริการที่ปรึกษา

Why interesting? บริษัทใหญ่ ๆ ยังต้องการคนช่วยย้ายระบบขึ้น Cloud → IBM มีทั้ง software + consulting ครบวงจร

2. 🧑‍💼 Workday (WDAY) – Cloud ERP/HR รุ่นใหม่
ทำอะไร: ระบบบริหาร HR และการเงินบน Cloud
จุดเด่น: Agile กว่า ERP ของ Oracle/SAP → ลูกค้าองค์กรอเมริกันนิยมใช้เยอะ

Why interesting? เทรนด์ HR Digitalization ยังโตต่อเนื่อง → Workday มี positioning ที่ชัดเจน


3. 🌐 Salesforce (CRM) – ผู้นำ CRM SaaS
ทำอะไร: Customer Relationship Management, Marketing Automation
จุดเด่น: เบอร์หนึ่ง CRM โลก ลูกค้าองค์กรใหญ่เพียบ

Why interesting? องค์กรยุคใหม่ทุกแห่งต้องโฟกัส “customer data” → Salesforce คือ first choice


4. ❄️ Snowflake (SNOW) – Data Warehouse บน Cloud
ทำอะไร: เก็บและวิเคราะห์ Big Data สำหรับองค์กร
จุดเด่น: Cloud-native เต็มตัว โตเร็วมากในตลาด Data Infra

Why interesting? AI จะโตได้ต้องใช้ข้อมูล → Snowflake เป็นเจ้าที่องค์กรเลือกใช้

อย่างจี้555
11/09/2025

อย่างจี้555

แอดลองเปรียบเทียบให้ครับ

ถ้าใครติดตาม Part 1 แล้ว มาลุยกันต่อกับอีก 4 กลุ่มเทคอเมริกากันครับ นอกจาก 4 กลุ่มเดิมแล้ว เทคโนโลยียังสามารถนำไปใช้ได้ก...
09/09/2025

ถ้าใครติดตาม Part 1 แล้ว มาลุยกันต่อกับอีก 4 กลุ่มเทคอเมริกากันครับ นอกจาก 4 กลุ่มเดิมแล้ว เทคโนโลยียังสามารถนำไปใช้ได้กับอุตสาหกรรมอื่นอีก ซึ่งอีก 4 กลุ่มที่น่าสนใจจะเป็น FinTech, HealthTech, AgriTech & FoodTech, VR/Metaverse เอาไว้เผื่อใครอยากถือยาวแล้วเจอหุ้นเด้งแบบ 10x ในอนาคตครับ

1️⃣ 💰 FinTech & Digital Payments
ทุกอย่างเกี่ยวกับการเงินที่ใช้เทคโนโลยี ไม่ว่าจะจ่ายเงิน โอนเงิน สินเชื่อ หรือแม้แต่ crypto

🌱ตัวอย่างหุ้น
-Visa (V)
เจ้าตลาดบัตรเครดิต/เดบิต global ใช้งานทุกวัน → safe growth, revenue โตต่อเนื่อง
-Affirm (AFRM)
BNPL (Buy Now Pay Later) สินเชื่อออนไลน์ + AI underwriting → high growth, riskier
-Coinbase (COIN)
Crypto exchange รายใหญ่ในสหรัฐฯ → high growth, tied กับ trend crypto

🌟Takeaway:
-Safe: Visa → ถือยาว cashflow มั่นคง
-Growth / optional upside: Affirm, Coinbase → high risk แต่ถ้า crypto + BNPL โตแรง จะเด้งมาก

2️⃣ 🏥 HealthTech
เอาเทคโนโลยีมาช่วยให้สุขภาพดีขึ้น แม่นยำขึ้น และเร็วขึ้น ทั้ง Telehealth, Wearables, Robotics, Bioinformatics

🌱ตัวอย่างหุ้น
-Intuitive Surgical (ISRG)
ผู้นำหุ่นยนต์ผ่าตัด Da Vinci System
-Boston Scientific (BSX)
Device ทางการแพทย์, Cardiovascular, Endoscopy
-Stryker (SYK)
Orthopedics, Surgical instruments, Neurotechnology

🌟Takeaway:
-Safe growth + innovation → Sector โตต่อเนื่องเพราะ aging population และ tech adoption

3️⃣ 🌱 AgriTech & FoodTech
AgriTech: Smart Farming, Precision Agriculture, IoT & AI ช่วยเพิ่ม yield
FoodTech: Processing, Nutrition, และ Plant-based food

🌱ตัวอย่างหุ้น
-Deere & Company (DE)
Tractors, Smart machinery, Precision Ag Tech → ตลาดใหญ่มาก, safe growth
-Corteva (CTVA)
Seeds & Crop protection, Bio-tech → Innovation pipeline + global exposure

🌟Takeaway:
-Safe growth play → คนต้องกิน, เกษตรต้องใช้เครื่องจักร & seeds

4️⃣ 🕹️ Virtual Reality & Metaverse
สร้างโลกเสมือน immersive experience ทั้งเกม, social, commerce, education
มีทั้ง Hardware, Content, Engine/Tools และ Virtual Economy

🌱ตัวอย่างหุ้น
-Meta Platforms (META)
เจ้าพ่อ social + VR/AR, Horizon Worlds
-Unity (U)
Engine / Tools ให้ เหล่าdevs สร้าง VR/AR content
-Roblox (RBLX)
User-generated content, virtual economy & metaverse experience

🌟Takeaway:
-Unity → medium-risk, high upside
-Roblox → high-risk, growth driven by user engagement

การขยันหมั่นเพียร และการหาเงินเก่งนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่กระนั้น ประเทศแบบไหนกันที่ต้องทำให้เหล่าเด็กๆ ก้าวเข้าสู่โลกกา...
05/09/2025

การขยันหมั่นเพียร และการหาเงินเก่งนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่กระนั้น ประเทศแบบไหนกันที่ต้องทำให้เหล่าเด็กๆ ก้าวเข้าสู่โลกการทำงานก่อนวัยอันควร แล้วผู้คนต่างเห็นตามกันว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งสมควร ทั้งที่คนทุกคน ควรใช้ชีวิต ตามช่วงเวลาของชีวิตที่ควรจะเป็น

เพราะคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ อยู่ที่ใจเรามอง
Mindset is a key.

1) เราเป็นคนสำคัญต่อตัวเราเอง สำคัญต่อบางสิ่ง ต่อใครบางคนเสมอ โลกใบนี้จึงมีเรา

2) ความสำเร็จของชีวิต เปลี่ยนไปตามเป้าหมาย และจังหวะเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณค่าของเราลดลง

3) มุมมองโลก ไม่ใช่คำปลอบใจ แต่คือความเข้าใจในตัวเอง ตระหนักรู้ในสิ่งที่ทำ และเห็นคุณค่าของตัวเอง

4) โอกาสในชีวิต อาจเป็นเพราะต้นทุนชีวิตที่แตกต่าง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรายังมีโอกาสอยู่ จงยินดีกับมัน นั่นแสดงว่า เรายังมีพื้นที่ให้เราได้สร้างคุณค่าของเราต่อไป

5) ฝันของเราเปลี่ยนแปลงได้ เป้าหมายของคนเราอาจจะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ เราอาจจะไม่ได้ทำสิ่งที่ชอบที่สุด อยากทำที่สุด เพราะมีสิ่งสำคัญมากมายในชีวิตรอเราอยู่

6) จงมองหากำลังใจในสิ่งที่ทำอยู่ มันหล่อเลี้ยงให้ชีวิตเราดำเนินไปข้างหน้า มองหาความหมายของสิ่งที่ทำอยู่ให้เจอ ทุกก้าวของเราจะมีคุณค่าเสมอ จงมองเห็นมัน

7) เราจะยิ่งใหญ่ได้แค่ไหน เท่าที่ใจเราเรามองเห็นตัวเอง

ขอให้คุณมองเห็นคุณค่านั้นในตัวคุณ

#ตุ๊ดส์review

ในโลกการลงทุน “หุ้น 10 เด้ง” ไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อย ๆ แต่ถ้ามองย้อนกลับไป หุ้นอย่าง NVIDIA, Amazon หรือ Tesla ก็เคยถูกมอง...
05/09/2025

ในโลกการลงทุน “หุ้น 10 เด้ง” ไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อย ๆ แต่ถ้ามองย้อนกลับไป หุ้นอย่าง NVIDIA, Amazon หรือ Tesla ก็เคยถูกมองว่าเป็น niche player มาก่อนเหมือนกัน วันนี้เราเลยมาลองส่อง 4 กลุ่มเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในตลาดอเมริกา ว่ามีหุ้นตัวไหนที่อาจจะกลายเป็น future multi-bagger ได้บ้าง
..
1.📊 Data & AI – ข้อมูลคือเชื้อเพลิงใหม่ของโลก
โลกทุกวันนี้ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล → บริษัทที่สามารถ “เก็บ จัดการ และใช้ AI วิเคราะห์” ได้คือผู้ชนะ

หุ้นเด่น:
-Snowflake (SNOW) → Data warehouse บน cloud สำหรับองค์กรใหญ่
-Datadog (DDOG) → Monitoring & observability ช่วย DevOps ดู performance แบบ real-time
-MongoDB (MDB) → NoSQL database ที่ flexible สำหรับ modern apps

Why 10x?
องค์กรทั่วโลกกำลัง migrate ขึ้น cloud + ใช้ AI มากขึ้นเรื่อย ๆ → demand data infra โตไม่หยุด
..
2.🔒 Cybersecurity – ความปลอดภัยคือของจำเป็น ไม่ใช่ option
ทุกบริษัทต้องมี cybersecurity ไม่งั้นโดน ransomware เจ๊งแน่

หุ้นเด่น:
-CrowdStrike (CRWD) → Endpoint security ใช้ AI ป้องกัน malware/hacker
-Palo Alto Networks (PANW) → Firewall + network security รุ่นใหญ่
-Zscaler (ZS) → Cloud-native Zero Trust security

Why 10x?
Cyber attack โตเร็วกว่ารายได้บริษัท → security budget จะเพิ่มตลอดเวลา ไม่มีใครกล้าลด
..
3.🚀 Defense Tech & Space – ความมั่นคงและอวกาศคืออนาคต
Geopolitics (สหรัฐ–จีน, รัสเซีย–ยูเครน) ทำให้ defense tech เป็น “เมกะเทรนด์”

Space tech ก็มาแรง ทั้งด้านดาวเทียมและการส่ง payload

หุ้นเด่น:
-Palantir (PLTR) → AI + data analytics สำหรับรัฐบาลและกลาโหม
-Rocket Lab (RKLB) → จรวด Electron สำหรับยิงดาวเทียมราคาถูก

Why 10x?
โลกไม่สงบง่าย ๆ และ space economy ยังเพิ่งเริ่ม → ใครครองเทคโนโลยีนี้ได้ มีโอกาสโตยาว
..
4.🌐 Cloud Infra / DevOps – กระดูกสันหลังของดิจิทัล
ทุก app บนโลกต้องอยู่บน cloud และต้องการ DevOps tools ดูแล

หุ้นเด่น:
-ServiceNow (NOW) → Workflow automation สำหรับองค์กร
-Atlassian (TEAM) → Tools ยอดนิยมของทีม dev (Jira, Confluence)

Why 10x?
Digital transformation ยังไม่จบ → cloud และ automation ยังมี runway โตอีกมหาศาล

04/09/2025

Quant Trader ลงทุนในสินทรัพย์ไหน ???

อ.รักษ์ จาก Goinvest ส่งคลิปนี้มาให้ดู

Key หลักๆ คือ

- Wall Street เป็นเหมือน #ปราสาทที่มีป้อมปราการ ที่มีอุปสรรคในการเข้าถึงสูง รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี ข้อมูลวงใน และการเข้าถึงนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quant) ระดับปริญญาเอก แต่เมื่อเข้าไปได้แล้ว ภายใน Wall Street เปรียบเสมือนสวนผลไม้ที่มี " #ผลไม้ที่อยู่ต่ำ (low-hanging fruit)" ซึ่งหาเก็บได้ง่าย

แต่โลกภายนอก ( retail world) มีการแข่งขันสูงและมีแต่ " #ผลไม้ที่อยู่สูง (high-hanging fruit)" ซึ่งเก็บยากกว่า

- เทรดเดอร์ใน Wall Street มักจะสร้างระบบที่สามารถเก็บผลไม้ได้จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง (ใช้หลายวิธี) ในขณะที่เทรดเดอร์รายย่อยต้องหาวิธีเฉพาะเจาะจงเพื่อเข้าถึงผลไม้ที่ยากจะเข้าถึง (เช่น สร้างบันได) ทักษะที่จำเป็นสำหรับการประสบความสำเร็จจึงแตกต่างกัน

- เทรดเดอร์บางคนจะพยายามใช้ความรู้และสัญญาณจากการทำงานใน Wall Street มาซื้อขายในบัญชีส่วนตัว (เช่น บน Robinhood) แต่แผนก compliance ของบริษัท สั่ง #ห้ามเทรด..... แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเทรดเดอร์อาจให้ความสำคัญกับผลกำไรส่วนตัวมากกว่าผลกำไรของบริษัท และ เป็นสิ่งรบกวนสมาธิ โฟกัสไม่ได้

- เทรดเดอร์เชิงปริมาณจำนวนมาก ลงทุนเงินออมส่วนใหญ่ (เช่นพวกเงินเกษียณ) ในสินทรัพย์ทั่วไปและอนุรักษ์นิยม เช่น กองทุน S&P 500 และ NASDAQ
(บริษัทที่เทรดคริปโต ก็ให้พนักงานออมใน S&P500 กองตราสารหนี้ กอง Target Date

- แต่นอกเหนือจากนี้ ก็ลงทุนในหุ้นเก็งกำไร เทรดฟิวเจอร์ก็มี แต่กำไรไหมก็แล้วแต่คนนะ บางคนก็เกือบเจ๊งได้ และบางคนก็ไปทางลงอสังหาฯ หรือ Start-Up ไปเลย โอเค Bitcoin ก็มีด้วย แล้วคนที่ทุนต่ำ อดทนต่อความผันผวนก็กำไรดีนะ

#ข้อสรุป

1. เค้าสังเกต นักเทรดเชิงปริมาณประมาณ 20-30 คน พบว่า เมื่อเฉลี่ยการลงทุนทั้งหมดแล้ว ผลตอบแทนของพวกเขาอาจ #ไม่แตกต่าง จากการลงทุนใน S&P 500

2. การทำงานใน Wall Street ไม่ได้ให้ "alpha เพิ่มเติม" ในการตัดสินใจลงทุนส่วนตัว

3. สำหรับผู้ที่อยู่นอก Wall Street และไม่มีความได้เปรียบแบบ Wall Street วิธีการลงทุนแบบ ที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตลาดกว้างอย่าง S&P 500

**Wall Street หมายถึง คนที่ทำงานในตลาดการลงทุน ตลาดหุ้น นี่แหละครับ**

ที่อยู่

ดินแดง
ดินแดง

เบอร์โทรศัพท์

+66956140456

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หุ้นจงปังผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง หุ้นจงปัง:

แชร์