06/07/2025
หากใครสนใจหรืออยากรู้วิธีการเพิ่มเติม เรามีทีม Creative Consult คอยให้คำปรึกษานะคะ
ทักกันมาก่อนเลยได้น้าาา
ขอขอบคุณทางเพจ Keep Rolling ที่แชร์ข้อมูลที่น่าสนใจและ Support Community นี้ด้วยค่าา 🙏🏻
📽️ Virtual Production คืออะไร?
เข้าใจเทคโนโลยีเบื้องหลังโลกภาพยนตร์สมัยใหม่ แบบไม่ต้องมีพื้นฐาน
Virtual Production หรือ “การผลิตเสมือน” คือการรวมโลกแห่งการถ่ายทำภาพยนตร์แบบดั้งเดิมเข้ากับโลกดิจิทัล เพื่อให้ผู้สร้างภาพยนตร์สามารถควบคุมทุกอย่าง — ทั้งฉาก แสง กล้อง และการแสดง — ได้อย่างแม่นยำ “ขณะถ่ายทำ” โดยไม่ต้องรอแก้ไขในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ (Post-production)
เทคโนโลยีนี้ไม่ได้มีไว้แค่เพื่องานไซไฟหรือภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง เท่านั้น แต่กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีคิด วิธีถ่าย และวิธีจัดการกับกองถ่ายในทุกระดับทั่วโลก — ตั้งแต่โฆษณา มิวสิกวิดีโอ จนถึงซีรีส์สำหรับสตรีมมิง
⸻
🧰 Virtual Production มีอะไรอยู่ข้างในบ้าง?
Virtual Production ไม่ใช่เพียงแค่การใช้จอ LED หรือฉากหลังสวย ๆ — แต่มันคือระบบที่ซับซ้อน ประกอบด้วยเทคนิคหลักหลายด้าน เช่น:
1. 🎥 World Capture
การสแกนสถานที่จริง (เช่น ป่า ภูเขา หรือเมือง) ด้วยเทคโนโลยี 3D เพื่อสร้างเวอร์ชันดิจิทัลของโลกเหล่านั้นให้ใช้งานในสตูดิโอได้
2. 🎬 Visualization
การวางแผนล่วงหน้าด้วยภาพจำลอง เช่น Previsualization (Previs), Virtual Camera ที่ให้ผู้กำกับ “เดินกล้อง” ในโลก 3 มิติได้จริง
3. 🕺 Performance Capture
การจับการแสดงของนักแสดง (เช่น การเคลื่อนไหว สีหน้า) ด้วย Motion Capture หรือ Volumetric Capture แล้วนำไปใส่ตัวละครดิจิทัล
4. 🖥️ Simulcam
การรวมภาพจากกล้องจริงเข้ากับภาพกราฟิกแบบเรียลไทม์ ทำให้ทีมงานเห็น “ภาพที่ใกล้เคียงของจริง” ขณะถ่าย
5. 🌌 In-Camera Visual Effects (ICVFX)
หัวใจของ VP ยุคใหม่ — การใช้จอ LED ยักษ์ล้อมรอบฉาก ถ่ายทำฉากหลังแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องใช้ Green Screen หรือคีย์ภาพในโพสต์
⸻
🎬 In-Camera VFX (ICVFX) คืออะไร?
ICVFX คือการสร้าง “เอฟเฟกต์ภาพ” ให้เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ในกล้อง โดยใช้จอ LED แสดงฉากหลังหรือโลกเสมือนจริง พร้อมกล้องที่รู้ตำแหน่งตัวเอง ทำให้เมื่อขยับกล้อง ภาพในจอจะขยับตาม มุมภาพเปลี่ยนไปอย่างสมจริง
ภาพที่ได้ไม่ใช่ภาพ “ดิบ” ที่ต้องเอาไปแต่งต่อ แต่คือภาพที่ ใกล้เคียงกับฉบับตัดต่อเสร็จแล้วทันที
⸻
🔍 ทำไมคนในวงการถึงหลงรัก ICVFX?
• ✅ ภาพสมจริงทันที ทั้งแสง เงา และการสะท้อน
• ✅ นักแสดงไม่ต้องจินตนาการ เพราะเห็นฉากจริง
• ✅ ผู้กำกับภาพควบคุมแสงได้จริง ไม่ต้องหวังว่าจะ “แก้ได้ทีหลัง”
• ✅ ลดขั้นตอนในโพสต์ ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ
⸻
🖼️ รูปแบบของ ICVFX
1. ✅ 2D In-Camera VFX
ใช้ฟุตเทจที่ถ่ายไว้ล่วงหน้า (เช่น ถนน, ท้องฟ้า) ฉายบนจอ LED
เหมาะกับ: ฉากขับรถ, วิวที่กล้องไม่ขยับมาก
2. ✅ 3D In-Camera VFX
ใช้ Game Engine เช่น Unreal Engine เพื่อเรนเดอร์ฉาก 3 มิติแบบสด ๆ พร้อมซิงก์กับการเคลื่อนไหวของกล้อง
เหมาะกับ: ฉากที่กล้องเคลื่อนที่หรือหมุนเยอะ ๆ
3. ✅ 2.5D In-Camera VFX
การผสมระหว่าง 2D และ 3D — เช่น ฉากไกลเป็นภาพ 2D แต่ด้านหน้าเป็นโมเดล 3D ที่ปรับได้สด ๆ
เหมาะกับ: งานที่ต้องการความลึก แต่ไม่ซับซ้อนเกินไป
⸻
🚗 ถ่ายฉาก “ในรถ” แบบใหม่ด้วย VP
ถ่ายจริงบนถนน: แพง, ยุ่งยาก, ควบคุมไม่ได้
Green Screen: เห็นแต่จอเขียว, ต้องจินตนาการ
LED Wall: ฉากขับรถที่ดูสมจริงสุด ๆ แสงแฟลร์สะท้อนจริงบนกระจก นักแสดงเห็นวิวจริง และกล้องได้ภาพสุดท้ายในทันที
⸻
💡 Interactive Lighting คืออะไร?
คือการใช้จอ LED หรือแหล่งกำเนิดแสงจำลอง ให้แสงสะท้อนจากฉากหลัง “ตกกระทบจริง” บนหน้าตานักแสดง เสื้อผ้า หรือวัตถุ
ทำให้ฉากดู “เหมือนเกิดขึ้นจริง” เพราะแสงไม่ใช่ของปลอม ไม่ต้องใส่ในโพสต์ภายหลัง
⸻
🧠 ใครอยู่เบื้องหลังงาน Virtual Production?
เมื่อเปลี่ยนจากการถ่ายทำในโลกจริงมาอยู่ในสตูดิโอที่รายล้อมด้วยจอ LED ยักษ์ งานของทีมงานแต่ละคนก็ต้องปรับตาม และบางตำแหน่งก็ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะสำหรับ Virtual Production
🎥 Director of Photography (DP)
หรือ “ผู้กำกับภาพ” มีหน้าที่เดิมคือควบคุมแสง เงา และภาพสุดท้ายที่กล้องจะบันทึก แต่ในงาน Virtual Production เขาต้องรู้มากกว่านั้น เพราะจอ LED ไม่ใช่แค่ฉากหลัง มันคือ แหล่งกำเนิดแสงหลัก ที่ส่งผลต่อทุกอย่างในภาพ — ดังนั้น DP ต้องร่วมวางแผนกับฝ่ายเทคนิคอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ต้องเข้าใจพฤติกรรมของแสงจาก LED และปรับการจัดไฟให้ออกมาเนียนกับเนื้อหาบนจอที่สุด
🧠 Virtual Production Supervisor
นี่คือตำแหน่งใหม่ ที่เปรียบเสมือน “หัวหน้าทีมควบคุมระบบเสมือนทั้งหมด” ทำงานคล้าย VFX Supervisor แต่ลงรายละเอียดกับ การเตรียมงาน VP ตั้งแต่ขั้นวางแผนไปจนถึงวันถ่ายจริง หน้าที่หลักคือประสานงานระหว่างแผนกต่าง ๆ เช่น ทีมแสง ทีมกล้อง ทีมฉาก ทีม Unreal หรือ Media Server ให้ทั้งหมดเดินไปในทิศทางเดียวกันโดยไม่มีหลุด
💻 Digital Imaging Technician (DIT)
จากเดิมที่ DIT ดูแลภาพที่ออกมาจากกล้องให้ถูกต้องตามเจตนาศิลป์ ใน VP พวกเขากลายเป็น ผู้เฝ้าระวังจอ LED ด้วย ต้องตรวจสอบว่าแสง สี ความสว่าง และ dynamic range จากจอ LED ไม่เพี้ยนไปจากที่ตั้งใจ เพราะหากมีปัญหาเล็กน้อยจากการตั้งค่า ก็จะส่งผลกับทั้งฉากทันที
🎨 Production Designer
นักออกแบบฉาก ที่ต้องปรับแนวคิดใหม่ เพราะใน VP ไม่ใช่ทุกอย่างจะสร้างขึ้นมาจริง — บางส่วนเป็นดิจิทัลที่แสดงบนจอ LED
Production Designer ต้องรู้ว่า ส่วนไหนควรสร้างจริง (เช่น ฉากหน้าหรือจุดที่นักแสดงสัมผัส) และ ส่วนไหนควรปล่อยให้เป็นภาพเสมือน เพื่อให้ฉากทั้งสองส่วน “กลืนกัน” อย่างแนบเนียน ไม่มีหลุด
🧑🎨 VFX Supervisor
แม้จะไม่ได้ทำเอฟเฟกต์หลังถ่ายเหมือนเดิม แต่ก็ยังต้องเข้ามาตั้งแต่ต้น เพื่อวางแผนว่าเนื้อหาที่จะขึ้นจอ LED ต้องมีคุณภาพแค่ไหน ต้องทำให้จบในกล้อง หรือเผื่อไว้ให้แก้ในโพสต์ VFX Supervisor คือคนที่ดูแล “ความเนียน” ของภาพรวมในมิติของการผสม CG เข้ากับกล้องจริง
✂️ Editorial / Previs Editor
ไม่ใช่แค่ตัดต่อหลังถ่ายเท่านั้น ทีมตัดต่อต้องมีส่วนในช่วงเตรียมงานด้วย เช่น สร้าง Previs (ภาพจำลองก่อนถ่าย) และเลือกฟุตเทจขับรถหรือฉากหลังที่จะใช้ขึ้นจอ LED ทีมนี้จะช่วยกำหนดว่า มุมกล้องไหนต้องใช้เนื้อหาแบบไหน และเตรียมเนื้อหานั้นให้พร้อมในเซ็ต
💡 Gaffer (หัวหน้าทีมไฟ)
หน้าที่ของ Gaffer กลายเป็นการ ทำงานร่วมกับแสงจาก LED มากกว่าจัดไฟธรรมดา แสงจากจอ LED อาจสวยแต่ไม่แรงพอ หรือสีส้มเกินไป—Gaffer ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรเสริมแสง, เมื่อไหร่ควรปล่อยให้ LED ทำงานของมันเอง และต้องคำนึงถึง ความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า เมื่อรวมเข้ากับระบบดิจิทัลขนาดใหญ่แบบนี้
🎮 Media Server Operator (หรือ Engine Operator)
ผู้ควบคุมคอนเทนต์บนจอ LED คนนี้เหมือน “ดีเจของฉากหลัง” เขาต้องคอยโหลด ฉาย และควบคุมการเล่นเนื้อหาต่าง ๆ ให้ตรงกับคิวถ่าย ต้องมีความเข้าใจทั้งเทคนิคของวิดีโอ, ความละเอียดของภาพ, ระบบซิงก์กับกล้อง และในบางกรณีอาจต้องปรับตำแหน่งของภาพแบบสด ๆ บนเซ็ตด้วย
🧰 LED Technician / LED Engineer
ตำแหน่งนี้ดูแลเรื่อง ฮาร์ดแวร์ของจอ LED ทั้งหมด ตั้งแต่ติดตั้ง โครงสร้าง ระบบไฟ ไปจนถึงการแก้ปัญหาในวันถ่ายจริง เช่น ถ้าจอบางแผงสว่างไม่เท่ากัน สีผิดพลาด หรือภาพไม่ขึ้น LED Technician ต้องแก้ให้ทันที เพราะทุกอย่างอยู่ต่อหน้ากล้อง ไม่มีเวลาให้พัง
🕹️ Virtual Art Department (VAD)
ทีมนี้คือผู้สร้าง “โลกดิจิทัล” ให้กับงาน VP โดยใช้ Unreal Engine หรือโปรแกรมเกมอื่น ๆ ในการปั้นฉาก 3D เช่น ป่า, เมือง, ยานอวกาศ ฯลฯ ซึ่งจะถูกส่งไปแสดงบน LED Wall บางครั้งต้องปรับฉากแบบเรียลไทม์ในกองถ่ายเลยด้วย เรียกได้ว่าเป็นแผนกศิลป์สายอนาคต
⸻
🗓️ ไทม์ไลน์การเตรียมงาน ICVFX
1. วางแผน: รู้ว่าอยากถ่ายอะไร มุมไหน ฉากเป็นแบบใด
2. Previs / Techvis: จำลองกล้องในฉาก 3D
3. สร้างคอนเทนต์: ถ่ายฟุตเทจหรือสร้างโลก 3D
4. เช็กความพร้อมของฉาก
5. เทสต์แสง: จำลองแสงจริงให้พร้อม
6. ซ้อมถ่ายทำ: ทดสอบกล้อง + ฉาก + แสง
7. ถ่ายจริง: ปรับเล็กน้อยได้ แต่ต้องพร้อมก่อนกล้องหมุน
8. ตรวจงาน (QC): เช็กว่าไม่มีข้อผิดพลาดในภาพ
⸻
🔚 สรุป: Virtual Production ไม่ใช่ของไกลตัวอีกต่อไป
เรากำลังอยู่ในยุคที่ เส้นแบ่งระหว่างโลกจริงกับโลกจำลองบางลง ไปทุกวัน
Virtual Production คือก้าวใหม่ของการสร้างสรรค์ ที่ไม่ได้มาแทนของเดิม — แต่เปิดโอกาสให้เราทำสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้นจริงตรงหน้า
รู้ไว้ ไม่ใช่เพื่อทำ VP เองเสมอไป
แต่เพื่อจะไม่ประมาท — และพร้อมปรับตัว
เมื่อโลกแห่งภาพยนตร์และโฆษณา กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ “โลกทั้งใบ” สามารถสร้างขึ้นได้ในสตูดิโอเพียงห้องเดียว