เลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ถูกทาง by แม่มิ่ง

เลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ถูกทาง by แม่มิ่ง ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก เลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ถูกทาง by แม่มิ่ง, ครีเอเตอร์ดิจิทัล, สมุทรปราการ, เมืองสมุทรปราการ.
(1)

สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยรักและเข้าใจในครอบครัว
ด้วยทุนทางจิตวิทยา Psychological Capital (PsyCap) นำไปสู่การตระหนักรู้ตนเอง มองโลกในแง่ดี มีความหวังและยืดหยุ่นทางจิตใจ เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทาง by แม่มิ่ง เป็นเพจที่ต้องการให้พื้นที่บนโลกออนไลน์เป็นช่องทางในการนำเสนอข้อมูลดีๆ ที่จับต้องได้นำไปใช้ได้จริง อยากเห็นสังคมสมัยใหม่เป็นสังคมอุดมสุขโดยมีจุดเริ่มต้นที่ครอบครัว มาเลี้ยงลูกให้ถูกทางกันนะคะ

ทำไมคำว่า “สู้ ๆ นะ” ✌🏻✌🏻อาจไม่เวิร์กกับลูกวัยรุ่น และอะไรที่ให้ผลจริงในสายตาของผู้ใหญ่ “สู้ ๆ นะ” อาจฟังดูซึ้งและเต็มไป...
02/09/2025

ทำไมคำว่า “สู้ ๆ นะ” ✌🏻✌🏻
อาจไม่เวิร์กกับลูกวัยรุ่น และอะไรที่ให้ผลจริง

ในสายตาของผู้ใหญ่ “สู้ ๆ นะ” อาจฟังดูซึ้ง
และเต็มไปด้วยกำลังใจ

นอกจากนี้ยังมีคำอื่นๆ เช่น

เป็นกำลังใจให้นะ 🥺

ทำได้อยู่แล้ว 🥺

แต่สำหรับวัยรุ่นหลายคน กลับรู้สึกเหมือน 🥺🥺

“ขอไปที”

หรือถูกเร่งเร้าโดยไม่เข้าใจความลำบากที่แท้จริง

1. เหตุผลที่วัยรุ่นไม่ชอบคำว่า “สู้ ๆ นะ”🌟
• ฟังดูเป็นคำสั้น ๆ ที่ไม่มีสาระ
วัยรุ่นมองว่าคำนี้ไม่มีข้อเสนอแนะหรือวิธีแก้ปัญหา จึงไม่รู้สึกว่าตนได้รับความช่วยเหลือจริง

• รู้สึกถูกกดดันโดยไม่ตั้งใจ
บางครั้งวัยรุ่นอาจรู้สึกว่า “ฉันต้องสู้ให้สำเร็จเท่านั้น” หากล้มเหลวจะเหมือนทำให้พ่อแม่ผิดหวัง

• ขาดความเข้าใจเชิงลึก
คำว่า “สู้ ๆ” ไม่ได้สื่อว่าผู้ใหญ่เข้าใจความยากลำบากหรือความกลัวของเขา จึงรู้สึกโดดเดี่ยว

• สื่อสารแบบเดิม ๆ ในยุคที่วัยรุ่นต้องการความจริงใจและลึกซึ้งกว่า
เด็กรุ่นใหม่เติบโตในโลกที่ซับซ้อน จึงต้องการคำพูดที่ทำให้รู้สึกถึงการรับฟังและการเข้าใจอย่างแท้จริง

ความรู้สึกของวัยรุ่นเมื่อได้ยินคำว่า “สู้ ๆ นะ”
• บางคนรู้สึกว่าเป็นคำปลอบใจแบบขอไปที
• บางคนรู้สึกถูกเร่งเร้าโดยไม่ถูกถามว่าเหนื่อยแค่ไหนหรืออยากพักไหม
• บางคนรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ได้เข้าใจว่าตนกำลังผ่านอะไรอยู่

ตัวอย่างคำพูดจากวัยรุ่น: 🌟🌟

“หนูรู้ว่าพ่อแม่อยากให้กำลังใจ แต่บางครั้ง
คำว่าสู้ ๆ มันทำให้หนูรู้สึกว่าพ่อแม่อยากให้หนู
ทำให้ได้ โดยไม่สนใจว่าหนูเหนื่อยหรือท้อแค่ไหน”

คำพูดที่ช่วยให้ลูกทุ่มเท อดทน และไม่ย่อท้อ

การให้กำลังใจวัยรุ่นควร ผสมผสานความเข้าใจ
ความจริงใจ และการเห็นคุณค่าของความพยายาม มากกว่าการเน้นผลลัพธ์ เช่น
1. “แม่เห็นว่าลูกพยายามมากแล้วนะ ภูมิใจในตัวลูกจริง ๆ”
→ ช่วยให้รู้สึกว่าความพยายามมีค่า ไม่ใช่แค่ความสำเร็จเท่านั้น

2. “เหนื่อยไหม เล่าให้แม่ฟังได้นะ แม่อยากรู้ว่าลูกต้องเจอกับอะไร”
→ แสดงความเข้าใจและเปิดพื้นที่ให้ลูกพูด

3. “ขอบคุณที่ไม่ยอมแพ้ แม้จะยากมาก แม่เชื่อว่าลูกจะผ่านไปได้”
→ ยอมรับความท้าทายและเสริมความเชื่อมั่นในตัวลูก

4. “อยากให้ลองคิดว่า สิ่งนี้สอนอะไรเราได้บ้าง แม้จะไม่ง่ายก็ตาม”
→ ชวนมองมุมเรียนรู้ ไม่ใช่แค่เอาชนะ

บทสนทนาตัวอย่าง🌟🌟

ลูก (น้ำเสียงเหนื่อย): หนูไม่อยากทำแล้ว มันยากมากเลย

แม่: แม่เข้าใจเลยว่ามันหนักมากสำหรับลูกนะ ลองเล่าให้แม่ฟังหน่อยได้ไหมว่าอะไรทำให้ยากที่สุด?

ลูก: มันเยอะเกินไป หนูทำไม่ทันเลย

แม่: ขอบคุณที่เล่าให้แม่ฟัง แม่เห็นว่าลูกพยายามมาตลอดนะ เรามาคิดด้วยกันไหมว่าจะทำยังไงให้จัดการได้ทีละขั้น จะได้ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

คำว่า “สู้ ๆ นะ” ไม่ได้ผิด แต่สำหรับวัยรุ่นยุคนี้ ต้องการคำพูดที่มากกว่าแค่การให้กำลังใจผิวเผิน
พ่อแม่ควรใส่ใจทั้งอารมณ์ ความคิด และความพยายามของลูก พร้อมสื่อสารด้วยความเข้าใจ
เพื่อให้ลูกมีกำลังใจที่จะทุ่มเทและยืนหยัดต่อ
อุปสรรคอย่างแท้จริง

สอนลูกแบบเข้าใจง่าย ๆ

อย่าลืมกด See first ติด ⭐️
เพื่อติดตามเพจแม่มิ่งนะคะ
#แม่มิ่ง
#เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทางbyแม่มิ่ง
#เลี้ยงลูกวัยรุ่น
#ปัญหาเลี้ยงลูก
#ปรึกษาปัญหาเลี้ยงลูก



เลี้ยงลูกวัยรุ่นอย่างไรให้ยืดหยัด 🌟🌟ต่อสู้ อดทน ล้มแล้วลุกได้ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน สับสน และความไม่แน่นอน พ่อแม่...
01/09/2025

เลี้ยงลูกวัยรุ่นอย่างไรให้ยืดหยัด 🌟🌟
ต่อสู้ อดทน ล้มแล้วลุกได้

ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน สับสน
และความไม่แน่นอน พ่อแม่จำนวนมากกังวลว่า
ลูกวัยรุ่นจะรับมือกับปัญหาได้อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นความกดดันทางการเรียน
การเปลี่ยนแปลงของสังคม หรือความล้มเหลว
ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การเลี้ยงลูกให้ ยืดหยัด
ต่อสู้ อดทน และลุกขึ้นได้เมื่อพลาด
จึงเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญที่สุด

1. ✅สร้าง “กรอบความคิดเติบโต”
(Growth Mindset)
• แนวคิดหลัก: ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นการเรียนรู้เพื่อเติบโต

• วิธีทำ:

• แทนที่จะพูดว่า “หนูทำผิดอีกแล้ว”
ลองพูดว่า “ครั้งนี้หนูได้เรียนรู้อะไรบ้าง”
• ยกตัวอย่างคนที่เคยล้มเหลวแล้ว
ประสบความสำเร็จ เช่น นักกีฬา นักวิทยาศาสตร์
หรือศิลปินที่ใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียน

2. ✅สอนการจัดการอารมณ์เมื่อผิดพลาด

วัยรุ่นมักมีอารมณ์รุนแรงเมื่อเจอความล้มเหลว
เช่น โกรธ เศร้า หรือโทษตัวเอง
• เทคนิคฝึก:
• หายใจลึก ๆ 3–5 ครั้งเพื่อดึงสติ
• จดบันทึกว่า “ฉันรู้สึกอะไร และฉันสามารถทำอะไรได้ต่อไป”
• สอนให้เห็นว่าความรู้สึกเป็นเพียงคลื่นที่ผ่านไป ไม่ใช่สิ่งที่นิยามคุณค่าในตัวเอง

3. ✅พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างของการล้มแล้วลุก

วัยรุ่นเรียนรู้จากการสังเกตมากกว่าการฟังคำสอน
• พ่อแม่ควรเล่าเรื่องความล้มเหลวของตัวเองและวิธีลุกขึ้นอย่างจริงใจ
• แสดงให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้ทำลายชีวิต แต่ช่วยสร้างความเข้มแข็ง

4. ✅ปลูกฝังทักษะการแก้ปัญหา
(Problem-Solving Skill)

ไม่ใช่เพียงการปลอบใจ แต่ต้องช่วยลูกมองหา
“ทางเลือก”
• ถามลูกว่า
• “มีวิธีไหนที่ทำให้สถานการณ์นี้ดีขึ้น?”
• “เราจะเริ่มใหม่ได้ตรงไหน?”
• ช่วยลูกแยกปัญหาออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อจัดการได้ทีละขั้น

5. ✅สนับสนุน ไม่ซ้ำเติม

คำพูดบางอย่างอาจกดทับใจลูก เช่น “ทำไมไม่ระวังให้มากกว่านี้” หรือ “รู้อย่างนี้ไม่ต้องทำ”
• เปลี่ยนเป็นคำสนับสนุน เช่น “ไม่เป็นไร แม่เชื่อว่าหนูทำได้ดีขึ้นครั้งหน้า”
• ให้พื้นที่ลูกได้ลองผิดลองถูก โดยไม่ตัดสินค่าในตัวเขา

6. ✅สอนคุณค่าของความพยายาม มากกว่าผลลัพธ์

เมื่อพ่อแม่ชื่นชมความพยายาม ไม่ใช่แค่ความสำเร็จ เด็กจะรู้สึกปลอดภัยในการทดลองสิ่งใหม่ ๆ
• ตัวอย่างคำชม: “แม่ภูมิใจที่หนูตั้งใจฝึกซ้อมทุกวัน ถึงแม้ผลยังไม่ออกมาอย่างที่คิด”

ตัวอย่างสถานการณ์💬

ลูกสอบไม่ติดคณะในฝัน
• พ่อแม่ควรพูดว่า
• “แม่เข้าใจว่าหนูผิดหวัง แต่แม่ภูมิใจที่หนูพยายามเต็มที่แล้ว เรามาหาทางเลือกใหม่ที่เหมาะกับหนูกันไหม”
• พร้อมช่วยลูกวิเคราะห์ว่าเรียนรู้จากประสบการณ์นี้อย่างไร และจะพัฒนาต่ออย่างไร

การสอบตกวิชาเคมี

ลูกกลับมาบ้านด้วยสีหน้าเศร้า
เพราะสอบตกวิชาเคมีเป็นครั้งแรก
• สิ่งที่พ่อแม่ทำ:
• รับฟังโดยไม่ตำหนิ เช่น “แม่เห็นหนูพยายามแล้วนะ วันนี้อาจยังไม่เป็นไปตามที่หวัง แต่เรามาดูกันว่าเราพลาดตรงไหนและจะแก้ยังไงดี”
• ช่วยลูกวางแผน เช่น หาครูสอนพิเศษ หรือสร้างตารางอ่านหนังสือแบบใหม่

ทะเลาะกับเพื่อนสนิท 💬

วัยรุ่นมักเจอปัญหาความสัมพันธ์ พูดผิดคำเดียว
อาจทำให้เพื่อนโกรธ
• สิ่งที่พ่อแม่ทำ:
• ไม่ตัดสินว่าใครผิด แต่ถามว่า “หนูคิดว่าอยากแก้ไขยังไงให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น”
• สอนการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ เช่น ขอโทษด้วยความจริงใจ หรือพูดความรู้สึกโดยไม่โทษอีกฝ่าย

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

การเลี้ยงลูกให้ยืดหยัด ต่อสู้ และลุกขึ้นได้ 👧🏻🧑🏻‍🦱
หลังล้ม ไม่ได้หมายถึงการทำให้ชีวิตลูก
ไม่มีอุปสรรค แต่คือการปลูกฝังทักษะ
การจัดการความผิดพลาด สอนให้มองว่า
ปัญหาเป็นครู และเชื่อมั่นว่าทุกก้าวพลาด
คือโอกาสในการเติบโต

เพื่อให้เขาไม่เพียงแค่รอดพ้นจาก 👨🏻👩🏻
ความล้มเหลว แต่ยังกลายเป็นคนที่เข้มแข็ง
พร้อมเดินต่อไปอย่างมั่นคง

สอนลูกแบบเข้าใจง่าย ๆ

อย่าลืมกด See first ติด ⭐️
เพื่อติดตามเพจแม่มิ่งนะคะ
#แม่มิ่ง
#เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทางbyแม่มิ่ง
#เลี้ยงลูกวัยรุ่น
#ปัญหาเลี้ยงลูก
#ปรึกษาปัญหาเลี้ยงลูก



ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วย🌟🌟การเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านร่างกาย ความคิด อารมณ์ และความต้องการอิสระ พ่อแม่หลายคนอาจร...
31/08/2025

ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วย🌟🌟
การเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านร่างกาย ความคิด อารมณ์ และความต้องการอิสระ พ่อแม่หลายคนอาจรู้สึกว่า

“คุยกันไม่รู้เรื่อง” หรือ

“ลูกเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนเดิม”

ส่งผลให้เกิดการขัดแย้งและความห่างเหิน
โดยไม่ตั้งใจ

หนึ่งในวิธีสำคัญที่ช่วยลดปัญหานี้ได้ คือ

“การสื่อสารแบบเข้าอกเข้าใจ (Empathetic Communication)”

หรือการสื่อสารที่ไม่เพียงรับฟัง แต่พยายามเข้าใจความรู้สึก ความคิด และมุมมองของลูกอย่างลึกซึ้ง

ทำไมการสื่อสารแบบเข้าอกเข้าใจจึงสำคัญ?🌟🌟

1. ✅ สร้างความรู้สึกปลอดภัยทางใจ
ลูกวัยรุ่นต้องการพื้นที่ที่สามารถพูดความคิดและ
ความรู้สึกได้โดยไม่ถูกตัดสิน การสื่อสารแบบเข้าอกเข้าใจทำให้ลูกกล้าบอกเล่าปัญหาและความกังวล

2. ✅ ลดความขัดแย้ง
เมื่อพ่อแม่เข้าใจอารมณ์ของลูก เช่น ความกดดันจากการเรียนหรือการเข้าสังคม ก็สามารถตอบสนองอย่างเหมาะสมแทนที่จะใช้คำตำหนิหรือบังคับ

3. ✅ เสริมสร้างสายสัมพันธ์
ความเข้าใจซึ่งกันและกันช่วยให้เกิดความผูกพันแน่นแฟ้น ทำให้บ้านเป็นที่ที่ลูกอยากกลับมา ไม่ใช่สถานที่ที่ต้องหลบหนี

เทคนิคการสื่อสารแบบเข้าอกเข้าใจ
1. ฟังด้วยใจ (Active Listening)👧🏻🧑🏻‍🦱
• ตั้งใจฟัง ไม่รีบขัดจังหวะ
• ใช้คำเล็กๆ ยืนยันว่ากำลังฟัง เช่น “อืม”, “เข้าใจแล้วลูก”

2. สะท้อนความรู้สึก (Reflect Feelings)👧🏻🧑🏻‍🦱
• พูดสะท้อนอารมณ์ของลูก เช่น
• “ฟังดูเหมือนลูกกังวลมากเลยเรื่องสอบ”
• “แม่เข้าใจว่าหนูเสียใจนะที่เพื่อนล้อ”

3. ถามอย่างเปิดใจ (Open-ended Questions)👧🏻🧑🏻‍🦱
• แทนที่จะถามว่า “ทำไมทำแบบนั้น” ซึ่งฟังเหมือนจับผิด
• ใช้คำถามว่า “ลูกคิดอย่างไรกับเรื่องนี้” หรือ “ลูกอยากให้พ่อแม่ช่วยยังไง”

4. ให้กำลังใจและแสดงความรัก👧🏻🧑🏻‍🦱
• ใช้คำพูดอบอุ่น เช่น “แม่ภูมิใจที่ลูกพยายามมากเลย”
• กอดหรือแตะไหล่เพื่อให้ลูกสัมผัสถึงความอบอุ่นจริงๆ

ตัวอย่างสถานการณ์
ที่ใช้การสื่อสารแบบเข้าอกเข้าใจ ❤️

สถานการณ์ที่ 1: ลูกไม่อยากไปโรงเรียน🏫🏫
• ลูก: “หนูไม่อยากไปโรงเรียนเลย เพื่อนชอบล้อเรื่องรูปร่าง”
• พ่อแม่ (ตอบแบบเข้าอกเข้าใจ): “แม่เสียใจที่หนูต้องเจอแบบนั้น คงทำให้หนูรู้สึกเจ็บปวดมากเลยใช่ไหม เล่าให้แม่ฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

สถานการณ์ที่ 2: ลูกได้คะแนนสอบไม่ดี🥺🥺
• พ่อแม่แบบเดิม: “เห็นไหม แม่บอกแล้วให้ตั้งใจเรียน!”
• พ่อแม่แบบเข้าอกเข้าใจ: “แม่เข้าใจว่าลูกผิดหวังมาก แม่เห็นความพยายามของลูกนะ อยากให้แม่ช่วยวางแผนอ่านหนังสือด้วยกันไหม”

สถานการณ์ที่ 3: ลูกอารมณ์เสียเพราะทะเลาะกับเพื่อน
• ลูก: “เพื่อนไม่ยอมคุยกับหนูเลย หนูโกรธมาก”
• พ่อแม่: “หนูคงรู้สึกทั้งโกรธและเสียใจมากใช่ไหมลูก… แม่อยู่ตรงนี้นะ พร้อมฟังเรื่องของหนูเสมอ”

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬
การสื่อสารแบบเข้าอกเข้าใจ
ไม่ได้ซับซ้อนหรือยากเกินไป
เริ่มจากการฟังด้วยใจ❤️ไม่ตัดสิน
สะท้อนความรู้สึก และพูดด้วยความรัก

เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง จะสร้างรอยยิ้มและ
ความผูกพันลึกซึ้งระหว่างพ่อแม่กับลูกวัยรุ่น
ลดการขัดแย้ง และทำให้บ้านกลับมาเป็น

“ที่พักใจ” อย่างแท้จริง

สอนลูกแบบเข้าใจง่าย ๆ

อย่าลืมกด See first ติด ⭐️
เพื่อติดตามเพจแม่มิ่งนะคะ
#แม่มิ่ง
#เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทางbyแม่มิ่ง
#เลี้ยงลูกวัยรุ่น
#ปัญหาเลี้ยงลูก
#ปรึกษาปัญหาเลี้ยงลูก



แถลงการณ์สำนักพระราชวังเรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิ...
31/08/2025

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง

เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร
มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวร
ฉบับที่ ๖

ถอดรหัสตู้คีบ  #มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันเป็นแง่มุมที่น่าสนใจของกลไกการพนันที่แฝงความน่ารัก น่าตื่นเต้น และความกระหายอยากในห...
31/08/2025

ถอดรหัสตู้คีบ #มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน

เป็นแง่มุมที่น่าสนใจของกลไกการพนันที่แฝง
ความน่ารัก น่าตื่นเต้น และความกระหายอยากในหมู่เด็กแยะเยาวชน

"The Claw Code : เท่าทันกับดักถอดรหัสตู้คีบ"

ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงการเล่นเกมอย่างง่าย ๆ อาจซ่อนเร้นความซับซ้อนที่เราไม่เคยคาดคิด โครงการ RoadShow "The Claw Code : เท่าทันกับดักถอดรหัสตู้คีบ" จึงเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นการให้ความรู้และสร้างความตระหนักแก่นักเรียนเกี่ยวกับกลไกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเครื่องเล่นตู้คีบที่เราเห็นกันทั่วไป

กิจกรรมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างจากการเล่นเกมทั่วไป แทนที่จะเป็นการพาผู้เข้าร่วมไปสนุกสนานกับการเล่นตู้คีบ กิจกรรมนี้กลับมุ่งเน้นไปที่การ "ถอดรหัส" หรือการวิเคราะห์กลไกที่ซ่อนอยู่ในเครื่องเล่นเหล่านี้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เข้าใจถึงวิธีการทำงานที่แท้จริงของตู้คีบ และสามารถมีความเท่าทันต่อกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ถูกนำมาใช้

โครงการนี้เปิดเผยถึงสามรหัสลับสำคัญที่ทุกคนต้องรู้ทัน

1.รหัสแรกคือรหัสจิตวิทยา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้องค์ประกอบทางประสาทสัมผัสเพื่อดึงดูดและกระตุ้นผู้เล่น ตู้คีบถูกออกแบบด้วยการใช้แสง สี และเสียงอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อสร้างความตื่นเต้นและเร่งให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมีการจัดการกับการรับรู้เวลาของผู้เล่น ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า "เผลอเล่นต่อ" โดยที่ผู้เล่นไม่รู้ตัวว่าได้ใช้เวลาและเงินไปมากแค่ไหน

2.รหัสที่สองคือรหัสการพนัน ซึ่งเผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างตู้คีบกับลักษณะของการพนัน ประกอบด้วยสามองค์ประกอบหลัก ได้แก่ การมีการเดิมพัน (ต้องใส่เงินก่อนเล่น) ผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน (ไม่รู้ว่าจะได้ของรางวัลหรือไม่) และรางวัลที่ยั่วใจ (ของเล่นหรือของที่มีคุณค่าในสายตาของผู้เล่น) องค์ประกอบเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญของการพนันในรูปแบบต่าง ๆ

3.รหัสสุดท้ายคือรหัสเจ้ามือ ซึ่งนำเสนอแนวคิด "3 ก." ที่ประกอบด้วย เกม กิน และกลยุทธ์ รหัสนี้ชี้ให้เห็นว่าตู้คีบไม่ได้ทำงานแบบสุ่มหรือเป็นการฝึกทักษะอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นเครื่องที่ถูกออกแบบและตั้งโปรแกรมไว้อย่างละเอียดเพื่อให้เจ้าของได้กำไร การเข้าใจรหัสนี้จะช่วยให้ผู้เล่นตระหนักว่าโอกาสในการชนะไม่ได้ขึ้นอยู่กับทักษะของตนเองเพียงอย่างเดียว

สิ่งที่น่าสนใจคือกิจกรรมนี้ไม่ได้อ้างอิงเพียงการคาดการณ์หรือความคิดเห็นส่วนตัว แต่มีพื้นฐานมาจากงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยืนยันถึงลักษณะของตู้คีบ งานวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าตู้คีบไม่ใช่เพียงของเล่นหรือเกมทดสอบทักษะธรรมดา แต่เป็น "สนามฝึกพฤติกรรมแบบการพนัน" ที่อาจส่งผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมการเสี่ยงโชคในอนาคต

โครงการ "The Claw Code : เท่าทันกับดักถอดรหัสตู้คีบ" ได้รับการวางแผนให้มีการแสดงเพื่อการเรียนรู้ทั้งหมด 10 รอบ ใน 5 โรงเรียนและ 5 ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นความมุ่งมั่นในการเผยแพร่ความรู้อย่างกว้างขวาง

โดยโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการได้แก่ โรงเรียนราชนันทาจารย์สามเสน 2 ,โรงเรียนสตรีนนทบุรี ,โรงเรียนไชยชิมพลีวิทยาคม ,โรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม และโรงเรียนวัดอินทาราม โดยมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 575 คน

ส่วนชุมชนที่เข้าร่วมได้แก่ ชุมชนพอเพียง ,ชุมชนวัดอัมพวา ,ชุมชนวัดโพธิ์เรียง ,ชุมชนบึงนายพล ,และชุมชนเคหะร่มเกล้า

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่กิจกรรมนี้ต้องการให้ผู้เข้าร่วมไปพิจารณาคือ "ตู้คีบคือการพนันหรือไม่?" คำถามนี้ไม่ได้มีคำตอบที่ง่าย ๆ เพราะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบของการพนัน อย่างไรก็ตาม การเข้าใจกลไกและรหัสลับต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่จะช่วยให้แต่ละคนสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

กิจกรรมนี้ดำเนินการโดย "ทีมเฉพาะกิจเธียเตอร์" ร่วมกับ "มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน" สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นการจัดกิจกรรมที่ครอบคลุมทั้งสถานศึกษาและชุมชนสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจว่าการสร้างความตระหนักต้องทำในทุกช่วงวัยและทุกพื้นที่

#ทีมเฉพาะกิจเธียเตอร์
#มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน
#สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

เลี้ยงลูกสาวให้คิดเป็น เห็นคุณค่าในตัวเอง 👧🏻🌟เข้มแข็งจากภายใน ลดความเสี่ยงปัญหาวัยรุ่นหญิงในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยแรงก...
31/08/2025

เลี้ยงลูกสาวให้คิดเป็น เห็นคุณค่าในตัวเอง 👧🏻🌟
เข้มแข็งจากภายใน ลดความเสี่ยง
ปัญหาวัยรุ่นหญิง

ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน
ทั้งจากสังคม สื่อ และความคาดหวังจากรอบข้าง
เด็กผู้หญิงจำนวนมากเติบโตมาพร้อม
ความสับสนในตัวเอง ความไม่มั่นใจ
หรือแม้แต่การประเมินคุณค่าของตัวเอง
ผ่านรูปลักษณ์ภายนอก ความนิยม
หรือผลการเรียน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัย
ที่อาจนำไปสู่ปัญหาทางจิตใจ

เช่น ความวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือ
พฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่น เช่น การมีเพศสัมพันธ์
ก่อนวัย การพึ่งพาโซเชียลมีเดนเกินพอดี
หรือการทำร้ายตัวเอง

คำถามสำคัญคือ: เราจะเลี้ยงลูกสาวให้

“คิดเป็น เห็นคุณค่าในตัวเอง
และเข้มแข็งจากภายใน” ได้อย่างไร?

1. ปลูกฝังการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
(Critical Thinking)👧🏻

การคิดเป็น คือการที่ลูกสามารถ
ตั้งคำถาม แยกแยะข้อมูล คิดอย่างมีเหตุผล
และไม่ตกเป็นเหยื่อของกระแสสังคมง่าย ๆ

• สอนให้ลูกไม่เชื่อทุกอย่างในอินเทอร์เน็ต

• เปิดพื้นที่พูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น ข่าว สื่อโซเชียล หรือเหตุการณ์ในโรงเรียน

• ฝึกให้ลูกวิเคราะห์ว่าอะไรจริง อะไรแค่เปลือก

ตัวอย่างคำถาม:🌟🌟

“หนูคิดว่าโฆษณานี้ตั้งใจให้เรารู้สึกยังไง?”
“ถ้าหนูเจอเพื่อนถูกแกล้ง หนูคิดว่ามีวิธี
รับมือแบบไหนได้บ้าง?”



2. สร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง
(Self-Esteem)👧🏻

ความภาคภูมิใจในตนเอง คือรากฐาน
ของจิตใจที่มั่นคง

• ชมเชยที่ “ความพยายาม” ไม่ใช่แค่ “ผลลัพธ์”

• ให้ลูกลองทำสิ่งใหม่ ๆ และเผชิญความล้มเหลวเล็ก ๆ ด้วยความเข้าใจ

• อย่าเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น ทั้งพี่น้อง เพื่อน หรือดาราในโซเชียล

ประโยคที่ควรพูดบ่อย ๆ กับลูก:🌟

“แม่ภูมิใจที่ลูกตั้งใจ”
“หนูมีคุณค่าในแบบของหนู ไม่ต้องเหมือนใคร”



3. สร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ (Emotional Resilience)👧🏻

เด็กที่แข็งแกร่งจากภายในไม่ใช่
เด็กที่ไม่เคยร้องไห้ แต่คือเด็ก
ที่จัดการอารมณ์ของตนเองได้

• สอนลูกให้รู้จักชื่อของความรู้สึก เช่น “เศร้า”, “ผิดหวัง”, “อาย”, “ภาคภูมิใจ”

• ฝึกการเจริญสติ (mindfulness) ผ่านการหายใจลึก ๆ นับ 1-10 เมื่อโกรธ หรือไม่สบายใจ

• สร้างนิสัยการพูดกับตัวเองด้วยความเมตตา เช่น “ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ผ่านไป”



4. ให้ความรักแบบมีขอบเขต
(Loving Boundaries)👧🏻

ลูกสาวที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรัก
แต่ไม่ตามใจจนเกินไป จะเติบโตมา
เป็นวัยรุ่นที่กล้าปฏิเสธสิ่งที่ไม่เหมาะสม

• กำหนดกติกาชัดเจน เช่น เวลานอน การใช้มือถือ หรือกิจกรรมที่ปลอดภัย

• ฟังลูกโดยไม่ตัดสิน แต่ไม่ปล่อยให้ลูกละเมิดขอบเขต

• ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ในการพูดคุย



5. สร้างความสัมพันธ์ที่ปลอดภัย (Secure Attachment)👧🏻

เด็กทุกคนต้องการความรู้สึกว่า
“มีคนอยู่ข้างเราเสมอ”

• พ่อแม่คือ Safe Zone ที่ลูกกล้าพูดทุกอย่างแม้แต่เรื่องผิดพลาด

• ถ้าลูกทำผิด อย่าด่าทอ แต่ชวนมาสะท้อนและเรียนรู้

• ความใกล้ชิดและความไว้ใจในวัยเด็ก คือเกราะป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่น

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

การเลี้ยงลูกสาวยุคนี้ ไม่ใช่แค่

“ห้ามไม่ให้ทำสิ่งเสี่ยง”

แต่คือ

“สอนให้รู้ว่าควรทำอะไร เพื่อดูแลใจตัวเอง”👧🏻🌟

พ่อแม่คือคนสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้
ลูกหญิงเติบโตอย่างมั่นคง ไม่ต้องวิ่งหา
การยอมรับจากภายนอก แต่รู้คุณค่า
ในความเป็นตัวเอง

เพราะลูกสาวที่คิดเป็น เห็นคุณค่าในตัวเอง
และเข้มแข็งจากภายใน คือของขวัญล้ำค่า
สำหรับสังคมในวันข้างหน้า

สอนลูกแบบเข้าใจง่าย ๆ

อย่าลืมกด See first ติด ⭐️
เพื่อติดตามเพจแม่มิ่งนะคะ
#แม่มิ่ง
#เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทางbyแม่มิ่ง
#เลี้ยงลูกเชิงบวก
#เลี้ยงลูกวัยรุ่น
#ปัญหาเลี้ยงลูก
#ปรึกษาปัญหาเลี้ยงลูก

“เลี้ยงลูกให้มีภูมิต้านทานชีวิต” โลกในทุกวันนี้ ความเก่งไม่ใช่คำตอบเดียวของความสำเร็จอีกต่อไป เราเห็นเด็กเก่งมากมายที่เร...
29/08/2025

“เลี้ยงลูกให้มีภูมิต้านทานชีวิต”

โลกในทุกวันนี้ ความเก่งไม่ใช่คำตอบเดียว
ของความสำเร็จอีกต่อไป เราเห็นเด็กเก่งมากมาย
ที่เรียนดี มีทักษะ แต่กลับล้มเหลวเมื่อต้องเผชิญ
กับปัญหาชีวิตจริง เพราะขาดสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า
“ภูมิต้านทานชีวิต” หรือ Resilience

ภูมิต้านทานชีวิตไม่ใช่แค่การอดทนหรือเข้มแข็ง
แบบอดกลั้น แต่คือความสามารถในการ
“ยืดหยุ่นและฟื้นตัว”
จากความผิดหวัง ความล้มเหลว
หรือเหตุการณ์ที่ยากลำบาก

ทำไมลูกเราจึงต้องมีภูมิต้านทานชีวิต????

เพราะเราไม่สามารถปกป้องลูก
จากโลกภายนอกได้ตลอดเวลา
แต่เราสามารถ

“เตรียมลูกให้พร้อมรับมือ”

กับความจริงของชีวิต ทั้งคำปฏิเสธ
ความผิดหวัง การถูกรังแก หรือความล้มเหลว
ในรูปแบบต่าง ๆ

5 แนวทาง “เลี้ยงลูกให้มีภูมิต้านทานชีวิต”🌱🌱

#ให้ลูกได้ลองผิดลองถูก
หลีกเลี่ยงการแก้ปัญหาแทนลูกทุกครั้ง
ปล่อยให้ลูกได้ฝึกคิด ฝึกตัดสินใจ และ
เผชิญผลลัพธ์จากการเลือกของตัวเอง
นี่คือรากฐานของความเข้มแข็งภายใน

#สอนให้รู้จักและจัดการกับอารมณ์
ภูมิต้านทานที่ดี เริ่มจากการเข้าใจอารมณ์ตัวเอง
พ่อแม่ควรช่วยลูกระบุความรู้สึก
เช่น

“หนูรู้สึกโกรธเพราะอะไร?”
และสอนวิธีรับมืออย่างเป็นบวก
เช่น

หายใจลึก ฝึกสติ หรือพูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้

#เป็นพื้นที่ปลอดภัยทางใจให้ลูก
เมื่อโลกภายนอกโหดร้าย พ่อแม่ควรเป็นคน
ที่ลูกกลับมาแล้วรู้สึกว่า

”บ้านคือที่ที่เราถูกยอมรับ แม้จะผิดพลาด”
การมีใครสักคนที่เข้าใจและไม่ตัดสิน
คือหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงภายใน

#ปลูกฝังมุมมองเชิงบวกและความหวัง
เมื่อเกิดปัญหา สอนลูกให้มองว่า
“นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือบทเรียน”
การมีความหวังและเชื่อว่าอนาคตสามารถ
เปลี่ยนแปลงได้ จะช่วยให้ลูก
ไม่ติดอยู่กับความล้มเหลว

#ให้กำลังใจไม่ใช่กดดัน
แทนที่จะพูดว่า “ทำไมไม่ทำได้แบบคนนั้น
” ลองเปลี่ยนเป็น “แม่เห็นว่าลูกพยายามมากนะ”
หรือ “แม่เชื่อว่าลูกจะเรียนรู้ได้”
คำพูดแบบนี้เสริมพลังใจและ
ช่วยให้ลูกกล้าลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม

การเลี้ยงลูกให้มีภูมิต้านทานชีวิต
ไม่ใช่การสอนให้ลูก

“แข็ง” จนไร้หัวใจ

แต่คือการสอนให้ลูก

“อ่อนโยนกับตัวเอง และเข้มแข็งอย่างมีราก”

ไม่ต้องเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ
แต่เป็นพ่อแม่ที่

“พร้อมเรียนรู้และอยู่เคียงข้างลูกเสมอ”

เพียงเท่านี้ ลูกของเราก็จะค่อย ๆ เติบโต
เป็นคนที่ยืนหยัดได้ในโลกที่ไม่แน่นอน

สอนลูกแบบเข้าใจง่าย ๆ

อย่าลืมกด See first ติด ⭐️
เพื่อติดตามเพจแม่มิ่งนะคะ
#แม่มิ่ง
#เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทางbyแม่มิ่ง
#เลี้ยงลูกเชิงบวก
#เลี้ยงลูกวัยรุ่น
#ปัญหาเลี้ยงลูก
#ปรึกษาปัญหาเลี้ยงลูก

ในยุคนี้  การคุยเรื่องเพศกับลูกวัยรุ่น 👧🏻🧑🏻‍🦱ไม่ใช่เรื่องต้องปิดบังหรืออายเหมือนในอดีตอีกต่อไปเพราะช่วยให้เขาเข้าใจตนเอง...
28/08/2025

ในยุคนี้ การคุยเรื่องเพศกับลูกวัยรุ่น 👧🏻🧑🏻‍🦱
ไม่ใช่เรื่องต้องปิดบังหรืออายเหมือนในอดีตอีกต่อไป

เพราะช่วยให้เขาเข้าใจตนเอง รู้จักป้องกัน
และตัดสินใจอย่างรับผิดชอบมากขึ้น
ที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงจากข้อมูลผิด ๆ
หรือการทดลองพฤติกรรมที่อันตราย
โดยขาดความรู้ที่ถูกต้อง

1. ทำไมต้องคุยเรื่องเพศกับลูก 🫂
• ช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
เด็กวัยรุ่นได้รับข้อมูลเรื่องเพศจากเพื่อนหรือ
สื่อออนไลน์ ที่เข้าถึงง่ายเพียงปลายนิ้วคลิก
และบ่อยครั้งที่ข้อมูลนั้นไม่ถูกต้อง
อาจบิดเบือนความจริง ดังนั้นการที่พ่อแม่
พูดคุยด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง เหมาะสม จึงสำคัญมาก

• ลดความเสี่ยงพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย
การขาดความรู้ทำให้วัยรุ่นเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หรือการตั้งครรภ์ไม่พร้อม

• สร้างความไว้ใจในครอบครัว
การเปิดพื้นที่พูดคุยเรื่องเพศทำให้ลูกกล้าปรึกษา
เรื่องอื่น ๆ ที่ละเอียดอ่อน เช่น ความรัก การคบเพื่อน หรือปัญหาความสัมพันธ์

2. พ่อแม่เริ่มต้นคุยกับลูกยังไง
1. เริ่มจากทัศนคติที่เปิดกว้าง
พ่อแม่ต้องเชื่อว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งน่าอายหรือผิดบาป จึงจะพูดคุยได้โดยไม่ตัดสิน

2. เลือกเวลาที่เหมาะสม
ไม่จำเป็นต้องนั่งคุยเป็นทางการเสมอไป อาจเริ่มจากบทสนทนาเล็ก ๆ ระหว่างเดินทาง หรือเมื่อมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องในข่าวหรือซีรีส์ที่ดูด้วยกัน

3. ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและเคารพความรู้สึกลูก
หลีกเลี่ยงการตำหนิหรือใช้คำหยาบ อธิบายด้วยข้อมูลจริงและเหตุผล เช่น

“การป้องกันช่วยลดความเสี่ยงทั้งโรค
และการตั้งครรภ์ไม่พร้อม”

4. ตอบคำถามด้วยความจริง
ถ้าลูกถามคำถามที่พ่อแม่ไม่รู้คำตอบ ควรยอมรับ
และหาข้อมูลที่ถูกต้องมาด้วยกัน มากกว่าการตอบแบบหลบเลี่ยง

5. พูดถึงความสัมพันธ์และความรับผิดชอบ
ไม่ใช่เพียงเรื่องร่างกาย แต่รวมถึงความเคารพ
ซึ่งกันและกัน การยินยอม (consent) และการดูแลจิตใจตัวเองเมื่อมีความสัมพันธ์

ตัวอย่างหัวข้อที่พ่อแม่ควรคุยกับลูกวัยรุ่น🌟🌟
• พัฒนาการทางร่างกายและอารมณ์ในวัยรุ่น
ร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป การรักษาความสะอาดของร่างกายอวัยวะเพศ

• ความรู้เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์และการป้องกัน

• การยินยอมและการเคารพสิทธิของตนเองและผู้อื่น

• ความรัก ความผูกพัน และความรับผิดชอบ
ต่อกัน

• การรับมือแรงกดดันจากเพื่อนหรือสื่อสังคมออนไลน์

4. สิ่งที่ไม่ควรทำ
• ไม่ใช้การขู่หรือสร้างความกลัว เช่น
“ถ้าท้องแล้วอนาคตพังหมด” เพราะอาจทำให้ลูกปิดใจ

• ไม่ตัดสินหรือทำให้ลูกอายเมื่อถามคำถามเรื่องเพศ

• ไม่ละเลยหรือเลี่ยงตอบ เพราะลูกจะไปหา
คำตอบจากแหล่งที่อาจไม่ปลอดภัยแทน

ตัวอย่างสถานการณ์คุยเรื่องเพศระหว่างพ่อแม่กับลูกวัยรุ่น

สถานการณ์ที่ 1 : ดูซีรีส์ด้วยกัน 👨🏻🧑🏼

ลูก: “แม่ ทำไมในซีรีส์นี้คู่รักถึงมีเพศสัมพันธ์กันเร็วขนาดนั้นล่ะ?”

แม่: “ลูกสังเกตเห็นอะไรจากฉากนั้นบ้าง?”

ลูก: “เขาดูรักกันนะ แต่เหมือนยังไม่รู้จักกันดีเลย”

แม่: “ใช่ แม่เองก็คิดว่าการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งควรมาพร้อมความรับผิดชอบและความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ เรื่องนี้สำคัญเพราะมันมีผลทั้งสุขภาพและความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย ลูกคิดว่า
แบบไหนถึงจะเหมาะสมสำหรับตัวเองในอนาคต?”

สถานการณ์ที่ 2 : หลังอ่านข่าววัยรุ่นตั้งครรภ์ไม่พร้อม

ลูก: “แม่ ข่าวนี้น่ากลัวจังเลย เพื่อนหนูบางคนก็คุยกันเรื่องพวกนี้เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา”

แม่: “แม่เข้าใจนะว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องมาพร้อมการรู้วิธีป้องกันและตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ เราอยากรู้ไหมว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้?”

ลูก: “อยากรู้ค่ะ เพราะบางทีเพื่อนก็เล่าไม่เหมือนกันเลย”

แม่: “ดีเลย งั้นเราไปหาข้อมูลจากแหล่งที่ถูกต้องด้วยกัน แล้วคุยกันว่าแบบไหนเหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับวัยของลูก”

สถานการณ์ที่ 3 : ลูกเริ่มสนใจความรัก

ลูก: “แม่ หนูว่าหนูชอบเพื่อนคนนึง แต่ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเหมือนกันไหม”

แม่: “เป็นเรื่องปกติมากเลยที่เริ่มชอบใครสักคนในวัยนี้ แม่ดีใจนะที่ลูกกล้าบอก แล้วลูกคาดหวังว่า ความสัมพันธ์แบบที่ลูกอยากมี จะต้องเป็นยังไง?”

ลูก: “หนูอยากให้มันจริงใจ ไม่รีบร้อน”

แม่: “แม่ว่าลูกคิดได้ดีมากเลยนะ การรู้จักกัน คุยกันด้วยความเคารพ สำคัญกว่าการเร่งไปถึงขั้นไหน ๆ เรื่องเพศต้องเกิดขึ้นเมื่อพร้อมทั้งสองฝ่ายและมีความรับผิดชอบเสมอ”

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

การพูดคุยเรื่องเพศกับลูกวัยรุ่นไม่ใช่เพียง
การให้ข้อมูลป้องกันพฤติกรรมเสี่ยง
แต่เป็นการปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้อง
ต่อความสัมพันธ์ ความรับผิดชอบ และการเคารพตนเองและผู้อื่น

เมื่อครอบครัวสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับ
การพูดคุย ลูกก็จะเติบโตเป็นคนที่เข้าใจตนเอง
และพร้อมรับมือกับการตัดสินใจในอนาคต
อย่างมีวุฒิภาวะ

สอนลูกแบบเข้าใจง่าย ๆ

อย่าลืมกด See first ติด ⭐️
เพื่อติดตามเพจแม่มิ่งนะคะ
#แม่มิ่ง
#เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทางbyแม่มิ่ง
#เลี้ยงลูกวัยรุ่น
#ปัญหาเลี้ยงลูก
#ปรึกษาปัญหาเลี้ยงลูก



เพราะหัวใจของการเลี้ยงลูกวัยรุ่น ไม่ใช่แค่ “พูดให้ฟัง” แต่คือ “ฟังให้ลึก”หลายครอบครัวเจอปัญหาว่า ลูกวัยรุ่นไม่ค่อยพูด ปิ...
27/08/2025

เพราะหัวใจของการเลี้ยงลูกวัยรุ่น ไม่ใช่แค่

“พูดให้ฟัง” แต่คือ

“ฟังให้ลึก”

หลายครอบครัวเจอปัญหาว่า ลูกวัยรุ่น
ไม่ค่อยพูด ปิดบัง ไม่บอกความจริง
หรือแม้แต่โกหกเบื้องหลังพฤติกรรมเหล่านี้
อาจไม่ใช่เพราะ

”นิสัยเสีย”

แต่เพราะเขา

“ไม่รู้สึกปลอดภัยพอ” 🥹👦🏻 ที่จะบอกเรา

แม่มิ่งมีวิธีที่ใช้ได้จริง และทำได้ทุกวัน
เพื่อสร้างความสัมพันธ์ผ่านการสื่อสาร
ที่เข้าใจลูกวัยรุ่น

🧡 1. ฟังด้วยใจ ไม่รีบตัดสิน

เมื่อลูกเริ่มเล่าเรื่อง อย่าเพิ่งรีบสอน
ตำหนิ หรือหาข้อสรุป แต่ให้ลองพูดว่า

• “เล่ามาเลย แม่พร้อมฟัง”

• “ขอบใจที่ไว้ใจแม่นะ”

การฟังโดยไม่แทรก ไม่ตีความ และไม่ใช้อารมณ์
จะทำให้ลูกค่อย ๆ กล้าเปิดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

💬 2. ใช้คำถามที่ไม่กดดัน แต่ชวนคิด

เลี่ยงคำถามที่ทำให้ลูกรู้สึกเหมือนโดนสอบสวน
เช่น
• “ทำไมไม่บอก?”

• “นี่โกหกแม่ใช่ไหม?”

ให้เปลี่ยนเป็นคำถามเปิดที่ปลอดภัย เช่น

• “หนูอยากให้แม่ช่วยอะไรได้บ้างในเรื่องนี้?”

• “ตอนนั้นหนูรู้สึกยังไง เหตุการณ์มันเป็นยังไงเหรอ?”

🧱 3. ยอมรับความรู้สึกของลูก แม้เราไม่เห็นด้วย

วัยรุ่นต้องการพื้นที่ปลอดภัยในการระบาย
ความรู้สึก แม้สิ่งที่เขาพูดจะยังไม่ถูกต้อง
ทั้งหมด อย่าด่วนตำหนิ เช่น

“คิดแบบนี้ได้ยังไง?” หรือ

”อายุแค่นี้อย่าคิดเยอะ”

แต่ให้ลองพูดว่า
• “เข้าใจเลยว่ามันคงไม่ง่ายสำหรับหนู”

• “แม่อยู่ตรงนี้นะ หนูไม่ต้องผ่านมันคนเดียว”

💡 4. แชร์ประสบการณ์ตัวเองอย่างพอดี

บางครั้งพ่อแม่ที่เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาก่อน
อาจใช้การ

“สอน” เป็นหลัก

แต่สิ่งที่ได้ผลกว่าคือ การเล่าเรื่องของตัวเอง
แบบสั้น ๆ เพื่อให้ลูกรู้ว่า “เราเข้าใจ”

เช่น
• “ตอนแม่อายุเท่าหนู แม่ก็เคยแอบร้องไห้
เรื่องเพื่อนเหมือนกัน”
• “แม่เคยคิดว่าไม่มีใครเข้าใจ จนได้เล่า
ให้ยายฟัง แล้วรู้สึกดีขึ้นมากเลย”

🫶🏻🫶🏻 5. สร้างกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ทำร่วมกัน

กิจกรรมที่ทำร่วมกัน เช่น กินข้าว ชวนดูหนัง
เล่นกีฬา หรือไปเดินเล่น จะช่วยสร้างบรรยากาศ
ที่ผ่อนคลาย และเปิดโอกาสให้ลูกพูดมากขึ้น
ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องซีเรียสทุกครั้ง

แต่แค่การใช้เวลาด้วยกันบ่อย ๆ
ก็ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น

🚦6. ไม่ใช้ความกลัวควบคุมลูก

การขู่ การใช้คำพูดแรง ๆ เช่น

• “ระวังให้ดี เดี๋ยวแม่จะไม่ช่วยแล้วนะ”

• “ถ้าโกหกอีก แม่จะไม่ไว้ใจอีกเลย”

คำพูดเหล่านี้อาจทำให้ลูกยิ่งปิดกั้นตัวเอง
และกลัวการพูดความจริง

ควรใช้ความเข้าใจ ความมั่นคง
และความรัก เป็นหลักในการสื่อสาร

🪞 7. สำรวจตัวเองด้วยว่า…ลูกไว้ใจเรา
จริงหรือไม่

ลองถามตัวเองว่า…
• เวลาเรารู้เรื่องไม่ดีของลูก เรามัก “โกรธ” ก่อน หรือ “เข้าใจ” ก่อน?

• ลูกเคยโดนเราดุแรง ๆ เพราะพูดความจริงไหม?

• เราเคยขอโทษลูกไหม เมื่อเราทำร้ายความรู้สึกเขาโดยไม่ตั้งใจ?

เพราะความไว้ใจ ไม่ได้เกิดจากคำพูด
แต่เกิดจาก

“ประสบการณ์ซ้ำ ๆ”

ที่ลูกได้รับว่า

“พ่อแม่ไม่ทำร้ายความรู้สึกเขา แม้เขาจะผิดพลาด”

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

การสื่อสารกับลูกวัยรุ่น ไม่ใช่แค่สอนให้เป็น

“เด็กดี”
แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ลูกจะ

“กล้าซื่อสัตย์กับความจริงของตัวเอง”

เมื่อเขารู้ว่าพ่อแม่เป็นที่ปลอดภัยที่สุด
เขาจะกล้าบอก แม้เรื่องที่ผิดพลาด
และเรียนรู้เติบโตไปพร้อมกับเรา



หากพ่อแม่ทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสม่ำเสมอ
ไม่เพียงลูกจะกล้าเปิดใจ แต่จะเติบโตเป็น
คนที่ “รู้จักตัวเอง ซื่อสัตย์ และมั่นคงทางใจ”
ซึ่งเป็นของขวัญที่ดีที่สุดจากครอบครัวค่ะ 💖

สอนลูกแบบเข้าใจง่าย ๆ

อย่าลืมกด See first ติด ⭐️
เพื่อติดตามเพจแม่มิ่งนะคะ
#แม่มิ่ง
#เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทางbyแม่มิ่ง
#เลี้ยงลูกเชิงบวก
#เลี้ยงลูกวัยรุ่น
#ปัญหาเลี้ยงลูก
#ปรึกษาปัญหาเลี้ยงลูก

เลี้ยงลูกชายวัยรุ่นให้เติบโตเป็นสุภาพบุรุษการเข้าสู่วัยรุ่นคือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของเด็กผู้ชาย จากเด็กน้อยที่เคยซุก...
26/08/2025

เลี้ยงลูกชายวัยรุ่นให้เติบโตเป็นสุภาพบุรุษ

การเข้าสู่วัยรุ่นคือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของเด็กผู้ชาย จากเด็กน้อยที่เคยซุกซน กลายเป็นคนหนุ่มที่เริ่มสร้างตัวตนและมองหาความหมายของการเป็นผู้ชายที่แท้จริง พ่อแม่จึงมีบทบาทสำคัญในการ

“ปลูกฝังความเป็นสุภาพบุรุษ”

ผ่านความเข้าใจและการสื่อสารที่เหมาะสม

1. ✅ เข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางกายและใจ
• ฮอร์โมนเริ่มทำงาน เด็กผู้ชายจะเริ่มสูงขึ้น มีกล้ามเนื้อ เสียงแตกห้าว และอารมณ์แปรปรวนง่าย

• อยากรู้จักตัวตนของตนเอง เริ่มตั้งคำถามว่า “ฉันคือใคร?” และ “ฉันจะเป็นผู้ชายแบบไหน?”

• ความสนใจเรื่องเพศและความสัมพันธ์ เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่ต้องได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง

👨🏻👩🏻บทบาทพ่อแม่: ให้ข้อมูลเรื่องร่างกายและเพศศึกษาอย่างตรงไปตรงมา ไม่ตำหนิหรือสร้างความรู้สึกผิด

2. ✅สื่อสารด้วยความเคารพ

วัยรุ่นไม่ชอบถูกสั่ง แต่ต้องการถูกเข้าใจ
• ใช้คำถามเปิด เช่น “ลูกคิดว่าเรื่องนี้ควรแก้ยังไงดี?”

• รับฟังโดยไม่ตัดสิน ให้ความเห็นหลังจากฟังอย่างเต็มที่

• แสดงความเชื่อมั่นในความสามารถของลูก ช่วยสร้าง Self-esteem

3. ✅ ปลูกฝังความเป็นสุภาพบุรุษ

สุภาพบุรุษไม่ใช่แค่ใส่สูทหรือพูดเพราะ แต่คือการมีคุณลักษณะภายใน
• เคารพผู้หญิงและผู้อื่น เริ่มจากเคารพแม่ พี่สาว น้องสาว เพื่อน และคนรอบตัว

• รับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำ สอนให้ลูกกล้ารับผิดเมื่อผิด และทำให้ถูกต้องเมื่อทำผิด

• เห็นคุณค่าของความอ่อนโยนและน้ำใจ เพราะความเป็นชายไม่จำเป็นต้องแข็งกร้าวเสมอไป

4. ✅ แบบอย่างของพ่อแม่สำคัญที่สุด

ลูกชายเรียนรู้การเป็นสุภาพบุรุษจากการเห็นพ่อแม่ใช้ชีวิต
• พ่อแสดงให้เห็นถึงการรักและเคารพแม่

• แม่แสดงให้เห็นถึงการให้เกียรติพ่อ และให้ลูกชายช่วยเหลือ ดูแลผู้อื่น

• พ่อแม่สื่อสารกันอย่างให้เกียรติ นี่คือบทเรียนชีวิตที่ดีที่สุด

5. ✅ เตรียมให้เขาเป็นแฟนที่ดี สามี และพ่อที่น่ารัก
• พูดถึงความสัมพันธ์เชิงบวก ไม่ปลูกฝังความคิดลบต่อคู่รักหรือการแต่งงาน

• ให้ลูกเห็นคุณค่าของการดูแลคนที่รัก ทั้งด้านอารมณ์ เวลา และความรับผิดชอบ

• สอนการจัดการอารมณ์และการสื่อสาร เพื่อไม่ให้ความโกรธนำการตัดสินใจ

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

การเลี้ยงลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ เริ่มต้นจากการเข้าใจวัยรุ่นและเข้าใจหัวใจของลูก

การสื่อสาร การให้เกียรติ และการเป็นแบบอย่างที่ดี จะทำให้เขาเติบโตเป็นผู้ชายที่ไม่เพียงประสบความสำเร็จในชีวิต

แต่ยังเป็นแฟน สามี และพ่อที่น่ารักต่อคนที่เขารัก

สอนลูกแบบเข้าใจง่าย ๆ

อย่าลืมกด See first ติด ⭐️
เพื่อติดตามเพจแม่มิ่งนะคะ
#แม่มิ่ง
#เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทางbyแม่มิ่ง
#เลี้ยงลูกวัยรุ่น
#ปัญหาเลี้ยงลูก
#ปรึกษาปัญหาเลี้ยงลูก



อย่าเลี้ยงลูกแบบ “พ่อแม่รังแกฉัน” 🥹🥹ในยุคที่ทุกอย่างรวดเร็ว พ่อแม่มักเผลอเข้าไปช่วยลูกทันทีเมื่อเห็นว่าเจอปัญหา หรือเหนื...
25/08/2025

อย่าเลี้ยงลูกแบบ “พ่อแม่รังแกฉัน” 🥹🥹

ในยุคที่ทุกอย่างรวดเร็ว พ่อแม่มักเผลอ
เข้าไปช่วยลูกทันทีเมื่อเห็นว่าเจอปัญหา
หรือเหนื่อยเกินไป ทั้งที่ความจริงแล้ว
การทำแบบนี้อาจกำลัง

“ทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว”

เพราะลูกจะไม่รู้จักความพยายาม ความอดทน
และการแก้ปัญหาด้วยตนเอง กลายเป็นเด็กที่

”เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ” โตไปก็รับมือกับชีวิตจริงได้ยาก

1. ทำไมต้องสอนลูกให้หนักเอาเบาสู้? 👨🏻👩🏻
• สร้างความเข้มแข็งทางใจ – เมื่อเผชิญอุปสรรค ลูกจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แต่จะมองหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเอง

• ฝึกความรับผิดชอบ – เด็กที่รู้จักรับผิดชอบงานหนักเบาตามวัย จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาตนเองได้

• เสริมทักษะชีวิต – ความล้มเหลวเล็ก ๆ หรือความยากลำบากในวัยเด็ก คือครูที่ดีที่สุดในการสอนให้ลูกเรียนรู้การแก้ปัญหา

2. พ่อแม่รังแกฉันแบบไม่รู้ตัว 👨🏻👩🏻
• รีบทำการบ้านแทนลูกเพราะกลัวคะแนนไม่ดี

• จัดการทุกอย่างให้หมดตั้งแต่ใส่รองเท้า เก็บของ หรือแม้กระทั่งจัดหาคำตอบเมื่อมีปัญหา

• ปลอบทุกครั้งที่ลูกเจอความล้มเหลว
โดยไม่ให้โอกาสเขาลองคิดหรือพยายามใหม่
ด้วยตนเอง

สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนความรัก แต่จริง ๆ คือ
การตัดโอกาสในการสร้างความแข็งแรงของใจลูก

3. วิธีสอนลูกให้สู้ไหว ไม่ยอมแพ้ 👨🏻👩🏻
• ให้ลูกทำเองตามวัย – ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ
เช่น ผูกเชือกรองเท้า ล้างจาน จัดกระเป๋า
ไปจนถึงงานที่ต้องใช้ความพยายาม

• ปล่อยให้เจอความผิดพลาด – แล้วชวนคุยว่า “ครั้งนี้เรียนรู้อะไรบ้าง” แทนที่จะตำหนิหรือแก้ปัญหาแทน

• สอนให้มองความล้มเหลวเป็นบทเรียน – ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นโอกาสฝึกฝนเพื่อทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป

• ให้กำลังใจมากกว่าการทำแทน – พ่อแม่ควรอยู่ข้าง ๆ เพื่อสนับสนุน ไม่ใช่รับภาระทุกอย่างไปเอง

✅ตัวอย่างสถานการณ์จริง:
การสอนลูกให้หนักเอาเบาสู้

สถานการณ์ 1: การบ้านที่ยากเกินไป 👨🏻👩🏻

ลูก: “แม่ หนูทำการบ้านเลขข้อนี้ไม่ได้เลย
มันยากมาก ๆ ช่วยทำให้หน่อยนะ”

พ่อแม่: “แม่ไม่ทำให้ แต่เรามาหาวิธีแก้ด้วยกันดีกว่า ลองอ่านโจทย์ใหม่ แล้วลองคิดดูว่าจะเริ่มตรงไหนก่อน”

✅ ผลลัพธ์: ลูกเริ่มคิดเอง แทนที่จะรอคำตอบสำเร็จรูป และเรียนรู้การแก้ปัญหาแม้จะล้มเหลวในครั้งแรก

สถานการณ์ 2: การแข่งขันที่แพ้ 👨🏻👩🏻

ลูกกลับมาบ้านด้วยความผิดหวังเพราะสอบไม่ติด
หรือแพ้การแข่งขันกีฬา

พ่อแม่: “แม่เข้าใจว่าเราผิดหวัง แต่ความพยายาม
ของเรามีค่ามากนะ ลองคิดดูว่า
ครั้งหน้าจะฝึกตรงไหนเพิ่ม เพื่อให้ทำได้ดีขึ้น”

✅ ผลลัพธ์: ลูกไม่มองความล้มเหลวเป็นจุดจบ
แต่เป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเอง

สถานการณ์ 3: งานบ้านที่ลูกไม่อยากทำ

ลูก: “แม่ หนูไม่อยากล้างจานเลย มันเหนื่อย”
พ่อแม่: “ทุกคนในบ้านต้องช่วยกันนะ
งานบางอย่างมันไม่สนุกแต่ก็ต้องทำ
เพราะมันคือความรับผิดชอบ”

✅ ผลลัพธ์: ลูกเรียนรู้ว่าหน้าที่และความรับผิดชอบ
ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และการทำงานช่วยฝึก
ความอดทน

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

เด็กจะเติบโตอย่างมั่นคง กล้ารับมือกับโลกจริง
มีวินัย รู้จักความพยายาม และไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
เพราะรู้ว่า ชีวิตไม่ได้มีพ่อแม่มาช่วยแก้ทุกเรื่อง

สอนลูกแบบเข้าใจง่าย ๆ

อย่าลืมกด See first ติด ⭐️
เพื่อติดตามเพจแม่มิ่งนะคะ
#แม่มิ่ง
#เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทางbyแม่มิ่ง
#เลี้ยงลูกวัยรุ่น
#ปัญหาเลี้ยงลูก
#ปรึกษาปัญหาเลี้ยงลูก



ที่อยู่

สมุทรปราการ
เมืองสมุทรปราการ
10270

เบอร์โทรศัพท์

+66927245689

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ถูกทาง by แม่มิ่งผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง เลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ถูกทาง by แม่มิ่ง:

แชร์