เลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ถูกทาง by แม่มิ่ง

เลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ถูกทาง by แม่มิ่ง ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก เลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ถูกทาง by แม่มิ่ง, ครีเอเตอร์ดิจิทัล, สมุทรปราการ, เมืองสมุทรปราการ.
(1)

สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยรักและเข้าใจในครอบครัว
ด้วยทุนทางจิตวิทยา Psychological Capital (PsyCap) นำไปสู่การตระหนักรู้ตนเอง มองโลกในแง่ดี มีความหวังและยืดหยุ่นทางจิตใจ เพจเลี้ยงลูกให้ถูกทาง by แม่มิ่ง เป็นเพจที่ต้องการให้พื้นที่บนโลกออนไลน์เป็นช่องทางในการนำเสนอข้อมูลดีๆ ที่จับต้องได้นำไปใช้ได้จริง อยากเห็นสังคมสมัยใหม่เป็นสังคมอุดมสุขโดยมีจุดเริ่มต้นที่ครอบครัว มาเลี้ยงลูกให้ถูกทางกันนะคะ

26/10/2025

ลูกวัยรุ่นโกรธได้นะ แต่ต้องไม่ระเบิดอารมณ์🔥🔥
ใส่ใครการมีอารมณ์โกรธ ไม่ใช่เรื่องผิด
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ โดยเฉพาะในวัยรุ่น
ที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ความคิดยังอยู่ระหว่าง
การพัฒนาแต่สิ่งสำคัญคือ…

เราต้องสอนให้ลูก

“อยู่กับอารมณ์นั้นได้ โดยไม่ทำร้ายใคร”🔥🔥

เมื่อลูกถูกเพื่อนนินทา ถูกยั่วยุ หรือ
พูดจาให้เจ็บใจ

สิ่งที่พ่อแม่ควรช่วย คือ

“ฝึกทักษะการจัดการอารมณ์”

ไม่ใช่การบอกแค่ว่า
“อย่าโกรธ” หรือ “ใจเย็นๆ สิ”

ในช่วงวัยรุ่น เพื่อนคือโลกทั้งใบ แต่บางครั้ง

“เพื่อน”

กลับเป็นต้นเหตุของความทุกข์ ทั้งคำพูดนินทา พฤติกรรมยั่วยุ หรือแม้แต่การใส่ร้ายป้ายสี
ล้วนส่งผลต่อจิตใจของลูกได้มากอย่างคาดไม่ถึง

สิ่งสำคัญที่สุดที่พ่อแม่ควรช่วย คือ สอนให้ลูก

“วางใจ” และ “จัดการอารมณ์”

ของตัวเองให้ได้ มากกว่าการสอนให้โต้ตอบ

🌱 1. ฟังลูกอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสิน

เมื่อกลับมาจากโรงเรียนแล้วลูกพูดว่า
“หนูไม่อยากไปโรงเรียน เพื่อนมันนินทาหนู”
อย่าพึ่งรีบสอน อย่าเพิ่งบอกว่า
“ช่างเขาเถอะ” หรือ “อย่าไปคิดมาก”
แต่ควร ตั้งใจฟังอย่างลึกซึ้ง แล้วพูดว่า

“แม่เข้าใจนะ ว่าหนูเจอแบบนี้มันเครียด
มันน้อยใจใช่ไหม”

สิ่งที่ลูกต้องการมากที่สุดคือ
พื้นที่ปลอดภัยในการระบายความรู้สึก

🧠 2. สอนให้ลูกเข้าใจว่า คนที่พูดใส่ร้ายเรา
มักสะท้อนปัญหาของตัวเขาเอง

คนที่นินทา ชอบดูถูกผู้อื่น มักมีความไม่มั่นคงในใจ
ตัวเอง หรืออยากให้ตัวเองดูเด่นจากการกดคนอื่นลง
ลองให้ลูกมองอีกมุมว่า

“คนที่ชอบว่าเราลับหลัง อาจกำลังอยากได้
ความสนใจ หรือรู้สึกแย่กับตัวเองอยู่ก็ได้”
มองอย่างนี้แล้ว ลูกจะไม่รู้สึกถูกคุกคามเท่าเดิม

🔥 3. ฝึก “ไม่ตอบโต้ด้วยอารมณ์”
ด้วยเทคนิค 3 หยุด
• หยุดฟัง : ฟังให้ครบก่อน อย่าเพิ่งสวนกลับ

• หยุดคิด : หายใจเข้า-ออกลึกๆ 3 ครั้ง เพื่อยับยั้งอารมณ์

• หยุดแสดงออกทันที : ถ้าเริ่มโมโห ให้เงียบ ไม่พูด ไม่เถียงในทันที

การไม่ตอบโต้ ไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ
แต่คือ การควบคุมพลังใจของตัวเอง
ให้อยู่เหนือสถานการณ์

🧘‍♀️ 4. ฝึกสติ ฝึกใจ ให้ใจนิ่ง

สอนลูกฝึกสติง่ายๆ เช่น
• หายใจเข้า “รู้ว่าโมโห”

• หายใจออก “แต่ไม่จำเป็นต้องตอบโต้อย่างรุนแรง”

• หรือท่องในใจว่า “เขาว่า เราไม่ต้องรับ”
การฝึกแบบนี้ ทำให้ลูกเรียนรู้ว่า ไม่มีใครควบคุมใจเราได้ นอกจากตัวเราเอง

💬 5. เลือกวิธีตอบโต้ที่สร้างสรรค์

ถ้าจำเป็นต้องพูดกับเพื่อนคนนั้น
ลองใช้คำพูดแบบ

• “เราขอให้หยุดพูดเรื่องเราแบบนั้น เพราะมันไม่แฟร์”

• “ถ้ามีปัญหา มาคุยกันตรงๆ ดีกว่า”
สอนลูกว่า การพูดตรงๆ ด้วยความสงบ เป็นการปกป้องตัวเองอย่างมีวุฒิภาวะ

🌈 6. ให้ลูกได้อยู่กับ “เพื่อนที่ปลอดภัย”

ลูกไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกับทุกคน
สอนให้เขาเลือกอยู่กับคนที่
• จริงใจ

• สนับสนุน

• ไม่ซ้ำเติม

แม้จะมีเพื่อนน้อย แต่ถ้ามีคุณภาพ
ก็จะช่วยให้ใจลูกแข็งแรง

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

“คนพูดร้ายไม่ได้น่ากลัวเท่ากับใจเราที่หวั่นไหว”

หน้าที่ของพ่อแม่ไม่ใช่ปกป้องลูก
จากทุกคำพูด แต่คือ สอนให้ลูกมีภูมิคุ้มกันทางใจ
อยู่ในโลกแห่งความจริงได้ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ



ในฐานะครูคนหนึ่ง ขอความกรุณากระทรวงศึกษาธิการ ทบทวนคำสั่งด้วยค่ะ Cr. https://www.facebook.com/share/p/1A97jn7nWz/?mibext...
26/10/2025

ในฐานะครูคนหนึ่ง ขอความกรุณากระทรวงศึกษาธิการ ทบทวนคำสั่งด้วยค่ะ

Cr. https://www.facebook.com/share/p/1A97jn7nWz/?mibextid=wwXIfr

‘รมว.ศึกษาฯ’ สั่ง หน่วยงานในสังกัด และ ‘สถานศึกษา’ ทุกแห่ง งดจัดงานที่มีบรรยากาศรื่นเริงทุกประเภท เป็นเวลา 1 ปี

26/10/2025

💔 สอนลูกรับมือกับอารมณ์เศร้า
เมื่อชีวิตต้องพบกับความสูญเสียบุคคลที่รัก 🥹

ความสูญเสียเป็นเรื่องที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้
ไม่ว่าจะเป็นการจากไปของคนในครอบครัว
สัตว์เลี้ยงที่ผูกพัน หรือเพื่อนสนิท สำหรับเด็กแล้ว

“ความตาย”

อาจเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยาก
และความรู้สึกที่เกิดขึ้นมักเต็มไปด้วยความเศร้า
ความสับสน และความกลัว พ่อแม่จึงมีบทบาทสำคัญ
ในการช่วยให้ลูกเรียนรู้

“การอยู่กับความรู้สึกเหล่านั้นอย่างอ่อนโยน”

ช่วงวัยเด็ก :

🌧 1. เปิดพื้นที่ให้ลูกรู้สึก โดยไม่ต้องรีบห้าม

เมื่อเด็กเศร้า เสียใจ หรือร้องไห้ พ่อแม่บางคน
อาจพูดว่า

“อย่าร้องนะ เดี๋ยวก็หาย”

แต่ความจริงคือการร้องไห้เป็นกลไกธรรมชาติ
ของการเยียวยาให้พ่อแม่บอกลูกอย่างเข้าใจ เช่น

“แม่รู้ว่าลูกคิดถึงคุณตา มันเจ็บปวดจริง ๆ นะ”

คำพูดที่ยอมรับความรู้สึกลูกแบบนี้ ช่วยให้เด็ก
เรียนรู้ว่า

“เศร้าได้ ไม่ผิด”

และรู้สึกปลอดภัยที่จะเปิดใจมากขึ้น

🌱 2. ช่วยลูกเรียกชื่อความรู้สึก

เด็กเล็กมักยังไม่รู้จักคำว่า

“เสียใจ คิดถึง ผิดหวัง”

การช่วยให้ลูกเรียกชื่ออารมณ์ของตัวเอง เช่น

“หนูรู้สึกคิดถึงคุณยายใช่ไหม” หรือ

“มันเหงาเนอะ เวลาที่ไม่มีเขาอยู่ด้วย”

คือการสอน “ทักษะทางอารมณ์” (Emotional Literacy) ที่สำคัญมาก
เพราะเมื่อเด็กรู้จักความรู้สึกตัวเอง
เขาจะค่อย ๆ เข้าใจและจัดการกับมันได้ดีขึ้น

🕊 3. อธิบายเรื่องความตายอย่างจริงและอ่อนโยน

หลีกเลี่ยงคำพูดที่ทำให้เด็กสับสน เช่น

“คุณยายหลับไปแล้ว” หรือ “ไปอยู่ที่ไกล ๆ”

เพราะอาจทำให้เด็กรอให้คนที่ตายกลับมา
ควรพูดตรง ๆ แต่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เช่น

“คุณยายเสียชีวิตแล้ว หมายความว่า ร่างกายของยายไม่ทำงานอีกต่อไป แต่ความรักของยายยังอยู่ในใจเราเสมอ”

🌤 4. ให้ลูกมีส่วนร่วมในกระบวนการอำลา

การได้วาดภาพ เขียนจดหมาย หรือวางดอกไม้
ให้กับผู้จากไป ช่วยให้เด็กได้

“ปลดปล่อยอารมณ์”
และเรียนรู้การบอกลาอย่างอ่อนโยน
นี่ไม่ใช่เพียงพิธีกรรม แต่คือการช่วยให้เด็กเข้าใจว่า แม้คนที่รักจะจากไป แต่ความทรงจำดี ๆ ยังคงอยู่

❤️ 5. เป็นแบบอย่างในการจัดการความเศร้า

เด็กเรียนรู้จากการเห็นพ่อแม่ หากพ่อแม่
กล้าพูดถึงความคิดถึง หรือแสดงความเศร้า
อย่างไม่หลบเลี่ยง เด็กจะเข้าใจว่า

“การร้องไห้ไม่ใช่ความอ่อนแอ”

สิ่งสำคัญคือให้ลูกเห็นว่า เราสามารถ

“เศร้าได้ และค่อย ๆ ดีขึ้นได้”

ช่วงวัยรุ่น :

🌧 1. ยอมรับว่าเขา “เจ็บปวดจริง ๆ”

อย่าพยายามปลอบด้วยคำว่า
“เข้มแข็งหน่อยนะ” หรือ “อย่าคิดมาก”
เพราะสิ่งที่วัยรุ่นต้องการไม่ใช่คำสั่งให้ดีขึ้น
แต่คือ พื้นที่ให้ได้เศร้าอย่างปลอดภัย
ลองพูดกับลูกว่า

“แม่รู้ว่ามันยากนะ ถ้าลูกอยากร้องไห้หรืออยากอยู่เงียบ ๆ ก็ไม่เป็นไร แม่อยู่ตรงนี้”

เพียงแค่คำพูดเรียบง่ายนี้ ก็เป็นการยืนยัน
กับลูกว่าเขามีสิทธิ์รู้สึก และไม่ต้องผ่านมันคนเดียว

🕊 2. อย่าคาดหวังให้ลูก “ผ่านไปได้เร็ว”

วัยรุ่นบางคนอาจเงียบลง ถอยออกจากสังคม หรือหงุดหงิดง่ายในช่วงเศร้า พ่อแม่ไม่ควรตีความว่าเป็น

“ดื้อ” หรือ “เกเร”

แต่ควรเข้าใจว่านี่คือ รูปแบบการแสดงความเศร้า
ของเขาให้เวลา และเฝ้าสังเกตอย่างห่วงใย
โดยไม่จี้ถามหรือกดดัน

🌱 3. พูดคุยเรื่องความตายอย่างจริงใจ

วัยรุ่นต้องการความจริง ไม่ใช่คำปลอบแบบหลบเลี่ยง เช่น

“เขาไปอยู่ในที่ที่ดีกว่าแล้ว”

พ่อแม่ควรพูดตรง ๆ แต่อ่อนโยนว่า

“การตายคือการที่ร่างกายหยุดทำงาน
แต่ความทรงจำและความรักที่เรามีให้เขายังอยู่ในใจเราเสมอ” นี่คือการช่วยให้ลูกเรียนรู้เรื่อง

“ความจริงของชีวิต” พร้อมเข้าใจคุณค่าของ

“การมีชีวิตอยู่”

🌤 4. แนะนำวิธีเยียวยาที่สร้างสรรค์

วัยรุ่นอาจยังไม่กล้าพูดตรง ๆ
แต่สามารถระบายผ่านกิจกรรมได้ เช่น

เขียนจดหมายถึงผู้จากไป วาดภาพ ทำคลิปเล็ก ๆ รำลึก หรือทำสิ่งดี ๆ เพื่อระลึกถึงคนที่รัก
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เขาได้

”เปลี่ยนความเศร้าเป็นพลังใจ” และค่อย ๆ กลับมาเชื่อมต่อกับชีวิตอีกครั้ง

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

การสอนลูกให้รับมือกับความสูญเสีย
ไม่ใช่การทำให้ลืมเร็วที่สุด แต่คือการสอนให้เขา

“อยู่กับความเศร้าอย่างเข้าใจ”

เมื่อเด็กได้เรียนรู้ว่าความเศร้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เขาจะเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นทางใจ (Emotional Resilience) เข้าใจผู้อื่น และ
พร้อมเผชิญความเปลี่ยนแปลงในชีวิตด้วยหัวใจ
ที่เข้มแข็งจากข้างในจิตใจ

สำหรับแม่มิ่ง ในวันที่สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
แม่มิ่งบอกลูกๆทั้งสองคนว่า

อากง (คุณตา) จากไปเพียงร่างกาย
แต่เลือดเนื้อ หัวใจ ของอากง 👨🏻‍🦳

อยู่ในเลือดของพวกเราที่ไหลเวียนในร่างกาย
หล่อเลี้ยงให้เราดำเนินชีวิตต่อให้ดีที่สุด
ตามคำสอนที่อากงสอนพวกเราทุกคนเสมอ

ถึงไม่รู้ก็ต้องเดินไป ชีวิตต้องก้าวเดิน
ขึ้นชื่อว่าคน การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดนะลูก
จะหยุดก็ต่อเมื่อ หยุดหายใจ

🥹👨🏻‍🦳 ดีใจที่เกิดเป็นลูกสาวป๊า 🙏🏻


สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  #สวรรคตตามที่คณะแพทย์ผู้ถ...
24/10/2025

สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง #สวรรคต

ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี้พันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับ ถึงวันศุกร์ ที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เวลา ๒๑ นาฬิกา ๒๑ นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ ๙๓

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาท ในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด ๑ ปี ตั้งแต่วันสวรรคตเป็นต้นไป

สำนักพระราชวัง
๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘

วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่ลูกเริ่มแสวงหาความเป็นตัวเอง อยากมีอิสระในการคิด ตัดสินใจ และทดลองสิ่งใหม่ ๆ พ่อแม่หลายคนจึงมักรู้...
24/10/2025

วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่ลูกเริ่มแสวงหาความเป็นตัวเอง อยากมีอิสระในการคิด ตัดสินใจ และทดลองสิ่งใหม่ ๆ พ่อแม่หลายคนจึงมักรู้สึกว่าลูก

“เถียง” หรือ “ไม่ฟัง”

ทั้งที่ความจริงแล้ว ลูกเพียงแค่ต้องการ

“ให้ฟัง” มากกว่า “ให้สั่ง” 👨🏻🧑🏼

Do & Don’t คุยกับลูกวัยรุ่น
ให้เข้าใจ ไม่ต้องทะเลาะกัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
ระหว่างพ่อแม่ลูก

สิ่งที่ควรทำ ✅ (Do)

1. ฟังอย่างตั้งใจ
เวลาลูกพูด อย่าเพิ่งรีบแทรกหรือให้คำแนะนำ
ฟังด้วยใจที่เปิดกว้างและมองจากมุมของลูก
เช่น

“แม่เข้าใจว่าลูกคงรู้สึกไม่สบายใจตอนโดนเพื่อนล้อ” การฟังแบบนี้ทำให้ลูกสัมผัสได้ถึงความเข้าใจและปลอดภัยที่จะเปิดใจพูดต่อ

2. สะท้อนความรู้สึกแทนการตัดสิน
แทนที่จะพูดว่า

“เรื่องแค่นี้เอง ไม่เห็นต้องร้องไห้”

ลองเปลี่ยนเป็น

”แม่เห็นว่าลูกเสียใจมาก มันคงสำคัญกับลูกจริง ๆ” การสะท้อนความรู้สึกช่วยให้ลูกเรียนรู้การจัดการอารมณ์และรู้ว่าความรู้สึกของตนมีคุณค่า

3. พูดด้วยโทนอบอุ่นและเคารพกัน
น้ำเสียงคือพลังสื่อสารที่ทรงอิทธิพล การพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจะช่วยลดแรงต้านจากวัยรุ่นที่มักต้องการรักษาศักดิ์ศรีของตนเอง

4. ให้โอกาสลูกคิดและเลือกเอง
พ่อแม่ควรตั้งคำถามชวนคิดมากกว่าการสั่ง เช่น “ลูกคิดว่าวิธีไหนจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ดีที่สุด” วิธีนี้ทำให้ลูกได้ฝึกคิดและรับผิดชอบการตัดสินใจของ
ตัวเอง

สิ่งที่ไม่ควรทำ ❎ (Don’t)
1. อย่าด่วนตำหนิหรือเปรียบเทียบ
คำพูดว่า “ดูเพื่อนคนนั้นสิ เก่งกว่าลูกตั้งเยอะ”
เป็นคำที่บั่นทอนใจวัยรุ่นอย่างรุนแรง
เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าไม่เป็นที่ยอมรับ

2. อย่าพูดขณะอารมณ์ร้อน
เวลามีความขัดแย้ง ให้รอจนใจเย็นแล้วค่อยพูด
การสื่อสารในช่วงอารมณ์เดือดมักสร้างระยะห่างมากกว่าความเข้าใจ

3. อย่าคิดว่าพ่อแม่ต้องถูกเสมอ
การยอมรับว่าพ่อแม่ก็อาจผิดได้ เป็นการสอนลูก
เรื่องความถ่อมตนและการรับผิดชอบต่อคำพูดอย่างเป็นธรรม

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

การคุยกับลูกวัยรุ่นจึงไม่ใช่เรื่องของ
“ใครชนะ”

แต่คือ

“ใครเข้าใจใครได้มากกว่า”

เมื่อพ่อแม่ใช้หัวใจฟัง และใช้ความเข้าใจพูด
ความสัมพันธ์ในครอบครัวจะเปลี่ยนจากการ

“โต้แย้ง” เป็น “การเรียนรู้ร่วมกัน”

และลูกจะค่อย ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สื่อสารอย่างเคารพและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเช่นเดียวกับ
ที่พ่อแม่เคยทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง



24/10/2025

วันนี้ที่ACSP โรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ
กับกิจกรรม

📣กิจกรรม Morning Assembly เครือข่ายผู้ปกครอง ระดับชั้น ม.3

หัวข้อ…รักตัวเองให้เป็น (ในวัยรุ่น)
- การเห็นคุณค่าในตัวเอง
- การเคารพและให้เกียรติตนเองและผู้อื่น
-การโดนบูลลี่จากผู้อื่น

แม่มิ่งและแม่นุ่น ในฐานะผู้ปกครองนักเรียน
ที่ร่วมกันให้ความรู้เกี่ยวกับการเห็นคุณค่าในตนเอง ป้องกันการบูลลี่ ทั้งจากตนเองและไม่ทำร้ายผู้อื่น

บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง นักเรียนชายล้วน
แต่ลูกๆน่ารัก สนใจและตั้งใจนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ จากการร่วมกิจกรรมการถาม-ตอบ
และประยุกต์ใช้กับตนเอง

ขอขอบคุณโรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ เครือข่ายผู้ปกครอง ที่ร่วมกันจัดกิจกรรมดีๆเช่นนี้นะคะ





วันนี้ที่ACSP โรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการกับกิจกรรม 📣กิจกรรม  Morning Assembly เครือข่ายผู้ปกครอง ระดับชั้น ม.3 หัวข้อ...
24/10/2025

วันนี้ที่ACSP โรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ
กับกิจกรรม

📣กิจกรรม Morning Assembly เครือข่ายผู้ปกครอง ระดับชั้น ม.3

หัวข้อ…รักตัวเองให้เป็น (ในวัยรุ่น)
- การเห็นคุณค่าในตัวเอง
- การเคารพและให้เกียรติตนเองและผู้อื่น
-การโดนบูลลี่จากผู้อื่น

แม่มิ่งและแม่นุ่น ในฐานะผู้ปกครองนักเรียน
ที่ร่วมกันให้ความรู้เกี่ยวกับการเห็นคุณค่าในตนเอง ป้องกันการบูลลี่ ทั้งจากตนเองและไม่ทำร้ายผู้อื่น

บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง นักเรียนชายล้วน
แต่ลูกๆน่ารัก สนใจและตั้งใจนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ จากการร่วมกิจกรรมการถาม-ตอบ
และประยุกต์ใช้กับตนเอง

ขอขอบคุณโรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ เครือข่ายผู้ปกครอง ที่ร่วมกันจัดกิจกรรมดีๆเช่นนี้นะคะ





23/10/2025

ในวันที่โลกเต็มไปด้วยการแข่งขัน 👧🏻👦🏻
สิ่งสำคัญที่พ่อแม่มอบให้ลูกได้มากกว่า

“เกรด” หรือ “รางวัล” คือ

💚 “ความเชื่อมั่นในตนเอง” ว่าลูก ทำได้
และ มีคุณค่า แม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ

แนวคิดทางจิตวิทยา ความ เชื่อมั่นในตนเอง

ที่เรียกว่า Self-Efficacy ที่เกิดจากแรงผลักภายใน
ที่ทำให้เด็ก

“กล้าคิด กล้าทำ และไม่ยอมแพ้”

เมื่อเจออุปสรรค

พ่อแม่จะช่วยสร้าง Self-Efficacy ความเชื่อมั่น ในความสามารถของตัวเองให้ลูกได้อย่างไร 👨🏻🧑🏼

1. ให้ลูก “ได้ลองทำจริง” มากกว่า “แค่ฟังคำสอน”

เด็กจะเชื่อในความสามารถของตนเอง
ก็ต่อเมื่อเขา ได้ลงมือทำและเห็นผลจริง

ในวัยเด็ก เช่น ให้ลูกลองจัดกระเป๋าเอง
ทำอาหารง่ายๆ แก้ปัญหาเล็กๆ ด้วยตนเอง
พ่อแม่เพียงอยู่ข้างๆ เพื่อให้คำแนะนำ
ไม่ต้องทำแทน เพราะ

“ทุกครั้งที่ลูกทำได้” คือ

“ก้อนอิฐก้อนหนึ่งของความมั่นใจ”

2. ชื่นชม “ความพยายาม” มากกว่า “ผลลัพธ์”

เมื่อพ่อแม่ชมลูกว่า

“แม่เห็นนะว่าลูกพยายามมากเลย”

แทนที่จะพูดว่า “เก่งจัง ได้คะแนนเต็มอีกแล้ว”

เด็กจะค่อยๆ เรียนรู้ว่า ความสำเร็จเกิดจาก
ความพยายามของเขาเอง ไม่ใช่โชค
หรือความคาดหวังของคนอื่น

3. เป็น “แบบอย่างของคนที่เชื่อในตนเอง”

เด็กเรียนรู้จากสิ่งที่พ่อแม่

“ทำ” มากกว่าสิ่งที่ “พูด”

เมื่อพ่อแม่เผชิญปัญหาแล้วไม่ยอมแพ้
แสดงออกถึงการคิดแก้ปัญหา
ลูกจะซึมซับวิธีมองโลกแบบเดียวกัน
เพราะเด็กที่เห็นพ่อแม่เชื่อในตนเอง
ก็จะกล้าเชื่อในตัวเองด้วย

4. ให้กำลังใจเมื่อล้มเหลว ไม่ใช่รีบตำหนิ

ความผิดพลาดคือครูชั้นดีของความสำเร็จ
แต่ถ้าพ่อแม่ตำหนิทุกครั้งที่ลูกพลาด
เด็กจะเรียนรู้ว่า

“ฉันไม่ดีพอ”

ในทางกลับกัน ถ้าพูดว่า

“ไม่เป็นไรนะ ลองดูอีกทีสิ
คราวนี้เรารู้อะไรเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนบ้าง?”

เด็กจะรู้ว่า ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่คือ

“ขั้นตอนของการเรียนรู้”

5. ฟังลูกด้วยใจ เปิดพื้นที่ให้ลูกคิดเอง

เมื่อพ่อแม่เปิดใจฟัง ไม่รีบตัดสิน
ลูกจะรู้สึกว่า “ความคิดของฉันมีคุณค่า”
สิ่งนี้จะต่อยอดไปสู่ความกล้าแสดงออก
และความมั่นใจในการตัดสินใจ
ซึ่งเป็นพื้นฐานของ Self-Efficacy ที่แท้จริง

🌱 ตัวอย่างสถานการณ์: วิธีเลี้ยงลูกให้เชื่อมั่นในตนเอง

ชื่นชม “ความพยายาม” มากกว่า “ผลลัพธ์”

สถานการณ์:

ลูกสาวเรียนอยู่ชั้นม.1 สอบวิชาภาษาอังกฤษได้ 70 คะแนน จากที่ตั้งใจอ่านมาก

แม่ไม่พูดว่า “ทำไมไม่ถึง 80 ล่ะ”

แต่พูดว่า

สิ่งที่ควรพูด :

“แม่เห็นนะว่าลูกอ่านทุกวันเลย ความพยายามของลูกน่าดีมากๆเลยจ้ะ”

ลูกยิ้ม และตอบกลับว่า

“งั้นครั้งหน้าฉันจะลองอ่านตั้งแต่เนิ่นๆ
หนูจะทำให้ดีขึ้นอีก”

สิ่งที่เกิดขึ้น:

เด็กเรียนรู้ว่า ความสำเร็จมาจาก
“ความพยายามของฉัน”
ไม่ใช่ “การเป็นที่ยอมรับของคนอื่น”

“ประสบการณ์สำเร็จจากการลงมือทำจริง
” เป็นแหล่งพลังสำคัญที่สุดของ Self-Efficacy
เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง และพยายาม
จนสำเร็จ

แม่มิ่งชวนคุย 💬💬

พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ
แค่ “มั่นใจในการเลี้ยงลูกด้วยใจที่เข้าใจ”
กล้าปล่อยให้ลูกลอง กล้าฟังโดยไม่ตัดสิน
และกล้ายอมรับว่าทั้งเราและลูก

“กำลังเรียนรู้ไปด้วยกัน”

เมื่อพ่อแม่มั่นใจในกระบวนการ
ลูกก็จะมั่นใจในตัวเองเช่นกัน



ที่อยู่

สมุทรปราการ
เมืองสมุทรปราการ
10270

เบอร์โทรศัพท์

+66927245689

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ถูกทาง by แม่มิ่งผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง เลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ถูกทาง by แม่มิ่ง:

แชร์