พี่เก๋ ไทยประกันชีวิต รับจบครบทุกประกัน

08/09/2025

ใจแข็งจริงปะเนี่ย? 😏
เห็นเพจนี้ผ่านตาทุกวัน แต่ยังไม่กดไลค์อีก…
เอ้า! กดไลค์ไว้ก็ไม่เสียเงิน แถมได้เห็นของดี ๆ เด้งขึ้นมาเองทุกวัน 💙
กดไว้ก่อน แล้วค่อยมาใจแข็งทีหลังก็ยังทันนะ 😉

#กดไว้ไม่เสียหาย #ใจแข็งเกินไปแล้ว #เพื่อนแท้ต้องกดไลค์

08/09/2025

ขอบคุณของรางวัลค่ะ #ไทยประกันชีวิต
#เก๋เคพีดี #เก๋ไทยประกันชีวิต #เก๋ฟินโบรกเกอร์

07/09/2025

ก่อนนอนควรกินอาหารแบบไหน
======================

06/09/2025

สัญญาณเตือน ภาวะไขมันในเลือดสูง ที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะอันตรายกว่าที่คิด!!

04/09/2025

คนที่นอนดึกตื่นสาย มีความเป็นไปได้ที่เสียชีวิตเร็วกว่ากลุ่มคนที่ตื่นเช้ามากถึง ร้อยละ 10

อีกทั้งยังมีผลกระทบรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันทำให้มีปัญหาในการเรียน การทำงาน การเข้าสังคม และส่งผลร้ายต่อสุขภาพได้ ตัวอย่างเช่น

• ปวดหัว หากตื่นสายมาเจอแสงแดดที่แรงกว่าตอนเช้า หลอดเลือดจะเร่งการสูบฉีดเลือดและเพิ่มอุณหภูมิร่างกายให้เท่ากับอากาศภายนอก อาการปวดหัวจึงตามมา

• เบลอ สมาธิสั้น การนอนดึกตื่นสายเป็นการปรับเปลี่ยนนาฬิกาชีวิต สมองจึงยังไม่พร้อมทำงานในวันที่ต้องตื่นเช้าอีกครั้ง ทำให้มีอาการงัวเงีย เฉื่อยชา ไม่มีสมาธิ ประสิทธิภาพการตัดสินใจลดลง

• ระบบย่อยอาหารผิดปกติ การนอนดึกทำให้การทำงานของถุงน้ำดีบกพร่อง การจัดส่งน้ำดีเพื่อช่วยย่อยอาหารจึงขาดสมดุล เสี่ยงต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารมีปัญหาเรื้อรัง

• ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง เมื่ออวัยวะในร่างกายไม่ได้หยุดพักตามเวลานอนหลับ การคัดกรองของเสียในร่างกายจึงขาดสมดุล ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ป่วยง่าย มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการทำงานของไต ผมร่วง กระดูกและฟันอ่อนแอ

• โรคอ้วนและเบาหวาน ยิ่งนอนดึกก็อาจยิ่งหิว เมื่อกินอาหารผิดเวลาร่างกายจึงได้รับพลังงานส่วนเกินเสี่ยงเกิดโรคอ้วนได้ง่าย แถมการตื่นสายยังทำให้พลาดมื้อเช้าที่สำคัญไป ร่างกายขาดน้ำตาลในเลือดทำให้ยิ่งอยากกินของหวาน

• เสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ เมื่อนอนไม่พอระบบต่างๆ ในร่างกายจะทำงานผิดปกติ เกิดสารโปรตีนสะสมในผนังหลอดเลือดหัวใจส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง เป็นภาวะที่อันตรายและเสี่ยงเสียชีวิตอย่างกะทันหัน

นอกจากการรับแสงแดดในช่วงเช้าจะช่วยปรับนาฬิกาชีวิตทำให้กระตุ้นการตื่นตัวได้มากขึ้นแล้ว การปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยของการนอนที่ดี เช่น กำหนดเวลาเข้านอนและเวลาตื่นนอนสม่ำเสมอทั้งวันธรรมดาและวันหยุด จัดห้องนอนให้เงียบสงบ สบาย ไม่มีสิ่งรบกวนการนอน หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ หรือสารกระตุ้นที่มีรบกวนการนอนหลับ ยังมีความสำคัญต่อคุณภาพการนอนที่ดีอีกด้วย ส่วนการใช้ยาเมลาโทนินในช่วงเย็นเพื่อปรับเวลาของนาฬิกาชีวิตก็สามารถใช้ได้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

03/09/2025

ที่ฝนตกกระหน่ำขนาดนี้ สามารถเกิดโรคที่ควรระวังอะไรได้บ้าง
😷 โรคที่ควรระวังที่เกิดกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอักเสบ โรคไข้หวัดใหญ่
😷 โรคที่เกิดจากการสัมผัส เช่น โรคมือเท้าปาก โรคฉี่หนู
😷 โรคที่เกิดจากสัตว์ เช่น โรคไข้เลือดออกจากยุง หรือโรคเชื้อไวรัสซิก้า
แนวคิดของการป้องกันโรคตามที่กรมสุขภาพจิตระบุไว้ว่ามี 3 ระดับ โดยแบ่งเป็น ระดับปฐมภูมิ (ระดับที่ 1), ระดับทุติยภูมิ (ระดับที่ 2) และระดับตติยภูมิ (ระดับที่ 3)
1) ระดับปฐมภูมิ คือ 'ระดับป้องกันไม่ให้ป่วย’ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการป้องกันขั้นต้นให้คนที่แข็งแรงดีไม่ให้ป่วย รักษาตนเองให้อยู่ในสภาพที่ไม่ต้องเผชิญกับโรค ทั้งจากระบบทางเดินหายใจ จากการสัมผัส และจากสัตว์
2) ระดับทุติยภูมิ คือ ‘ระดับป้องกันคนที่เป็นโรคไม่ให้มีโรคแทรกซ้อน’ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการป้องกันตนเองเวลาที่เกิดโรคใดโรคหนึ่งแล้ว ต้องไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา หมายถึงเราต้องรู้ว่าเป็นโรคอะไรอยู่ อาการเป็นอย่างไร ผ่านการตรวจสอบ ง่าย ๆ เช่น หาหมอ และรับยารักษาโรค แต่สิ่งที่สำคัญของระดับนี้คือ เราต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น และป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน
3) ระดับตติยภูมิ คือ ‘ระดับป้องกันคนมีโรคแทรกซ้อนให้ไม่เกินเลย’ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เป็นการป้องกันสูงสุดเพื่อไม่ให้คนที่มีอาการโรคแทรกซ้อนเข้าสู่สภาวะทุพพลภาพ พิการ หรือเสียชีวิต เป็นระดับที่ค่อนข้างรุนแรง การรู้ตัวจะต้องเกิดจากการวินิจฉัยของแพทย์ว่าเกิดอาการแทรกซ้อน ซึ่งเมื่อมีโรคแทรกซ้อนความรุนแรงที่มีผลต่อสุขภาพจะมีมากกว่าปกติ ดังนั้นการป้องกันคือรู้ตัวและพบแพทย์เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาโดยเร็วที่สุด แบบไม่ต้องรีรอ อย่าชะล่าใจ หรือคิดว่าสามารถรักษาเองได้

03/09/2025

จบหลักสูตร crossroad รุ่น 323 เรียบร้อย
🙏 #ไทยประกัน ที่จัดหลักสูตรนี้สำหรับผู้บริหาร
🙏 วิทยากรคนเก่งทั้ง 2 ท่านที่แบ่งปันความรู้
🙏 ผู้จัดการฝ่ายขยายงาน 122 ปัว ที่ให้โอกาสในการเข้าร่วมหลักสูตร
🙏 ตัวเองที่ตั้งใจ และมีวินัยในการเรียน
#เก๋เคพีดี #เก๋ไทยประกันชีวิต

02/09/2025

❤️ โรคหัวใจกับวัยชราเค้าว่าเป็นปัญหายอดฮิตเลย ยิ่งอายุมากยิ่งเสี่ยงมาก
เราไปรู้จักโรคหัวใจให้มากขึ้นกันอีกสักนิดดีกว่า เมื่อเรารู้ใจตัวเองแล้ว จะได้เตรียมตัวรับมือได้ทัน
เมื่ออายุล่วงเลยเข้าสู่เลขสี่ ปัญหาสุขภาพก็จะเข้ามาเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจและมองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะโรคยอดฮิตของวัยเก๋าอย่างปัญหาหัวใจ (โรคหัวใจ) ที่เลยวัยสี่สิบไปแล้วจะมีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งโรคหัวใจนั้นถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก หากรักษาไม่ทันอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต วันนี้เรามาเข้าใจหัวใจตัวเองให้มากขึ้นกันอีกสักหน่อย เพิ่มความปลอดภัย ห่างไกลโรค และเตรียมตัวรับมือได้ทัน
#โรคหัวใจปัญหาหนักใจวัยเก๋า
โรคหัวใจและหลอดเลือดนั้นเป็นปัญหาสุขภาพที่คร่าชีวิตผู้คนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งอัตราการเสียชีวิตยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุของโรคหัวใจขึ้นอยู่กับว่าเป็นโรคหัวใจประเภทใด โรคหัวใจแต่ละชนิดก็จะมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป สำหรับผู้สูงอายุนั้น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันจะพบได้บ่อย รวมถึงโรคลิ้นหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ และหัวใจพิการแต่กำเนิดก็พบบ่อยเช่นเดียวกัน
#สัญญาณเตือนโรคหัวใจ
โรคหัวใจเป็นโรคที่มีความร้ายแรงและอาจมีอาการขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว บางครั้งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็อาจไม่ทันการณ์แล้วก็ได้ ดังนั้นต้องคอยสังเกตสัญญาณเตือนของโรคให้ดี หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย
- เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก อาจป็นเฉพาะตอนออกกำลังกาย เป็นเฉพาะตอนกลางคืน หรือเป็นตลอดเวลาก็ได้
- เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอกเหมือนถูกกดทับ อาจเจ็บมากจนลามไปถึงกราม ขากรรไกร คอ ไหล่ แขน หลัง ซึ่งอาการเจ็บหน้าอกอาจยาวนานกว่า 20 นาที โดยอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ใจสั่น ตัวเย็น เหงื่อออก เป็นต้น
- ปลายมือ ปลายเท้า ริมฝีปากเขียวคล้ำ
- เท้าบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- หน้ามืด เป็นลม
- เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
#วิธีลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
การเลือกรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพดีแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้อีกด้วย โดยเราควรรับประทานแต่พอดี หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว อาหารที่มีน้ำตาลหรือโซเดียมสูง เน้นรับประทานธัญพืช ผัก และผลไม้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ไม่ควรละเลย เราควรนอนหลับให้ได้วันละ 7 - 9 ชั่วโมงในตอนกลางคืน หากพักผ่อนไม่เพียงพอจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพมากมาย ทั้งโรคอ้วน เบาหวาน และความดันโลหิตสูง ซึ่งโรคที่กล่าวมาล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจทั้งสิ้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
คำพูดที่ว่ากีฬาเป็นยาวิเศษนั้นก็ดูจะไม่เกินจริงเท่าใดนัก เพราะการออกกำลังกายเป็นประจำทำให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดปริมาณคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้หัวใจแข็งแรงอีกด้วย
- ควบคุมน้ำหนัก
อย่างที่ทราบกันดีว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินหรือคนอ้วนจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากกว่าปกติ เพราะว่าคนอ้วนนั้นจะมีปริมาณคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย
- จัดการความเครียด
ความเครียดไม่เพียงทำให้อารมณ์เสียหรือปวดหัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น ซึ่งความดันโลหิตเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจ อีกทั้งการเครียดมากเกินไปยังกระตุ้นให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันหรือที่รู้จักกันดีว่าหัวใจวายได้อีกต่างหาก
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่
แอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นสองสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง เพราะทั้งคู่นำมาซึ่งโรคร้ายมากมายอย่างเช่นโรคมะเร็งและโรคหัวใจ โดยทั้งแอลกอฮอล์และบุหรี่นั้นมีส่วนทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น อีกทั้งการดื่มแอลกอฮอล์ยังส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้
- เบาหวานต้องควบคุม
สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากกว่าคนปกติถึงสองเท่า เนื่องจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจะไปทำให้หลอดเลือดและเส้นประสาทที่ควบคุมหัวใจและหลอดเลือดเสียหาย
- ความดันอย่ามองข้าม
ภาวะความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่โรคหัวใจ ดังนั้นควรหมั่นตรวจเช็คความดันโลหิตของตนเองเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง หากพบว่าตนเองมีภาวะความดันโลหิตสูง ควรหาทางรักษา เช่น หันมาออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม เลิกสูบบุหรี่ หรือปรึกษาแพทย์ เป็นต้น
- ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
สาเหตุที่ต้องใส่ใจสารสองตัวนี้ก็เพราะว่า หากมีปริมาณคอเลสเตอรอลหรือไตรกลีเซอไรด์ในเลือดมากเกินไปอาจไปอุดตันหลอดเลือดแดงซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและอาการหัวใจวายได้

01/09/2025

❌ ไม่กดไลก์ = พลาดโปรที่คุ้มที่สุด
✅ กดติดตาม = รับสิทธิ์ก่อนใครแบบจุใจ 🎉
รีบกดไลก์เพจไว้เลย! 👍

01/09/2025

สอบถามได้ค่ะ
#เก๋เคพีดี #เก๋ไทยประกันชีวิต #เก๋ฟินโบรกเกอร์

เด็กเล็กเจ็บป่วยง่าย พ่อแม่เจ็บหนักกว่าคือ ค่าใช้จ่าย👶❤️
เพราะโรคยอดฮิตอย่าง
👉 RSV
👉 มือเท้าปาก
👉 ไข้เลือดออก
👉 ไข้หวัดใหญ่
👉 โรคสุขใส
มาเมื่อไหร่ก็ไม่เคยบอกล่วงหน้า ⚠️

แต่ MSIG FIN FOR KIDS พร้อมช่วยดูแล!
💊 ค่าสูงสุด 50,000 บาท/ครั้ง
💊 ค่าห้อง-ค่าหมอ ครอบคลุมครบ
💊 เบี้ยเริ่มต้นเพียง 7,605 บาท/ปี

ดูแลลูกน้อยให้เติบโตอย่างมั่นใจ ✨
เพราะสุขภาพลูกสำคัญที่สุด 💕

#ประกันสุขภาพเด็ก #โรคมือเท้าปาก

31/08/2025

👍🏻 5 วิธี “วางแผนการเงิน” สำหรับคน “โสดสตรอง”💸

1. “ปลอดหนี้จน” ไม่สร้างหนี้ โดยไม่จำเป็น
ถ้าไม่ “จำเป็น” อย่าสร้าง “หนี้” เพราะนั่นคือการสร้างภาระในการจัดการเงินของเรา แต่ถ้าจำเป็นต้องเป็นหนี้จริงๆ ก็ควรลดสัดส่วนจากการใช้จ่ายลงแทน เพื่อให้ภาระหนี้ และค่าใช้จ่ายรวมกันแล้วไม่มากเกินไปนัก

2. “ออม – ใช้จ่าย – ลงทุน” แบ่งให้ชัดเจน!
จัดระบบการใช้เงินของตัวเอง โดยเริ่มต้นจากการแบ่งง่ายๆ เป็น 3 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 : เงินออม
เงินในส่วนนี้อาจต้องตัดใจหักเข้าบัญชีทันทีเมื่อได้รับเงินเดือน เพราะถ้าใช้ก่อน เหลือเท่าไหร่ค่อยเก็บ แบบนี้คุณคงใช้จนเพลินแน่นอน
ส่วนที่ 2 : เงินสำหรับใช้จ่าย
เงินก้อนนี้ ก็คือ เงินใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงเงินที่เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น เช่น พวกค่ากิน ค่ารถ ฯลฯ เราจะรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าใช้ประมาณเท่าไหร่ ให้แยกออกมา วางแผนการใช้ให้พอดี
และที่สำคัญคือ “เงินฉุกเฉิน” กรณีที่เราเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดเหตุกะทันหัน สามารถนำส่วนนี้มาใช้ได้ โดยไม่ต้องกระทบกับเงินส่วนอื่น
ส่วนที่ 3 : เงินลงทุน
หากปล่อยเงินที่มีอยู่เอาไว้เฉยๆ ไม่มีการเพิ่มมูลค่าขึ้นมา อาจทำให้เสียโอกาสที่เงินจะทำงานให้เราได้ อาจเริ่มศึกษาวิธีการลงทุนประเภทต่างๆ ให้เหมาะกับเรา
วิธีการลงทุนมีมากมาย เช่น กองทุนรวม (RMF/LTF), สลากออมทรัพย์, หุ้น หรือการสะสมทองคำ ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

3. “ประกันแบบต่างๆ” ผู้ช่วยแบ่งเบา ยามลำบาก
ประกันในที่นี้ ไม่ใช่แค่ประกันชีวิต แต่รวมถึงประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุ ด้วย ควรมีเผื่อเอาไว้ให้ครบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาทางการเงิน หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
เพราะหากไม่มีใครช่วยซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายเหล่านี้ พวกประกันเหล่านี้จะเป็นที่พึ่งยามฉุกเฉิน ช่วยดูแลเวลาคุณล้มป่วย ประสบอุบัติเหตุ หรือป่วยต้องนอนโรงพยาบาล

4. “วางแผนเกษียณ” (อย่างจริงจัง) ตัวคนเดียวล้อเล่นไม่ได้!
การเป็นคนโสดนอกจากจะต้องเก็บเงินใช้ชีวิตแล้ว ยังต้องวางแผนการเงินหลังเกษียณอีกต่างหาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและมีความกังวล จนไม่มีความสุข
สำรวจตัวเองว่าหลังเกษียณไปแล้วจะ “ใช้เงินต่อเดือนประมาณเท่าไหร่” เพื่อที่จะได้เริ่มวางแผนเก็บเงินให้เหลือใช้ถึงวันนั้น

5. “เจียดเงินพิเศษ” เพื่อให้รางวัลตัวเองบ้าง!
การเก็บเงินพิเศษเพื่อเป็นรางวัลให้ชีวิต เงินในส่วนนี้ถือว่าเป็นการซื้อความสุขให้ ”ชีวิตคนโสด” นั่นเอง หากเก็บเงินในส่วนที่จำเป็นได้เรียบร้อยแล้ว ก็ควรให้ความสุขกับตัวเองด้วย อย่างการไปเที่ยว พักผ่อน เปิดโลกกว้าง สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง แล้วกลับมาทำงานเก็บเงินต่อ!!

31/08/2025

ถ้าเป็นคุณ จะเลือกแบบไหน ⁉
CR:ภาพพี่เจฟ
#เก๋เคพีดี #เก๋ไทยประกันชีวิต