
02/09/2025
: เสียงกระซิบจากทางรถไฟสายมรณะ :
ค่ำคืนหนึ่งในจังหวัดเล็ก ๆ ทางภาคเหนือของไทย มีทางรถไฟเส้นหนึ่งทอดยาวผ่านป่าทึบ เส้นทางนี้ถูกขนานนามว่า “ทางรถไฟสายมรณะ” … ไม่ใช่เพียงเพราะตำนานสมัยสงครามโลกที่ทหารเชลยถูกบังคับให้สร้าง หากแต่เป็นเพราะในความมืดนั้น ยังมีบางสิ่งที่ไม่ควรมีใครได้ยิน ได้เห็น หรือแม้แต่เดินเข้าไปใกล้
เรื่องเล่านี้เริ่มจากนักศึกษามหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่ง 4 คน — “ต้น”, “ฟ้า”, “นัท” และ “มีน” พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบเดินทางไปถ่ายรูปสถานที่รกร้างเพื่อนำมาเล่าในเพจสยองขวัญที่พวกเขาทำเล่น ๆ
คืนนั้น พวกเขาได้ข่าวลือจากชาวบ้านว่า
> “ถ้าใครเดินผ่านทางรถไฟเส้นนั้นในยามดึก… จะได้ยินเสียงกระซิบจากความมืด เสียงที่ไม่ใช่ของคนเป็น”
ข่าวลือนั้นยิ่งทำให้ทั้งสี่ตื่นเต้น อยากไปพิสูจน์ และแน่นอนว่าความอยากรู้นี้จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสยอง
เวลาประมาณเกือบเที่ยงคืน ทั้งสี่เดินเข้าสู่เส้นทางรกร้าง รอบตัวเต็มไปด้วยป่าทึบ เสียงจักจั่นและลมพัดทำให้บรรยากาศยิ่งกดดัน
ไฟฉายส่องไปตามรางเหล็กที่ขึ้นสนิมจนแดงเป็นทางยาว
“เฮ้… ไม่มีอะไรหรอกมั้ง” นัทพยายามหัวเราะ แต่เสียงนั้นกลับสั่นแผ่วเหมือนฝืนใจ
ทันใดนั้น มีเสียง “ก๊องแก๊ง…ก๊องแก๊ง” ดังมาจากรางเหล็กข้างหน้า ทั้งที่ไม่มีรถไฟแล่นผ่านมานานหลายปี
ทุกคนหยุดชะงัก หันมองหน้ากัน ฟ้าเริ่มบ่นเบา ๆ
“เรากลับกันเถอะ ฉันไม่ชอบ…มันเหมือนมีใครเดินตาม”
แต่มีนกลับยิ้ม “ไม่เอาน่า นี่แหละจังหวะของเรา” เธอหยิบกล้องขึ้นมาเตรียมถ่าย
สายลมเย็นวูบหนึ่งพัดมา พร้อมกับเสียง… เสียงกระซิบเบา ๆ เหมือนคนพูดชิดหู
> “…อย่ามา… อย่ามา…”
ต้นรีบหันซ้ายหันขวา “พวกนายได้ยินไหม?”
แต่ทุกคนเงียบ ก่อนฟ้าจะพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาเบิกกว้าง “ฉัน…ฉันก็ได้ยิน”
เสียงนั้นไม่หยุด มันลากยาวเหมือนดังมาจากใต้ดิน
> “…ช่วย…ฉัน…ด้วย…”
ทั้งสี่เริ่มใจคอไม่ดี แต่ความอยากรู้อยากเห็นยังรั้งพวกเขาเอาไว้
พวกเขาเดินต่อไปจนถึงสะพานไม้เก่า ๆ ที่ทอดผ่านเหวเล็ก ๆ
ไฟฉายของต้นส่องไปข้างหน้า และนั่นเอง…เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏ
ชายในชุดทหารเก่าคร่ำคร่า ยืนอยู่กลางราง
ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล ดวงตาขาวโพลนจ้องกลับมา ก่อนจะอ้าปากส่งเสียง กระซิบ แผ่วเบา… แต่ทุกคนกลับได้ยินชัดเจนในใจ
> “พวกเจ้า…จะไม่มีวันกลับออกไป…”
เสียงนั้นดังก้องเหมือนมีหลายร้อยคนพูดพร้อมกัน
ทันใดนั้น ฟ้ากรีดร้อง เธอบอกว่า “มีมือจับข้อเท้าฉัน!!” แต่เพื่อนอีกสามมองไม่เห็น
ต้นพยายามดึงเธอออก แต่กลับรู้สึกถึงแรงต้านจริง ๆ เหมือนมีใครอยู่ใต้ราง
นัทหันกล้องมาถ่าย แต่สิ่งที่เขาเห็นในจอมอนิเตอร์…คือผู้คนนับสิบในชุดนักโทษ สภาพเน่าเปื่อย ยืนเบียดเสียดอยู่เต็มรางรถไฟ ทุกคนส่งเสียงกระซิบพร้อมกันจนดังเป็นเสียงโหยหวน
เขาตกใจจนกล้องหลุดมือ ร่วงกระแทกพื้น
ทั้งสี่พยายามวิ่งกลับ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะวิ่งเท่าไร รางรถไฟก็เหมือนทอดยาวไปไม่มีที่สิ้นสุด
เสียงกระซิบแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเย็นเยียบ
> “ไม่มีใคร…ออกไปได้….”
ในความมืดนั้น มีนล้มลงกับพื้น ต้นหันไปดึงเพื่อนขึ้น แต่เขากลับเห็นว่าใบหน้ามีนเปลี่ยนไปครึ่งหนึ่ง — ผิวหนังแหว่งหาย เหลือเพียงกะโหลกและดวงตาที่กลวงโบ๋
เธอกระซิบกับเขา…
> “อย่าทิ้งฉัน…อยู่ด้วยกันที่นี่…”
คืนวันนั้น…มีเพียงต้นที่รอดออกมา เขาถูกพบในสภาพบาดเจ็บหนัก นอนหมดสติอยู่ริมป่า เมื่อฟื้นขึ้นมา เขาเล่าเพียงสั้น ๆ ว่า
“เพื่อนผม…เขายังอยู่ในนั้น”
ตำรวจและทีมกู้ภัยเข้าไปค้น แต่ไม่พบทั้งฟ้า นัท และมีน
สิ่งเดียวที่พบคือ กล้องถ่ายภาพที่แตกครึ่งหนึ่ง เมื่อเปิดดูคลิปที่เหลืออยู่ มีแต่ภาพรางรถไฟมืด ๆ …และเสียงกระซิบเป็นพัน ๆ เสียงสลับกันดังขึ้นพร้อมกัน
> “…มาอยู่ด้วยกัน…มาอยู่ด้วยกัน…”
จนถึงทุกวันนี้ ทางรถไฟเส้นนั้นยังคงรกร้าง และไม่มีใครกล้าเดินผ่านในยามค่ำคืน
เพราะทุกคนรู้ดีว่า…เสียงกระซิบจากความมืด จะตามคุณไปไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน