Walk on My Way "I love sharing little pieces of my world — photos I take, music I enjoy, books I read, places I’ve been, and my thoughts on life and the world around me.

Just whatever’s on my heart at the moment."

เขาคิดว่า​ ประเทศเจริญ​ขึ้น​ได้ด้วยการเผา ทำลาย?ตอนไฟไม่มา​ ประปาไม่ไหล​น่าจะคิดออกจริงๆ
11/09/2025

เขาคิดว่า​ ประเทศเจริญ​ขึ้น​ได้ด้วยการเผา ทำลาย?
ตอนไฟไม่มา​ ประปาไม่ไหล​
น่าจะคิดออกจริงๆ

04/09/2025

Reset is not salvation.
It’s CPR for political zombies.
True change comes from exposing who ruins the nation.
*************************************
RESET ในฝัน ปลุกผีตัวจริง ฉิบหายจริง
*************************************
เวลามีคนเสนอให้ “ยุบสภา” เพื่อ reset การเมืองไทย ฟังดูเหมือนเป็นทางออกที่สะอาดและตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในมุมของนักวิชาการบางท่านที่เชื่อว่า การโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ เท่ากับการขายวิญญาณของพรรคสีส้ม ทางเดียวที่จะกลับมามีศักดิ์ศรีคือการถอนตัวทันที แล้วส่งไม้ต่อไปให้ประชาชนตัดสินใหม่
แต่ในทางการเมืองจริง ๆ “reset” แบบนั้นกลับไม่ง่าย และอาจตรงกันข้ามกับสิ่งที่คิดไว้ เพราะเมื่อสภาถูกยุบ พรรคเพื่อไทย (พท.) จะกลายเป็นผู้รักษาการ ซึ่งนั่นหมายถึงการขยายเวลาให้กับพรรคที่ถูกตั้งคำถามว่ามีส่วนก่อปัญหาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการงบประมาณ 2569 ที่ซ่อนหนี้กู้จนหนี้พุ่ง, การเพิกเฉยต่อคำวินิจฉัยของศาลเรื่องผู้นำ, หรือการปล่อยให้ปัญหาชายแดนปะทุเรื่อย ๆ
คำถามคือ: ถ้า reset แล้วกลับไปอยู่ในมือ พท. แบบเดิมอีกหลายเดือน สิ่งที่ได้คืออะไร? นอกจาก “ช่วยต่ออายุ” ให้พรรคการเมืองเก่าแก่ที่มีสายสัมพันธ์ลึกกับทุนและระบบราชการ ได้เวลาฟื้นเครือข่ายใหม่ ปรับโครงสร้างผลประโยชน์ และเดินเกมชายแดนตามที่เคยทำมา
ดังนั้น แม้ข้อเสนอ reset จะสวยหรูในกระดาษ แต่ในทางปฏิบัติมันคือ การโยนประเทศกลับสู่วงจรเดิม การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงอาจไม่ได้เกิดจากการกดปุ่มรีเซ็ตที่บางคนฝันถึง แต่เกิดจากการฝืนเล่นเกมต่อด้วยเงื่อนไขที่มีอยู่ เชื่อว่า พลพรรคสีส้มพร้อมจับตาและเปิดโปงการโกงกติกาทุกครั้งที่เกิดขึ้น — เพื่อให้ประชาชนเห็นชัด ๆ ว่า “ใครกันแน่คือคนพาประเทศฉิบหาย”
******
Reset in Dream, Reviving Real Monsters
Calls to “dissolve parliament” in order to reset Thai politics may sound clean and principled, but in practice they risk the opposite. Dissolution would leave Pheu Thai (PT) as caretaker, extending the life of a party already questioned for mismanaging the 2026 budget, ignoring court rulings, and mishandling border issues. Instead of renewal, it would grant time to rebuild networks of power and patronage.
Thus, while the idea of reset looks attractive on paper, in reality it throws the country back into the same vicious cycle. Real change may not come from pressing a mythical reset button, but from staying in the game — exposing every manipulation of the rules. The Orange Party is ready to keep watch and reveal, so the public can clearly see who is truly driving the country into ruin.

Send a message to learn more

✨ “เราให้นักการเมืองไทยรับค่าตอบแทนสูงเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว แต่สิ่งที่ได้กลับต่ำกว่ามาตรฐาน…กาแฟเช้านี้จึงขมไม่แพ้การเมื...
01/09/2025

✨ “เราให้นักการเมืองไทยรับค่าตอบแทนสูงเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว แต่สิ่งที่ได้กลับต่ำกว่ามาตรฐาน…กาแฟเช้านี้จึงขมไม่แพ้การเมืองไทย”
✨ “We pay our politicians like in developed countries, but the returns are painfully low. This morning’s coffee tastes as bitter as Thai politics.”
________________________________________

📌 กาแฟแกล้มการเมืองเช้านี้

แถลงการณ์สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาฯ วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญว่าขยายอำนาจเกินขอบเขต หลังถอดถอน “แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่งนายกฯ โดยชี้ว่ากระทบเสถียรภาพประชาธิปไตย แต่แทบไม่ได้แตะปัญหาพฤติกรรมของนักการเมืองเลย
ในอีกด้าน เสียงประชาชนบอกว่านักการเมืองไทย “หน้าด้าน เน่าเฟะ” ทำผิดไม่เคยรับผิด และทุกครั้งที่แก้รัฐธรรมนูญ เรากลับได้คนการเมืองที่เลวลง ไม่เคยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ หรือการศึกษาได้จริง

👉 ที่น่าเจ็บใจคือ เราลงทุนกับนักการเมืองไทยมาก ทั้งเงินเดือน สวัสดิการ สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สูงกว่าหลายประเทศพัฒนาแล้ว (EU, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์) แต่ผลตอบแทนกลับต่ำมาก ทั้งคุณภาพนโยบายและความซื่อสัตย์ในการบริหาร

🔎 สิ่งที่ผู้อ่านควรตระหนัก

• ฟังให้ครบ – อย่าเชื่อแต่ statement สวยหรู ต้องมองพฤติกรรมจริงของนักการเมืองด้วย
• กติกาดีไม่พอ – หากผู้เล่นยังเลว การแก้รัฐธรรมนูญไม่ช่วยอะไร
• แต่กติกาก็จำเป็น – ถ้าไม่แตะเลย นักการเมืองยิ่งใช้ช่องกฎหมายเล่นงานประชาชน
• ประชาชนต้องคิดเอง – อย่าปล่อยให้คำวินิจฉัยศาลหรือแถลงการณ์องค์กรใด ๆ มาครอบงำทั้งหมด

🗳️ การเมืองไทยวันนี้อาจขม เฝื่อนเหมือนกาแฟก้นถ้วย แต่ถ้าเรามีสติและรู้เท่าทันเกม เราจะเลือกตั้งครั้งหน้าได้อย่างไม่ถูกหลอกง่าย ๆ อีกต่อไป
บทความนี้ปรับจากความเห็นของคุณ Padipon A. และคุณ Pattanadesh A. ที่ฉันเห็นว่าน่าสนใจ
#รู้เท่าทันการเมือง #กาแฟการเมืองเช้านี้
________________________________________
📌 Morning Coffee with Politics

The Chulalongkorn University Political Science Student Club issued a statement criticizing the Constitutional Court for “overstepping its authority” in removing Paetongtarn Shinawatra from the post of Prime Minister. They warned it undermines democratic stability — yet barely touched on the misconduct of politicians themselves.
On the other side, ordinary citizens are much blunter: Thai politicians are “brazen and rotten,” never taking responsibility for their wrongdoings. And every time the constitution is amended, we end up with worse politicians — who fail to fix the economy, reduce inequality, or improve education.
👉 The bitter truth is that we invest heavily in our politicians — their salaries, benefits, and perks are higher than in many developed countries (EU, Australia, New Zealand) — but the returns are extremely poor, both in policy quality and in integrity.
🔎 Takeaways for readers
• Listen fully – Don’t be swayed by lofty statements; judge politicians by their actual conduct.
• Good rules aren’t enough – If players remain corrupt, amending the constitution won’t help.
• But rules are still necessary – Ignore them, and politicians will exploit every loophole.
• Citizens must think for themselves – Neither court rulings nor institutional statements should dictate our judgment entirely.

🗳️ Thai politics today may taste as bitter as the last sip of coffee grounds. But with awareness and vigilance, we can cast our votes in the next election without being fooled so easily.

This article adapts ideas from Padipon A. and Pattanadesh A., which I found thought-provoking.

**the epitome of shamelessness**** “ความตั้งใจเอาเปรียบ”**Nguyễn Thị Bích Tuyên นักตบฟูลโอปโปไซต์ของเวียดนาม เคยทำคะแนน ...
12/08/2025

**the epitome of shamelessness**

** “ความตั้งใจเอาเปรียบ”**

Nguyễn Thị Bích Tuyên นักตบฟูลโอปโปไซต์ของเวียดนาม เคยทำคะแนน **61 แต้มในหนึ่งแมตช์** ที่ Vietnam National Championship ปี 2021 — สถิติโลกระดับชาย–หญิง ก่อนหน้านี้สูงสุดคือ 59 แต้มโดยนักตบชายจากคิวบา และเธอทำลายลงได้สำเร็จ

การลงแข่งแล้วทำแต้มโหดแบบนี้ แถมในเกมระดับทีมชาติ… ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดได้ ถ้าไม่มีช่องว่างทางกายภาพมหาศาล

กรณีนี้คล้ายกับมวยบัลแกเรีย — สุดท้ายโดนริบเหรียญ เพราะหลักฐานทางสรีรวิทยามันค้านสายตาและข้อมูลทางการแพทย์

ถ้าประเทศเจ้าภาพ “ยอมให้” หรือ “ปกป้อง” ข้อได้เปรียบแบบนี้
\= รู้ทั้งรู้ แล้วยังทำ → **หน้าด้านจริง**

---

พูดตรง ๆ ในวงการกีฬา สโลแกนคือ **Fair Play**
แต่ถ้าปล่อยแบบนี้บ่อย ๆ มันจะกลายเป็น **Fake Play** มากกว่า

* **Fair Play** = แข่งในเงื่อนไขใกล้เคียงกัน เคารพคู่แข่ง ไม่เอาเปรียบด้วยสิ่งที่อยู่นอกเหนือทักษะ/การฝึก
* **Fake Play** = ใช้ช่องโหว่กติกา หรือปกปิดข้อมูลทางชีวภาพ/กายภาพ เพื่อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง แล้วอ้างว่า “ไม่ผิดกติกา” เพราะระบบตรวจจับไม่ได้

---

ในกีฬา ถ้าผลต่างกันอย่างผิดปกติ (เช่น 61 แต้ม, ตบแรงระดับชาย, รับบล็อกหญิงได้สบาย) สิ่งที่ควรทำคือ **ตรวจสอบโปร่งใส** — ฮอร์โมน, โครโมโซม, ประวัติการแพทย์

แต่ถ้าไม่ทำ แล้วบอกว่า “ทุกอย่างถูกต้อง” ก็เท่ากับยอมให้ภาพลักษณ์กีฬาหญิงพังต่อหน้าคนดูทั่วโลก

---

**ความหน้าด้านเป็นปฐม** เพราะ:

1. รู้ตัวว่ามีความต่างทางชีวภาพตั้งแต่ต้น — กล้ามเนื้อ, แขนขา, กระดูก, ปอด ล้วนได้เปรียบ
2. ไม่ปฏิเสธโอกาสเอาเปรียบ — ใช้ช่องกติกาให้ “ชนะง่าย”
3. สร้างผลเสียต่อวงการ — นักกีฬาหญิงที่ฝึกหนักอาจหมดกำลังใจก่อนลงสนาม

---

หลายสมาคมกีฬาปรับกติกาแล้ว เช่น **World Aquatics**
ห้ามผู้เปลี่ยนเพศหลังวัยแรกรุ่นแข่งในประเภทหญิง เพราะแม้ลดฮอร์โมนเพศชายแล้ว โครงสร้างร่างกายก็ยังได้เปรียบ

ถ้าสังคมกีฬาและสมาคมยัง **หน้าด้าน** ไม่แก้ไข
ระบบก็จะผลิต Fake Play ออกมาเรื่อย ๆ —
เพราะมัน **ชนะง่าย ได้หน้า และได้เงิน**

🇨🇭 Does Thailand Have to Accept and Treat Wounded Enemy Soldiers?Answer: Not necessarily. It depends on custody, not jus...
02/08/2025

🇨🇭 Does Thailand Have to Accept and Treat Wounded Enemy Soldiers?

Answer: Not necessarily. It depends on custody, not just humanitarian requests.
✅ Summary (in English)
Thailand is not obligated to accept or treat enemy combatants
who are not yet in Thai custody.
If wounded soldiers are still in their own territory or under their own control,
Thailand has no duty under the Geneva Conventions to accept them.
However, if wounded or sick enemy soldiers
Surrender to Thailand
Cross into Thai territory and are captured
Are otherwise under Thai control
and are no longer capable of fighting
→ Then Thailand must provide humane medical care,
as required by the Geneva Conventions.
If a warring party requests Thailand to take in their wounded,
but those individuals are still outside Thai control,
→ Thailand may refuse based on national discretion.
There is no automatic legal obligation.

📘 Key Legal Reference
Geneva Convention (IV) relative to the Protection of Civilian Persons in Time of War (1949), Article 12:
"Members of the armed forces and other persons mentioned... who are wounded or sick, shall be respected and protected in all circumstances. They shall be treated humanely and cared for by the Party to the conflict in whose power they may be..."
📎 Source (ICRC database):
https://ihl-databases.icrc.org/en/ihl-treaties/gciv-1949/article-12

🧭 Conclusion
Humanitarian care is required when wounded persons are in the power of Thailand.
No obligation exists to take in those outside Thai control.
It is a matter of state discretion, not international legal duty

RE: Geneva Convention (IV) 1949, Article 12:

*** ** * -

🇹🇭 ไทยจำเป็นต้องรับทหารบาดเจ็บของฝ่ายคู่สงครามมารักษาหรือไม่?

คำตอบ: ไม่จำเป็น เว้นแต่บุคคลนั้นจะอยู่ในความควบคุมของไทยแล้ว

✅ สรุปใจความสำคัญ

1. ไทยไม่มีพันธกรณีต้องรับหรือรักษาทหารฝ่ายตรงข้าม
หากบุคคลนั้น ยังไม่ได้อยู่ในการควบคุมของฝ่ายไทย
เช่น ยังอยู่ในประเทศของตนเอง หรือยังไม่ข้ามเขตแดน
→ เจนีวาไม่บังคับให้ไทยต้องรับตัวมารักษา

2. แต่หากบุคคลนั้น

ยอมจำนนต่อฝ่ายไทย

ข้ามแดนมาและถูกควบคุมตัว

อยู่ในเขตอำนาจของไทย
และ หมดความสามารถในการสู้รบ
→ ไทยมีหน้าที่ ให้การรักษาอย่างมีมนุษยธรรม
ตามพันธกรณีในอนุสัญญาเจนีวา

3. หากมีฝ่ายสงครามร้องขอให้ไทยรับผู้บาดเจ็บ
แต่บุคคลเหล่านั้นยังอยู่นอกเขตไทย
→ ไทยมีสิทธิ์ปฏิเสธได้
เพราะเป็น ดุลยพินิจของรัฐไทย
ไม่ใช่ข้อบังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ

📘 อ้างอิงจากกฎหมายระหว่างประเทศ

อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 ปี 1949 ข้อ 12 ระบุว่า:

> “ผู้สังกัดในกองทัพและบุคคลอื่นที่บาดเจ็บหรือป่วย จะต้องได้รับความเคารพและความคุ้มครองในทุกกรณี และต้องได้รับการรักษาโดยมนุษยธรรมจากฝ่ายที่บุคคลนั้นตกอยู่ในอำนาจ”

(ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: “They shall be treated humanely and cared for by the Party to the conflict in whose power they may be…”)

📎 แหล่งอ้างอิง (ICRC):
https://ihl-databases.icrc.org/en/ihl-treaties/gciv-1949/article-12

📌 สรุปอีกครั้ง

หากบุคคลยัง ไม่อยู่ในมือของไทย → ไม่ต้องรับ

หากบุคคล อยู่ในมือของไทยแล้ว → ต้องดูแลตามหลักมนุษยธรรม

28/07/2025

ฝ่ายการเมืองของอิงค์ ไม่กล้าชนฮุนเซนอย่างชัดเจน เพราะผูกโยงกับความสัมพันธ์ส่วนตัวของ “พ่ออิงค์” และประวัติทางการธุรกิจ ระหว่าง 2 ตระกูล
การช่วยเหลือแบบให้เปล่าเขมร (เม.ย. 68) ทั้งที่เพิ่งมีเหตุขุดคูเรต เป็นพฤติกรรมที่ “ไม่สอดคล้องกับภัยคุกคามจริง”

การพูดว่า “อิงค์ปราบคอลเซนเตอร์” ฟังไม่ขึ้น เพราะ ทุกพฤติกรรมก่อนหน้าล้วนไม่สอดคล้อง

ไทม์ไลน์ชี้ชัดว่า “คอลเซนเตอร์” ถูกหยิบมาใช้ หลังจากโดนแรงกดดันจากคลิปเสียง + ยิงข้ามแดน + ทหารเหยียบทุ่น แล้วเท่านั้น

รัฐบาลดู ไร้ยุทธศาสตร์ตอบโต้ และยังคงเน้น “ภาพลักษณ์” มากกว่าความมั่นคง

ขอบคุณผู้เขียน

https://www.facebook.com/share/p/1ELFixKoeE/

Send a message to learn more

ขอความร่วมมือจ่ะ
24/07/2025

ขอความร่วมมือจ่ะ

S*X in Modern Relationships — EP.3 รักบนโลกใหม่ — มีเซ็กซ์อย่างไรไม่ให้เสียใจ 💔 ลูกจะรักใครก็ได้ แต่ขอให้รอดกลับมาทั้งตั...
23/07/2025

S*X in Modern Relationships — EP.3

รักบนโลกใหม่ — มีเซ็กซ์อย่างไรไม่ให้เสียใจ 💔

ลูกจะรักใครก็ได้ แต่ขอให้รอดกลับมาทั้งตัว และหัวใจ

🕯️เรามาลองสร้างบทสนทนาที่เรียบง่าย จริงใจ เพื่อสื่อความหมาย “แค่ก้าวเดียว... ถ้าผิดทาง ก็กลับไม่ได้” :

“ไม่ว่าเธอจะมีเซ็กซ์เพราะรัก หรือแค่เพราะอยากลอง… เราจะไม่ตัดสินกัน”

“ถ้าเรารู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง รู้จักมองคนให้ลึกกว่าโปรไฟล์ และสื่อสารกับอีกฝ่ายอย่างซื่อตรง ความสัมพันธ์นี้จะไม่กลายเป็นหลุมพรางที่เราต้องดึงตัวเองขึ้นมาคนเดียว”

"ผู้หญิงเราไม่ได้อ่อนแอหรอก แต่ในบางสถานการณ์... ร่างกายเราเล็กกว่า เสียงเราดังกว่านี้ก็ไม่มีใครได้ยิน และถ้าใจเรายังไม่แข็งพอ เราอาจพังทั้งที่ยังยิ้มละไม"

💔 S*x ไม่ใช่ของแสลง...

แต่ถ้าให้ใครเข้ามาโดยไม่รู้ว่าเขาเห็นค่าเราหรือแค่ใช้เรา — เราอาจไม่ได้กลับออกมาเป็นคนเดิมอีกเลย
อย่าปล่อยให้เสรีภาพกลายเป็นกับดัก
อย่าปล่อยให้คำว่า “กล้า” บดบังคำว่า “ปลอดภัย”

เธอมีค่าพอจะรอ... จนเจอคนที่แตะเธอด้วยหัวใจ 💗 ไม่ใช่แค่มือสัมผัส

👂 น้ำเสียงนี้ไม่ใช่การสั่งห้าม
แต่เป็น “เสียงพูดคุย” กับหญิงสาวอย่างเปิดอก, จริงใจ, และอยากให้เธอรอดปลอดภัย

หรือ เราจะลองเขียนจดหมายคุยกัน เช่น :

✉️ จดหมายถึงลูกสาว

ลูกแม่,

แม่อยากเล่าอะไรบางอย่างให้ฟัง — เรื่องที่ผู้หญิงรุ่นแม่หลายคนไม่ทันได้รู้
และผู้หญิงรุ่นลูกหลายคน... กำลังลืมมันเร็วเกินไป

ลูกจะโตเป็นผู้หญิงแบบไหน แม่ไม่ห้าม
แม่ไม่หวงตัวลูก — แต่แม่ห่วง “ใจ” ของลูก
ร่างกายลูก — แม่ให้ลูกเป็นเจ้าของเต็มที่
แต่ ตัวและหัวใจลูก — แม่อยากให้มันรอดกลับมา จากทุกที่ที่ลูกไป

ขอให้ชั่งใจก่อน "เขาเห็นค่าเรา หรือแค่หิวเรา?"

🧠 ความรัก กับ ความหลง — แยกกันแค่เส้นบาง ๆ
🚪 ความไว้ใจ กับ ความประมาท — กั้นกันด้วยบานประตูที่ไม่ใส่กลอน
🕳️ ความรอดปลอดภัย กับ ความพัง — ตัดสินกันในห้องเงียบ ๆ ที่ไม่มีใครได้ยินเสียงของลูกเลย

แม่ไม่อยากให้ลูก “กลัว”
แต่แม่อยากให้ลูก “รู้ทัน”
เพราะผู้หญิงที่ฉลาดทางเพศ
ไม่ใช่คนที่ “ห้ามตัวเองทุกอย่าง”
แต่คือคนที่รู้ว่า “เมื่อไหร่ควรเปิดใจ และกับใครที่ควรให้ร่างกาย”

ลูกมีค่ามากกว่าคำชมในคืนเดียว
มากกว่าการยอมใครเพียงเพราะเหงา
มากกว่าการพิสูจน์ความรักผ่านเตียงนอน

แม่เชื่อในตัวลูก
และแม่อยากให้ลูกเชื่อใน “คุณค่า” ของตัวเอง
จำไว้นะลูก...

🚨 อิสระ เสรี จะงดงาม เมื่อมันไม่พาเราไปตกเหวที่ไม่มีใครดึงขึ้นมาได้

รักเสมอ
— แม่

+++ หรือว่า แนวพ่อ-ลูก *** **

✉️ จดหมายจากพ่อถึงลูกสาว

ลูกรักของพ่อ,

พ่อรู้ว่าลูกกำลังโต เริ่มมีเสียงรอบตัวดังขึ้น —
เสียงเพื่อนเรื่องแฟน เสียงแชตแปลก ๆ เสียงในหัวที่ถามว่า

“ฉันยังเป็นเด็กอยู่ไหม?”
หรือ “ฉันโตพอจะมีใครหรือยัง?”

พ่อไม่ห้ามลูก “มีความรัก”
แต่พ่ออยากให้ลูกรู้ว่า...

บางคนที่เรียกตัวเองว่า “แฟน” หรือ “รักเรา”..อาจไม่ได้คิดจะดูแลใจเราจริง ๆ

⚠️ ระวังคำพูดที่ดูหวาน แต่แอบซ่อนเจตนา อื่น :

“ไปบ้านเรามั้ย วันนี้ไม่มีใครอยู่”

“แค่เราสองคนเอง อย่าบอกใครนะ”

“ถ้าเธอรักเรา ต้องให้เราบ้างสิ”

“ใคร ๆ ก็ทำกันแหละ ไม่เห็นเป็นไรเลย”

ถ้าใครพูดแบบนี้กับลูก — ลูกมีสิทธิ์หนีออกมา
ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนว่า เพราะ “คนที่รักลูกจริง จะไม่ทำให้ลูกรู้สึกไม่ปลอดภัย”

พ่อไว้ใจหัวใจของลูก
แต่ถ้าวันไหนรู้สึกไม่แน่ใจ...
รู้ไว้นะลูก — ลูกไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว

👂 พ่อรอฟังเสมอ

รักที่สุด — พ่อ

✦ ฝากไว้ให้สาวน้อย — คนที่ยังไม่รู้ว่าอิสระ เสรีภาพ ต้องมาคู่กับการรู้คุณค่าของตัวเอง
📩 แชร์จดหมายฉบับนี้ ถ้าคุณเคยอยากพูด…แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
*Xในยุคใหม่ #รักแล้วต้องรอด #เสียงของพ่อแม่ #จดหมายถึงลูกสาว

โพสต์นี้ คือ EP 2 ของซีรีส์  (S*X in Modern Relationships )อ่านเพื่อป้องกันตัวเอง และเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย🛡️ ต...
21/07/2025

โพสต์นี้ คือ EP 2 ของซีรีส์ (S*X in Modern Relationships )อ่านเพื่อป้องกันตัวเอง และเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย

🛡️ ตอนที่ 2:

“ความงดงามในอิสระ เสรีของหญิงสาว อาจจะไร้ค่า ถ้าหัวใจถูกทิ้งไว้ในห้องที่เงียบงัน ”
(S*X in Modern Relationships — EP.2)

“S*x scene” กับ “crime scene” มีแค่เส้นบาง ๆ คั่นกลาง อ่านแล้วจะเข้าใจว่า... ความไว้ใจไม่ควรเป็นตั๋วผ่านสำหรับใคร
👉 กดอ่านเลย ก่อนคิดว่า 'ยินยอม' คือคำปลอดภัยเสมอ

Trauma / Guilt / Self-harm / PTSD — ไม่ใช่คำสวยงามในนิยาย แต่คือของจริงที่ตามมาหลังคืนที่ไม่มีใครรู้

💔 “ฉากที่หญิงเชื่อใจคนผิด จบด้วยแผลในใจ — หากเคราะห์ร้าย อาจกลายเป็นอาชญากรรม”
— จาก s*x scene ไปสู่ crime scene ที่มีเพียงเส้นบาง ๆ กั้นไว้
ผู้ชายบางคน ใช้ s*x เพื่อหลอกเอาความไว้ใจจากหญิงบางคน ใช้ความไว้ใจ — เป็นทางลัดสู่ s*x
จุดเริ่มต้นที่เหมือนจะโรแมนติก อาจกลายเป็นพื้นที่ของความเจ็บปวดและการละเมิดได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ ความไว้ใจถูกล่อลวง ไม่ใช่เป็นความสมัครใจที่แท้
ความไม่สมดุลนี้... คือจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดในความสัมพันธ์ยุคใหม่ และบางครั้ง มันลงเอยไม่ใช่แค่ “เสียใจ” แต่นำไปสู่คดีอาญา ที่ครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เคยคาดคิด

Note :
Trauma : ความบอบช้ำทางจิตใจจากเหตุการณ์รุนแรง แม้ดู “ยินยอม” แต่ใจไม่พร้อม

Guilt : ความรู้สึกผิดในภายหลัง แม้จะไม่ได้ผิดเองเต็ม ๆ แต่รู้สึกว่าตัวเอง “น่าจะป้องกันได้”, กดทับตนเอง จมอยู่กับคำถามว่า “ทำไมถึงไว้ใจ”

Self-harm : การทำร้ายตัวเอง เพื่อระบายความเจ็บภายในหรือโทษตัวเอง ผลลัพธ์จากความสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย

PTSD Post-Traumatic Stress Disorder : ภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น flashback หรือหลอนจาก “คืนที่ไม่มีใครรู้” ทำให้ใช้ชีวิตปกติได้ยาก แม้เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว

❗ ทั้งหมดนี้ เป็น “ร่องรอยจริง” ที่ทิ้งไว้หลังความยินยอม (Consent) ที่ไม่พร้อมใจจริง ๆ

📎 ติดตามตอนต่อไป — เพราะสิ่งที่เราหลงคิดว่า “ธรรมดา” อาจกลายเป็น “กับดัก” ที่ธรรมดาเกินกว่าจะทันระวัง

✅ ข้อเท็จจริง:
ร่างกายผู้หญิงอ่อนแอกว่าผู้ชายโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่มีพยาน หรือมีแอลกอฮอล์ หรือภาวะเสียเปรียบด้านกำลังกาย ผู้หญิงเสี่ยงต่อการถูกกระทำมากกว่าผู้ชาย แม้จะ “ยินยอม” ในตอนแรก แต่ในพื้นที่ลับตา ความยินยอมสามารถถูกบีบบังคับแฝงได้โดยไม่รู้ตัว
อันตรายไม่ได้มีแค่ทางกาย แต่รวมถึง Trauma, PTSD, ความรู้สึกผิด, การถูกตีตรา, และ Self-harm ด้วย

💬 ทำอย่างไรให้หญิงสาวรุ่นใหม่ “ตระหนัก” แต่ไม่ “ถูกควบคุม”

1. พูดความจริงอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ด้วยน้ำเสียงห้ามหรือศีลธรรมจารีต แต่พูดด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ เช่น:
“ในสถานการณ์แบบนี้ เธอมีโอกาสเสียเปรียบสูงมาก ต่อให้ไว้ใจกันแค่ไหน เขาแข็งแรงกว่าเธอแน่นอน และเมื่อเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครช่วยเธอได้ทัน”
เสียงแบบนี้ไม่ใช่การตำหนิ แต่คือการให้ “เธอ” ตั้งหลัก คิดเอง

2. สร้างภูมิคุ้มกันผ่าน “บทสนทนา” แม่ พี่สาว เพื่อน หรือแม้แต่ครู ควรกล้าคุยเรื่อง s*x / ความเสี่ยง / การจัดการอารมณ์ ในแบบที่ไม่สั่ง แต่ “ช่วยให้เธอรู้ว่าเธอมีค่า”

3. ให้ “ทางเลือก” แทน “ข้อห้าม” ยิ่งห้าม เธอยิ่งอยากลอง แต่ถ้าเรายื่นทางเลือก เช่น:
“มีวิธีอ่านพฤติกรรมผู้ชายยังไง”
“จะรู้ได้ยังไงว่าเขาให้เกียรติจริงหรือแค่อยากเอาเรา”
“ไปเที่ยวยังไงให้ปลอดภัย”
“จะปฏิเสธแบบแนบเนียนและรอดได้อย่างไร”
“เธอ” จะเริ่มใช้หัวใจ + สมอง มากกว่าใช้อารมณ์ล้วน ๆ

4. สร้างภาพลักษณ์ใหม่ของ "หญิงฉลาดทางเพศ" ไม่ใช่หญิงที่ปิดกั้น แต่หญิงที่รู้ “ว่าเมื่อไรควรเปิด” และ “กับใครที่ควรไว้ใจ”
“S*x ไม่ใช่ของแสลง — ถ้าเธอรู้จักคุณค่าในตัวเองมากพอ ผู้ชายที่มองเห็นสิ่งนั้น... ถึงคู่ควรจะได้เข้าใกล้”

5. วรรณกรรม ภาพยนตร์ เพลง บทกวี — ควรพูดแทนเราได้ ส่งต่อเรื่องราวที่สะท้อนความจริงแบบไม่โป๊เปลือย แต่ลึก และจรรโลง เช่น:

ฉากที่หญิงเชื่อใจคนผิดแล้วจบด้วยแผลในใจ หากเคราะห์ร้ายหนักอาจเป็นอาชญากรรม หรือแม้แต่ฆาตกรรม
เพลงที่พูดถึงการรอคนที่เห็นคุณค่า มากกว่า รสสัมผัสทางกาย

🕯️ สรุป (อีกครั้ง)

“เสรีภาพทางเพศของหญิงสาว จะไร้ค่า ถ้าความปลอดภัยทางกายและใจ ถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างหลัง”
หน้าที่ของเราคือ ไม่กีดกัน แต่ ส่งสัญญาณเตือนแบบคนที่เคยผ่านมาก่อน ไม่ใช่ด้วยไม้เรียว — แต่ด้วยแสงเทียน
s*x ไม่ใช่ของแสลง — ถ้าเธอรู้จักคุณค่าของตัวเองมากพอ ผู้ชายที่มองเห็นสิ่งนั้น...จึงคู่ควรจะได้ใกล้ชิด

✦ ตอนหน้า: จดหมายจากพ่อแม่ — ถึงลูกสาว เพราะเรารักเธอมากพอจะไม่ใข้คำพูดแรง แต่พูดจริง

คอมเมนต์ “💌” ถ้าคุณอยากส่งจดหมายฉบับนี้ต่อให้คนที่คุณห่วงใย
*Xในยุคใหม่ #อิสระเสรีแต่เปราะบาง #รักแล้วต้องรอดปลอดภัย

S*X in MODERN RELATIONSHIPS เรื่องราวของเพศสัมพันธ์ ความรัก และความเปราะบางในยุคที่ทุกอย่างเร็วเกินไปตอนที่ 1: ❝S*X ไม่ใ...
20/07/2025

S*X in MODERN RELATIONSHIPS

เรื่องราวของเพศสัมพันธ์ ความรัก และความเปราะบางในยุคที่ทุกอย่างเร็วเกินไป

ตอนที่ 1: ❝S*X ไม่ใช่ของแสลง — แต่วันนี้มันกลายเป็นของใช้แล้วทิ้งไปหรือยัง?❞
(S*X in Modern Relationships — EP.1)
เนื้อหา:
คนยุคก่อนเดินเข้าซ่อง คนยุคนี้...แค่เปิดแอป
เพศสัมพันธ์ไม่ได้ถูกจ่ายด้วยเงินอีกต่อไป แต่แลกมาด้วยความเหงา ความว่างเปล่า และบางครั้ง...ความรู้สึกผิด

“s*x” กลายเป็นของบริโภคทางอารมณ์ ไม่ต้องรัก ไม่ต้องรู้จัก แค่ตกลงกันว่าไม่ผูกพัน

อะไร ที่หายไปจากความสัมพันธ์ยุคนี้ ?

✦ อ่านตอนแรกของซีรีส์ “S*X in Modern Relationships”
#รักหรือแค่หิว
*Xไม่ใช่ของต้องห้าม
#แต่ใจต้องรอด

EP 1 : S*X ไม่ใช่ของแสลง

ยุคปัจจุบัน — โดยเฉพาะในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยสื่อ ดิจิทัล และค่านิยมแบบบริโภคนิยม — เพศสัมพันธ์ (s*x) มักถูกแปรสภาพให้กลายเป็น สินค้าทางอารมณ์ หรือ บริการเพื่อปลดปล่อยความอยาก มากกว่าจะเป็นการแสดงออกทางความรู้สึกหรือความผูกพันเหมือนอย่างที่คนรุ่นก่อนๆ ยึดถือ
คนยุคนี้จำนวนไม่น้อย “บริโภค s*x” แบบ:

เพื่อความสนุก ความตื่นเต้น
ไม่ได้ผูกกับความรัก ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่ความรู้จักกัน
เพื่อบำบัดความเครียด หรือเติมช่องว่างในใจ ราวกับการกินของหวานเวลาเครียด หรือดูซีรีส์ยาว ๆ เพื่อหนีความเหงา
มี s*x ผ่านแอป นัดกันโดยไม่มีพันธะ โดยถือว่าเป็น “ข้อตกลงร่วม” ไม่ผูกใจ ไม่ผูกตัว
ในลักษณะนี้ s*x กลายเป็น เครื่องมือชั่วคราว ที่ใช้เพื่อความพึงพอใจส่วนตัว ไม่ใช่ ภาษาของความรักหรือการเชื่อมโยงทางจิตใจ เหมือนแต่ก่อน

❓ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

สังคมให้เสรีภาพทางเพศมากขึ้น คนกล้าทดลอง และไม่ถูกตีตราเท่าเมื่อก่อน
โลกเร็วขึ้น – คนเหงามากขึ้น – ความสัมพันธ์ตื้นขึ้น ยิ่งเหงา ยิ่งอยากมีสัมผัส ยิ่งไม่อยากรอนาน
ระบบทุน และโซเชียลมีเดียทำให้ s*x ถูกทำให้ “ขายได้” ทั้งในโฆษณา สื่อ เพลง ซีรีส์ หรือแม้แต่เนื้อหาบน OnlyFans

❌ แต่ก็ไม่เสมอไป ยังมีอีกมากที่มองว่า s*x เป็นเรื่องของ:

- ความรัก ความห่วงใย และการผูกพันระยะยาว
- ความเข้าใจตนเองและอีกฝ่าย
- การให้มากกว่าการเอา
คนกลุ่มนี้อาจไม่ได้ใช้ s*x เพื่อ “บำบัดความอยาก” แต่ใช้เพื่อ แบ่งปันความใกล้ชิด อย่างมีความหมาย

💬 สรุปความ

คนสมัยใหม่หลายคนเปลี่ยน “s*x” จากการสื่อสารทางใจ ไปเป็น “ของบริโภคทางอารมณ์” แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังมองว่า s*x หมายถึง ความรัก ความเข้าใจ และการยืนยันตัวตนของกันและกัน
โลกไม่ได้เปลี่ยนในทิศทางเดียว และก็ไม่ใช่ทุกคนจะรู้จักตนเองเท่ากัน บางคนใช้ s*x เพราะอยากเชื่อมโยง บางคนใช้เพื่อลืมความว่างเปล่าในใจตนเองก็มี
ด้วยเหตุนี้กระมัง ที่ซ่องโสเภณี และแหล่งบริการทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม ที่เคยเข้าถึงได้ง่าย จึงลดลงอย่างน่าใจหาย สวนทางกับพฤติกรรม ที่คนยุคก่อนเรียกว่า"สำส่อน" เติบโตอย่างรวดเร็วราวจอก-แหน ในบ่อน้ำนิ่ง ในทางกลับกันสิ่งที่ไม่เคยมีกลับเติบโตขยายตัวต่อเนื่อง นั่นคือ ซ่องบริการผู้หญิง และโสเภณีชาย
วันนี้… "ซ่อง" ลดลง แต่ "ความสัมพันธ์ไร้พันธะ" กลับขยายตัว
ราวกับ ความสำส่อนกำลังล่องลอยอย่างเสรี โดยไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องเดินเข้าซอย ไม่ต้องผ่านการแลกเปลี่ยนแบบโบราณอีกต่อไป

📉 การหายไปของ "ซ่อง" และ "โสเภณีแบบเดิม"

เพราะความต้องการเปลี่ยนรูปแบบ คนยุคใหม่ไม่ได้ "ซื้อบริการ" แบบชัดแจ้งอีกต่อไป แต่ มี s*x ฟรี ผ่าน app, แชต, คลับ, การท่องเที่ยว หรือแม้แต่ workplace เพราะโลกออนไลน์กลืนพื้นที่ทางเพศเข้ากับชีวิตประจำวัน
OnlyFans, Twitter, Tinder, Instagram — เปลี่ยนจากการซื้อบริการในซ่อง ไปเป็นการ "สนับสนุนโดยสมัครใจ" / S*x work แบบซ่อนรูป
เพราะคำว่า "สำส่อน" ถูกลบออกจากพจนานุกรมศีลธรรม คนไม่ละอายที่มี s*x กับคนแปลกหน้า หรือแม้แต่ “เป็นคนของใครไม่ได้สักคนเดียว” ก็ยังรู้สึกเท่

🌿 ความสำส่อนแบบใหม่ราวกับ “จอกแหนในบ่อน้ำนิ่ง”

จอกแหน : ความสัมพันธ์ไร้ราก, ขยายเร็ว, คลุมผิวน้ำ
บ่อน้ำนิ่ง : สังคมที่ขาดภูมิคุ้มกัน, ไม่ขัดขืน, เงียบ, ยอมรับการเปลี่ยนแปลงทางเพศแบบ passive
สิ่งที่ตามมาคือ:
ความรักจอมปลอม, ความเหงาที่ลึกลงกว่าเดิม
ร่างกายที่ผ่านการแบ่งปันโดยไร้ความทรงจำ

❓เรามองเรื่องราวว่าดำเนินไป อย่างไร

ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่มี s*x อย่างเสรีคือผิด แต่ยอมรับว่า สังคมกำลังลื่นไถลจาก “ความรัก” สู่ “ความหลง” โดยไร้จุดหมาย และควร ตั้งคำถาม ว่า:

คนยุคนี้รู้จัก "ตัวเอง" มากพอหรือยัง? หรือเพียงวิ่งไล่ความว่างเปล่าภายในใจด้วยร่างกายของคนอื่น?

ในความเป็นจริงแล้ว — เราปฏิเสธ “ความเปราะบางทางกายภาพและจิตใจของผู้หญิง” ไม่ได้เลย
เปรียบเทียบกับ “จอกแหนในบ่อน้ำนิ่ง” – สังคมไร้แรงต้าน

แล้วเรามี s*x เพราะอยากเชื่อมโยง หรือเพียงแค่ลืมความว่างเปล่าในใจ?

✦ ตอนหน้า: เสรีภาพทางเพศของผู้หญิง...อาจไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด
กดแชร์หรือคอมเมนต์ “🕯️” ถ้าคุณอยากให้เสียงนี้ส่งถึงใครอีกหลายคน
*Xในยุคใหม่ #รักหรือแค่เหงา #อย่าให้เสรีภาพกลายเป็นกับดัก
***...***

ที่อยู่

Ban Khao Lak
82110

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Walk on My Wayผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์