Taluikhao 4 phak - ตะลุยข่าว 4 ภาค

Taluikhao 4 phak - ตะลุยข่าว 4 ภาค สื่อกลาง อัพเดทข่าวสาร เหตุการณ์สำคัญ ที่เกิดขึ้นทุกภูมิภาคทั่วไทย
เพจเก่าถูกแฮก ฝากทุกท่านช่วยกดไลค์ กดติดตามเพจใหม่ด้วยครับ
ขอขอบคุณด้วยจิตคารวะ

สิ้นสุดภารกิจ 10 วัน พบร่างหนุ่มกู้ภัยนครสวรรค์ พลีชีพระหว่างช่วยหารถตกน้ำจากกรณีเหตุสุดสะเทือนใจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยหนุ่ม...
12/10/2025

สิ้นสุดภารกิจ 10 วัน พบร่างหนุ่มกู้ภัยนครสวรรค์ พลีชีพระหว่างช่วยหารถตกน้ำ

จากกรณีเหตุสุดสะเทือนใจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยหนุ่ม “น้องโจ้” นายรุ่งโรจน์ รักเขตวิทย์ อายุ 24 ปี สังกัดมูลนิธิเจ้าพ่อกวนอู–กู้ภัยนครสวรรค์ สูญหายไประหว่างปฏิบัติหน้าที่ดำน้ำค้นหารถกระบะที่จมลงในแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่หมู่ 3 ตำบลยางขาว อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อคืนวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยขณะเกิดเหตุเจ้าตัวดำลงไปในจุดที่มีความลึกกว่า 18 เมตร และมีกระแสน้ำเชี่ยว ก่อนขาดการติดต่อกับทีมค้นหาอย่างกะทันหัน ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยต้องระดมกำลังพร้อมอุปกรณ์โซนาร์และเรือกู้ภัยจำนวนมากออกค้นหามาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 1 สัปดาห์ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบร่องรอยของเจ้าหน้าที่หนุ่มรายดังกล่าว ซึ่งสร้างความห่วงใยและเสียใจให้แก่เพื่อนร่วมทีม รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ที่ติดตามข่าวด้วยความหวังว่าปฏิบัติการค้นหาจะสิ้นสุดลงด้วยการพบร่างของน้องโจ้อย่างสงบ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 12 ตุลาคม 2568 มีรายงานว่า ทีมค้นหากู้ภัยจากหลายหน่วยงานยังคงลงพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่เช้า เพื่อค้นหาร่างของ “น้องโจ้” นายรุ่งโรจน์ รักเขตวิทย์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเจ้าพ่อกวนอู จังหวัดนครสวรรค์ ที่สูญหายระหว่างปฏิบัติภารกิจดำน้ำค้นหารถกระบะตกแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งถือเป็นวันที่ 10 ของการค้นหา ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหวังและกำลังใจจากชาวบ้านในพื้นที่ ที่ต่างพากันมาเฝ้าติดตามสถานการณ์ พร้อมนำน้ำดื่มและอาหารมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งจากนางบุญมี อรุณบน ชาวบ้านในพื้นที่ว่า พบศพลอยขึ้นมาบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ “น้องโจ้” จมหายไปราว 500 เมตร ทีมกู้ภัยจึงรีบนำเรือออกตรวจสอบ และพบร่างชายสวมชุดประดาน้ำสีดำ ลอยคว่ำหน้าอยู่ในน้ำ โดยมีถังออกซิเจนติดอยู่ที่หลัง เจ้าหน้าที่จึงเร่งช่วยกันกู้ร่างขึ้นฝั่ง ก่อนตรวจสอบยืนยันว่าเป็นร่างของ “น้องโจ้” เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่สูญหายไปจริง ๆ จากนั้นได้เคลื่อนย้ายร่างไปยังบริเวณเต็นท์อำนวยการ เพื่อรอพนักงานสอบสวนเข้าชันสูตรพลิกศพ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าและความอาลัยของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

ต่อมา ร.ต.อ.วรวุฒิ แว่นแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.พยุหะคีรี พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลพยุหะคีรี เข้าชันสูตรเบื้องต้น โดยญาติยืนยันไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนเจ้าหน้าที่มอบศพให้ครอบครัวนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.

สำหรับการค้นหาครั้งนี้ ใช้เวลายาวนานกว่า 10 วันเต็ม โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายมูลนิธิ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนจากทั่วประเทศร่วมแรงร่วมใจ สนับสนุนทั้งแรงกาย แรงใจ อาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างไม่ขาดสาย จนกระทั่งภารกิจสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์

ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ต่างกล่าวว่า แม้จะเสียใจต่อการจากไปของน้องโจ้ แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่สามารถพบร่างของเขาในที่สุด หลังทุกคนต่างช่วยกันภาวนา จุดธูปอธิษฐาน ขอให้เจ้าหน้าที่คนนี้ได้กลับบ้านอย่างสงบ.

#กู้ภัยนครสวรรค์ #อุบัติเหตุ #ตะลุยข่าว4ภาค

12/10/2025

วัดโป่งนกเป้าเผาข้าวหลาม 1 หมื่นกระบอก แจกบุญ–แจกฮา งานกฐินเพชรบูรณ์คึกคัก

งานกฐินปีนี้ไม่ธรรมดา เมื่อ #วัดโป่งนกเป้า ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี #เพชรบูรณ์ จัดกิจกรรมสุดครีเอท “แข่งขันกินข้าวหลาม” คนละ 1 กิโลกรัม และ “ข้าวหลามลีลา” สร้างเสียงหัวเราะสนั่นวัด ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวร่วมงานกฐินสามัคคีอย่างคึกคัก เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568

ภายในงาน ทางวัดร่วมกับชาวบ้านจัดพิธีทอดกฐินสามัคคี พร้อมเผาข้าวหลามจำนวนมหาศาลกว่า 10,000 กระบอก เพื่อแจกให้ประชาชนผู้มาร่วมบุญได้รับประทานกันฟรีๆ แถมยังตั้งโรงทานหลายจุด บริการอาหารและเครื่องดื่มให้ไม่อั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสนุกสนาน

ไฮไลต์ของงานอยู่ที่การแข่งขันกินข้าวหลามคนละ 1 กิโล ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ทั้งชายและหญิง โดยผู้เข้าแข่งขันต้องกินให้หมดภายในเวลาที่กำหนด เพื่อชิงเงินรางวัลจากคณะกรรมการ แต่พอถึงตอนชั่งน้ำหนักข้าวหลามหลังแข่ง กลับเกิดเหตุฮา เพราะข้าวหลามของฝ่ายหญิง “ไม่ยอมยุบ” ทั้งที่กินไปเยอะแล้ว เครื่องชั่งยังโชว์น้ำหนักเท่าเดิม สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชมทั้งงาน สุดท้ายคณะกรรมการจึงมอบรางวัลให้ทุกคน ถือว่า “ทุกคนชนะใจตัวเอง” เพราะอิ่มแทบเดินไม่ไหว

นอกจากนั้นยังมีการแข่งขัน “กินข้าวหลามลีลา” ที่ผู้ร่วมแข่งต้องเต้นโชว์ท่ากินข้าวหลามให้สนุกและโดดเด่นที่สุด ซึ่งปีนี้มีทั้งหญิงสูงวัยและสาวรุ่นเข้าประชันกันอย่างสุดเหวี่ยง บางคนเต้นจนกรรมการยกนิ้วให้ เรียกเสียงเฮจากผู้ชมลั่นลานวัด

สำหรับงานกฐินสามัคคีวัดโป่งนกเป้า จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ใช้ข้าวเหนียวกว่า 45–50 ถัง เพื่อทำข้าวหลามกว่า 10,000 กระบอก ถือเป็นกิจกรรมสร้างความสุข ความสามัคคี และเป็นสีสันของงานบุญประจำท้องถิ่นที่คนเพชรบูรณ์รอคอย
ภาพ-ข่าว : ลาวัณย์ วุฒิสินอักษรา
#ทุกเรื่องเมืองไทย #ตะลุยข่าว4ภาค

รวบชาวจีนฉกทอง 2 บาทกลางกรุง! สืบพระราชวังล่าตัวถึงโรงแรมดังก่อนบินหนีวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง...
12/10/2025

รวบชาวจีนฉกทอง 2 บาทกลางกรุง! สืบพระราชวังล่าตัวถึงโรงแรมดังก่อนบินหนี

วันที่ 11 ตุลาคม 2568 ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง นำโดย พ.ต.ท.ไพศาล เดชกัลยา รอง ผกก.สส. และ พ.ต.ท.เดชา พรมโสภา สว.สส. นำกำลังเข้าจับกุม MR. LI ZHUSHOU อายุ 59 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงดุสิต ที่ จ.208/2568 ลงวันที่ 10 ต.ค. 68 ข้อหา “ลักทรัพย์” โดยจับกุมได้ภายในล็อบบี้โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านสัมพันธวงศ์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 คุลาคม ที่ผ่านมา

คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 กันยายน เวลาประมาณ 18.44 น. พ.ต.ท.ธวัชภูมิ ชัยบุญ สว.(สอบสวน) สน.พระราชวัง ได้รับแจ้งจากพนักงานร้านทองแห่งหนึ่ง ว่ามีทองคำหนัก 2 บาท มูลค่า 111,280 บาท สูญหายไปจากร้าน โดยจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีชายชาวจีนรายหนึ่ง ลักษณะผิวขาว สวมเสื้อยืดสีน้ำเงินคาดขาว กางเกงขายาวสีเทา และหมวกแก๊ปสีดำ เข้ามาทำทีขอดูสร้อยข้อมือทองคำ แล้วใช้มือซ้ายกำทองไว้ ก่อนลอบใส่กระเป๋ากางเกงอย่างแนบเนียน

เมื่อทางร้านตรวจสต็อกพบว่าทองหาย จึงแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ ภาพจากกล้องชัดเจนยืนยันพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ซึ่งภายหลังฝ่ายสืบสวนตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหารายนี้เข้าพักอยู่ในโรงแรมย่านสัมพันธวงศ์ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ ก่อนนำกำลังเข้าจับกุมได้ในเวลาต่อมา

จากการสอบสวน MR. LI ให้การปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ยอมชดใช้ค่าทองคืน โดยตำรวจตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหารายนี้เดินทางเข้า–ออกประเทศไทยเกือบทุกเดือน พำนักไม่เกิน 3 วัน และในวันก่อเหตุได้เตรียมเสื้อผ้ามา 2 ชุด ก่อนบินกลับประเทศทันทีหลังขโมยทองสำเร็จ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมเตรียมประสานหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบประวัติการเข้าออกประเทศอย่างละเอียด.

#ตะลุยข่าว4ภาค

ชายแดนเงียบ! ทัพภาค 1 ย้ำคุมเข้มพื้นที่สระแก้ว หลังฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนไหวกดดันวันที่ 11 ตุลาคม 2568 กองทัพภาคที่ 1 โดยศูน...
11/10/2025

ชายแดนเงียบ! ทัพภาค 1 ย้ำคุมเข้มพื้นที่สระแก้ว หลังฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนไหวกดดัน

วันที่ 11 ตุลาคม 2568 กองทัพภาคที่ 1 โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 รายงานสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา จังหวัด #สระแก้ว ซึ่งยังคงมีความตึงเครียดเป็นระยะ หลังกลุ่มมวลชนทั้งสองฝั่งเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ท่ามกลางการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ไทยทุกหน่วยอย่างเข้มงวด

ในพื้นที่บ้านหนองจาน ฝ่ายไทย พบมวลชน พ่อค้าแม่ค้า และสื่อมวลชนกว่า 200 คน รวมถึงนายวีระ สมความคิด ร่วมทำกิจกรรมแสดงออกถึงความรักชาติและการหวงแหนอธิปไตย โดยประกาศจุดยืนจะผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ และให้เวลาเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ขณะเดียวกัน มูลนิธิ #กันจอมพลัง ช่วยสู้ ได้นำคอนเทนเนอร์มอบให้เจ้าหน้าที่ กกล.บูรพา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางยุทธการ

ด้านฝั่งกัมพูชา พบความเคลื่อนไหวของประชาชน สื่อมวลชน รวมถึงทหารและตำรวจฝ่ายกัมพูชา ประมาณ 30–40 คน ซึ่งคอยติดตามและบันทึกภาพการปฏิบัติของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด แต่โดยรวมสถานการณ์ยังอยู่ในความสงบ

ส่วนพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฝ่ายไทยยังไม่มีเหตุความเคลื่อนไหวสำคัญ ขณะที่ฝั่งกัมพูชา มีกลุ่มมวลชนและผู้สื่อข่าวกว่า 150–200 คน กระจายอยู่รอบหมู่บ้านเปรยจัน โดยมีเจ้าหน้าที่กัมพูชาคอยอำนวยความสะดวกและปลุกระดมประชาชน รวมถึงเรียกร้องให้ปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่ถูกจับกุมในพื้นที่ไทยก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน หน่วย กกล.บูรพา ได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ควบคุมพื้นที่ชายแดน พร้อมระดมชุดตรวจค้นวัตถุระเบิด 7 ชุด และใช้รถถากถางหุ้มเกราะ D5 เข้าตรวจหาวัตถุระเบิดตกค้างในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดใช้เวลา 3–4 วัน เพื่อให้พื้นที่ปลอดภัยทั้งหมด

กองทัพภาคที่ 1 ยืนยัน จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับพื้นที่ที่มีการรุกล้ำอธิปไตย โดยคำนึงถึงผลสำเร็จทางยุทธวิธีและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมย้ำว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้องและชอบธรรมตามกฎหมาย

ทั้งนี้ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 และผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้แสดงความห่วงใยต่อกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่แนวชายแดนในพื้นที่ จ.สระแก้ว พร้อมสั่งการให้หน่วยสำรวจและช่วยเหลือครอบครัวของทหารที่ได้รับผลกระทบ ทั้งจากปัญหาสุขภาพของบุพการี หรือครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้กำลังพลทุกนายสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ.

#ส่งใจให้ทหารไทยทวงคืนอธิปไตย #ไทยกัมพูชา #ตะลุยข่าว4ภาค

ซุ่มจับไรเดอร์ซุก “บุหรี่ไฟฟ้า” ในกล่องอาหาร อำพรางส่งลูกค้าวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนส...
11/10/2025

ซุ่มจับไรเดอร์ซุก “บุหรี่ไฟฟ้า” ในกล่องอาหาร อำพรางส่งลูกค้า

วันที่ 11 ตุลาคม 2568 ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (บก.สอท.2) เปิดปฏิบัติการล่อซื้อ–ซุ่มจับกุมเครือข่ายลักลอบจำหน่าย #บุหรี่ไฟฟ้า ก่อนสามารถรวบตัว นายวิษณุ อายุ 36 ปี ได้ที่บริเวณริมถนนสาธารณะหน้าตึก พลัมคอนโด ปาร์ครังสิต 1A ม.4 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง #ปทุมธานี พร้อมของกลางบุหรี่ไฟฟ้าหลายรายการ

ของกลางประกอบด้วย เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 1 เครื่อง, บุหรี่ไฟฟ้าดูดแล้วทิ้งรุ่น 9,000 คำ จำนวน 3 เครื่อง, รุ่น 12,000 คำ 1 เครื่อง, รุ่น 20,000 คำ 1 เครื่อง และหัวพอตบุหรี่ไฟฟ้าอีก 16 หัว โดยทั้งหมดถูกซุกซ่อนอย่างแนบเนียนใน กล่องโฟมใส่อาหารและถ้วยกระดาษ เพื่ออำพรางสายตาเจ้าหน้าที่

การจับกุมเกิดขึ้นหลังตำรวจไซเบอร์สืบทราบว่ามีขบวนการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ ใช้วิธีอำพรางสินค้าภายในกล่องอาหาร ก่อนให้ไรเดอร์ส่งถึงมือลูกค้าตามจุดนัดหมายบริเวณหน้าคอนโดดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังซุ่มเฝ้าดูพฤติกรรม

กระทั่ง พบไรเดอร์ขับรถจักรยานยนต์พร้อมกระเป๋าส่งอาหารสีเขียว เข้ามายังจุดต้องสงสัย และนำกล่องใส่อาหารไปวางใต้ตึก เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบก็พบว่า ภายในไม่ได้มีอาหารตามที่เห็นภายนอก แต่กลับเต็มไปด้วย บุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์สูบครบชุด จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที

จากการสอบสวน นายวิษณุ ให้การรับสารภาพว่า ตนรับของจากคนรู้จักเพื่อนำมาส่งให้ลูกค้า โดยจะใช้วิธีอำพรางสินค้าในภาชนะใส่อาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ และเป็นหนึ่งในกลุ่มไรเดอร์ที่ “รู้กัน” ว่ารับส่งสินค้าประเภทนี้โดยเฉพาะ ทั้งบุหรี่ไฟฟ้า หัวพอต และน้ำยาสูบ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของที่ตนพึงรู้ว่าเป็นของมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ดำเนินคดี และเตรียมขยายผลไปยังต้นทางแหล่งเก็บสินค้าต่อไป.

**e #ตะลุยข่าว4ภาค

สาวเมาหนักฉี่–อึราดใส่รถโบลต์ ก่อนประชดผัวฝรั่งพุ่งลงทะเล ตร.–พลเมืองดีช่วยวุ่นเมื่อเวลา 05.06 น. วันที่ 11 ตุลาคม 2568 ...
11/10/2025

สาวเมาหนักฉี่–อึราดใส่รถโบลต์ ก่อนประชดผัวฝรั่งพุ่งลงทะเล ตร.–พลเมืองดีช่วยวุ่น

เมื่อเวลา 05.06 น. วันที่ 11 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดเหตุสุดวุ่นวายกลางเมืองพัทยา #ชลบุรี หลัง ไรเดอร์แอปพลิเคชันโบลต์ คนหนึ่งต้องรีบเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากรับผู้โดยสารหญิงชาวไทยรายหนึ่งพร้อมสามีชาวต่างชาติ แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อฝ่ายหญิงมีอาการ มึนเมาอย่างหนัก ถึงขั้น ปัสสาวะและอุจจาระราดใส่เบาะรถ จนมีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วคัน

ไรเดอร์ผู้เสียหาย ระบุว่า ไม่ได้ต้องการเอาเรื่องให้เป็นคดีความ เพียงขอให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการทำความสะอาดเบาะรถเท่านั้น จึงเดินทางมาพร้อมคู่กรณีเพื่อเจรจาที่โรงพัก โดยมีสามีชาวต่างชาติของหญิงรายดังกล่าว เป็นผู้ยินยอมจ่ายเงินชดใช้ให้ จนทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้

แต่เรื่องกลับไม่จบง่ายๆ ขณะที่อยู่ในโรงพัก ฝ่ายหญิงซึ่งยังอยู่ในอาการเมาเกิดความอับอาย ที่สามีต้องมาชดใช้แทนตัวเอง จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบ วิ่งข้ามถนนไปยังชายหาด แล้วพุ่งตัวลงทะเล ต่อหน้าสามีและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สร้างความตกใจให้กับผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบประสานพลเมืองดีช่วยกันลงไปเกลี้ยกล่อม และใช้เวลานานกว่า 10 นาทีจึงสามารถพาหญิงรายนี้ขึ้นมานั่งบริเวณน้ำตื้นได้สำเร็จ ก่อนจะมีพลเมืองดีอีกหลายคนเข้าช่วยพยุงตัวขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย ท่ามกลางสายตาผู้คนที่มุงดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ

หลังจากตั้งสติได้ น.ส.บี อายุ 41 ปี ได้กล่าวขอโทษทุกฝ่ายทั้งไรเดอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และพลเมืองดี ที่ต้องเดือดร้อนจากพฤติกรรมของตนเอง โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินคดีใดๆ เนื่องจากคู่กรณีไม่ติดใจเอาความ และเห็นว่าเป็นเหตุเกิดจากความมึนเมา

เครดิตภาพ-ข่าว : สยามชลนิวส์
#ตะลุยข่าว4ภาค

ลูกเมียใจดำ! ขับรถทิ้งคุณตา 80 ปี อดอยากข้างถนน “จ่าคิงส์” ประสาน พม.ช่วยเรื่องราวสุดสะเทือนใจที่กลายเป็นกระแสในโลกออนไล...
10/10/2025

ลูกเมียใจดำ! ขับรถทิ้งคุณตา 80 ปี อดอยากข้างถนน “จ่าคิงส์” ประสาน พม.ช่วย

เรื่องราวสุดสะเทือนใจที่กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ หลังมีผู้พบเห็นชายชราในสภาพอิดโรย หิวโหย และไร้ที่พึ่ง ถูกทอดทิ้งให้นั่งอยู่ริมถนนเพียงลำพัง บริเวณหน้าหมู่บ้านณัฐกานต์ ซอย 52 เขตสายไหม #กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ทราบชื่อภายหลังคือ คุณตาวาริน อายุ 80 ปี ซึ่งถูก ลูกและภรรยา ของตนเองขับรถมาปล่อยทิ้งไว้กลางแดด โดยไม่มีแม้แต่ข้าวหรือน้ำให้ประทังชีวิต

จากการตรวจสอบพบว่า คุณตาวารินมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่อำเภอบางบาล #พระนครศรีอยุธยา ก่อนเกิดเหตุลูกชายและภรรยาได้พามาทิ้งไว้หน้าบ้านของน้องชายในซอยดังกล่าว หวังจะให้ญาติช่วยดูแล แต่ปรากฏว่าน้องชายได้เสียชีวิตไปแล้ว และญาติที่อาศัยอยู่ในบ้านไม่ยินยอมให้เข้าไปพักอาศัย ทำให้คุณตาต้องนั่งอยู่ข้างถนนในสภาพอ่อนแรง ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขอความช่วยเหลือ

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเวทนาให้กับผู้พบเห็น จนมีพลเมืองดีแจ้งเรื่องไปยัง จ่าคิงส์ แตงทิม ผู้ทำงานอาสาด้านสังคม จึงรีบเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ และเข้าช่วยเหลือคุณตาทันที ก่อนประสานเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้ารับตัวดูแลตามขั้นตอน พร้อมส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าตรวจเช็กสุขภาพเบื้องต้น

“ผมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีคุณตาถูกลูกเมียพามาทิ้ง พอไปถึงก็เห็นท่านนั่งอยู่ข้างถนนในสภาพอิดโรย หิวจนพูดแทบไม่ออก จึงรีบประสาน พม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือทันที ตอนนี้ได้พามาพักรอที่บ้านผมก่อน เพื่อให้ท่านได้พักฟื้นและรอเจ้าหน้าที่มารับตัวไปดูแลต่อ” จ่าคิงส์ กล่าว

ต่อมา นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รับทราบเรื่องและสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่เข้าช่วยเหลือโดยด่วน พร้อมยืนยันว่า พม. จะรับตัวคุณตาไปดูแลที่ศูนย์พักพิงของกระทรวงภายในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน เพื่อให้การดูแลด้านอาหาร ที่พัก และสุขภาพอย่างเหมาะสม

ขณะที่สังคมออนไลน์ต่างแสดงความเห็นด้วยความสะเทือนใจ พร้อมตั้งคำถามถึง “หัวใจของลูกหลานยุคนี้” ที่กล้าทอดทิ้งบุพการีในยามชราอย่างไร้เยื่อใย พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการละทิ้งผู้สูงอายุ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน.
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความสะเทือนใจ แต่ยังเป็นบทเรียนให้สังคมตระหนักถึงคุณค่าของผู้สูงวัยในครอบครัว เพราะในวันที่ลูกเมียทอดทิ้ง “คนแปลกหน้า” ยังยื่นมือช่วย นับเป็นภาพสะท้อนอันขมขื่นของสังคมที่ไม่ควรถูกมองข้าม.

#ตะลุยข่าว4ภาค

“บอย ท่าพระจันทร์” บุกไซเบอร์ เตรียมจัดหนักเกรียนคีย์บอร์ด คอมเมนต์ด่าทำเสียชื่อเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ตุลาคม 2568...
10/10/2025

“บอย ท่าพระจันทร์” บุกไซเบอร์ เตรียมจัดหนักเกรียนคีย์บอร์ด คอมเมนต์ด่าทำเสียชื่อ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ศูนย์ราชการฯ นายอรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือ #บอยท่าพระจันทร์ อายุ 45 ปี เซียนพระชื่อดัง เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 เพื่อขอคำปรึกษาทางกฎหมายเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังถูกคอมเมนต์โจมตีในโซเชียลมีเดีย จนได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง

นายอรรถวัติ เปิดเผยว่า วันนี้ยังไม่ได้มาแจ้งความ แต่เข้ามาขอคำปรึกษาเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ ว่าการกระทำในโลกออนไลน์ลักษณะใดที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพื่อเตรียมรับมือกับกรณีถูกคอมเมนต์ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ส่วนตัวและธุรกิจของตน โดยเฉพาะในช่วงหลังที่มีผู้ติดตามจำนวนมากและบางคนแสดงความคิดเห็นในเชิงลบอย่างรุนแรง

“ผมไม่ได้มาฟ้องใครวันนี้ แค่มาดูแนวทางทางกฎหมาย ว่าคอมเมนต์แบบไหนถือว่าผิดกฎหมายและสามารถดำเนินคดีได้บ้าง เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยดำเนินคดีจริงไปแล้ว 1 คน ซึ่งศาลตัดสินจำคุกไป 32 เดือน ครั้งนี้เลยอยากศึกษาขั้นตอนให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้ใครมาทำให้เสียหายอีก” บอย ท่าพระจันทร์ กล่าว พร้อมยืนยันว่า หากพบว่ามีคอมเมนต์เข้าข่ายหมิ่นประมาท หรือโพสต์ตัดต่อให้เสียหาย จะดำเนินคดี “ทั้งขบวนการ” โดยไม่มีการยกเว้น

ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 เปิดเผยว่า การโพสต์ แสดงความคิดเห็น หรือแชร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์ ต้องระมัดระวัง เพราะมีกฎหมายกำกับชัดเจน หากการกระทำนั้นทำให้ผู้อื่นเสียหาย ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง จะเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ส่วนกรณีการนำภาพไปตัดต่อให้เสียหาย เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท

“อยากฝากเตือนประชาชนว่า การขอโทษในโซเชียลไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะนอกจากโทษอาญาแล้ว ยังอาจถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งด้วย การเล่นโซเชียลมีเดียควรมีสติ ไม่พาดพิงหรือร่วมกระพือประเด็นใด ๆ ที่ละเมิดสิทธิผู้อื่น” พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ “บอย ท่าพระจันทร์” กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้จะนำคำแนะนำจากตำรวจไปหารือกับทีมทนาย เพื่อเดินหน้าดำเนินการทางกฎหมายอย่างเป็นขั้นตอน หากยังพบการโพสต์พาดพิงหรือคอมเมนต์เข้าข่ายความผิด ก็พร้อมจัดการให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้ใครมาละเมิดสิทธิผู้อื่นในโลกออนไลน์อีกต่อไป.

#วงการเซียนพระ #เกรียนคีย์บอร์ด #ตะลุยข่าว4ภาค

หลอกลงทุน “ยาดม-ยาหม่อง” ส่งขายจีน! เว็บปลอมตุ๋นเหยื่อสูญพันล้าน อ้างผลตอบแทนสูงล่อใจกลายเป็นอีกหนึ่งขบวนการหลอกลงทุนข้า...
10/10/2025

หลอกลงทุน “ยาดม-ยาหม่อง” ส่งขายจีน! เว็บปลอมตุ๋นเหยื่อสูญพันล้าน อ้างผลตอบแทนสูงล่อใจ

กลายเป็นอีกหนึ่งขบวนการหลอกลงทุนข้ามชาติ เมื่อมีผู้เสียหายจำนวนมากร้องเรียนว่าถูกหลอกให้ร่วมทำงาน “โปรโมตยาดม-ยาหม่อง” อ้างว่าจะส่งขายตลาดจีน พร้อมการันตีผลตอบแทนสูงสุดถึง 40% สุดท้ายกลับถูกเชิดเงินหนี เสียหายรวมกันอาจสูงกว่า 1,000 ล้านบาท

กลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ขบวนการดังกล่าวใช้วิธีหลอกให้สมัครงานผ่านออนไลน์ โดยอ้างว่าเป็นโครงการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาดม ยาหม่อง ไปขายยังประเทศจีน มีระบบ “ทดลองทำงาน” เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เบื้องต้นเพียงแค่กดวางภาพสินค้าในช่องที่กำหนด 6 ช่อง แล้วกดส่ง เท่านี้ก็จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ตามลำดับ พร้อมชวนให้วางเงินประกันงานใน 5 ระดับ ยิ่งลงทุนมากยิ่งได้ผลตอบแทนสูง

ช่วงแรกผู้เสียหายยืนยันว่า ถอนเงินได้จริง มีเงินปันผลจ่ายตรงตามที่โฆษณา จนหลายคนเริ่มทุ่มเงินเพิ่มหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท จากนั้นบริษัทเริ่มเปลี่ยนระบบโดยอ้างว่า สำนักงาน ก.ล.ต. เข้าตรวจสอบ และต้องย้ายแพลตฟอร์มใหม่ หากไม่ร่วมลงทุนต่อจะสูญเงินทั้งหมด ผู้เสียหายหลายคนจึงยอมจ่ายเพิ่ม แต่หลังจากนั้นไม่นานกลับถอนเงินไม่ได้ บางรายถูกตัดขาดการติดต่อ แอปฯ ปิดตัวหายเงียบ

ผู้เสียหายจำนวนมากจึงรวมตัวร้องทุกข์ โดยเฉพาะในกลุ่มไลน์กว่า 200 คน และในเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกว่า 600 คน คาดว่าความเสียหายรวมอาจแตะพันล้านบาท เบื้องต้นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจในพื้นที่ แต่ถูกปฏิเสธการรับเรื่อง จึงเตรียมนำหลักฐานทั้งหมดเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และตรวจสอบเครือข่ายมิจฉาชีพที่อยู่เบื้องหลังต่อไป

#แชร์ลูกโซ่ #ตะลุยข่าว4ภาค

สีสันบางยาง! “แห่หลวงพ่อคุ้มทางน้ำ” หนึ่งเดียวในปราจีนวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ  #วัดอินทาราม ตำบลบางยาง อำเภอบ้า...
10/10/2025

สีสันบางยาง! “แห่หลวงพ่อคุ้มทางน้ำ” หนึ่งเดียวในปราจีน

วันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ #วัดอินทาราม ตำบลบางยาง อำเภอบ้านสร้าง #ปราจีนบุรี บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เมื่อ #องค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง จัดโครงการส่งเสริมประเพณีท้องถิ่น “แห่พระทางน้ำวัดอินทาราม” หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในชื่อ #แห่หลวงพ่อคุ้ม ประเพณีเก่าแก่หนึ่งเดียวในจังหวัดปราจีนบุรี ที่สืบทอดกันมายาวนาน เพื่อสืบสานความศรัทธาและความสามัคคีของคนในชุมชนริมแม่น้ำปราจีนบุรี

โดยตั้งแต่ช่วงเช้า ประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างแต่งกายด้วยชุดไทย เข้าร่วมพิธีอย่างคึกคัก โดยมีนางสาวเสาวลักษณ์ จิตจำนงค์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง กล่าวรายงานต่อประธานในพิธี ซึ่งมีนายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอำเภอบ้านสร้าง เป็นประธานเปิดงาน พร้อมร่วมแบกเสลี่ยงอัญเชิญหลวงพ่อคุ้มรอบมณฑป 3 รอบ ก่อนอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนเรือเพื่อเริ่มพิธีแห่พระทางน้ำ

ขบวนเรือหลวงพ่อคุ้มเคลื่อนออกจากวัดอินทารามเวลา 9 นาฬิกา 9 นาที ท่ามกลางเสียงกลองยาวและเครื่องดนตรีพื้นบ้านดังกึกก้องตลอดลำน้ำปราจีนบุรี โดยมีเรือพายประเภทสวยงามจากแต่ละหมู่บ้านร่วมขบวน พร้อมตกแต่งเรืออย่างประณีต สีสันสดใส สะท้อนเอกลักษณ์ของชุมชนริมฝั่งน้ำได้อย่างงดงาม

นอกจากนี้ ขบวนเรือได้แวะนมัสการหลวงพ่อโต ณ วัดบางเตย ก่อนเดินทางต่อไปยังวัดบางกระเบา เพื่อถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ และร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันในบรรยากาศอบอุ่น จากนั้นในช่วงบ่าย ขบวนเรือหลวงพ่อคุ้มเคลื่อนกลับสู่วัดอินทาราม และมีพิธีมอบรางวัลเรือพายประเภทสวยงามให้กับผู้ชนะการประกวด

ความโดดเด่นของงานในปีนี้ คือการนำเครื่องเสียงขนาดใหญ่ขึ้นเรือ พร้อมวงดนตรีสดและแดนเซอร์สาวสวยร่วมสร้างสีสันเต้นกลางลำน้ำ สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับผู้ร่วมงานทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความศรัทธาและความบันเทิงได้อย่างลงตัว

สำหรับ “แห่หลวงพ่อคุ้มทางน้ำ” ถือเป็นประเพณีสำคัญที่ชาวบ้านบางยางร่วมกันอนุรักษ์ไว้ เพื่อสืบสานศรัทธาแห่งสายน้ำและความเป็นไทยให้คงอยู่สืบไป

ภาพ-ข่าว : อลงกรณ์ คุณกิตติมานนท์ จ.ปราจีนบุรี
#ตะลุยข่าว4ภาค

ตร.สิงห์บุรีบุกจับแก๊งลักรถ! ยึดอะไหล่มอเตอร์ไซค์ถูกชำแหละเพียบ แถมตรวจเจอฉี่ม่วงยกก๊วนวันที่ 9 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ต...
10/10/2025

ตร.สิงห์บุรีบุกจับแก๊งลักรถ! ยึดอะไหล่มอเตอร์ไซค์ถูกชำแหละเพียบ แถมตรวจเจอฉี่ม่วงยกก๊วน

วันที่ 9 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสิงห์บุรี ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ท.นพดล ธรรมเนียม รอง ผกก.สส. พร้อมกำลังตำรวจ ได้เข้าทำการจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันลักทรัพย์รถจักรยานยนต์และนำมาชำแหละแยกชิ้นส่วนจำหน่าย ภายในพื้นที่หมู่ 1 ต.บางมัญ อ.เมือง #สิงห์บุรี หลังสืบทราบว่ามีการลักรถในพื้นที่ต่อเนื่อง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่ารถจักรยานยนต์ของตนหายจากเพิงพักในพื้นที่หมู่ 2 ต.บางมัญ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงจนพบเบาะแสคนร้าย ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องสงสัย กระทั่งพบรถจักรยานยนต์ที่ถูกแยกชิ้นส่วนเหลือเพียงโครง พร้อมอะไหล่จำนวนมากกองเต็มพื้นที่

จากการตรวจสอบพบผู้ต้องหา 4 ราย คือ นายชัยวัฒน์ หรือ “มาร์ค” อายุ 18 ปี, นายชัยเชษฐ์ หรือ “คิว” อายุ 34 ปี, นายมนตรี หรือ “เอ็ม” และนายถนิต หรือ “เต้ย” กำลังอยู่ในระหว่างชำแหละรถจักรยานยนต์ดังกล่าว

สอบสวนเบื้องต้น นายชัยวัฒน์ และนายชัยเชษฐ์ ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันลักรถจักรยานยนต์จริง ส่วนของกลางเป็นรถหลายคันที่แยกชิ้นส่วนเตรียมนำไปขายต่อ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พบผลเป็นสีม่วงทั้งหมด จึงแจ้งข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1” และดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมขยายผลตรวจสอบเครือข่ายลักรถในพื้นที่เพิ่มเติม

ตำรวจระบุว่า พฤติการณ์ของกลุ่มนี้มักเลือกขโมยรถที่จอดในพื้นที่เปลี่ยว ก่อนนำมาชำแหละแยกอะไหล่ขายต่อในตลาดมืดหรือออนไลน์ เบื้องต้นได้อายัดของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบและส่งคืนผู้เสียหายต่อไป.

#แก๊งลักรถ #ตะลุยข่าว4ภาค

ระทึก! ฝรั่งเยอรมันพลัดตกบ่อ 20 เมตร ลอยคอ 40 นาที รอดหวุดหวิดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่หน่วย  ...
09/10/2025

ระทึก! ฝรั่งเยอรมันพลัดตกบ่อ 20 เมตร ลอยคอ 40 นาที รอดหวุดหวิด

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่หน่วย #กู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน อ.สัตหีบ #ชลบุรี รับแจ้งเหตุชายชาวต่างชาติพลัดตกบ่อน้ำ ภายในซอยหลังวัดป่ายุบ ต.สัตหีบ จึงรีบจัดกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ที่เกิดเหตุเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ลึกกว่า 20 เมตร ภายในบริเวณรกร้าง พบ MR. Roland อายุ 63 ปี ชาวเยอรมนี ลอยคออยู่อย่างอ่อนแรงในน้ำ เจ้าหน้าที่ใช้เชือกโรยตัวและอุปกรณ์ช่วยเหลือ ใช้เวลากว่า 15 นาที จึงสามารถดึงตัวขึ้นจากบ่อได้อย่างปลอดภัย

จากการสอบถามเพื่อนบ้าน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ประสบเหตุตัดหญ้าอยู่บริเวณข้างบ่อ กระทั่งได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อมาดูก็พบว่าตกลงไปในบ่อแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือ

ด้าน MR. Roland ให้การว่า ระหว่างใช้เครื่องตัดหญ้าเดินถอยหลังไม่ทันสังเกตเห็นว่าฝาบ่อถูกหญ้าปกคลุม จึงเหยียบพลาดตกลงไป ต้องพยายามลอยคออยู่ในน้ำเกือบ 40 นาที ก่อนมีคนได้ยินเสียงร้อง จึงรอดชีวิตมาได้ เจ้าตัวเผยว่า “ถ้าไม่มีใครได้ยิน คงไม่รอดแน่ๆ” พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

เครดิตภาพ-ข่าว : สยามชลนิวส์
#อุบัติเหตุ #ตะลุยข่าว4ภาค

ที่อยู่

Bangkok
10240

เบอร์โทรศัพท์

+66889695469

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Taluikhao 4 phak - ตะลุยข่าว 4 ภาคผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์