Phoenix News ฟินิกซ์นิวส์
PHOENIX NEWS

Neighbors Agency ก้าวสู่เวทีการตลาดชั้นนำระดับประเทศคว้า 3 รางวัลจากเวที Marketing Excellence Awards Thailand 2025การันต...
19/09/2025

Neighbors Agency ก้าวสู่เวทีการตลาดชั้นนำระดับประเทศ
คว้า 3 รางวัลจากเวที Marketing Excellence Awards Thailand 2025
การันตีความสำเร็จของ Business Solution Partner ตัวจริง
Neighbors Agency (เนเบอร์ส เอเจนซี่) ผู้เชี่ยวชาญการขับเคลื่อนด้วยการแก้ปัญหาบนกลยุทธ์ทางธุรกิจประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญบนเวที Marketing Excellence Awards Thailand 2025 โดยสามารถคว้า 3 รางวัล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่น จับมือไปกับลูกค้า ตอบโจทย์ลูกค้าและตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตตามโลกที่เปลี่ยนแปลง
กันตลักษณ์ หงส์ลดารมภ์, Chief Executive Officer ของ Neighbors Agency กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า "เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากเวที Marketing Excellence Awards Thailand ในปีนี้ ทุกรางวัลที่เราได้รับสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทของทีมงานทุกคน รวมถึงความไว้วางใจจากลูกค้าที่มีให้กับเราเสมอมา ความสำเร็จนี้ยังย้ำถึงจุดยืนของเราในฐานะ ' Business Solution Partner ' เราไม่เพียงแค่ส่งมอบผลงานให้กับลูกค้า แต่เป็นการรังสรรค์ผลงานผ่านมุมมองและความคิดสร้างสรรค์ ผสานเข้ากับกลยุทธ์เพื่อโซลูชันที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้อย่างหลากหลาย
ผลงานของเราได้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้ายถึง 6 งานประกวด โดยสามารถคว้า 3 รางวัลในสาขาสำคัญอย่าง Performance Marketing และ B2B Marketing ซึ่งมาจากการสร้างสรรค์แคมเปญที่โดดเด่นและตอบโจทย์ทางธุรกิจได้อย่างตรงจุด ได้แก่
- รางวัล Silver หมวด Excellence in B2B Marketing จากแคมเปญ ‘Easy Clean, Laundry Fun’
ของแบรนด์ Code Clean ที่สามารถเปลี่ยนการสื่อสารทางการตลาดแบบ B2B ที่ซับซ้อนให้เข้าถึงง่ายและน่าสนใจ สะท้อนความเข้าใจในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และสร้างการมีส่วนร่วมของแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- รางวัล Silver หมวด Excellence in Performance Marketing จากแคมเปญ ‘The Crest Park Residences – Ready to move in’ ของ SC Asset ซึ่งสะท้อนความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ สามารถสร้างยอดขายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ได้อย่างแม่นยำ
- รางวัล Bronze หมวด Excellence in Performance Marketing จากแคมเปญ ‘28 Chidlom – 20% Guaranteed Yield’ ของ SC Asset ที่ตอกย้ำความเชี่ยวชาญในการวางแผนการตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มระดับราคาที่ต่างกันออกไป สามารถวัดผลได้จริง มีการสื่อสารจุดขายด้านผลตอบแทนการลงทุนของลูกค้า พร้อมกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
ความสำเร็จในครั้งนี้ เปรียบเสมือนภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นว่า Neighbors Agency พร้อมที่จะเข้าใจและ เป็นเหมือนพาร์ทเนอร์ที่ร่วมเดินทางไปกับลูกค้า เป็นเอเจนซี่ที่เน้นการบรรลุเป้าหมายจนถึงผลลัพธ์ทางธุรกิจด้วยความเข้าใจในแบรนด์ รวมทั้งผสานความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ประกอบด้วย
# Creative & Design Excellence สร้างสรรค์แคมเปญผ่าน Creative Solutions ที่สามารถขับเคลื่อนการสร้างแบรนด์ การบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ การสื่อสารด้านแบรนด์และการตลาด รวมถึงแคมเปญการตลาดที่ทรงพลังตอบโจทย์ทุกธุรกิจ
# House of Design ที่พร้อมรังสรรค์งานออกแบบและอัตลักษณ์แบรนด์ให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร
# Strategic Digital Engagement เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในยุคดิจิทัลผ่าน Social Media Management ที่ผสมผสานการตลาดอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์อย่างลงตัว ควบคู่ไปกับ Performance Marketing ที่ขับเคลื่อนด้วยความแม่นยำในการวางแผนซื้อสื่อและกำหนดกลุ่มเป้าหมายเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
# Innovation & Business Solutions ส่งมอบนวัตกรรมผ่าน Innovation-Driven Solutions ตั้งแต่ระบบโฮสติ้งที่มั่นคง ปลอดภัย แดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย การติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์ การเชื่อมต่อทางดิจิทัลที่ทรงพลัง ไปจนถึงโซลูชันอีคอมเมิร์ซที่ครบวงจร พร้อมวางแนวทางกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงประสบการณ์ของแบรนด์เข้ากับเป้าหมายทางธุรกิจ (Business Solutions)
# Expanded Network & Influence ขยายการรับรู้ผ่าน Media Publisher ของตัวเองภายใต้ชื่อ Neighbors and Friends Community พื้นที่สร้างแรงบันดาลใจในการเชื่อมโยง การสร้างความร่วมมือและสร้างสรรค์เนื้อหาสาระที่มีความหมาย ผ่านเรื่องราวที่น่าจดจำให้แบรนด์สินค้าหรือผู้คน พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้านการสื่อสารด้วย
# PR Agency Partnership ที่ร่วมมือกับเอเจนซี่ประชาสัมพันธ์ชั้นนำ ผ่านการสร้างความสัมพันธ์กับสื่ออย่างเชี่ยวชาญ มีการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ และการบริหารจัดการภาพลักษณ์แบรนด์
สำหรับเวที Marketing Excellence Awards Thailand ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการการตลาดของประเทศไทย จัดขึ้นโดย MARKETING-INTERACTIVE ผู้นำสื่อออนไลน์ด้านการตลาดจากประเทศสิงคโปร์ โดยมีเกณฑ์การตัดสินที่เข้มข้นจากคณะกรรมการที่เป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการตลาด และผู้ทรงคุณวุฒิจากแบรนด์ ชั้นนำทั่วโลก เพื่อเฟ้นหานักการตลาด ผู้นำทางธุรกิจ และเชิดชูองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นและไอเดียการโฆษณาเชิงสร้างสรรค์ด้านการตลาดในทุกอุตสาหกรรม
การได้รับรางวัลในครั้งนี้ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ Neighbors Agency มุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมต่อไปเพื่อต่อยอดความสำเร็จและส่งมอบโซลูชันทางการตลาดที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับแบรนด์และธุรกิจของลูกค้าได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

#สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย
#สภาเอสเอ็มอี
#เอสเอ็มอี

MK ลุย “MK Premium Buffet” 8 สาขาพร้อมกันทั่วกรุงเทพฯ เมนูเยอะ คุณภาพครบ กว่า 130 เมนู เริ่มต้นแค่ 499.- netMK เตรียมเหม...
17/09/2025

MK ลุย “MK Premium Buffet” 8 สาขาพร้อมกันทั่วกรุงเทพฯ เมนูเยอะ คุณภาพครบ กว่า 130 เมนู เริ่มต้นแค่ 499.- net
MK เตรียมเหมาบุฟเฟต์ทุกเซกเมนต์ คลอด MK Premium Buffet ลุยสายพรีเมียม คุณภาพล้น เริ่มต้นเพียง 499.-
MK เดินเกมรุกหนักตลาดบุฟเฟต์ วางยุทธศาสตร์ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมต่อยอด สร้าง MK Premium Buffet “บุฟเฟต์สุกี้พรีเมียม” เมนูครบ คุณภาพระดับ MK โดดเด่นด้วยวาไรตี้ มาพร้อมทั้ง เป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบ ติ่มซำ เครื่องดื่ม ของหวาน พร้อมเมนูสุกี้คุณภาพและเมนูซิกเนเจอร์ของ MK กว่า130 เมนู ราคาเข้าถึงง่าย เริ่มต้น 499 บาท ไม่มีบวกเพิ่ม ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มใหม่ที่มองหาความคุ้มค่าพร้อมคุณภาพ ประกาศปรับรูปแบบบุฟเฟต์ใหม่รวม 8 สาขาทันทีแบบไม่ต้องรอ
คุณทานตะวัน ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า “ทาง MK ได้มีการศึกษาตลาดบุฟเฟต์แบบต่อเนื่อง และวางแผนการเข้าตลาดบุฟเฟต์อย่างจริงจัง ครอบคลุมทุก Segment ตั้งแต่ MK คุ้มเกินคุ้ม 299 บาท ไปจนถึง MK Premium Buffet ในราคา 499, 699, 899 บาท สิ่งที่ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญคือ Variety & Quality คือประสบการณ์การรับประทานที่ต้องครบ ทั้งความคุ้มค่า ความหลากหลาย และคุณภาพ โดยเราใช้ customer data มาปรับเป็นโครงสร้าง Premium Buffet เป็นทางเลือกให้ลูกค้าถึง 3 Tier ตอบโจทย์ทุกความชอบ มั่นใจได้ว่าการเปิดตัว MK Premium Buffet ‘บุฟเฟต์สุกี้พรีเมียม’ ในรอบนี้จะสามารถครองใจกลุ่มคนรักเอ็มเค และลูกค้าบุฟเฟต์ได้อย่างแน่นอน”
‘ครบกว่า’ กับเมนูที่ได้กว่า 130 เมนู และถือเป็นครั้งแรกที่พร้อมเสิร์ฟ ‘เป็ดย่าง MK’ แบบไม่อั้นแล้ว ตามเสียงเรียกร้องบนโซเชียล รวมทั้ง จิ่มซำ ที่หลากหลายขึ้น พร้อมคัดสรรแต่เมนูเด็ดทั้ง เนื้อวากิว AUS ส่วนสะโพก, เนื้อวากิวญี่ปุ่นส่วนสันคอ, เนื้อวากิวออสเตรเลียชัคเทนเดอร์, หมูคุโรบูตะพรีเมียม, หมูอิโมะบูตะ, กุ้งลายเสือ, หอยเชลล์ญี่ปุ่น, กุ้งแม่น้ำ, ปลากะพง, ปลาแซลมอน, ลูกชิ้นปั้นสดหมู/ปู/กุ้ง, ข้าวหน้าและบะหมี่หยกเป็ดย่าง, หมูแดง, หมูกรอบ และยังมีบาร์ของทานเล่น เครื่องดื่ม ขนม และไอศกรีม นอกจากนี้ยังสามารถสั่งได้ถึง 4 ซุป ทั้งซุปต้นตำรับ, ซุปน้ำดำสไตล์ญี่ปุ่น, ซุปหม่าล่า และซุปต้มยำมันกุ้ง และมีบาร์น้ำจิ้มด้วย
‘ถูกกว่า ไม่มีบวกเพิ่ม’ ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 499 บาท แบ่งเป็น 3 ราคา เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า
MK Lover 499 บาท ถูกใจคนรัก MK จัดเต็ม ทั้ง ติ่มซำ บะหมี่หมูแดงและหมูกรอบ กุ้งสด เนื้อนำเข้า และเมนูซิกเนเจอร์
Premium Buffet 699 บาท บุฟเฟต์สุดพรีเมียม ถูกใจคนรัก บะหมี่หยกเป็ดย่าง ข้าวหน้าเป็ดย่างเอ็มเค เมนูสุกี้ พร้อมเสิรฟ เนื้อวากิวออสเตรเลีย หมูคุโรบุตะพรีเมียม พร้อมพาเหรดซีฟู้ด และชีสไม่อั้น ทั้งกุ้งแม่น้ำนำเข้า เนื้อนำเข้าห่อชีส ติ่มซำทอดสุดฮิต
Ultimate Buffet 899 บาท ที่สุดของความพรีเมียมแบบอัพเลเวล ตามเสียงเรียกร้องของชาวโซเชียล ด้วยเป็ดย่าง MK จานเดี่ยวที่สั่งได้ไม่อั้น และยังมีหมูแดง หมูกรอบ เนื้อวากิวญี่ปุ่น ซีฟู้ดนำเข้าคุณภาพ และติ่มซำพรีเมียม พร้อมเมนู อื่น ๆ อีกเพียบ ซึ่งราคารวมค่าเครื่องดื่มและขนมหวานแล้ว ไม่มีบวกเพิ่ม
‘คุณภาพกว่า’ ตอบโจทย์ทุกความพรีเมียมและย้ำชัดเรื่องคุณภาพที่เป็นมาตรฐานของ MK ไม่มีลดเกรด
MK Premium Buffet มีถึง 8 สาขา ได้แก่ สาขา เมเจอร์รัชโยธิน, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เอสพลานาด รัตนาธิเบศร์, เอสพลานาด รัชดา, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, ซีคอน บางแค และ ศาลาแดง ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นได้เลย!

สภาเอสเอ็มอีนำคณะผู้ประกอบการหลายกลุ่มธุรกิจร่วมสะท้อน Voice of SMEs ไปยัง ธปท.16 กันยายน 2568 คุณรมนต์อร บุญเรือง เลขาธ...
16/09/2025

สภาเอสเอ็มอีนำคณะผู้ประกอบการหลายกลุ่มธุรกิจร่วมสะท้อน Voice of SMEs ไปยัง ธปท.
16 กันยายน 2568 คุณรมนต์อร บุญเรือง เลขาธิการสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสภาเอสเอ็มอี ผู้แทนภาคีเครือข่าย และผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ เฟอร์นิเจอร์ ที่ปรึกษา ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภาคการค้า ผู้ตรวจสอบและประเมิน เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม แปรรูปโลหะ อุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ และพลังงานทดแทน เป็นต้น ให้ข้อมูลกับผู้แทนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นำโดย ดร. จิตเกษม พรประพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจการเงินภูมิภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย และทีมงาน ในประเด็น “ภาวะธุรกิจและการเงินของธุรกิจ SMEs ในไตรมาสที่ 3-4/2568 และแนวโน้มปี 2569: สู้ต่ออย่างไร ท่ามกลางการแข่งขันในโลกใหม่” ณ TVA Hall สวนเสียงไผ่ สถาบันทิวา
ภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมให้ข้อมูลในครั้งนี้ ได้แก่ สมาคมการค้าผู้ผลิตหลังคาเหล็กไทย สหพันธ์ผู้นำเข้าเหล็กและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (Thai Subcon) สมาคมส่งเสริมการค้าอาเซียน สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) และสมาคมผู้ตรวจสอบมาตรฐานสากลด้านดิจิทัลและการบริหารข้อมูล
ในการหารือดังกล่าว คณะผู้ประกอบการได้ให้ภาพทิศทางและความท้าทายของธุรกิจใน sector ต่างๆ และมีข้อเสนอแนะในประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ด้านการประกอบธุรกิจ
- เสนอให้ภาครัฐรีบเข้ามาแก้ไขปัญหาด้านการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และการใช้นอมินีจากต่างประเทศมาทุ่มตลาดไทย ก่อนที่ผู้ประกอบการ SMEs ไทยจะไม่สามารถประคับประคองธุรกิจต่อไปได้
- เสนอให้มีคณะกรรมการแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่งกำกับดูแลการประเมิน/แปลงมูลค่าสินทรัพย์ระบบงานเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เป็นทุน โดยมีทั้งหน่วยงานภาคเอกชนและภาครัฐร่วมกันดำเนินการและตรวจสอบ
- เสนอให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาเรื่องการโกงภาษีอย่างเด็ดขาด
- เสนอให้ภาครัฐมีพิจารณาเรื่องกระบวนการเบิกจ่ายของหน่วยงานรัฐ (ยกตัวอย่างเช่น โรงพยาบาล) ให้มีระยะเวลาการเบิกจ่ายให้สั้นที่สุด และไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
- เสนอให้ภาครัฐมีมาตรการจูงใจเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs ปรับตัวเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เช่น มาตรการด้านภาษี ฯลฯ
- เสนอให้มีการพัฒนาทักษะแรงงาน ที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรม 4.0
2. ด้านการเงิน
- เสนอให้มีการรนำโมเดลแบบบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเศไทย (IFCT) กลับมาใช้ใหม่
- เสนอให้มีมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่ปกติจะมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าธุรกิจรายใหญ่ ทำให้ไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนได้ในทางธุรกิจ
- เสนอให้มีการกำกับด้านเสถียรภาพของค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากนัก (บาทแข็ง) กระทบต่อภาคการส่งออก
นอกจากนี้ ยังมีการสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วจะไม่กลับมาเหมือนเดิมเนื่องจากโลกที่เปลี่ยนไป เช่น ปัญหาราคาผลผลิตลำไยตกต่ำซึ่งสืบเนื่องมาจากล้งจีนไม่กลับมารับซื้อผลผลิตอีก เป็นต้น ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น ธปท. จะนำกลับไปสรุปในภาพรวมเรื่องภาวะและแนวโน้มธุรกิจและการเงินของธุรกิจ SMEs เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินนโยบายการเงิน รวมทั้งนำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปสะท้อนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

#สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย
#สภาเอสเอ็มอี
#เอสเอ็มอี

#ธนาคารแห่งประเทศไทย #ธปท

เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ยกระดับนิยามใหม่แห่งแฟชั่นระดับโลก กับ “Ultimate Luxe 2025” พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับนักช้อป ตั้งแต่วั...
16/09/2025

เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ยกระดับนิยามใหม่แห่งแฟชั่นระดับโลก กับ “Ultimate Luxe 2025” พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับนักช้อป ตั้งแต่วันที่ 20 – 30 ก.ย. 68
ก้าวสู่บทใหม่แห่งสไตล์ที่สะท้อนรสนิยมระดับโลกกับ “Ultimate Luxe 2025” ที่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับผู้หลงใหลในแฟชั่น ตั้งแต่วันที่ 20 – 30 ก.ย. 68 โดยรวบรวมที่สุดแห่งดีไซน์จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากมาย พร้อมให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าได้ครอบครองไอเท็มที่สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัว
.
เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ พบกับข้อเสนอสุดพิเศษ รับ Central Embassy Voucher รวมสูงสุด 24,000 บาท เมื่อช้อปสินค้าในหมวด Luxury Fashion ครบตามเงื่อนไข (ยกเว้น Luxury Watch & Jewelry) โดยสามารถรวมใบเสร็จจากร้านค้าที่ร่วมรายการได้ภายในวันเดียวกัน ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวมีจำนวนจำกัดและแบ่งเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบแรก วันที่ 20 – 26 ก.ย. 68 และรอบที่สอง วันที่ 27 – 30 ก.ย. 68
.
สำหรับยอดใช้จ่ายต่อวัน มีข้อเสนอพิเศษดังนี้
รับ Central Embassy Voucher มูลค่า 2,000 บาท เมื่อยอดช้อปครบ 50,000 บาทต่อวัน (จำกัด 50 รางวัลต่อรอบ รวม 100 รางวัล ตลอดรายการ),
รับ Central Embassy Voucher มูลค่า 12,000 บาท เมื่อยอดช้อปครบ 300,000 บาทต่อวัน (จำกัด 10 รางวัลต่อรอบ รวม 20 รางวัล ตลอดรายการ)
.
พิเศษสำหรับสมาชิก CENFINITY รับ Central Embassy Voucher มูลค่า 1,500 บาท (จากปกติ 1,000 บาท) เมื่อแลกคะแนน 9,900 คะแนนบน The 1 APP (จำกัด 2 สิทธิ์ต่อท่าน, รวม 50 สิทธิ์ตลอดรายการ)
.
นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการสูงสุด 20% หรือผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติม ณ จุดให้บริการหรือจากธนาคารเจ้าของบัตร)
.
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/centralembassy หรือ www.centralembassy.com สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2119-7777 #2001

 #สภาเอสเอ็มอี เสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ( ) เร่งด่วน 4 เดือน มูลค่า 8 หมื่นล้านบาท15 กันยายน 2568 สภาวิ...
15/09/2025

#สภาเอสเอ็มอี เสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ( ) เร่งด่วน 4 เดือน มูลค่า 8 หมื่นล้านบาท
15 กันยายน 2568 สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สภาเอสเอ็มอี) เสนอชุดมาตรการช่วยเหลือ SMEs ระยะสั้น 4 เดือน มูลค่ารวม 80,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่ผู้ประกอบการกำลังเผชิญ โดยนำแนวทางที่ประสบความสำเร็จจากสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา มาปรับใช้กับบริบทของประเทศไทย
.
สถานการณ์วิกฤต รายได้ลด ต้นทุนพุ่ง
จากข้อมูลล่าสุด ณ ไตรมาส 2/2568 พบว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยกำลังเผชิญหน้ากับ "ภาวะต้นทุนบีบรายได้" อย่างรุนแรงโดยดัชนีรายได้ปรับตัวลดลง 1.11% ในขณะที่ดัชนีต้นทุนเพิ่มขึ้น 4.16% ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและความอยู่รอดของผู้ประกอบการจำนวนมาก
.
นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สภาเอสเอ็มอี) กล่าวว่า "สถานการณ์ปัจจุบันกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและตรงจุด นอกจากปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแล้ว เอสเอ็มอียังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานจากการที่แรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านลดน้อยลง ส่งผลให้ต้นทุนแรงงานพุ่งสูงขึ้น เราจึงศึกษาแนวทางจากประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น สิงคโปร์ที่มี Enterprise Support Package มูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ที่เพิ่ม New Start Fund เป็น 28.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย"
.
3 เสาหลักแก้ปัญหาครบวงจร ที่สภาเอสเอ็มอีนำเสนอ ได้แก่
เสาหลักที่ 1 ลดภาระทางการเงิน (55,000 ล้านบาท)
• สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำฉุกเฉิน วงเงินสูงสุด 500,000 บาท ดอกเบี้ย 0.5% ปีแรก อนุมัติใน 5 วัน
• ลดหย่อนภาษีนิติบุคคล 50% สูงสุด 50,000 บาท
• เงินอุดหนุนค่าสาธารณูปโภค 60% สูงสุด 5,000 บาท/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน
• ขยายระยะเวลาชำระหนี้สูงสุด 5 ปี
• ปรับรอบการจ่ายเงินของภาครัฐต่อกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้อยู่ภายใน 30-45 วันในทุกโครงการทั้งระบบ
.
เสาหลักที่ 2 ส่งเสริมการตลาด (15,000 ล้านบาท)
• จัดตั้งคณะกรรมการอีคอมเมิร์ซแห่งชาติและตั้งศูนย์อำนวยการด้านอีคอมเมิร์ซระดับจังหวัด
• แพลตฟอร์ม "ไทยช่วยไทย ช้อป SMEs" โดยยกเว้นค่าคอมมิชชั่น 4 เดือน โดยผลักดันให้มีตราสัญลักษณ์ที่แสดงว่าเป็นสินค้าไทยในแพลตฟอร์ม
• คูปองส่วนลด "SMEs Boost Up" รัฐสนับสนุน 100 บาท เมื่อซื้อครบ 200 บาท
• โปรแกรม "SMEs Ready to Export" สนับสนุนค่าส่งออกครั้งแรก 50%
.
เสาหลักที่ 3 ยกระดับทักษะและแก้ปัญหาแรงงาน (10,000 ล้านบาท)
• คูปอง "ดิจิทัลทูลคิท พลัส" มูลค่า 10,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายในการใช้ AI
• หลักสูตร "SMEs AI โตไว" อบรมฟรีเน้นการใช้งาน AI ในการดำเนินธุรกิจ
• โครงการ "ทดแทนแรงงาน Smart SMEs" สนับสนุนเครื่องจักรอัตโนมัติและระบบ AI เพื่อลดการพึ่งพาแรงงานต่างด้าว
• กองทุน "SMEs Innovation" สนับสนุนโครงการนวัตกรรม 500,000 บาท/โครงการ
• โครงการ "ยกระดับแรงงานไทย" (Upskill ThaiSMEs) อบรมทักษะเฉพาะทางให้แรงงานไทยทดแทนแรงงานต่างด้าว พร้อมเงินสนับสนุน 15,000 บาท/คน
.
กำหนดเป้าหมายชัดเจน ติดตามได้
มาตรการชุดนี้ตั้งเป้าในการช่วยเหลือ SMEs 100,000 ราย ด้วยมูลค่าสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท เพิ่มอัตราการอยู่รอด 15% และยกระดับทักษะแรงงานไทย 50,000 คน เพื่อทดแทนแรงงานต่างด้าวที่ลดน้อยลง ภายใน 4 เดือน พร้อมระบบติดตามแบบเรียลไทม์ผ่าน SMEs Support Dashboard
เรียกร้องรัฐบาลเร่งดำเนินการ
"ความสำเร็จของมาตรการนี้ขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการอนุมัติและดำเนินการ สภาเอสเอ็มอีเสนอให้จัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการ SMEs Support Center” ที่มีตัวแทนจากกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อประสานงานแบบเรียลไทม์" นอกจากนี้ สภาเอสเอ็มอียังเสนอให้พัฒนา Digital ID สำหรับ SMEs เพื่อลดขั้นตอนการขอรับความช่วยเหลือ โดยอาจนำโครงการ SMEs One ID ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มาปรับปรุงให้มีขอบเขตการใช้งานกว้างขึ้น และจัดทำ SMEs Resilience Index เพื่อติดตามความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเปรียบเทียบกับระดับสากล
.
ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ
หากมาตรการนี้ได้รับการอนุมัติ คาดว่าจะช่วยรักษาการจ้างงานกว่า 2 ล้านคน เพิ่ม GDP ของภาค SMEs อย่างน้อย 3% ลดการพึ่งพาแรงงานต่างด้าว 30% ผ่านการยกระดับทักษะแรงงานไทยและการใช้เทคโนโลยี และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้ SMEs ไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน
“มาตรการนี้ไม่เพียงแต่เป็น "ยาฉีดเร่งด่วน" เพื่อช่วยเหลือเฉพาะหน้า แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI และการแปลงโฉมดิจิทัลกำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจอย่างรวดเร็ว” นายสุปรีย์ กล่าว

#สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย
#สภาเอสเอ็มอี
#เอสเอ็มอี

อัลไล (ALLY) ดึงแบรนด์แม่เหล็กระดับท็อปเติมสีสันคอมมูนิตี้มอลล์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนAL...
13/09/2025

อัลไล (ALLY) ดึงแบรนด์แม่เหล็กระดับท็อป
เติมสีสันคอมมูนิตี้มอลล์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ALLY (อัลไล) ผ่านทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY REIT เดินหน้ากลยุทธ์เพิ่มศักยภาพคอมมูนิตี้มอลล์ในเครือ ด้วยการดึงแบรนด์ร้านค้าชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาเติมเต็มประสบการณ์ของลูกค้า ภายใต้วิสัยทัศน์ “Shaping the Future of Communities” โดยใช้แนวคิดการสร้าง “Ecosystem” ที่รวมร้านค้าหลากหลายประสบการณ์คุณภาพ และพื้นที่กิจกรรมให้ตอบโจทย์ทุกครอบครัว มุ่งสู่การเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกของไทย โดยล่าสุดจับมือแบรนด์หัวแถวเปิดตัวร้านใหม่ ทั้งสายเฮลท์ตี้ ชาพรีเมียม ชาบู และปิ้งย่าง เพื่อสร้าง Traffic และเพิ่มความถี่ในการกลับมาใช้บริการ
ALLY (อัลไล) เสริมทัพร้านใหม่สุดฮอตสร้างแม่เหล็กดึงลูกค้า สัมผัสความละเมียดละไมกับ Chagee แบรนด์ชาพรีเมียมชื่อดังจากต่างประเทศ ที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการชง, Boost Juice แบรนด์น้ำผลไม้และสมูทตี้อันดับ 1 จากออสเตรเลีย คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง ปั่นสดแก้วต่อแก้ว ให้รสชาติสดชื่นและดีต่อสุขภาพ พร้อมเสิร์ฟเมนูซิกเนเจอร์ทั้งผลไม้ไทยและต่างประเทศ, ชาบูบารู ร้านชาบูสไตล์ญี่ปุ่นที่โดดเด่นด้วยการเสิร์ฟชาบูแบบหม้อเดี่ยว ผสานความสดของวัตถุดิบกับรสชาติอร่อยคุ้มค่า ที่ เดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรา และเอาใจสายปิ้งย่างด้วย ตี๋น้อย บาร์บีคิว สาขาแรกบนถนนราชพฤกษ์ ที่ เดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ พร้อมเสิร์ฟเนื้อคุณภาพ หมูหมักสูตรพิเศษ และซีฟู้ดสดใหม่ในรูปแบบบุฟเฟต์สุดคุ้ม นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าและร้านอาหารชั้นนำอีกมากมายให้เลือกสรร ครบครันทุกไลฟ์สไตล์ทั้งช้อป ชิม และชิลล์ในที่เดียว
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ALLY กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำคอมมูนิตี้มอลล์ของไทย เป้าหมายของ ALLY ไม่ใช่แค่การเพิ่มจำนวนร้านค้า แต่คือการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ เราวางแผนขยายและรีเฟรชร้านค้าหลักอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจำนวนผู้มาใช้บริการรวมมากกว่า 32 ล้านคนต่อปี และสร้างการเติบโตด้านรายได้รวมเฉลี่ย 3-5% ผ่านการดึงร้านค้าหลากหลายประเภท เพื่อให้ลูกค้ามาใช้บริการบ่อยขึ้นและใช้เวลามากขึ้นในโครงการ”
ปัจจุบัน กองทรัสต์อัลไล (ALLY REIT) เป็นเจ้าของคอมมูนิตี้มอลล์ 16 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 169,908.75 ตร.ม. ร้านค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ สร้างสัดส่วนรายได้เฉลี่ยกว่า 40% ของพื้นที่เช่า และเป็นหมวดที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในพอร์ต มุ่งเน้นกลยุทธ์ การเพิ่มแบรนด์แม่เหล็ก (Anchor Brands) ที่สร้าง Traffic และแบรนด์เฉพาะกลุ่ม (Niche Brands) เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่และครอบครัวรุ่นใหม่ เดินหน้าปรับภาพลักษณ์โครงการให้สอดคล้องกับ เทรนด์การใช้ชีวิตและสุขภาพ เพื่อเพิ่มความถี่ในการมาใช้บริการ
ด้วยการผสานทั้งแบรนด์ระดับโลกและร้านดังในประเทศ กองทรัสต์อัลไล (ALLY REIT) เดินหน้าสร้างสรรค์พื้นที่คุณภาพและร้านค้าหลากหลาย พร้อมยกระดับคอมมูนิตี้มอลล์ให้เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนเมือง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเช็กอิน ช้อป ชิม และชิลล์ ได้ทุกวัน พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำคอมมูนิตี้มอลล์ที่ใกล้ชิดกับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน และการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนและลูกค้าในระยะยาว
เกี่ยวกับอัลไล (ALLY) และกองทรัสต์อัลไล (ALLY REIT)
อัลไล (ALLY) เป็นกลุ่มลงทุนและบริหารอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ที่มีการลงทุนในกว่า 40 โครงการทั่วโลก กองทรัสต์อัลไล (ALLY REIT) ภายใต้การบริหารของอัลไล เป็นกองทรัสต์คอมมูนิตี้มอลล์และพื้นที่พาณิชยกรรม ชั้นนำของไทย ครอบครองโครงการ 16 แห่ง รวมพื้นที่กว่า 169,908.75 ตร.ม. อัลไลและกองทรัสต์อัลไลมุ่งสร้างคุณค่าระยะยาวแก่ผู้ถือหน่วย พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์ “Shaping the Future of Communities”

รวมพลังคนรุ่นใหม่สร้างสไตล์ ‘ดูดีอย่างมีความหมาย’ ในงาน “Open Market: USE LOOP REPEAT: BETTER LOOK MARKET” ที่ OPEN HOUS...
13/09/2025

รวมพลังคนรุ่นใหม่สร้างสไตล์ ‘ดูดีอย่างมีความหมาย’ ในงาน “Open Market: USE LOOP REPEAT: BETTER LOOK MARKET” ที่ OPEN HOUSE ชั้น 6 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี
เริ่มต้นบทใหม่แห่งสไตล์ที่ดีต่อโลกด้วยพลังใจ! งาน “Open Market: USE LOOP REPEAT: BETTER LOOK MARKET” โดย OPEN HOUSE Co-living Space ร่วมกับ Loopers แพลตฟอร์มส่งต่อเสื้อผ้ามือสอง จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ณ OPEN HOUSE ชั้น 6 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี กลายเป็นหมุดหมายใหม่ของสายแฟชั่นรักษ์โลกและคนรุ่นใหม่ที่มองหาสไตล์ “ดูดีอย่างมีความหมาย” ภายในงานอบอวลไปด้วยความพลังสร้างสรรค์จากผู้ร่วมงาน ที่มาเลือกช้อปสินค้า Conscious Lifestyle ร่วมเวิร์กช็อป และวงสนทนาที่เปิดมุมมองใหม่สู่ความหมายของการ “ช้อปอย่างมีสติ ใช้อย่างมีค่า และแชร์แรงบันดาลใจสู่โลกที่ดีขึ้น” บรรยากาศของงานทำให้แนวคิด Better Look, Better Life & Better Planet ไม่ได้เป็นเพียงคอนเซปต์ แต่เป็นวิถีชีวิตที่จับต้องได้จริง ทุกการเลือกเล็ก ๆ ล้วนถักทอเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตัวเราและโลกของเรา Better ขึ้นอย่างมีความหมาย
พุ่งตรงไปที่โซน MINDFUL CRAFT, FASHION & LIFESTYLE MARKET ที่รวมแบรนด์รักษ์โลกกว่า 30 แบรนด์จากเครือข่าย “Friends of Loopers” ให้เลือกช้อปอย่างจุใจ ตั้งแต่แก็ตเจ็ตสายเทคของ Aukey, แฟชั่นและเครื่องประดับจากวัสดุอัปไซเคิลอย่าง Wastic, MYW accessories, Dash., Rubber Idea และ Akaneg Form ของใช้ในบ้านที่ผสมดีไซน์กับฟังก์ชันจาก Onest และ Qualy ไปจนถึงไอเทมรักษ์โลกจาก Bygge Solutions, No plastic shop, Triple BEEs Wrap และสินค้าสุขภาพและความงามจาก Grab n' Grow, EVERYDAY, Ira Thailand, Dare & Bare และ Fineday Sunscreen รวมถึงงานคราฟต์ดีไซน์จาก Craft colour มาร์เก็ตนี้
จึงไม่ได้มีดีแค่ของช้อป แต่เต็มไปด้วยไอเดียที่อยากพกกลับไปใช้ต่อ ทำให้ทุกการใช้จ่ายมีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน ทั้งยังสามารถช้อปสินค้าออนไลน์ผ่านแอป Loopers ได้อีกด้วย
ส่วนของ OPEN WORKSHOPS ที่มีกิจกรรมกว่า 20 รายการ ก็กลายเป็นจุดดึงดูดสำคัญที่ใครต่อใครต่างตั้งใจมาลองทำจริง ไฮไลต์อย่างเวิร์กช็อป Bring ‘Bag’ To Life ที่ชุบชีวิตเสื้อผ้า pre-loved ให้กลายเป็นกระเป๋าดีไซน์ยูนีค หรือ Workshop by Fair Chocolate ที่ให้ได้สัมผัสช็อกโกแลตไทยแบบเข้มข้น ได้รับเสียงตอบรับไม่ขาดสาย ขณะเดียวกัน กิจกรรมในสัปดาห์ต่อไปก็ชวนให้รอคอย ไม่ว่าจะเป็น Reading Club by Bangkok Literature & Arts Festival: SUSTAINABILITY ที่เปิดพื้นที่ให้นักอ่านได้มาแลกเปลี่ยนหนังสือและแชร์มุมองด้านความยั่งยืนในบรรยากาศที่ชวนเชื่อมโยงความคิด, Craft with Heart, Talk with Hand ที่ชวนร่วมสร้างสรรค์กับกลุ่มนักศึกษาผู้บกพร่องทางการได้ยินจากสถาบันราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเชื่อมความเข้าใจด้วยภาษามือและงานคราฟต์ รวมถึง Own Your Colour, Define Your Type ที่ชวนค้นหาเฉดสีและสไตล์ที่แท้จริงของตัวเองเพื่อลดการช้อปเกินจำเป็น ทำให้เวิร์กช็อปแต่ละกิจกรรมเป็นมากกว่าความสนุก แต่เป็นพื้นที่เรียนรู้ตัวเองและเชื่อมโยงกับโลกอย่างลึกซึ้ง
สำหรับบรรยากาศที่บริเวณ The Steps ก็คึกคักไม่แพ้กัน เต็มไปด้วยพลังจากผู้ฟังที่มาร่วม OPEN TALKS หนึ่งในไฮไลต์คือบทสนทนากับ พีช พชร จิราธิวัฒน์ นักแสดง นักธุรกิจ และผู้ก่อตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม Social Entreprise ในหัวข้อ “Believe It. See It. Do It. — จากความเชื่อสู่ผลลัพธ์ทีละก้าว” เขาได้ถ่ายทอดประสบการณ์การทำธุรกิจอาหารควบคู่กับงานเพื่อสังคม ด้วยความเชื่อที่ว่าทุกคนควรเข้าถึงอาหารคุณภาพดีในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ Loopers ที่ต้องการให้คนเข้าถึงแฟชั่นคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้เช่นกัน บทสนทนานี้ชวนให้ผู้ฟังเห็นว่าการทำหลายบทบาทพร้อมกันไม่ใช่เรื่องยาก หากมีสิ่งที่เชื่อเป็นแก่นกลาง และ ‘ความเชื่อเล็ก ๆ ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่ได้จริง’ เติมเต็มบรรยากาศการพูดคุยที่ทำให้ OPEN TALKS ครั้งนี้ทรงพลังและมีความหมาย
อีกหนึ่งบทสนทนาที่น่าสนใจคือ “Buying and Being” ซึ่งได้ ณ ณภัทร วิชัยรุ่งโรจน์ นักแสดงและนายแบบ และ มนต์ นมนต์ นฤขัตพิชัย คอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้าน Self-love และ smart living มาร่วมแชร์มุมมองในฐานะผู้บริโภคที่ต้องการปรับไลฟ์สไตล์ให้ดีต่อตัวเองและโลกอย่างยั่งยืน โดยเน้นย้ำว่า "ทุกคนมีทางเลือกมากมายที่ทำได้เลย และอยากให้มองว่าไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืนไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นสิ่งที่ทำได้ทุกวัน" บทสนทนานี้สะท้อนให้เห็นว่าการรู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้ง จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกซื้อเลือกใช้ที่เป็น Mindful Choice ที่ดีต่อเรา และเป็นไลฟ์สไตล์ที่ทำซ้ำได้เรื่อย ๆ
งานนี้ยังคงมีอีกหลายกิจกรรมที่รอให้คุณมาสัมผัสตลอดเดือนกันยายนนี้กับ WEEKEND TALK ที่จะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ ณ Honeyful Café โดยมีหัวข้อชวนคุยที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เริ่มตั้งแต่ “WEAR YOUR VALUE” (ชุดที่เป็นเรา เป็นแบบไหน) ที่จะชวนสำรวจสไตล์ที่สะท้อนคุณค่าผ่านสิ่งที่คุณสวมใส่, “STAY COOL IN A BOILING WORLD” (ใจเย็นในวันที่โลกร้อน) ที่จะมาแบ่งปันวิธีบาลานซ์ใจในวันที่โลกปั่นป่วน, “DOER IN SURVIVAL MODE” (ใจฉ่ำ (ช้ำ) ผู้ประกอบกรรมคนทำงาน) ที่จะมาแลกเปลี่ยนเรื่องราวและมุมมองชีวิตคนทำงานหลายบทบาทในยุคนี้ ปิดท้ายด้วย “EAT | EXERCISE | ENDURANCE” ENDURANCE (สารพัดกระบวนท่ากว่าจะรักตัวเอง) ที่จะมาถอดรหัส “Self-Love” ผ่านการดูแลกายใจอย่างยั่งยืน ที่จะเติมพลังให้ผู้ฟังนำไปปรับใช้ได้จริง
ทุกกิจกรรมของ “USE LOOP REPEAT” จึงย้ำชัดว่า การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเริ่มจากการเลือกสิ่งเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะช้อป ลงมือทำ หรือแชร์ไอเดียดี ๆ ล้วนสะท้อนแนวคิด Better Look, Better Life & Better Planet อย่างเป็นรูปธรรม
ใครที่ยังไม่ได้มาสัมผัสบรรยากาศ บอกเลยว่ายังทัน! งาน “Open Market: USE LOOP REPEAT: BETTER LOOK MARKET” จัดต่อเนื่องถึง 30 กันยายน 2568 ที่ OPEN HOUSE ชั้น 6 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เข้าร่วมฟรี! มาลองสำรวจสไตล์ใหม่ สร้างสรรค์แรงบันดาลใจ และสนุกกับไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อทั้งตัวเองและโลก พร้อมแชร์มุมมองของคุณผ่าน
ติดตามรายละเอียดกิจกรรมและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Loopers.shop และ Instagram Loopers.shop




MK GROUP ขยาย “ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ” สาขา 2 เซ็นทรัลพาร์คต่อยอดความสำเร็จในไทยสู่การเติบโตต่อเนื่อง พร้อมตอบรับกระแสความนิ...
07/09/2025

MK GROUP ขยาย “ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ” สาขา 2 เซ็นทรัลพาร์ค
ต่อยอดความสำเร็จในไทยสู่การเติบโตต่อเนื่อง พร้อมตอบรับกระแสความนิยมของผู้บริโภค คาดปีหน้าเตรียมขยายเพิ่มอีก
หลังจาก MK GROUP เปิดตัว ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ (Hikiniku To Come) สาขาแรกในประเทศไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 7 โซน Atrium) เมื่อเดือนตุลาคม 2567 สร้างกระแสตอบรับดีเกินคาด ลูกค้าให้ความสนใจอย่างล้นหลาม
สอดรับกับเทรนด์ร้านอาหารแบบ Specialty ที่กำลังได้รับความนิยม จนกลายเป็นไวรัลคิวยาวต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ พร้อมจุดประกายกระแสความนิยมในเมนูแฮมเบิร์กสไตล์ออริจินอลจากญี่ปุ่นแท้ ๆ โดยปัจจุบันสามารถรักษามาตรฐานคิวได้ถึง 450 คิวต่อวัน และเสิร์ฟแฮมเบิร์กรวมแล้วกว่า 500,000 ชิ้น นับเป็นการตอกย้ำศักยภาพของแบรนด์และความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y – Z ถือได้ว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของการวางรากฐานสู่การขยายสาขาในอนาคต
คุณทานตะวัน ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า “จากจุดเริ่มต้นที่ทาง MK GROUP ตัดสินใจนำแบรนด์ ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ เข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากการมองเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจ และศักยภาพของแบรนด์ที่มีแนวโน้มเติบโตในไทย อีกทั้งแบรนด์ยังได้ให้ความสำคัญเรื่องความใส่ใจและความพิถีพิถันเช่นเดียวกับวิสัยทัศน์ขององค์กรด้วย โดยความสำเร็จของ ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ สาขาแรกนี้ ส่งผลให้เราเดินหน้าต่อยอดขยายสาขา 2 ที่เซ็นทรัล พาร์ค (สีลม) ย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และรองรับปริมาณความต้องการที่สูงขึ้นในทันที ควบคู่ไปกับการย้ำความเป็น “ตัวจริงเรื่องแฮมเบิร์ก” รวมถึงบทบาทผู้นำในการส่งมอบคุณภาพและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมดันยอดโต 2 เท่า”
โดยสาขาใหม่แห่งนี้ ยังคงสะท้อนเอกลักษณ์ของ ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ ตอกย้ำคอนเซปต์ “บดใหม่ ย่างใหม่ หุงใหม่ ทุกคำ!” การันตีเนื้อวัวคุณภาพนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 100% บดใหม่ทุกเช้า และย่างใหม่หอมกรุ่นบนเตาถ่านไม้ ให้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเสิร์ฟตรงหน้าภายใน 1 วินาที! เพื่อให้ลูกค้าได้ประสบการณ์รับประทานแฮมเบิร์กที่อร่อยที่สุด “ทุกคำ!” และข้าวที่เราเลือกใช้ คือ ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ “ฮิโตเมะโบเระ” ของจังหวัดอิวาเตะมีลักษณะเหนียวนุ่ม หวานหอม รสชาติอูมามิที่นำมาหุงใหม่เป็นรอบ ๆ ตลอดทั้งวันให้พอดีต่อการสั่งในหม้อฮากามะดั้งเดิมขนาดใหญ่ ที่สำคัญไม่นำข้าวที่หุงเสร็จแล้วทิ้งไว้เกิน 20 นาทีมาเสิร์ฟโดยเด็ดขาด รวมถึงมีการควบคุมอุณหภูมิ ปริมาณน้ำ วิธีพักข้าว และจังหวะการเสิร์ฟ เพื่อให้ได้ “ข้าวหุงใหม่ที่สมบูรณ์ที่สุด” นอกจากนี้ยังเพิ่มความพิเศษให้กับวิธีการรับประทานแบบใหม่คู่กับซอสเอ็กซ์คลูซีฟ “ซอสโฮมเมด โคชูจัง” ซึ่งเปิดตัวที่แรกในเอเชีย มีให้ลิ้มลองเฉพาะสาขานี้เท่านั้น พร้อมเผยประสบการณ์ ทั้ง “รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส” ครบทุกมิติ
ด้านการออกแบบภายในร้านยังคงอิงตามแบบฉบับของประเทศญี่ปุ่นเช่นเดิม ด้วยเตาย่างแฮมเบิร์กที่ตั้งอยู่กลางร้าน ล้อมรอบด้วยที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ และเพิ่มเติมความทันสมัยให้เข้ากับไลฟสไตล์ของคนเมือง โดยดีไซน์ภายนอกโปร่ง โล่ง เปิดมุมมองให้เห็นบรรยากาศด้านใน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ตั้งแต่ด้านนอกร้าน ได้เห็นการขั้นตอนการปรุง โชว์บดเนื้อ และปั้นเนื้อสด ๆ ตรงจุดกลางร้านด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน “ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ” มีทั้งหมด 12 สาขา ทั้งสาขาในประเทศญี่ปุ่น 4 สาขา (คิจิโจจิ, ชิบูย่า, เกียวโต, ฟุกุโอกะ), 6 สาขาในประเทศโซนเอเชีย คือ ไต้หวัน เกาหลีใต้ ฮ่องกง จีน รวมถึงอีก 2 สาขาในประเทศไทย ภายใต้การบริหารของเครือ MK GROUP คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 7 และล่าสุดกับสาขา เซ็นทรัล พาร์ค (สีลม)
“ในขณะเดียวกัน ทาง MK GROUP ก็เตรียมแผนในการขยายสาขาเพิ่มอีก นอกจากนี้เรายังมองหาโอกาสใหม่ ๆ เล็งแบรนด์ที่มีแนวคิดเดียวกัน เข้ามาเติมพอร์ตในส่วนของธุรกิจร้านอาหารให้เติบโตอย่างแข็งแรง” คุณทานตะวัน กล่าวทิ้งท้าย
พิเศษเฉพาะลูกค้า 100 บิลแรก รับฟรี Japan Special Box Set มูลค่า 790 บาท ตั้งแต่ 4 – 6 กันยายน 2568 (3 วันเท่านั้น รวม 300 สิทธิ์)
ติดตามข่าวสารและโปรโมชัน
Facebook: Hikiniku To Come Thailand
Instagram: hikiniku.to.come_thailand
TikTok: hikiniku.to.come_thailand
LINE:

กิฟฟารีน แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine K2 Plus Liposomal D3”(กิฟฟารีน เค 2 พลัส ไลโปโซมอล ดี 3) กุญแจสำคัญของกระดูกที่แข็งแ...
07/09/2025

กิฟฟารีน แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine K2 Plus Liposomal D3”
(กิฟฟารีน เค 2 พลัส ไลโปโซมอล ดี 3) กุญแจสำคัญของกระดูกที่แข็งแรง
บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine K2 Plus Liposomal D3” (กิฟฟารีน เค 2 พลัส ไลโปโซมอล ดี 3) ผลิตภัณฑ์ใหม่ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อความแข็งแรงของกระดูก ทานคู่กับแคลเซียม เพื่อเพิ่มการดูดซึมได้ทุกวันด้วยวิตามินเค 2 ธรรมชาติจากนัตโตะในรูปแบบ Trans MK – 7 100% เต็มโดส 75 มคก. ที่ดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีกว่าวิตามินเค 2 รูปแบบอื่น พร้อมด้วยวิตามินดี 3 ในรูปแบบไลโปโซม 300 IU ดูดซึมได้ดีกว่าวิตามินดี 3 ทั่วไป 1.8 เท่า มีความคงตัว ไม่ถูกทำลายจากกรดในกระเพาะอาหาร คู่ซี้สาย Support ที่จะช่วยนำส่งแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้ตรงจุดมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพกระดูก ผู้ที่มีความกังวลใจเรื่องกระดูกพรุน ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพกระดูกและหัวใจเป็นพิเศษ ผู้ที่มีความกังวลใจเรื่องโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ที่ต้องการเสริมวิตามินเค 2 และวิตามินดี 3 และผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ขนาด 30 แคปซูล ราคา 440 บาท
พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่สำนักงานธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ ,LIne@giffarinethailand ,กิฟฟารีน 1101 , www.giffarine.com ,Shopee และ Lazada
เกี่ยวกับ “กิฟฟารีน”
“ทุกครั้งที่คุณใช้กิฟฟารีน นั่นคือความรับผิดชอบของเรา...ทุกครั้งที่คุณเชื่อมั่นในกิฟฟารีน นั่นคือ ความภูมิใจของเรา” กิฟฟารีนก่อกำเนิดจากความมุ่งมั่นของคณะแพทย์ และเภสัชกรที่ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทย ผ่านการรับรองที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ด้วยปณิธานยึดมั่นในความจริงใจ และความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคอันเต็มเปี่ยม “กิฟฟารีน” มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องอันเกิดจากการวางแผนการตลาดที่มีวิสัยทัศน์ แผนการขายที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความมั่นคงให้แก่นักธุรกิจกิฟฟารีน พร้อมทั้งการสนับสนุนด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ ในฐานะผู้นำธุรกิจเครือข่ายที่พร้อมจะตอบสนอง และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภคในระยะยาว ปัจจุบัน “กิฟฟารีน” มีโรงงานที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ด้วยเงินลงทุนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนไทยมากที่สุด รวมไปถึงสามารถควบคุมต้นทุนการผลิต ตลอดจนคัดเลือกคุณภาพของวัตถุดิบที่ดีที่สุด

ที่อยู่

Bangkok
10400

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Phoenix Newsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Phoenix News:

แชร์