28/11/2024
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันกล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนได้รับการอัปเกรดให้ล้ำกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็น จำนวนกล้องที่มากขึ้น, ความละเอียดที่สูงขึ้น ไปจนถึงเซ็นเซอร์รับภาพที่มีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าการถ่ายภาพด้วยมือถือให้ออกมาดีนั้น นอกเหนือจากการจัดวางองค์ประกอบภาพให้เหมาะสม รวมถึงมองหาสภาพแวดล้อมที่เป็นใจแล้ว การตั้งค่ากล้องมือถือ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ภาพออกมามีความสวยงามแบบมือโปรได้เช่นเดียวกัน และในวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter ก็มีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับตั้งค่าการถ่ายภาพบนมือถือให้ถ่ายได้สวยงามระดับโปร โดยจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยครับ
--ตั้งค่าไฟล์ภาพ
สำหรับสมาร์ทโฟนบางแบรนด์ จะตั้งค่าการบันทึกไฟล์ภาพอยู่ในระดับกลางเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งก็ส่งผลต่อคุณภาพของภาพถ่ายด้วย โดยเราสามารถตรวจสอบ และตั้งค่าให้ระบบบันทึกไฟล์ภาพอยู่ในระดับดีที่สุดได้อย่างง่ายๆ ดังนี้
1.เข้าไปที่แอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ
2.Setting (การตั้งค่า)
3.Picture Quaility (คุณภาพของภาพถ่าย)
4.ระดับสูง (High) *ชื่อเมนูอาจมีความแตกต่างกันในแต่ละแบรนด์
---เปิดใช้งาน HDR
เปิดใช้งาน HDR เพื่อเก็บรายละเอียดของฉากหน้า และเก็บรายละเอียดของท้องฟ้า รวมถึงรายละเอียดของตึกได้อย่างครบถ้วน
HDR หรือ High Dynamic Range เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพย้อนแสงมีความสว่าง และคมชัดมากยิ่งขึ้น ผ่านการถ่ายภาพหลายๆ ใบ แล้วนำมาซ้อนกันเพื่อช่วยเก็บรายละเอียดที่ซ่อนตัวอยู่ตามเงามืด และแสงสว่าง เหมาะแก่การถ่ายภาพแบบย้อนแสงเพื่อป้องกันไม่ให้ฉากหน้ามืดเกินไป หรือฉากหลังสว่างเกินไปจนมองไม่เห็นรายละเอียด และยังเหมาะแก่การถ่ายภาพที่มีความแตกต่างของแสงมากเป็นพิเศษ ซึ่งโดยปกติแล้วฟีเจอร์ HDR จะเปิดให้ใช้งานแบบอัตโนมัติเมื่อสภาพแสงเอื้ออำนวย แต่หากใครที่เผลอปิดไป หรือต้องการให้ HDR ทำงานทุกครั้งที่ถ่ายภาพ ก็สามารถตั้งค่าได้ง่ายๆ ด้วยการแตะที่ไอคอน HDR บริเวณด้านบนของแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ และเลือกเป็น On (เปิดใช้งานตลอดเวลา) หรือ Auto (เปิดใช้งานอัตโนมัติ)
--เปิดใช้งาน AI
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันมักจะมีฟีเจอร์ AI Scene Recognition หรือการปรับแต่งภาพถ่ายให้มีความสวยงามแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น สีสัน หรือการตั้งค่าของกล้องถ่ายภาพ โดย AI จะเป็นผู้รับหน้าที่วิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่เรากำลังจะถ่าย และปรับแต่งให้เหมาะสม ซึ่งการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ให้สังเกตคำว่า AI ที่อยู่บริเวณด้านบนของแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ หากเปิดใช้งานอยู่เราจะเห็นไอคอนเปลี่ยนสีไป และเมื่อ AI ตรวจพบซีนที่สามารถปรับแต่งให้สวยงามได้ ก็จะแสดงชื่อของซีนนั้นๆ ให้ผู้ใช้รับทราบบริเวณด้านล่าง
--หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพด้วยโหมดความละเอียดสูง
จริงอยู่ที่สมาร์ทโฟนปัจจุบันมีความละเอียดของเซ็นเซอร์รับภาพที่สูงขึ้น บางรุ่นมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล บางรุ่นก็ให้มาถึง 108 ล้านพิกเซล ซึ่งสมาร์ทโฟนที่มีกล้องความละเอียดสูงๆ นั้น มักจะมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้เต็มความละเอียดของเซ็นเซอร์รับภาพ หรือโหมดการถ่ายภาพในความละเอียดสูง แต่การถ่ายภาพด้วยโหมดดังกล่าวอาจไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพของภาพถ่ายที่ดีที่สุดเสมอไป เพราะการถ่ายภาพเต็มความละเอียดที่เซ็นเซอร์รับภาพทำได้ จะช่วยให้ภาพมีขนาดใหญ่ขึ้น และทำให้อดใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Pixel Binin
Pixel-bining เป็นการรวมพิกเซลเล็ก ๆ บนเซ็นเซฮร์รับภาพ ให้เป็นพิกเซลใหญ่ เพื่อช่วยให้การรับแสงดีขึ้น ส่งผลให้การเก็บรายละเอียดต่างๆ ดีขึ้นตามไปด้วย หากยังไม่เห็นภาพลองนึกภาพว่า เรากำลังเปิดน้ำใส่แก้ว 1 ใบ (พิกเซลเล็ก) เราก็อาจใส่น้ำได้สูงสุดแค่ 250 มล. ต่อการเปิดน้ำ 1 ครั้ง หากวางแก้วเรียงต่อกันเป็นแนวตรง ก็อาจรับน้ำได้มากขึ้น แต่ก็จะมีแก้วบางใบที่ไม่ได้รับน้ำ แต่หากเรานำแก้วหลาย ๆ มามัดรวมกัน ก็อาจรับน้ำได้มากถึง 1 ลิตรต่อการเปิดน้ำครั้งเดียว ซึ่งก็เปรียบเสมือนการรับแสง รวมถึงการรับข้อมูลเกี่ยวกับภาพถ่ายได้ดีขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ Pixel-bining ยังเป็นเหตุผลว่าทำไมกล้องมือถือความละเอียด 48, 64 หรือ 108 ล้านพิกเซล ถึงถ่ายภาพออกมาได้ความละเอียดอยู่ที่หลัก 10 ล้านพิกเซลเท่านั้น เพราะพิกเซลเล็ก ๆ ได้ถูกผสานรวมเป็นพิกเซลใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
-ป้องกันภาพสั่นด้วยการตั้งเวลาถ่ายภาพ
อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปคือ การออกแรงกดปุ่มถ่ายภาพแต่ละครั้ง อาจทำให้สมาร์ทโฟนเกิดการเคลื่อนไหว และส่งผลให้ภาพเบลอในท้ายที่สุด ซึ่งวิธีแก้ที่ง่ายที่สุด และสามารถนำไปใช้ได้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นทุกแบรนด์คือ การตั้งเวลาถ่ายภาพ ซึ่งนอกเหนือจากจะช่วยลดอาการเบลอของภาพได้แล้ว ยังช่วยให้เรามีเวลาจัดท่าทาง จัดท่าโพสสวยๆ ได้มากขึ้นด้วยครับ
--ล็อคแสง และโฟสกัส ด้วยฟีเจอร์ AF/AE Lock
เนื่องจากสมาร์ทโฟนใช้ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติเป็นค่าพื้นฐาน ดังนั้นการโฟกัสภาพแต่ละครั้ง ก็จะมีการวัดแสงใหม่ทุกรอบ ซึ่งในบางซีนหากเรามองเห็นว่าแสงที่กล้องวัดได้นั้นมีความสวยงามเหมาะสม และโฟกัสวัตถุที่เราต้องการได้เข้าเป้าแล้ว ก็สามารถกดล็อกแสง และจุดโฟกัสได้อย่างง่ายๆ ด้วยการแตะค้างที่หน้าจอของสมาร์ทโฟนจนปรากฏไอคอน AF/AE Lock
--ลองใช้โหมด Pro บ้าง
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ในตอนนี้ มักจะติดตั้งโหมด Pro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าต่างๆ เกี่ยวกับกล้องได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ISO, Speed Shutter หรือ White Balance โดยการตั้งค่าให้เหมาะสม เช่น ใช้ ISO ต่ำในสภาพแสงที่เพียงพอ หรือการเปิดใช้ Speed Shutter ให้นานขึ้นขณะถ่ายภาพกลางคืน เพื่อช่วยลด Noise ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยให้ภาพถ่ายออกมาดีได้ แต่เชื่อว่ามือใหม่หลายๆ ท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าค่าแต่ละอย่างหมายถึงอะไร และควรปรับที่เท่าไหร่ สามารถอ่านข้อมุลเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ครับ
--เปิดใช้งานจุดตัด 9 ช่อง
เทคนิคคลาสสิกตลอดกาลอย่าง การวางตัวแบบ หรือ Subject ไว้ในตำแหน่งจุดตัดของกรอบสี่เหลี่ยมบนเฟรม ก็ถือว่ายังสามารถใช้งานได้ดีในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยให้จัดองค์ประกอบของภาพง่ายแล้ว ยังช่วยให้ภาพที่ออกมามีความน่าสนใจมากขึ้นด้วย โดยสมาร์ทโฟนทุกรุ่นจะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Grid เพื่อเปิดใช้งานจุดตัด 9 ช่อง และในสมาร์ทโฟนบางรุ่นอย่างเช่น Huawei จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Golden Spiral ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานสัดส่วนทองคำ ที่หลายช่างภาพหลายคนเชื่อว่า การวางองค์ประกอบของภาพตามสัดส่วนดังกล่าว จะทำให้ภาพออกมามีความสวยงามไม่แพ้กฏสามส่วน หรือจุดตัด 9 ช่องเลยทีเดียว