
12/04/2025
บทบรรณาธิการ: สงครามการค้า แค่พักหายใจ "ทรัป์" ยังไม่จบเเค่นี้
จะเป็นไบโพลาร์กันไปหมดแล้ว หรือจะถึงขั้นผวา หวาดระแวง สำหรับตลาดหุ้น และนักลงทุนทั่วโลก ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ช็อคโลกประกาศตั้งกำแพงภาษีกว่า 70 ประเทศ
โดยเฉพาะจีนที่หลังจากตอบโต้กันไปมา ล่าสุดนั้นทางทำเนียบขาวยืนยันว่าจะเก็บอัตราภาษีนำเข้าจีนรวมเบ็ดเสร็จ 145% เข้าให้แล้ว เมื่อรวมกับภาษีนำเข้าที่เกี่ยวกับเฟนทานิล 20% ในขณะที่จีนเองก็ตอบโต้ทันควัน โดยประกาศลดจำนวนภาพยนตร์สหรัฐฯ ลงทันที
ในขณะที่ทรัมป์ก็ประกาศผ่อนปรนไม่เก็บภาษีประเทศที่ไม่ตอบโต้ออกไปอีก 90 วัน พอให้ได้หายใจหายคอ แต่อย่างไรก็ตามการขยายเวลาดังกล่าว ทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นพักการขายลงไปชั่วคราวเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นตลาดสหรัฐฯ เอง หรือแม้แต่ตลาดหุ้นไทย
เพราะหากมอง 3 เดือนจากนี้ ที่สหรัฐฯใจดีผ่อนผันให้ประเทศที่ไม่แข็งข้อกับประเทศตัวเอง ก็ยังไม่สามารถนิ่งนอนใจถึงความเอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะใครๆก็รู้ดีว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา โดยไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหมที่ไหน เพราะผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เท่านั้นที่ทรัมป์ต้องการ ซึ่งเราต้องยอมรับว่าจากนี้ไปรัฐบาลสหรัฐฯ จะใช้ทั้งภาษีและการเจรจาเป็นเครื่องมือในการจัดการกับปัญหาขาดดุลการค้า
อีกทั้ง ทรัมป์เองก็ยอมรับว่า การตั้งกำแพงภาษีของเขาอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่ก็ไม่ต้องการทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง (depression) หากทุกประเทศพร้อมที่จะเข้ามาเจรจา ซึ่งก็คือการดำเนินนโยบายที่ทรัมป์ตั้งใจทำตั้งแต่แรก แม้จะยอมรับนักลงทุนตื่นตระหนกเกินเหตุ และกลัวกันมากเกินไป
ดังนั้นในภาพของการลงทุน และเศรษฐกิจจึงยังมีความไม่แน่นอน อึมครึม ท่ามกลางความหวั่นเกรงว่าสงครามการค้ารอบนี้จะรุนแรงหนักกว่ารอบแรกหลายเท่าตัว ซึ่งไทยแลนด์ของเรานั้นหนีไม่พ้นแน่ๆ และน่าจะเอาตัวรอดได้ยาก เห็นได้จากกูรูเศรษฐกิจหลายๆ สำนักที่ดาหน้าออกมาหั่นเป้าจีดีพีปีนี้ เหลือโตแค่ 1-1.5% เท่านั้น บางรายให้ติดลบด้วยซ้ำไป
สงครามยังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น หากตราบใดที่โดนัลด์ ทรัมป์ ยังอยู่ในตำแหน่ง โลกอาจต้องรับสภาพความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายภาษีที่จะมีออกมาอีกเรื่อยๆ พร้อมกับการฟาดฟันระหว่างยักษ์ใหญ่ สหรัฐฯ กับจีน ดังนั้นเมื่อพญาอินทรีต่อกรกับพญามังกร ก็ไม่ต่างอะไรกับช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกราน
ส่วนประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ ก็คงไม่ต่างจากหญ้าแพรกที่รอวันแหลกราน หากไม่รีบแก้วิกฤติสงครามการค้าที่เริ่มปะทุครั้งนี้ พร้อมๆกับการต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในการค้าโลก อย่าลืมว่าประเทศไทยของเราพึ่งพาการส่งออกมากถึง 60% ถ้าวันที่เราไม่สามารถเจรจาต่อรองได้ เมื่อนั้นไม่อยากจะนึกภาพเหมือนกัน