ISLAM AGAMA KU การศึกษาและการเรียนรู้

ละหมาดหรือยัง เป็นประโยชน์สันๆที่แสดงถึงความห่วงใย
19/09/2025

ละหมาดหรือยัง เป็นประโยชน์สันๆที่แสดงถึงความห่วงใย

19/09/2025

Semua dia kata syirik


19/09/2025

ฝากถึงคนที่ไปเรียนนอก
#บาบอบาซิกาตอง

18/09/2025

หลังละหมาดฝากดูอาให้พี่น้องป?!ลสไตน์ด้วยนะทุกคน😥😥😥

อัลลอฮ์ทรงมีพระนามหนึ่งว่า “ร่ออูฟ” رءوف ผู้ทรงสงสารเห็นใจ และ “ร่อฮีม” رحيم ผู้ทรงเมตตา แต่ในซูเราะฮ์อัตเตาบะฮ์:128 อัล...
16/09/2025

อัลลอฮ์ทรงมีพระนามหนึ่งว่า “ร่ออูฟ” رءوف ผู้ทรงสงสารเห็นใจ และ “ร่อฮีม” رحيم ผู้ทรงเมตตา แต่ในซูเราะฮ์อัตเตาบะฮ์:128 อัลลอฮ์ทรงบรรยายท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่าท่านเป็นร่ออูฟและร่อฮีมต่อผู้ศรัทธา โดยใช้ลักษณะของอัลลอฮ์ด้วยรูปผันคำแบบเดียวกันมาเรียก

بالمؤمنين رءوف رحيم

👉*ผมตั้งคำถามชวนทุกคนคิดตามว่า “ถ้าไม่มีอายะฮ์นี้มาบรรยายนบีไว้แบบนี้ แต่มันไปปรากฏในกลอนสรรเสริญนบีของคนยุคหลัง เรื่องจะเป็นยังไง?“*👈

นึกออกไหมครับ ถ้าในกุรอานไม่มีการนำพระนามของอัลลอฮ์ไปบรรยายเป็นลักษณะนบีแบบนี้เลย ไม่มีในกุรอานว่าท่านเป็นร่ออูฟร่อฮีม ศอฮาบะฮ์ไม่เคยเรียกท่านว่า ”โอ้นบีผู้เป็นร่ออูฟร่อฮีม“ ตาบิอีนไม่มี ปราชญ์มุจตะฮิดไม่มี แต่…ให้หลัง 600 ปี ปรากฏการสรรเสริญนบีด้วยคำนี้ในบทกวี #บุรดะฮ์ (สมมติ) หรือ #อัลบัรซันญีย์ บรรยายว่าท่านเป็นนบีที่ร่ออูฟร่อฮีม ผู้อ่านคิดแบบแฟร์ ๆ ซิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?

ผมนึกถึงบทความทำนองว่า:

“เรียกนบีเป็นร่ออูฟร่อฮีมเป็นการเลยเถิดต่อนบี ยกย่องท่านเหนือกว่าที่ท่านเป็น ถ้าเข้าใจศาสนาแบบสลัฟจะรู้สึกได้ว่าเลยเถิด เพราะเท่ากับให้ลักษณะการเป็นพระเจ้าแก่ท่าน ยิ่งคำว่า ‘ร่อฮีม‘ คืออัลลอฮ์ทรงเมตตาต่อผู้ศรัทธาในอาคิเราะฮ์ เป็นลักษณะของอัลลอฮ์องค์เดียว จะอ้างว่านบีเป็นคนเมตตาจึงเรียกแบบนี้ไม่ได้ เพราะมันคือความเมตตาเฉพาะในอาคิเราะฮ์ ซึ่งไม่มีใครให้ได้นอกจากอัลลอฮ์ บทกลอนสรรเสริญนี้เข้าข่ายชิริกและบิดอะฮ์ชัดเจน มุสลิมต้องออกห่าง”

ผมก็อยากรู้ว่าจะโต้แย้งยังไง #ภายใต้เงื่อนไขว่าไม่มีอายะฮ์ในซูเราะฮ์อัตเตาบะฮ์ เขาจะอ้างหลักไหนเพื่อให้นบีเป็นร่ออูฟและร่อฮีมได้? เพื่อให้มันเข้ากับความจริง ณ ปัจจุบันว่า มันคือเนื้อหาของกุรอาน มันไม่ใช่บุรดะฮ์หรือบัรซันญีย์ เพราะพวกเราทุกคนรู้แก่ใจว่าจริง ๆ แล้วนี่คือพระดำรัสของอัลลอฮ์ที่ไม่อาจถูกวิจารณ์ว่า ”เลยเถิด“ ได้เลย

และถ้าใครโต้แย้งเนื้อหาสมมตินั้นตามเงื่อนไขตัวแปรนั้นได้จริง (ซึ่งไม่ได้ยาก) คำถามที่น่าสนใจต่อไปก็คือ แบบแผนของข้อโต้แย้งนั้นจะสามารถใช้อธิบายสิ่งที่ปัจจุบันมีคนกล่าวหาบทสรรเสริญนบีต่าง ๆ ว่าเป็นชิริก,เลยเถิดได้หรือไม่? ข้อโต้แย้งเรื่องว่าศอฮาบะฮ์และสลัฟไม่เคยยกนบีแบบนั้น เรื่องมาตรวัดของความเลยเถิดและแก่นของความเป็นชิริก ข้ออ้างที่ว่าบางอย่างในนั้นเป็นเรื่องเฉพาะของอัลลอฮ์ที่ไม่สามารถเอามาสวมเพื่อบรรยายนบีได้ ฯลฯ น่าสนใจมั้ยครับ?

เราไม่อาจตัดจบปัญหาขบคิดนี้เพียงแค่ปัดสวะไปว่า ”ก็ปัจจุบันมันมีกุรอานพูดไว้แล้ว เราจะไปสมมติสิ่งที่มันไม่ได้เกิดขึ้นทำไม“ ถ้าคุณยังตอบไม่ได้ว่าทำไมมันถึงไม่เลยเถิด ทำไมมันไม่เข้าข่ายชิริก เพียงแค่อัลลอฮ์ตรัสไว้? แค่นี้คุณขยายการเรียนรู้ใด ๆ ไม่ได้ มันย่อมมีเหตุที่ชี้ว่านี่ไม่ใช่การเลยเถิด ไม่เป็นชิริก และเมื่อเหตุผลถูกแสดงขึ้นมา (ถ้าทำได้นะ) คุณจะได้ ”มาตรฐาน“ ว่าอะไรเลยเถิดหรือไม่เลยเถิด อะไรชิริกอะไรไม่ชิริกที่ชัดเจนขึ้นอีกมาก

เคสนี้เป็นแค่ “โชคดี” ที่เป็นกุรอานเองที่พูดไว้ ขณะที่อีกหลายอย่างก็อาจเป็นแค่ “โชคร้าย” ที่กุรอานไม่ได้พูดไว้ ทั้งที่จริง ๆ แล้วอัลกุรอานได้สร้างตัวอย่างนี้เอาไว้ให้เราขบคิดแบบที่ผมทำนี่แหละ เพียงแต่พวกเราหลายคนไม่ได้ต้องการผังความคิด ไม่มีมาตรฐาน แต่ใช้ความรู้สึกเป็นตัวตั้ง ถ้าจะมีใครปฏิเสธว่าไม่ใช่เรื่องความรู้สึก เช่นนั้นก็ลองโต้แย้งย่อหน้าสมมติด้านบนให้ดูทีว่าโต้อย่างไรได้บ้าง ด้วยหลักการและเหตุผลในตัวแปรเงื่อนไขตามที่ว่าไป ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าทำจริง ทำได้ไม่ยากเลย แต่เมื่อทำแล้วมันจะสร้างบรรทัดฐานให้เรื่องอื่นด้วย และพวกเราบางส่วนมันก็มีปัญหากับการยึดมั่นในบรรทัดฐานเสียด้วย

หรือในมุมกลับล่ะ? ถ้ากุรอานไม่ได้บรรยายนบีว่าเป็นร่ออูฟและร่อฮีม แต่เปลี่ยนเป็นฆิยาษและมุญีรุลมุอ์มินีน (ผู้ช่วยมุอ์มินให้พ้นภัย) มันจะเลยเถิดไหม? เพราะนั่นคือความจริง ณ ปัจจุบันที่บทกลอนต่าง ๆ ถูกวิจารณ์ ถ้าสมมติมันไปอยู่ในกุรอาน มันจะยังเลยเถิดไหม? และท่านจะสนับสนุนเนื้อหานั้นอย่างไร?

หรือตัวแปรระหว่างเลยเถิดกับไม่เลยเถิด ชิริกหรือไม่ชิริก มันมีแค่ว่าสิ่งนั้นถูกกล่าวไว้โดยตรงในอัลกุรอานหรือไม่? ไม่มีแบบแผน ไม่มีแนวคิดอะไรรองอยู่ข้างใต้ให้ศึกษาได้เลย เป็นเรื่องโชคดีโชคร้ายเท่านั้น ถ้ามีกล่าวไว้ก็โชคดีไปไม่ต้องทะเลาะกัน ถ้าไม่มีก็ซวยไป ต้องมานั่งทะเลาะกัน สังคมวิชาการจะเอากันแบบนั้นไหม?

ฉะนั้น ถ้าถามผมว่า ถ้าในกุรอานไม่บรรยายนบีไว้แบบนี้ แต่คนยุคหลังดันมาเรียก เรื่องจะเป็นยังไง? คำตอบก็คือ #เละ #กุฟุร #ชิริก #บิดอะฮ์ เลยเถิด ฯลฯ ต้องเข้า 100% เอาแค่ทุนล้วน ๆ ยังไม่บวกกำไรนะ

ผู้อ่านล่ะคิดว่าอย่างไรครับ?


#อาจารย์ซอบรี

เครดิต:Sobree Napakorn

16/09/2025

ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับวาฮาบี

🕋🕋🕋🕋  #บทความสั้นๆ_ว่าด้วยส่วนหนึ่ง ✍️✍️✍️✍️📚📚  #จากลักษณะหลักอากีดะห์ของชาวมุชับบีหะห์ 📚📚( ผู้เปรียบเปรยอัลลอฮกับมัคลูก...
15/09/2025

🕋🕋🕋🕋 #บทความสั้นๆ_ว่าด้วยส่วนหนึ่ง ✍️✍️✍️✍️

📚📚 #จากลักษณะหลักอากีดะห์ของชาวมุชับบีหะห์ 📚📚

( ผู้เปรียบเปรยอัลลอฮกับมัคลูก ส่วนหนึ่งจากการเปรียบเปรยก้อคือ ที่ยึดมั่นว่า อัลลอฮอาศัยสถานที่และมีทิศทาง อยู่บนฟ้า บนอารัช และอื่นๆ , ซึ่งดังกล่าว คือคุณลักษณะของญีเหร่มญีเส่ม หรือตัวตนมัคลูกนั่นเอง )

__________________________

ท่านอีหม่ามฮาฟิซ ชีฮาบุดดีน อิบนุฮาญัร อัลอัสกอลานีย์ ร.ฮ(อุลามาอ์ใหญ่มัสหับชาฟีอีย์ 773-852 ฮ.) ท่านได้กล่าวในตำราฟัตหุ้ลบารีย์ของท่านว่า

ان المشبهة المجسمة لله تعالى هم الذين وصفوا الله بالمكان والله منزه عنه

แท้จริง มุชับบีหะห์มุญัซซีมะห์(ผู้ให้รูปร่างแด่อัลลอฮ)นั้น ก้อคือ ผู้ที่ให้คุณลักษณะแด่อัลลอฮด้วยกับสถานที่(คือให้ที่อยู่แด่อัลลอฮ) และทั้งๆที่อัลลอฮนั้นคือผู้ทรงบริสุทธิ์จากมัน(จากการพึ่งพาอาศัยสถานที่)

และท่านซุลฏอนุลอูลามาอ์ อิหม่ามใหญ่มัสหับชาฟีอีอีกท่าน ท่านอีหม่าม อิซซุดดีน บิน อับดิสซาลาม ร.ฮ (577-660ฮ). ท่านก้อได้กล่าวอีกเช่นกันว่า

لان هذا القول يوهم ان للحق مكانا ومن توهم ان للحق مكانا فهو مشبه

เนื่องจากคำกล่าวนี้มันจะให้ความเข้าใจว่าอัลลอฮมีสถานที่ และผู้ใดที่เข้าใจคิดว่าอัลลอฮมีสถานที่ ดังนั้น เขาก้อคือพวกมุชับบีหะห์นั่นเอง

และท่านชัยคุลอิสลาม อิหม่ามตาญุดดีน อัสสุบกีย์ (ปราช์ใหญ่มัษฮับชาฟีอีย์อีกท่าน , ช่วงปีฮิจเราะฮ์ที่ 727-771) ท่านได้กล่าวจากท่าน อิหม่ามฟัครุดดีน อิบนุอะซากิรว่า ..

إِنَّ اللهَ تَعَالَى مَوْجُوْدٌ قَبْلَ الْخَلْقِ لَيْسَ لَهُ قَبْلٌ ولاَ بَعْدٌ، وَلاَ فَوْقٌ وَلاَ تَحْتٌ، وَلاَ يَمِيْنٌ وَلاَ شِمَالٌ، وَلاَ أَمَامٌ وَلاَ خَلْفٌ...هذا آخِرُ الْعَقِيْدَةِ وَلَيْسَ فِيْهَا مَا يُنْكِرُهُ سُنِّيٌّ

“ แท้จริงอัลลอฮฺตะอาลาทรงมีก่อนมีสรรพสิ่งทั้งหลาย โดยที่พระองค์ไม่มี(สิ่งใด)ก่อนและหลังสำหรับพระองค์ ไม่มีข้างบน ไม่มีข้างล่าง ไม่มีขวา ไม่มีซ้าย ไม่มีข้างหน้า และไม่มีข้างหลัง...
(และท่านอิหม่ามอัสสุบกีย์กล่าวว่า) นี้คือบทสรุปสุดท้ายของอะกีดะฮ์โดยไม่มีชาวอะฮฺลิซซุนนะฮ์คนใดให้การปฏิเสธมันเลย ”

อ้างอิง : ฏอบากอตอัซซุบกีย์ เล่ม 8 หน้า 186 .

__________________________

และอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก้อได้ดำรัสในอัลกุรอ่านไว้ว่า

“إِنَّ ٱللَّهَ لَغَنِيٌّ عَنِ ٱلۡعَٰلَمِينَ” .

ความว่า : แท้จริงอัลลอฮนั้น ทรงหลุดพ้น(ไม่พึ่งพา)
สิ่งใดๆทั้งหมด จากอาลามีน(บรรดามัคลูก)

( ซูเราะห์ อัลอังกะบู้ต อายัตที่ 6 )

ฉะนั้น ขอพี่น้องทุกๆท่าน จงห่างไกลจากการยึดมั่น ว่าอัลลอฮทรงมีสถานที่ตลอดจนบรรดาทิศทาง(ซึ่งเป็นคุณลักษณะของสิ่งถูกสร้างที่มีความอ่อนด้อยนะครับ) อัลลอฮมิได้ทรงพึ่งพาสถานที่ อัลลอฮคือพระเจ้าที่ทรงควบคุมทุกๆสถานที่และควบคุมมัคลูกทั้งหมด ให้นิ่ง ให้ขยับ ให้อยู่บน ให้อยู่ล่าง และอื่นๆ … #อัลลอฮคือพระเจ้าที่ทรงสูงส่ง_ทรงบริสุทธิ์เหนือบรรดาคุณลักษณะเหล่านั้น นี่แหละสัจธรรมครับ 👌

เพราะอัลลอฮนั้นคือผู้ทรงกะมาลาต(คุณลักษณะสมบูรณ์)
และจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับบรรดามัคลูกทั้งหลาย
ดั่งอายัต… " ليس كمثله شيء " ..

โดยที่สมองของสิ่งใหม่ที่มีขีดจำกัดนั้น
มิสามารถมโนในสถานะแก่นแท้ซาตของผู้ทรงกอดี่มได้นั่นเอง
#ขอจงมอบหมายเถิด อย่าได้ใช้สมองเกินขอบเขตขีดสามารถนักเลย

หลักศรัทธา หลักยึดมั่น
#วาญิบต้องบริสุทธิ์ : (سبحان الله)

>> ด้วยความห่วงใย

14/09/2025


12/09/2025

Ustaz Azhar idrus

12/09/2025

Tokdalo


ที่อยู่

Bangkok
96160

เบอร์โทรศัพท์

+66889461145

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ISLAM AGAMA KUผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์