About Asset Groups Company Limited

  • Home
  • About Asset Groups Company Limited

About Asset Groups Company Limited Design system IBC Telecom & Mobile
installation Telecom & Mobile & wifi
installation Main Power

เปลี่ยนที่จ่าย ย้ายที่ซื้อAAG&A4S
08/06/2024

เปลี่ยนที่จ่าย ย้ายที่ซื้อ
AAG&A4S

☀🫶Vาย All New Product by AAG 💥👉โปรโมชั่นเดือน 6 6 67 "ปวดไหล่มากอะช่วงนี้ เป็นเพราะแบกความน่ารักมากไปหน่อย"😁😁😆😍🥰========...
06/06/2024

☀🫶Vาย All New Product by AAG 💥
👉โปรโมชั่นเดือน 6 6 67

"ปวดไหล่มากอะช่วงนี้ เป็นเพราะแบกความน่ารักมากไปหน่อย"
😁😁😆😍🥰
=================================
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
=================================
สอบถามรายละเอียดได้ที่
☎ : 0️⃣8️⃣1️⃣-1️⃣8️⃣9️⃣3️⃣4️⃣6️⃣2️⃣ คุณ วิรัช
☎: 0️⃣6️⃣3️⃣-5️⃣4️⃣6️⃣9️⃣2️⃣9️⃣1️⃣ คุณ วีร์
Email : [email protected]
Line : https://line.me/ti/p/RdvFkNayEJ
AAG Oil HealthCare365 #

☀🫶Vาย 4Tree by AAG 💥👉โปรโมชั่นเดือน 6 6 67 "ทำไมเราถึงเลือกร่วมงาน A4S เพราะเรามองไปที่อนาคตไม่ใช่มองที่ปัจจุบัน อียิปต์...
05/06/2024

☀🫶Vาย 4Tree by AAG 💥
👉โปรโมชั่นเดือน 6 6 67
"ทำไมเราถึงเลือกร่วมงาน A4S เพราะเรามองไปที่อนาคตไม่ใช่มองที่ปัจจุบัน อียิปต์ ก็แค่ปากซอย "
ขอบคุณ พี่กร และ อาจารย์ นัฐพงษ์ พัทธ์ทอง ที่เป็นตัวแทนของบริษัทในการไปเยี่ยมสมาชิกที่ประเทศอียิปต์
💢👍📌😁😆😍🥰
=================================
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
=================================

สอบถามรายละเอียดได้ที่
☎ : 0️⃣8️⃣1️⃣-1️⃣8️⃣9️⃣3️⃣4️⃣6️⃣2️⃣ คุณ วิรัช
☎: 0️⃣6️⃣3️⃣-5️⃣4️⃣6️⃣9️⃣2️⃣9️⃣1️⃣ คุณ วีร์
Email : [email protected]
Line : https://line.me/ti/p/RdvFkNayEJ
AAG Oil HealthCare365 #

"สูตรชีวิต"โง่ + ขยัน = เหนื่อยโง่ + โลภ = เหยื่อโง่ + ขี้เกียจ = ยากจนโง่ + บริโภคนิยม = หมดตัวโง่ + ช้า = ล้าหลังโง่ +...
27/05/2024

"สูตรชีวิต"

โง่ + ขยัน = เหนื่อย
โง่ + โลภ = เหยื่อ
โง่ + ขี้เกียจ = ยากจน
โง่ + บริโภคนิยม = หมดตัว
โง่ + ช้า = ล้าหลัง
โง่ + รีบร้อน = สะดุด
โง่ + อดทน = ถึงจุดหมาย แต่ช้าหน่อย
โง่ + ขยัน + อดทน = ลืมตาอ้าปากได้
โง่ + ซื่อสัตย์ = คนเมตตา
โง่ + กตัญญู = พระคุ้ม
โง่ + เรียนรู้ = ไม่โง่
CR: สามก๊ก

ผลิตภัณฑ์ดูแลท่านชายเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น สุขภาพก็ควรดูแลบ้าง แต่ก็อย่าลืมออกกำลังกายด้วยนะ เพราะสุขภาพที่ดีมันหาซื้อไม่...
26/05/2024

ผลิตภัณฑ์ดูแลท่านชาย
เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น สุขภาพก็ควรดูแลบ้าง
แต่ก็อย่าลืมออกกำลังกายด้วยนะ
เพราะสุขภาพที่ดีมันหาซื้อไม่ได้ตามร้านสะดวกซื้อ
#

ฝนตก บรรยากาศดี นมเย็น ขอนำเสนอเครื่องดื่มกาแฟ&โกโก้ สินค้าตัวใหม่ของ AAG หลังได้ลอง ถึงกลับเคลิ้ม หอมหวาน อร่อย ทานง่าย...
24/05/2024

ฝนตก บรรยากาศดี นมเย็น ขอนำเสนอเครื่องดื่มกาแฟ&โกโก้
สินค้าตัวใหม่ของ AAG
หลังได้ลอง ถึงกลับเคลิ้ม หอมหวาน อร่อย ทานง่าย
อยากลองทักมา
รับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
AAG # OVO # A4S

what you really need.🤫 การเป็นผู้นำที่ดี 😺ก็ต้องเคยเป็นผู้ตามมาแล้วถึงจะรู้ว่าต้องทำอะไรบ้างการรับฟังความคิดเห็น  การให้...
23/05/2024

what you really need.
🤫 การเป็นผู้นำที่ดี 😺

ก็ต้องเคยเป็นผู้ตามมาแล้วถึงจะรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง

การรับฟังความคิดเห็น การให้เกียรติและเคารพผู้อื่น

มันสำคัญมาก สำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคม
🤜🤛👊👌😼

2 วัน 1 คืน ขอบคุณ โค้ช วิทยากร ทุกๆท่าน และกัลยาณมิตรNice to meet you too. Mr Bahและที่ลืมไม่ได้คือ ขอบคุณตัวเองที่กล้า...
19/05/2024

2 วัน 1 คืน
ขอบคุณ โค้ช วิทยากร ทุกๆท่าน และกัลยาณมิตร
Nice to meet you too. Mr Bah
และที่ลืมไม่ได้คือ ขอบคุณตัวเองที่กล้าออกจากจุดเดิมๆ
ได้ทำอะไรใหม่ๆ

จากความคิดลงกระดาษและของจริงพร้อมใช้งาน 95%
17/05/2024

จากความคิดลงกระดาษ
และของจริงพร้อมใช้งาน
95%

ขายน้ำผึ้งป่า🐝🐝น้ำผึ้งโพรงป่าแท้100%1 ขวด 550.-2 ขวด 810.-3 ขวด 1120.-ของดีมีไม่มาก สนใจทักแชทมานะครับค่าจัดส่งฟรีทั่วปร...
12/05/2024

ขายน้ำผึ้งป่า🐝🐝

น้ำผึ้งโพรงป่าแท้100%

1 ขวด 550.-
2 ขวด 810.-
3 ขวด 1120.-

ของดีมีไม่มาก
สนใจทักแชทมานะครับ
ค่าจัดส่งฟรีทั่วประเทศ

DAY 9เมื่อยังเป็นหนุ่ม และร่างกายแข็งแรง ก็ยังไม่ได้ตะหนักถึงการเจ็บป่วยและการดูแลตนเองผมก็เป็นหนึ่งคนที่คิดแบบนี้ แต่เม...
06/05/2024

DAY 9
เมื่อยังเป็นหนุ่ม และร่างกายแข็งแรง ก็ยังไม่ได้ตะหนักถึงการเจ็บป่วยและการดูแลตนเอง
ผมก็เป็นหนึ่งคนที่คิดแบบนี้ แต่เมื่ออายุเข้าเข้าเลข 4 หลายๆอย่างในร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง
ทำให้ต้องเริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่สำหรับการป้องกันไม่ให้เกิดล้มป่วย จากร่างกายพัง และก่อนที่จะไม่สามารถ
รักษามันได้อีกต่อไป
สิ่งที่ทำได้ง่ายในการดูแลตนเอง คือ การรับประทานอาหารเป็นยา ไม่ใช่กินยาแทนอาหาร สิ่งที่ได้ยินมาบ่อย แต่ทำได้ไม่ง่ายสำหรับโลกทุกวันนี้ ผมเลยจึงอยากจะมาแลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้ เล็กๆ น้อยให้กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์
ชื่อสมุนไพร น้ำมันอะโวคาโด
ชื่อสามัญ Avocado Oil
ชื่อวิทยาศาสตร์ (Avocado Oil)

👉อะโวคาโด ผลไม้หลากคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งภายในและภายนอก เพราะนอกจากจะรับประทานผลสด เมนูผลไม้ปั่น รับประทานกับสลัด หรือเมนูอื่นๆ ที่ใช้อะโวคาโดเป็นส่วนประกอบ ก็ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะในอะโวคาโดมีสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์หลายชนิด ซึ่งโดยปกติแล้ว ผลไม้ทั่วไปส่วนใหญ่ให้คาร์โบไฮเดรต แต่อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ให้ไขมันดีในปริมาณที่สูง ซึ่งจัดเป็น Super food เพราะมีประโยชน์กับร่างกายมาก ไขมันที่ว่านี้คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว Monounsaturated Fat (MUFA) ซึ่งช่วยลดไขมันเลว (LDL-C) ในเลือด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารชนิดอื่นที่มีประโยชน์อีกมากมาย เช่น พลังงาน ใยอาหาร โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี วิตามินซี วิตามินเค วิตามินอี โฟเลท โพแทสเซียม
น้ำมันอะโวคาโดช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารที่สำคัญเข้าสู่ผิว และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น นอกจากนั้นยังมีวิตามิน E และกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ในการฟื้นฟูและปกป้องผิวของคุณจากมลภาวะในชีวิตประจำวัน ช่วยปรับสมดุลสภาพผิวของคุณตามธรรมชาติเพื่อให้ผิวดูมีสุขภาพดีและเปล่งปลั่ง อีกทั้งวิตามิน B และ E จะช่วยคืนความชุ่มชื้นและนุ่มสลวยให้กับเส้นผมของคุณ เพื่อให้ผมจัดทรงง่ายและเป็นธรรมชาติ น้ำมันอะโวคาโดยังสามารถช่วยลดรังแคและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม เป็นส่วนสำคัญในการช่วยบำรุงหนังศีรษะของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ
ในด้านของประโยชน์ต่อผิวพรรณ ก็เลิศไม่แพ้กัน เพราะน้ำมันอะโวคาโดมีประโยชน์ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า โดยในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มักใช้น้ำมันอะโวคาโดเป็นส่วนผสมในสกินแคร์ต่างๆ
ช่วยทั้งผิว ดูแลทั้งผม นอกจากจะดีต่อผิวเราแล้ว อะโวคาโดยังมีประโยชน์ต่อผมเราด้วยนะ
📍เพราะสาเหตุหนึ่งในการเกิดรังแคคือหนังศีรษะแห้ง น้ำมันอะโวคะโดจะเป็นตัวที่เข้าไปให้ความชุ่มชื้นกับหนังศีรษะ ทำให้ดูสุขภาพดีและลดรังแคได้นะ
📍วิตามิน B และ E ก็ช่วยดูแลรูขุมขน และบรรเทาผมที่เสียจากการผ่านสารเคมีหรือทำสีผมมาให้มีสุขภาพดีขึ้น
📍ส่วนกรดไขมันดีที่มีในน้ำมันยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นผม ป้องกันไม่ให้ผมแตกปลาย
📍นอกจากนี้เจ้าน้ำมันอะโวคาโดยังช่วยป้องกันผมเราจากมลภาวะภายนอก แสงแดด หรือคลอรีนจากน้ำ ไม่ให้ผมเราแห้งเสีย ดูชี้ฟู ไม่สวยงาม
📍 ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อไปสนับสนุนการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย

น้ำมันอะโวคาโดเป็นดั่งผลไม้วิเศษ
ผลไม้รูปทรงน่ารัก ที่ถูกเรียกว่าเป็น Superfood เพราะมีสารอาหารเยอะมากก แถมรสชาติยังอร่อย มันๆ นำมาทำอาหารคาวก็ได้ หรือทำเป็นของหวานก็ดี ดีต่อผิว ดีต่อผม ดีต่อร่างกาย ดีไปหมดจริงๆ
📍ดีต่อใจ มีกรดไขมันดีที่ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลไตรกลีเซอไรด์ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
📍 ดีต่อตา สารต้านอนุมูลอิสระที่ปกป้องดวงตาจากแสง UV และลดการเสื่อมของสุขภาพตา
📍 ดีต่อระบบย่อยอาหาร เพราะมีไฟเบอร์สูง แถมช่วยเรื่องกำจัดของเสียออกจากร่างกาย และการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
📍 ดีต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย ด้วยโพแทสเซียมที่ช่วยควบคุมระดับของอิเลกโทรไลต์ในเซลล์ของร่างกาย
📍 นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องการซึมซับสารอาหารอื่นๆ อีกด้วย
ประโยชน์ขนาดนี้ คนรักสุขภาพต้องหามาทานแล้วล่ะ

10 ประโยชน์ของน้ำมันอะโวคาโด
ช่วยลดคอเลสเตอรอล
เกือบ 70% ของน้ำมันอะโวคาโด อุดมด้วยกรดโอเลอิก (Oleic Acid) ที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ดีต่อสุขภาพมีงานวิจัยพบว่าช่วยลดคอเลสเตอรอล ทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น และก็ช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) พร้อมกับการศึกษาในหนูพบว่า อาจช่วยลดไตรกลีเซอไรด์และไขมันไม่ดีLDLด้วย

💢บำรุงดวงตา
อุดมด้วยลูทีน (Lutein) เป็นแคโรทินอยด์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อดวงตา ร่างกายเราผลิตลูทีนไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

💢เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร
สารอาหารบางอย่างต้องการไขมันเพื่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะแคโรทินอยด์จากพืชที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งพบในเม็ดสีของพืชหลายชนิด แต่ผักผลไม้ที่อุดมด้วยแคโรทินอยด์มักจะมีไขมันต่ำ การวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าการใส่น้ำมันอะโวคาโดในสลัด จะช่วยเพิ่มการดูดซึมของแคโรทินอยด์จากผักเหล่านี้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับสลัดที่ไม่ได้ใส่น้ำมัน

💢ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ติดหนึ่งในห้าที่มีวิตามินอีสูงสุด ไขมันที่ละลายในน้ำชนิดนี้ช่วยทำให้ผิวดูดีขึ้น ช่วยเรื่องสุขภาพตา บำรุงระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย และทำให้การย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ถ้าคุณมีอาการกรดไหลย้อนบ่อยๆ มีแก๊สในท้อง หรือท้องอืดเป็นประจำ อาจมาจากการย่อยอาหารที่ไม่ดี ลองเติมน้ำมันอะโวคาโดเข้าไปในอาหารเพื่อช่วยแก้ปัญหา เพราะวิตามิน แร่ธาตุ และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในอะโวคาโดช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปกติแล้ว ร่างกายของเราจะดูดซึมวิตามินอี (และสารอาหารส่วนใหญ่) จากอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าจากอาหารเสริม

💢ล้างพิษในร่างกาย
น้ำมันอะโวคาโดอุดมด้วยคลอโรฟิล (chlorophyll) ที่เป็นแหล่งของแมกนีเซียม และเป็นหนึ่งในสารธรรมชาติที่ช่วยในการขจัดโลหะหนักออกจากร่างกาย (เช่น ตะกั่ว สารปรอท ที่เป็นของเสียจากตับ ไต และอวัยวะอื่นของร่างกาย) โมเลกุลของคลอโรฟิลล์มีอนุภาคของแมกนีเซียมที่จะปล่อยออกมาได้เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด อย่างเช่นในร่างกายมนุษย์ เมื่อไม่มีแมกนีเซียมที่ถูกปล่อยออกมา คลอโรฟิลล์ก็จะดึงเอาอนุภาคของโลหะเข้าไปแทนที่ และขับออกมาจากร่างกายทางอุจจาระ จับคู่น้ำมันอะโวคาโดกับสลัดหรืออาหารผักอื่น เพื่อเพิ่มพลังของคลอโรฟิลล์ในการขับสารพิษ

💢ทำให้ผิวแข็งแรง
นอกจากบำรุงร่างกายจากภายในแล้ว ก็สามารถบำรุงจากภายนอกได้เช่นกัน โดยในการใช้น้ำมันอะโวคาโดทาลงบนผิว จะช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่า เนื่องจาก วิตามิน อี โปตัสเซียม และเลซิธิน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในน้ำมัน สามารถดูดซึมผ่านเข้าไปในผิวชั้นนอก เข้าสู่ผิวชั้นใน ช่วยสร้างพลังงานให้ผิว และทำให้เซลล์ผิวใหม่เติบโตเร็วขึ้น

💢ลดอาการอักเสบและคันของผิว
เนื่องจากปริมาณของกรดโอเลอิกที่มีคุณสมบัติต้านอักเสบ น้ำมันอะโวคาโดที่เอามาทาบนผิว จึงสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายทั้งหลายแหล่ของผิวได้ เช่น อาการคัน ผิวแตก ส้นเท้าแตก ผิวไหม้แดด ผิวหนังอักเสบ และสะเก็ดเงิน แต่เนื่องจากเราทกุคนมีปฏิกิริยาต่อน้ำมันธรรมชาติไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก่อนใช้ก็ควรทาลงบนผิวในบริเวณเล็กๆ เพื่อทดสอบอาการแพ้ดูก่อนใช้จริง

💢ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
เนื่องจากกรดไขมันในน้ำมันอะโวคาโด การศึกษาชิ้นหนึ่งในคนไข้ 13 คน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันอะโวคาโดและวิตามินบี 12 ช่วยทำให้อาการของโรค สะเก็ดเงิน ดีขึ้นหลังจากใช้ไป 12 สัปดาห์ และยังมีการศึกษาที่พบว่า น้ำมันอะโวคาโดช่วยเยียวยาผิวหนังที่บาดเจ็บได้ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

💢ทำให้ผมยาวเร็วขึ้นและแข็งแรงขึ้น
สารอาหารในน้ำมันอะโวคาโด เหมาะอย่างมากสำหรับการบำรุงผมเช่นกัน ลองใช้น้ำมันอะโวคาโดหมักผม หรือเอาไปผสมกับน้ำมันหอมระเหยอื่นมีประโยชน์ต่อผมและหนังศีรษะ ก่อนทาลงบนเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมดูดีและแข็งแรงขึ้น เส้นผมจึงยาวเร็วขึ้น

💢ใช้ปรุงอาหารได้ดี เพราะเป็นน้ำมันที่มีจุดการเกิดควันสูง
ความร้อนจากการปรุงอาหารไม่เพียงแต่จะทำลายสารอาหารในน้ำมัน แต่มันยังทำให้เกิดสารประกอบอันตรายขึ้นมาด้วยนั่นก็คือ สาร AGE(Advance glycation end products) ซึ่งได้รับการยืนยันว่าทำให้ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง มีส่วนอย่างมากในการทำให้เกิดการอักเสบ และทำให้ผิวแก่ลง น้ำมันอะโวคาโดบริสุทธิ์ เป็นน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูงกว่าน้ำมันอื่น (รองลงมาคือน้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันคาโดนล่า น้ำมันมะกอกแบบเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน และน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์) เหตุผลที่น้ำมันอะโวคาโดทนความร้อนได้สูง เพราะมีไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (polyunsaturated fat) ในปริมาณต่ำ เนื่องจากไขมันนี้ไม่ค่อยเสถียรและทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้ง่าย (Oxidation)

รู้ก่อนเลือกทานน้ำมันอะโวคาโด
ก่อนที่เราจะเลือกรับประทานน้ำมันอะโวคาโด (Avocado Oil) เราควรรู้ข้อแตกต่างระหว่างน้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นและน้ำมันอะโวคาโดที่ผ่านการ Refined เสียก่อน เพื่อจะได้เลือกรับประทานได้ถูกต้องตามต้องการ เนื่องจากน้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นจะมีราคาสูงกว่าน้ำมันอะโวคาโดชนิด Refined

น้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นธรรมชาติ (Unrefined) จะผ่านการสกัดด้วยการบีบเย็น ไม่ผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ไม่ใช้ตัวทำละลายหรือสารเคมีใด ๆ ในการสกัด การผลิตจะยากกว่าและใช้ต้นทุนสูง แต่น้ำมันที่ได้จะได้มีความบริสุทธิ์ คงคุณค่าของสารอาหารครบถ้วนตามธรรมชาติมากที่สุด มีราคาสูงกว่าน้ำมันแบบ Refined
น้ำมันอะโวคาโดชนิดรีไฟน์ (Refined) หรือน้ำมันที่ผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ทางกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่นใช้ตัวทำละลายในการสกัด เป็นต้น ผลิตได้ปริมาณมาก ต้นทุนต่ำกว่าการสกัดเย็นมาก แต่จะได้สารอาหารน้อยกว่า มีราคาถูกกว่าแบบสกัดเย็นธรรมชาติ

ข้อควรระวัง
อะโวคาโดค่อนข้างจะปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ในการรับประทานเป็นอาหาร หรือในการรับประทานเป็นยา อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้มากพอในเรื่องความปลอดภัยของการกินอะโวคาโดเป็นยา ฉะนั้น เพื่อความปลอดภัยให้กินเป็นอาหารพอ นอกจากนี้ในคนที่มีอการแพ้ยาง (Latex) อาจจะไม่สามารถทนต่ออะโวคาโดหรือน้ำมันอะโวคาโดได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่แพ้ยางแล้วจะแพ้อะโวคาโด จัดเป็นอาการแพ้ที่หาได้ยาก อย่างไรก็ตาม คนที่แพ้ยางควรระมักระวังในการบริโภคอะโวคาโด และปรึกษาหมอเพิ่มเติมหากต้องการใช้น้ำมันอะโวคาโด

Credit :
https://www.sanook.com
HealthCare 365 💢

DAY 8เมื่อยังเป็นหนุ่ม และร่างกายแข็งแรง ก็ยังไม่ได้ตะหนักถึงการเจ็บป่วยและการดูแลตนเองผมก็เป็นหนึ่งคนที่คิดแบบนี้ แต่เม...
04/05/2024

DAY 8
เมื่อยังเป็นหนุ่ม และร่างกายแข็งแรง ก็ยังไม่ได้ตะหนักถึงการเจ็บป่วยและการดูแลตนเอง
ผมก็เป็นหนึ่งคนที่คิดแบบนี้ แต่เมื่ออายุเข้าเข้าเลข 4 หลายๆอย่างในร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง
ทำให้ต้องเริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่สำหรับการป้องกันไม่ให้เกิดล้มป่วย จากร่างกายพัง และก่อนที่จะไม่สามารถ
รักษามันได้อีกต่อไป
สิ่งที่ทำได้ง่ายในการดูแลตนเอง คือ การรับประทานอาหารเป็นยา ไม่ใช่กินยาแทนอาหาร สิ่งที่ได้ยินมาบ่อย แต่ทำได้ไม่ง่ายสำหรับโลกทุกวันนี้ ผมเลยจึงอยากจะมาแลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้ เล็กๆ น้อยให้กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์
ชื่อสมุนไพร น้ำมันรำข้าว
ชื่อสามัญ Rice bran oil
ชื่อวิทยาศาสตร์ (Rice bran oil)

น้ำมันรำข้าว (อังกฤษ: rice bran oil) เป็นน้ำมันพืชที่สกัดมาจากเปลือกแข็งสีน้ำตาลนอกของข้าว คือ แกลบ/รำข้าว มีจุดก่อควัน (อุณหภูมิต่ำสุดที่ไขมันจะเกินควันสีน้ำเงินอย่างต่อเนื่องซึ่งในที่สุดก็จะมองเห็นได้) สูง คือ 232 องศาเซลเซียส (450 องศาฟาเรนไฮต์) มีรสอ่อน ๆ เหมาะทำอาหารที่ใช้ความร้อนสูง เช่นผัดหรือทอด และยังเหมาะทำน้ำสลัดและขนมอบอีกด้วย เป็นน้ำมันประกอบอาหารที่นิยมในประเทศเอเชียบางประเทศรวมทั้งบังกลาเทศ ญี่ปุ่น อินเดีย และจีน

น้ำมันรำข้าวอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยปรับปรุงรูปแบบลิพิด/คอเลสเตอรอลในเลือด (จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดคอเลสเตอรอลแบบ LDL) บรรเทาอาการเนื่องด้วยวัยหมดระดู และอาจลดการดูดซึมแคลเซียมซึ่งอาจลดการเกิดนิ่วไตบางประเภท มีสารต้านอนุมูลอิสระหลัก ๆ สองอย่างคือวิตามินอีและโอรีซานอล (oryzanol) ซึ่งสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีถึง 6 เท่า มีกรดไขมันอิ่มตัว 23% กรดไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่เดี่ยว 45% และกรดไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่ 32%

น้ำมันรำข้าว เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากรำข้าวและเมล็ดข้าว ส่วนใหญ่นิยมใช้ประกอบอาหารเป็นหลัก โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย เป็นต้น ด้วยคุณสมบัติของน้ำมันรำข้าวที่มีจุดเดือดสูงจึงเหมาะกับการประกอบอาหารประเภททอดหรือใช้ความร้อนสูง เนื่องจากไขมันในน้ำมันจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้ง่ายเมื่อผ่านอุณหภูมิสูง เพราะหากใช้น้ำมันจุดเดือดต่ำประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนสูงจนเลยจุดเดือดของน้ำมันจะทำให้เกิดสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีการผลิตน้ำมันรำข้าวในรูปแบบของอาหารเสริมหรือใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง น้ำมันรำข้าวมักถูกกล่าวอ้างถึงคุณประโยชน์ต่อโรคต่าง ๆ มากมาย เช่น โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน ป้องกันมะเร็ง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พัฒนาการทำงานของตับ ลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ อาการแพ้ของผิวหนัง ผื่นผิวหนังอักเสบ และอื่น ๆ ซึ่งการค้นคว้าในปัจจุบันค่อนข้างจำกัด แต่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่รศึกษาประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวต่อสุขภาพไว้บางส่วน

คุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันรำข้าวที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรค

ภาวะคอเลสเตอรอลสูง น้ำมันรำข้าวมักได้รับการกล่าวถึงเกี่ยวกับคุณสมบัติในการลดไขมันในเลือด เนื่องจากมีสารสำคัญหลายตัว เช่น แกมมา โอไรซานอล (Gamma Oryzanol) เบต้า-ซิโตสเตอรอล (Beta-Sitosterol) โทโคไตรอีนอล (Tocotrienols) ซึ่งอาจมีส่วนสำคัญในกระบวนการสลายไขมันและยับยั้งเอ็นไซม์ HMG-CoA Reductase โดยเป็นตัวช่วยในเรื่องการสังเคราะห์ไขมันในร่างกาย

จากการศึกษาคุณสมบัติของน้ำมันรำข้าวสูตรผสม (น้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันเมล็ดคำฝอยในอัตราส่วน 70: 30) ต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดของผู้ป่วยภาวะไขมันในเลือดสูง จำนวน 80 คน เป็นเวลา 3 เดือน โดยผู้ป่วยกลุ่มทดลองได้รับน้ำมันรำข้าวผสมในปริมาณ 1 ลิตรต่อคนต่อเดือน ควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น เพิ่มการออกกำลังกายและมีผู้ให้คำปรึกษาด้านอาหาร ในขณะที่อีกกลุ่มควบคุมได้รับน้ำมันชนิดอื่น ผลปรากฏว่า กลุ่มทดลองมีระดับไขมันในเลือดชนิดไม่ดีและระดับไขมันรวมลดลงมากกว่ากลุ่มควบคุม ซึ่งชี้ให้เห็นว่า น้ำมันรำข้าวสูตรผสมและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันช่วยลดระดับไขมันในเลือดลง และอาจช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากการพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่สมดุลอื่นเช่นเดียวกับการศึกษาผลของน้ำมันรำข้าวต่อระดับไขมันในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดี จำนวน 9 คน อายุระหว่าง 42-57 ปี โดยได้รับน้ำมันรำข้าวปริมาณ 75 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 50 วัน จากนั้นเปรียบเทียบผลการตรวจเลือดก่อนและหลังการทดลองจบลง ผลพบว่า ระดับไขมันชนิดไม่ดี ไขมันรวม ไขมันชนิดวีแอลดีแอล (VLDL) และไตรกลีเซอไรด์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงเชื่อว่าน้ำมันรำข้าวมีส่วนช่วยในการลดไขมันอย่างเห็นได้ชัด สอดคล้องกับอีกการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของน้ำมันรำข้าวในอาหารต่อระดับไขมันในเลือดของผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงจำนวน 14 คน โดยให้รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันชนิดอื่น (น้ำมันรำข้าวคิดเป็น 1 ส่วน 3 ของไขมันในอาหาร) ต่อมาจึงได้รับน้ำมันผสมที่มีองค์ประกอบของกรดไขมันคล้ายกับของน้ำมันรำข้าว โดยศึกษาเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 10 สัปดาห์ ปรากฏว่า ขณะที่รับประทานน้ำมันรำข้าวมีระดับไขมันรวมและไขมันชนิดไม่ดีในเลือดลดลงกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการรับประทานน้ำมันอีกชนิด แต่ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันชนิดดี น้ำมันรำข้าวจึงอาจช่วยลดระดับไขมันในเลือดของคนที่มีสุขภาพดีได้

จากข้อมูลตามข้างต้นชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าน้ำมันรำข้าวอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันชนิดไม่ดีและระดับไขมันรวมในเลือดลง แต่ยังไม่สามารถสรุปว่าช่วยลดไขมันชนิดอื่นได้แน่ชัด อย่างไรก็ตาม ควรมีการควบคุมการรับประทานอาหารและออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง น้ำมันรำข้าวมีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น กลุ่มโทโคฟีรอล (Tocopherols/Tocotrienols) และแกมมา โอไรซานอล ซึ่งช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่นและมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ จึงมักใช้ประโยชน์ในการผลิตเป็นยาทาผิวหนังภายนอก เป็นส่วนผสมของครีมกันแดด ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย รวมไปถึงใช้รักษาโรคทางผิวหนัง ผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนัง มีผิวอ่อนแอและสูญเสียน้ำได้ง่าย จึงอาจได้รับประโยชน์จากการรักษา

จากการศึกษาประสิทธิภาพของน้ำมันรำข้าวต่อการรักษาโรคทางผิวหนังในอาสาสมัครที่มีสภาพผิวปกติ จำนวน 17 คน และเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง จำนวน 5 คน และผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินที่ไม่มีผื่นที่แขน จำนวน 4 คน เพื่อทดสอบความคงตัวของผลิตภัณฑ์ อาการระคายเคือง และช่วยคงความชุ่มชื้นของผิว โดยก่อนเริ่มการทดลอง 2 ชั่วโมง จะมีการทำความสะอาดผิวหนังด้วยสบู่อ่อน ๆ ก่อนทาผลิตภัณฑ์สูตรเฉพาะที่มีส่วนผสมของน้ำมันรำข้าว 10% และส่วนผสมอื่นบริเวณต้นแขนและถูเป็นวงกลมประมาณ 20 วินาที จากนั้นจึงปล่อยทิ้งและวัดผลทุก 30 นาที 60 นาที 90 นาที 120 นาที และ 150 นาที ผลพบว่า ผลิตภัณฑ์ทาผิวที่มีส่วนผสมจากน้ำมันรำข้าว 10% มีความคงตัวได้ดีและก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่ำ เมื่อนำไปทาที่ผิวหนังยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวและรักษาค่าพีเอชของผิวตามปกติ (pH) ซึ่งการทดลองนี้ชี้ว่า น้ำมันรำข้าวอาจมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคทางผิวหนังอย่างโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรือโรคสะเก็ดเงิน

โรคเบาหวาน น้ำมันรำข้าวมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่อาจช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2 ให้ดีขึ้น จึงมีแนวคิดในการนำมาใช้เพื่อรักษาโรคเบาหวาน จากงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของน้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันงาต่อภาวะน้ำตาลสูงในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 300 คนและคนที่ระดับน้ำตาลในเลือดปกติ จำนวน 100 คน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 เป็นคนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดปกติได้รับน้ำมันสูตรผสม กลุ่มที่ 2 เป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานได้รับน้ำมันสูตรผสมเช่นเดียวกัน กลุ่มที่ 3 เป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานได้รับยาไกลเบนคลาไมด์ ขนาด 5 มิลลิกรัมต่อวัน และกลุ่มที่ 4 ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้รับยาไกลเบนคลาไมด์ ขนาด 5 มิลลิกรัมต่อวันควบคู่กับน้ำมันสูตรผสม ซึ่งกลุ่มที่ได้รับน้ำมันสูตรผสมจะได้รับการแนะนำให้ใช้เป็นน้ำมันทำอาหาร จากนั้นจึงวัดผลระดับน้ำตาลในสัปดาห์ที่ 4 และ 8 ผลพบว่า กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้รับน้ำมันสูตรผสม ได้รับยาไกลเบนคลาไมด์ หรือได้รับน้ำมันสูตรผสมควบคู่กับยาไกลเบนคลาไมด์มีระดับน้ำตาลในเลือดลงอย่างมีนัยสำคัญ ข้อสรุปของการศึกษานี้ชี้ว่า น้ำมันสูตรผสมระหว่างน้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันงาเป็นน้ำมันทำอาหารสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดสูงของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 อย่างไรก็ตาม การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งกลับได้ผลลัพธ์ตรงข้าม ในการทดลองได้ให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 35 คน รับประทานน้ำมันรำข้าวสูตรผสมในนมดัดแปลง 250 มิลลิลิตร (ประกอบด้วยน้ำมันรำข้าว 18 กรัม) เปรียบเทียบกับยาหลอก 250 มิลลิลิตร (เป็นน้ำมันจากถั่วเหลืองผสมในนมดัดแปลง ประกอบด้วยน้ำมันถั่วเหลือง 18 กรัม) เป็นระยะเวลา 5 สัปดาห์ และวัดผลเปรียบเทียบก่อนและหลังการทดลอง ปรากฏว่า กลุ่มที่รับประทานน้ำมันรำข้าวสูตรดัดแปลงมีระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารและหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก จึงมีแนวโน้มว่าน้ำมันรำข้าวอาจไม่ส่งผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 จึงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคตและเพิ่มกลุ่มการทดลองให้มากขึ้น เพื่อช่วยยืนยันผล

โรคความดันโลหิตสูง น้ำมันรำข้าวเป็นน้ำมันอีกชนิดที่นิยมนำมาใช้รับประทานและประกอบอาหาร เพราะอุดมไปด้วยกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ที่เป็นผลเกี่ยวข้องมาจากการรับประทานอาหาร

จากการศึกษาผลการใช้น้ำมันสูตรผสมจากน้ำมันรำข้าวที่มีสารแกมมา โอรีซานอล (Y-Oryzanol ) 80% และน้ำมันงาสกัดเย็นที่มีสารลิกแนน (Lignans) 20% เป็นน้ำมันปรุงอาหารในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ไม่รุนแรง จำนวน 300 คน เป็นระยะเวลา 60 วัน โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตใช้น้ำมันสูตรผสมจากน้ำมันรำข้าวเป็นน้ำมันปรุงอาหารเพียงอย่างเดียว กลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตที่รักษาด้วยยาไนเฟดิปีน (Nifedipine) 20 มิลลิกรัมต่อวัน กลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ใช้น้ำมันสูตรผสมจากน้ำมันรำข้าวเป็นน้ำมันปรุงอาหารควบคู่กับยาไนเฟดิปีน 20 มิลลิกรัมต่อวัน และเปรียบเทียบกับกลุ่มคนที่มีความดันโลหิตปกติ จำนวน 100 คน ซึ่งมีการวัดความดันโลหิตก่อนเริ่มการทดลอง วันที่ 15 วันที่ 30 วันที่ 45 วันที่ 60 ผลพบว่า กลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมีความดันโลหิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้น้ำมันสูตรผสมจากน้ำมันรำข้าวเป็นน้ำมันปรุงอาหารควบคู่กับการใช้ยาไนเฟดิปีนมีความดันโลหิตลดลงมากที่สุด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการใช้น้ำมันรำข้าวเป็นน้ำมันปรุงอาหารอาจช่วยลดความดันโลหิตลงและอาจช่วยเสริมฤทธิ์ยารักษาโรคความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคนี้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังจำกัดเฉพาะในคนกลุ่มหนึ่ง ผลการทดลองยังไม่อาจยืนยันประสิทธิภาพของน้ำมันรำข้าวในการลดความดันโลหิตได้อย่างแน่ชัด ยังคงต้องศึกษาเพิ่มมากขึ้น

เพิ่มกล้ามเนื้อ มีการกล่าวอ้างถึงสารแกมมา โอไรซานอลในน้ำมันรำข้าวว่ามีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับนักเพาะกายและนักกีฬา ทำให้เชื่อกันว่าการรับประทานน้ำมันรำข้าวน่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อของร่างกาย

จากการศึกษาประสิทธิภาพและคุณค่าทางโภชนาการของสารแกมมา โอไรซานอลจากอาหารเสริมในผู้ชายสุขภาพดี จำนวน 30 คน กลุ่มแรกได้รับประทานอาหารเสริมที่มีสารแกมมา โอไรซานอล 600 มิลลิกรัม และอีกกลุ่มได้รับประทานยาหลอก เพื่อเปรียบเทียบผลในช่วง 9 สัปดาห์ โดยทั้ง 2 กลุ่มรับประทานอาหารเสริมหรือยาหลอกหลังการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องวันละ 1 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 4 วันต่อสัปดาห์ ผลพบว่า สารแกมมา โอไรซานอลอาจช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แต่ทั้ง 2 กลุ่มไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในด้านอื่น ๆ จากการศึกษาจึงชี้ให้เห็นว่าสารแกมมา โอไรซานอลไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มกล้ามเนื้อ ทั้งนี้ ควรมีการศึกษาในกลุ่มทดลองอื่นและมีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น นักกีฬาที่มีการฝึกซ้อมเป็นประจำ นักกีฬาผู้หญิง ผู้ป่วยที่มีอาการล้าของกล้ามเนื้อ เพื่อหาหลักฐานที่เพียงพอต่อการสรุปผลมากขึ้น

ความปลอดภัยของน้ำมันรำข้าว

น้ำมันรำข้าวหรือสารสกัดจากน้ำมันรำข้าวอาจส่งผลข้างเคียงเล็กน้อยในบางราย แต่โดยทั่วไปค่อนข้างปลอดภัยในการรับประทานหรือใช้ทาที่ผิวหนังเมื่อใช้ในปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม
หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำมันรำข้าวในปริมาณมาก เพราะยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัย
สารแกมมา โอไรซานอลอาจส่งผลให้การทำงานของไทรอยด์ลดต่ำลง ผู้ที่มีโรคขาดไทรอยด์ฮอร์โมน (Hypothyroidism) หรือมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์อื่น ๆ ไม่ควรรับประทานน้ำมันรำข้าว โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน
ผู้ป่วยโรคไตหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของไตควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำมันรำข้าว เนื่องจากกรดไฟติก (Phytic Acid) ในเมล็ดข้าวอาจส่งผลให้การทำงานของไตแย่ลง

ประโยชน์
1. สร้างสมดุลในน้ำตาลในเลือด
จากการศึกษาพบว่า น้ำมันรำข้าวช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เนื่องจากมีสารต้านทานอินซูลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยของการเกิดโรคเบาหวาน
2. บำรุงหัวใจ
ใช่แล้ว! น้ำมันรำข้าวนั้นดีต่อหัวใจของคุณ เนื่องจากช่วยลดคอเลสเตอรอลไม่ดี และเพิ่มคอเลสเตอรอลดีเข้าไปในร่างกาย มีการวิจัยหนึ่งพบว่า ผู้ป่วยโรคความดันสูงรับประทานน้ำมันรำข้าววันละ 2 ช้อนโต๊ะ (30 มล.) ส่งผลให้คอเลสเตอรอลไม่ดีลดลง แถมยังทำให้น้ำหนักตัวลดลงอีกด้วย
3. ต้านอักเสบ
น้ำมันรำข้าวนั้นเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีสารโอรีซานอลช่วยยับยั้งเอนไซม์ได้หลายชนิด ในการศึกษาพบว่า ผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง 59 คนรับประทานน้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ (30 มล.) เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ส่งผลให้ร่างกายมีสารต่อต้านความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น
4. ต้านมะเร็ง
ในน้ำมันรำข้าวนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า โทโคไตรอีนอล ซึ่งสารชนิดนี้ได้รับการวิจัยแล้วว่าช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่างๆ ในร่างกาย ทั้งเต้านม ปอด รังไข่ สมอง ตับ และตับอ่อน
5. สร้างภูมิคุ้มกัน
น้ำมันรำข้าวช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น ช่วยป้องกันแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นปัจจัยให้เกิดโรค หรือสุขภาพอ่อนแอได้
6. บำรุงผิวพรรรณ
ในน้ำมันรำข้าวประกอบไปด้วยสารอินทรีย์อย่าง สควาลีน ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณของคุณให้ชุ่มชื้น จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่มีผิวหยาบ ลอก และมีความยืดหยุ่นน้อย หลังจากใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากน้ำมันรำข้าววันละ 2 ครั้งแล้วรู้สึกว่าผิวนุ่ม และยืดหยุ่นมากขึ้น
7. ลดน้ำหนัก
น้ำมันรำข้าวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ที่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ส่งผลให้น้ำหนักตัวของคุณลดลงเหมาะมากสำหรับผู้ที่ควบคุมอาหาร
8. ดับกลิ่นปาก
น้ำมันรำข้าวนี่แหละที่คนสมัยก่อนเขาใช้แทนน้ำยาบ้วนปาก! นอกจากดับกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้วยังส่งผลให้ช่องปากมีสุขภาพที่แข็งแรง ทั้งนี้นักวิจัยได้สันนิษฐานว่า อาจเป็นเพราะสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันรำข้าวช่วยดับกลิ่นปากก็เป็นได้

Credit :
https://shorturl.asia/5qCGu
www.pobpad.com
www.gourmetandcuisine.com
HealthCare 365 💢

Address


Opening Hours

Monday 08:30 - 18:00
Tuesday 08:30 - 18:00
Wednesday 08:30 - 18:30
Thursday 08:30 - 18:00
Friday 08:30 - 18:00
Saturday 09:00 - 19:00

Telephone

+66635469291

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when About Asset Groups Company Limited posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to About Asset Groups Company Limited:

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Opening Hours
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share