
08/06/2025
งูได้กัดไก่ตัวหนึ่ง และด้วยพิษที่แผดเผาอยู่ในร่างกาย
ไก่จึงวิ่งหนีเอาชีวิตรอด กลับมายังคอกของตน
แต่ไก่ตัวอื่นๆ กลับเลือกที่จะขับไล่เธอออกไป
เพราะกลัวว่าพิษจะลามมาถึงตนเอง
ไก่เดินกะเผลกออกไป ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
ไม่ใช่เพราะพิษงู... แต่เพราะถูกทอดทิ้งจากพวกพ้องในวันที่อ่อนแอที่สุด
เธอเดินห่างออกไป ลากขาเปลี้ย ๆ ไข้ขึ้น ตัวสั่นในค่ำคืนเหน็บหนาว
หยดน้ำตาไหลลงกับทุกย่างก้าว
ฝูงไก่ในคอกมองเธอเดินจากไป จนร่างเลือนลับสายตา
บางตัวพูดว่า “ปล่อยไปเถอะ... เดี๋ยวก็ตาย”
เมื่อเธอหายลับไปไกล เหล่าไก่ต่างเชื่อว่าเธอตายแล้ว
บางตัวถึงขั้นมองฟ้า หวังเห็นแร้งบินวน
เวลาผ่านไป...
วันหนึ่ง นกฮัมมิ่งเบิร์ดบินมาถึงคอกไก่แล้วกล่าวว่า
“พี่สาวของพวกเธอยังมีชีวิตอยู่! เธออาศัยอยู่ในถ้ำไม่ไกลจากที่นี่”
“เธอรอดมาได้ แต่ต้องเสียขาเพราะพิษงู
เธอกำลังหิวโหยและต้องการความช่วยเหลือ”
ความเงียบเข้าปกคลุม ก่อนที่ข้อแก้ตัวจะเริ่มขึ้น
“ฉันไปไม่ได้ ฉันต้องออกไข่...”
“ฉันยุ่งอยู่กับหาข้าวโพด...”
“ฉันต้องดูแลลูกๆ...”
สุดท้าย ไม่มีใครยอมไปช่วยเลย
นกฮัมมิ่งเบิร์ดจึงกลับไปยังถ้ำด้วยมือเปล่า
เวลาผ่านไปอีก...
และวันหนึ่ง นกฮัมมิ่งเบิร์ดกลับมาพร้อมข่าวเศร้า
“พี่สาวของพวกเธอเสียชีวิตแล้ว... เธอตายอย่างเดียวดายในถ้ำ
ไม่มีใครอยู่เคียงข้าง... ไม่มีใครฝังศพหรือร่ำไห้ให้เธอเลย”
ทันใดนั้น ความรู้สึกหนักอึ้งก็ปกคลุมคอกไก่
ไก่ที่เคยออกไข่ก็หยุดวางไข่
ไก่ที่หาข้าวโพดก็ทิ้งเมล็ดไว้
ไก่ที่ดูแลลูกๆ ก็ลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ
เพราะ “ความเสียใจ” เจ็บยิ่งกว่าพิษใดๆ
“ทำไมเราไม่ไปให้เร็วกว่านี้?” พวกมันถามกันเอง
แล้วพวกมันทั้งหมดก็ออกเดินทางไปยังถ้ำ ด้วยน้ำตาและความเสียใจ
ตอนนี้... พวกมันมีเหตุผลที่จะไปหาเธอ
แต่... มันสายเกินไปแล้ว
เมื่อไปถึงถ้ำ พวกมันไม่พบแม้แต่เงาของไก่ตัวนั้น
มีเพียงจดหมายหนึ่งใบ ที่เขียนไว้ว่า:
“ในชีวิตนี้ หลายครั้งผู้คนไม่ยอมแม้แต่จะเดินข้ามถนนเพื่อช่วยคุณตอนยังมีชีวิต แต่ยอมเดินข้ามโลกเพียงเพื่อมางานศพคุณเมื่อคุณตาย
และน้ำตาส่วนใหญ่ในงานศพ
ไม่ได้เกิดจากความโศกเศร้า...
แต่เกิดจาก ‘ความรู้สึกผิด’ และ ‘ความเสียใจ’”