เรื่องเล่าการเดินทางของชีวิต

เรื่องเล่าการเดินทางของชีวิต การเดินทางของชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์คลุกเคล้ากันไป ข้อคิดบทเรียนล้วนเตือนใจเราเสมอ

14/08/2025

ทำไมคำว่า “ไทย”
ต้องมี “ย ยักษ์” ต่อท้าย⁉️

เรื่องจริงที่น่าสมเพชที่คนไทยทุกคนควรอ่านจะได้ไม่เกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้************เดิมที ลิเบียถูกอิตาลียึดครอง ต่อมาอิตา...
12/08/2025

เรื่องจริงที่น่าสมเพช
ที่คนไทยทุกคนควรอ่าน
จะได้ไม่เกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้

************

เดิมที ลิเบียถูกอิตาลียึดครอง ต่อมาอิตาลีแพ้สงครามโลก อังกฤษและฝรั่งเศสเข้ามาปกครองลิเบียโดยแย่งไปจากอิตาลี และได้ขุดน้ำมัน บริษัทของอังกฤษและฝรั่งเศสได้สัมปทานกอบโกยน้ำมันไปจนร่ำรวย ส่วนคนลิเบียแทบไม่ได้อะไรเลย แม้ภายหลังลิเบียได้เอกราช แต่สัมปทานน้ำมันแบบเกือบฟรี ก็ยังอยู่ในมือบริษัทอังกฤษและฝรั่งเศส

ต่อมา กัดดาฟีเห็นว่าไม่เป็นธรรมจึงทำการปฏิวัติ และยึดสัมปทานน้ำมันคืนมา กัดดาฟีปกครอง ให้ประชาชนทุกอย่าง สวัสดิการดีที่สุดในบรรดาประเทศที่รวยน้ำมัน อาจจะเรียกได้ว่า ดีที่สุดในโลก ประชาชนอยู่ดี กินดี มีความสุขสบายทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวคือ ไม่มีประชาธิปไตยแบบตะวันตก ไม่มีการเลือกผู้แทน ไม่มีการเลือกรัฐบาล และผู้นำ

กลุ่มนักศึกษา ที่นึกฝันว่า ถ้าประเทศลิเบียมีประชาธิปไตยแบบอเมริกา น่าจะทำให้ประชาชนได้สวัสดิการมากกว่าที่กัดดาฟี มีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ มีความคับข้องใจ แต่ทำอะไรไม่ได้

จนกัดดาฟี อึดอัดกับคำสั่งอเมริกาและซาอุ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในโอเปค (ตอนนั้นยังไม่ใช่โอเปคพลัสอย่างทุกวันนี้) ที่ให้ทุกประเทศในโอเปคต้องขายน้ำมันผูกขาดด้วย petrodollar เท่านั้น กัดดาฟีประกาศจะไม่ทำตาม จะขายน้ำมันด้วยเงินดีนาร์ทองคำ หรือแลกด้วยทองคำ ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นทำลาย petrodollar อเมริกาจึงวางแผนกำจัดกัดดาฟี

อเมริกาจึงไปยุยงวางแผนให้นักศึกษาก่อการจลาจล ลิเบียสปริง มีอเมริกาโดย CIA ดำเนินการให้ทั้งเงิน อาวุธ และสนับสนุนด้านอื่นๆ กัดดาฟีปราบปรามนักศึกษาที่ก่อการจลาจล สื่อตะวันตกก็พร้อมใจกันประโคมว่า กัดดาฟีเป็นผู้นำเผด็จการเข่นฆ่าประชาชนและนักศึกษา อย่างต่อเนื่อง ใหญ่โต และเป็นระบบ

พอโหมประโคมโฆษณาชวนเชื่อจนล้างสมองคนทั้งโลกได้ อเมริกาและอังกฤษ ก็ส่งกองกำลังเข้าไปจับกัดดาฟีฆ่า ปล้นเอาทองคำในคลังหลวงของลิเบียไปหมด ยึดสัมปทานน้ำมันให้บริษัทตะวันตกไปร่ำรวยต่อ สวัสดิการทุกอย่างหายไปหมดสิ้น

อังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส จัดตั้งคนที่ตนสั่งได้ขึ้นมาแทนกัดดาฟี แต่กองกำลังอื่นๆ ไม่ยอมรับและเริ่มมีการต่อสู้แย่งอำนาจกันรุนแรงขึ้นเรื่อย จนบ้านเมืองพินาศวอดวาย อเมริกา หลังจากฆ่ากัดดาฟีได้ ก็ถอยไปให้อังกฤษกับฝรั่งเศสเจ้านายเดิมเข้ามาจัดการ แต่อังกฤษและฝรั่งเศส ก็ไม่อยากลงทุนส่งทหารไปตายในลิเบีย เพราะสงครามแย่งชิงอำนาจของกองกำลังต่างๆ รบกันรุนแรงมาก ถ้าอังกฤษ ฝรั่งเศส ส่งทหารไป จะต้องใช้เงินจำนวนมาก ทหารจะตายเยอะ และดูว่าไม่น่าจะสำเร็จจึงถอยมาปล่อยให้กองกำลังลิเบียฆ่ากันเองต่อไป จนโอบาม่าออกปากว่า อเมริกาฆ่ากัดดาฟีให้แล้ว พรรคพวกในยุโรปจัดการแย่มากจนลิเบียเละตุ้มเป๊ะไปหมด

คนลิเบียฆ่ากันตายมากมาย บ้านเมืองพังพินาศ ความยากจนขาดแคลน เกิดทั่วประเทศ คนลิเบียหลายล้านคน ราวหนึ่งในสามต้องหนีตายจากสงครามและความอดอยาก ต้องอพยพเป็นมนุษย์เรือลี้ภัยออกจากลิเบียไปยุโรป เรือล่มจมน้ำตายมากมาย ที่เหลือต้องไปอยู่เป็นพลเมืองชั้นสาม สี่ ห้า อยู่อย่างลำบากยากแค้น ถูกกดขี่ และเกลียดชัง เพราะเป็นคนอิสลามผิวสี ไปอยู่ในหมู่ชาวคริสตผิวขาว เป็นผู้ลี้ภัยที่เจ้าของบ้าน ไม่อยากต้อนรับ

จนเดี๋ยวนี้ ลิเบียยังรบกันอยู่

จากเมืองที่เคยเป็นเหมือนสวรรค์ อเมริกาทำให้กลับกลายเป็นนรกได้ ตอนนี้พวกนักศึกษาที่ก่อการจลาจล ลี้ภัย ตกนรกกันอยู่ที่ไหนบ้าง

แต่อเมริกาทำไม่ได้ ถ้านักศึกษาของลิเบีย (ที่กัดดาฟีใช้เงินจากการขายน้ำมันส่งให้เรียนฟรีทั้งในและต่างประเทศ) ไม่หลงลมและร่วมมือกับ CIA ของอเมริกาก่อการจลาจล

นักศึกษาที่ออกมาประท้วงก่อการจลาจล ป่านนี้คงรู้สำนึกแล้วว่าไม่น่าทำลายบ้านเมืองตัวเอง ถูกหลอกใช้เป็นเบี้ยในกระดาน พอใช้เสร็จก็ถูกทิ้ง แต่รู้สำนึกตอนนี้ก็สายไปแล้ว ลิเบียกลายเป็นนรกไปทุกหย่อมหญ้าแล้ว

กบเลือกนายจนทำให้บ้านเมืองฉิบหายวายวอดละครับ
วันชัย รุจนวงศ์
20/4/23

***************************

# บทความของ ชัย ราชวัตร เตือนคนไทย

อุทาหรณ์!! เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา"...ชัย ราชวัตร ยกบทความ นศ.ลิเบียถูกอเมริกาชักใยก่อม็อบร่วมโค่นผู้นำจนทำให้ต้องประเทศพัง!!....นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร การ์ตูนนิสต์ชื่อดังได้โพสต์บทความลงในเฟซบุ๊กโดยเป็นการหยิบเอาบทความเกี่ยวกับเรื่องลิเบีย และเสรีภาพ นำมาให้สังคมการเคลื่อนไหวในประเทศไทยได้เห็นเป็นตัวอย่างว่า..ประชาธิปไตยที่บางคนโหยหา…. ตัวอย่างที่น่าคิด…….....ประเทศลิเบีย เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา….ลิเบีย เป็นประเทศหลายชนเผ่า เป็นประเทศล้าหลัง ยากจน ถึงจะมีน้ำมันเยอะ แต่ชาติตะวันตกก็เป็นเจ้าของสัมปทาน ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ไป เหลือทิ้งไว้ให้คนในลิเบียนิดเดียว....กัดดาฟี่ทำการรัฐประหาร แล้วทำการยึดสัมปทานน้ำมันจากชาติตะวันตก เอาน้ำมันเข้ารัฐ ส่งผลให้ลิเบียร่ำรวยมากขึ้น กัดดาฟี่ จึงนำเอาเงินที่ได้มาให้สวัสดิการประชาชนอย่างเต็มที่ทุกคนเรียนฟรี รักษาฟรี มีเงินสนับสนุนให้ ไม่ว่าจะแต่งงานหรือมีลูกและสวัสดิการอื่นๆอีกมากมาย รัฐมีเงินให้ จะสร้างบ้าน จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก รัฐให้ฟรีหมด …......เกษตรกรไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำ แม้จะเป็นทะเลทราย แต่กัดดาฟี่จัดหาน้ำ และทำท่อส่งน้ำใต้ดินถึงที่ดินทุกแปลงจนประชากรลิเบียมีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีมาก และสูงขึ้นเป็นอันดับต้นๆของโลก… กลุ่มชนเผ่าในประเทศก็เลิกตีกัน เพราะกัดดาฟี ได้จัดการแบ่งผลประโยชน์จากน้ำมันให้อย่างทั่วถึง ….มีความเป็นอยู่อย่างดีมาตลอดหลายสิบปี…......ถึงประชาชนจะสุขสบาย แต่ก็เริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ มหาอำนาจตะวันตก สหรัฐ กับอังกฤษ เห็นว่าคนลิเบียเริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ จึงได้โอกาสจัดอาหรับสปริง....โดยจัดให้นักศึกษาชาวลิเบียที่ไปเรียนต่างประเทศมา…. มาเป็นแกนนำในการเรียกร้องเสรีภาพ โดยมีอเมริกาและอังกฤษเป็นอีแอบสนับสนุนอยู่ข้างหลัง เกิดม๊อบเกิดจลาจลทั่วประเทศ….. กลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งฉวยโอกาสหักหลังกัดดาฟี่ เป็นกบฏต่อรัฐบาล สู้รบกับรัฐบาล ผลสุดท้ายฝ่ายทหารกบฏกับกลุ่มประชาชน นักศึกษาที่เรียกร้องเสรีภาพชนะฝ่ายกัดดาฟี่ ….กัดดาฟี่ตาย....มีข่าวว่านางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ถึงกับบินไปดูศพของกัดดาฟี่ด้วยตัวเอง พร้อมกับพูดด้วยความสะใจว่า…. ฉันมา ฉันรู้ ฉันเห็นมันตาย …......กัดดาฟี่ตาย ไม่มีผู้นำที่เป็นคนยึดเหนี่ยวกลุ่มชนไว้ด้วยกัน… กลุ่มชนเผ่าในประเทศแต่ละฝ่ายก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจกัน ….เกิดสงครามรบพุ่งกันภายในประเทศตลอดเวลา ….ทีนี้ประชาชนก็อยู่ไม่ได้ ต่างอพยพหนีภัยสงครามกันจ้าละหวั่น ….....ประชากรเกือบหนึ่งในสามของประเทศ ต้องอพยพหนีภัยสงครามไปต่างประเทศ ส่วนคนที่เหลือในประเทศ ก็ต้องประสบชะตากรรม บ้านแตกสาแหรกขาด อดอยาก หิวโหย วันๆ หลบแต่กระสุนและลูกระเบิด…. ผู้ชายถูกเกณฑ์ไปรบ ผู้หญิงถูกบังคับให้บริการทางเพศ ….มีข่าวว่าถูกจับไปขายเป็นทาสทั้งหญิงและชายอย่างลับๆในประเทศเพื่อนบ้าน....ลิเบียจากประเทศที่สงบสุข ประชาชนร่ำรวย มีความสุข ปานอยู่สวรรค์ เพียงพริบตาเดียวที่กัดดาฟีตาย ……ก็กลายเป็นเหมือนตกนรกทั้งเป็น จะโทษใครเล่า ก็ต้องโทษความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเองที่หลงกลชาติมหาอำนาจ....ผ่านมาจะสิบปีแล้ว นรกในลิเบียก็ยังดำเนินต่อไป และไม่มีท่าว่าจะสิ้นสุด แถมดูแล้ว ประเทศลิเบียก็คงจะไม่มีต่อไป คงสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดินเป็นแน่แท้....โอ้อนิจจา…เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา ประชาชนถูกปั่นหัวว่า…มันหอมหวนแสนหวานปานน้ำผึ้งนั้นมีเฉพาะในฝัน ….แต่บางครั้งมันคือน้ำกรดที่รดลงทำลายประเทศจนสิ้นทรากในพริบตา..มันคือความเป็นจริง....ขออย่าให้ประเทศไทยต้องเป็นอย่างประเทศลิเบียเลย..ถ้าท่านเห็นว่าบทความนี้ควรจะเผยแพร่ไปยังผู้ที่กำลังคิดจะทำให้ประเทศไทยเป็นอย่างประเทศลิเบีย..ขอโปรดแชร์บทความนี้ต่อไปยังเพื่อนของท่านด้วย…
#เรารักประเทศไทย
Cr : ชัย ราชวัตร

🍂 ‘ ขอบคุณที่มองเห็นผม ’"ฉันอยู่ในถนนสายเล็ก ๆ ที่เงียบสงบในรัฐโอไฮโอ บ้านหลังเดิมนี้อยู่มา 42 ปีแล้ว ชื่อของฉันคือลูเซี...
07/08/2025

🍂 ‘ ขอบคุณที่มองเห็นผม ’

"ฉันอยู่ในถนนสายเล็ก ๆ ที่เงียบสงบในรัฐโอไฮโอ บ้านหลังเดิมนี้อยู่มา 42 ปีแล้ว ชื่อของฉันคือลูเซีย อายุ 63 ทุกเช้า ฉันจะนั่งบนระเบียงจิบชา มองโลกหมุนผ่านไป เป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ทำให้ฉันไม่เหงา

สิบปีที่ผ่านมา คุณอีแวนส์อยู่บ้านข้าง ๆ เขาเป็นคนเงียบ ๆ ใส่เสื้อเชิ้ตสะอาดทุกวัน และทุกวันเขาจะรดน้ำแปลงดอกไม้เล็ก ๆ ของเขา ส่วนใหญ่เป็นกุหลาบสีแดงสด เขาจะยืนอยู่ตรงนั้น จับสายยางรดน้ำช้า ๆ แต่ไม่เคยโบกมือ ไม่เคยทักทาย รดน้ำเสร็จก็เดินเข้าบ้าน สามีของฉัน จอห์น เคยล้อเล่นว่า "ลูเซีย ผู้ชายนั่นมีความลับเยอะกว่ากล่องเครื่องมือฉันอีก" จากนั้นฉันก็เริ่มสังเกตคุณอีแวนส์มากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเกษียณจากที่ทำการไปรษณีย์ เขาดู... เล็กลง เหมือนโลกมันหดรอบตัวเขา

วันอังคารหนึ่ง ฉันเห็นเขาลำบาก เขาพยายามยกบัวรดน้ำหนัก ๆ มือสั่นแรงแล้วทำมันตก น้ำกระเด็นไปทั่ว เขายืนอยู่ตรงนั้น มองหญ้าที่เปียกเฉย ๆ ไม่เก็บ ไม่ขยับ แค่ดูเหนื่อยมาก เหงามาก หัวใจฉันเจ็บจี๊ด ฉันเกือบไม่ได้เคาะประตูบ้านเขา กลัวว่าเขาจะคิดว่าฉันเสือก กลัวว่าเขาจะบอกให้ฉันไปให้พ้น แต่เสียงของจอห์นดังขึ้นในหัว "ลูเซีย ความใจดีมันไม่ใช่เรื่องกล้าหาญ มันคือการเห็นว่ามีใครต้องการความช่วยเหลือ แล้วคุณก็ยื่นมือให้เขา"

ฉันเคาะประตู มือสั่นนิด ๆ เขาเปิดออกมา ดูตกใจ ใกล้ ๆ แล้วเขาดูแก่ขึ้นมาก ดวงตาดูหลงทางนิดหน่อย

"คุณอีแวนส์" ฉันพูดเสียงสั่น "ฉันเห็นคุณทำบัวรดน้ำตก ข้ออักเสบฉันก็เป็นบ่อย ๆ ฉัน... ฉันช่วยคุณรดกุหลาบได้ไหมคะ? พวกมันดูหิวน้ำเลย"

เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แค่ถอยหลังเงียบ ๆ ฉันถือว่านั่นคืออนุญาต ฉันยกบัวรดน้ำหลังปวด ๆ รดดอกไม้ เขายืนดูเงียบ ๆ ไม่พูด แต่ก็ไม่ไล่ฉันไป

วันต่อมา ฉันก็ไปอีก และอีกวันต่อ ๆ ไป แค่รดกุหลาบ บางครั้งก็เอาชาไปเผื่อหนึ่งแก้ว นั่งตรงขั้นบันไดหน้าบ้านเขา ไม่คุย ไม่เร่งรัด แค่...อยู่ตรงนั้น หลายสัปดาห์ผ่านไป เช้าวันหนึ่ง ตอนฉันส่งชาให้เขา มือเขาแตะมือฉัน มันเย็นมาก เขามองฉันจริง ๆ เป็นครั้งแรก

"ภรรยาผม..." เขาพึมพำเบามากจนฉันแทบไม่ได้ยิน "เธอชอบกุหลาบพวกนี้มาก เธอเสียเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ผม...ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงยังรดมันอยู่" เสียงเขาสั่น น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมา เขารีบเช็ดอย่างอาย ๆ

"โอ้ คุณอีแวนส์" ฉันพูดแผ่วเบา "เธอคงอยากให้คุณรดมันต่อ เพราะมันสวย เหมือนความทรงจำของเธอ"

หลังจากนั้น เขาก็ยังไม่พูดมาก แต่เขาเริ่มโบกมือให้ พยักหน้าทักเบา ๆ จากระเบียง แล้วก็มี "อรุณสวัสดิ์ ลูเซีย" ที่เงียบ ๆ วันหนึ่งเขาถามถึงจอห์น ฉันก็บอก แล้วเราก็นั่งท่ามกลางแสงแดด เล่าเรื่องคนที่เรารักและสูญเสียไป มันไม่ใช่อะไรใหญ่โต แค่คนแก่สองคน ระลึกถึงความทรงจำ

จากนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป คุณนายเกเบิลจากปลายถนนเริ่มเอาพายมาให้คุณอีแวนส์ทุกวันศุกร์ หนุ่มน้อยทอมมี่จากบ้านเลขที่ 42 เริ่มตัดหญ้าให้เขาโดยไม่ต้องขอ ฉันไม่ได้วางแผน ไม่ได้บอกใคร ผู้คนแค่...เห็นเขาเหมือนที่ฉันเห็น

สัปดาห์ที่แล้ว คุณอีแวนส์ยื่นกุหลาบสีแดงดอกหนึ่งให้ฉัน มือเขาไม่สั่น "สำหรับจอห์น" เขาบอก "แล้วก็สำหรับคุณ ลูเซีย ขอบคุณที่มองเห็นผม"

ฉันร้องไห้เล็กน้อย ตรงนั้น บนระเบียง

คนมักคิดว่าความใจดีต้องการการกระทำใหญ่โต ขบวนพาเหรด โครงการยิ่งใหญ่ แต่บางครั้ง...มันคือการแค่ไปอยู่ตรงนั้น รดกุหลาบให้เพื่อนบ้านที่ลืมวิธีโบกมือ มองเห็นความเจ็บปวดเงียบ ๆ หลังประตูปิด มันไม่เสียเงินสักบาท แค่ใช้เวลาสักครู่และความกล้าที่จะเคาะประตู

เราทุกคนต่างเคยเหงา เราทุกคนอยากถูกรับรู้ บางทีสิ่งที่ทรงพลังที่สุดที่เราทำได้ คือการมองเห็นกัน ไม่ต้องแก้โลก แค่รดกุหลาบให้กันทีละมือที่สั่น ๆ แบบนี้แหละที่ฆ่าความเหงา ไม่ใช่ด้วยเสียงโหวกเหวก แต่ด้วยคำเบา ๆ "สวัสดี ฉันอยู่ตรงนี้"

วันนี้...ไปช่วยรดกุหลาบให้ใครสักคนเถอะ คุณไม่มีทางรู้เลยว่าคุณจะชุบชีวิตใครกลับมาบ้าง"

ขอให้เรื่องนี้ไปถึงหัวใจของใครอีกหลายคน...

ขอบคุณ :
Ramet Tanawangsre ผู้ถอดความ

🍂 จงเป็นผู้ให้แสงสว่างมีตรอกอยู่ตรอกหนึ่งที่ทั้งมืดและทั้งแคบคืนหนึ่ง มีพระรูปหนึ่งเดินผ่านเข้ามายังตรอกดังกล่าวเพื่อมุ่...
05/08/2025

🍂 จงเป็นผู้ให้แสงสว่าง

มีตรอกอยู่ตรอกหนึ่งที่ทั้งมืดและทั้งแคบ

คืนหนึ่ง มีพระรูปหนึ่งเดินผ่านเข้ามายังตรอกดังกล่าวเพื่อมุ่งหน้าไปยังอาราม

ทว่า!
ความที่ตรอกนี้มืดมิด แม้กระทั่งนิ้วมือทั้งห้าของตนเองยังไม่อาจมองเห็นได้

พระรูปนี้จึงทั้งเดินไปชนผู้อื่น และถูกผู้อื่นเดินมาชนไม่หยุดหย่อน สร้างความลำบากยิ่งนัก

ทันใดนั้น มีคนผู้หนึ่งถือโคมไฟเดินเข้ามายังตรอกดังกล่าว พลันทำให้ในตรอกเกิดแสงสว่างขึ้นพอสมควร

พระรูปนั้นได้ยินคนเดินผ่านทางกล่าวว่า
"คนตาบอดผู้นั้นช่างแปลกนัก ตนเองมองไม่เห็นแท้ๆ กลับถือโคมไฟให้วุ่นวาย"

เมื่อพระได้ยินก็รู้สึกแปลกใจ

รอจนกระทั่งคนตาบอดถือโคมไฟคนนั้นเดินผ่านมา จึงเอ่ยถามขึ้นว่า
"ขออภัย ท่านตาบอดจริงๆ หรือ?"

คนผู้นั้นตอบว่า
"ถูกแล้ว ข้าเกิดมาก็พิการ ตาสองข้าง มองไม่เห็นอะไรเลย"

พระได้ยินดังนั้น ก็ยิ่งงุนงงมากขึ้น ถามต่อว่า
"แล้วทำไมท่านจึงถือโคมไฟ?"

คนตาบอดตอบว่า
"เนื่องเพราะข้าเคยได้ยินคนพูดกันว่าในยามกลางคืนไร้แสงสว่าง คนตาดีทั้งหลายก็เป็นเช่นเดียวกับข้า คือมองไม่เห็นสิ่งใด
เมื่อครู่ท่านเดินอย่างมืดมนในตรอก คงโดนคนเดินสวนไปมาชนเอาสิ? แต่ข้าไม่โดนผู้อื่นเดินชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนข้าก็เป็นเช่นเดียวกับท่าน โดนคนเดินมาชนเอาบ่อยครั้ง

ต่อมา พอข้าถือโคมไฟทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ที่ข้าจุดโคมไปไหนมาไหนด้วยนั้น ข้าจุดเพื่อให้แสงสว่างกับผู้อื่น และเพื่อให้ผู้อื่นมองเห็นตัวข้า ตั้งแต่นั้นมาข้าก็ไม่โดนผู้ใดเดินชนอีกเลย"

พระได้ยินความดังนั้นก็บรรลุปัญญาทันที

"การช่วยเหลือผู้อื่น ประโยชน์สูงสุดล้วนกลับคืนมาสู่...ผู้ให้"
_ _ _ _ _

ลองถามตัวเองกันค่ะว่า…
วันนี้เราได้ทำตัวเป็นแสงสว่างให้ใครบ้างรึยัง? ถ้ายังลองทำดูนะคะ

💡แต่ก่อนที่จะไปเป็นแสงสว่างให้ใครๆ
ทำตัวเราให้สว่างก่อน!!💡💡💡

👍 จาก 0 ถึง 100 👉ไม่น่าเชื่อ…โรงเรียนวัดจะทำได้‼️ประมาณปลายเดือน .... มีข่าวประกาศรายชื่อนักเรียนที่สอบโอเน็ต คณิตศาสตร์...
05/08/2025

👍 จาก 0 ถึง 100
👉ไม่น่าเชื่อ…โรงเรียนวัดจะทำได้‼️

ประมาณปลายเดือน .... มีข่าวประกาศรายชื่อนักเรียนที่สอบโอเน็ต คณิตศาสตร์ ได้คะแนนเต็ม 100 ซึ่งนักเรียนทุกคนล้วนมาจากโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง อยู่ในตัวจังหวัด

แต่มีโรงเรียนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึก “ หืมมมม์!! ”

เพราะโรงเรียนนั้นเป็นโรงเรียนวัดขนาดเล็กอยู่ชายขอบของอยุธยา มีนักเรียนแค่ 6-7 คน/ชั้นเรียน ซึ่งทั้งหมดเป็นเด็กในหมู่บ้าน และสภาพเศรษฐกิจของชุมชนไม่สามารถส่งลูกไปเรียนกวดวิชาได้

เราอยากรู้ว่า ทำอย่างไรเด็กจากโรงเรียนวัดขนาดเล็กนี้จึงทำคะแนนคณิตศาสตร์ได้เต็ม 100!! และเป็นวิชาคณิตศาสตร์ที่หลาย ๆ คนบ่นว่า “ยาก” ซึ่งโดยทั่วไปถ้าทำคะแนนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ก็ร้องไชโยแล้ว แต่นี่ได้คะแนนเต็ม 100!!

หลังจากนั้น 2-3 วัน บังเอิญได้พบครูในโรงเรียน จึงสอบถามว่าทำได้อย่างไร มีปัญหาและผลกระทบอะไรหรือไม่... และนี่ คือคำตอบที่ได้รับ

“ เราเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เด็กมีน้อย ไม่มีตัวเลือก ก็ต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นครับ ผมถามเด็กว่า พร้อมจะสู้กับครูไหม ถ้า “สู้” ... ต่อไปทุกวันหลังกินข้าวไม่ต้องไปวิ่งเล่น ให้มาหาครู ครูจะสอนพิเศษเพิ่มให้ทุกวัน

ผมทำแบบนี้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ และทุกวันเสาร์ โดยผมจะขับรถไปรับเด็กๆ จากที่บ้านมาสอนเพิ่มที่โรงเรียน กลางวันเลี้ยงข้าวด้วยแล้วสอนต่อจนถึงบ่ายๆ จึงขับรถไปส่งที่บ้าน
เราสอนและดูแลทุกวัน ทุกวันนี้มีมีเด็ก ๆ ที่มาสู้กับผม 8 คนครับ

เราทำแบบนี้มาหลายปีแล้วครับ อย่างคนที่สอบได้คณิตศาตร์เต็ม 100 นี่ ผมไปคุยตั้งแต่เขาอยู่ ป.3 ... ถามว่า พร้อมที่จะสู้กับครูไหม ถ้าสู้ เราจะเริ่มติวตั้งแต่เปิดเทอม ป.4 เลย เราจะสู้ไปพร้อมกัน
ก็ต้องรีบทำก่อนครับ เพราะเด็กของเราต้นทุนต่ำ เรามีต้นทุนอย่างเดียว คือ “ใจสู้”

ผมและภรรยาช่วยกันติว ผมถนัดคณิตศาสตร์ ส่วนภรรยาติวภาษาไทย ผมรู้ว่า เด็กๆ เหนื่อย แต่เขาอดทน ถ้าเด็กไม่ท้อครูจะไม่ถอยครับ

ผมและภรรยาไปรับเด็ก ๆ ที่บ้านทุกเสาร์ครับ ถ้าให้ผู้ปกครองรับ-ส่งเอง เด็กอาจมาน้อย เพราะผู้ปกครองบางคนอาจมีภาระในวันเสาร์

ส่วนค่าอาหารในวันเสาร์นั้น ผมใช้เงินส่วนตัวครับ โชคดีที่ ผอ. และ ครูในโรงเรียนเข้าใจ วันก่อน ผอ. ก็ฝากเงินส่วนตัวมาช่วยค่าอาหารในวันเสาร์ให้เด็ก ๆ ด้วย

ผมทำแบบนี้มาหลายปีแล้วครับ ที่ทำได้เพราะครอบครัวเข้าใจ ภรรยาร่วมด้วยช่วยทำ ส่วนลูกของผมยังเรียนอยู่ครับ แต่เขาเข้าใจในสิ่งที่เราทำ และลูกดูแลตนเองได้ ประกอบกับ ผอ. และครูในโรงเรียนก็เข้าใจ ช่วย support ด้านอื่นๆ ทำให้เราติวเด็กได้เต็มที่

ผมคิดว่าบุคลากรที่ดี คือ ทรัพยากรที่สำคัญที่สุด และเมื่อครูตั้งใจทำแล้ว ชุมชนเขารับรู้นะครับ เขาพร้อมที่จะช่วยเรา แม้เศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวย แต่ใจเขาพร้อมครับ

เด็กๆ ที่ผมติวนั้น ผมจะส่งเข้าแข่งตั้งแต่ ป.4 ครับ อยู่ ป.4 แต่ส่งไปแข่งกับ ป.6 ส่งแข่งครั้งแรกไม่ชนะหรอกครับ แต่ถือว่า ไปเก็บประสบการณ์ ผลการแข่งขันจะดีขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะถึง ป.6 เด็กก็พร้อมเต็มที่ จนทำได้คะแนนเต็ม 100 ครับ

ความฝันของผม ไม่ได้อยากเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ นะครับ ขอเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่ดูแลเด็กในหมู่บ้านอย่างใกล้ชิด และจัดการสอนได้ตามมาตรฐาน อยากให้เด็กๆ ได้การศึกษาเหมือนได้ไปเรียนโรงเรียนใหญ่ๆ ในตัวจังหวัด โดยเด็กๆ ไม่ต้องเดินทางไกล

ผมไม่เคยคิดว่า เด็กจะได้ 100 คะแนน เต็ม ไม่คิดว่าวันนี้จะได้รับรางวัล รู้แค่ว่า เราได้รางวัลทุกวัน

รางวัลของเรา คือ เด็กรู้เพิ่มขึ้น เก่งเพิ่มขึ้น อันนี้คือ รางวัลที่เด็กๆ มอบให้เราทุกวัน

หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เด็กที่ครูคอยสอนและปูพื้นฐานให้นั้น ได้ไปเรียนต่อ ม.1 ที่ รร.มัธยมประจำอำเภอ และได้ส่งไลน์มาแจ้งครูว่า น้องเข้าแข่งขันคณิตศาสตร์ที่ รร.สาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา โดยคว้ารางวัลที่ 1 และทำคะแนนทิ้งห่างจากอันดับ 2 ถึง 1 เท่าตัว”

🏆ข่าวนี้นับเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่ของครู

🖌️เขียนไว้เพื่อเป็นเกียรติแด่ ครู ผู้มีความเป็น “ครู” อย่างเต็มเปี่ยม คือ “ ครูเวณและครูกฤษดาพร ศรีรัตนกูล “ รร.วัดจำปา อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

🍂 คุณคือคนที่เปิดประตู ฉันก็แค่เดินผ่านเข้าไปเท่านั้น…..เสียงกึกก้องของผู้ชมกว่า 80,000 คนดังก้องไปทั่วสนามโอลิมปิก แสงแ...
03/08/2025

🍂 คุณคือคนที่เปิดประตู ฉันก็แค่เดินผ่านเข้าไปเท่านั้น…..

เสียงกึกก้องของผู้ชมกว่า 80,000 คนดังก้องไปทั่วสนามโอลิมปิก แสงแฟลชจากกล้องวาบไหวราวกับสายฟ้า

บนโพเดียม มายา เรเยส ยืนโอบตัวเองด้วยธงชาติอเมริกัน เหรียญทองห้อยอยู่บนคอ น้ำตาไหลอาบแก้ม หลังจากปีแล้วปีเล่าของเหงื่อ การบาดเจ็บ และการฝึกอย่างไม่หยุดยั้ง เธอได้มายืนที่จุดนี้ อันดับหนึ่งยิมนาสติกหญิง จากการแสดงบนพื้นครั้งสุดท้ายในชีวิตการแข่งของเธอ

เพลงชาติบรรเลงก้องรอบสนาม แต่มายาไม่ได้มองไปที่ธง เธอกำลังใช้สายตากวาดหาบางคน

หลังพิธีจบลง ขณะที่นักข่าวรุมล้อมยิงคำถาม
“คุณรู้สึกอย่างไรกับชัยชนะครั้งนี้?”
“คุณอยากขอบคุณใคร?”

มายาเพียงยิ้มอ่อน ๆ แล้วตอบว่า
“ฉันมีใครบางคนที่ต้องไปหา”

ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมไปให้สัมภาษณ์และถ่ายรูป มายาลอบหลบออกมา เธอเดินผ่านทางเดินแคบ ๆ อุโมงค์บริการ และฝูงชนที่ยังโห่ร้อง ผ่านอาสาสมัครที่มองตามอย่างงุนงง จุดหมายของเธอไม่ใช่ห้องพักนักกีฬา หรือเต็นท์สื่อมวลชน
แต่มันคือ โซนที่นั่ง 312 แถว H
ที่ริมแถวนั้น หญิงชรานั่งปรบมือเบา ๆ ด้วยสองมือที่เต็มไปด้วยริ้วรอย เธอคือ มิสเอเวลิน คาร์เตอร์ ภารโรงโรงเรียนเกษียณอายุ

“มิสคาร์เตอร์” มายาพูดเสียงแผ่ว

หญิงชราเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ ก่อนดวงตาจะเบิกกว้าง

“มายา?”

นักยิมนาสติกชื่อก้องโลกทรุดตัวลงคุกเข่า ถอดเหรียญทองจากคอ และวางมันลงบนตักของหญิงชราอย่างอ่อนโยน

“คุณเป็นคนให้เบาะแรกกับฉัน” มายากล่าวเสียงสั่น “ตอนที่ฉันไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีโรงยิม และไม่มีเงินเรียน คุณยอมเคลียร์ห้องเก็บของ แล้วให้ฉันซ้อมบนเบาะมวยปล้ำเก่า ๆ”
มิสคาร์เตอร์กระพริบตา มึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ฉันก็แค่จำได้ว่าคุณอยู่ซ้อมดึกเสมอ” เธอพูดเบา ๆ “ไม่เคยคิดเลยว่าฉันกำลังสร้างแชมป์โลก”

“ไม่ค่ะ” มายาส่ายหน้า “คุณไม่ได้สร้างแชมป์ คุณสร้างเด็กคนหนึ่งที่เริ่มเชื่อว่ามีใครบางคนแคร์เธอจริง ๆ”

เบื้องหลัง แฟน ๆ คนหนึ่งบันทึกภาพวินาทีนี้ไว้ นักยิมนาสติกชื่อดังคุกเข่าต่อหน้าภารโรงในที่นั่งสูงสุด พร้อมมอบเหรียญทองให้ ภาพนั้นแพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ตภายในไม่กี่นาที และก่อนรุ่งเช้า ก็ติดเทรนด์ทั่วโลก

สิ่งที่โลกไม่รู้ จนกระทั่งภายหลัง—ก็คือเรื่องราวเบื้องหลังของการเสียสละอย่างเงียบงันของมิสคาร์เตอร์
ห้องเก็บของที่กลายเป็นโรงยิมนั้น? มิสคาร์เตอร์เสี่ยงต่อการถูกไล่ออกเพื่อให้มายาใช้ เธอซื้อเบาะเหล่านั้นเอง หลังจากแอบได้ยินว่าครอบครัวมายาไม่มีเงินเรียน และทั้งหมดนี้เธอทำในขณะที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งที่ไม่เคยบอกใคร เลือกใช้พลังสุดท้ายของตนเพื่อให้เด็กคนหนึ่งได้มีที่ให้ “โบยบิน”

เมื่อมีนักข่าวตามไปสัมภาษณ์เธอในอีกหลายวันต่อมา มิสคาร์เตอร์เพียงกระซิบว่า

“เธอคิดว่าฉันช่วยรักษาความฝันของเธอไว้ แต่ความจริงคือ การมองเห็นเธอต่างหากที่ทำให้ฉันยังอยากมีวันพรุ่งนี้ ฉันไม่ได้สร้างนักยิมนาสติกหรอก ฉันสร้างเหตุผลให้ตัวเองเชื่อในวันใหม่ต่างหาก”

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ในงานแถลงข่าว เมื่อมายาถูกถามว่าเธอเสียดายไหมที่มอบเหรียญทองเพียงเหรียญเดียวของตัวเองให้คนอื่น มายายิ้ม หยิบสิ่งหนึ่งจากกระเป๋าออกมาแล้วชูขึ้น

มันคือกุญแจทองเหลืองเก่า ๆ มีรอยบุบเล็กน้อย และสลักจาง ๆ ว่า “112” กุญแจมาสเตอร์ของภารโรง

“ครั้งหนึ่งเธอเคยให้สิ่งนี้กับฉัน” มายากล่าว “แล้วบอกว่า ‘เธอจะต้องใช้มันเพื่อไขกุญแจสู่ความฝัน’ ฉันจะเก็บสิ่งนี้ไว้ตลอดไป”

สนามทั้งสนามเงียบกริบ
เพราะในท้ายที่สุด มันไม่ใช่เหรียญทองที่สำคัญที่สุด แต่เป็น “ประตู” ที่ครั้งหนึ่งมีคนเงียบ ๆ คอยเปิดให้
และคำพูดสุดท้ายที่มายากระซิบกับมิสคาร์เตอร์ ท่ามกลางเสียงกู่ก้องของสนามในวันนั้น ก็ได้ถูกจารึกไว้บนฐานรูปปั้นที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทั้งคู่

“คุณคือคนที่เปิดประตู ฉันก็แค่เดินผ่านเข้าไปเท่านั้น”

David Attenborough Fans
เจาะเวลาหาอดีต ถอดความ

ที่อยู่

Bangkok

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เรื่องเล่าการเดินทางของชีวิตผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง เรื่องเล่าการเดินทางของชีวิต:

แชร์

ประเภท