IZocial iZocial Thailand คัดสรรข่าวสารน่ารู้น่าสนใจ บนโลกโซเชียลมาอัพเดตให้รับทราบกัน โดยเฉพาะข้อมูลแง่มุม Tech, IT, AI, Social Media, Digital Content

⭕️   จำกัดแฮชแท็กเหลือแค่ 5 ตัวต่อโพสต์ ผู้ใช้ไม่พอใจผวากลัวกระทบการมองเห็นและรายได้ !TikTok ได้ปรับนโยบายใหม่โดยจำกัดกา...
21/08/2025

⭕️ จำกัดแฮชแท็กเหลือแค่ 5 ตัวต่อโพสต์ ผู้ใช้ไม่พอใจผวากลัวกระทบการมองเห็นและรายได้ !
TikTok ได้ปรับนโยบายใหม่โดยจำกัดการใช้แฮชแท็กในแต่ละโพสต์เหลือเพียง 5 ตัว ให้เหตุผลว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาและแนะนำเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้ใช้ รวมถึงส่งเสริมการสร้างชุมชนออนไลน์ที่มีความเกี่ยวข้องและมีส่วนร่วมมากขึ้น
ตามแถลงการณ์ของ TikTok ระบุว่าแฮชแท็กช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของผู้ใช้ที่มีความสนใจร่วมกัน และแบรนด์สามารถใช้เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วม
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากผู้ใช้ โดยเฉพาะครีเอเตอร์ที่พึ่งพา TikTok เป็นแหล่งรายได้หลัก
ผู้ใช้จำนวนมากแสดงความไม่พอใจผ่านโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่าการจำกัดแฮชแท็กจะลดการมองเห็นและการมีส่วนร่วมของโพสต์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของครีเอเตอร์รายย่อยและธุรกิจที่ใช้ TikTok ในการโฆษณา
ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้บน X รายหนึ่งระบุว่า “มันแย่มาก ‘แท็กที่มีประสิทธิภาพเพื่อการมองเห็นมากขึ้น’ แต่มีหลายสิ่งที่ฉันต้องแท็กเพื่อให้ได้การมองเห็นตามปกติ 💔”

อีกคนบ่นว่าไม่สามารถแท็กตัวละครทั้งหมดในงานของตนได้ ทำให้เสียโอกาสในการเข้าถึงผู้ชม
ผู้ใช้รายอื่นบน Reddit ยังกังวลว่าการจำกัดนี้จะกระทบต่อธุรกิจของตนที่พึ่งพาแฮชแท็ก เช่น การแท็กพื้นที่ เมือง รัฐ งานที่ทำ และแบรนด์ที่ใช้ โดยบางคนถึงขั้นตั้งคำถามว่าอาจเป็นเหตุให้ฟ้องร้องได้หากพิสูจน์ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อรายได้อย่างรุนแรง
การจำกัดแฮชแท็กนี้เริ่มมีผลแล้ว และสร้างความกังวลอย่างมากในหมู่ครีเอเตอร์ โดยเฉพาะผู้ใช้ในสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ใช้งาน TikTok ราว 170 ล้านคนต่อเดือน (ข้อมูลจาก CEO ของ TikTok เดือนมกราคม 2024)

บอร์ดกสทช.นัดถกวาระร้อน ทีวีดิจิทัล-แพลตฟอร์ม OTT .จับตา 4 วาระร้อนพลิกโฉมหน้า”อนาคตทีวีดิจิทัล-แพลตฟอร์มOTT” เข้าวาระปร...
20/08/2025

บอร์ดกสทช.นัดถกวาระร้อน
ทีวีดิจิทัล-แพลตฟอร์ม OTT
.
จับตา 4 วาระร้อนพลิกโฉมหน้า”อนาคตทีวีดิจิทัล-แพลตฟอร์มOTT” เข้าวาระประชุมบอร์ดกสทช.วันนี้(20ส.ค.)ตามคำสั่ง 60 วันของประธานกสทช แต่สมาคมทีวีดิจิทัลยังหวั่น คงไม่จบง่าย ฝ่าด่านวาระล้นบอร์ด 60-70เรื่องจนประธานกสทช.ต้องนัดประชุมรวด 2 วัน
.
สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล(ประเทศไทย)ได้ทราบจากแหล่งข่าวในสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ว่าศาตราจารย์คลีนิก นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ประธานกสทช.ได้นัดประชุมบอร์ดกสทช.2วันติดต่อกันช่วงวันที่ 20 -21 ส.ค.นี้ โดยมีวาระการประชุมที่เป็นวาระเพื่อพิจารณาแน่นมาก ทั้งเรื่องโทรคมนาคมและโทรทัศน์ร่วม60-70วาระ
แหล่งข่าวเปิดเผยว่าวาระที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับโทรทัศน์ได้รับการบรรจุ 4 วาระ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย)ที่ไปยื่นหนังสือในการประชุมบอร์ดกสทช.เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 จนประธาน กสทช.ได้กำหนดให้ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมฉากทัศน์ของทีวีดิจิทัลเพื่อนำไปจัดทำ Road Map ก่อนสิ้นสุดใบอนุญาตทีวีดิจิทัลในเดือนเม.ย.2572 เพื่อส่งกลับมาเข้าวาระบอร์ดกสทช.ภายใน 60 วัน
วาระสำคัญที่สุดน่าจะเป็นการจัดทำข้อมูลฉากทัศน์ในอนาคตของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย การกำกับดูแล และการส่งเสริมการประกอบกิจการโทรทัศน์ เพื่อเป็นแนวทางให้สำนักงานกสทช.นำไปจัดทำร่างแผนที่นำทางหรือ Roadmap กิจการโทรทัศน์ดิจิทัลที่จะสิ้นสุดใบอนุญาตในเดือนเม.ย.2572 รวมท้งโครงข่ายทีวีดิจิทัลที่สิ้นสุดก่อน 1 ปี
วาระที่มีความสำคัญในลำดับรองลงมาคือแนวทางความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการจัดให้มีช่องทางการเข้าถึงกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินบนแพลตฟอร์มดิจิทัลหรือ National Streaming Platform โดยเป็นการรับทราบรายงานผลการศึกษาแนวทางที่เป็นไปได้และเหมาะสมในการจัดให้มีช่องทางการเข้าถึงกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินบนแพลตฟอร์มดิจิทัล
โดยจะเป็นการพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการแนวทางการดำเนินการจัดให้มีช่องทางการเข้าถึงกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินบนแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มาจากทางเลือกที่เสนอในรายงานผลการศึกษา ตลอดจนพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการต่อแนวทางการกำหนดค่าใช้จ่ายในส่วนของ Multi-CDN Platform ที่เกี่ยวข้อง
.
แหล่งข่าวในสำนักงานกสทช.กล่าวว่าอีกวาระที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการOTT คือแนวทางการกำกับดูแลการให้บริการแพร่ภาพและเสียงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการร่วมระหว่างหน่วยงานของรัฐที่ได้มีการประสานงานกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในการกำกับดูแล OTT ตามพระราชกฤษฎีกาธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลฯ พ.ศ. 2565
วาระที่ 4 เป็นการพิจารณาแนวทางการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อรองรับบริบทการหลอมรวมเทคโนโลยี เพื่อให้ความเห็นชอบต่อรายงานแนวทางการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อรองรับบริบทการหลอมรวมเทคโนโลยี

โดยมีการศึกษาและเสนอแนะแนวทาง การแก้ไขหรือปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการอนุญาตและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และพัฒนาการของเทคโนโลยีกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์
อย่างไรก็ตามผู้บริหารของสมาคมทีวีดิจิทัลยังมีความกังวลว่าด้วยวาระการประชุมที่มีมากถึง 60-70 วาระ อาจจะทำให้ไม่มีเวลาพิจารณาทั้ง 4 วาระที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน แม้ว่าประธานกสทช.ได้สั่งให้จัดประชุมต่อเนื่องกัน 2 วัน

“ทั้ง 4 วาระที่อาจารย์พิรงรองเสนอเข้าบอร์ด ถ้ามีการอนุมัติออกมาน่าทำให้อนาคตของโทรทัศน์ทั้งในรูปแบบเดิมคือดิจิทัลภาคพื้นดินและรูปแบบใหม่ National Streaming Platformมีความชัดเจนมาก เพราะได้เสนอแนวทางการกำกับดูแล OTT และมีเป้าหมายแก้ไขฏกเกณฑ์และกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนท์บนออนไลน์ด้วย”กรรมการสมาคมทีวีดิจิทัลกล่าวอย่างมีความหวัง
#กสทช

ในเมืองเซินเจิ้นที่คราคร่ำไปด้วยนวัตกรรมและแสงสีแห่งเทคโนโลยี…เรื่องราวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด กำลังถูกเขียนขึ้นในวงการไอที เ...
18/08/2025

ในเมืองเซินเจิ้นที่คราคร่ำไปด้วยนวัตกรรมและแสงสีแห่งเทคโนโลยี…

เรื่องราวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด กำลังถูกเขียนขึ้นในวงการไอที

เมื่อจีนเผยโฉม สายเคเบิลดาต้าแห่งอนาคตที่เหมือนดั่งสายวิเศษในนิทาน

GPMI ไม่ได้เป็นแค่สายเคเบิลธรรมดา แต่เป็นคำตอบที่รวมทุกอย่างไว้ในหนึ่งเดียว—ลืม HDMI, USB-C หรือ DisplayPort ที่วุ่นวายไปได้เลย เพราะ GPMI มาพร้อมภารกิจเปลี่ยนโลก
ลองนึกภาพสายเส้นเดียวที่ทรงพลังราวกับมีพลังเวทมนต์ Type-B สามารถส่งข้อมูลได้เร็วถึง 192 Gbps และจ่ายไฟได้ถึง 480 วัตต์

ส่วน Type-C ที่มาในรูปแบบ USB-C สุดคุ้นตา ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยความเร็ว 96 Gbps และพลังงาน 240 วัตต์

สายเส้นนี้ทำได้ทุกอย่าง—ส่งวิดีโอคมชัดระดับ 8K พร้อมเสียง ข้อมูล สัญญาณควบคุม และพลังงาน—ทั้งหมดนี้ในสายเดียว เหมือนมีสายวิเศษที่เชื่อมทุกอุปกรณ์ในบ้านคุณเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

เบื้องหลังความมหัศจรรย์นี้คือความร่วมมือของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีกว่า 50 รายจากเซินเจิ้น นำโดย Huawei, TCL, และ Hisense พวกเขาร่วมกันรังสรรค์ GPMI ให้เป็นมากกว่าสายเคเบิล ด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะที่เหมือนมีสมองกลในตัวเอง—ควบคุมอุปกรณ์ได้, เข้ารหัสข้อมูลอย่างปลอดภัย, และยังเชื่อมต่อเครือข่ายได้อีก ฟังดูราวกัวว่าสายเคเบิลนี้มีชีวิตและพร้อมเป็นเพื่อนคู่ใจในโลกดิจิทัล
แต่เช่นเดียวกับทุกเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ GPMI ยังต้องเผชิญบททดสอบ ถึงแม้จะเริ่มถูกใช้งานในจีน แต่การยอมรับในระดับสากลยังคงเป็นความท้าทาย
ฮาร์ดแวร์ทั่วโลกยังไม่ได้กางอ้อมแขนต้อนรับเจ้าเส้นสายนี้อย่างเต็มที่ และอาจต้องใช้เวลาก่อนที่มันจะกลายเป็นพระเอกในวงการเทคโนโลยีทั่วโลก

GPMI จึงเหมือนดั่งดาวดวงใหม่ที่ส่องแสงระยิบระยับในท้องฟ้าแห่งนวัตกรรม รอวันพิสูจน์ตัวเองว่า จะกลายเป็นอนาคตที่แท้จริงของการเชื่อมต่อดาต้า หรือเพียงแค่ความฝันอันยิ่งใหญ่ของเมืองเซินเจิ้น เวลาเท่านั้นจะให้คำตอบ!

⭕️ เปิดข้อมูล Next News Network (NNN) สื่ออเมริกันขวาจัดคลั่งทฤษฎีสมคบคิด ล่าสุด แตะมือกับล็อบบี้ยิสต์ Michale Alfaro รั...
17/08/2025

⭕️ เปิดข้อมูล Next News Network (NNN) สื่ออเมริกันขวาจัดคลั่งทฤษฎีสมคบคิด ล่าสุด แตะมือกับล็อบบี้ยิสต์ Michale Alfaro รับงานจากรัฐบาลกัมพูชา เริ่มดิสเครดิตโจมตีประเทศไทย !!
⭕️ ประวัติและปูมหลังของ Next News Network
Next News Network (NNN) เป็นแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ที่เน้นการนำเสนอข่าวสารในรูปแบบวิดีโอ โดยหลักแล้วดำเนินการผ่านช่อง YouTube และเว็บไซต์ของตนเอง

ถูกก่อตั้งขึ้นในฐานะช่องข่าวอนุรักษ์นิยม (conservative news channel) ที่มุ่งเน้นเนื้อหาที่สนับสนุนมุมมองฝ่ายขวาในสหรัฐอเมริกา NNN อ้างว่าตนเองเป็น “แหล่งข่าวแรกของ conservatives บน YouTube ที่มียอดวิวกว่า 2 พันล้านครั้งและ subscribers กว่า 2 ล้านคน” และได้รับการรับรอง (credentialed) ให้เข้าทำข่าวที่ทำเนียบขาว

โดย Gary Franchi เป็นผู้ก่อตั้ง ผู้ดำเนินรายการหลัก และเจ้าของแพลตฟอร์ม

Franchi เป็นนักข่าวอิสระและนักวิจารณ์การเมืองที่มีชื่อเสียงในวงการสื่อขวาจัดของสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกี่ยวข้องกับการผลิตเนื้อหาเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด (conspiracy theories) และการเมืองแบบ populist
NNN เริ่มต้นจากการเป็นช่อง YouTube ที่ออกแบบให้ดูเหมือนรายการข่าวโทรทัศน์ทั่วไป

แต่เนื้อหาส่วนใหญ่เน้นการวิเคราะห์และรายงานที่เอียงข้างฝ่ายขวาอย่างชัดเจน โดยมักโจมตีสื่อกระแสหลัก (mainstream media) ว่าเป็น “fake news” หรือ “propaganda” ของฝ่ายซ้าย เสรีนิยม
จากข้อมูลล่าสุดในปี 2025 NNN มีการขยายตัวไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น X (เดิมคือ Twitter) โดยมีบัญชีหลัก ที่มีผู้ติดตามกว่า 144,000 คน และได้รับการยืนยัน (blue verified)

บัญชีนี้มักโพสต์ thread ยาวๆ เพื่อโปรโมทเนื้อหาของตนเอง โดยอ้างว่าตนเองนำเสนอ “ข่าวจริง” ที่สื่อหลักปกปิด เช่น การวิจารณ์นโยบายของพรรคเดโมแครตหรือการสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เจ้าของและโครงสร้างองค์กร
Gary Franchi เป็นบุคคลหลักที่เกี่ยวข้องกับ NNN โดยตรง

เขาเป็นนักธุรกิจสื่อและนักวิจารณ์การเมืองที่เคยผลิตเนื้อหาเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด เช่น การกล่าวหาว่าบางเหตุการณ์ทางการเมืองถูกปกปิดโดยรัฐบาล ไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างบริษัทหรือผู้ถือหุ้นอื่นๆ

แต่ NNN ถูกระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายสื่อขวาจัดที่อาจเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่นๆ เช่น Natural News (ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่โปรโมทเนื้อหาเกี่ยวกับสุขภาพทางเลือกและทฤษฎีสมคบคิด)
แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่า NNN ไม่มีความโปร่งใสในเรื่องเจ้าของและแหล่งทุน โดยรายได้หลักมาจากโฆษณาบน YouTube การบริจาค และการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาอนุรักษ์นิยม
อคติ (Bias) และลักษณะเนื้อหา
NNN ถูกจัดประเภทโดยองค์กรตรวจสอบสื่อหลายแห่งว่าเป็นแหล่งข่าวที่มี “อคติฝ่ายขวาจัดสุดโต่ง” (Extreme Right Biased)

เนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งโปรโมทมุมมองอนุรักษ์นิยมแบบสุดโต่ง การเมือง populist และทฤษฎีสมคบคิด

เช่น การกล่าวหาว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนหรือฮิลลารี คลินตันเกี่ยวข้องกับการสมคบคิดใหญ่โต หรือการวิจารณ์นโยบายผู้อพยพ (immigration) ของฝ่ายเดโมแครตว่าเป็น “การบุกรุก” ที่ถูกปกปิดโดยสื่อหลัก
NNN มักนำเสนอเนื้อหาที่ผสมผสานข่าวจริงกับการวิเคราะห์ที่เอียงข้าง โดยใช้ภาษาที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น การเรียกสื่ออื่นว่า “เครื่องจักร propaganda” หรือการอ้างว่าตนเองเป็น “ผู้เปิดโปงความจริง” ที่ถูกเซ็นเซอร์
จากข้อมูลในปี 2025 NNN ยังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลเท็จในระดับนานาชาติ

เช่น ในกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา โดยมีโพสต์บน X ที่ระบุว่า NNN ถูกจ้างโดยรัฐบาลกัมพูชาเพื่อผลิต “fake news” โจมตีไทย ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการข้อมูล (information operation หรือ IO) เพื่อสร้างความขัดแย้ง
นอกจากนี้ Franchi ถูกกล่าวถึงในโพสต์ว่าเป็น “นักข่าวอิสระที่มีอิทธิพล” ที่อาจใช้ช่องทางของตนเพื่อสอบถามหรือรายงานตรงถึงทำเนียบขาวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
ความน่าเชื่อถือ (Credibility) และการตรวจสอบข้อเท็จจริง
องค์กรตรวจสอบสื่ออย่าง Media Bias/Fact Check จัด NNN เป็น “แหล่งข่าวที่น่าสงสัย” (Questionable Source) เนื่องจากมีการเผยแพร่ propaganda ฝ่ายขวา ทฤษฎีสมคบคิด และข้อมูลที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง โดยมีคะแนนความน่าเชื่อถือต่ำ (Low Credibility) และล้มเหลวในการตรวจสอบข้อเท็จจริง (Failed Fact Checks) หลายครั้ง เช่น

• การกล่าวหาว่า Ilhan Omar อาจถูกจำคุก 40 ปีและเนรเทศ (False)
• การกล่าวหาว่านายกเทศมนตรี San Juan ถูกจับกุมเพราะยักยอกเงินบรรเทาภัยพิบัติ (False)
• การกล่าวหาว่าฮิลลารี คลินตันเป็นโรคพาร์กินสันจากภาพและวิดีโอ (False)
• การกล่าวหาว่าไบเดน โอบามา และคลินตัน “สั่งประหาร” Seal Team 6 (No Evidence)
NNN ยังถูกจัดอยู่ในรายชื่อเว็บไซต์ fake news บน Wikipedia โดยถูกระบุว่าเป็นแหล่งที่ผสมเนื้อหาจากสื่อหลัก (เช่น Associated Press) กับเนื้อหาที่บิดเบือนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
นอกจากนี้ ในปี 2023 YouTube เคยถูกกล่าวหาว่าเซ็นเซอร์ NNN โดยการถอดรายได้ (demonetize) ช่อง ซึ่ง NNN อ้างว่าเป็นการโจมตีทางการเมือง แต่แหล่งอื่นๆ ระบุว่าเป็นเพราะละเมิดนโยบายเกี่ยวกับข้อมูลเท็จ
อย่างไรก็ตาม NNN มีฐานผู้ติดตามที่ภักดีในกลุ่มอนุรักษ์นิยม โดยอ้างว่าตนเองเป็น “สื่อทางเลือก” (alternative media) ที่ต่อต้าน “bias” ของสื่อกระแสหลัก เช่น CNN ซึ่งพวกเขามักวิจารณ์ว่าไม่มี credibility

แต่จากมุมมองที่สมดุล แหล่งข้อมูลจากองค์กรกลางๆ อย่าง Pew Research หรือ Ad Fontes Media ยืนยันว่าสื่ออย่าง NNN มักเน้นเนื้อหาที่กระตุ้นความขัดแย้งและอาจนำไปสู่ misinformation โดยเฉพาะในหัวข้อการเมืองและทฤษฎีสมคบคิด
⭕️ สรุปและข้อสังเกต

NNN เป็นตัวอย่างของสื่อทางเลือกฝ่ายขวาจัดที่เติบโตบนแพลตฟอร์มดิจิทัล

มีจุดเด่นคือการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากผ่าน YouTube และ X แต่ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องอคติ ความไม่โปร่งใส และการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม แนะนำให้ตรวจสอบจากแหล่งที่หลากหลาย เช่น Media Bias/Fact Check หรือ Wikipedia เพื่อหลีกเลี่ยง echo chambers

สำหรับเนื้อหาล่าสุดในปี 2025 NNN ดูเหมือนจะขยายการมีส่วนร่วมไปยังประเด็นนานาชาติ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการปรับตัวเพื่อหาโอกาสใหม่ๆ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าเป็นเครื่องมือ propaganda !
⏺️ ข้อมูลโดย : Grok AI

🔴 แฉช็อกโลก-บริษัท   ของ 'มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก' มีนโยบายอนุญาตให้  #แชตบอทส์เอไอ คุยเรื่องล่อแหลมยั่วยุทางเพศ-อนาจาร กับ...
17/08/2025

🔴 แฉช็อกโลก-บริษัท ของ 'มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก' มีนโยบายอนุญาตให้ #แชตบอทส์เอไอ คุยเรื่องล่อแหลมยั่วยุทางเพศ-อนาจาร กับ #เด็ก ได้ !!
🔵 ประเด็นหลักๆ :

➡️ บริษัท Meta กำลังเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจาสำนักข่าวชื่อดัง "รอยเตอร์" ตีข่าวไปทั่วโลกเปิดเผย นโยบายปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ Meta อนุญาตให้ "แชตบอทส์" (ChatBots) มีบทสนทนาที่ "ล่อแหลม" หรือ "เซ็กซี่" กับยูสเซอร์ในวัย "เด็ก" รวมถึงสามารถให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่ผิดพลาดได้

➡️ เอกสารนโยบายภายในของ META AI ที่รอยเตอร์ได้รับข้อมูลมา แสดงให้เห็นว่า นโยบายดังกล่าวอนุญาตให้ "บอทส์" มีพฤติกรรมยั่วยุในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเพศ เชื้อชาติ และบุคคลที่มีชื่อเสียง

➡️ หลังจากเกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก ล่าสุด วุฒิสมาชิก Josh Hawley ของสหรัฐอเมริกา ได้เปิดการสอบสวนต่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายนี้

➡️ ขณะที่ Meta อ้างว่าได้ดำเนินการลบข้อกำหนดนโยบายที่เป็นปัญหาออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงสร้างความกังวลอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความปลอดภัยและจริยธรรมในการใช้ AI โดยเฉพาะในหมู่เด็ก
🔴 ในโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม เบื้องหลังความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมัก "ซุกซ่อน" ความท้าทายที่ไม่อาจมองข้ามได้

ล่าสุด ในเดือนสิงหาคม 2568 นี้เอง เกิดเรื่องฉาวครั้งใหญ่ที่จุดกระแสความโกลาหลในวงการเทคโนโลยี.. เมื่อสำนักข่าว "รอยเตอร์" ได้รับเอกสารลับภายในของ Meta บริษัทผู้นำธุรกิจโซเชียลมีเดียที่เผยให้เห็นถึงนโยบายช็อกโลกของ META เกี่ยวกับเอไอ กล่าวคือ ภายใต้นโยบายดังกล่าว "บอทส์เอไอ" หรือ "บอทส์ปัญญาประดิษฐ์" สามารถมีบทสนทนาในเชิง "เซ็กซี่" กับเด็กๆ ได้ !

ลองนึกถึงภาพเด็กๆ นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือใช้มือถือด้วยความไร้เดียงสา พูดคุยกับ "บอทส์" ที่ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองด้วยถ้อยคำที่ล่อแหลม เช่น การชมเชยที่เกินเลยถึง "ความงาม" ของเด็ก หรือแม้แต่บทสนทนาที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสุขภาพ เอกสารที่หนาเกือบ 200 หน้า ซึ่งได้รับการอนุมัติจากทีมกฎหมายนโยบายสาธารณะ และวิศวกรของ Meta นี้ยังเผยถึงการอนุญาตให้ "บอทส์" สร้างเนื้อหาที่ยั่วยุในหัวข้อเชื้อชาติและเซเลบบริตี้ชื่อดัง เช่น การโต้เถียงเรื่องความฉลาดตามเชื้อชาติ หรือการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมของดาราดังอย่าง "Taylor Swift" (เทย์เลอร์ สวิฟต์)

ข่าวนี้ระเบิดออกมาเหมือนระเบิดนิวเคลียร์ !

พลันที่ความจริงปรากฏต่อสายตาสาธารณะ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา บ้านเกิดของ META ความโกรธเคืองจากผู้ปกครอง นักการเมือง และสาธารณชนทั่วโลกทวีคูณ

🔴 ส.ว.จอช ฮาว์ลีย์ (Josh Hawley) ผู้ซึ่งไม่เคยละสายตาจากการตรวจสอบบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ตัดสินใจเปิดการสอบสวนอย่างเร่งด่วน

จอช กล่าวว่า การที่ Meta ต้องถูกลากเข้ามาตรวจสอบหลังจากโดนจับได้ว่าใช้ #นโยบายผิดจริยธรรม เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะเรียกร้องการตรวจสอบจากรัฐสภาสหรัฐฯ

ในขณะที่กระแสวิจารณ์รุนแรง...

Meta ออกแถลงการณ์ฉุกเฉิน ระบุว่า ได้ "ลบ" ข้อกำหนดที่เป็นปัญหาออกจากนโยบายแล้ว พร้อมกับอ้างว่าตัวอย่างและหมายเหตุที่ปรากฏในเอกสารในมือรอยเตอร์นั้น "ผิดพลาดและไม่สอดคล้องกับนโยบายของบริษัท"

แน่นอนว่า "อดีต" ย่อมไม่อาจลบเลือนได้ ภาพของเด็กๆ ที่อาจตกเป็นเหยื่อของเทคโนโลยีที่ไร้การควบคุมยังคงหลอกหลอนจิตใจผู้คน และคำถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบของ Meta ในการปกป้องยูสเซอร์ หรือ "ผู้ใช้งาน" ที่อ่อนแอที่สุดเริ่มดังก้องไปทั่ว

เรื่องราวฉาวที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่แค่การเปิดโปงความผิดพลาดของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่

แต่เป็น "สัญญาณเตือนภัย" ให้เราต้องเล็งเห็นถึงพลังในด้านมืดของ "AI" และความจำเป็นในการกำหนดกรอบจริยธรรมที่เข้มแข็ง เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีจะไม่กลายเป็นภัยคุกคามต่อสังคม แต่จะเป็นเครื่องมือที่สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับทุกคน !

ในห้วงกระแสธารแห่งยุคดิจิทัลที่ข้อมูลไหลเวียนราวสายน้ำ..ล่าสุด อภิมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ได้ก้าวออกมาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่...
17/08/2025

ในห้วงกระแสธารแห่งยุคดิจิทัลที่ข้อมูลไหลเวียนราวสายน้ำ..

ล่าสุด อภิมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ได้ก้าวออกมาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ มหัศจรรย์แห่งแพลตฟอร์มการสื่อสารที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของการสนทนาส่วนตัวไปตลอดกาล!
อีลอน ระบุว่า XChat ไม่ใช่แค่แอปพลิเคชันส่งข้อความธรรมดา แต่มันคือป้อมปราการแห่งความเป็นส่วนตัวที่ถูกสร้างขึ้นด้วยความมุ่งมั่นเพื่อปกป้องทุกคำพูด ทุกความลับของผู้ใช้ ด้วยระบบเข้ารหัสแบบ end-to-end ที่แข็งแกร่งราวกำแพงเหล็กกล้า
ข้อความ XChat ของคุณจะเป็นเพียงสมบัติที่มองเห็นได้เฉพาะคุณและผู้รับที่คุณเลือกเท่านั้น ไม่มีสายตาที่สามใด ๆ จะล่วงล้ำเข้าไปได้
แต่เรื่องราวไม่ได้จบแค่ความปลอดภัย

เพราะ XChat ยังมีจุดเด่น นั่นคือ #ฟีเจอร์ข้อความที่หายไปได้เอง

ลองจินตนาการถึงข้อความที่ปรากฏเพียงชั่ววูบแล้วสลายไปราวควันหลังจากถูกอ่าน เพิ่มชั้นความลับและความเป็นส่วนตัว

อีลอน เผยว่า นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด XChat ยังชวนให้ตื่นเต้นด้วยการโทรด้วยเสียงและวิดีโอโดยไม่ต้องพึ่งพาหมายเลขโทรศัพท์ ราวกับมันได้ฉีกกรอบของการสื่อสารแบบเก่าทิ้งไป ทำให้ทุกการติดต่อเป็นไปอย่างอิสระไร้ขีดจำกัด
ยิ่งไปกว่านั้น XChat ยังเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน

คุณสามารถส่งไฟล์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร รูปภาพ วิดีโอ หรืออะไรก็ตาม โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ มาขวางกั้น ด้วยโครงสร้างที่พัฒนาด้วยสถาปัตยกรรม Rust อันรวดเร็วและปลอดภัย XChat มอบการสื่อสารที่ลื่นไหลและได้รับการปกป้องอย่างดีเยี่ยม และด้วยการผสานเข้ากับเทคโนโลยีการเข้ารหัสสไตล์บิตคอยน์ แอปแชตนี้จะยกระดับความปลอดภัยไปสู่มิติใหม่ที่ไร้ศูนย์กลางและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ผู้พัฒนา มุ่งหวังว่า XChat จะไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มการสื่อสาร แต่มันคือการปฏิวัติที่ทลายกำแพงของข้อจำกัดแบบเดิมๆ ออกไป ด้วยความสามารถที่ทำงานได้ข้ามแพลตฟอร์ม พร้อมสำหรับโลกที่หมุนเร็วในยุคดิจิทัล ไม่ว่าคุณจะแชท โทร หรือแชร์ไฟล์ “XChat คือคำตอบสุดท้าย” สำหรับการสื่อสารที่เป็นส่วนตัว ปลอดภัย และไร้ขอบเขต ราวกับเป็นกุญแจสู่โลกแห่งอนาคตที่รอให้คุณเปิดประตูเข้าไปใช้งาน และเหนือชั้นกว่า WhatsApp Line และ Telegram
#การสื่อสารส่วนตัว #เข้ารหัสแบบครบวงจร

📌 เฟซบุ๊กเพจ 'Army Military Force' ไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพบกไทย เปลี่ยนชื่อมาแล้วสามครั้ง - จะสอยจะหยิบจับใช้คอนเทนต์ อย่...
16/08/2025

📌 เฟซบุ๊กเพจ 'Army Military Force' ไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพบกไทย เปลี่ยนชื่อมาแล้วสามครั้ง - จะสอยจะหยิบจับใช้คอนเทนต์ อย่าหลงเหลี่ยม FakeNews ยิ่งเป็น "สื่อใหญ่" ยิ่งต้องรอบคอบดับเบิลเช็กให้ชัวร์ก่อนแชร์
น่าเห็นใจ "เพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" ของคุณสรยุทธ นักเล่าข่าวเบอร์หนึ่งของไทย

ช่วงนี้โดนจับจ้อง-จับตา โดนถล่มยับเรื่องการนำเสนอข่าวที่เพิ่มอีโมชั่นเข้าไปด้วยเวลา "เล่าข่าวศึกกัมพูชา"

มาล่าสุด, ทางเพจสรยุทธฯ โดนวิจารณ์หนัก หลังพลาดพลั้งไปหยิบจับเอาข่าวสไตล์ "จริงครึ่งเท็จครึ่ง" ไปจนถึง "ข่าวปลอม" จากเพจ Army Military Force < https://www.facebook.com/armymilitaryforcenews > มานำเสนอถึงสองข่าวในเวลาใกล้เคียงกัน

🔴 จริงๆ แล้วตัวเพจ Army Military Force (ID 587052941152223) ประกาศตัวในเซ็กชั่น "เกี่ยวกับ" หรือ About ว่า..

🔴 - "ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับกองทัพบกของไทย" (This page is 100% independent and not affiliated with the Royal Thai Army.)

🔴 - จุดประสงค์หลักตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง คือ "อัพเดตรวบรวมข่าว ภาพข่าว คลิปข่าวเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของกองทัพทั่วโลก" (A collection of news, images, clips of military weapons and equipment. Updated information from around the world.)

- มีการใส่เบอร์มือถือติดต่อไว้ด้วย 065-808-0001 (ผมลองโทร.ดูติดต่อไม่ได้)

- สำหรับจำนวน "แอดมิน" ของเพจมีหลายคน ทั้งหมดอยู่ในประเทศไทย

- เปิดเพจครั้งแรก 13 กุมภาพันธ์ 2025 ใช้ชื่อดั้งเดิม "Thai 2025" ต่อมา 2 มิถุนายน 2025 เปลี่ยนชื่อเป็น Army Military Force - สำรอง ล่าสุด 3 สิงหาคม 2025 เปลี่ยนชื่อเป็น Army Military Force จะเห็นว่าเริ่มรันเพจไม่กี่เดือนแต่ผู้ติดตามพุ่งติดจรวดเกินครึ่งล้านฟอลโลเวอร์ (แรงผลักดันจากเหตุสู้รบไทย-กัมพูชา)

- ดูทรงแล้วก็มีข้อน่าคิดอยู่ว่าเป็น "เพจพร็อกซี่" เกี่ยวข้องกับทางการไทยหรือไม่ ด้วยการออกแบบซีไอ ทั้งสี-ชื่อ ซึ่งชวนให้เข้าใจได้ว่าพัวพันโยงใยกับกองทัพ !?

ถ้าไปดูบัญชี "ทวิตเตอร์" (เอ็กซ์) ของเพจนี้ก็พบว่าเปิดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ช่วงสิงหาคม 2567

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเพจนี้เองก็ได้ยอมรับเองว่า "ไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพบกและกองทัพของไทย" ดังนั้น "สื่อ" โดยเฉพาะ "สื่อกระแสหลัก" ก็ไม่ควรไปหยิบ ไปสอยอะไรในเพจมาใช้อย่างมักง่าย

ถ้าเกิดไปเจอประเด็นเข้าตา น่าสนใจ ก็ควรต้องใช้ "ระบบบรรณาธิการ" เข้าไปตรวจสอบ ดับเบิลเช็ก-เช็กกับหน่วยงาน รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องที่พอให้ข้อมูลประกอบได้ด้วย

🔴 บรรดาข่าวปลอม ข่าวเท็จ ข่าวเต้า นั้นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่จับไต๋ได้ง่าย คือ..

🔴 มันจะดูเร้าอารมณ์โคตรๆ - ดูสุดโต่ง ดูกระตุ้นความรุ้สึกแบบแปลกๆ เกินเหตุ ชนิดที่เห็นแล้วนิ้วสั่นพั่บๆๆๆ เกิดอาการ "กูอยากแชร์-กูต้องแชร์" ขึ้นมาโดยทันที ถ้าเจอแบบนี้ควร "เบรกนิ้ว" เอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งแชร์ เช็กให้ชัวร์ !

ส่วนเพจของคุณสรยุทธ เท่าที่เคยได้ยินทราบว่า คุณสรยุทธก็ลุยทำอยู่เพียงลำพังคนเดียว อาจเป็นไปได้ว่าไม่มีเวลาไปตรวจสอบดับเบิลเช็กอะไรมากนัก อาจคิดว่าลงไปก่อนจะได้ไม่ตกประเด็น-ส่วนถ้าผิด ก็รอคำชี้แจง แล้วลงใหม่ แก้ไข อะไรประมาณนั้น

ปัจจุบันไม่แน่ใจว่า คุณสรยุทธยังทำคนเดียวอยู่ไหม

ในเมื่อเหตุการณ์เสียงวิจารณ์ดังขึ้นๆ แบบนี้ ก็น่าจะถึงเวลาวางทีมงานแอดมินรับผิดชอบการบริหารจัดการเพจอย่างจริงจัง ทำให้ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว กลายเป็นเพจสื่อที่รอบคอบ แม่นยำ แหลมคม อย่างสมบูรณ์ (ที่ผ่านมาก็ทำดีอยู่แล้ว)
หมายเหตุ : ผมไม่เชื่อว่าคุณสรยุทธจะมีความตั้งใจเอาคอนเทนต์ลงถ้ารู้ว่าเท็จ หรือกึ่งจริงกึ่งเท็จ แต่น่าจะมาจากการไม่มีทีมงานเข้าไปช่วยดับเบิลเช็ก ยกหู โทร.คุยแหล่งข่าว รวมถึงไล่เช็กกับข้อมูลข่าวต่างประเทศ อาจจะถือวิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสปรับคุณภาพเพจใหม่ เผลอๆ ลงทุนซื้อพวกโปรแกรม Social Listening ใช้ควบคู่ไปด้วยเลยยิ่งรัดกุมขึ้นครับ
#สรยุทธสุทัศนะจินดา #กรรมกรข่าว #กองทัพบก

🤖กาลครั้งหนึ่ง ในโลกที่เต็มไปด้วยจินตนาการแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ หุ่นยนต์ที่สามารถวิ่ง เต้นรำ และเตะฟุตบอลได้นั้นเป็นเพียง...
16/08/2025

🤖กาลครั้งหนึ่ง ในโลกที่เต็มไปด้วยจินตนาการแห่งนิยายวิทยาศาสตร์

หุ่นยนต์ที่สามารถวิ่ง เต้นรำ และเตะฟุตบอลได้นั้นเป็นเพียงฝันที่ดูเหมือนไกลเกินจริง

ไม่เพียงเท่านั้น ความคิดที่ว่าหุ่นยนต์จะสามารถคัดแยกชิ้นส่วนบนสายพานการผลิต เล่นไพ่นกกระจอกด้วยความชำนาญ หรือแม้แต่ดีดเปียโนด้วยความไพเราะนั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวที่พบได้ในหนังสือเท่านั้น
แต่ในวันนี้ ความฝันเหล่านั้นได้กลายเป็นความจริงอันน่าตื่นตาตื่นใจ ณ งาน World Robot Conference 2025 ที่กรุงปักกิ่ง!

ในงานนี้ เหล่าหุ่นยนต์อัจฉริยะได้ก้าวออกจากหน้าในนิยายมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

พวกมันไม่ได้เพียงแค่วิ่งหรือเต้น แต่ยังแสดงทักษะอันน่าทึ่ง เช่น

- การคัดแยกชิ้นส่วนอย่างแม่นยำในโรงงาน

- การท้าดวลในเกมไพ่นกกระจอกที่ต้องใช้ทั้งกลยุทธ์และความช่างคิด

- หรือแม้แต่การบรรเลงเปียโนที่ทำให้ผู้ชมต้องตะลึง
งานนี้เปรียบเสมือนเวทีที่โลกได้เห็นว่าเทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้ก้าวไปไกลเพียงใด โดยเฉพาะความก้าวหน้าจากประเทศจีนที่กลายเป็นจุดสนใจของทุกสายตา
ลองนึกภาพหุ่นยนต์ที่ไม่เพียงแค่ทำงานหนัก แต่ยังมีความเฉลียวฉลาดราวกับมีชีวิต พวกมันสามารถเรียนรู้ ปรับตัว และทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างลงตัว
งาน World Robot Conference 2025 ได้เปิดเผยให้เห็นถึงอนาคตที่หุ่นยนต์เหล่านี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเรา

ไม่ว่าจะในโรงงาน บนโต๊ะเกม หรือแม้แต่ในห้องดนตรี

เรื่องราวของหุ่นยนต์ที่เคยเป็นเพียงจินตนาการกำลังถูกเขียนขึ้นใหม่ และปักกิ่งคือสถานที่ที่เรื่องราวนั้นเริ่มต้นขึ้น

  แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ พบขาดทุนสุทธิ 229 ล้านบาท
15/08/2025

แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ พบขาดทุนสุทธิ 229 ล้านบาท

🔴 ถาม : ทำไม "หมอดู" (มิจฉาชีพ) ทั้งหลาย ถึง "รู้เบอร์มือถือ-เลขบัตรประชาชน" ของเหยื่อที่ไปดูดวง ?จากการรวบรวมข้อมูลเบื้...
15/08/2025

🔴 ถาม : ทำไม "หมอดู" (มิจฉาชีพ) ทั้งหลาย ถึง "รู้เบอร์มือถือ-เลขบัตรประชาชน" ของเหยื่อที่ไปดูดวง ?
จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น พบความน่าจะเป็นเกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้

⏭️ ทีมงานหมอดู หรือตัวหมอดู นำชื่อนาม-สกุล ของเหยื่อ ไปตรวจเช็กในเสิร์ชเอนจิ้น และโซเชียลมีเดีย (FB, IG, TIKTOK ฯลฯ) ถ้าเจอข้อมูลส่วนบุคคลก็นำมาใช้งานหลอกตุ๋นเหยื่อ

⏭️ จริงๆ แล้วตัวเหยื่ออาจให้ข้อมูลไปแล้วโดยไม่รู้ตัว เช่น ตอนจองคิว ตอนสอบถามข้อมูลกับทีมงาน หรือเผลอหลุดพูดข้อมูลบางส่วนตอนหมอดูซักถาม แล้วทีมงานแอบเอาไปค้นข้อมูลมาแจ้งตัวหมอดู

⏭️ หมอดูมีเครือข่ายสาวก ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งสามารถเอาชื่อของคนที่จะมาดูดวงไป "กดดูข้อมูลส่วนบุคคล" ในฐานข้อมูลหน่วยราชการได้ เช่น ฐานข้อมูลของมหาดไทยและตำรวจ

เทคนิคหลอกลวงว่าดูดวงแม่นยำ เช่น

⏭️ หมอดูบางรายจะอ้างว่าต้องใช้ข้อมูลจากโทรศัพท์เพื่อดูดวง เช่น ขอดูรูปภาพ ติดต่อญาติ หรือขอดูรายชื่อในเครื่อง เมื่อถือโทรศัพท์ หมอดูจะแอบดู “รายชื่อผู้ติดต่อ” หรือ “เบอร์โทรศัพท์” ที่เก็บไว้ รวมถึงพวกที่เพิ่งโทรเข้าโทรออก แล้วนำข้อมูลเหล่านี้ไปสร้างเรื่องราวให้ลูกค้ารู้สึกว่าแม่นยำมาก เช่น ทำนายว่า “คุณเพิ่งคุยกับคนนี้” ทั้งจริงๆ แค่ดูรายชื่อล่าสุดในเครื่อง

⏭️ แต่ที่อันตราย คือ ในบางเคสมีแก๊งหมอดูชั่ว พูดหลอกล่อเอาเลขบัตรประชาชน ของเหยื่อมาเก็บไว้อ้างว่าเพื่อทำพิธีเปิดดวง แต่จริงๆแล้ว หลังจากนั้นเอาข้อมูลส่วนบุคคลของเหยื่อไปทำธุรกรรมผิดกฎหมายต่อไป
#หมอดู #หมอดูโจร

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ IZocialผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง IZocial:

แชร์