Story Crafter “เพราะเราเล่า เขาจึงมีชีวิต”

STORY CRAFTER เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มนักเล่าเรื่องที่เชื่อว่า “เรื่องราวมีอยู่ทุกที่และทุกคนสามารถเป็นนักเล่าเรื่องได้”
ทุก ๆ ที่ในโลกนี้ล้วนมีเรื่องราวเกิดขึ้นตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าจะมีใครมองเห็นหรือไม่ ทุก ๆ คนสามารถมองเห็นเรื่องราวและนำมาเล่าได้อย่างทรงพลังถ้าเรียนรู้วิธีที่ใช่ เรื่องเล่าที่ดีแม้จะเป็นเรื่องราวเล็ก ๆ ถ้าสามารถเข้าไปสัมผัสถึงจิตใจของผู้คน อาจจะช่วยจุดประกายให้เกิดความเปลี่ยน

แปลงอันยิ่งใหญ่ได้ เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นความสำคัญในการสร้างนักเล่าเรื่อง
เราต้องการมอบ “ดวงตาของนักเล่าเรื่อง” ที่จะทำให้พวกเขามองเห็นเรื่องราวต่าง ๆ ที่อยู่ในอากาศ อยู่บนฟ้า อยู่ในผืนแผ่นดิน อยู่ในผู้คน อยู่ในทุกสรรพสิ่งรอบตัว และพยายามทำให้พวกเขาเล่าเรื่องได้อย่างงดงามและมีพลัง ด้วย “เครื่องมือแห่งการเล่าเรื่อง” ที่ STORY CRAFTER ออกแบบมา โดยทั้งหมดเป็นกระบวนการการสร้างนักเล่าเรื่องให้ถ่ายทอดออกมาเป็นศิลปะแขนงต่าง ๆ ทั้งภาพยนตร์ สารคดี บทกวี ดนตรี บทเพลง ความเรียง เรื่องแต่ง และอื่น ๆ
สุดท้ายแล้วและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องราวที่ถูกเล่าขานจะช่วยสร้างและต่อชีวิตให้กับสรรพสิ่งได้คงอยู่ตลอดไป ตราบใดที่เรื่องราวเหล่านั้นยังถูกเล่าอยู่

“เพราะเราเล่า เขาจึงมีชีวิต”

การตัดต่อ Kuleshov Effect และการนำไปใช้หนัง "Psycho" (1960) ของ HitchcockKuleshov Effect เป็นแนวคิดการตัดต่อที่เกิดขึ้นใ...
24/07/2024

การตัดต่อ Kuleshov Effect และการนำไปใช้หนัง "Psycho" (1960) ของ Hitchcock

Kuleshov Effect เป็นแนวคิดการตัดต่อที่เกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดย Lev Kuleshov ผู้กำกับและนักทฤษฎีภาพยนตร์ชาวโซเวียต แนวคิดนี้แสดงให้เห็นว่าความหมายและอารมณ์ในภาพยนตร์ไม่ได้เกิดจากภาพแต่ละภาพเอง แต่เกิดจากการตัดต่อและการจัดเรียงลำดับของภาพหลาย ๆ ภาพเข้าด้วยกัน ผู้ชมจะตีความและรู้สึกตามบริบทที่ถูกสร้างขึ้นจากการตัดต่อ

ในการทดลองของ Kuleshov เขาใช้ภาพใบหน้าที่ไม่มีอารมณ์ของนักแสดงชาย แล้วตัดต่อเข้ากับภาพถ้วยซุป ภาพผู้หญิงในโลงศพ และภาพเด็กเล่นของเล่น ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าผู้ชมจะตีความอารมณ์ของนักแสดงตามภาพที่ถูกตัดต่อเข้าด้วยกัน เช่น เมื่อเห็นภาพถ้วยซุป ผู้ชมจะรู้สึกว่านักแสดงหิว เมื่อเห็นภาพผู้หญิงในโลงศพ ผู้ชมจะรู้สึกว่านักแสดงเศร้า และเมื่อเห็นภาพเด็กเล่นของเล่น ผู้ชมจะรู้สึกว่านักแสดงมีความสุข

แนวคิดนี้ถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึง "Psycho" (1960) ของ Alfred Hitchcock ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่มีการใช้การตัดต่อเพื่อสร้างความตึงเครียดและความน่ากลัวอย่างชาญฉลาด

หนึ่งในฉากที่มีชื่อเสียงและถูกยกย่องว่าเป็นตัวอย่างของการใช้ Kuleshov Effect ใน "Psycho" คือฉากการฆาตกรรมในห้องน้ำ ฉากนี้ประกอบด้วยการตัดต่อที่รวดเร็วและแม่นยำ ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความรุนแรงและความน่ากลัว โดยที่ไม่ได้เห็นการทำร้ายโดยตรง

ฉากเริ่มต้นด้วยภาพ Marion Crane (Janet Leigh) กำลังอาบน้ำ ในขณะที่น้ำไหลและเสียงสายน้ำทำให้บรรยากาศดูสงบ ต่อมาภาพจะตัดไปที่เงาของฆาตกรที่กำลังเข้ามาใกล้ Marion ในขณะที่เธอไม่รู้ตัว การตัดต่อจะเปลี่ยนเป็นภาพระยะใกล้ของใบหน้า Marion ที่แสดงความตกใจและหวาดกลัว

จากนั้นฉากจะตัดต่อด้วยความเร็วและความแม่นยำ โดยภาพจะสลับไปมาระหว่างใบหน้าของ Marion ที่เต็มไปด้วยความกลัว ใบมีดที่เงาวาว และน้ำที่กำลังไหล ภาพนี้สร้างความรู้สึกว่า Marion ถูกแทงอย่างรุนแรง แม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นการแทงโดยตรง

หลังจากนั้นฉากจะตัดไปที่ภาพเลือดไหลลงมาผสมน้ำในห้องน้ำ และภาพสุดท้ายคือ Marion ล้มลงบนพื้นห้องน้ำ เลือดกระจายเต็มพื้น ฉากนี้สร้างความรู้สึกน่ากลัวและความตื่นเต้นให้กับผู้ชม โดยใช้การตัดต่อเพื่อสร้างภาพลวงตาว่าเกิดการฆาตกรรมขึ้น

การใช้ Kuleshov Effect ในฉากนี้ทำให้ผู้ชมตีความอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครผ่านการตัดต่อที่ชาญฉลาด โดยที่ไม่จำเป็นต้องเห็นการกระทำที่รุนแรงโดยตรง ทำให้ภาพยนตร์ "Psycho" ของ Hitchcock กลายเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการใช้การตัดต่อในการสร้างความหมายและอารมณ์ในภาพยนตร์

Kuleshov Effect เป็นแนวคิดการตัดต่อที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างภาพยนตร์ โดยเฉพาะในเรื่องการสร้างความหมายและอารมณ์ในผู้ชม Hitchcock ได้นำแนวคิดนี้มาใช้ในภาพยนตร์ "Psycho" เพื่อสร้างฉากที่ตึงเครียดและน่ากลัว การตัดต่อที่รวดเร็วและแม่นยำในฉากการฆาตกรรมในห้องน้ำ ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความรุนแรงและความหวาดกลัว โดยไม่จำเป็นต้องเห็นการทำร้ายโดยตรง ทำให้ "Psycho" กลายเป็นภาพยนตร์ที่ถูกยกย่องว่าเป็นตัวอย่างของการใช้ Kuleshov Effect อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ

ความสัมพันธ์ระหว่าง "ความทรงจำ" กับ "เรื่องเล่า""ความทรงจำ" เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ล้ำค่าที่เก็บซ่อนประสบการณ์อันล้ำค่าของ...
20/05/2024

ความสัมพันธ์ระหว่าง "ความทรงจำ" กับ "เรื่องเล่า"

"ความทรงจำ" เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ล้ำค่าที่เก็บซ่อนประสบการณ์อันล้ำค่าของชีวิต แต่ทว่า ขุมทรัพย์นี้ไม่ได้คงสภาพเดิมไว้เสมอไป เฉกเช่นเดียวกับกาลเวลาที่หมุนเวียน ความทรงจำของเราก็แปรเปลี่ยน ผ่านการตีความ เรียบเรียง และกลายเป็น "เรื่องเล่า" ที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย

ในหนังสือ "Matter and Memory" ของปรัชญาชนชาวฝรั่งเศส Henri Bergson เขาตั้งคำถามว่า ความทรงจำเป็นเพียงภาพสะท้อนที่ตายตัวของอดีตหรือไม่? หรือว่ามันเป็นกระบวนการที่ไหลลื่น เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ?

Bergson เชื่อว่า ความทรงจำไม่ใช่เพียงภาพถ่ายที่ถูกเก็บไว้ในสมอง แต่เป็นกระบวนการที่ "มีชีวิต" อยู่ในจิตสำนึกของเรา มันถูกหลอมรวม ปรับแต่ง และตีความอยู่เสมอ ผ่านประสบการณ์และมุมมองปัจจุบันของเรา ความทรงจำก็เหมือนภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ไม่ได้ฉายเพียงครั้งเดียว แต่ถูกตัดต่อใหม่ทุกครั้งที่เรานึกถึง มันไม่ได้หยุดนิ่งเหมือนภาพถ่าย แต่เปลี่ยนแปลงตามประสบการณ์และอารมณ์ของเรา

ลองนึกภาพวันวานในวัยเด็กของเรา เราอาจจำได้ว่าเคยเล่นซ่อนหากับเพื่อนในสนามหญ้า เสียงหัวเราะสดใส ดวงอาทิตย์ยามบ่ายที่อบอุ่น แต่ลองนึกย้อนดูอีกครั้ง รายละเอียดบางอย่างอาจเริ่มเลือนลาง จำไม่ได้ว่าใครเป็นคน "หา" จำไม่ได้ว่าใคร "ซ่อน" จำไม่ได้ว่าเล่นกี่คน นั่นเป็นเพราะว่าความทรงจำไม่ได้ถูกเก็บไว้แบบสมบูรณ์แบบ มันถูกคัดสรร เรียบเรียง และตีความใหม่ผ่านเลนส์ของประสบการณ์ปัจจุบันของเรา เราอาจเติมแต่งรายละเอียดบางอย่าง ใส่สีสันให้กับเรื่องราว หรือแม้แต่ลืมบางส่วนไปโดยสิ้นเชิง

การเล่าเรื่องเปรียบเสมือนเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้เราจัดระเบียบความทรงจำที่กระจัดกระจาย ให้กลายเป็นเรื่องราวที่มีความหมาย การเล่าเรื่องช่วยให้เรา:

คัดเลือก: เลือกเฉพาะรายละเอียดที่สำคัญและน่าสนใจ
เรียบเรียง: จัดลำดับเหตุการณ์ให้สอดคล้องและเข้าใจง่าย
ตีความ: เพิ่มเติมความหมายและมุมมองให้กับประสบการณ์
สื่อสาร: แบ่งปันความทรงจำกับผู้อื่น

ลองนึกถึงเรื่องเล่าจากปู่ย่าตายายเกี่ยวกับอดีต เรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่แค่การถ่ายทอดข้อมูล แต่เป็นการหลอมรวมความทรงจำ ตีความประสบการณ์ และสื่อสารค่านิยม ความเชื่อ และประเพณีวัฒนธรรม

ความทรงจำของเราไม่ได้คงสภาพเดิมไว้เสมอไป มันถูกหลอมรวม ตีความ และกลายเป็นเรื่องเล่าที่สะท้อนถึงตัวตน ประสบการณ์ และมุมมองของเรา การเล่าเรื่องจึงเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้เราจัดระเบียบความทรงจำ แบ่งปันประสบการณ์ และสืบทอดเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่น

"เรื่องราวที่ไม่ถูกเล่าจะตายไปพร้อมกับความทรงจำของเรา"ในทุกวัฒนธรรมและทุกยุคสมัย เรื่องราวถือเป็นสิ่งที่มีค่าและทรงพลัง ...
17/05/2024

"เรื่องราวที่ไม่ถูกเล่าจะตายไปพร้อมกับความทรงจำของเรา"

ในทุกวัฒนธรรมและทุกยุคสมัย เรื่องราวถือเป็นสิ่งที่มีค่าและทรงพลัง เรื่องราวไม่เพียงแต่เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์หรือความรู้สึก แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงระหว่างคนรุ่นก่อนกับคนรุ่นหลัง พวกมันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างและรักษาอัตลักษณ์ของเรา

เรื่องราวไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ของครอบครัว นิทานพื้นบ้าน หรือประสบการณ์ส่วนตัว ทำหน้าที่เป็นสะพานที่เชื่อมโยงเรากับอดีต การเล่าเรื่องราวเหล่านี้ทำให้เรารู้จักรากเหง้าของเรา เราเรียนรู้ถึงสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเคยเผชิญและผ่านพ้นมา การทราบถึงความยากลำบากและความสำเร็จของพวกเขาทำให้เรามีความภาคภูมิใจในตัวเองและมีความเข้าใจในความเป็นมาของเรา

เมื่อเราเล่าเรื่องราว เรากำลังรักษาความทรงจำให้คงอยู่ เรื่องราวเป็นเหมือนภาพถ่ายที่จับภาพเหตุการณ์และความรู้สึกในขณะนั้นไว้ การเล่าเรื่องซ้ำๆ ทำให้ความทรงจำเหล่านั้นไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา และช่วยให้เราจำได้ว่าเราเคยเป็นใคร และเคยผ่านประสบการณ์อะไรมา

การเล่าเรื่องทำให้เราสามารถสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้อื่นได้ เราสามารถแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้สึก และความคิดกับคนรอบข้าง การเล่าเรื่องช่วยให้เราเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและลึกซึ้งขึ้น การฟังและเล่าเรื่องทำให้เราเรียนรู้ที่จะเปิดใจและรับฟัง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

เรื่องราวไม่เพียงแค่เชื่อมโยงเรากับอดีต แต่ยังช่วยให้เรามองเห็นอนาคต การเล่าเรื่องทำให้เรามีโอกาสที่จะจินตนาการและสร้างสรรค์ เราสามารถฝันถึงสิ่งที่เราต้องการและวางแผนเพื่อทำให้มันเป็นจริง เรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จหรือเผชิญกับความยากลำบากทำให้เราได้รับแรงบันดาลใจและกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า

การเล่าเรื่องเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการรักษาและสร้างความเป็นตัวตนของเรา เรื่องราวที่ถูกเล่าไม่ได้เพียงแค่มีชีวิตอยู่ในความทรงจำ แต่ยังสร้างความหมายและความเข้าใจในชีวิตของเรา พวกมันทำให้เรารู้ว่าเราเป็นใคร มาจากไหน และกำลังจะไปทางไหน เรื่องราวที่ไม่ถูกเล่าจะตายไปพร้อมกับความทรงจำของเรา และเมื่อพวกมันตายไป เราก็อาจหลงลืมว่าเราเป็นใครและทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ ดังนั้น จงเล่าเรื่องราวของคุณ เพื่อรักษาความทรงจำและสร้างอนาคตที่ดีกว่า

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

0847561678

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Story Crafterผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Story Crafter:

แชร์

Our Story

Studio So cool คือ ทีมสร้างสรรค์งานภาพเคลื่อนไหว อย่างมืออาชีพทั้ง หนังยาว, หนังสั้น, สารคดี, Music VDO, Presentation, โฆษณา, ละครสั้น สื่อภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เราสามารถตอบทุกโจทย์ ทุกความต้องการได้ทุกเงื่อนไข ท่านจะได้รับความพึงพอใจกับทีมงานที่เป็นมืออาชีพ เปี่ยมด้วยประสปการณ์อย่างแท้จริง ติดต่อได้ที่: 084-7561678 [email protected]