บทจร "เพราะการแปลคือการเดินทางของตัวบท"
(

เมื่อออกเดินทาง...โลกก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

นักเดินทางทั้งหลายล้วนกล่าวกันเป็นไปในทางนั้น เมื่อออกเดินทาง โลกของเราก็เลื่อนไหล ในการเดินทางจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง ล้วนมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลง หล่นหาย เลือนราง หรือกระทั่งชัดเจนขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

กับการแปลก็เช่นกัน...

กาลครั้งหนึ่ง ผู้สาบสูญในความทรงจำเคยกล่าวไว้ทำนองว่า "เพราะการแปลคือการเดินทางของตัวบท" เมื่อตัวบทออกเดินทางจากปริมณฑลภาษาหนึ่

งไปสู่อีกภาษาหนึ่งแล้ว ตัวบทนั้นก็ย่อมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

สำนักพิมพ์บทจร ปรารถนาจะทำหน้าที่ผู้นำทาง ผู้นำพาตัวบททั้งหลายข้ามพรมแดนภาษามาหานักอ่านทุกท่าน เพื่อในทำนองเดียวกัน นักอ่านทุกท่านก็ได้สามารถเดินทางมาหาตัวบทเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น

และเรายังปรารถนาจะเชิญชวนนักอ่านทุกท่านมาแลกเปลี่ยนกัน ถึงทั้งปวงทั้งหลายที่ได้จากการเดินทางไปพร้อมๆ กันนี้

นักอ่านที่รัก,บทจรชวนมิตรร่วมอ่านมาร่วมงานดูแลบูธช่วงงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30 ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิร...
18/09/2025

นักอ่านที่รัก,

บทจรชวนมิตรร่วมอ่านมาร่วมงานดูแลบูธช่วงงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30 ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 8 - 19 ตุลาคม 2568 (รวมวันจัดบูธ)

หากท่าน
- รู้จักคุ้นเคยงานของบทจร
- รักวรรณกรรรมนานาชาติ
- สนุกที่ได้คุยกับนักอ่านและชอบแนะนำหนังสือ

ชวนมาร่วมสนทนาและส่งต่อพลังจากหนังสือให้มิตรร่วมอ่านเพื่อนร่วมทางด้วยกัน สามารถเลือกทำงานเป็นกะและวันตามความสะดวก

แนะนำตัวมาที่:
- [email protected]

- ค่าตอบแทน วันละ 800 บาท มีห้องพักใกล้งานสำหรับท่านที่อยู่ห่างไกล

บทจร L22มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์Exhibition Hall 5-7 ชั้น LG9 - 19 ตุลาคม 256810...
17/09/2025

บทจร L22
มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
Exhibition Hall 5-7 ชั้น LG
9 - 19 ตุลาคม 2568
10:00 - 21:00 น.

ขอบคุณท่านที่ชื่นชอบ “วิญญาณที่ตายแล้ว” “หัวใจหมา” และ “ไว้พบกันเดือนสิงหา”“วิญญาณที่ตายแล้ว”กิตติพล สรัคคานนท์ books & ...
11/09/2025

ขอบคุณท่านที่ชื่นชอบ “วิญญาณที่ตายแล้ว” “หัวใจหมา” และ “ไว้พบกันเดือนสิงหา”

“วิญญาณที่ตายแล้ว”

กิตติพล สรัคคานนท์ books & belongings

“ไม่น่าเชื่อว่าจะได้อ่านนวนิยายเรื่องยิ่งใหญ่ (ที่เขียนไม่จบ) ในภาคภาษาไทย และที่สำคัญคือแปลจากภาษารัสเซียโดยตรง โดยนักแปล นักเขียนที่ผมคิดว่า เราเชื่อฝีมือเขาได้ ‘วิญญาณที่ตายแล้ว’ เป็นหนึ่งในผลงานที่กล่าวกันว่า เปลี่ยนแปลงวรรณกรรมรัสเซีย (โดยเฉพาะงานร้อยแก้ว) ภายหลังจากนั้นอย่างถึงราก”

“ไว้พบกันเดือนสิงหา”

ปนิธิตา เกียรติ์สุพิมล สำนักพิมพ์ P.S.

“นวนิยายสั้นๆ อ่านจบภายในหนึ่งวัน กลมกล่อม ท้าทายกรอบจริยธรรมและความดีงามของความเป็นสตรี และถ้าต่อมศีลธรรมของคุณอักเสบก็จะยิ่งอ่านสนุก เพราะเป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่กลับไปยังเกาะห่างไกลเพียงลำพังเพื่อเคารพหลุมศพแม่ทุกเดือนสิงหา เวลาว่างเพื่อรอเรือเฟอร์รีในเช้าวันถัดไป บรั่นดีและจินที่ผสมกัน อากาศที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นของลาเวนเดอร์ โคมไฟที่หัวเตียง แล้วจากนั้นทุกเดือนสิงหาคม สปอยล์โดยไม่ต้องพยายามหลบว่านอกใจทั้งเรื่อง อ่านแล้วอาจจะไม่เข้าใจตัวละครเลย แต่นั่นแหละถูกต้องแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดเข้าใจยากและนามธรรมเท่าจิตใจของผู้หญิงวัยกลางคนผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวอีกแล้ว”

“หัวใจหมา”

เสกข์ศิลป์ ศรีสุขสันต์ สำนักพิมพ์อ่านอิตาลี

“นวนิยายชวนหัวคลาสสิกจากโซเวียตรัสเซีย ว่าด้วยเรื่องหมอๆ หมาๆ ที่หมอผ่าหมา หมากลายเป็นมนุษย์ใจหมา เบื้องหน้าอาจเป็นละครไซไฟตลกขบขัน แต่เบื้องลึกคือการเสียดสีสังคมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางชนชั้นที่ฉายผ่านความสัมพันธ์หมาๆ ของหมอกระฎุมพีเก่า และหมาผู้ ‘ตื่นรู้’ ถึงสำนึกของชนชั้นกรรมาชีพในสังคมบ้ากระดาษ

ทุกคนในโซเวียตล้วนเท่ากัน แล้ว ‘หมา’ ที่กลายเป็น ‘คน’ เท่ากับคนหรือไม่”

วันโอวัน ชวนคุณออกเดินทางครั้งใหม่ ตามหารายชื่อหนังสือดี กับ ‘ความน่าจะอ่าน’ ครั้งที่ 9 ในคอนเซปต์ ‘Book Voyage : หนังสือร่วมทาง’ โดยจากการคัดสรรของบรรดาบรรณาธิการ เจ้าของสำนักพิมพ์ ร้านหนังสือ และนักวาดภาพประกอบ เราได้นำมาแบ่งประเภทและหมวดหมู่ตามเนื้อหา ให้นักอ่านได้เลือกหนังสือที่ใช่ ตามรสนิยมที่ชอบ
ถัดจากหนังสือประเภท Non-fiction อีกหนึ่งหมวดยอดฮิตที่คนในแวดวงต่างแนะนำกันเข้ามาอย่างคับคั่งในทุกๆ ปี คือวรรณกรรมแปลหลากหลายสัญชาติ ในปีนี้จะมีเรื่องอะไรบ้าง เชิญรับชมได้เลย!
อ่านได้ที่ : https://www.the101.world/notable-books-2025-finalist-fiction/
เรื่อง กองบรรณาธิการ
ภาพประกอบ ณัฐพล อุปฮาด
#ความน่าจะอ่าน2025

02/09/2025

พร้อมแล้วหรือยังที่จะเข้าสู่ ท่วงทำนองของหนังสือ 🎶✨

งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30 ปีนี้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่
ภายใต้ธีม Melody of Books กับคอนเซ็ปต์ชวนสะกิดใจ “อ่านหรือยัง ฟังหรือเปล่า” วันที่ 9 - 19 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

📚พบกับขบวนหนังสือทุกแนว ทุกสำนักพิมพ์ และกิจกรรมอีกมากมายที่จะมารวมตัวกันให้คุณได้เลือกฟัง เลือกอ่าน จนเพลินไปทั้งงาน

มหกรรมครั้งนี้จะไม่ใช่แค่งานขายหนังสือ แต่คือคอนเสิร์ตของตัวอักษร ที่ทุกคนคือผู้ฟังและนักอ่านไปพร้อม ๆ กัน

📍เตรียมปักหมุด แล้วมาเป็นส่วนหนึ่งของทำนองที่ไม่ซ้ำใคร

“อ่านหรือยัง ฟังหรือเปล่า” ท่วงทำนองแห่งตัวอักษร กำลังบรรเลงอีกครั้ง! ที่งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30
(BOOK EXPO THAILAND 2025)
วันที่ 9 - 19 ตุลาคม 2568
เวลา 10.00 - 21.00 น.
ณ ฮอลล์ 5 - 7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
#งานหนังสือ68
-------------------
BOOK EXPO THAILAND 2025
October 9 - 19
10 AM - 9 PM,
at Halls 5 - 7, LG Floor,
Queen Sirikit National Convention Center
See you there! #งานหนังสือ68

01/09/2025

[หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว: ประวัติศาสตร์ที่ถูกหลงลืมและกรอบเพศในวรรณกรรมสัจนิยมมหัศจรรย์]
แม้แต่ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 นี้ ก็คงยังปฏิเสธไม่ได้ว่าประวัติศาสตร์ยังคงเป็นข้อเขียนของผู้ชนะ สำหรับข้าพเจ้า เหตุการณ์มากมายที่ดูแล้วจะรังแต่ปะทุความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสองปีที่ผ่านมา (ปี ค.ศ. 2024 - 2025) ทั้งในประเทศก็ดี ระหว่างประเทศก็ดี ต่างประเทศก็ดี ยิ่งทำให้ข้าพเจ้ามั่นใจว่า นอกจากจะเป็นเรื่องราวของผู้ชนะแล้ว ประวัติศาสตร์ยังเป็นเรื่องราวที่ถูกเขียนซ้ำและถูกหลงลืมโดยแท้
ข้อคิดเห็นนี้ได้สะท้อนชัดอยู่ในวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์และการเมืองอย่าง “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” อย่างที่ชวนให้คิดว่าโลกสัจนิยมมหัศจรรย์จากเมื่อเกือบหกสิบปีที่แล้ว กลับดูคล้ายคลึงกับโลกปัจจุบันที่เรารู้จักกันอย่างน่าเศร้า
อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์และเรื่องราวของตระกูล “บวนเดีย” ในเมืองอย่าง “มาก็อนโด” ซึ่งเป็นตัวละครและสถานที่ตั้งหลักของนวนิยายเรื่องนี้ อาจยังไม่ได้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางมากนักในมุมมองของแนวคิดสตรีนิยม (Feminism) ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ควรหยิบยกมาพูดถึง
อันที่จริง ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์นวนิยาย หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ว่าเป็นวรรณกรรมเสนอบทบาทของชายและหญิงผ่านกรอบการแบ่งเพศแบบทวิลักษณ์ (Gender Binary) ดังที่ Pamela L. Moore (1994, หน้า 90) ได้วิเคราะห์ไว้ในบทความ “TESTING THE TERMS: “WOMAN” IN “THE HOUSE OF SPIRITS” AND “ONE HUNDRED YEARS OF SOLITUDE.” ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1994 ว่าผู้หญิงในนวนิยายเรื่องนี้ถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวและโลกของเรื่องราวปรัมปรา ส่วนผู้ชายกลับใช้ชีวิตในโลกสาธารณะที่ถูกจำกัดอยู่ในความเป็นชาย และบทบาททางประวัติศาสตร์
นอกจากนั้น ยังเห็นได้อีกด้วยว่า ถึงแม้ หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว จะมีตัวละครมากมาย (อีกทั้งยังมีชื่อซ้ำ ๆ กันจนน่าสับสนในบางครั้ง อย่างน้อยก็สำหรับนักอ่านบางท่าน) นวนิยายเรื่องนี้กลับมีเพียงตัวละครเพศ ‘ชาย’ และ ‘หญิง’ เท่านั้น
สิ่งเหล่านี้จึงชวนให้ข้าพเจ้าตั้งคำถามถึงบทบาทที่กรอบเพศและระบอบปิตาธิปไตยมีต่อการเขียนและสะท้อนเรื่องราวของประวัติศาสตร์ในวรรณกรรม และช่วยเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะอ่านนวนิยายผ่านแนวคิดสตรีนิยม
หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว เป็นนวนิยายจากปลายปากกาของนักเขียนชาวโคลอมเบีย กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1967 และได้มีการแปลเป็นไทยจากภาษาสเปนโดย ชนฤดี ปลื้มปวารณ์ จากสำนักพิมพ์ บทจร เป็นผู้จัดทำ อีกทั้งยังมีซีรีส์ชื่อเดียวกันออกมาหนึ่งซีซันในปี ค.ศ. 2024
วรรณกรรมสัจนิยมมหัศจรรย์ในโลกภาษาสเปนเรื่องนี้ ถ่ายทอดเรื่องราวเจ็ดรุ่นของครอบครัวบวนเดีย และเมืองมาก็อนโดที่โฆเซ อาร์กาดิโอ บวนเดียได้พาอูร์ซูลา อิกวารันผู้เป็นภรรยา และพวกพ้องของตนไปบุกเบิกและก่อร่างสร้างตนเสียใหม่ เรื่องราวนับหนึ่งร้อยปีได้พาเมืองมาก็อนโดผันผ่านโศกนาฎกรรมและเรื่องเหลือเชื่อต่าง ๆ นานา ตั้งแต่ “โรคนอนไม่หลับ” ซึ่งทำให้ผู้คนหลงลืมชื่อของสิ่งของต่าง ๆ ไปจนถึงว่าใครเป็นใคร สงครามกลางเมืองหรือการจลาจลที่พันเอกเอาเรเลียโน บวนเดียได้ก่อขึ้นและพ่ายแพ้ไปเสียทุกครั้ง ไปจนถึง “นิคมกล้วย” และการสังหารหมู่ ณ สถานีรถไฟ ซึ่งแม้จะมีผู้รอดชีวิตอย่าง โฆเซ อาร์กาดิโอ เซกุนโดมาบอกเล่าเรื่องราว กลับแทบไม่มีใครเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง
เมื่อผู้อ่านพลิกอ่านไปจนหน้าสุดท้าย พวกเขาอาจรู้สึกได้ว่า นี่คือเรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่ถูกหลงลืม และเมืองที่เริ่มจากศูนย์ และกลับไปสู่ความเป็น ‘สูญ’ โดยแท้ แม้แต่ผู้สืบเนื้อเชื้อไขของตระกูลบวนเดียที่พอจะหลงเหลือในท้ายเรื่อง ต่างก็ไม่รู้แม้กระทั่ง “เรื่องเทือกเถาเหล่ากอครอบครัวตนเอง” เสียแล้ว (2564, หน้า 467)
แม้จะเป็นเรื่องราวเหลือเชื่อที่สะท้อนความเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกปิดบัง เขียนซ้ำ และหลงลืมสักเพียงใด กลับน่าเสียดายที่กรอบการแบ่งเพศแบบทวิลักษณ์ยังมีบทบาทเสียมากในเรื่อง
ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น ผู้หญิงกลับเป็นเพียงผู้เฝ้าเรือนในเมืองมาก็อนโด เมื่อสังเกตแม้เพียงเล็กน้อย ผู้อ่านคงรู้สึกได้ว่าผู้หญิงตระกูลบวนเดียอย่างอูร์ซูลา อิกวารันอาจมีบทบาทสำคัญก็จริง (เช่น เมื่ออูร์ซูลาโน้มน้าวใจให้สามีปักหลักอยู่ในมาก็อนโด ไม่ไปร่อนเร่หาที่อยู่อื่นเสียใหม่ในช่วงต้นของนวนิยาย หรือตอนที่หล่อนไล่หวดอาร์กาดิโอ ผู้เป็นทั้งหลานที่ตนไม่ยอมรับ และหัวหน้าฝ่ายทหารและพลเรือนของเมืองมาก็อนโด ไม่ให้สั่งประหารดอนอโปร์ลินา มอสโกเต ผู้เคยเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองของเมือง) แต่อูร์ซูลาก็เป็นแม่ที่ได้เพียงไปเยี่ยมลูกชายที่รักยิ่งอย่างพันเอกเอาเรเลียโน บวนเดียในคุกก่อนวันประหาร ก่อนจะถูกลูกกำชับไม่ให้ร่ำลา และ “ให้ทำเหมือนกับว่าผมโดนพวกนั้นยิงทิ้งไปนานแล้ว” (2564, หน้า 151) ทั้งเป็นผู้ที่ได้แต่รอให้ลูกกลับบ้านมาจากการรอนแรมและการก่อสงครามครั้งแล้วครั้งเล่า
คงไม่น่าแปลกใจที่กรอบการแบ่งเพศแบบทวิลักษณ์ยังกำหนดบทบาทให้ผู้ชายตระกูลบวนเดียด้วย ดังที่ Pamela L. Moore (1994, หน้า 91) ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ชายตระกูลบวนเดียเป็นทหาร นักเดินทาง และผู้กระทำการล่วงประเวณี สองประเด็นแรกเห็นได้ชัดในบทบาทของพันเอกเอาเรเลียโน บวนเดีย ผู้หลงไปในการรอนแรมและการก่อสงครามกลางเมืองนับสามสิบสองครั้ง และในบทบาทของโฆเซ อาร์กาดิโอ ผู้เป็นพี่ชายของเขา โฆเซ อาร์กาดิโอ ได้ไปล่วงประเวณีกับปิลาร์ เตร์เนรา เพื่อนของแม่ จนมีลูกที่ตนได้ให้แม่กับพ่อเลี้ยง ก็คืออาร์กาดิโอนั่นเอง หรือแม้แต่ในท้ายเรื่อง ตัวละครอย่างเอาเรเลียโนคนสุดท้าย ยังมีความรอบรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกผ่านการอ่านบันทึกของเม็ลกีอาเดสผู้ล่วงลับ อีกทั้งยังเชื่อว่าสงครามทั้งสามสิบสองครั้งของพันเอกเอาเรเลียโน บวนเดีย กับการสังหารหมู่ ณ สถานีรถไฟได้เกิดขึ้นจริง แม้ว่าจะแทบไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนก็ตาม (Pamela L. Moore, 1994, หน้า 91) และสุดท้ายเขาก็ได้ล่วงรู้ด้วยว่าอมารันตา อูร์ซูลา ผู้ที่เขามีลูกด้วยนั้นเป็นพี่ของตน
อนึ่ง แม้ว่าการเล่าเรื่องที่ถูกจำกัดด้วยกรอบเพศเช่นนี้ อาจเป็นการสะท้อนโลกในความเป็นจริง ผู้อ่านอย่างข้าพเจ้าก็อาจตั้งข้อสงสัยได้ว่าวรรณกรรมสัจนิยมมหัศจรรย์ที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวเหล่าเชื่ออย่าง หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว จำเป็นต้องมีข้อจำกัดเช่นนี้ด้วยหรือ
นอกจากนั้น ถึงแม้ว่าผู้หญิงตระกูลบวนเดียจะมีบทบาทสำคัญในเรื่อง ดังที่กล่าวไปข้างต้น อาทิ ในกรณีของอูร์ซูลา อิกวารัน ก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกเธอเป็นเพียงผู้ที่รอให้เหล่าผู้ชายในตระกูลกลับบ้านมาจากการเดินทางเท่านั้น (Pamela L. Moore, 1994, หน้า 91)
ด้วยสาเหตุเหล่านี้ จึงอาจกล่าวได้ว่า แม้ หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว จะบอกเล่าเรื่องราวที่ลึกซึ้งและสะท้อนถึงสังคมที่เขียนทับหรือหลงลืมประวัติศาสตร์ของตนได้อย่างแยบยล น่าติดตาม และเหลือเชื่อเพียงใด นวนิยายเรื่องนี้ก็ยังติดอยู่ในกรอบเพศที่ทั้งกำหนดและกดทับตัวละคร ดังที่เห็นจากตัวละครทั้งชายและหญิง ที่ถูกนิยามด้วยกรอบการแบ่งเพศแบบทวิลักษณ์
สรุปได้ว่า ถึงแม้กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซจะได้เล่าประวัติศาสตร์เสียใหม่ ผ่านวรรณกรรมสัจนิยมมหัศจรรย์ โดยได้นำเสนอทั้งเรื่องราวของผู้ที่ถูกหลงลืม ทั้งชีวิตที่ถูกเข่นฆ่า ทั้งชีวิตที่หลงไปในสงคราม อำนาจ และการรอนแรมแทบไม่รู้จบ ผู้อ่านเองก็อาจจะต้องไม่ลืมที่จะอ่านเรื่องราวผ่านสายตาของแนวคิดสตรีนิยม เพื่อที่จะไม่ลืมชีวิตของตัวละครที่ถูกกดทับด้วยการเล่าผ่านกรอบเพศไปอีกที
เขียนโดย Write me
เอกสารอ้างอิง
- การ์เบรียล การ์เซีย มาร์เกซ. (2564). หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว. (ชนฤดี ปลื้มปวารณ์, ผู้แปล). บทจร.
- Moore, P. L. (1994). TESTING THE TERMS: “WOMAN” IN “THE HOUSE OF SPIRITS” AND “ONE HUNDRED YEARS OF SOLITUDE.” The Comparatist, 18, 90–100. http://www.jstor.org/stable/44366869
#หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว

เกี่ยวกับกรณีคดีละเมิดลิขสิทธิ์หนังสือ “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” สำนักพิมพ์บทจรในฐานะผู้ดำเนินการแทนตามกฎหมายของทาย...
17/08/2025

เกี่ยวกับกรณีคดีละเมิดลิขสิทธิ์หนังสือ “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” สำนักพิมพ์บทจรในฐานะผู้ดำเนินการแทนตามกฎหมายของทายาทนักเขียน กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ขอแจ้งข่าวคราวเพิ่มเติมดังนี้

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้อ่านคำสั่งศาลฎีกา ข้อพิพาทกรณีการพิมพ์และจำหน่ายหนังสือ “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” ฉบับที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทายาทนักเขียน ศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ ทำให้คดีความสิ้นสุดลงที่ชั้นอุทธรณ์ ซึ่งได้พิพากษาว่าการจัดพิมพ์งานแปลภาษาไทย “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” ที่แปลจากฉบับแปลภาษาอังกฤษของเกรกอรี ราบัสซานั้น ไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือกระทบสิทธิ์แต่ผู้เดียวของนักเขียนกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ที่เป็นต้นฉบับภาษาสเปน

เป็นความน่าเสียดายที่ฎีกาอันมีเนื้อหาบรรยายรายละเอียดการตีความลิขสิทธิ์งานแปลนั้น ไม่ได้รับโอกาสพิจารณาจากศาลฎีกา และอาจทำให้ความเข้าใจของสาธารณชนต่อบรรทัดฐานของลิขสิทธิ์ในงานแปลคลาดเคลื่อนไป เมื่อได้ศึกษาข้อกฎหมายโดยละเอียด ประกอบกับพิจารณาปัญหาในระหว่างการดำเนินคดีครั้งนี้ ทำให้มีองค์ความรู้เกิดขึ้นไม่น้อย ในข้อที่อาจเป็นเหตุให้คำพิพากษาออกมาไม่เป็นคุณกับการปกป้องลิขสิทธิ์นักเขียน ซึ่งสำนักพิมพ์ยินดีแบ่งปันความรู้ในกระบวนการ เพื่อเป็นหมุดหมายหนึ่งในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านลิขสิทธิ์ เพื่อต่อสู้กับการละเมิดลิขสิทธิ์ในการดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์สำหรับมิตรสหายท่านอื่นๆ ในวันข้างหน้า

ในท้ายที่สุด ขอขอบคุณกำลังใจจากนักอ่านที่มอบให้ ขอขอบคุณที่สนับสนุนงานของกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซอย่างสมศักดิ์ศรีของนักเขียนผู้ประพันธ์วรรณกรรม สำนักพิมพ์บทจรมั่นใจว่าวัฒนธรรมหนังสือของไทยได้เติบโต ทัดเทียม และพร้อมดำเนินตามหลักปฏิบัติของนานาอารยประเทศอย่างเสมอหน้า โดยไม่ต้องขอแต้มต่อข้อเว้นพิเศษใดๆ และภูมิใจที่ได้ร่วมปกป้องสิทธิของกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซร่วมกับทายาทของนักเขียน

24/07/2025

📌 ไม่มีสงครามไหนปราศจากผลกระทบ ช่วยกันส่งเสียงต่อต้านการใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ปัญหา ไม่ส่งต่อแนวคิดคลั่งชาติ และยืนยัน #สันติสู่ชายแดน
ขอบคุณภาพและข้อความรณรงค์จาก ทะลุแก๊ซ - Thalugaz

#សន្តិភាពដល់ព្រំដែន

ยินดีด้วยครับ และขอบคุณครับ
21/07/2025

ยินดีด้วยครับ และขอบคุณครับ

21/07/2025

เดี๋ยวนี้เรามักจะโพสต์เล่าถึงหนังสือโดยบอกว่า 'ราคาดีที่สุดที่เว็บไซต์/อินบ็อกซ์/หน้าร้าน' ซึ่งหมายความตามนั้นเลยค่ะ

เดี๋ยวนี้ค่าธรรมเนียมในแพลตฟอร์มสูงมาก ยังมีค่าแพ็กต่างๆ ที่แม้แพลตฟอร์มเก็บค่าส่งกับลูกค้า แต่เงินเข้าแพลตฟอร์ม คำนวณไปมาก็พบว่า ถ้าเราขายหนังสือที่ราคาต่ำกว่า 250 บาท ในแพลตฟอร์มใดๆ ก็คือขาดทุนตั้งแต่ค่ากล่องพัสดุ >..<

และทำให้หนังสือที่มีโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ก็ลดเท่ากันไม่ได้ บางรายการลูกค้าต้องซื้อมากกว่า 1 เล่มถ้าผ่านแพลตฟอร์ม เพื่อให้โคเวอร์กับค่าแพ็ค

ถ้าสะดวกออนไลน์ การสั่งผ่านเว็บหรืออินบ็อกซ์โดยตรง จะได้ราคาดีที่สุดค่ะ

อยากอ่านอะไร มองหาแนวไหน อินบ็อกซ์มาให้พวกเราช่วยเลือกหนังสือได้นะ :)

www.fathombookspace.co

  #สันติสู่ชายแดน #សន្តិភាពដល់ព្រំដែន1. ต่อต้านการใช้กำลังทหารในการแก้ไขปัญหา2. เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลดความตึงเครียดทา...
05/06/2025


#สันติสู่ชายแดน
#សន្តិភាពដល់ព្រំដែន

1. ต่อต้านการใช้กำลังทหารในการแก้ไขปัญหา
2. เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลดความตึงเครียดทางทหาร
3. ขอความร่วมมือประชาชนและสื่อไม่สนับสนุนการยกระดับความรุนแรง ซึ่งอาจนำมาสู่สงคราม

(ขอบคุณภาพและข้อความจากนักต่อต้านสงครามท่านหนึ่งที่แบ่งปันต่อๆ กันมาทางอินเทอร์เน็ต)

01/06/2025

ที่อยู่

61/87 Prasoet Manukit 27, Prasoet Manukit Road, Chorakhe Bua
Bangkok
10230

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ บทจรผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง บทจร:

แชร์