Asean News Today & E-Mag

Asean News Today & E-Mag ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Asean News Today & E-Mag, บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร, Bangkok.

สธ. มอบรางวัล Healthy Worker Stronger Nation Thailand Awards 2025 หนุนวัยทำงาน สุขภาพดี เคลื่อนเศรษฐกิจไทยยั่งยืน       ...
23/05/2025

สธ. มอบรางวัล Healthy Worker Stronger Nation Thailand Awards 2025 หนุนวัยทำงาน สุขภาพดี เคลื่อนเศรษฐกิจไทยยั่งยืน


เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน Healthy Worker Stronger Nation Thailand Awards 2025 พร้อมมอบรางวัลให้องค์กรสุขภาวะต้นแบบ NODE จำนวนทั้งสิ้น 33 แห่ง พร้อมด้วย นายแพทย์ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย โดยมี ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเซียและแปซิก (ILO) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สถานประกอบกิจการต้นแบบ และภาคีเครือข่าย ร่วมงาน ณ ห้องวายุภักดิ์ 2 ชั้น 4โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร

นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรโดยเฉพาะอัตราการเกิดที่ลดลงส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานและภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มวัยทำงานให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศ การส่งเสริมสุขภาพวัยทำงาน
ในสถานประกอบกิจการจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน ลดความเสี่ยงต่อ
โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และส่งผลต่อการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

นายแพทย์ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยเป็นหน่วยงานหลักด้านการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มวัย ได้เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมสุขภาพวัยทำงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่อปี กรมอนามัยจึงได้ดำเนินการจัดโครงการ Healthy Worker Stronger Nation Thailand Awards 2025 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมสุขภาพวัยทำงาน
ในสถานประกอบกิจการ ผ่านความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการขยายผลแนวทางการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและสร้างแรงบันดาลใจให้สถานประกอบกิจการอื่น ๆ นำแนวทางที่ประสบความสำเร็จไปประยุกต์ใช้ พร้อมทั้งเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจให้กับสถานประกอบกิจการที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริมสุขภาพวัยทำงาน รวมถึงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แนวปฏิบัติที่ดี และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการขับเคลื่อนงานส่งเสริมสุขภาพวัยทำงานให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

นายแพทย์ปกรณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง แนวทาง
การส่งเสริมสุขภาพสำหรับแรงงาน พิธีมอบรางวัลต้นแบบสถานประกอบกิจการส่งเสริมสุขภาพและองค์กรสุขภาวะ ประจำปี 2568 ระดับดีเด่น และพิธีมอบรางวัลศูนย์อนามัยผลการดำเนินงานดีเด่น ได้แก่ สถานประกอบกิจการดีเด่นที่ได้รับการคัดเลือก (โล่เกียรติคุณ) จำนวน 68 แห่ง และศูนย์อนามัยที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น (โล่เกียรติคุณ) จำนวน 3 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีพิธีมอบรางวัล Healthy Worker Stronger Nation Thailand Awards 2025 ประกอบด้วยองค์กรสุขภาวะต้นแบบ NODE จำนวน 33 แห่ง โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้ ระดับ Diamond จำนวน 15 แห่งระดับ Platinum จำนวน 3 แห่ง และระดับ Gold จำนวน 15 แห่ง

“ทั้งนี้ สถานประกอบกิจการที่สนใจนำแนวทาง "10 Packages Plus" ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงาน สามารถติดต่อ กลุ่มอนามัยวัยทำงาน สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย โทร. 0 2590 4521, 4566, 4522 หรือ ศูนย์อนามัยที่ 1-12 และสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง เพื่อขอรับคำแนะนำและสนับสนุนในการดำเนินโครงการต่อไป” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

#กรมอนามัย

BAFS รุกตลาด SEA ส่งมอบรถเติมน้ำมันอากาศยาน นวัตกรรมฝีมือคนไทย เตรียมพร้อมประจำการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่กัมพูชา กลางปีน...
22/05/2025

BAFS รุกตลาด SEA ส่งมอบรถเติมน้ำมันอากาศยาน นวัตกรรมฝีมือคนไทย เตรียมพร้อมประจำการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่กัมพูชา กลางปีนี้!!

บาฟส์ อินเทค ตอกย้ำศักยภาพความเป็นผู้นำผลิตยานพาหนะภาคพื้นสัญชาติไทย เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศเต็มพิกัด ส่งมอบรถเติมน้ำมันอากาศยานและรถให้บริการภาคพื้นอากาศยาน จำนวน 7 คัน เพื่อเตรียมพร้อมให้บริการ ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของกัมพูชา พร้อมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) เปิดเผยว่า บริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด (BAFS INTECH) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทบาฟส์ (BAFS Group) ดำเนินธุรกิจให้บริการออกแบบ ผลิต และประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานรวมถึงรถให้บริการภาคพื้นภายในท่าอากาศยาน ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกรและเทคนิคของ BAFS INTECH ผสานนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ากับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมสมรรถนะที่โดดเด่น มีความทนทาน ตอบโจทย์ความต้องการผู้ให้บริการภาคพื้นอากาศยานในระดับภูมิภาค ล่าสุด เตรียมส่งมอบรถเติมน้ำมันอากาศยาน Hydrant Dispenser รถให้บริการภาคพื้นอากาศยาน และอุปกรณ์ให้บริการภาคพื้นประเภท Mobile Refueling Cart รวมทั้งสิ้นจำนวน 7 คัน ให้กับบริษัท Phnom Penh Aviation Fuel Service Co., Ltd. (PPAFS) ในเดือนพฤษภาคม 2568 สำหรับให้บริการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นอีกหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนความเป็นผู้นำด้านบริการเติมน้ำมันอากาศยานแบบครบวงจรของ BAFS

อุตสาหกรรมการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS INTECH เริ่มต้นจากองค์ความรู้และความชำนาญในการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS ต่อยอดด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และจุดเด่นในการออกแบบและผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้ใช้งาน โดยสามารถเลือกขนาดและอัตราการไหล (Flow Rate) ของรถเติมน้ำมันอากาศยาน ให้รองรับกับขนาดและคุณสมบัติของเครื่องบินแต่ละประเภท รวมถึงสภาพแวดล้อมของท่าอากาศยานที่แตกต่างกัน ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัย และความเหมาะสมต่อการใช้งาน การันตีคุณภาพการผลิตที่สอดคล้องตามมาตรฐานการบริการน้ำมันอากาศยานระดับสากลของ Joint Inspection Group (JIG) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลสำหรับระบบเติมน้ำมันอากาศยาน

BAFS INTECH มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน ให้สามารถตอบสนองต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) ซึ่งกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค โดยที่ผ่านมา BAFS INTECH เริ่มต้นจากการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานให้กับ BAFS และลูกค้าในประเทศไทย ก่อนจะขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา BAFS INTECH ได้รับความไว้วางใจโดยได้รับเลือกให้เป็นผู้ออกแบบ และผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยาน รวมถึงรถให้บริการภาคพื้นอากาศยาน ให้กับลูกค้าในประเทศเมียนมา และ สปป. ลาว

“จากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจให้บริการน้ำมันอากาศยานด้วยมาตรฐานสากลยาวนานกว่า 40 ปี และความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการให้บริการภาคพื้นอากาศยาน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบและผลิตโดยคนไทย การส่งมอบรถในครั้งนี้ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของ BAFS INTECH ในฐานะผู้นำในธุรกิจออกแบบและผลิตยานพาหนะภาคพื้นสำหรับท่าอากาศยาน สำหรับในปีนี้ เรายังมีรถที่อยู่ระหว่างการผลิตและรอการส่งมอบอีก 16 คัน โดยคาดว่าในปี 2568 จะมียอดสั่งซื้อจำนวน 17 คัน นอกจากนี้ BAFS INTECH วางแผนการดำเนินธุรกิจ รุกสู่ลูกค้าในต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจุดขายในการผลิตรถสมรรถนะเยี่ยมที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนเอเชีย ตั้งเป้าขยายตลาดสู่ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ภายใน 5 ปี”

สัมผัสนิยามใหม่ของการอยู่อาศัยกับ ลักซ์ริวา เรสซิเดนเซส  บ้านเดี่ยวหรูใจกลางนครศรีฯ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุด ตอกย้ำทุก...
14/05/2025

สัมผัสนิยามใหม่ของการอยู่อาศัยกับ ลักซ์ริวา เรสซิเดนเซส บ้านเดี่ยวหรูใจกลางนครศรีฯ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุด ตอกย้ำทุกฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต พร้อมรับประกัน 10 ปี*

บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย ถ่ายทอดแนวคิด “นิยามใหม่ เหนือระดับแห่งการใช้ชีวิต” ผ่านโฆษณาโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี LUXRIVA RESIDENCES ใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อนำเสนอวิถีการอยู่อาศัยที่ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านความสวยงามหรือดีไซน์แต่ยังเข้าใจลึกถึงฟังก์ชันการใช้งานจริงของทุกช่วงวัยพร้อมผสานความหรูหราเข้ากับแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตอย่างลงตัว

นางศศินันท์ ออลเเมนด์ ผู้อำนวยการบริหาร กลุ่มงานยุทธศาสตร์การตลาด การสร้างแบรนด์ และสื่อสารองค์กร กล่าวว่า การสื่อสารผ่านโฆษณาชุดนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากการเน้นสร้างภาพลักษณ์ภายนอกแต่เป็นการถ่ายทอดแนวคิดที่เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการจากบ้านในปัจจุบัน จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เราพบว่า ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคไม่จำกัดแค่เรื่องดีไซน์หรือฟังก์ชันพื้นฐานเท่านั้นแต่ต้องการพื้นที่ที่รองรับทุกด้านของการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์ ทั้งการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกวัย ความยืดหยุ่นในฟังก์ชันการใช้งาน และการสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมสุขภาวะและความสัมพันธ์ในครอบครัว โฆษณานี้จึงเป็นการนำแนวคิดเหล่านั้นมาถ่ายทอดผ่านการออกแบบที่เข้าใจผู้บริโภคจริงๆโดยการให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้งาน เช่น ห้องนั่งเล่นที่สามารถใช้ได้หลายกิจกรรมพื้นที่โถงสูงที่ระบายอากาศได้ดีและห้องนอนที่แยกเป็นสัดส่วนเพื่อรองรับความต้องการของสมาชิกหลายเจเนอเรชัน รวมถึงพื้นที่ที่รองรับการอยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่สำคัญในปัจจุบัน การสื่อสารในโฆษณาจึงไม่ใช่แค่การเน้นดีไซน์ แต่เป็นการเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติและสถาปัตยกรรม ผ่านแสงธรรมชาติ ต้นไม้ และ การออกแบบพื้นที่สีเขียวที่ช่วยลดการใช้พลังงาน พร้อมทั้งสะท้อนถึงความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก

CP LAND เราเชื่อว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คือการเข้าใจชีวิตจริงของลูกค้าและออกแบบพื้นที่ที่มีความหมาย สอดคล้องกับแนวคิด ‘คุณภาพเพื่อทุกชีวิต’ ที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการใช้งาน สุขภาวะ และความยั่งยืนในระยะยาว

LUXRIVA RESIDENCES ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพย่านพัฒนาการคูขวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช โครงการนี้โดดเด่นด้วยงานออกแบบที่ผสานความโมเดิร์นเข้ากับเอกลักษณ์ท้องถิ่นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายผ้าพื้นเมืองและโทนสีธรรมชาติ ถ่ายทอดบรรยากาศสงบและร่มรื่น ผ่านการจัดวางพื้นที่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติและช่วยให้เกิดการระบายอากาศที่ดี ช่วยประหยัดพลังงานและส่งเสริมสุขภาวะของผู้อยู่อาศัย แนวคิดเรื่องความหรูหราที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน สะท้อนผ่านการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการออกแบบพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาทั้งความสะดวกสบายและความรับผิดชอบต่อสังคมและธรรมชาติไปพร้อมกัน

LUXRIVA RESIDENCES จึงไม่เพียงแค่บ้านหรู แต่ยังเป็น "บทนิยามใหม่ของการอยู่อาศัย" ที่ผสมผสานความหรูหรา ความสงบ และ ความยั่งยืนเข้าด้วยกัน

รับชมโฆษณาเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจนี้ได้แล้ววันนี้ที่
LUXRIVA RESIDENCES Nakhon Si Thammarat - บ้านเดี่ยวสุดหรูใจกลางนครศรีธรรมราช
พิเศษ! เมื่อจองบ้านในโครงการ LUXRIVA RESIDENCES ตั้งแต่วันนี้ – 31 พฤษภาคม 2568 พร้อมรับฟรี Tesla Model 3** รถยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำจากแบรนด์ระดับโลก ทันที! สองโอกาสที่ทำให้คุณเป็นเจ้าของทั้งบ้านหรูและยนตรกรรมพลังงานสะอาดแห่งอนาคตในคราวเดียว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายเข้าชมโครงการ
LINE OA: คลิก >> https://bit.ly/3OwNCWF
Website: www.LUXRIVARESIDENCES.com โทร: 02-088-0999
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนดขอสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนเเปลงโดยไม่ต้องเเจ้งล่วงหน้า
**ข้อเสนอจำกัดเฉพาะลูกค้าที่จองและโอนกรรมสิทธิ์ภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น

#คุณภาพเพื่อทุกชีวิต #ลักซ์ริวาเรสซิเดนเซสนครศรีธรรมราช #โครงการบ้านหรู #บ้านเดี่ยวนครศรีธรรมราช #บ้านในเมือง #โครงการใหม่นครศรีธรรมราช #ซีพีแลนด์ #ซีพีแลนด์รับประกัน10ปี

จดทะเบียนชาวไร่อ้อย รับสิทธิประโยชน์ กับ สอน. ถึงวันที่ 31 พ.ค. นี้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลท...
10/05/2025

จดทะเบียนชาวไร่อ้อย รับสิทธิประโยชน์ กับ สอน. ถึงวันที่ 31 พ.ค. นี้

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่กำกับดูแลระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ในการดูแลเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดย สอน. ได้เปิดรับจดทะเบียนชาวไร่อ้อยและหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย ประจำปี 2568 ครั้งที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527
เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ดี ๆ ให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 (เว้นวันหยุดราชการ) ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. โดยสามารถยื่นคำร้องขอจดทะเบียนได้ที่เขตบริหารอ้อยและน้ำตาลทราย 1 - 8 หน่วยประจำโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง และสมาคมชาวไร่อ้อย 39 แห่งทั่วประเทศ ไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น

สำหรับสิทธิประโยชน์ที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยจะได้รับจากการจดทะเบียน ได้แก่
1. ได้รับสิทธิ์ในการส่งอ้อยเข้าโรงงานอย่างถูกต้อง และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
2. ได้รับเงินค่าอ้อยเพิ่มขึ้นกรณีที่การประกาศราคาอ้อยขั้นสุดท้ายสูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้น
3. ได้รับการสนับสนุนและการส่งเสริมต่าง ๆ จากภาครัฐ อาทิ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยสำหรับบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) (ปัจจุบันโครงการระยะเฟสที่ 4 อยู่ระหว่างการขอขยายระยะเวลาดำเนินงานจาก ครม.) การให้ยืมเครื่องสางใบอ้อยและรับท่อนพันธุ์อ้อยฟรี โดยเกษตรกรสามารถเข้าเป็นสมาชิกของศูนย์การเรียนรู้ด้านอ้อย ซึ่งสิทธิพิเศษของสมาชิกกลุ่มศูนย์การเรียนรู้ด้านอ้อย เช่น 1) ได้ร่วมคัดเลือกพันธุ์อ้อยใหม่ของ สอน. ได้รับการจัดการโรคแมลง 2) ได้รับการอบรมถ่ายทอดความรู้ด้านอ้อย เป็นต้น

> สำหรับเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ขอจดทะเบียน
1. จะต้องเป็นผู้ปลูกอ้อยในท้องที่ที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายกำหนด
2. มีสัญญาส่งอ้อยให้แก่โรงงานน้ำตาลหรือหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย

> สำหรับการขอจดทะเบียนเป็นหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย
1. เป็นผู้มีสัญญาส่งอ้อยแก่โรงงาน
2. มีพื้นที่ใช้ปลูกอ้อยไม่น้อยกว่า 10 ไร่ และต้องรับมอบอ้อยจากชาวไร่อ้อยรายอื่นซึ่งเมื่อรวมพื้นที่ของตนเองแล้วต้องไม่น้อยกว่า 100 ไร่
3. เป็นสมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อย

จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยทุกท่าน มาจดทะเบียนเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ ทั้งนี้ สำหรับหลักฐานประกอบคำขอ ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.ocsb.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-4306814 ต่อ 4830

ฉลอง 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนภาคเอกชนไทย-จีน จับมือเตรียมจัดงาน “Thailand-China Cooperation Expo 2025...
09/05/2025

ฉลอง 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน
ภาคเอกชนไทย-จีน จับมือเตรียมจัดงาน “Thailand-China Cooperation Expo 2025” เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการลงทุน และสร้างความเชื่อมโยงเชิงกลยุทธ์ของห่วงโซ่อุปทานไทย-จีน-อาเซียน

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ภาคเอกชนไทยและจีน จับมือเตรียมจัดงาน “Thailand-China Cooperation Expo 2025” หรือ “งานมหกรรมความร่วมมือไทย-จีน 2025” ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน : ก้าวสู่ความรุ่งเรืองร่วมกัน” เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน

คณะกลไกประสานงานและส่งเสริมธุรกิจไทย-จีนอย่างยั่งยืน นำโดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คุณณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน และคุณหลิว ฉวนเหลย นายกสมาคมการค้าวิสาหกิจจีนในไทย พร้อมด้วยคุณพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้ร่วมจัดงาน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เตรียมจัดงานแสดงสินค้า Thailand – China Cooperation Expo 2025 ณ ห้องจูปีเตอร์ 4-6 อาคารชาเลนเจอร์ 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

โดยงานแสดงสินค้าดังกล่าวจะจัดบนพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร โดยมีบูธจัดแสดงมากกว่า 700 บูธ จากบริษัทชั้นนำของไทยและจีนในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อเป็นเวทีเชิงกลยุทธ์ในการส่งเสริมการค้าการลงทุน และนวัตกรรมการบริหารจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain) หรือห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนระหว่างไทย-จีน และภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ การแลกเปลี่ยน องค์ความรู้ และขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งภายในงานฯ จะมีการจัดกิจกรรมต่างๆมากมายอาทิ การร่วมออกบูธจากผู้ประกอบการชั้นนำทั้งไทยและจีนมากมาย อาทิเช่น อุตสาหกรรมอาหาร, เทคโนโลยี, ยานยนต์และรถยนต์ไฟฟ้า, พลังงานสีเขียว, การค้าการลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย โซน Job Fair เปิดโอกาสในการเชื่อมต่อ บริษัทชั้นนำของไทย-จีนและผู้ที่กำลังมองหางาน Education Fair ที่มีเป้าหมายในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาและเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับเยาวชนและผู้สนใจศึกษาต่อจากทั้งสองประเทศได้เห็นประโยชน์จากการศึกษาภาษาจีน ที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ทั้งในระดับทุนการศึกษา การเข้าทำงานในบริษัทชั้นนำต่างๆ

ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวแสดงความยินดีและสนับสนุนการจัดงาน โดยมั่นใจว่า “งาน Expo ครั้งนี้จะเป็นเวทีแห่งความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์จีน–ไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและสร้างความมั่นใจใหม่ให้กับเศรษฐกิจโลกในยุคแห่ง ความไม่แน่นอน”

ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “แม้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีนจะมีอายุครบ 50 ปีในปีนี้ แต่ในความเป็นจริง ความผูกพันระหว่างสองประเทศ มีความแน่นแฟ้นมายาวนาน ทั้งในระดับรัฐบาล ภาคธุรกิจ และประชาชน งาน Expo ในครั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การศึกษา และพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ให้เติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต”

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย–จีน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ประเทศไทยและจีนมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น งาน Expo ครั้งนี้จะเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงเชื่อมโยงธุรกิจไทย–จีนในทุกระดับ เพื่อให้การลงทุนเกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในมิติของ Supply Chain ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจยุคใหม่”

นายหลิว ฉวนเล่ย ประธานสมาคมวิสาหกิจจีนในประเทศไทย กล่าวว่า “งาน Thailand–China Cooperation Expo 2025 ถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ภาคธุรกิจจากทั้งสองประเทศผสาน รวมกับตลาดได้อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งยกระดับอุตสาหกรรมในสาขาเป้าหมาย อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานสะอาด และการผลิตขั้นสูง”

โดย นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “IMPACT เมืองทองธานี ในฐานะผู้ร่วมจัดงาน ยังเตรียมเปิดใช้งานส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า โมโนเรลสายสีชมพูเข้าโครงการโดยตรงในช่วงเดียวกับการจัดงาน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ผู้ร่วมงานทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ”
ดังนั้นงาน Thailand–China Cooperation Expo 2025 จึงไม่เพียงเป็นกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ แต่ยังเป็นเวทีเชิงยุทธศาสตร์ที่แสดงพลังของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างมั่นคงและยั่งยืน
#50ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีน

แสดงความยินดีในโอกาสเปิดโรงงานทามากาวา เวียดนามนายเหวียน วัง เยิน ผู้จัดการทั่วไป พร้อมด้วยผู้บริหารจากบริษัท อมตะซิตี้ ...
04/05/2025

แสดงความยินดีในโอกาสเปิดโรงงานทามากาวา เวียดนาม

นายเหวียน วัง เยิน ผู้จัดการทั่วไป พร้อมด้วยผู้บริหารจากบริษัท อมตะซิตี้ ฮาลอง จ๊อยท์ สต็อค คอมพานี ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสที่บริษัท ทามากาวา เซอิกิ ได้จัดพิธีเปิดโรงงานทามากาวา เวียดนาม โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานท้องถิ่นและพันธมิตรเข้าร่วมพิธีเพื่อแสดงความยินดีเมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงงานทามากาวา เวียดนาม นิคมอุตาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลอง ประเทศเวียดนาม
โรงงานทามากาวา เวียดนามมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 35.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท ซึ่งมุ่งเน้นการผลิตเครื่องตรวจจับมุมชนิดแอปโซลูทสำหรับมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า และเป็นโรงงานที่ 7 ของทามากาวา เซอิกิ ที่สร้างขึ้น โดยโรงงานนี้ยังสร้างโอกาสในการทำงานมากกว่า 1,000 ตำแหน่ง
บริษัท ทามากาวา เวียดนาม จำกัด เป็นบริษัทย่อยของกลุ่มทามากาวา เซอิกิ (ประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 1938 และเป็นผู้นำในการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อวกาศ และการป้องกัน

กลุ่มอมตะ สานสัมพันธ์ขอบคุณสื่อมวลชนจัดงาน "AMATA Thanks Press 2025"นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเร...
04/05/2025

กลุ่มอมตะ สานสัมพันธ์ขอบคุณสื่อมวลชน
จัดงาน "AMATA Thanks Press 2025"

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จํากัด (มหาชน) พร้อมทีมผู้บริหารอมตะ จัดงาน “AMATA Thank Press 2025” ภายใต้ธีม "Eternal Dream" เพื่อขอบคุณสื่อมวลชนที่อยู่เคียงข้างกันมาและเผยแพร่ข่าวสารให้กับกลุ่มอมตะอย่างต่อเนื่อง ตลอด 50 ปี บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยมิตรภาพและการพูดคุยอย่างใกล้ชิดระหว่างนักข่าวและผู้บริหารของอมตะ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ดีที่สั่งสมมากว่าครึ่งศตวรรษ ที่สำคัญยังได้ใช้เวทีนี้แนะนำทีมผู้บริหารที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้าลงทุนในประเทศไทยกว่า 7,000 ล้านบาท เป้ายอดขายที่ดินเติบโตกว่า 15% รองรับการลงทุนที่เพิ่มขึ้น สร้างฐานการผลิต 3 ประเทศต่อเนื่อง ทั้งไทย เวียดนาม และ สปป.ลาว ล่าสุดได้เปิดขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ นาหม้อ เขตเศรษฐกิจใหม่ในสปป.ลาว จุดเชื่อมโยงสำคัญและเสริมศักยภาพการค้าการลงทุนระหว่างไทยและจีน ณ ชั้น 6 อาคารกรมดิษฐ์ ถนนเพชรบุรี กรุงเทพฯ

#วิกรมกรมดิษฐ์

PTPRACHUAPFC ขอบคุณทุกพลังใจจากแฟนต่อพิฆาต 🧡🐝สโมสรพีที ประจวบ เอฟซี ขอขอบคุณ คุณแพทริค หอรัตนชัยผู้บริหารสายงานกิจการองค...
04/05/2025

PTPRACHUAPFC ขอบคุณทุกพลังใจจากแฟนต่อพิฆาต 🧡🐝

สโมสรพีที ประจวบ เอฟซี ขอขอบคุณ คุณแพทริค หอรัตนชัย
ผู้บริหารสายงานกิจการองค์กรประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
ที่ให้เกียรติเข้าร่วมชมการแข่งขัน พร้อมส่งมอบความสุขให้แฟนบอลผ่านกิจกรรม
Chang Football Moments Concert 🎶✨

พร้อมด้วยผู้สนับสนุนใจดี อาทิ
👉 บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)
👉 บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)
👉แบรนด์โกหมึก ในนามบริษัท ธนารักษ์ อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด
ที่ร่วมมอบของที่ระลึกและสร้างรอยยิ้มให้กับแฟนบอลพีที ประจวบ เอฟซี อย่างอบอุ่น

🎤 แฟนบอลกว่า 2,500 คน ร่วมสัมผัสบรรยากาศความสนุกกับมินิคอนเสิร์ต “ปู แบลคเฮด”
เนื่องในโอกาสส่งท้ายฤดูกาลไทยลีก 2024–25

สโมสรขอขอบคุณทุกแรงใจจากแฟนต่อพิฆาตทุกคน
ที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอดทั้งฤดูกาล 🙌
แล้วพบกันใหม่ในฤดูกาลหน้า ด้วยพลังเชียร์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม!

#ต่อพิฆาต

SUPER ปลื้ม! BBL สนับสนุนวงเงิน 1,485 ลบ.พร้อมเคลียร์หุ้นกู้ตามนัด! ตอกย้ำความเชื่อมั่นธุรกิจเดินหน้าขยายโรงไฟฟ้าพลังงาน...
25/04/2025

SUPER ปลื้ม! BBL สนับสนุนวงเงิน 1,485 ลบ.
พร้อมเคลียร์หุ้นกู้ตามนัด! ตอกย้ำความเชื่อมั่นธุรกิจ
เดินหน้าขยายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกมิติ
บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) สุดปลื้ม! แบงก์กรุงเทพสนับสนุนวงเงิน 1,485.6 ล้านบาท เตรียมพร้อมชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 28 เม.ย.68 เต็มจำนวน ตอกย้ำความเชื่อมั่นธุรกิจ ฟาก CEO “ จอมทรัพย์ โลจายะ”ระบุหุ้นกู้ทุกรุ่น จ่ายดอกเบี้ย-ไถ่ถอนเงินต้นครบตรงกำหนดทุกงวด พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ หนุนรายได้โตต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมชำระคืนหุ้นกู้ SUPER254A ให้กับผู้ถือหุ้นกู้ รวมทั้งสิ้น 1,485.6 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระในวันที่ 28 เมษายน 2568 โดยล่าสุดได้รับการสนับสนุนวงเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินที่มีต่อ SUPER ในฐานะผู้นำธุรกิจพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของเมืองไทยและในภูมิภาคเอเชีย ที่มีโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า

“การชำระคืนหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สะท้อนถึงความมั่นคงของบริษัท ที่พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานสะอาดอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น และผมต้องขอบคุณธนาคารกรุงเทพ ในฐานะพันธมิตรทางการเงินที่ให้เงินสนับสนุนในครั้งนี้”นายจอมทรัพย์กล่าว

สำหรับบริษัทฯมีความพร้อมทั้งการบริหารงานและฐานะการเงินที่มั่นคง อีกทั้งยังพร้อมเดินหน้าธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ในทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยในช่วงที่ผ่านมา หุ้นกู้มีการจ่ายดอกเบี้ย และคืนเงินต้นได้ครบตามกำหนดทุกรุ่น

การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จำนวน 2,214.39 เมกะวัตต์ ขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 1,486.71 เมกะวัตต์ โดยในปี 2568 เตรียม COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม 2 โครงการ กำลังการผลิต 171 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการ Soc Trang 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะทยอย COD ในไตรมาส 2 -3 และโครงการ Bec Lieu 141 เมกะวัตต์ ที่จะทยอย COD และตั้งเป้าหมายภายในปี 2570 กำลังการผลิตแตะ 2,000 เมกะวัตต์

แซง-โกแบ็ง จับมือ Dow-พรีแพค เปิดตัวถุงบรรจุกาวยาแนวเทคโนโลยีรีไซเคิลขั้นสูงขับเคลื่อนธุรกิจวัสดุก่อสร้างสู่รักษ์โลก ตั้...
25/04/2025

แซง-โกแบ็ง จับมือ Dow-พรีแพค เปิดตัวถุงบรรจุกาวยาแนวเทคโนโลยีรีไซเคิลขั้นสูง
ขับเคลื่อนธุรกิจวัสดุก่อสร้างสู่รักษ์โลก ตั้งเป้าลดการใช้พลาสติกใหม่ 2.3 ตัน/ปี

กรุงเทพฯ – 25 เมษายน 2568 - บริษัท แซง-โกแบ็ง เวเบอร์ จำกัด (Saint-Gobain Weber) ผู้นำระดับโลกด้านการก่อสร้างที่มีน้ำหนักเบาและยั่งยืน เจ้าของแบรนด์ เวเบอร์ ตราตุ๊กแก เปิดตัวถุงบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนรูปแบบใหม่ ที่มีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้ว (Post-Consumer Recycled resin: PCR) ถึง 10% ด้วยเทคโนโลยี “รีโวลูป” ร่วมพัฒนากับ ดาว ประเทศไทย ผู้นำด้านวัสดุศาสตร์ระดับโลก และบริษัท พรีแพค ประเทศไทย จำกัด ในกลุ่ม ผู้นำบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบอ่อนตัว หวังช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่กว่า 2.3 ตันต่อปี และลดการปล่อยคาร์บอนกว่า 2.8 ตัน* พร้อมออกแบบให้สามารถรีไซเคิลซ้ำได้ รองรับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) แต่ยังคงมาตรฐานด้านความใส ความแข็งแรง และการปกป้องคุณภาพสินค้า สะท้อนความมุ่งมั่นของแซง-โกแบ็งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจก่อสร้างที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและคุณภาพสินค้า พร้อมวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย

นางสาวศิวารยา ศรีติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท แซง-โกแบ็ง ประเทศไทย เปิดเผยว่า“กลุ่มบริษัทแซง-โกแบ็ง มีวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจที่แน่ชัดว่า เราจะพัฒนาธุรกิจไปพร้อมกับลดผลกระทบจากการก่อสร้างที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ตามวัตถุประสงค์ของกลุ่มบริษัทคือ “Making The World a Better Home” ซึ่งไม่เพียงพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์แต่รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กร เราเชื่อว่าถุงบรรจุกาวยาแนวกระเบื้องนวัตกรรมใหม่นี้จะได้รับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของ แซง-โกแบ็ง ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และเราก็มีแผนที่จะขยายการใช้ถุงที่มีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้วกับสินค้าประเภทอื่นๆ ให้มากขึ้น เพื่อสนับสนุนแผนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของเรา”

ด้านนายเอกสิทธิ์ ลัคนานิธิพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายธุรกิจร่วมทุน กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับการพัฒนาถุงบรรจุกาวยาแนวที่ใช้นวัตกรรมเม็ดพลาสติกผสมพลาสติกใช้แล้ว REVOLOOP™ ของ Dow ที่ประสบความสำเร็จและวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย การเลือกใช้เม็ดพลาสติกผสมพลาสติกใช้แล้วนี้จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Dow มุ่งมั่นสนับสนุนการลดการปลดปล่อยคาร์บอน และลดขยะพลาสติกตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม และเติบโตอย่างยั่งยืน”

นายสุชัย กอประเสริฐศรี ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูง บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า ทางพรีแพค ประเทศไทย ได้ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์และบริการ รวมถึงกระบวนการผลิต พร้อมผนึกความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ในการส่งเสริมแนวทางที่ยั่งยืนไปสู่ผู้บริโภค ในฐานะผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบอ่อนตัวชั้นนำของประเทศไทย เรามีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ด้วยการเลือกใช้เม็ดพลาสติกผสมพลาสติกใช้แล้วนวัตกรรมใหม่ของ Dow ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถปรับสัดส่วนการใช้งานได้หลากหลายโดยยังคงประสิทธิภาพที่ดี ที่มั่นใจว่านวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ นี้จะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและมีคุณภาพสูง”

โดยทาง แซง-โกแบ็ง เวเบอร์ ประเทศไทย เริ่มวางจำหน่ายกาวยาแนวโดยใช้ถุงที่มีส่วนผสมของพลาสติกใช้แล้วในประเทศไทยตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป พร้อมมีการประเมินเพื่อวางแผนการขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ ต่อไป

(* การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์สำหรับพลาสติกฟิล์ม ได้รับการประเมินจากผู้ตรวจประเมินภายนอก และรับรองโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยคำนวณจากบรรจุภัณฑ์จำนวน 3 ล้านใบต่อปี)

#แซงโกแบ็งเวเบอร์
#คาร์บอนฟุตพริ้นท์

CKP เตรียมวงเงิน 691 ล้านบาท จ่ายปันผล 23 พฤษภาคม นี้ กรุงเทพฯ 25 เม.ย. 2568 – เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด...
25/04/2025

CKP เตรียมวงเงิน 691 ล้านบาท จ่ายปันผล 23 พฤษภาคม นี้

กรุงเทพฯ 25 เม.ย. 2568 – เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) โดยที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานประจำปี 2567 และมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับงวดผลการดำเนินงานปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.085 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 691 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น พร้อมขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์สู่ความยั่งยืน "C-K-P" เพื่อบรรลุพันธกิจสำคัญขององค์กรสู่ "การเป็นหนึ่งในผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่ง" ควบคู่กับการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในชุมชนและสังคม ขานรับสู่การเปลี่ยนด้านพลังงานของสังคมโลก และมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่สามารถหวังผลในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2593 ณ ห้องสุพรรณิการ์ ชั้น 4 อาคารวิริยะถาวร ในการนี้มี ดร.ทนง พิทยะ ประธานกรรมการ เป็นประธานในที่ประชุม พร้อมด้วยนายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร และ นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ และคณะกรรมการบริษัทฯ เข้าร่วม

รมช.สุชาติ ลงพื้นที่รับฟังความเห็น เอฟทีเอ ไทย – เอฟตา หวังขับเคลื่อนการค้า การลงทุน ตลาดโลก      วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษา...
10/04/2025

รมช.สุชาติ ลงพื้นที่รับฟังความเห็น เอฟทีเอ ไทย – เอฟตา หวังขับเคลื่อนการค้า การลงทุน ตลาดโลก

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟังความเห็นการจัดทำความตกลงการค้าเสรี ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (เอฟตา) เพื่อรับฟังความเห็นต่อผลการเจรจาเอฟทีเอ ไทย – เอฟตา ณ โรงแรมโนโวเทล มารินา ศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมี นายอดิเรก อุ่นโอสถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยหน้าส่วนราชการ หอการค้าชลบุรี และประชาชน ให้การต้อนรับ ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ไทยและเอฟตา ได้ร่วมลงนามความตกลงการค้าเสรีระหว่างกัน เมื่อเดือนมกราคม 2568 ณ เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์
นายสุชาติ เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ให้ความสำคัญกับการใช้เวทีความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในการส่งเสริมการค้าการลงทุน จัดสัมมนาในวันนี้ เป็นการคิกออฟ (Kick off) กิจกรรมรับฟังความเห็นสาธารณะต่อความตกลงฉบับนี้ ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ มีแผนงานจะจัดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ ซึ่งเริ่มจัดที่จังหวัดชลบุรีเป็นแห่งแรกเนื่องจากเป็นศูนย์ กลางทางเศรษฐกิจเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในภาคตะวันออกของไทย เป็นจังหวัดที่มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ เขตนิคมอุตสาหกรรมในหลายพื้นที่ และเป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกที่เป็นเส้นทางผ่านสำคัญ ในการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับประเทศอื่น ๆ
นายสุชาติ กล่าวว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ผลตอบรับดีมาก มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 150 คน จากผู้เข้าร่วมการสัมมนาทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม เกษตรกร ผู้ประกอบการ ที่อยู่ในจังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้ เคียงในภาคตะวันออก ตลอดจนผู้เข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์ทาง Facebook Live ของกรมฯ ซึ่งมีจำนวนกว่า 150 ท่าน “ผมอยากให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่รายเล็กให้ความสนใจศึกษารายละเอียดของความตกลงฉบับนี้ เนื่องจากเอฟทีเอ ไทย - เอฟตา เป็นเอฟทีเอฉบับแรก ที่ไทยทำกับกลุ่มประเทศในยุโรป ถือเป็น FTA ที่มีความทันสมัยและมีมาตรฐานสูงที่สุดของไทยในขณะนี้ ประกอบด้วยการเปิดตลาดสินค้า การค้าบริการและการลงทุน ตลอดจนความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์กับไทย ซึ่งจะเป็นเครื่องมือช่วยให้สินค้าไทยเจาะตลาดประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเทนสไตน์ ได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ความตกลงฉบับนี้คาดว่าจะมีผลใช้บังคับในปี 2569 ซึ่งคาดว่าไทยจะได้รับประโยชน์ในการขยายตลาดส่งออกทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม เช่น ข้าว ผักผลไม้สด อาหารทะเลแปรรูป อัญมณีและเครื่อง ประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์พลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วน อาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงลดต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบ เช่น ชีส เนยแข็ง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการส่งออกกลุ่มอาหารแปรรูป
ในปี 2567 เอฟตา เป็นคู่ค้าที่สำคัญอันดับที่ 14 ของไทย มีมูลค่าการค้ากับไทย 11,788.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.94 ของการค้าทั้งหมดของไทยกับโลก ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 19.22 โดยไทยส่งออกไป EFTA 4,225.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 3.77 และไทยนำเข้าจาก EFTA 7,563.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 37.59 ไทยเสียเปรียบดุลการค้า 3,338.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกหลักของไทยไปเอฟตา ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก กล้าและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และผลิตภัณฑ์พลาสติก
สินค้าที่ไทยนำเข้าจากเอฟตา ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วน ประกอบ เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป และเครื่องประดับอัญมณี
นอกจากนี้ นายสุชาติ ยังได้ทำการประชุมร่วมกับหอการค้าชลบุรี และยังได้พูดคุยรับหนังสือข้อเสนอแนะจากกลุ่มเกษตรกรประมงผู้เลี้ยงปลาน้ำจืด ที่ได้มายื่นหนังสือเสนอแนะการจัดทำความตกลงการค้าเสรี ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (เอฟตา) ในครั้งนี้อีกด้วย

#กระทรวงพาณิชย์ #ความตกลงการค้าเสรีไทยสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป
#เอฟตา

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Asean News Today & E-Magผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์