BioBiz Insider BioBiz Insider: บิดให้ลึก ล้วงลับให้ถึงแก่นDNAของธุรกิจเทคโนโลยีสาย Biotech

ไม่ได้เขียนมานาน วันนี้อยากมาเล่าเรื่อง regulatory sandbox สำหรับผลิตภัณฑ์ cell cultivated products (CCPs) หรือผลิตภัณฑ์...
12/03/2025

ไม่ได้เขียนมานาน วันนี้อยากมาเล่าเรื่อง regulatory sandbox สำหรับผลิตภัณฑ์ cell cultivated products (CCPs) หรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาจากการเลี้ยงเซลล์ (รวมถึงเนื้อจากเซลล์ หรือ เนื้อจากแลบ ที่หลายๆคนเคยได้ยิน)

แน่นอนว่าขั้นตอนการพิจารณาเรื่องความปลอดภัยของอาหารใหม่ (novel food) ในทุกประเทศนั้นมีกฎระเบียบการพิจารณาแตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันในแทบทุกประเทศคือ “ระยะเวลาในการร่างกฎระเบียบที่ใช้พิจารณา” ค่อนข้างนาน ยังไม่รวมขั้นตอนการส่งเอกสารให้อย.พิจารณาที่เยอะ และยุ่งยากซับซ้อน

ถ้าประเทศไหนมี guidelineชัดเจน ก็ช่วยให้บริษัทปฏิบัติตามได้ง่ายหน่อย
ยิ่งไม่ชัดเจน ก็อาจต้องจบที่การจ้างที่ปรึกษาให้ช่วยดำเนินการให้

‼️ความไม่ชัดเจน/ ความล่าช้า ด้านregulatory ส่งผลอย่างไร?

ผลดี: คณะกรรมการ/ อย. ได้พิจารณาอย่างถ้วนถี่ว่าผลิตภัณฑ์นั้นปลอดภัยจริง ก่อนอนุญาตให้จำหน่าย/บริโภคในเชิงพานิชย์

ผลเสีย: ความล่าช้าในการพิจารณาทำให้บริษัทไม่สามารถออกผลิตภัณฑ์ได้ ไม่สามารถขายทำเงิน ทำตลาด ไม่ทันเทรนด์/ กระแสความสนใจของผู้บริโภค ➡️ตกรถไฟตั้งแต่ยังไม่เริ่ม มีสิทธิได้เก็บกระเป๋าออกจากบ้านเอเอฟ😅

⁉️ปัญหาเกิดจากอะไร ทำไมล่าช้า

➡️ คนออกกฎ ไม่ได้ทำงาน/ ใช้ ส่วนคนทำงานไม่ได้มีส่วนร่วมในการร่างกฎ

อย.ไม่เคยพัฒนาเทคโนโลยีอุบัติใหม่ ไม่ได้ติดตามสถายการณ์เทคฯ ไม่เข้าใจข้อจำกัดของฝั่งผู้พัฒนา แต่ดันต้องมาร่างกฎควบคุมความปลอดภัย ทำให้เหมือนนั่งเทียนเขียนครอบจักรวาลไว้ก่อน ซึ่งหลายครั้งกลายเป็นการสร้างอุปสรรคให้กับการพัฒนาเทคฯ
*ปัญหาคลาสสิค*

🧐แนวคิดที่น่าสนใจ

มาจาก FSA (Food Standards Agency/ อย.)ประเทศอังกฤษ ที่ได้คัดเลือก8บริษัทผู้ผลิตCCPsให้มาเข้าร่วมโครงการ sandbox เป็นระยะเวลา2 ปี เพื่อให้ผู้พัฒนากับregulatory expertsได้มาร่วมร่างregulationsที่เหมาะสมไปด้วยกัน

โดย8บริษัทนี้ ได้แก่ Hoxton Farms (UK), BlueNalu (USA), Mosa Meat (The Netherlands), Gourmey (France), Roslin Technologies (UK), Uncommon Bio (UK), Vital Meat (France) and Vow (Australia).

จะเห็นได้ว่ามีทั้งบริษัทในประเทศอังกฤษเองและจากต่างชาติ เลือกมาตามความหลากหลายของเทคฯที่ใช้ผลิต และยังมีความร่วมมือกับหลายภาคส่วนทั้งฝั่งมหาลัย(academic), Association ที่ทำงานด้าน alternative protein รวมถึงองค์กร NGO เพื่อให้มีมุมมองจากรอบด้าน

➡️เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ ได้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยออกสู่ปากท้องผู้บริโภค (ส่วนผู้บริโภคจะเลือกกินมั้ย ว่ากันอีกทีนะ😅)

เป้าหมายของโครงการsandboxนี้จับต้องได้ชัดเจน คือได้อย่างน้อย2 ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์ออกสู่ตลาดภายใน2 ปี

‼️ข้อเสีย/ข้อถกเถียง ในการที่เชิญบริษัทมาร่วมร่างกฎไปด้วยกัน คือ conflict of interest
ใครๆก็อยากให้ผลิตภัณฑ์ตัวเองผ่าน ก็อาจมีbiasดันเรื่องของตัวเองให้ผ่านเป็นพิเศษได้

แต่แอดฯก็ยังเชื่อว่าการมีภาคส่วนอื่นถ่วงดุลอยู่ในทีม น่าจะพอช่วยให้โปร่งใส เป็นกลางได้ระดับหนึ่ง

🇹🇭 ฝากทวงถามฝั่งไทยแลนด์
ร่างcell based meat guideline มา2ปีแล้ว จิ้มให้1ทีมวิจัยรับงานไปเขียนมา เชิญexpertsไประดมสมองแต่ไม่เปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็น ไม่มีinputจากฝั่งเอกชน หรือมุมมองจากNGO แถมคนเข้าร่วมมีแต่ทีมไทยแลนด์ ลองพิจารณาsandbox modelนี้ดูไม่เสียหายนะคะ

ศึกนี้ยังอีกยาวไกล
กับตลาด alernative proteinที่กราฟตกทุกภาคส่วน ทั้งการลงทุน ยอดขาย ความนิยม (ใครบอกยังดีๆๆรบกวนส่งข้อมูลให้แอดฯดูยอดขาย/ surveyหน่อย)

แต่ถ้าregulationsคุมกำเนิดเสียแต่ยังไม่ลงแข่ง สนามนี้ก็ไม่ค่อยน่าสนุกเท่าไหร่เลย

ได้ลงแข่งก่อนแล้วให้ผู้บริโภคเป็นตัวชี้วัดความอยู่รอด สนุกกว่า😎

The sandbox programme, funded by the Department of Science, Innovation and Technology’s Engineering Biology Sandbox Fund, will make sure Cell-Cultivated Products (CCPs) are safe for consumers before they’re sold, whilst supporting innovation in the sector.

ข่าวใหญ่!! วันนี้จริงๆ ข่าวออกตั้งแต่ค่ำๆเมื่อวานและ วันนี้เพิ่งจะมีข้อมูลเพิ่มบริษัท Xaira Therapeutics ไบโอเทคสตาร์ทอั...
24/04/2024

ข่าวใหญ่!! วันนี้
จริงๆ ข่าวออกตั้งแต่ค่ำๆเมื่อวานและ วันนี้เพิ่งจะมีข้อมูลเพิ่ม

บริษัท Xaira Therapeutics ไบโอเทคสตาร์ทอัพจาก Bay Area, California สร้างประวัติศาสตร์เปิดตัวพร้อม raise เงินจาก capital สูงสุดในรอบปี2024 มูลค่า $1 พันล้านเหรียญ (35000ล้านบาท) พร้อมติด Top3 raiseเงินสูงสุดตลอดกาล

Xaira Therapeutics เป็นบริษัท Integrated Biotechnology ที่มีการนำเอา AI tools มาใช้ใน drug discovery
Core elements ประกอบด้วย
1) Advanced Machine Learning
2) Expansive data generation เพื่อสร้างโมเดลใหม่ในการพัฒนายา
3) Robust therapeutic product development

เป้าหมาย:
1) พัฒนาplatformในการค้นพบและพัฒนายาใหม่
2) ปลดล็อคข้อจำกัดด้สนความเข้าใจทางชีวภาพ (ให้AI/ ML ช่วยทลายข้อจำกัด)

Founding team ประกอบด้วย
CEO: Marc Tessier-Lavigne, former CSO Genentech (บริษัทBiotechใหญ่จากแคลิฟอร์เนีย) แบะ former president Stanford University (ที่โดนบังคับให้ลาออกเนื่องจากมีส่วนร่วมในการดัดแปลงข้อมูลวิจัย สมัยที่อยู่ที่genentech)
Executive team: 2 คนจาก Genentech 1 คนจาก Institute for Protein design

Lead investors:
-ARCH Venture Partners นำโดย Robert Nelsen (เคย backed ให้หลายบริษัท เช่น Illumina, Juno Therapeutics, Bluebirdbio)
-Foresite Labs เน้นลงทุน เทคที่transform วิธีการค้นพบและพัฒนายาใหม่
ตามด้วย co-investors อีกหลายเจ้า

น่าสนใจว่า
1) elements ที่ propose ไม่ได้แปลกใหม่ เพราะ AI/ ML in drug discovery ติดเทรนด์ความสนใจด้านการลงทุนมาตั้งแต่ 2022-2023 แล้ว
Ref: https://www.mckinsey.com/industries/life-sciences/our-insights/what-early-stage-investing-reveals-about-biotech-innovation #

2) Founding team: น่าสนใจ genentech ค่อยข้างเป็นบริษัทbiotechที่ well known และ powerfulในฝั่งแคลิฟอร์เนีย แต่ข่าวฉาวที่ออกมา เรื่องการปลอมแปลงผล พนง ระดับสูงลาออก/ หนีออกนอกประเทศก็มี ค่อนข้างแปลกๆ แล้วตอนนี้มารวมตัวจัดตั้งบริษัทใหม่ โดนเครดิตไม่เสีย raiseเงินได้ขนาดนี้ น่าสนใจมากๆว่าเพราะอะไร

3) lead investor: สำคัญมากที่ต้องหา the right match ให้เจอ เพราะlead investorsทั้งสองเจ้า เน้นลงทุน+สร้างบริษัทไปด้วยกัน และมองระยะยาว ไม่เน้นquick win (ซึ่งต่างจากinvestorบ้านเรา😅) ที่สำคัญคือ ทั้งสองทีม เป็นทีมที่เข้าใจเทคฯ และอยู่ในวงการจริง ไม่ได้ข้ามสายมาลงทุน ไม่ได้FOMO
แต่ $1B ถือเป็นแต้มพนันที่สูงมาก อยากรู้เหมือนกันว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้กล้าลงเงินเยอะขนาดนี้
ทั้งที่เทคฯไม่ต้องการ infrastructure ไม่ต้องลงทุนจ้างคนเยอะแบบไปทำงานโรงงาน ไม่ต้องมีฝ่ายขาย แต่ต้องมี right talentsที่เชี่ยวชาญจริงๆ ยังไม่ร่อยเข้าใจว่าเอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะ😅

แอดฯ จะจับตามองบริษัทนี้ แล้วไว้มาอัพเดตกันอีกที
ว่า Hype or Hope😊

ที่มาข่าว:
https://finance.yahoo.com/news/xaira-therapeutics-launches-deliver-transformative-230000900.html

ฝากไปถึงทีมงานท่าน เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin นะคะลองอ่าน consumer report เรื่อง alternative protein ดู แล้วพิจารณ...
22/02/2024

ฝากไปถึงทีมงานท่าน เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin นะคะ
ลองอ่าน consumer report เรื่อง alternative protein ดู แล้วพิจารณาว่าเราควรมีdirectionเรื่องการทำ R&D plant based meatแบบไหนนะคะ
>> https://www.facebook.com/share/suSZggWgL1Am1CCa/?mibextid=WC7FNe

เพราะไทยไม่ได้มีfacility/ เครื่องมือผลิตขั้นสูง extrusion ยกเว้นในบริษัทเอกชนใหญ่ๆ แต่คนของเราอยากลองชิมมากสุดในอาเซียน จัดเป็นกลุ่มenthusiasts งั้นก็น่าจะขายได้ แต่ขายได้จริงมั้ย ลองถามพวกแบรนด์ต่างๆที่ออกมาทำตลาดแล้วดูค่ะ เปิดตัวเลขยอดขายดูน่าจะรู้ แอดฯไม่มีข้อมูลค่ะ

>> เอาของที่มีในตลาดแล้ว มาหาทางทำให้อร่อย healthy และราคาเอื้อมถึง น่าจะง่าย เร็ว ประหยัดกว่าลงทุนตั้งแต่ต้นน้ำมั้ยนะคะ?

ตลาด plant basedมันซาแล้วค่ะ
ถ้าจะทำ ต้องทำต่างกว่าคนอื่นในตลาด ทำได้ทำเลยค่ะ แต่อย่ากระโจนไปลงเงินสร้างแต่ infraไม่รู้เอาไปทำอะไรต่อค่ะ

ปล ในน้ำมีปลาในนามีข้าว อย่าทะนงตนคิดว่าเรามี food securityสูงนะคะ
>> https://impact.economist.com/sustainability/project/food-security-index/explore-countries/thailand

นอกจาก ยังต้องมี and ด้วยค่ะ

‼️ข่าวใหญ่‼️สตาร์ทอัพจากอิสราเอล บุกไทย จับมือกับบางจากสร้างโรงงานผลิตเนื้อจากแลบ >> ภัยคุกคามปศุสัตว์ไทย?ใจเย็นก่อนสู!!...
22/02/2024

‼️ข่าวใหญ่‼️
สตาร์ทอัพจากอิสราเอล บุกไทย จับมือกับบางจากสร้างโรงงานผลิตเนื้อจากแลบ >> ภัยคุกคามปศุสัตว์ไทย?

ใจเย็นก่อนสู!!
อย่าอ่านแต่พาดหัวข่าว
(เค้าก็ไม่อ่านที่แกเขียนยาวๆหรอกแอดฯ)

ค่อยๆดูกันไปทีละเรื่องนะ
1)บริษัท Aleph Farms จากอิสราเอล จับมือกับ Fermbox Bio(india) และ BBGI (บางจาก ไทย) ร่วมกันสร้างสถานที่ผลิตเนื้อจากเซลล์

❓ ทำไมต้องไทย

1)มีThai Union backed เป็นinvestorให้มาสักพักละ ก็น่าจะอยากมาทำตลาดในไทยและSEAถิ่นที่ตัวเองถนัด
2)ไทยน่าจะถูก ทั้งที่ดิน ค่าจ้าง แรงงาน วัสดุอุปกรณ์
3)บอกว่าจะใช้ expertise ของ BBGI ที่ทำ biofuel มาก่อน มาช่วย leverage
**อันนี้แอดฯไม่เห็นด้วย** fermentation/ mamalian cell processing มันคนละระบบกัน ไม่น่าเป็นskill/ tech transfer ได้
4)เอาจริงๆจาก consumer study ล่าสุด ไปอ่านในโพสต์ก่อนหน้านี้ >> https://www.facebook.com/share/qv1y2RmmR9GtN1Dc/?mibextid=WC7FNe
คนไทยเป็นกลุ่มที่กล้าลองและอยากลองผลิตภัณฑ์ alternative protein มากสุดใน SEA น่าสนใจที่จะเริ่มจากไทย แต่ regulationsยังไม่มานะจ๊ะ

‼️เคลมว่าผลิตได้มากสุด2ล้านพาว ต่อปี

ใจเย็นๆน้า
ทุกวันนี้คนที่ทำที่สเกล 500L ได้แบบสำเร็จด้วยดี ยังมีแบบนับหัวได้เลย
2000-5000L อย่าคิดว่าทำกันง่ายๆและจะได้ผลลัพธ์ตามสูตรคำนวน
จะเอาเลขที่ได้จากในสเกล 5L/10L มาเคลมแล้วคูณ 1000เท่า มันไม่ได้เน้ออ

อีกทั้งการลงทุนสร้างfacilityแบบนี้ ในบรรยากาศที่การลงทุนถดถอย แม้ว่า aleph farmsจะraiseมา 141ล้านแล้ว ไม่พอหรอกต้องอาศัยเงินลงทุนจาก capitalจำนวนมาก
📣แอดฯได้แต่ภาวนาว่า รัฐบาลไทยอย่าบ้าไปลงทุนตามมมมมมมม ขอร้องงงงงงงงงง ทำ due diligenceดีๆ📣

การลงทุนในเทคฯที่ไม่สามารถ scale upได้ และคาดหวังว่าสักวันจะมีคน crack the code มันพังกันมาหลายแล้วว หาอ่านเอาข้างล่างนะ
(เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือ…)

‼️ณ ปัจจุบัน ไม่มีประเทศไทน ขายโปรดักส์cell based meatแล้วนะจ้ะ เพราะผลิตไม่ได้จ้า
กลับไปเป็นโปรดักส์สำหรับ tasting ตามเดิม

>>https://agfundernews.com/whats-next-in-the-legal-spat-between-abec-and-good-meat-eat-just-over-unpaid-bills

>>https://agfundernews.com/aleph-farms-partners-with-bbgi-fermbox-bio-in-thailand-as-part-of-step-by-step-de-risking-process-for-cultivated-meat?fbclid=IwAR2VZSotI58Wur39Qe1Iw6VVoE9JpwkvXtvyEiHDgR_vsChuH-dmah9zW2M_aem_AVLhYeiWoN6X2xO1y0qoWuFkz5j58IDckNjtfrueG_588SIrmgb_YvLzYhdj_Tg8aEI

😱 2)อิสราเอลจะมาdisruptเกษตรกรไทย

อย่าเพิ่งตื่นตูมมมมมม
เค้ามาสร้างโรงงานก็ต้องทดสอบ ทดลองระบบ ดูว่าผลิตได้จริงอย่างที่เคลมมั้ย
อีกทั้ง อย เพิ่งเริ่มจัดทำguidanceมาได้ไม่ถึงปี ยังไม่รู้จะส่งออกยังไง หรือจะยอมให้ขายในไทยได้มั้ย ยังเถียงกันไม่จบเลย น่าจะอีกหลายยก
มันไม่ได้วันนี้สร้างโรงงาน พรุ่งนี้ผลิตขายเองหรอก

3)แอดฯเป็นใครทำไมกล้าออกมาพูดว่าใจเย็นๆ😂
แอดฯก็เป็นคนที่ร่วมพัฒนาเทคฯนี้มาเองกับมือ เข้าใจข้อจำกัด ความท้าทายเป็นอย่างดีและแอดฯเป็นนักวิจัย เชื่อในสิ่งที่เห็นตรงหน้า กับดาต้าที่มี ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาให้หลายทีม ก็ให้ข้อมูลตามความจริงไม่อวยยศ และพยายามไม่negativeจนเกินไป แอดฯไม่สนใจเคลมในสื่อที่ออกข่าว แอดฯเองก็ติดตามวงการนี้มาตลอด และน่าจะเป็นคนแรกๆในไทยที่เอาเรื่องlab grown meatมาพูดด้วย ตั้งแต่สมัย 2016

ถ้าถามแอดฯ ณ วันนี้

เอกชนมีเงิน อยากลงทุนทำไรก็ตามสะดวกเถอะ ทุกคนลงเงินเพื่อหวังผลตอบแทนทางใดทางนึงอยู่แล้ว

แต่ขอเตือนรัฐฯไทย อย่าFOMO อย่าเอาเงินภาษีประชาชนไปลงกับสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ จามสถานการณ์ไม่ทัน เพราะแอดฯเองก็เป็น1ในคนที่จ่ายภาษี ขอเรียกร้องแค่จุดนี้แหล่ะ
งานเสกลระดับนี้ขอให้เงินที่ถ้าจะพังก็เป็นเงินคนรวยที่มาจากcapitalเถอะ

Aleph Farms has teamed up with biomanufacturing specialists BBGI and Fermbox Bio to produce cultivated meat in Thailand.

วันนี้แอดฯไปฟังwebinar เรื่อง consumer research for alternative protein in South East Asiaมาค่ะ>> https://gfi-apac.org/n...
21/02/2024

วันนี้แอดฯไปฟังwebinar เรื่อง consumer research for alternative protein in South East Asiaมาค่ะ

>> https://gfi-apac.org/new-data-reveals-surprising-market-opportunities-for-plant-based-meat-in-southeast-asia/

น่าจะเป็นstudyที่สมบูรณ์ที่สุดที่เคยมีมาแล้วมั้ง เก็บข้อมูลจากกว่า6000ตัวอย่าง จาก6ประเทศ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย *ในไทยไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยมีทำstudyเชิงลึกแบบนี้ 😅

ขอขิงเลยว่า แอดฯมีส่วนร่วมในstudyนี้ partประเทศไทย 😊
(ขอเหอะ เพราะบอกให้รัฐฯไทยทำ ไม่ทำ ก็เลยรับงานทำให้ต่างชาติสะเลย🙄)

ที่เถียงๆกันว่าจะทำผลิตภัณฑ์plant based จะทำโปรตีนแมลง จะทำนู่นนี่นั่น…
ผลักดัน จัดอบรม จัดbootcamp จัดอีเว้นมากมายมหาศาล…
บริษัทใหญ่ๆก็แข่งกันออกผลิตภัณฑ์ ตีแคมเปญ หมดเงินไปเท่าไหร่…

ถามว่าขายใคร!?!?
ไม่มีใครตอบได้😅

บ้างบอกขายวีแกนไง >> วีแกนไม่กิน มันกินผัก
อ่ะมังสวิรัต >> กลุ่มนี้อาจจะได้
อ่ะๆๆๆ flexitarian ใช้คำหรูหน่อย พวกอยากเปลี่ยน อยากลดการกินเนื้อ หาตัวเลือกอื่น

บ้างบอกว่าจะส่งออกไปตีตลาดข้างนอก (นอกไหน? นอกโลก?) คนไทยไม่กินหรอก อาหารเราอุดมสมบูรณ์?

แต่ประเด็นคือไอที่เถียงๆกันมา ไม่ตรงกับสถานการณ์จริงเลย😅
ยอดขายทั่วโลกตก
ยอดขายในไทยเงียบ (ยกเว้นช่วงกินเจ) เซลส์กันกระหน่ำเลยในซุปเปอร์
บางยี่ห้อถอดของออกจากห้างแล้ว เช่น impossible foods
ยอดการลงทุนไม่ต้องพูดถึง ตก!
ยอดคนเป็นvegan/ vegetarian ตกด้วย
คนกลับมากินเนื้อเหมือนเดิม

Studyนี้บอกหลายประเด็นที่น่าสนใจ

1) ไทยนี่แหล่ะ คือแหล่งรวมตัวของ enthusiasts หรือกลุ่มคนที่พร้อมจะเปิดรับผลิตภัณฑ์ alternative proteinมากที่สุด รวมถึงเป็นกลุ่มที่กินอยู่แล้วด้วยและพร้อมจะกินมากกว่าเดิมด้วย

และๆๆๆ

ไม่ใช่เพราะพี่ไทยอยาก go veganนะจ๊ะ
พี่ไทยรักเนื้อ อยากกินเนื้อ และอยากกินเนื้อมากกว่าเดิมอีก แต่ๆๆๆ
ยิ่งแก่ ท้องยิ่งไม่ย่อยจ้า
ขออะไรที่ย่อยง่าย ดีต่อสุขภาพ เลยคิดว่าโปรตีนพืชตอบโจทย์
>> ที่บอกให้ไปขายนอกโลกอ่ะ มาอ่านรีพอร์ตแล้วคิดดูใหม่นะ😂

2) สิงคโปร์ ประเทศที่อาหารแพงดั่งทอง ไม่สามารถผลิตอาหารเองได้ มีนโยบายขับเคลื่อนอาหารทางเลือก มีกฎหมายเปิดรองรับให้ขายอาหารที่ผลิตด้วยเทคฯใหม่ๆ

แต่ๆๆๆๆๆ

ผู้บริโภคเค้า จัดเป็นกลุ่ม Skeptics/ Rejectors!!

เหตุผลหลักคือ กลัวเรื่องการดัดแปลง สารเสริมต่างๆ รวมถึงคิดว่าไม่อร่อย และๆๆๆ price sensitive ไม่น่าเชื่อ! แพงไม่อยากกิน พูดเหมือนตัวเองกินของถูกอยู่😂😂

3)เรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม/ animal welfare ไม่ใช่driverสำคัญ ในการดึงดูดใจให้คนมาเลือกโปรตีนทางเลือก

เหตุผลหลักคือเรื่อง “ดีต่อสุขภาพ อร่อย และ affordability”

4) ตลาดใหญ่แบบอินโดนีเซีย ไม่ใช่ตลาดของโปรตีนทางเลือกจ้า คนเยอะจริง แต่ไม่affordable ก็ไม่กินจ้า

5)คนระแวกนี้ เกินครึ่งคือกลุ่มที่ maintainปริมาณเนื้อที่กิน และมีแนวโน้มว่าจะกินเนื้อเพิ่มจ้า มากกว่ากลุ่มที่พยายามลดการบริโภคเนื้ออย่างมีนัยสำคัญ

#ภาพที่สร้าง กับ #ความจริงที่เป็น
ตรงกันมั้ยจ๊ะ? 😂
จะทำธุรกิจ จะอัดฉีด นโยบาย สนับสนุนอะไร
อย่าคิดไปเอง อย่าทำแต่projection
จะเอาของไปขายใคร ถามคนใช้ คนกิน ด้วยจ้าา
เค้าอยากได้อะไร?

เราว่าไทยมีเชฟเก่งๆเยอะ
และมีความหลากหลายของรสชาตอาหาร
ถ้าจะเป็นครัวโลกจริง
ไม่ต้องลงแรง ลงเงินทำตั้งแต่ต้นน้ำก็ได้นะ
Productในตลาดมีเพียบบบบบบ
ขอแค่ทำให้อร่อย ราคาน่ารัก คนรอกินมีอยู่แล้ว

ย้ำ!!
ขอให้อร่อย และ ราคาน่ารัก เชิดชูเรื่อง ดีต่อสุขภาพ!!

อาจต้องวางบทบาทประเทศให้ถูกทางมั้ย?
เงินทองมีไม่มาก เอามาใช้ให้ถูกจุด ไม่ใช่ใช้ทุกจุด?

อยากให้ไปdiscuss studyนี้แบบละเอียด
ชวนแอดไปคุยได้นะคะ
เงินมา งานเดินจ้า 😊

#โปรตีนทางเลือก #โปรตีนจากพืช

This report examines current and projected rates of plant-based meat adoption, health motivations, high- and low-interest consumer segments, and sentiments on new categories like blended meat. With this roadmap in hand, industry stakeholders can more strategically satisfy consumer demand and capital...

บางงานวิจัย/ บางไอเดีย ควรค่าแก่การเป็นแค่ “งานวิจัย” เป็น proof of concept ไว้ตีพิมพ์เปเปอร์เก๋ๆ ไว้บอกว่าเราทำได้เป็นค...
15/02/2024

บางงานวิจัย/ บางไอเดีย
ควรค่าแก่การเป็นแค่ “งานวิจัย” เป็น proof of concept ไว้ตีพิมพ์เปเปอร์เก๋ๆ ไว้บอกว่าเราทำได้เป็นคนแรกของโลก 👏🏻👏🏻

แต่ไม่เหมาะเป็นsolution
ไม่เหมาะเป็นธุรกิจ
ไม่คู่ควรกับเงินลงทุนจาก capital จำนวนมากมายมหาศาล

เพราะสิ่งสำคัญของการยกระดับงานวิจัยสู่ธุรกิจคือ “problem-solution fit”

ถ้าปัญหาในเรื่องนี้คือการเพิ่มnutrition/ protein/ fat/ umami flavor
>>มันมีหลากหลายsolutionsให้เลือกสรรซึ่งราคาถูกกว่าการเลี้ยงเซลล์😬 i.e. ผงโรยข้าว MSG ตัดต่อพันธุกรรมข้าว etc

เซลล์มีหน้าที่เติบโตและ differentiate ไปเป็นกล้ามเนื้อ/ ไขมัน
ถ้าเซลล์ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่
ได้ผลิตภัณฑ์ที่อร่อย คุณค่าทางโภชนาการครบ ราคาเอื้อมถึง ผลิตระดับ commercial scaleได้ และกระบวนการผลิตไม่ราคาสูงจนไม่คุ้มค่า
มันคู่ควรที่จะได้ไปต่อ เป็นความหวังของมนุษยชาติ ในการผลิตอาหาร

ถ้าเอาเซลล์ไปเป็นแค่ supplement
โรยผงชูก็พอค่ะ😂

ไม่ได้อยากจะ negative
แต่การจะพัฒนาโปรดักส์ที่ทำเพื่อขาย
ต้องมองเป็นธุรกิจที่หวัง return
Return ทั้ง “เงิน” และ “impact” ของงาน
ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ต้องถูก plug inเข้าในสมการ เวลาทำ impact pathway/ business model canvas ด้วยค่ะ

ฝากไว้ เป็นอีก 1 มุมมองให้นักวิจัยลองพิจารณาดูค่ะ

https://www.nature.com/articles/d41586-024-00398-w?utm_medium=Social&utm_campaign=nature&utm_source=Twitter&fbclid=IwAR1E9eVjYsBrt8EizX9ZTMENGPTqLnTP4LSLr9pfsC0AOkogjT4uKDesnPw_aem_AVo8rrBclqJV-3DNBNvMhAwA-AKyb8dFsnibkiu2VYvF8Ygs31Yg2mjcWkzXprTDdeE =1707929178

The laboratory-grown food uses rice as a scaffold for cultured meat.

แอบแคปมาจาก Mckinsey report เกี่ยวกับเรื่อง cell therapy แต่ไม่ว่าจะเทคโนโลยีไหนๆ มันต้องตอบโจทยสิ่งที่ขาด และแตกต่างอย่...
03/01/2024

แอบแคปมาจาก Mckinsey report เกี่ยวกับเรื่อง cell therapy

แต่ไม่ว่าจะเทคโนโลยีไหนๆ มันต้องตอบโจทยสิ่งที่ขาด และแตกต่างอย่างมีมูลค่า Value proposition ต้องชัด ไม่ใช่ทำตามๆกัน แล้วหวังผลต่าง (❌doing the same thing and expecting giant leaps)

ที่สำคัญ เมื่อแตกต่างอย่างมีมูลค่า ขึ้นมาเป็นนักวิ่งแถวหน้าแล้ว ยังต้องวิ่งอึด วิ่งทน วิ่งได้ไกล อีกด้วย
Strategyที่ลงกับstartupตั้งแต่วันแรกๆต้องมองยาวไปอีกหลายปี (2-3ปีน้อยไปบอกเลย)

สมัยนี้ VC ต้องเลิก FOMO ลงเพราะกลัวตกเทรนด์ แต่สายตาต้องแหลมคม ลงกับทีมที่มีของจริงๆไม่hype
Startupต้องเข้าใจตลาดก่อนเสนอขายเทคฯที่ไม่มีตลาดไม่มีคนซื้อ มีความต่างชัด โดดเด่นจากคนอื่นในocean ถ้าถามว่าต่างยังไงแล้วตอบไม่ได้ ปล่อยผ่านได้เลย คุยไม่รู้เรื่อง😅 และตั้งเป้าเป็น “อูฐ” ไม่ต้องฝันเป็น unicorn (overhype) สมัยนี้ winter seasonมันหนาววววและยาวนานนน เก็บน้ำไว้กินไม่พอ ตุยก่อนแน่นอน

เล็กๆน้อยๆ เก็บตกมาจากreportที่เขียนดี อ่านสนุกจาก Mckinsey บวกปสก.ส่วนตัวของแอดฯที่เคยเป็นทีมงาน biotech startup/venture builder และที่คุยๆกับ early stage startupและ VC investorทั้งหลายมา วงการนี้สนุกดี😊

ขำๆวันหยุดค่ะเนิร์ดแค่ไหน ถามใจดู🤓ทำไมตอนเราเด็กๆไม่มีอะไรแบบนี้ให้เล่นบ้างนะ😅ไว้วันหลังจะมาแชร์ข้อมูลที่น่าสนใจมากกก หล...
17/12/2023

ขำๆวันหยุดค่ะ
เนิร์ดแค่ไหน ถามใจดู🤓

ทำไมตอนเราเด็กๆไม่มีอะไรแบบนี้ให้เล่นบ้างนะ😅

ไว้วันหลังจะมาแชร์ข้อมูลที่น่าสนใจมากกก หลายประเด็น เกี่ยวกับ Advanced Therapeutic ค่ะ

ส่วนพิกัดเลโก้ ไม่มีให้แชร์ ใครหาเจอ เปิดว๊าปให้ด้วยนะคะ

เมื่ออาทิตย์ก่อน แอดฯได้มีโอกาสไปดูงาน VISTEC x VISUP Igniting the Deeptech Revolutionซึ่งเป็นทั้งงานประกาศการร่วมลงทุนใ...
15/12/2023

เมื่ออาทิตย์ก่อน แอดฯได้มีโอกาสไปดูงาน VISTEC x VISUP Igniting the Deeptech Revolution

ซึ่งเป็นทั้งงานประกาศการร่วมลงทุนในบริษัท วิสอัพ จำกัด ระหว่าง
- สถาบันวิทยสิริเมธี
- บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ท็อป เวนเจอร์ส จำกัด
- บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด

และงาน Demo Day โชว์ผลงานวิจัย Deeptech ที่กำลังบ่มเพาะ และที่ผ่านการบ่มเพาะจน spin-off ออกมาเป็นบริษัท จำกัด แล้ว ต้องบอกว่าโมเดลการปั้น Deeptech Startup ของ VISTEC และ VISUP น่าจับตามองมากๆ effective และเป็นไปได้จริง ทั้งจากการสัมภาษณ์นักวิจัยที่ผ่านกระบวนการบ่มเพาะและ Spin-off แล้วพบว่ามีฟีดแบคที่ดีมากด้วย

สำหรับใครที่ไม่รู้จักสถาบันวิทยสิริเมธี หรือ VISTEC และ บริษัท VISUP
VISTEC ตั้งอยู่ที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง ไม่ได้ทำตัวเหมือนมหาวิทยาลัย หรือวิทยาลัยทั่วไป แต่รับหน้าที่หลักในการบ่มเพาะบุคคลากร ผ่านโปรแกรมการศึกษาใน 4 โรงเรียน ได้แก่
1. School of Biomolecular Science and Engineering
2.Energy Science and Engineering
3.Information Science and Technology
4.Molecular Science and Engineering

VISTEC ไม่เน้นแข่งขันในประเทศ แต่มุ่งเน้นแข่งขันในระดับนานาชาติ และเน้นสร้างบุคลากรให้เป็น global citizen ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน เรียนฟรีไม่มีค่าบำรุงการศึกษา มี Visiting Professor และ Prof.ประจำชาวต่างชาติสอนร่วมกับอาจารย์ไทย ดำเนินการสอนระดับป.โท และ ป.เอก เพื่อสร้างนักวิจัยที่มี Entrepreneurial spirit พร้อมส่งออกไปสร้างนวัตกรรมผ่านการจัดตั้ง startup หรือเข้าไปทำงานภาคอุตสาหกรรม สถาบันวิจัย ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมถึงสถาบันในต่างประเทศ

VISUP เป็นบริษัทจำกัด ที่ทำตัวเป็น CVC/ Angel Investor ให้เงินสนับสนุนงานวิจัยของ VISTEC ในขณะเดียวกันก็เป็น Venture Builder บ่มเพาะและสร้าง Entrepreneurs ผ่าน incubator program ช่วย matching government grantที่เหมาะสมให้นักวิจัย และในขณะเดียวกันก็เป็น startup co-founder เล่นจริง เจ็บจริงกับนักวิจัยด้วย พร้อมทำตัวเป็น sandbox ให้นักวิจัยล้มบนฟูก แล้วลุกขึ้นสู้ต่อเสมอ
ปัจจุบันมีทีมที่ผ่านการบ่มเพาะกับ VISUP และ spin-off ออกมาเป็นบริษัทแล้ว 4 ทีม ได้แก่

1.VISAI : AI platform ที่จะช่วยสร้าง AI solutions ให้ผู้คนหลากหลายอาชีพ (Partner กับ Depa และ SCB10X)
Target group คือกลุ่ม Knowledge worker ที่สามารถเอา platform นี้ไปช่วยทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ด้วย อันนี้ส่วนตัวอยากได้มาใช้ทำงาน consult มากๆ เวลาต้องการดึงข้อมูลจำนวนมาก และจัดเก็บข้อมูลแบบมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยในขั้นตอนวิเคราห์ข้อมูล น่าจะช่วยลดเวลาและแรงงานในการรวบรวมชุดข้อมูลได้มากเลยทีเดียว

2.SensAI : AI technology & sensor for Healthcare Industry เป็นระบบ monitoring ที่มาช่วย track หรือ screen โรค ตัวที่โดดเด่นและมีการใช้งานแล้วคือระบบตรวจวัดการนอนหลับ ที่ปัจจุบันมีใช้ในโรงพยาบาลแล้ว (Partner กับรพ.พระรามเก้า) รวมทั้งมีโมเดลธุรกิจให้เช่าใช้ สำหรับบริษัท หน่วยงานที่ใส่ใจสุขภาพการนอนของพนักงาน รวมถึงโมเดลต่อยอดให้เช่าใช้ได้ที่บ้าน ไม่ต้องไปโรงพยาบาล ดูแล้วน่านำไปต่อยอดกับธุรกิจ Wellness and Tourism มากๆ กำลังอิน กำลังมา ถ้าชาวธุรกิจโรงแรม หรือขายเครื่องนอน เอาไปใช้เป้น 1 service พิเศษให้กับลูกค้าที่อยากพักผ่อน และได้ดูแลสุขภาพ/ checkup ตัวเองไปในตัว น่าจะเป็นโมเดลต่อยอดธุรกิจที่สร้าง revenue ให้บริษัทได้อีกทาง

3.Cleantech & Beyond : Digital Temperature Inducator (DTI) ที่มีการใช้งานจริงแล้วในระบบโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องมีระบบแจ้งเตือนความผิดปกติของอุณหภูมิ (partnerกับ IRPC) จากการสอบถามทีมงานเพิ่มเติม พบว่า MVP สามารถตรวจจับอุณหภูมิ range สูงได้ดี และจะมีการต่อยอดในอุณหภูมิ rangeต่ำในโปรดักส์รุ่นต่อไป น่าสนใจที่ว่าเรื่องการตรวจจับอุณหภูมิที่ผิดปกติ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับหลายอุตสาหกรรม ทั้งภาคอุตสหากรรมหนัก เครื่องจักร หรือภาคอุตสาหกรรมอาหาร ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาความสดหรือคุณภาพสินค้า หรือแม้กระทั่งการแพทย์ ที่หลายครั้งต้องพึ่งพา logistics ในการขนส่งเครื่องมือ/ ยา ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เห็น potential ในการต่อยอดได้มากมาย

4.Biosynthai Biotechnology : Conversion of bio-wastes into higher value chemicals and materials “ถังสุดดี”ระบบกำจัดขยะอาหารแบบยั่งยืน sustainable สุดใช้เอนไซม์ชีวภาพ ให้เกิดการย่อยสลายตามธรรมชาติ ไม่ใช้พลังงานตั้งต้น ไม่ปล่อยก๊าซที่ทำลายสิ่งแวดล้อม มีใช้แล้ว 33 จุดทั่วประเทศ มีแผนนำไปติดตั้งตามโรงเรียน สถานศึกษา ฯลฯ จริงๆ Biosynthai ทำตัวเป็น platform technology ที่ทำ Biosynthesis เล่นได้หลากหลาย ทำเอนไซม์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เกษตร เล่นเรื่องสิ่งแวดล้อมและ sustainability ที่กำลังเป็นเทรนด์ ก็ได้ ถ้าทำโมเดลธุรกิจดีๆ ต่อยอดได้อีกไม่สิ้นสุดเลยค่ะ

ข้อดีของคนที่ทำ platform technology คือไหลตามโจทย์ได้หมด ผลิตอะไรก็ได้ดั่งเสกเอา อาศัยความเชี่ยวชาญของนักวิจัย แต่ข้อเสียคือ ถ้าไม่มีโจทย์ที่ impactแรงพอจากภาคอุตสาหกรรม หรือทีมไม่ศึกษาตลาดว่าต้องการความช่วยเหลือด้านไหน ตีโจทย์ไม่แตก สร้างrevenueไม่ได้มากพอ ก็จะกลายเป็น platform ร้างๆที่ไม่มีผลงานเด่นชัด ไม่มีจุดขายค่ะ

นี่แค่ตัวอย่างหอมปากหอมคอ 4 ทีม ยังมีงานอื่นๆใน pipelineอีกมากนะคะ sensor ชุดตรวจโรคทางการแพทย์ CRISPR technology ฯลฯ คุยสนุกทั้งงานเลยค่ะ

อีก 1 จุดที่อยากชื่นชม VISUP คือเค้าเป็น Co-founder กับนักวิจัยเลยนะคะ ลงเงิน pre-seed ให้เอาไปตั้งตัว ช่วง 5 ปีแรก ถ้าล้ม ไปไม่รอด ก็กลับมาทำโปรเจคอื่นใหม่ เข้าโหมด incubatorไป ใครบอกว่าเอาเปรียบนักวิจัย แอดฯเถียงนะ เพราะincubator/ accel อื่นๆจ้องแต่จะขอแบ่งหุ้น บ้างก็ให้ loan บ้างก็ dilute equity ทุกรอบจนสุดท้าย founderแทบไม่เหลืออะไร แถมไม่ได้ช่วยจริงจังแบบ skin in the game ด้วย โมเดลนี้น่าสนใจมากกว่า และplay safe กว่าสำหรับ founderมือใหม่ค่ะ ความเห็นส่วนตัวแอดฯนะ

นอกจากนี้คือการชูเอา Tripple Helix Model การสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ มหาวิทยาลัย และเอกชน เข้าร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี/ Innovation ถ้าทำได้จริงแบบเป็นรูปธรรม ประสานกลมเกลียว ผลประโยชน์ลงตัวทุกฝ่าย นี่แหล่ะที่จะมาปิดgapการพัฒนา deeptechได้อย่างแท้จริง

วันนี้พาทัวร์ VISTEC x VISUP กันพอหอมปากหอมคอ VISUP เพิ่งจัดตั้งได้ไม่กี่ปี แต่ strong goals และ Back up โดย partners ที่แข็งแกร่งมากด้าน Deeptech นะคะ ขอปรบมือให้ passion ของทีมงานและนักวิจัย ที่สัมผัส energy ได้ดีตลอดงาน และเป็นกำลังใจให้ model บ่มเพาะสตาร์ทอัพแบบกล้าสู้กับระดับโลกนี้ ประสบความสำเร็จนะคะ

ไว้ VISUP อยากทำ Incubator ที่โฟกัสด้าน Biotech เรียกแอดฯนะคะ แอดพร้อม!!

ประเทศไทยหา angel ด้าน Biotech ไม่มีเลยค่ะ ถ้าไม่มีโมเดลล้มบนฟูก เจ็บตัวน้อยหน่อย Biotech ไทยไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ วนขึ้นหิ้งต่อไป

Foundational research ไม่สำคัญ? จริงเหรอ?ที่เห็นด้านล่างนี่คือ Timeline และ milestone ของ CAR-T technologyเทคฯใหม่ที่จะม...
14/12/2023

Foundational research ไม่สำคัญ? จริงเหรอ?

ที่เห็นด้านล่างนี่คือ Timeline และ milestone ของ CAR-T technology
เทคฯใหม่ที่จะมารักษามะเร็ง ทั้งมะเร็งเม็ดเลือด และมะเร็ง solid tumors แบบพุ่งเป้า

จากจุดเริ่มต้น ถึงวันที่productแรกได้approvalให้ใช้รักษาในมนุษย์ จนเกิดเป็น next generation of product ตอนนี้พูดกันไปถึงเจนฯ5 แล้ว

มันใช้เวลา 40ปี+ ค่ะ!!

(นวจ ที่ทำวิจัยพื้นฐานตั้งแต่แรกเริ่มอาจตายไปก่อนได้เห็นผลงานการต่อยอดงานวิจัยของตัวเองอีก)

40ปี ที่เอาความรู้พื้นฐานมาต่อยอดทีละเล็กทีละน้อย
เพื่อเรียนรู้ว่าอุปสรรค/ burden/ challenge ที่ต้องก้าวข้ามให้ได้ มันก็งอกไปเรื่อยๆ ก็ตามแก้ ตามปรับไปเรื่อยๆ จนจุดที่มันพร้อมและปลอดภัยมากพอ ให้ได้เอามาใช้รักษาจริง

ไม่ต้องพูดถึงงบประมาณที่ลงไปกับงานวิจัยพื้นฐาน

มหาศาลค่ะ!!

และแน่นอน ผลิตภัณฑ์นั้นก็ราคาขายมหาศาลเหมือนกัน จนหลายคนไม่สามารถ afford without subsidies

ฝากข้อความไปถึงเบื้องบนที่กำหนดนโยบาย+จัดงบวิจัยนะคะ
งานวิจัยพื้นฐาน แบบพุ่งเป้า เพื่อเกิดimpactระยะยาว จำเป็นต้องมีค่ะ
แต่ต้องมีคนที่มองการต่อยอดออกตั้งแต่ day1
เข้าใจโจทย์จาก real worldจริงๆ
ประเมินความเสี่ยงเป็น และชงเรื่องขึ้นถูกทางแบบไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง
เงินที่มี ที่จัดสรรงบประมาณ อย่าลงเงินแค่เพื่อเช็ค KPI
อย่าลงเงินแค่เพื่อมันต้องลงตามชาวบ้านเค้า
อย่าลงให้ทุกทีมที่ขอมาทำเรื่องคือๆกัน😅
เก่งจริงจับคนเก่งมาทำงานร่วมกันให้ได้ค่ะ เงินเรามันน้อย ลงกระจายคนละ10-20ไม่ได้งานหรอก
ร่วมด้วยช่วยกันทำ ลงทีละพัน ละหมื่น ค่อยได้เนื้องานหน่อย

อย่าตั้งแต่กรอบงบประมาณ แบบต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่บังคับเน้นตีพิมพ์เปเปอร์/ จดIP แต่ไม่มีเทคฯ/ knowledge ที่เอาไปต่อยอดได้ เน้นจำนวน ไม่เน้นคุณภาพ

ไม่ต้องพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ค่ะ เพราะงบทั่วประเทศ ยังไม่พอสำหรับบริษัทpharma1บริษัทที่raiseสำหรับงานวิจัยด้านนี้เรย

หน่วยทุน หน่วยนโยบาย ขอเหอะ!
ช่วยทำ product/ technology journey/ Impact pathway/ feasibility study/ market survey

ทำเถอะ ทำไม่เป็นก็จ้างconsultที่ทำเป็นช่วยทำค่ะ
คณะกรรมการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงฯเยอะแยะ
เค้าไม่ได้รู้จัดindustryแบบถ่องแท้
บางท่านเก่งและเชี่ยวชาญจริง แต่ไม่เคยมีindustry experienceซึ่งค่อนข้างสำคัญในการมองภาพกว้าง journey ของการพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านการแพทย์ที่ใช้เวลาและงบประมาณมหาศาล

ถ้าไม่มีงบมากพอให้ wasted หรือ flush down the toilet ปรึกษาผู้รู้ คุยกับคนวงในค่ะ
หรือไม่ก็รอต่อไปค่ะ
รอซื้อเทคฯคนอื่นใช้
เทกันทำresearchซ้ำอยู่ไม่กี่เรื่อง
งานอื่นๆในpipelineที่ให้เอาไปต่อยอดแทบไม่มี
เพราะเงินสนับสนุนพุ่งเป้าแต่เรื่องที่…(อยากรู้ว่าใครเลือก ใครกำหนด เลือกจากอะไร)

รอเลยค่ะ
อีก3-5ปีมีออกมาให้ซื้อใช้กันอีกเพียบ
มูลค่าหลายแสนเหรียญ
แต่พอให้นวจไทยทำ กดราคา เอาให้ได้ในเกณฑ์ที่ระบบประกันสุขภาพจ่ายได้😅
ถ้าจะทำแบบนั้น ขอเงินวิจัยแบบให้เปล่าหนาๆนะคะ เพราะบริษัทอยู่ไม่รอด ต้องแสวงหาผลกำไรค่ะ

ฝากไว้พอหอมปากหอมคอ นะจ๊ะ

29/11/2023

US FDA เตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยของ CAR-T cell therapy ใน approved products 6 ชนิด และกำลังทำ Investigation เกี่ยวกับผลที่ทำให้เกิด T-cell malignancies

ถ้า JKN ยื่นล้มละลายสาย Foodtech เห็นจะมียักษ์ใหญ่อย่าง Eat Just ที่น่าจะตามไปในเร็วๆนี้Eat Just คือบริษัทสตาร์ทอัพยักษ์...
24/11/2023

ถ้า JKN ยื่นล้มละลาย
สาย Foodtech เห็นจะมียักษ์ใหญ่อย่าง Eat Just ที่น่าจะตามไปในเร็วๆนี้

Eat Just คือบริษัทสตาร์ทอัพยักษ์ใหญ่ด้าน alternative proteinทั้ง plant based และ cell-based (AKA Good Meat)
Raiseมากสุด $850M
เป็นเจ้าแรกที่ได้approveขาย cell-based meat product ที่สิงคโปร์และที่อเมริกา

มาก่อน เงินหนา ไม่ได้ดีไปหมดทุกอย่างนะ

มันเป็นกระแส มาตีขึ้นมาช่วงโควิดที่คนขาดอาหาร อาหารแช่แข็งเลยเป็นคำตอบอีก1ทางเลือก

แต่ด้วยราคาที่สูง
costในการผลิตสูง
sorce of supply จำกัด
ยังผลิตสเกลได้ไม่ใหญ่พอที่จะ bring the price down
รสชาตอาจไม่ได้ถูกใจผู้บริโภคส่วนใหญ่

ทำให้เทรนด์มันเด้งกลับ คนที่เป็นวีแกน เปลี่ยนใจกลับไปกินเนื้อ
โปรดักส์ความนิยมตก
Investorชะลอการลงทุน
หมุนเงินไม่ทัน ก็ไม่มีตังค์จ่าย vendorและ manufacturer เอวังด้วยการโดนฟ้อง

ฝากเตือน ชาววงการ #สตาร์ทอัพ และ #โปรตีนทางเลือก
FOMOได้ แต่ตามเทรนด์ให้ไว อย่าหลงอยู่ใน lavender land นะจ๊ะ

https://www.wired.com/story/eat-just-financial-problems/?fbclid=IwAR1aurnYgkEYHoQeyedNoCc628_q2nkkV7LUwK8C8AhTikTHy8HLFFpShrA_aem_AU5ptlRR-_5qfOZUyFyXk1EH4kzeoYvfuah91bKWxJ6Wru0lM2h_8lFTLVTOlf0uAtw

Vegan egg and lab-grown-meat startup Eat Just is being sued for more than $100 million. Former employees allege that’s just the start of its problems.

ที่อยู่

Phra Nakhon

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00
เสาร์ 09:00 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ BioBiz Insiderผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์