SUM UP SUM UP | NEWS ON THE GO.
'Explanatory Content Creator'
สื่อออนไลน์ของคนใฝ่อ่าน ความรู้ บันเทิง
ศิลปะ และข่าว เพื่อเข้าใจคน เข้าใจโลก
read: www.sumupth.com

Spirit of Thailand ใน BKKIFFเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ กลับมาในรอบ 16 ปีเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2025 กลับมาอี...
30/09/2025

Spirit of Thailand ใน BKKIFF
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ กลับมาในรอบ 16 ปี
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2025 กลับมาอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปเกือบ 16 ปี โดยครั้งนี้ได้จัดขึ้นภายใต้คณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ ตามนโยบายการสนับสนุนของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงาน THACCA (Thailand Creative Culture Agency) ร่วมมือกับโรงภาพยนตร์ทุกเครือในกรุงเทพมหานคร จัดงานเปิดเทศกาลครั้งยิ่งใหญ่ โดยจัดฉายภาพยนตร์ "ธี่หยด 3" เปิดเทศกาล พร้อมงานเดินพรมแดงสุดอลังการ ณ โรงภาพยนตร์ ICON CINECONIC ศูนย์การค้า ICONSIAM พร้อมด้วยทัพนักแสดงในวงการภาพยนตร์หลากหลายเรื่อง ทั้งจากสมาคมนักแสดงแห่งประเทศไทย, นักแสดงจากธี่หยด 3, ผู้กำกับจากสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย มาร่วมงานเฉลิมฉลองในธีม Spirit of Thailand ในโอกาสที่ประเทศไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์สำหรับหลากหลายประเทศจากทั่วโลก ซึ่งเทศกาลครั้งนี้มีภาพยนตร์กว่า 200 เรื่องเข้าร่วมฉายในเทศกาลตลอดระยะเวลา 19 วัน
นายดรสะรณ โกวิทวณิชชา ผู้อำนวยการเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพมหานคร และนางสาวพิมพกา โตวิระ Executive Director เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพมหานคร สองหัวเรือใหญ่ของงานนี้ได้ร่วมแถลงในงานถึงใจความสำคัญ ในการสร้างเวทีที่ทำให้ภาพยนตร์ต่อยอดไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม ทั้งในเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ที่รักในศิลปะภาพยนตร์ทุกภาคส่วนร่วมกัน
กิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากการจะได้ชมภาพยนตร์ Special Screening สุดพิเศษและคลาสสิกซึ่งหาชมได้ยากอย่าง KOKUHO ภาพยนตร์ระดับคุณภาพจากประเทศญี่ปุ่น, No Other Choice ภาพยนตร์จากประเทศเกาหลีใต้ที่เพิ่งชนะรางวัลสิงโตทองคำ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิส และเรื่องอื่น ๆ จากทั่วโลกตลอดเทศกาลแล้ว ในเทศกาลยังมีการจัดเวทีเสวนาของบุคลากรในอุตสาหกรรม การประกวดภาพยนตร์ในสาขาต่าง ๆ รวมไปถึงการจัด Film Market หรือตลาดซื้อขายภาพยนตร์ เพื่อเปิดโอกาสทางธุรกิจระดับภูมิภาคและระดับโลกให้กับนักทำหนังอีกด้วย
พบกับ Bangkok International Film Festival 2025 ได้ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน – 15 ตุลาคม 2568 ณ โรงภาพยนตร์ทั่วกรุงเทพ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทางของ BKKIFF ทุกช่องทาง
เรื่อง : พิพัฒน์ วัฒนพานิช
ภาพ : ณภัทร ปัญกาญจน์
กราฟิก : มณฑล ชลสุข

----------
อย่าลืมกด 'FOLLOW' 👆 เพื่อติดตาม SUM UP
จะได้ไม่พลาด 'ความรู้' และ 'ข่าวสาร' ที่สนุกและเป็นประโยชน์
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----
#เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ



#กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
#กระทรวงวัฒนธรรม
#เทศกาลภาพยนตร์



'ฟังใจจัด 2025' เทศกาลดนตรีหูเคลือบทองจากคอมมิวนิตีดนตรีที่ขอกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้งสำหรับสายฟังเพลงไทยนอกกระแส คงไม่ม...
30/09/2025

'ฟังใจจัด 2025' เทศกาลดนตรีหูเคลือบทอง
จากคอมมิวนิตีดนตรีที่ขอกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง
สำหรับสายฟังเพลงไทยนอกกระแส คงไม่มีใครไม่รู้จักกับ 'ฟังใจ (Fungjai)' แพลตฟอร์มที่คอยซัปพอร์ตศิลปินและวงการดนตรีทั้งในกระแสและนอกกระแสมาอย่างยาวนาน ผ่านหลากรูปแบบการทำงานที่ช่วยให้เข้าถึงผู้ฟังในทุกระดับ และทุกความสนใจ จนอยู่มาได้ถึงปีที่ 11 แล้ว
และในปี 2568 พวกเขากลับมาอย่างสดใหม่ ทั้งการ Rebranding ตัวเอง ผ่าน Logotype ที่มีความพิเศษ จากการออกแบบของ 'ไทป์-ธนชาติ ครองยุติ' หรือ 'Type Designer' เป็นผู้สร้างสรรค์จาก Motto ที่ว่า 'Music Intergrator' หรือผู้เชื่อมต่อผู้คนด้วยเสียงเพลง และได้ออกมาเป็น Logotype ที่ตัวอักษรแต่ละตัวเชื่อมโยงกันเสมือนเส้นใย Mycelium ที่อยู่ในอาณาจักรเห็ด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อแพลตฟอร์มดังกล่าว ผสมผสานกับการซ้อนทับกันของภาพแสง สายไฟ สายเครื่องดนตรีบนเวทีคอนเสิร์ต และการไหลของทำนอง แรงสั้น การสอดผสานกันที่เกิดจากเสียงดนตรี
รวมถึงการจัดเทศกาลดนตรี 'ฟังใจจัด 2025' ที่จัดขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในชื่อ 'ฟังใจจัด เด้อlivery 2025' ทั้งใน จ.อุดรธานี, จ.อุบลราชธานี, จ.ขอนแก่น และ ที่โคราช จ.นครราชสีมา จนมาถึงที่สุดท้ายอย่างกรุงเทพมหานครแห่งนี้ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ณ centralwOrld Live ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีศิลปิน และชาวอาณาจักรฟังใจมากมายที่ร่วมประสบการณ์หูเคลือบทองครั้งนี้
และในอนาคตอันใกล้ ฟังใจเปิดเผยว่าทศวรรษใหม่ของพวกเขาจะสร้างคอมมิวนิตีทางดนตรีให้แข็งแรงขึ้นมากกว่าเดิม และจะเดินหน้าสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปี ส่วนรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น ฟังใจขอให้แฟน ๆ ติดตามกันต่อไปเรื่อย ๆ นับจากวันนี้
เรื่อง : ศุภณัฐ เลิศรักษ์กุล
ภาพ : ณิชกมล สุขเจริญโชค
กราฟิก : มณฑล ชลสุข

----------
อย่าลืมกด 'FOLLOW' 👆 เพื่อติดตาม SUM UP
จะได้ไม่พลาด 'ความรู้' และ 'ข่าวสาร' ที่สนุกและเป็นประโยชน์
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----
#ฟังใจจัดเด้อlivery2025
#ฟังใจจัด2025
#ฟังใจ


#เทศกาลดนตรี



30/09/2025

รู้จัก 'อารยะขัดขืน' หรือ 'Non-Violent Action'


#อารยะขัดขืน

#อำนาจรัฐ
#รัฐบาล
#ประชาชน
#สิทธิในการต่อต้านรัฐ
#ม็อบ
#ชุมนุมประท้วง
#การเมืองไทย


30/09/2025

ตัวกำหนด 'ค่าคาร์บอน' ที่ทำให้การรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยตัวเอง เป็นเรื่องยากไปเลย


#ค่าคาร์บอน
#ก๊าซเรือนกระจก
#ภาวะโลกร้อน
#ภาวะโลกเดือด
#ปัญหาสิ่งแวดล้อม

#คุณภาพชีวิต
#ลดใช้พลาสติก

"เด็กดื้อระวังโดนเฆี่ยน"สิงคโปร์ใช้การเฆี่ยนด้วยหวายคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าอย่างไร? ถึงแม้สิงคโปร์จะเป็นชาติแรก ๆ ในเอเชียตะว...
30/09/2025

"เด็กดื้อระวังโดนเฆี่ยน"
สิงคโปร์ใช้การเฆี่ยนด้วยหวายคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าอย่างไร?
ถึงแม้สิงคโปร์จะเป็นชาติแรก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการเตือนถึงความอันตรายและออกมาตรการคุมเข้ม 'บุหรี่ไฟฟ้า' แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นไม่ต่างจากประเทศอื่น ๆ มิหนำซ้ำบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการดัดแปลงโดยผสมสารเอโทมีเดต ซึ่งถูกนำมาใช้ในลักษณะเป็นสารเสพติดยังแพร่หลายเพิ่มมากขึ้น ทำให้สิงคโปร์หันมาเพิ่มความเข้มงวดกับการควบคุมการเสพและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น
ออง เย กุง (Ong Ye Kung) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จำเป็นต้องมีกฎหมายที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าได้กลายเป็นช่องทางไปสู่การใช้สารเสพติดที่ร้ายแรง รัฐบาลจึงเพิ่มบทลงโทษสำหรับการสูบบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมกำหนดให้ยาที่มีสารเอโทมีเดตเป็นยาควบคุมประเภท C เป็นระยะเวลา 6 เดือน ขณะที่ผู้ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าทั้งแบบผสมสารเสพติดหรือแบบธรรมดา ต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวน 500 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 12,000 บาท
ในส่วนของผู้ที่จัดจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมของสารเสพติด มีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี และเฆี่ยนตีอีก 15 ครั้ง ไม่เว้นแม้แต่นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักในสิงคโปร์ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตอยู่อาศัยและใบอนุญาตทำงาน ในบางกรณีอาจถูกสั่งเนรเทศหรือห้ามเข้าสิงคโปร์ตลอดชีวิต ซึ่งกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ไปตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนแล้ว
ทว่าประเด็นที่น่าสนใจไม่ใช่การเพิ่มโทษกรณีการจำหน่ายหรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าในสิงคโปร์ แต่เป็นการที่บทลงโทษของเขายังคงใช้ 'การเฆี่ยน' เป็นหนึ่งในการรับโทษตามกฎหมาย ซึ่งได้รับอิทธิพลมาตั้งแต่สมัยที่ตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ ส่งผลให้มีการปฏิบัติเรื่อยมาจากค่านิยมในสังคมสิงคโปร์ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นระเบียบและเข้มงวด เนื่องจากมองว่าการเฆี่ยนตีเป็นหนึ่งในการลงโทษที่ได้ผลเร็วและเป็นการข่มขู่ไม่ให้กระทำความผิดซ้ำ
ไม่ใช่แค่การตีมั่ว ๆ เพื่อข่มขู่หรือทำให้อับอาย แต่การลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีถูกกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (Criminal Procedure Code) ของสิงคโปร์แบบเฉพาะ โดยมีการกำหนดให้คดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การข่มขืนกระทำชำเรา การปล้นทรัพย์ การทำลายทรัพย์สินของรัฐ และการลักลอบเข้าเมืองเท่านั้นที่สามารถลงโทษด้วยการเฆี่ยน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีข้อจำกัดในการลงโทษอยู่ โดยจะละเว้นโทษด้วยการตีให้แก่ผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
นอกจากนี้ ลักษณะของหวายที่นำมาใช้ในการลงโทษต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1.27 เซนติเมตร โดยในการลงโทษแต่ละครั้งต้องมีจำนวนการโบยไม่เกิน 24 ครั้งต่อหนึ่งคดี ในกรณีที่ผู้รับโทษเป็นผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป และไม่เกิน 10 ครั้งต่อหนึ่งคดี ในกรณีที่ผู้รับโทษเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18
ถึงแม้จะดูเด็ดขาดและได้รับความนิยม แต่การลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีด้วยหวายยังคงได้รับการตั้งคำถามในเชิงจริยธรรมถึงความเหมาะสม เนื่องจากถูกมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้องค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ประณามการเฆี่ยนตีว่าเป็นการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถึงแม้ว่าสิงคโปร์จะเป็นส่วนหนึ่งของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและปฏิบัติหรือลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment) ก็ตาม
เรื่อง : กนกวรรณ เชียงตันติ์
ภาพ : มณฑล ชลสุข

----------
อย่าลืมกด 'FOLLOW' 👆 เพื่อติดตาม SUM UP
จะได้ไม่พลาด 'ความรู้' และ 'ข่าวสาร' ที่สนุกและเป็นประโยชน์
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----
#บุหรี่ไฟฟ้า
#สารเสพติดร้ายแรง
#คดียาเสพติด
#ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
#เฆี่ยนด้วยหวาย
#การเฆี่ยน
#การลงโทษ
#สิงคโปร์


30/09/2025

"...ใกล้ฉัน" ทริกการตลาดคำค้นหา ที่สนองความต้องการลูกค้าอย่างเรียบง่าย


#ใกล้ฉัน
#ธุรกิจใกล้ฉัน
#ร้านอาหารใกล้ฉัน
#พฤติกรรมทางสังคม
#คำค้นหา

#การตลาด



เปิดฉาก BKKCAW 2025 ด้วย 'Climate Parade'ขบวนลดคาร์บอน เน้นการเดิน-วิ่ง-พาย-ปั่น ทั่วกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568...
30/09/2025

เปิดฉาก BKKCAW 2025 ด้วย 'Climate Parade'
ขบวนลดคาร์บอน เน้นการเดิน-วิ่ง-พาย-ปั่น ทั่วกรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกับองค์กรกว่า 180 แห่ง ร่วมเปิดตัวโครงการ 'Bangkok Climate Action Week 2025' หรือ 'สัปดาห์การขับเคลื่อนด้านสภาพภูมิอากาศกรุงเทพฯ ประจำปี 2568' และนี่ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการจัดกิจกรรมนี้ขึ้น
โครงการดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่รวมตัวของพลเมือง และมีเป้าหมายในการสร้างความตระหนักรู้ และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศของเมือง เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน โดยใช้พลังความคิดสร้างสรรค์ และความมุ่งมั่นของผู้คนทุกกลุ่ม ทุกช่วงอายุ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบนิเวศใหม่ สำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ ที่จะทำให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นพื้นที่แห่งความหวัง ความร่วมมือ และการลงมือทำด้วยพลังของผู้คนได้อย่างแท้จริง
รวมถึงในวันเปิดตัวโครงการ ยังมีกิจกรรม 'Climate Parade' ขบวนพาเหรดลดคาร์บอนที่เคลื่อนที่ผ่านเส้นทางในขบวนด้วยการเดิน-วิ่ง-พาย-ปั่น จากวัดสระเกศ ป้อมมหากาฬ สะพานหัน และจบที่มิวเซียมสยาม ซึ่งเป็นจุดเปิดตัวโครงการที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ มีผู้เข้าร่วมขบวนหลักร้อยคนเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
"ขอบคุณที่ช่วยกันทำให้ Bangkok Climate Action Week นี้เกิดขึ้นจริง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การใส่ใจเรื่องสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมจะไม่ใช่แค่กิจกรรมในสัปดาห์นี้ แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมประจำวันของเราทุกคน เพื่อโลก เพื่อเมือง และเพื่ออนาคตของลูกหลานเรา" 'ชัชชาติ สิทธิพันธุ์' ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในวันเปิดตัวโครงการนี้
สำหรับใครที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม 'Bangkok Climate Action Week 2025' จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 กันยายน - 4 ตุลาคมนี้ โดยมีพื้นที่จัดงานหลักอยู่ที่หอศิลปกรุงเทพฯ และสวนเบญจกิติ และมีกิจกรรมให้เข้าร่วมมากกว่า 200 กิจกรรม สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ page: Bangkok Climate Action Week และเว็บไซต์ www.bangkokclimateactionweek.org
เรื่อง : ศุภณัฐ เลิศรักษ์กุล
ภาพ : กัปตัน จิรธรรมานุวัตร
กราฟิก : มณฑล ชลสุข

----------
อย่าลืมกด 'FOLLOW' 👆 เพื่อติดตาม SUM UP
จะได้ไม่พลาด 'ความรู้' และ 'ข่าวสาร' ที่สนุกและเป็นประโยชน์
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----




#สภาพภูมิอากาศกรุงเทพฯ
#กรุงเทพมหานคร
#ข่าววันนี้


[SUM UP x The Principia]"แฟนอยู่ไกล แต่ใจโฟกัสถึงเธอ"วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง Selective Attention"มองเธอสาวเธอสวยฉันจึงได้ม...
30/09/2025

[SUM UP x The Principia]
"แฟนอยู่ไกล แต่ใจโฟกัสถึงเธอ"
วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง Selective Attention
"มองเธอสาวเธอสวยฉันจึงได้มอง
หากเธอไม่สวยฉันจะไม่มอง
หากเธอไม่แจ่มฉันจะไม่จ้อง
ฉันจะไม่มองให้หัวใจเต้น♫"
เนื้อเพลงที่คุณได้อ่านไปเมื่อสักครู่ เป็นส่วนหนึ่งของเพลง 'มอง' ที่ร้องโดย พันจ่าอากาศโท สุรพล สมบัติเจริญ หรือ 'ราชาเพลงลูกทุ่ง' ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเพลงนี้สื่อถึงอาการของชายคนหนึ่งที่จ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยสะดุด จนต้องหันหน้ามามองเธอผู้นั้นอย่างไม่วางตา โดยมโนภาพของเพลงนี้นั้นชวนให้นึกถึงมีมหนึ่งที่โด่งดังมาก ๆ อย่าง 'Distracted boyfriend'
Distracted boyfriend เป็นภาพมีมที่ดัดแปลงมาจากภาพของช่างภาพชาวสเปน Antonio Guilliem ที่ชาวเน็ตใช้เพื่อสื่อถึงความไม่ซื่อสัตย์ของความสัมพันธ์ หรือเปรียบเทียบเรื่องความสนใจในลัทธิใดลัทธิหนึ่งที่มีความแตกต่างอย่างสุดขั้ว เช่น ทุนนิยม-สังคมนิยม โดยเรื่องราวที่เราจะมาเล่ากันในวันนี้ไม่ใช่ประเด็นทางสังคม หรือความรัก ความสัมพันธ์ที่แสนจะซับซ้อน แต่เราจะมาพูดถึง 'Selective Attention' หรือ 'ความสนใจแบบเลือกสรร'
แล้วสิ่งที่เรียกว่าความสนใจแบบเลือกสรรคืออะไร? และเราทุกคนมีสิ่งนี้หรือไม่
ก่อนที่เราจะตอบว่าความสนใจแบบเลือกสรรนี้คืออะไร เราอยากให้ทุกคนลองนึกถึงสถานการณ์สมมติว่าตอนนี้คุณกำลังอยู่ในผับ หรือสถานที่ที่ใช้เสียงดังมาก ๆ กับเพื่อนของคุณ ในตอนนั้นเราแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงเพลงในผับที่ดังกระหึ่ม แต่ว่าน่าแปลก ท่ามกลางเสียงที่ดังนั้นคุณกลับสามารถพูดคุยกับเพื่อนได้รู้เรื่อง หรือตอนที่เราอยู่ในงานเลี้ยง หรือโต๊ะอาหารในวันรวมญาติที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยจากคนนู้นคนนั้น มีเสียงจานช้อนกระทบกัน แต่เราก็ยังคุยกับคู่สนทนาได้ อาการที่เราสามารถโฟกัสกับอะไรบางอย่างได้ท่ามกลางสิ่งเร้าที่วุ่นวายอีรุงตุงนังนี้แหละ คือความสนใจแบบเลือกสรรที่เราจะกำลังจะเล่าถึงในวันนี้
ความสนใจแบบเลือกสรร คือ กระบวนการทางความคิด หรือทางประสาทของสมองที่เลือกที่จะสนใจบางอย่างโดยตัดสิ่งเร้าที่ไม่จำเป็นรอบตัวออกไป เพื่อให้สามารถโฟกัสงานหรือสิ่งที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแตกต่างจากภาวะตาบอดจากการขาดสติที่เกิดจากการจดจ่อกับอะไรบางอย่างมากเกินไป กล่าวคือ ท่ามกลางโลกที่ประกอบไปด้วยสิ่งเร้าที่เรียกความสนใจของเราจนจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่างได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น ด้วยเหตุนี้สมองจึงเลือกที่จะตัดสิ่งเร้ารอบตัวที่ไม่เกี่ยวข้อง และให้สปอตไลต์หรือความสนใจในสิ่งนั้น ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว โดยนักวิทย์ฯ เผยว่า ทักษะนี้อาจเกิดจากข้อจำกัดข้อมูลที่สมองสามารถรับได้ต่อวินาที แต่สิ่งเร้าที่เข้าสู่สมองมีมากกว่าขีดจำกัด สมองจึงสั่งให้ร่างกายสร้างระบบที่ตัดสิ่งเร้าที่ไม่จำเป็นออกไป
พฤติกรรมความสนใจแบบเลือกสรรของมนุษย์ถือเป็นมรดกที่เราได้รับมาจากบรรพบุรุษ ในตอนที่มนุษย์ก็ไม่ต่างจากอาหารอันโอชะของผู้ล่า ถึงแม้เราจะไม่มีดวงตาที่ดีเลิศ หรือประสาทการฟังที่เยี่ยมยอด แต่ด้วยการเลือกสรรที่จะรับรู้ในสิ่งเร้าที่มีอยู่มากมายทำให้เรารู้ว่าผู้ล่าอยู่ใกล้เรา และให้เตรียมพร้อมระวังภัย ถึงแม้ในปัจจุบันมนุษย์แทบไม่เจอผู้ล่าแล้วก็ตาม ความสามารถนี้ก็ยังถูกถ่ายทอดมา นั่นจึงเป็นที่มาของความสามารถที่ทำให้เราได้ยินบทสนทนาของอีกฝ่ายได้ แม้จะอยู่ในที่ที่มีสิ่งรบกวนมากมายก็ตาม
🟠 การทดลองเพื่อเปิดที่มาของความสนใจ
โคลิน เชอร์รี นักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาพฤติกรรมที่ผู้คนสามารถติดตามบทสนทนาบางช่วงได้อย่างไร ในขณะที่ไม่สนใจบทสนทนาอื่น ๆ หรือที่เธอเรียกว่า 'งานเลี้ยงค็อกเทล' โดยในการทดลองนี้ผู้ร่วมทดลองจะได้รับข้อความเสียงสองข้อความพร้อมกัน โดยแต่ละข้อความจะนำเสนอต่อหูแต่ละข้าง จากนั้นเชอร์รีจะขอให้ผู้เข้าร่วมตั้งใจฟังข้อความใดข้อความหนึ่ง แล้วทวนสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง พบว่า ผู้เข้าร่วมการทดลองสามารถบอกถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของข้อมูลได้ เช่น การเปลี่ยนเสียงของผู้พูดจากผู้ชายเป็นผู้หญิง หรือการเปลี่ยนแปลงของความถี่ที่ใช้ แต่ในการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง อาทิ การเปลี่ยนภาษาระหว่างข้อความและการเล่นย้อนกลับกะทันหัน เป็นสิ่งที่ผู้เข้าร่วมกับไม่สามารถแยกแยะได้ ซึ่งผลการทดลองในครั้งนี้ต่อมาได้ถูกต่อยอดมาเป็นแบบจำลองเพื่ออธิบายที่มาของพฤติกรรมความสนใจแบบเลือกสรรเอาไว้
แบบจำลองแรกสุดที่ได้ถูกหยิบยกมาคือ แบบจำลองตัวกรองของ โดนัลด์ บรอดเบนต์ ที่กล่าวถึงการมีตัวกรองเพื่อกำหนดว่าข้อมูลใดที่ควรพิจารณา ซึ่งทำให้สิ่งเร้าบางอย่างถูกลดทอนความสนใจลง ในขณะที่สิ่งเร้าที่เราสนใจ ตัวกรองจะยอมให้ผ่านมาได้ แม้ว่าแบบจำลองของบรอนเบนต์จะสามารถอธิบายพฤติกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่เทรย์แมนกลับเสนอว่า แทนที่จะใช้ตัวกรองเพื่อควบคุมว่าสิ่งใดคือสิ่งที่เราสนใจ ระบบความคิดของสมองเลือกที่จะลดทอนสิ่งเร้าแทน โดยตัวลดทอนสัญญาณนี้จะทำงานคล้าย ๆ กับตัวควบคุมระดับเสียงในลำโพง ที่เราสามารถลดระดับของเสียงใดเสียงหนึ่งได้ แต่ไม่ใช่การตัดเสียงนั้นไปทั้งหมด กล่าวคือ เราสามารถลดระดับของเสียงและความเข้มข้นของสิ่งเร้าที่เราไม่สนใจให้ต่ำลงได้ จนไม่จำเป็นต้องสนใจ
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบางกลุ่มกลับมองว่าแบบจำลองของบรอนเบนต์ไม่เพียงพอ และความสนใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติทางกายภาพของสิ่งเร้าเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่าง ท่ามกลางงานเลี้ยงในขณะที่คุณกำลังสนใจบทสนทนาของเพื่อน จู่ ๆ ก็มีคนเรียกคุณ แล้วคุณก็หันไปสนใจสิ่งเร้าใหม่นั้นทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้สนใจมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอแบบจำลองการเลือกจดจำของความสนใจ โดยในปัจจุบันนักจิตวิทยาก็ได้คิดแบบจำลองใหม่ ซึ่งพวกเขาอาศัยแนวคิดที่ว่า "ความสนใจเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด และทรัพยากรนั้นจะถูกแบ่งออกตามแหล่งข้อมูลที่แข่งขันกัน" ดังนั้นเราจึงมีปริมาณความสนใจคงที่ เราจึงต้องจัดสรรความสนใจที่มีอยู่ให้กับงานหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ
แม้ปัจจุบันเราจะไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่าความสามารถอย่างการเลือกสนใจอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นเกิดจากอะไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสามารถนี้เป็นอะไรที่จำเป็นมาก ๆ ในโลกาภิวัตน์ ที่ข้อมูลและสิ่งเร้าต่างประเดประดังเข้ามาจนทำให้เราไม่สามารถมีสมาธิกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นั่นเอง
เรื่อง : พีรวุฒิ บุญสัตย์ (ป่าน The Principia)
ภาพ : มณฑล ชลสุข

----------
อย่าลืมกด 'FOLLOW' 👆 เพื่อติดตาม SUM UP
จะได้ไม่พลาด 'ความรู้' และ 'ข่าวสาร' ที่สนุกและเป็นประโยชน์
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----
#ความสนใจแบบเลือกสรร


#สมาธิ
#ระบบความคิด
#ระบบประสาท
#ประสาทวิทยา
#พฤติกรรมมนุษย์
#มีมกลายเป็นวิทย์



Joker คือสัญลักษณ์ที่คั่นระหว่างความเป็นความตายสำรับไพ่ป๊อกและปฏิทินธรรมชาติการเดินทางของซีรีส์ Alice in Bordlerland ได้...
29/09/2025

Joker คือสัญลักษณ์ที่คั่นระหว่างความเป็นความตาย
สำรับไพ่ป๊อกและปฏิทินธรรมชาติ
การเดินทางของซีรีส์ Alice in Bordlerland ได้มาถึงซีซันที่ 3 แล้ว ต่อยอดมาจากมังงะญี่ปุ่นในชื่อเดียวกัน หรือในชื่อไทยว่า "อลิซในแดนมรณะ" ซึ่งถึงแม้ตัวซีรีส์ตามเนื้อเรื่องเดิมควรจบลงใกล้เคียงกับฉบับมังงะไปแล้วในซีซันที่ 2 แต่ทาง Netflix ได้ต่อขยายเนื้อเรื่องของเกมเดิมพันชีวิตไปต่อ ด้วยการดึงเอาไพ่ใบสุดท้ายที่ยังทิ้งปริศนาเอาไว้อย่าง Joker มาสร้างเป็นเรื่องราวในซีซันใหม่ และมีความพยายามในการดึงเอาตัวละครเอกของทั้งสองตัวอย่าง "อริสุ" และ "อุซางิ" กลับไปเล่นเกมในแดนมรณะอีกครั้งด้วยจุดประสงค์บางอย่าง โดยตลอดทั้ง 6 ตอนในซีซันล่าสุดมีการกล่าวถึงความหมายของไพ่ Playing Card ที่แต่เดิมมีสัญญะสะท้อนความเป็นจริงในธรรมชาติไว้อย่างลึกซึ้ง และนำมาปรับให้เข้ากับตัวเกมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
🟣 ไพ่ป๊อกกับรากวัฒนธรรมเอเชีย
ต้นกำเนิดไพ่ป๊อก หรือในภาษาสากลเรียกว่า Playing Card นั้น คาดว่ามีต้นกำเนิดเริ่มที่ประเทศจีน ประมาณศตวรรษที่ 9 ซึ่งตรงกับช่วงราชวงศ์ถัง โดยเกมไพ่ที่ใช้หน้าเลขคำนวณประกอบกับสัญลักษณ์สี่แบบนี้ถูกทำในลักษณะของกระดาษ และใช้เพื่อเล่นเกมพนันในหมู่นักเล่นผู้ชายในสมัยนั้นที่มักจะเข้าถึงความมั่งคั่งได้มากกว่า และสนุกสนานไปกับการเดิมพันตัวเลข เพื่อดวลความฉลาดและไหวพริบระหว่างกัน
ก่อนที่การเล่นกระดาษนี้จะแพร่ไปยังอินเดีย เปอร์เซีย และเข้าสู่โซนยุโรปในศตวรรษที่ 14 ผ่านเส้นทางการค้า ซึ่งใช้เวลากว่า 600 ปีในการพัฒนารูปแบบกระดาษไปสู่การเป็นการ์ดเฉพาะทาง และในโซนยุโรปนี้เองคือผู้ที่ตกผลึกตัวเกม และพัฒนาให้เกิดโครงสร้างสำรับไพ่ Playing Card หรือที่รู้จักกันแบบไทยในชื่อ "ไพ่ป๊อก" ที่มีจำนวน 52 ใบ มีหน้าแต้ม สัญลักษณ์ และชุดไพ่เสริมเหมือนที่เราใช้เล่นกันจนถึงปัจจุบัน
🟣 จากปฏิทินธรรมชาติ สู่ความบันเทิง
หากย้อนไปในสมัยจีนโบราณ ไพ่ในสมัยนั้นมักสะท้อนวัฒนธรรมที่ผูกกับธรรมชาติแบบตะวันออก หน้าไพ่ต่าง ๆ ไม่เพียงแค่เป็นเกมกระดาษเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เพื่อทำนายโชคชะตาได้ ซึ่งคล้ายกับความเชื่อของชุดไพ่ Tarot ทางตะวันตก ไพ่จึงสะท้อนจังหวะของธรรมชาติและชีวิตของมนุษย์ โดยในสำรับไพ่ป๊อกที่มีการพัฒนาให้มี 52 ใบนั้นก็จะเท่ากับจำนวนสัปดาห์ใน 1 ปี และผลรวมของตัวเลขในหน้าไพ่ทั้งหมดก็จะเท่ากับจำนวน 365 วันอีกด้วย สัญลักษณ์ทั้ง 4 อย่าง โพดำ โพแดง ดอกจิก และข้าวหลามตัด สะท้อนธาตุทั้ง 4 และฤดูกาล และตำแหน่งการออกแบบตัวละครหน้าไพ่ให้หันหน้าเข้าหาสัญลักษณ์ทั้งสี่ของ แจ็ก แหม่ม คิง ก็ยังสะท้อนความหมายของธรรมชาติมนุษย์ ที่ต้องความมั่งคั่ง ความรู้ ความรัก ตามวัฏจักรธรรมชาติเอาไว้อย่างลึกซึ้ง
ไพ่จึงเป็นทั้งสัญลักษณ์ของจักรวาล และอุปกรณ์ความบันเทิงไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งก็สอดคล้องกับมังงะและซีรีส์ Alice in Borderland ที่ใช้หน้าไพ่เป็นตัวแทนของด่านต่าง ๆ เพื่อให้เหล่าผู้ที่ร่อนเร่อยู่ระหว่างโลกความเป็นความตายได้ทดสอบและผ่านไป เช่น ด่านไพ่โพดำ จะเป็นเกมที่เน้นพละกำลังเป็นหลัก, ด่านข้าวหลามตัด จะเป็นเกมเน้นใช้สมองในการแก้ปัญหา, ด่านโพแดง จะเน้นใช้จิตวิทยาในการผ่านด่าน ส่วนด่านดอกจิก จะเป็นเกมที่ไม่สามารถผ่านคนเดียวได้ ต้องใช้เพื่อนร่วมทีมช่วยกันผ่านด่านนั่นเอง
🟣 Joker ผู้คั่นระหว่างกลางของทุกสรรพสิ่ง
"ไพ่เ-ี้ย อะไรมีโจ๊กสองตัว" เสียงในหัวผู้ชมที่น่าจะสอดคล้องกับช่วงสุดท้ายของซีรีส์ เพราะคำอธิบายที่ชัดเจนจากตัวละครปริศนาที่กล่าวว่า หน้าไพ่ Joker เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างโลกคนเป็นกับโลกคนตาย ซึ่งก็ตรงกับความหมายไพ่ Joker แต่เดิม โดย Joker นั้นเป็นไพ่ที่อยู่นอกเหนือสำรับไพ่มาตรฐาน บางสำรับมี บางสำรับไม่มี แต่โดยทั่วไปจะมีใส่เอาไว้ให้สองใบสำหรับใช้เล่นในเกมบางรูปแบบ โดยในการคำนวณแต้มนั้น Joker มักจะไม่มีแต้มและแทนค่าเป็น 0 แต่หากตีความเป็นสัญญะแบบปฏิทินธรรมชาติ ผลรวมของแต้มหน้าไพ่ทั้ง 4 ชุดจะรวมกันจะได้ 365 วันตามจำนวนวันใน 1 ปี แต่หากนับรวม Joker เข้าไปด้วย ก็จะกลายเป็น 366 วันตามปีอธิกสุรทิน ที่เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วันนั่นเอง
ซึ่งการกระทำของ Joker ในซีรีส์ Alice in Borderland นั้นก็สอดคล้องกับความหมายเดิมของหน้าไพ่ Joker ในสำรับปกติ ที่จะหมายถึงความมีสาระและไม่มีสาระ ความฉลาดหลักแหลมและโง่เขลาเบาปัญญา ความเป็นทุกสรรพสิ่งหลอมรวม หรือในทางกลับกันคือความว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดเลย ไม่ต่างจากหลุมดำมืดที่ดูดทุกวิญญาณร่อนเร่ไปยังโลกหลังความตายในช่วงท้ายของซีรีส์นั่นเอง
เรื่อง : พิพัฒน์ วัฒนพานิช
ภาพ : มณฑล ชลสุข

----------
อย่าลืมกด 'FOLLOW' 👆 เพื่อติดตาม SUM UP
จะได้ไม่พลาด 'ความรู้' และ 'ข่าวสาร' ที่สนุกและเป็นประโยชน์
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----

#อลิซในแดนมรณะ
#สำรับไพ่

#ดอกจิก
#ข้าวหลามตัด
#โพแดง
#โพดำ




"You are the only one."'Part Time Musicians' คัมแบ็กในรอบ 9 ปีที่ 'ฟังใจจัด 2025'อ้อนแฟน ๆ ติดตามเพลงใหม่ที่อาจปล่อยในอน...
29/09/2025

"You are the only one."
'Part Time Musicians' คัมแบ็กในรอบ 9 ปีที่ 'ฟังใจจัด 2025'
อ้อนแฟน ๆ ติดตามเพลงใหม่ที่อาจปล่อยในอนาคต
ต้องบอกว่ายุคนี้คือยุคทองของ 'การกลับมาอีกครั้ง' เป็นอย่างมากในหลากหลายวงการ เพราะผลงานที่ถูกปล่อยไว้เป็นดิจิทัลฟุตปรินต์บนโลกออนไลน์นั้นสามารถกลับมาโด่งดังอีกครั้งในทุกเมื่อ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การโหยหาอดีตคือหนึ่งสิ่งที่สอดแทรกอยู่ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน จากความหอมหวาน น่าคำนึงถึง และน่าเอาใจไปปล่อยให้ได้วิ่งเล่นในช่วงเวลาแห่งความสุขเหล่านั้น จึงเป็นเหตุผลให้หลาย ๆ ผลงานที่เคยถูกปล่อยไปนานแล้ว ถูกนำกลับมาอีกครั้งไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
'Part Time Musicians' คือชื่อของวงดนตรีไทยสไตล์ Indie Folk ที่ร้องเพลงสากล ผสมผสานกับความร่วมสมัยและกลิ่นอายดนตรีจากยุค 60s ซึ่งเคยโด่งดังมากเมื่อช่วงปี 2555 ก็เป็นหนึ่งในศิลปินที่ใครหลายคนคิดถึง และอยากให้กลับมาร้องเพลงร่วมกันอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาพักวงอย่างไม่มีกำหนดไปเมื่อปี 2559 จากการที่ทุกคนมารวมตัวกันเล่นดนตรีในรูปแบบ 'Part Time' เหมือนอย่างกับชื่อวง และตัดสินใจแยกย้ายกันไปทำงานตามเส้นทางอาชีพหลักของตัวเอง
"ผมว่าทุกคนฝันอยากจะใช้ชีวิตแบบมีดนตรีเป็นอาชีพได้นะ แต่มันแทบเป็นไม่ได้ในเมืองไทย ใครทำได้ก็ถือว่าเก่ง" นี่คือคำพูดหนึ่งที่ทาง Howl Magazine ใช้เป็นประโยคเปิดบทสัมภาษณ์หนึ่งของวงเมื่อหลายปีที่แล้ว และน่าจะเป็นเหตุผลที่ดีที่จะบอกว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกจะพักวงดนตรีที่มีสถานะไม่ต่างจากงานอดิเรกไป
และอย่างที่เราเปิดหัวไป วงดนตรีที่ร้องเพลงเป็นงานอดิเรกนี้ตัดสินใจกลับมารวมตัวกันแบบ Part Time อีกครั้งบนเวทีคอนเสิร์ต 'ฟังใจจัด 2025' เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ในฐานะของ Headliner ที่กลับมาเล่นดนตรีร่วมกันอีกครั้งในรอบ 9 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นานพอสำหรับแฟนเพลงที่อาจจะไม่มีโอกาสเคยได้เห็นพวกเขาเล่นสดด้วยกัน ฟังทันแค่ผลงานที่ยังมีให้ฟังบนช่องทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์เท่านั้น
ครั้งนี้พวกเขากลับมาครบไลน์อัปทั้ง 7 คนเลย ได้แก่ แป๊ก-รัชชา วัฒนจิตรานนท์ (กลอง), จิน-วรเมธ มตุธรรมธาดา (กีตาร์), นิค-ธาฤทธิ์ เจียรกุล (ร้องนำ, กีตาร์), ปอม-ธนภณ สันติวัฒนา (เบส), แพท-วรรณรดา วิชัยธนารักษ์ (ร้องนำ), อุน-คีตา วังขจรวุฒิศักดิ์ (กีตาร์) และ วิว-อธิยา วรวิจิตราพันธ์ (ไวโอลิน) พร้อมทั้งยังนำเพลงฮิตในตำนานทุกเพลงมาร้องผ่านการ Rearrange ใหม่ทั้งหมด เรียกเสียงตอบรับจากแฟน ๆ ในฮอลล์ได้เป็นอย่างดี
พร้อมทั้งเปรยในคอนเสิร์ตว่า อยากให้แฟน ๆ ติดตามผลงานพวกเขานับจากวันนี้เป็นต้นไป เพราะการกลับมารวมกันในครั้งนี้ทำให้ทุกคนมีรูปโปรไฟล์ใหม่ มีโลโก้ใหม่ของวง รวมถึงหวังว่าหากทุกอย่างเป็นใจ พวกเขาอยากจะมีอัลบั้มเต็มร่วมกันอีกครั้งหนึ่งในขวบวัยนี้ ขอให้แฟน ๆ ติดตามผลงานพวกเขาไว้ได้เลย
เรื่อง : ศุภณัฐ เลิศรักษ์กุล
ภาพ : มณฑล ชลสุข

----------
อย่าลืมกด 'FOLLOW' 👆 เพื่อติดตาม SUM UP
จะได้ไม่พลาด 'ความรู้' และ 'ข่าวสาร' ที่สนุกและเป็นประโยชน์
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----


#ฟังใจจัด2025
#ฟังใจ



ส่องนโยบายเร่งด่วน 5 ด้าน 15 ข้อของ 'รัฐบาลหนู-อนุทิน'"ขออนุญาตนับวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นวันแรกถ้านับไป 4 เดือน ก็คือ ...
29/09/2025

ส่องนโยบายเร่งด่วน 5 ด้าน 15 ข้อ
ของ 'รัฐบาลหนู-อนุทิน'

"ขออนุญาตนับวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นวันแรก
ถ้านับไป 4 เดือน ก็คือ 31 มกราคม 2569 ยุบสภาแน่นอนครับ"
'นายอนุทิน ชาญวีรกูล' นายกรัฐมนตรีคนล่าสุด ได้กล่าวเอาไว้ขณะตอบคำอภิปรายนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของตนเอง ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ถูกมองว่าเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ และตัวเลข 4 เดือนที่ว่าก็มาจากการทำข้อตกลงระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ในตอนที่มีการขอเสียงสนับสนุนนายอนุทินนั่งเป็นนายกฯ
แต่แม้จะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ รัฐบาลชุดนี้ก็ยังมีภารกิจมากมายที่ต้องจัดทำ และสำหรับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอนุทินที่ถูกบันทึกไว้ในสมุดปกน้ำเงินมีนโยบายครอบคลุมทั้งหมด 5 ด้าน รวมทั้งสิ้น 15 ข้อ โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
🟠 ด้านเศรษฐกิจ
ปัญหาด้านเศรษฐกิจถือว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด เพราะมีความเกี่ยวข้องกับปากท้องของพี่น้องประชาชนโดยตรง สำหรับรัฐบาลอนุทินได้มีนโยบายเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจ 5 ข้อ ประกอบไปด้วย
การสร้างรายได้และการลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน : ตัวอย่างเช่น การลดค่าพลังงาน, ค่าน้ำดื่ม, ค่าโดยสาร และค่าผ่านทาง เพื่อช่วยให้พี่น้องประชาชนมีกำลังในการจับจ่ายมากขึ้น นอกจากนี้จะมีการจัดทำโครงการคนละครึ่ง (คนละครึ่งพลัส), การจัดทำให้ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับที่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็จะมีการสร้างโอกาสและความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ค้ารายย่อย, ผู้ประกอบการ และเกษตรกรชุมชน
แก้ปัญหาหนี้สิน-เพิ่มสภาพคล่อง : สำหรับการแก้ไขหนี้สินเป็นการแก้ไขหนี้สินภาคประชาชน เนื่องจากคนไทยมักจะติดกับดักหนี้ ทำให้ไม่สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ รัฐบาลจะช่วยแก้ไขหนี้รายละไม่เกิน 1 แสนบาท ส่วนการเพิ่มสภาพคล่องจะเป็นการช่วยผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยจะช่วยรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็จะมีการสร้างระบบเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับลูกหนี้ที่ชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอ
เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อย : โดยจะสนับสนุนให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลอย่างสะดวก พร้อมทั้งจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สลากเพื่อการออม
ฟื้นความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว : โดยจะสร้างความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว (เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ), จัดทำมาตรการกระตุ้นนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็จะมีมาตรการจูงใจภาคเอกชนเพื่อให้ปรับปรุงที่พักโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวผ่านกลไกภาษี
เร่งแก้ปัญหาจากผลกระทบสงครามการค้า : โดยจะมีการจัดตั้งทีมไทยแลนด์ พร้อมกับจะมีการดูแลและสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบต่อมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่รู้จักกันในชื่อ 'ภาษีทรัมป์' นอกจากนี้ก็จะมีการสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ทันสมัยและเอื้อต่อการแข่งขันทั้งในปัจจุบันและอนาคต
🟠 ด้านความมั่นคง
สำหรับนโยบายเร่งด่วนด้านความมั่นคง รัฐบาลอนุทินได้มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะยึดหลักการเจรจาทางการทูตอย่างเหมาะสม บวกกับการป้องกันประเทศอย่างเข้มแข็ง นอกจากนี้จะมีการทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา
ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะมีการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะมีการปรับแนวทางการทำงานให้รูปธรรมมากขึ้น หลัก ๆ จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน, การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ พร้อมกับจะมีการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่
🟠 ด้านสังคม
รัฐบาลจะมีการปราบปรามการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง และไม่สนับสนุนการประกอบธุรกิจการพนันให้เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย พร้อมกับจะมีการดำเนินแก้ไข พ.ร.บ.การพนันและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนันให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็จะมีการขจัดทุจริตและการประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาด รวมถึงจะมีการพิทักษ์คุ้มครองศาสนาพุทธและศาสนาอื่น ๆ
นอกจากนี้ รัฐบาลจะรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด โดยจะกำหนดให้การกระทำของเจ้าพนักงานรัฐเหล่านี้มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และจะมีการดำเนินการทางอาญา อาทิ การละเว้นการบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินการป้องกันปราบปรามยาเสพติด, การพนันออนไลน์, อาชญากรรมข้ามชาติ, การสร้างข่าวปลอม และการใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐใช้ประโยชน์ทางการเมือง เป็นต้น
🟠 ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นโยบายด้านนี้ถูกแตกแขนงออกมาเป็น 2 ข้อหลัก ได้แก่ การเร่งติดตั้งเครื่องมือและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง นอกจากนี้จะมีการเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน โดยใช้การบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันก็จะมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งคาดว่านี่เป็นรากของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ
ประเด็นถัดมาเป็นเรื่องการพยายามผลักดันให้ไทยเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ โดยจะประกาศให้บรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น 0 ภายในปี 2593 พร้อมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และจะมีการจัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้มาตรฐานสากล ในแง่ของกฎหมาย จะมีการผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้มีผลบังคับใช้เร็วที่สุด
🟠 ด้านการบริหารภาครัฐและการปฏิรูปกฎหมาย
รัฐบาลจะมีการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่มีการเชื่อมโยงกันทั้งระบบ และจะมีการผลักดันการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐ (Open Government Data) พร้อมกับจะมีการเสนอร่างกฎหมายที่ยกระดับการบริหารงานของภาครัฐ นอกจากนี้ รัฐบาลจะมีการปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคและไม่จำเป็นแก่ภาคประชาชนและภาคธุกิจที่ถูกเรียกว่า 'กิโยติน' (Guillotine)
อย่างไรก็ดี นี่เป็น 15 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอนุทิน โดยคาดว่าหลักใหญ่ใจความน่าจะมุ่งเน้นไปที่การจัดทำนโยบายด้านเศรษฐกิจ ก่อนที่จะมีการล้างหน้ากระดานการเมืองและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยคาดว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม-เมษายน 2569 เบื้องต้นคาดว่าในการเลือกตั้งครั้งถัดไป ประชาชนอาจจะต้องกาบัตรถึง 4 ใบ ได้แก่ บัตรเลือก สส. เขต, บัตรเลือก สส. แบบบัญชีรายชื่อ, บัตรลงประชามติแก้รัฐธรรมนูญ (มี 2 คำถาม) และบัตรลงประชามติยกเลิก MOU 43/44 ระหว่างไทยกับกัมพูชา
เรื่อง : วรรณรี ศรีสริ
ภาพ : มณฑล ชลสุข

----------
อย่าลืมกด 'FOLLOW' 👆 เพื่อติดตาม SUM UP
จะได้ไม่พลาด 'ความรู้' และ 'ข่าวสาร' ที่สนุกและเป็นประโยชน์
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----
#อนุทินชาญวีรกูล
#นายกอนุทิน
#นโยบายเร่งด่วน
#นโนบายเศรษฐกิจ
#รัฐบาลอนุทิน
#การเมืองไทย


'ตำรวจตรวจ Woke'ทำไมบางคนถึงเซนซิทีฟกับ Woke Content มากขึ้นหลังจากเกม Silent Hill f ถูกปล่อยออกมาให้ได้เล่นกันไม่นาน เส...
29/09/2025

'ตำรวจตรวจ Woke'
ทำไมบางคนถึงเซนซิทีฟกับ Woke Content มากขึ้น
หลังจากเกม Silent Hill f ถูกปล่อยออกมาให้ได้เล่นกันไม่นาน เสียงของผู้เล่นและแฟนเกมก็แตกออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน ซึ่งนอกเหนือจากประเด็นเกี่ยวกับเนื้อเรื่องและเกมเพลย์แล้ว ยังมีคนพูดถึงความ 'Woke' ที่สอดแทรกเข้าไปในเกม เนื่องจากมีการดำเนินเรื่องด้วยตัวละครหลักที่เป็นผู้หญิง และการพูดถึงการถูกกดทับจากสังคมชายเป็นใหญ่ ทำให้คนบางกลุ่มมองว่านอกจาก Silent Hill f จะดูแตกต่างจากแฟรนไชนส์เดียวกันแล้วยังมีความ Woke อีก
ขณะเดียวกันผู้คนอีกฝั่งหนึ่งมองว่า Silent Hill f ไม่ได้มีความ Woke จนน่าเกลียด เนื่องจากเนื้อเรื่องโดยส่วนใหญ่ถูกพัฒนามาเพื่อชูประเด็นเกี่ยวกับความทุกข์ของผู้หญิงในสังคมชายเป็นใหญ่ช่วงยุคโชวะโดยเฉพาะ ซึ่งทั้งบริบทสังคม ผู้คน รวมถึงองค์ประกอบหลายอย่างอ้างอิงมาจากประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้น Silent Hill f จึงดูไม่ 'ยัดเยียด' ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความ Woke มากขนาดนั้น เมื่อเทียบกับ Woke Content บางตัวที่ถูกเผยแพร่ออกมาในสื่อบันเทิงกระแสหลัก
ด้วยเหตุนี้เองจึงนำมาสู่คำถามที่ว่า ทำไมเกม Silent Hill f ที่ถูกประกาศออกมาตั้งแต่ต้นว่าจะมีวิธีการและธีมการดำเนินเรื่องที่ต่างออกไปจากเกมภาคหลัก ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง Woke และความไม่เหมาะสมของตัวละคร ทั้งที่มองเพียงผิวเผินก็ดูไม่ได้ Woke มากมายขนาดนั้น
🟠 เพราะกระแส Anti-Woke ทำให้คนเซนซิทีฟกับ Content มากขึ้น
พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนที่เสพคอนเทนต์บันเทิง อาทิ ดนตรี ภาพยนตร์ เกม หรือซีรีส์ ค่อนข้าง 'หลอน' กับ Woke Content ที่ถูกเผยแพร่ออกมาในช่วงนี้ เนื่องจากโดยส่วนใหญ่แล้ว Woke Content มักถูกมองว่าเป็นการยัดเยียดลงไปมากกว่าทำให้เหมาะสม จนบางครั้งก็ลดทอนอรรถรสในการรับชมลงไป อาทิ การนำตัวละครทางประวัติศาสตร์มาดัดแปลงบท หรือตีความใหม่ให้มีความหลากหลายมากขึ้น แทนที่จะทำตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง (บางคนมองว่าเป็นเสน่ห์ของการเสพคอนเทนต์แนวนี้) เนื่องจากเรื่องราวที่อิงตามประวัติศาสตร์มันยึดโยงกับประเด็นเรื่องเพศ ศาสนา วัฒนธรรม และชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ๆ จึงไม่สามารถคำนึงแค่ในแง่ของความสร้างสรรค์หรือจุดประเด็นทางสังคมได้เพียงอย่างเดียว
พอมีกระแส Anti-Woke เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับ Woke Content ทำให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการเชิดชูประเด็นด้านความหลากหลายในสังคมเกิดอาการไวต่อประเด็น และพยายามมองหาความ Woke ในแต่ละคอนเทนต์มากจนเกินไป ทำให้ในบางคอนเทนต์ที่มีการนำเสนอเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ความอิสระทางความคิดบางอย่าง หรือแม้แต่การตีความความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่ดูเป็น 'ธรรมชาติ' อาจถูกมองว่าเป็นการยัดเยียดและเหมารวมว่าเป็น Woke Content ไปด้วย
🟠 คำว่า Woke ถูกลดทอนความหมาย ยิ่งถูกนำไปแปะป้ายแบบมั่ว ๆ
อีกประเด็นหนึ่งที่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้คอนเทนต์ที่มีการนำเสนอความหลากหลายถูกมองในแง่ลบไปโดยปริยาย คือการที่คำว่า Woke ถูกลดทอนความหมาย จากการถูกตีความหรือนำไปใช้แบบผิด ๆ ทั้งที่ความหมายดั้งเดิมของคำว่า Woke พูดถึงการตื่นรู้ทางสังคมและความคิด แต่กลับถูกนำไปใช้อธิบายในเรื่องของเพศ ศาสนา และชาติพันธุ์เพียงอย่างเดียว พอคนมองคำว่า Woke ในแง่ลบก็ทำให้ประเด็นที่ดูเหมือนจะเข้าข่ายในหมวดหมู่ที่กล่าวไปข้างต้น ถูกเหมารวมว่าเป็นสิ่งที่ดูไม่เหมาะสมและผิดแผก ทั้งที่บางครั้งมันคือการนำเสนออีกแง่มุมหรือชุดความคิดหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นจริงเหมือนกันในสังคม
อย่างไรก็ตาม การต่อต้านหรือตั้งคำถามกับความ Woke ในแวดวงคอนเทนต์อาจดำเนินต่อไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากไม่มีการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนว่าแบบไหนที่เหมาะสม แบบไหนที่ดูยัดเยียดจนเกินไป เพราะส่วนใหญ่สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างขึ้นอยู่กับความรู้สึกส่วนตัวของผู้ชมมากกว่า ซึ่งความรู้สึกส่วนตัวนี้ก็ยึดโยงกับรสนิยมและความชอบ ที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคนอีกที มันจึงตอบไม่ได้ว่าความคิดแบบไหนผิดหรือถูก แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนน่าจะรู้สึกเหมือนกันคือ ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม การเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นและวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ ยังคงเป็นสิ่งที่พึงกระทำไม่ว่าจะถูกใจเราหรือไม่
เรื่อง : กนกวรรณ เชียงตันติ์
ภาพ : มณฑล ชลสุข

----------
อย่าลืมกด 'FOLLOW' 👆 เพื่อติดตาม SUM UP
จะได้ไม่พลาด 'ความรู้' และ 'ข่าวสาร' ที่สนุกและเป็นประโยชน์
อ่านทุกเรื่องบนเว็บไซต์ https://www.sumupth.com/
----

#การตื่นรู้





ที่อยู่

อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส 50 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา
Bangkok
10110

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ SUM UPผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง SUM UP:

แชร์