สื่อเกษตรดิจิทัล - Kaset Digital

สื่อเกษตรดิจิทัล - Kaset Digital รวมข่าวสารด้านการเกษตร นวัตกรรม เทคโนโลยีเกษตร และสิ่งแวดล้อม

25/10/2025

สถานการณ์และแนวโน้มการค้ากุ้งโลก 2025: ภาพรวมการส่งออก–นำเข้า และนัยต่อผู้ผลิตเอเชีย
🌍 “การค้ากุ้งโลก 2025: ใครนำ ใครตาม – ไทยควรจับทางอย่างไร?”
• 🇪🇨 เอกวาดอร์ ปริมาณโตแรง แต่ ราคาลด
• 🇮🇳 อินเดีย ทรงตัว แต่ สินค้าแปรรูปโต + ส่งออกปลานิลเพิ่ม
• 🇻🇳 เวียดนาม ฟื้นแรง กระจายตลาดดี
• 🇮🇩 อินโดนีเซียเริ่มฟื้น แต่ ยังพึ่ง US สูง
• 🇺🇸 สหรัฐฯ นำเข้าผันผวน (เร่งก่อนภาษี)
• 🇪🇺 EU นำเข้าพุ่งแรง ทั้งกุ้งดิบและ แปรรูป
• 🇨🇳 จีน ทรง/แผ่ว ราคาอ่อน
• 🇯🇵 ญี่ปุ่นคงที่–ลดเล็กน้อย และ เอกวาดอร์แซงไทย เป็นแหล่งสำคัญ

⚓️📈 แนวโน้มภาพรวม “การส่งออก” ทั่วโลก
จากปี 2024: การเติบโต “ทรง–ชะลอ” ในหลายตลาดหลัก พอมาถึงครึ่งแรกของปี 2025 มีการรีบาวด์แรง โดยเฉพาะ เอกวาดอร์ และ เวียดนาม

🛟 เอกวาดอร์ ในด้านปริมาณการส่งออกทำสถิติ: 392,740 ตันในไตรมาส 2 และมากกว่า 150,000 ตัน ในเดือนพฤษภาคม
ตลาดยังโตได้ แต่ ราคาเฉลี่ยลดลง โดยมีตลาดปลายทางอยู่ที่จีน สถานภาพตลาดทรงตัว”และมีตลาด ยุโรปกับเอเชียมาช่วยดูดซับผลผลิตส่วนเพิ่ม ( มีการส่งวัตถุดิบไป เวียดนาม ไทย มาเลเซีย ศรีลังกา มากขึ้น ส่วนยุโรปส่งไปที่ ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร สเปน เบลเยียม)

🛟 อินเดีย ส่งออกกุ้งขาวดิบ (vannamei raw) คงที่ ในขณะที่กุ้งกุลาดำดิบ (monodon raw) พีคปี 2023 แล้วเริ่มส่งออกลดลงในปัจจุบัน
สินค้ากุ้งแปรรูป มีการเติบโตแรง +37% (H1 2025) โดยตลาดหลักคือ สหรัฐฯ ฟื้นเล็กน้อย ส่วนตลาดสหภาพยุโรปมีความไม่แน่นอน (ผลจากกฎระเบียบยาปฏิชีวนะ)
แนวโน้มใหม่ที่น่าจับตาคือ มีการส่งออก🐟 ปลานิล ที่อาจแตะ 20,000 ตัน ปี 2025 นับว่าโตเร็วมากๆ 🙀

🛟 เวียดนาม กุ้งขาววานาไมยอดส่งออกฟื้นตัว ส่วนกุ้งกุลาดำทรงตัว, “กุ้งอื่น ๆ” พุ่งขึ้น +124% สัดส่วนการกระจายตลาดสูง: ≈50% อยู่ใน เอเชีย/โอเชียเนีย

🛟 อินโดนีเซีย
• 2023–2024: ลดลง แล้ว ฟื้นเล็กน้อย ช่วง H2/2024
• H1 2025: โต +10% (Q1) และ +16% (Q2); ครั้งแรกตั้งแต่ 2022 ที่กลับมามากกว่า 20,000 ตัน/เดือน
• ข้อควรระวัง: พึ่งพาสหรัฐฯ สูง

🌐 ภาพรวม “การนำเข้า” กุ้งโลก อยู่ในภาวะทรงตัว แถว 3.5 ล้านตัน ตั้งแต่ 2022 คาดว่าจะเริ่มโตขึ้นในปี 2025

📊 สหรัฐอเมริกา H1 2025 นำเข้าพุ่ง (+13% Q1, +24% Q2) ผู้ส่งออกหลักได้อานิสงส์ทั่วหน้าใน H1/2025 จากการเร่งนำเข้าก่อนภาษี (frontloading) ตลอดทั้งปี 2025 คาดว่าการนำเข้ากุ้งจะต่ำกว่า 800,000 ตัน
ที่สำคัญโครงสร้างสินค้านำเข้ากุ้งจะเปลี่ยน โดย peeled/cooked เพิ่มขึ้น แต่ shell-on ลดลง

📊 จีน
ปี 2024–2025 การนำเข้ากุ้งทรงตัวที่ ~900,000 ตัน ออกแนว แผ่วลงเล็กน้อย ด้านราคาก็อ่อนตัวแรง มีฟื้นเล็กน้อยช่วง Q2/2025
ด้านซัพพลาย: เอกวาดอร์ ลดลง, อินเดีย ทรงตัว, รายย่อยผสมมีทั้งฟื้นและชะลอ

📊 สหภาพยุโรป (EU-27)
H1 2025: การนำเข้าพุ่งแรง (+16% Q1, +24% Q2) โดยกุ้งดิบสกุล Penaeus อาจใกล้ 400,000 ตัน ในปี 2025
การนำเข้าเติบโตเด่นจาก เอกวาดอร์ และ ซัพพลายเอเชีย (เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย)
แต่ราคาเฉลี่ยลดลง แม้ปริมาณนำเข้าสูงขึ้น🔆 สินค้ากุ้งแปรรูป เพิ่มชัด +26–29% (H1 2025)

👉 ประเทศเด่นในยุโรป
• ฝรั่งเศส: ผู้นำเข้ากุ้ง อันดับ 2 ของ EU (รองสเปน)
• H1 2025: นำเข้าตรง +26% YoY, โตจาก เอกวาดอร์ แทน เวเนซุเอลา

📊 ญี่ปุ่น
• เพดานนำเข้าระยะยาวราว 300,000 ตัน มีแนวโน้ม ลดลงเล็กน้อย
• H1 2025: รวม ๆ ทรง (Q1) และ +13% (Q2) 👉ซัพพลายเออร์: เอกวาดอร์แซงไทย ขึ้นเป็นแหล่งสำคัญ ผู้ส่งออกรายย่อยอื่น ๆ (จีน +19%, ไทยทรงตัว, เปรู -13%; เวเนซุเอลา–ฮอนดูรัส–บังกลาเทศ ปริมาณเล็ก)

นัยต่อผู้ผลิต–ผู้ส่งออกไทย
1. ตลาด EU กำลังเปิด: ปริมาณพุ่ง–ราคาถัวเฉลี่ยลด → ช่องว่างสำหรับ กุ้งคุณภาพ+แปรรูป (peeled/cooked)
2. US frontloading: ยอด H1/2025 สูงจาก “เร่งนำเข้าก่อนภาษี” → วางแผน ไตรมาส 3–4 ระวังแรงเหวี่ยงคำสั่งซื้อ
3. ญี่ปุ่น: เอกวาดอร์ขึ้นนำไทย → ไทยควรเน้น ความสด–สเปกเฉพาะ–ผลิตภัณฑ์แปรรูปตอบโจทย์ผู้บริโภคญี่ปุ่น
4. กระจายตลาด: ใช้ เวียดนาม/ไทย เป็นฐานแปรรูป value-added เพื่อลดความเสี่ยงราคาวัตถุดิบ
5. กฎระเบียบ EU: เข้มเรื่องยาปฏิชีวนะ → เตรียมตัวและสื่อสาร traceability ให้ชัด

วิเคราะห์โอกาสการแข่งขันของกุ้งไทยในปี 2026
✅ เราต้องเล่นเกม คุณภาพ + แปรรูป (peeled/cooked) เจาะ EU/ญี่ปุ่น
✅ เกษตรกรควรเตรียมจัดทำ มาตรฐาน–การตรวจย้อนกลับ–คุมยาปฏิชีวนะ สำหรับ EU
✅ วางแผนขาย/และผลิตของไตรมาส 3–4 เผื่อแรงเหวี่ยงคำสั่งซื้อ US
✅ ใช้พันธมิตร แปรรูปในประเทศ/ในอาเซียน เพื่อลดความเสี่ยงด้านราคา


is not only shrimp quality. 🇹🇭🦐

แหล่งข้อมูล:
SIPA – Global Shrimp Forum 2025: Shrimp trade statistics 2025 (03/09/2025) โดย Willem van der Pijl และคณะ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นามเดิม “ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร” เป็นธิดาในพระวรวงศ์เ...
25/10/2025

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นามเดิม “ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร” เป็นธิดาในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร (ราชสกุลเดิม สนิทวงศ์) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๗๕ มีพระเชษฐาสองคน คือ หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร และหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร และมีพระขนิษฐาหนึ่งคน คือ ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์
พระนาม “สิริกิติ์” ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ มีความหมายว่า “ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร” เรียกโดยลำลองว่า “คุณหญิงสิริ” ส่วนพระราชสวามีจะทรงเรียกว่า “แม่สิริ”
เมื่อ “ม.ร.ว.สิริกิติ์” มีอายุราว ๒ ปี ขณะที่พี่เลี้ยงอุ้มอยู่นั้นก็มีแขกเลี้ยงวัวเข้ามาทำนายทายทัก ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะมีบุญวาสนาได้เป็น “ราชินี” ในอนาคต ดังที่ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้เล่าไว้ ความว่า
“...วันหนึ่งขณะที่พี่เลี้ยงอุ้ม ม.ร.ว.สิริกิติ์ เดินเล่น พอดีขณะนั้นมีแขกเลี้ยงวัว ซึ่งเป็นเพื่อนของแขกยามประจำบ้านมาหากัน พอแขกที่มาเหลือบเห็น ม.ร.ว.สิริกิติ์ ก็จ้องมองพร้อมทั้งกวักมือเรียกพี่เลี้ยงขอให้เห็นใกล้ ๆ หน่อย เมื่อเข้ามาใกล้มองดูสักครู่ก็พูดว่า “ต่อไปจะเป็นมหารานี” พี่เลี้ยงได้ฟังก็ชอบใจเที่ยวเล่าให้คุณยายและใครต่อใครฟัง ถึงไม่เชื่อแต่ก็ปลื้มใจ ต่อมาเมื่อ ม.ร.ว.สิริกิติ์ เจริญวัยขึ้น เลยเป็นเหตุให้คุณพี่ชายทั้งสองคนเอามาล้อเลียนเป็นที่ขบขันว่าเป็นราชินีแห่งอบิสซีเนีย [เอธิโอเปียในปัจจุบัน] บางครั้งถึงกับทำให้ผู้ถูกล้อต้องนั่งร้องไห้ด้วยความอายและเจ็บใจ แต่พี่ชายทั้งสองก็ยังไม่หยุดล้อ กลับเอาเศษผ้าขาด ๆ มาทำเป็นธงโบกอยู่ไปมา พร้อมทั้งบอกว่าเป็นธงประจำตัวของราชินี...”
สอดคล้องกับ “ม.ร.ว.กิติวัฒนา ปกมนตรี” ที่กล่าวถึงเกี่ยวกับ “ม.ร.ว.สิริกิติ์” ได้เล่าเรื่องดังกล่าวให้เพื่อน ๆ จากโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ที่ย้ายมาเรียนต่อที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยฟังว่ามีหมอดูมาที่ตำหนักของท่านพ่อ แล้วทายทักว่าจะได้เป็น “ราชินี” โดยที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เองและเพื่อนฝูงก็มิได้ใส่ใจนัก แต่เพื่อน ๆ ก็ขนานนามว่า “ราชินีสิริกิติ์” มาแต่นั้น แม้จะเป็นเรื่องขบขันของราชสกุล “กิติยากร” แต่ไม่มีใครคาดถึงว่าในอีก ๑๕ ปีต่อมาคำทำนายของแขกเลี้ยงวัวผู้นั้นจะเป็นความจริง
ปี ๒๔๘๙ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบลง หม่อมเจ้านักขัตรมงคล ต้องเสด็จไปดำรงตำแหน่งอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มประจำสำนักเซนต์เจมส์ ประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ได้ทรงพาครอบครัวทั้งหมดไปอยู่ด้วย ในเวลานั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ มีอายุได้ ๑๓ ปีเศษ ขณะที่อยู่ในประเทศอังกฤษ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้ศึกษาต่อทั้งวิชาภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส และวิชาเปียโนกับครูพิเศษ หลังจากนั้นไม่นาน บิดาย้ายไปประเทศเดนมาร์กและฝรั่งเศสตามลำดับ ขณะที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ก็ยังคงเรียนเปียโนและตั้งใจจะศึกษาต่อในวิทยาลัยการดนตรีที่มีชื่อเสียงของกรุงปารีสจนจบ
ระหว่างที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้มีโอกาสรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ครั้งดำรงพระราชอิสริยยศ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช”) ขณะนั้นทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์) ซึ่งพระองค์เสด็จประพาสกรุงปารีสเพื่อทอดพระเนตรโรงงานทำรถยนต์ ทั้งนี้เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โปรดการดนตรีเป็นพิเศษ ขณะที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ก็สนใจศิลปะเช่นกัน ทำให้เกิดความสัมพันธ์ขึ้น
เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๓ พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ระหว่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์จึงจัดขึ้น ณ วังสระปทุม โดยมีสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธาน ในการนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงลงพระปรมาภิไธยในทะเบียนสมรส และโปรดให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ต่อมาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ขึ้นเป็น "สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์" พร้อมทั้งพระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริว่า ตามโบราณราชประเพณี เมื่อพระมหากษัตริย์บรมราชาภิเษกแล้ว ย่อมโปรดให้สถาปนาสมเด็จพระอัครมเหสีขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศสถาปนาสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ขึ้นเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี”
เมื่อ ๒๔๙๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชประสงค์จะผนวชเป็นพระภิกษุ เป็นระยะเวลา ๑๕ วัน จึงต้องมีการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดังนั้นพระองค์ทรงพระราชดำริว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้ทรงพระปรีชาสามารถในอันที่จะรับพระราชภารกิจในคราวนี้ได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี” เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างที่ผนวช
ต่อมา ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการประกาศว่า ตามราชประเพณี เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เคยมีประกาศให้ออกพระนามว่า “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” และทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ได้ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างที่ผนวช และได้ปฏิบัติพระราชภารกิจแทนพระองค์ด้วยพระปรีชาสามารถ สนองพระราชประสงค์เป็นที่เรียบร้อย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระอภิไธยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีว่า “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” นับว่าทรงเป็นสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถพระองค์ที่ ๒ ในประเทศไทย โดยพระองค์แรก คือสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ
ในแผ่นดินรัชกาลที่ ๑๐ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ในวันที่ ๕ พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศเฉลิมพระนามาภิไธยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ซึ่งเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีของพระองค์ ตามแบบโบราณราชประเพณีว่า “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง"”
สำนักพระราชวังประกาศว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตจากการประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต เมื่อเวลา ๒๑.๒๑ น. ของวันที่ ๒๔ ตุลาคม๒๕๖๘ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร สิริพระชนมายุ ๙๓ พรรษา

25/10/2025
24 ต.ค. 2568 เวลา 21.21 น. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ ...
25/10/2025

24 ต.ค. 2568 เวลา 21.21 น. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 10 โปรดเกล้าฯ จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ไว้ทุกข์ถวาย 1 ปี
สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศลงวันที่ 24 ต.ค. ว่า ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่างๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น
ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่างๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับ ถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสวรรคตเป็นต้นไป
สำนักพระราชวัง
24 ตุลาคม 2568

 #สยามคูโบต้า จับมือ  #กองทัพบก สานต่อความร่วมมือปีที่ 12 จัดคาราวาน “ #คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว” มอบไออุ่นสู่พี่น้องทั่ว...
24/10/2025

#สยามคูโบต้า จับมือ #กองทัพบก สานต่อความร่วมมือปีที่ 12 จัดคาราวาน “ #คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว” มอบไออุ่นสู่พี่น้องทั่วไทย
บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด นำโดย นายคาซึโนริ ทานิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ลำดับที่ 6 จากซ้าย) และนางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส (ลำดับที่ 5 จากซ้าย) พร้อมคณะผู้บริหารร่วมส่งมอบเสื้อกันหนาวจำนวน 9,000 ตัว ภายใต้โครงการ “คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว” โดยมี พลเอก ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผู้ช่วยผู้บัญชาการกองทัพบก (ลำดับที่ 7 จากซ้าย) เป็นประธานรับมอบ
ทั้งนี้ #สยามคูโบต้า และ #กองทัพบก ได้สานต่อความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 เพื่อร่วมกันมอบความอบอุ่นให้แก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่ประสบภัยหนาวและขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม โดยปีนี้มีกำหนดจัดคาราวานส่งมอบเสื้อกันหนาวให้กับผู้ประสบภัยหนาว ระหว่างวันที่ 29–30 ตุลาคม 2568 ในพื้นที่จังหวัด ชัยภูมิ และขอนแก่น ณ กองบัญชาการกองทัพบก

24/10/2025
22/10/2025
22/10/2025
เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก จับมือ  #เป๊ปซี่โคเปิดตัวโครงการ “ ” ขับเคลื่อนเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู โดยเกษตรกรหญิงชาวไทยจะเป็นหนึ่ง...
21/10/2025

เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก จับมือ #เป๊ปซี่โค
เปิดตัวโครงการ “ ” ขับเคลื่อนเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู โดยเกษตรกรหญิงชาวไทยจะเป็นหนึ่งในผู้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพยนตร์ชุดพิเศษที่พัฒนาโดย National Geographic CreativeWorks เพื่อถ่ายทอดแบบอย่างของความยืดหยุ่นที่สร้างแรงบันดาลใจในระดับโลก
สมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก (The National Geographic Society) และบริษัท เป๊ปซี่โค (PepsiCo) ประกาศความร่วมมือระดับโลก เพื่อใช้พลังของวิทยาศาสตร์ เรื่องเล่า และการศึกษา เป็นแรงขับเคลื่อนในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับระบบอาหารของโลก โดยมีแนวทาง #เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) เป็นหัวใจสำคัญของโครงการ “Food for Tomorrow” จะสนับสนุนการถ่ายทอดเรื่องราวโดยนักสำรวจ (Explorer) ของ National Geographic และนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก ถ่ายทอดภาพอนาคตของระบบอาหารผ่านภาพถ่าย เรื่องเล่าที่ทรงพลัง โครงการที่ขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และแผนที่ข้อมูลเชิงลึก
ภายในปี 2050 ประชากรโลกมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 10,000 ล้านคน ขณะที่รายงานขององค์การยูเนสโก (UNESCO) คาดการณ์ว่า หากแนวโน้มปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป พื้นที่ดินกว่า 90% ทั่วโลกอาจเสื่อมโทรมลงในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อรองรับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและลดความเสี่ยงจากปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การเสื่อมโทรมของดินและการสูญเสียถิ่นอาศัยของสิ่งมีชีวิต โลกจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตอาหาร เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู ซึ่งเป็นแนวทางการทำเกษตรที่มุ่งฟื้นฟูสุขภาพของดินและทรัพยากรธรรมชาติ แทนที่จะใช้จนหมดไป จึงถูกมองว่าเป็น กุญแจสำคัญ ในการผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของโลก โดยเป็นการทำงานสอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่ใช่สวนทางธรรมชาติ
😊 จิล ทีเฟนธาลเลอร์ (Jill Tiefenthaler) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก กล่าวว่า “ #อนาคตของเราจะถูกกำหนดด้วยวิธีการผลิตอาหารในวันนี้ และเรากำลังเปิดมุมมองใหม่สู่โอกาสครั้งสำคัญ เมื่อระบบอาหารสามารถหล่อเลี้ยงทั้งผู้คนและโลกได้อย่างสมดุล ความร่วมมือกับเป๊ปซี่โคครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนในแนวทางแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์และมีวิสัยทัศน์ เพื่อสนับสนุนเกษตรกร นักวิทยาศาสตร์ และผู้ถ่ายทอดเรื่องราว ผู้ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภารกิจนี้ เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก ที่ตั้งอยู่บนรากฐานของวิทยาศาสตร์และความหวัง เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไป”
ในระยะแรก โครงการนี้จะให้การสนับสนุนนักสำรวจของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก (National Geographic Explorers) จำนวน 5 คน ในการถ่ายทอดเรื่องราวของผู้คน เกษตรกร และชุมชนท้องถิ่นจากทั่วโลก เพื่อสะท้อนแนวทางการทำเกษตรที่ยั่งยืน และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายนนี้ Pablo Albarenga นักสำรวจจากโครงการ Food for Tomorrow จะเดินทางมายัง #ประเทศไทย #เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของเกษตรกรสวนมะพร้าวที่ลุกขึ้นมาฟื้นฟูสุขภาพของดิน #และความหลากหลายทางชีวภาพบนพื้นที่ที่เคยได้รับผลกระทบจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ระดับโลกที่มุ่งเล่าเรื่องราวของเกษตรกรรายย่อยและชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเปรียบเสมือน “ #ผู้พิทักษ์ผืนดิน” และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนแนวทางการฟื้นฟูเกษตรทั่วโลก
#เป๊ปซี่โค ร่วมมือกับ National Geographic CreativeWorks สร้างภาพยนตร์สั้น 3 เรื่อง ถ่ายทอดเรื่องราวของเกษตรกรที่นำแนวทาง “ #เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู” มาปรับใช้ในการทำเกษตร เพื่อฟื้นฟูผืนดินและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนของตนเอง หนึ่งในภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราวของ วิสา หลักคำปา 😊 เกษตรกรจากจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้ ถ่ายทอดให้เห็นถึงวิธีที่แนวทางเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูช่วยเสริมความยืดหยุ่นให้กับผืนดิน ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของคุณวิสาในการแบ่งปันความรู้สู่เกษตรกรรายอื่น ๆ ทั่วประเทศ สามารถติดตามชมเรื่องราวของเธอได้ที่นี่
ความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกและเกษตรกร ถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนให้ องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ สามารถผสานเข้ากับ ภูมิปัญญาดั้งเดิมด้านการเกษตร ได้อย่างลงตัว เพื่อขยายแนวทาง “ #เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู” และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับทั้งผู้คนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก เป๊ปซี่โค ได้ตั้งเป้าหมายที่จะขยายการนำแนวทางเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู ฟื้นฟูระบบนิเวศ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ครอบคลุมพื้นที่ 10 ล้านเอเคอร์ทั่วโลกภายในปี 2030
😊 รามอน ลากัวร์ตา (Ramon Laguarta) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เป๊ปซี่โค กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังกดดันระบบอาหารของโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเกษตรกรคือกลุ่มแรกที่ต้องรับแรงกระทบเหล่านี้ในทุก ๆ วัน ในฐานะบริษัทที่มีรากฐานมาจากภาคการเกษตร เราเข้าใจถึงทั้งความเปราะบางและความสำคัญของระบบนี้ แต่เรายังมีหนทางที่จะทำให้ระบบนี้แข็งแกร่งขึ้น โครงการ Food for Tomorrow ผสานความเชี่ยวชาญด้านระบบอาหารของเป๊ปซี่โค เข้ากับพลังของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกในการขับเคลื่อนองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการลงมือทำ เรามีเป้าหมายเดียวกันในการสนับสนุนเกษตรกร ปกป้องสิ่งแวดล้อม และร่วมสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับทุกคน”
โครงการเตรียมประกาศมอบทุนวิจัยด้านวิทยาศาสตร์จำนวน 5 ทุน ให้กับผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถนำไปใช้ได้จริง และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อค้นหาแนวทางแก้ปัญหาที่จะช่วยขยายการประยุกต์ใช้แนวทางเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูในระดับโลก ขณะเดียวกัน ในปีหน้า โครงการยังมีแผนพัฒนาเครื่องมือแสดงข้อมูลเชิงภาพ (Dynamic Data Visualization Map) เพื่อสื่อสารบทบาทของเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูในการเสริมความยืดหยุ่นของระบบอาหารและการเกษตร เครื่องมือนี้จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับเกษตรกร นักวิทยาศาสตร์ และประชาชนทั่วไป โดยมีกำหนดเปิดให้เข้าถึงผ่านเว็บไซต์ของสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ภายในปี 2026

📌📌📌พลังที่แสนอบอุ่น  #เรื่องราวของเสื้อกันหนาวสีส้ม 🧥กับโครงการ 🌟“ #คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว” 🌟 26 ปี ของเสื้อกันหนาวที่อ...
21/10/2025

📌📌📌พลังที่แสนอบอุ่น #เรื่องราวของเสื้อกันหนาวสีส้ม 🧥กับโครงการ 🌟“ #คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว” 🌟 26 ปี ของเสื้อกันหนาวที่อบอุ่นด้วยเรื่องราวนับหมื่นใจ❣️
ทุกปีในช่วงที่อากาศเริ่มเย็นลง ภาพของผู้คนมากมาย ตั้งแต่เด็กนักเรียนตัวน้อยไปจนถึงผู้สูงอายุ ที่เดินทางมารับ #เสื้อกันหนาวสีส้ม จาก #สยามคูโบต้า กลายเป็นภาพคุ้นตาที่อบอวลไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ภาพเหล่านั้นไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำ ตลอด 25 ปีของโครงการ “ #คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว”
หากย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ภาพแรกเกิดจาก “ #ความห่วงใย” อันเรียบง่ายของ #สยามคูโบต้า ที่มีต่อผู้คนในพื้นที่ห่างไกล ทุกครั้งที่ลมหนาวพัดแรง คำถามหนึ่งจะผุดขึ้นมาเสมอ “ #อะไรคือสิ่งที่ผู้คนต้องการมากที่สุดในวันที่อากาศหนาวจัด” คำตอบนั้นไม่ซับซ้อนเลยคือ “เสื้อกันหนาวอุ่น ๆ สักตัว” ที่จะช่วยให้ผ่านคืนหนาวไปได้อย่างสบายใจ จากความคิดเล็ก ๆ นี้ #สยามคูโบต้า จึงเริ่มออกเดินทาง จัดกิจกรรมเล็ก ๆ เพื่อส่งมอบเสื้อกันหนาวให้กับพี่น้องในพื้นที่ทุรกันดาร และจากวันนั้น “ #การเดินทางของเสื้อสีส้ม” จึงได้เริ่มต้นขึ้น
เบื้องหลังเสื้อทุกตัวคือแรงใจจากผู้คนมากมายที่ร่วมทำให้ภารกิจนี้เกิดขึ้นจริง ตั้งแต่ทีมงาน #สยามคูโบต้า ที่ทุ่มเทเตรียมงานทุกขั้นตอน #กองทัพบก และ #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ช่วยคัดเลือกพื้นที่ซึ่งขาดแคลนมากที่สุด ไปจนถึงหน่วยงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดที่ร่วมอำนวยความสะดวกให้การเดินทางเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที
ทุกขั้นตอนล้วนเต็มไปด้วยความใส่ใจ ตั้งแต่การวางแผนเส้นทาง การคัดสรรจำนวนและขนาดของเสื้อให้เหมาะกับเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ เพื่อให้ทุกคนได้รับ “ #ความอบอุ่น” อย่างที่ตั้งใจไว้ นอกจากนี้ ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้าทั่วประเทศยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ ด้วยการมอบของใช้จำเป็นเพิ่มเติมให้กับชุมชนในพื้นที่ที่เราเดินทางไปถึง ทุกแรงใจและความร่วมมือเหล่านี้หลอมรวมกันเป็นภาพใหญ่ของความผูกพัน ที่ทำให้คำว่า “ #ไม่ทิ้งกัน” ของ #คูโบต้า มีชีวิตอยู่จริงในทุกฤดูหนาว
#เรื่องราวของโครงการนี้ยังคงสืบต่อผ่านเสียงของผู้คนในพื้นที่ 😊 นายจันทร์เพชร มรดกดอย ผู้ใหญ่บ้านแม่หละคี จังหวัดตาก เล่าย้อนถึงความทรงจำเมื่อปี 2565 ว่า “ผมยังจำได้ดี วันที่สยามคูโบต้ามาแจกเสื้อกันหนาวให้ชาวบ้าน ทุกคนดีใจกันมาก เพราะเสื้อตัวนั้นไม่ใช่แค่ช่วยกันหนาว แต่ทำให้รู้สึกว่า...เรามีคนห่วงใย ผมเคยไปหมู่บ้านอื่นแล้วเห็นคนใส่เสื้อแบบเดียวกัน เราทักกันทั้งที่ไม่รู้จักกัน เหมือนเราเป็นคนกลุ่มเดียวกันที่มีความอบอุ่นจากน้ำใจเดียวกัน”
เช่นเดียวกับ 😊 “น้องต้นข้าว” เด็กหญิงธนัชพร วรรณเวช จากโรงเรียนอนุบาลบ้านด่านโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่เคยได้รับเสื้อกันหนาวจากโครงการเดียวกันเล่าว่า “หนูได้รับเสื้อกันหนาวตัวนี้เมื่อสองปีก่อน ทุกวันนี้หนูอยู่ชั้นมัธยมแล้วก็ยังใส่ได้อยู่ อุ่นเหมือนเดิมเลยค่ะ ขอบคุณพี่ ๆ สยามคูโบต้าที่มาแจกเสื้อสวย ๆ ให้หนูและเพื่อน ๆ ได้หายหนาวค่ะ” เรื่องเล่าของเธอทำให้เราเข้าใจว่า สำหรับผู้คนในพื้นที่ห่างไกล “เสื้อคูโบต้า” ไม่ได้เป็นเพียงของแจกชิ้นหนึ่ง แต่คือเพื่อนคู่ใจในทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน ทุกครั้งที่ออกทำงาน หรือแม้แต่ในวันหนาวเหน็บที่ต้องอยู่บ้าน เสื้อหนึ่งตัวที่อบอุ่นทั้งกายและใจ”
ปัจจุบัน โครงการ “ #คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว” เดินทางเข้าสู่ปีที่ 26 จากกิจกรรมเล็ก ๆ ในวันนั้น ได้เติบโตเป็นโครงการใหญ่ที่แผ่ไออุ่นออกไปดุจต้นไม้ใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขาครอบคลุมหลายพื้นที่ทั่วภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จนถึงวันนี้ โครงการได้ส่งต่อเสื้อกันหนาวให้ผู้คนที่ขาดแคลนแล้วมากกว่า 196,000 ชีวิต และยังคงขับเคลื่อนไปด้วยแรงใจจากพันธมิตรและทีมงานอาสาจำนวนมาก
🔆😊 นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด 🔆 เล่าด้วยความภาคภูมิใจว่า ทุกครั้งที่เห็นเด็ก ๆ และพี่น้องประชาชนสวมเสื้อแล้วยิ้ม ทีมสยามคูโบต้ารู้สึกเหมือนได้รับของขวัญกลับมา โครงการนี้เดินทางมาถึงวันนี้ได้เพราะพลังจากพันธมิตรและทีมงานอาสาที่ร่วมแรงร่วมใจ #สยามคูโบต้า เราภูมิใจ อิ่มเอมใจทุกครั้ง และอยากทำให้ความอบอุ่นนี้แผ่ขยายออกไปในทุก ๆ ปี เพราะเสื้อทุกตัวที่เราส่งมอบ ไม่ได้เป็นเพียงเสื้อกันหนาว แต่คือ ‘ #พลังใจ’ ที่หลอมรวมความตั้งใจของ #สยามคูโบต้า และพันธมิตรไว้ด้วยกัน
และวันนี้ เรื่องราวของเสื้อกันหนาวสีส้มยังคงเดินทางต่อไป พร้อมเสียงหัวเราะ ความหวัง และรอยยิ้มของผู้คนที่รอคอย “ #เสื้อที่มากกว่าความอบอุ่น” เพราะสำหรับพวกเขา เสื้อหนึ่งตัวนี้ไม่ได้วัดเพียงอุณหภูมิของอากาศ แต่คืออุณหภูมิของหัวใจของผู้ให้ และผู้รับที่เชื่อมถึงกัน แม้ฤดูกาลจะผันผ่าน แต่ความหมายของเสื้อกันหนาวสีส้มก็ยังคงเดิมเป็นสัญลักษณ์ของ “ไออุ่น” ที่บอกกับทุกคนว่า #ในหน้าหนาวนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ลำพัง ❣️

20/10/2025

ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ ชวนช่วยเหลือเต่าบาดเจ็บในฤดูฝน

ช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนเต็มตัว ทำให้บ่อยครั้งมีเต่าออกมาเดินบนท้องถนน เสี่ยงต่อการถูกรถทับหรือได้รับบาดเจ็บ ทาง ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ (VMARC) ได้แจ้งผ่านเฟซบุ๊กว่า หากใครพบเห็น เต่าที่ได้รับบาดเจ็บและต้องการช่วยเหลือ สามารถทักหรือโทรหรือนำเต่ามาส่งได้ที่ศูนย์ฯ เพื่อรับการดูแลและรักษา
เวลาทำการ: วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09:00 – 16:00 น.
📞 โทรสอบถาม: 02-251-8887
📱 หรือแอดไลน์:

ช่วยกันเป็นอีกหนึ่งแรง ที่ทำให้ชีวิตเล็ก ๆ ปลอดภัยจากอันตรายบนท้องถนน

ที่มา : AQUA BIZ ฉบับที่ 213 หน้า 26

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66936971456

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สื่อเกษตรดิจิทัล - Kaset Digitalผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง สื่อเกษตรดิจิทัล - Kaset Digital:

แชร์