ปู จิตกร บุษบา

ปู จิตกร บุษบา รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ฉันก็เป็นอย่างที่เธอคิด ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้นเลย

27/08/2025

[Live] อาจารย์ ปู ชูรส : จันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00 น.พบกับ อ.ปู จิตกร บุษบา ติดต่อโฆษณา 02-521-4647 ถึง 8

ไม่ต้องถาม ทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์
27/08/2025

ไม่ต้องถาม
ทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.68 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ให้สัมภาษณ์ใน รายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ เผยถึงการจับกุม อดีตห...
27/08/2025

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.68 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ให้สัมภาษณ์ใน รายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ เผยถึงการจับกุม อดีตหลวงพ่ออลงกต ว่า ตนอยากตั้งชื่อปฏิบัติการ อลงกตการละคร แต่ให้เกียรติกองปราบฯ ตั้ง เพราะหมอบีไม่ใช่ตัวหลัก เป็นแค่จุดเริ่มต้น เป้าหมายหลักที่เป็นตัวปัญหาคือ อดีตหลวงพ่ออลงกต ถึงแม้ท่านจะทำความดี แต่สิ่งที่ท่านสร้างไม่ใช่กิจของสงฆ์ ทำให้เลยเถิดจากจุดเริ่มต้น ซึ่งอลงกตเป็นผู้มีอำนาจคนเดียวในการสั่งมูลนิธิและสั่งใช้เงินทั้งหมด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า แม้ให้ตนไปตรวจสอบตอนแรก ยังมองว่าส่วนหนึ่งเขาทำดี เราก็เป็นคนไทยมีจิตศรัทธาเลยอาจทำให้มองผ่านได้ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุขนาดนี้ ซึ่งมีประเด็นนิดเดียวที่ทำให้เกิดเหตุขนาดนี้ คือ เรื่องหึงหวง และเราต้องบังคับใช้กฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สำหรับเรื่องหึงหวง เนื่องจากท่านมีภรรยาหลายคน และก็มีอยู่คนหนึ่ง คาดเป็นกิ๊กใหม่ เกิดความหึงหวง จึงเปิดเผยเรื่องราวขึ้นมา ส่วนหมอบีเอาเงินไปซื้อรถให้นักร้อง ประเด็นนี้ก็ตามที่ข่าวมี แต่ยังไม่ยืนยัน แต่ข่าวก็ไปไกล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงประมาณ 70 %

“เตือนคนที่ถือครองทรัพย์สินวัด เรารู้หมดว่าที่ดินอยู่กับใครบ้าง ใครโกงไป ตอนนี้มีคนยังไม่คืนจำนวนมาก จ่อตั้งข้อหาฟอกเงิน ซึ่งไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่ ถ้าไม่เจตนา ก็รีบเข้ามาพบเจ้าหน้าที่โดยด่วน เรายังให้ความเป็นธรรม แต่ถ้ามีเจตนาไม่คืนก็เตรียมบังคับใช้กฎหมาย”..... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

บิ๊กเต่า แฉเพราะพิษรักแรงหึง ทำ อลงกต วงแตก เผยมีเมียเยอะ โดนกิ๊กใหม่เปิดโปงเรื่องราว เตือนคนถือครองทรัพ.....

27/08/2025
27/08/2025
27/08/2025

ด่วน! สพฐ.ถอดเนื้อหา ‘พระอลงกต’ แบบอย่างบุคคลจิตสาธารณะด้านสังคม ออกจากตำราเรียนชั้นป.5 แล้ว...
อ่านเพิ่มเติมในคอมเมนต์
#สพฐ #อลงกต #หลวงพ่ออลงกต #พระอลงกต
#เดลินิวส์ #เดลินิวส์ออนไลน์

27/08/2025

สว. 36 คน ร้องศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)

ศาลได้ดำเนินกระบวนการพิจารณามาเป็นลำดับ กระทั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีในวันที่ 25 สิงหาคม สุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม เวลา 09.30 น. และจะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ในเวลา 15.00 น. วันที่ 29 สิงหาคมนี้

ผลทางคดีอาจเกิดขึ้น ดังนี้ ทางแรก ยกคำร้อง ส่งผลให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ บริหารประเทศต่อไป ผลที่อาจเกิดขึ้นได้อีก คือ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากเห็นด้วยตามคำร้องว่า น.ส.แพทองธาร ขาดคุณสมบัติ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ น.ส.แพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง ทำให้ ครม.ทั้งคณะพ้นตำแหน่ง แต่จะรักษาการต่อไปจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ แต่ น.ส.แพทองธาร จะเป็นนายกฯรักษาการไม่ได้ เนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม ส่วนกรณี น.ส.แพทองธาร ชิงลาออกก่อนศาลตัดสิน ศาลอาจจำหน่ายคดีก็ได้ หรืออาจพิจารณาคดีต่อไป หากเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

หากศาลยกคำร้อง น.ส.แพทองธาร จะกลับมาทำหน้าที่ต่อไป แต่หากต้องพ้นตำแหน่ง พรรคเพื่อไทย จะต้องรวบรวมเสียง สส. เพื่อจัดตั้งรัฐบาล และเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามมาตรา 159 ให้สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาเลือกนายกฯ ในบัญชีแคนดิเดต ซึ่งมีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตคนสุดท้ายของพรรค ซึ่งต้องมีเสียงรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ สส.ที่มี หรือ 50 เสียง จาก 492 คน และมีมติรับรองไม่น้อยกว่า 246 เสียง หรือกึ่งหนึ่งของ สส.ทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภา

พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน มี 11 พรรค จำนวน 253 เสียง ฝ่ายค้านมี 239 เสียง ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ผลคดีที่จะเกิดขึ้นจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ที่น่าห่วงคือในทางเศรษฐกิจ เพราะกรณีดังกล่าวทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น

ยิ่งหากผลออกมาทางลบ อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้อีก ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และการเมืองทั้งในและนอกประเทศ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม สมเด็จฮุน เซน แห่งกัมพูชา ได้ฟันธงไว้แล้วว่า ประเทศไทยจะเปลี่ยนนายกฯใหม่ใน 3 เดือน ซึ่งน่าสนใจว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และอย่างไร

27/08/2025
27/08/2025

[ โฆษกพรรคเพื่อไทย ควรยอมรับตรงๆว่า ต้นตอของความล่าช้าเรื่องนโยบาย 20 บาท มาจากความไม่รอบคอบของรัฐบาลเอง ]
ผมยืนยันว่า พรรคประชาชนเราเห็นด้วยกับ “หลักการ” ในการทำให้ระบบขนส่งสาธารณะทั้งในและนอก กทม. สะดวก ครอบคลุม และมีอัตราค่าโดยสารที่ประชาชนเข้าถึงได้ แต่ที่ผ่านมา เรามีข้อกังวลต่อ “วิธีการ” ที่รัฐบาลเลือกใช้ในการดำเนินนโยบาย 20 บาทตลอดสาย ทั้งในเรื่องของแหล่งงบประมาณและมาตรการป้องกันการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการรายใดเกินจำเป็น
เมื่อเย็นที่ผ่านมา ผมเพิ่งได้มีโอกาสฟังการแถลงข่าวของคุณดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับกรณีนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลประกาศเลื่อนออกไปให้ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมที่เคยวางไว้ว่าจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคม 2568
แม้คุณดนุพรได้เริ่มต้นด้วยการ “ขอโทษ” ประชาชน แต่ตลอดการแถลงข่าวนั้น เราได้เห็นแต่ความพยายามในการโยนความผิดทั้งหมดไปที่การที่กฎหมาย 3 ฉบับที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา รวมถึงความพยายามในการกระทบชิ่งมาที่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน ทั้งๆที่ต้นตอทั้งหมดของปัญหานี้ มาจากความไม่รอบคอบและความไม่หนักแน่นของรัฐบาลเองในการผลักดันนโยบายเรือธงของตนเอง
แทนที่จะพยายามพาดพิงพรรคอื่น ผมเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กว่า หากพรรคเพื่อไทยตอบคำถามดังต่อไปนี้ให้ชัดๆ เพื่อให้สังคมสิ้นข้อสงสัย
1. เป็นแผนและความตั้งใจของรัฐบาลมาโดยตลอดเลยใช่หรือไม่ ว่ารัฐบาลจะเดินหน้านโยบายเรื่อง 20 บาทตลอดสาย ต่อเมื่อกฎหมาย 3 ฉบับ (พ.ร.บ. ราง / พ.ร.บ. ตั๋วร่วม / พ.ร.บ. รฟม.) ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาและประกาศบังคับใช้?
- ผมเข้าใจดีว่ากฎหมาย 3 ฉบับ มีความเชื่อมโยงกับนโยบาย 20 บาทตลอดสาย แต่การสื่อสารอย่างเป็นทางการของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่เคยชี้ชัด ว่ากฎหมาย 3 ฉบับ นี้ เป็นเพียง “ตัวช่วย” ของรัฐบาลในการผลักดันนโยบาย หรือเป็น “เงื่อนไขตั้งต้น” ที่ต้องเสร็จก่อนถึงจะเริ่มดำเนินโยบายได้
- ในวันที่ 8 ก.ค. 2568 ที่ ครม. มีมติให้เริ่มคิดอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายตั้งแต่ 1 ต.ค. 2568 ทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้มีการพูดถึงเงื่อนไขว่ารัฐสภาจะต้องผ่านกฎหมาย 3 ฉบับนี้ ถึงจะเริ่มอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายได้ ( https://www.thaipbs.or.th/news/content/354047 )
- ยิ่งไปกว่านั้น การเตรียมการที่ผ่านมาสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลัง 1 ต.ค. 2568 ก็ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่บนสมมุติฐานว่าจะเริ่มมีการใช้ระบบตั๋วร่วม (ที่เหลือบัตรใบเดียว) และการคำนวณแบบค่าโดยสารร่วมจริงๆ ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ค้างอยู่ในสภา
- ทั้งหมดนี้เลยทำให้อดสงสัยไม่ได้ ว่ารัฐบาลตั้งใจจะรอให้กฎหมายผ่านก่อนจริงๆตั้งแต่แรกจริงๆหรือ? หรือว่าในแผนดั้งเดิม รัฐบาลตั้งใจจะดำเนินการด้วยวิธีการอื่นโดยไม่รอกฎหมาย แต่วันนี้รัฐบาลเพียงแค่หยิบเรื่องกฎหมาย 3 ฉบับมาอ้าง เพราะไม่สามารถดำเนินการได้ทัน 1 ต.ค. ที่ประกาศไป?
2. หากรัฐบาลยืนยันว่าเป็นแผนและความตั้งใจของรัฐบาลมาโดยตลอดว่า รัฐสภาจะต้องผ่านกฎหมาย 3 ฉบับ ก่อน ถึงจะเริ่มนโยบายเรื่อง 20 บาทตลอดสายได้ แล้วเหตุใดรัฐบาลถึงประกาศว่าจะเริ่มต้นวันที่ 1 ต.ค. 2568 ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปได้ยากที่กฎหมาย 3 ฉบับ จะผ่านและบังคับใช้ทันกรอบเวลาดังกล่าว?
- ในวันที่ 8 ก.ค. 2568 ที่ ครม. มีมติให้เริ่มคิดอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายตั้งแต่ 1 ต.ค. 2568 กฎหมาย 2 จาก 3 ฉบับ ยังไม่ถูกพิจารณาเสร็จในชั้น กมธ. ด้วยซ้ำ (พ.ร.บ. ตั๋วร่วม พิจารณาเสร็จในชั้น กมธ. วันที่ 31 ก.ค. 2568 / พ.ร.บ. รฟม. พิจารณาเสร็จในชั้น กมธ. วันที่ 30 ก.ค. 2568)
- ทั้งหมดนี้ จึงเท่ากับว่า รัฐบาลไปสัญญากับประชาชนว่าค่าโดยสารจะลดเหลือ 20 บาทในวันที่ 1 ต.ค. 2568 ทั้งๆที่รัฐบาลรู้ตั้งแต่วันนั้นอยู่แล้ว ว่าจะมีเวลาเพียงแค่ 2 เดือน ในการทำให้ร่างกฎหมายจากชั้น กมธ. ผ่านการบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเพื่อต่อคิวกฎหมายอื่น + ผ่านการพิจารณารายมาตราในวาระที่ 2-3 ของสภาผู้แทนราษฎร + ผ่านการพิจารณา 3 วาระในชั้นวุฒิสภา + ถูกประกาศบังคับใช้ + มีการออกกฎหมายลูกตามมา ซึ่งเป็นการวางแผนกรอบเวลาที่กระชั้นชิดมากและแทบจะเป็นไปไม่ได้
3. หากรัฐบาลมีความมุ่งมั่นว่าต้องการจะทำให้กฎหมายทั้ง 3 ฉบับผ่านทุกขั้นตอนให้ได้ภายในกรอบ 2 เดือนจริงๆ แล้วเหตุใด สส. รัฐบาลเองกลับไม่มาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียงและต่อเนื่อง เพื่อเร่งผลักดันกฎหมายดังกล่าว?
- ไม่ว่าทางโฆษกพรรคเพื่อไทยจะพูดพาดพิงพรรคฝ่ายค้านอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงและคณิตศาสตร์พื้นฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ คือหาก สส. รัฐบาล มาประชุมสภากันครบทุกครั้ง สภาก็สามารถมีองค์ประชุมเพียงพอในการเดินหน้าประชุมและพิจารณาลงมติร่างกฎหมายต่อไปได้เรื่อยๆ ไมว่าการประชุมจะต้องดึกหรือลากยาวแค่ไหนก็ตาม
- แต่ในความเป็นจริง เรากลับเห็นรองประธานสภาจากพรรคเพื่อไทยเสียเอง ที่มักเป็นคนเลือกปิดประชุมสภาเร็วกว่ากำหนดในหลายครั้ง
4. ทางรัฐบาลจะเร่งหาทางออกหรือรับผิดชอบอย่างไร ต่อประชาชนที่อาจต้องเผชิญค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่สูงขึ้นกว่าที่พวกจ่ายอยู่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงว่าจากความบกพร่องของรัฐบาล?
- ที่ผ่านมา คน กทม. ที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นประจำ มักเลือกซื้อแพ็กเกจแบบเหมาเที่ยว (เช่น xx บาท สำหรับ xx เที่ยว) ซึ่งจะถูกกว่าการซื้อตั๋วเป็นครั้งๆ
- แต่เมื่อรัฐบาลประกาศว่านโยบาย 20 บาทจะเริ่ม 1 ต.ค. 2568 ทาง BTS จึงเพิ่งมีการประกาศยกเลิกขายแพ็กเกจแบบเหมาเที่ยวไป (เนื่องจากราคาต่อเที่ยวในแพ็กเกจดังกล่าวสูงกว่า 20 บาท) ซึ่งอาจทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงขึ้นระหว่าง 1 ต.ค. 2568 จนถึงวันที่เริ่มนโยบาย 20 บาท
- แม้ผมเข้าใจดีว่าการออกแบบแพ็กเกจเป็นเรื่องของเอกชน แต่ในเมื่อต้นตอของปัญหามาจากความผิดพลาดของรัฐบาล สิ่งที่ประชาชนรอฟังคือรัฐบาลจะหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร
5. (คำถามแถม) เหตุใดโฆษกพรรคเพื่อไทยถึงต้องพูดทำนองว่าทางพรรคจะเดินหน้าผลักดันกฎหมาย 3 ฉบับนี้ “ทั้งๆที่พรรคเพื่อไทยมี สส.ในกรุงเทพและปริมณฑลเพียง 2 คนเท่านั้น”?
- ผมเชื่อว่านักการเมืองทุกคนทราบดี ว่าทุกพรรคการเมือง (ไม่ว่าจะมี สส. กี่คน หรือมี สส. จากพื้นที่ไหนบ้าง) มีหน้าที่ในการนำเสนอและผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์สำหรับประชาชนในทุกพื้นที่
- การที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดทำนองตัดพ้อในลักษณะดังกล่าว จึงทำให้สังคมอดคิดไม่ได้ ว่าหรือลึกๆแล้ว ท่านเชื่อจริงๆว่าพรรคการเมืองควรผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่ทีพรรคตนเองมี สส. มากกว่าพื้นที่ที่พรรคตนเองไม่มี สส.?
ผมเสนอว่าหากท่านต้องการ “ขอโทษ” ประชาชน เกี่ยวกับความล่าช้าที่เกิดขึ้นจริงๆ ท่านควรหยุดเสียเวลาไปกับการหามุมในการโทษคนอื่น แต่ท่านควรเริ่มจากการยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น มาจากความไม่รอบคอบและไม่จริงจังของรัฐบาลในการผลักดันแม้กระทั่งนโยบายเรือธงของตนเอง

ข่าวด่วนจาก "ลูน"  #ศิษย์พระดาบสของผม เกษตรกรหนุ่ม จาก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่. #ฝรั่งหงเป่าสือ 🍏เปิดรับออเดอร์ครั้งแรก รสชาติ...
27/08/2025

ข่าวด่วนจาก "ลูน" #ศิษย์พระดาบสของผม เกษตรกรหนุ่ม จาก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่.
#ฝรั่งหงเป่าสือ 🍏
เปิดรับออเดอร์ครั้งแรก รสชาติหวานกรอบ กลิ่มหอม เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย บำรุงกระดูกและฟัน ที่สำคัญลดกลิ่นปากได้ด้วย รับประทานสดได้เลย หรือจะแช่เย็นก่อนรับประทาน ก็อร่อย

📦กล่องเล็ก 3 โล 300฿ รวมค่าส่ง
📦กล่องใหญ่ 5โล 490฿ รวมค่าส่ง

ขนส่งเคอีเอ็กซ์ ส่งได้ทั่วไทย
มีบริการเก็บปลายทางบวกเพิ่ม20฿
พื้นที่ห่างไกล/เขตท่องเที่ยวพิเศษ บวกเพิ่ม50฿

#ช่องทางการสั่งซื้อ
โทร/ไลน์: 0612679040
เพจเฟสบุ๊ค: Ang Khang Cactus

ตามนี้นะ !!
27/08/2025

ตามนี้นะ !!

นางกล่าว ... #แหล่งข่าวเล่าให้ฟัง
27/08/2025

นางกล่าว ...
#แหล่งข่าวเล่าให้ฟัง

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ปู จิตกร บุษบาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์