CJ BOOK CJ BOOK
This is my official page . CJ BOOKS เพจที่มีมากกว่าหนังสือ

For collaborations, licensing, or questions, please contact me at: [[email protected]]

🎵 Listen on Spotify: [https://open.spotify.com/artist/0qmsEU1DdK59iUtIe7bKmR]

💣เผย AI อาจเป็นภัยคุกคาม เพราะไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI นั้น ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคท...
25/10/2025

💣เผย AI อาจเป็นภัยคุกคาม เพราะไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่

ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI นั้น ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคที่ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถทำปฏิสัมพันธ์กับพวกเราได้แล้ว แต่คำถามก็คือระบบปัญญาประดิษฐ์จะเป็นภัยคุกคามกับมนุษย์ในอนาคตหรือไม่

เรื่องนี้นักวิจัยได้มีการเปิดเผยในเรื่องของหลักกฎหมายและหลักจริยธรรมการใช้เทคโนโลยีของประเทศแถบตะวันตก โดยนักวิจัยกล่าวว่า ปัจจุบันกฎหมายควบคุมการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ล้มเหลวต่อสิทธิมนุษยชนและหลักเสรีภาพอย่างเช่นความเป็นส่วนตัว การต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ความเป็นอิสระของผู้ใช้งานและทรัพย์สินทางปัญญา

นักวิจัยกล่าวว่า การเรียนรู้เชิงลึกหรือการเรียนรู้ของเครื่องนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะทำการแกะรอยได้ เป็นเรื่องยากที่ผู้ใช้งานจะทำการตัดสินใจได้ดี และการละเมิดสิทธิต่าง ๆ ของระบบปัญญาประดิษฐ์ถือเป็นปัญหาในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม

“นี่ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้กฎหมายการควบคุมย่ำแย่ ระบบปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้มีความฉลาดทางด้านความอารมณ์เหมือนกับมนุษย์ มันเป็นระบบวิศวกรรมที่ไม่ได้มีพฤติกรรมของความหยั่งรู้”

“ระบบปัญญาประดิษฐ์ไม่รู้ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่หรือทำไปเพราะอะไร มันไม่มีกระบวนการทางความคิดเหมือนกับมนุษย์ที่ต้องทำความเข้าใจ มันเป็นเพียงแค่คิดตามแบบแผน รับรู้ที่ไม่มีความเป็นรูปธรรม แม้แต่มีความทรงจำ หรือมีความเห็นอกเห็นใจหรือมีภูมิปัญญาเหมือนกับมนุษย์”

ปัจจุบันอุตสาหกรรมระบบปัญญาประดิษฐ์นั้น มีอยู่ 3 ประเทศใหญ่ที่ให้ความสำคัญก็คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา, ประเทศจีน, สหภาพยุโรปที่ได้ให้ความสำคัญกับการเดินหน้าพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์อย่างต่อเนื่อง

สุดท้ายนักวิจัยกล่าวว่า “มนุษย์ในยุคระบบปัญญาประดิษฐ์ยังคงมีปัญหาในเรื่องของการใช้กฎหมายและการควบคุมอย่างเป็นวงกว้าง”

ที่มา: Sciencedaily.com

#ปัญญาประดิษฐ์ #เทคโนโลยี #อนาคต #ระบบเอไอ

😯เผยครูส่วนใหญ่ มีความเครียดถึงขั้นวิกฤตงานวิจัยได้เผยว่า เวลานี้คุณครูส่วนใหญ่กว่า 9 ใน 10 กำลังประสบกับภาวะความเครียดอ...
22/10/2025

😯เผยครูส่วนใหญ่ มีความเครียดถึงขั้นวิกฤต

งานวิจัยได้เผยว่า เวลานี้คุณครูส่วนใหญ่กว่า 9 ใน 10 กำลังประสบกับภาวะความเครียดอย่างรุนแรง จนไม่อาจสามารถทำงานทางด้านการสอนได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

งานวิจัยได้เผยว่า คุณครูชาวออสเตรเลียกว่า 9 ใน 10 ประสบกับภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล, เจอกับภาวะความเครียด และเป็นปัญหาใหญ่ทางด้านสุขภาพจิต

ที่สำคัญก็คือ คุณครูส่วนใหญ่มีระดับความเครียดขั้นวิกฤติ อีกทั้งยังมีเรื่องของภาวะซึมเศร้าขั้นรุนแรงและมีความวิตกกังวลรวมกันเมื่อเทียบกับอาชีพอื่น ๆ ที่ต้องเจอกับแรงกดดันลักษณะเดียวกัน

เรื่องนี้นักวิจัยได้เผยว่า “เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของปัญหาทางด้านอารมณ์เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของปัญหาการทำงานภายในด้วย จากการวิจัยของเราพบว่า คุณครูส่วนใหญ่ประสบปัญหากับภาวะสุขภาพจิตมากกว่าคนส่วนใหญ่และมีแนวโน้มที่พวกเขาจะลาออก”

เช่นกันนักวิจัยพบว่า สาเหตุหลัก ๆ นั้นมาจากความสามารถในการบริหารจัดการทางด้านการทำงาน ซึ่งถือเป็นบ่อกำเนิดสำคัญที่ทำให้คุณครูส่วนใหญ่เจอกับภาวะสุขภาพจิต คุณครูส่วนใหญ่เจอกับปัญหาการขาดความสามารถทางด้านการบริหารจัดการในการทำงาน จนนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า

“คุณครูหลายคนได้บอกกับพวกเราว่า พวกเขามีความกดดันมาก ไม่สามารถทำการสอนได้ อีกทั้งปัญหาต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ” ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่นำไปสู่ภาวะหมดไฟจนไม่อาจทำหน้าที่คุณครูได้

ผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คุณครูส่วนใหญ่ลาออกก่อนเกษียณอายุ นักวิจัยได้มีการเสนอให้มีการปฏิรูปนโยบายอย่างเร่งด่วน อย่างเช่นการลดการทำงานที่ไม่จำเป็นลงไปและปรับปรุงการบริหารจัดการภายในโรงเรียน อีกทั้งแนะให้มีการจับความเคลื่อนไหวสุขภาพจิตของคุณครูและการทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงลงทุนในโปรแกรมการจัดการทางด้านสุขภาพจิตมากขึ้น

ที่มา: Sciencedaily.com

#การเรียน #การสอน #ครู #โรงเรียน #เครียด #สุขภาพจิต

☺️Positive Monday: ฝันให้ใหญ่ ผิดไหม?☺️ความฝันมันเป็นเรื่องที่ประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าจะฝันเล็กหรือฝันใหญ่มนุษย์ทุกคนย่อม...
19/10/2025

☺️Positive Monday: ฝันให้ใหญ่ ผิดไหม?☺️

ความฝันมันเป็นเรื่องที่ประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าจะฝันเล็กหรือฝันใหญ่

มนุษย์ทุกคนย่อมมีความฝัน และความฝันที่เราคิดล้วนแล้วมันเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า

และคำถามก็คือ การฝันใหญ่อย่างเช่น การทำอะไรที่เป็นเรื่องยากและสักวันหนึ่งเราจะประสบความสำเร็จนั้น มันจะเป็นเรื่องดีไหม?

บางคนอาจมองว่า เป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ แล้วปล่อยให้ความฝันผ่านไป ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องผิด และแน่นอนว่ามันจะต้องมีความฝันใหม่เข้ามาแทนที่สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน

ประเด็นสำคัญก็คือ การฝันใหญ่ของเราได้มีการเปรียบเทียบกับคนอื่นหรือไม่?

การเปรียบเทียบอย่างเช่นรายได้ไม่มากกับรายได้สูงถือเป็นตัวอย่างที่ดี หรือแม้แต่การแต่งกาย วัตถุต่าง ๆ ที่บ่งบอกว่ามีมูลค่าสูงเช่น แหวน เพชรหรือสิ่งของราคาแพงนั้น ก็ถือเป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจ

ตรงนี้เพียงแค่อยากบอกว่า ความฝันเราไม่ต้องไปประเมินว่า ฝันเล็ก ฝันใหญ่หรือฝันลม ๆ แล้ง ๆ

ขอให้เรามีความฝันต่อไป บางวันฝันเล็ก บางวันฝันใหญ่ สลับกันไป บางครั้งเราก็ควรลองทำตามสิ่งที่เราฝันเอาไว้บ้าง แม้ว่ามันจะล้มเหลวหรือไม่เป็นไปตามที่ฝันเอาไว้

เพียงแค่นี้ก็ทำให้ความฝันของเรามีคุณค่ามากขึ้นแล้วครับ

#พลังบวก #วันจันทร์ #แรงบันดาลใจ #กำลังใจ #ทำงาน

😴ใครนอนไม่หลับ เสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมใครก็ตามที่ประสบปัญหากับภาวะนอนไม่หลับแบบเรื้อรังนั้น อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคส...
18/10/2025

😴ใครนอนไม่หลับ เสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อม

ใครก็ตามที่ประสบปัญหากับภาวะนอนไม่หลับแบบเรื้อรังนั้น อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมเร็วขึ้น และอาจส่งผลต่อความสามารถในการคิดด้วย

งานวิจัยได้มีการเปิดเผยว่า คนที่ประสบปัญหาภาวะนอนไม่หลับแบบเรื้อรังอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์หรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงที่กระบวนการรับรู้ถดถอยหรืออาจเป็นโรคสมองเสื่อมมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน

นักวิจัยได้มีการเปิดเผยว่า ภาวะนอนไม่หลับไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกในวันถัดไปเท่านั้น แต่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพสมองด้วย เราเห็นว่าความสามารถในการใช้ความคิดถดถอยอย่างรวดเร็วและสมองมีการเปลี่ยนแปลงที่ชี้ให้เห็นว่า เป็นสัญญาที่บ่งบอกถึงภาวะนอนไม่หลับแบบเรื้อรังหรือแม้แต่ปัญหาการรับรู้ในอนาคต”

ผู้เข้าร่วมได้รับการสอบถามเกี่ยวกับชั่วโมงการนอนว่า พวกเขานอนมากหรือน้อยตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ เช่นกันพวกเขาได้รับการทดสอบทางด้านการใช้ความคิดหรือความจำ และบางคนมีการสแกนสมองเพื่อตรวจสอบและดูว่ามีสมองส่วนไหนที่ได้รับความเสียหายบ้าง

นักวิจัยพบว่า คนที่มีปัญหาการนอนหลับมีแนวโน้มที่จะมีกระบวนการรับรู้ถดถอยหรือมีโอกาสสมองเสื่อมถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน อีกทั้งคนที่นอนน้อยมีคะแนนทดสอบการรับรู้ต่ำกว่ามาตรฐาน

ผลลัพธ์ตรงนี้ชี้ให้เห็นว่า ภาวะนอนไม่หลับอาจส่งผลต่อสมองในรูปแบบที่แตกต่างกัน ไม่เพียงแค่เรื่องของการสร้างโปรตีนเท่านั้น ยังเป็นเรื่องของกลไกการทำงานการเลี้ยงเลือดไปยังสมองด้วย

ที่มา: Sciencedaily.com

#สมอง #นอนหลับ #นอนไม่หลับ #สุขภาพ

💨มลภาวะทางอากาศ ส่งผลต่อโรคอัลไซเมอร์งานวิจัยได้มีการเปิดเผยว่า มลภาวะทางอากาศไม่เพียงแค่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่...
15/10/2025

💨มลภาวะทางอากาศ ส่งผลต่อโรคอัลไซเมอร์

งานวิจัยได้มีการเปิดเผยว่า มลภาวะทางอากาศไม่เพียงแค่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ด้วย

มลภาวะทางอากาศส่วนใหญ่เป็นฝุ่นจิ๋วขนาดเล็กถึงขนาดเล็กมากที่แทบจะมองตาเปล่าไม่เห็น ส่วนมากมักจะมาจากควันไฟ, ท่อไอเสียรถยนต์, การก่อสร้างหรือจากโรงงานต่าง ๆ และฝุ่นเหล่านี้ส่วนใหญ่สามารถเข้าไปเกาะกระแสเลือดของคนเราได้ และเป็นสาเหตุที่ทำให้สุขภาพโดยรวมของเราย่ำแย่ตามมา

งานวิจัยได้มีการตรวจสอบตัวอย่างสมองจากการชันสูตรกว่า 600 ตัวอย่าง โดยที่นักวิจัยได้ให้ความสำคัญกับฝุ่นขนาด PM 2.5 ที่เป็นฝุ่นขนาดเล็กที่คนส่วนใหญ่มักจะสัมผัส

พวกเขาพบว่าฝุ่นขนาด PM 2.5 มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์และมีความเสี่ยงมากถึง 19 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน

นอกจากนั้นแล้วนักวิจัยได้มีการจัดเก็บบันทึกสถิติแล้วพบว่า คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับการสูดฝุ่น PM 2.5 นั้น ความจำของพวกเขาเริ่มถดถอยลง เริ่มพูดยากขึ้น และขาดความสามารถในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยอยู่บริเวณที่มีฝุ่น PM 2.5 มากนัก

ที่มา : Sciencedaily.com

#ฝุ่นจิ๋ว #ฝุ่น #มลภาวะ #อากาศ #สุขภาพ

☺️Positive Monday: AI จะเข้ามาแทนที่?☺️ด้วยศักยภาพของ AI นั้น เราไม่อาจปฏิเสธไม่ได้ว่า AI มีศักยภาพสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ...
12/10/2025

☺️Positive Monday: AI จะเข้ามาแทนที่?☺️

ด้วยศักยภาพของ AI นั้น เราไม่อาจปฏิเสธไม่ได้ว่า AI มีศักยภาพสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ

และตอนนี้ AI ก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลกับพวกเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูล การช่วยเหลือ การให้คำปรึกษา หรือแม้แต่การสั่งงานให้ AI ทำงานแทนเรา

ประเด็นนี้อาจมองได้ว่า เป็นเรื่องใหญ่และมันไม่ได้หมายความว่า เป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องหวาดระแวงกับ AI

ในยุคสมัยใหม่ เราต้องยอมรับว่า เทคโนโลยีได้ขับเคลื่อนโลกแบบก้าวกระโดดและหลายคนอาจปรับตัวไม่ทันกับกระแสที่เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโลก

อย่างไรก็ตาม AI เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีอิทธิพลอย่างมากในเวลานี้ และคาดการณ์ได้ว่า อุตสาหกรรมต่าง ๆ เริ่มให้ความสำคัญกับ AI มากขึ้น ในแบบที่มีข่าวว่า AI จะเข้ามาแทนที่เรา

คำถามนี้ทำให้คนทำงานอย่างเรา ๆ ต้องมาดูว่า มีปัจจัยอะไรที่ทำให้ AI เข้ามาแทนที่เราบ้าง?

อย่างเช่น การคิดการคำนวณ การตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องใช้ความเร็ว การสั่งงานให้ AI ทำงานที่มีความรวดเร็วกว่าการใช้คนทำงาน

พูดง่าย ๆ ก็คือ AI จะเข้ามาแทนที่เราด้วยเรื่องของความเร็วเป็นหลัก และเข้ามาแทนที่ด้วยเรื่องของการแข่งขันที่สูงมากขึ้น

ตรงส่วนนี้เราไม่จำเป็นต้องแข่งกับ AI เรื่องความเร็ว แต่เราต้องจับมือกับ AI ในการร่วมมือกันสร้างความเร็วและการแข่งขันด้วยกัน เราต้องใช้ AI ในการสร้างประโยชน์สูงสุดมากกว่ามองว่าเป็นภัยคุกคามในการงาน

เรื่องนี้ก็หวังว่า ทางผู้บริหารบริษัทอย่าพยายามหาทางปลดพนักงานเพียงเพราะต้องใช้ AI ลดต้นทุนหรือด้วยเรื่องของประสิทธิภาพที่สูงกว่า แต่ขอให้ผู้บริหารทำอย่างไรก็ได้ที่ทำให้พนักงานกับ AI อยู่ด้วยกันและสร้างประโยชน์ด้วยกันจะดีกว่าครับ

#พลังบวก #วันจันทร์ #แรงบันดาลใจ #กำลังใจ #ทำงาน

👁เผยระบบ AI คาดการณ์ได้ว่า คนไหนกำลังจะตาบอดเวลานี้นักวิจัยประสบความสำเร็จในการที่จะใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในการคาด...
11/10/2025

👁เผยระบบ AI คาดการณ์ได้ว่า คนไหนกำลังจะตาบอด

เวลานี้นักวิจัยประสบความสำเร็จในการที่จะใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในการคาดการณ์ผู้ป่วยที่จะต้องทำการรักษากระจกตาและหาทางป้องกันดวงตาได้แล้ว

นักวิจัยได้ให้ความสำคัญกับคนที่เป็นกระจกตาย้วย ซึ่งเวลานี้พบมากในส่วนคนที่เป็นหนุ่มสาวหรือกำลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และมีแนวโน้มมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ผลกระทบตรงนี้ในบางกรณีอาจแก้ปัญหาด้วยการใช้คอนแทคเลนส์ แต่บางกรณีไม่สามารถใช้ได้ และหากไม่มีทางรักษา ก็ต้องมาปลูกถ่ายกระจกตา ปัจจุบันทางรักษามีเพียงทางเดียวก็คือ ต้องมีการติดตามอาการผู้ป่วยดวงตาอย่างต่อเนื่อง

นักวิจัยมีการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในการประเมินภาพดวงตาของผู้ป่วย ประกอบกับข้อมูลอื่น ๆ และก็สามารถคาดการณ์แนวทางการรักษาให้กับผู้ป่วยได้

ด้วยศักยภาพอัลกอริทึมของระบบปัญญาประดิษฐ์นั้น ทำให้สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำในส่วนประเด็นที่ว่า ผู้ป่วยคนไหนที่มีดวงตาเสื่อมถอยหรือใช้งานได้ นักวิจัยได้มีการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์กับรูปภาพของผู้ป่วย 2 ใน 3 ที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงต่ำ ไม่มีความจำเป็นต้องทำการรักษาและส่วนหนึ่งเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูง มีความจำเป็นต้องรักษาตามกระบวนการ
ผลลัพธ์ปรากฏว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถคาดการณ์ได้แม่นยำถึง 90 % ด้วยกัน

นักวิจัยชี้ว่า งานวิจัยเผยให้เห็นว่า เราสามารถใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ในการคาดการณ์ผู้ป่วยได้ว่า ผู้ป่วยรายไหนจำเป็นต้องได้รับการรักษาและคนไหนที่ต้องเฝ้าดูอาการ

นี่ถือเป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่เผยให้เห็นถึงความแม่นยำในการคาดการณ์ความเสี่ยงของกระจกตา แม้ว่างานวิจัยอาจมีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้อุปกรณ์ แต่กระบวนการในการวิจัยกับการดูอัลกอริทึมของระบบปัญญาประดิษฐ์ก็สามารถประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดอื่น ๆ ได้

ที่มา: Sciencedaily.com

#ตา #ดวงตา #สุขภาพ #ปัญญาประดิษฐ์

🚶เพียงแค่เดินมากขึ้น ช่วยป้องกันการปวดหลังเรื้อรังได้งานวิจัยได้ออกเปิดเผยว่า คนส่วนใหญ่ที่เดินเยอะมักจะมีอาการปวดหลังน้...
08/10/2025

🚶เพียงแค่เดินมากขึ้น ช่วยป้องกันการปวดหลังเรื้อรังได้

งานวิจัยได้ออกเปิดเผยว่า คนส่วนใหญ่ที่เดินเยอะมักจะมีอาการปวดหลังน้อยกว่าคนที่ไม่ค่อยได้เดินมากนัก

การที่เราเดินเป็นระยะเวลาประมาณ 100 นาทีเป็นระยะเวลาทุกวันนั้น จะช่วยในเรื่องการลดความเสี่ยงอาการปวดหลังน้อยลงถึง 23 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับคนที่เดินเป็นระยะเวลาประมาณ 78 นาทีหรือน้อยกว่านั้น

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะปกติการเคลื่อนไหวทางกายภาพล้วนแล้วมีผลดีต่อหลังของเราทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเพียงการเคลื่อนไหวด้วยการเดินธรรมดา ๆ อย่างที่เราทำกันนั้นจะช่วยเรื่องอาการปวดหลังได้

นักวิจัยกล่าวว่า “การออกแรงมีบทบาทสำคัญที่ทำให้หลังของเรามีปัญหาในระยะยาว แต่หลังของเราจะมีปัญหาน้อยลงจากการเดินในแต่ละวัน”

ผลลัพธ์ตรงนี้อาจมีบทบาทสำคัญที่ช่วยในเรื่องของการป้องกันปัญหาการปวดหลังแบบเรื้อรัง จนถึงตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีงานวิจัยเกี่ยวกับการป้องกันปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อและกระดูก การเคลื่อนไหวทางกายภาพจะช่วยในเรื่องของการป้องกันอาการเจ็บไข้ได้ป่วย งานวิจัยนี้จึงให้ความสำคัญด้วยการยืนยันว่า การเคลื่อนไหวทางกายภาพโดยเฉพาะการเดินในแต่ละวันสามารถช่วยในเรื่องของปัญหาอาการปวดหลังได้

อาการปวดหลังถือเป็นอาการทั่วไปที่ทุกคนต้องเจอ แต่ไม่ใช่อาการปวดหลังแบบเรื้อรังและภาวะโรคอื่น ๆ ที่เข้ามาแทรกซ้อน อีกทั้งยังต้องเสียเงินกับค่ารักษาตรงส่วนนี้จำนวนมาก

งานวิจัยเผยว่า อาการปวดหลังและปวดคอมีต้นทุนค่ารักษาที่หลายคนต้องเสียกับมันจำนวนมาก โรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูกนั้นถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สำคัญในวงการสาธารณสุข โดยเฉพาะในประเทศนอร์เวย์

ที่มา: Sciencedaily.com

#ปวดหลัง #ปวดเมื่อย #สุขภาพ #ปวดคอ #สุขภาพ

☺️Positive Monday: รู้จักความกลัว☺️เป็นเรื่องปกติที่คนเราต้องมีความกลัว แต่ความกลัวเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้กับมันได้ความกล...
05/10/2025

☺️Positive Monday: รู้จักความกลัว☺️

เป็นเรื่องปกติที่คนเราต้องมีความกลัว แต่ความกลัวเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้กับมันได้

ความกลัวอาจมาแทนที่ด้วยความกลัวใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเสร็จงานวันนี้ แล้ววันต่อมาเจองานที่หินไม่ต่างกัน บวกกับแรงกดดันจากหัวหน้าที่เราอาจต้องทำให้เสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด

คำถามก็คือว่า จะทำให้เราไม่รู้สึกกลัวได้ไหม ก็ต้องตอบว่า ขึ้นอยู่กับว่าเราคิดอย่างไรกับสิ่งที่เราได้เจอ

หากเราอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยหรือ Safe Zone มันทำให้เรารู้สึกไม่กลัวและโล่งใจ แต่เมื่อเราก้าวข้ามจุดนี้ออกมา เราก็จะเริ่มเห็นความกลัวแสดงออกมาอย่างช้า ๆ

หมายความว่า มันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เราได้อยู่และพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่เราอาจควบคุมความกลัวได้จากสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศในที่ทำงาน การพูดคุยสื่อสารระหว่างกัน หากว่าบรรยากาศยังคงเหมือนเดิม มีการพูดคุยสื่อสารไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะก้าวข้ามความกลัวได้

ความกลัวสามารถฉายหนังซ้ำได้เรื่อย ๆ ไม่หยุด และมันอาจทำให้เรากลายเป็นคนที่ตื่นตระหนกตกใจกับเรื่องต่าง ๆ ได้ง่าย หากเราค่อย ๆ พยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เรากลัวอยู่ เราก็จะรู้ว่า ความกลัวย่อมมีจุดพักของมัน และเราก็ใช้จังหวะตรงนี้สร้างหรือเปลี่ยนแปลงตัวเองขึ้นมาใหม่

#พลังบวก #วันจันทร์ #แรงบันดาลใจ #กำลังใจ #ทำงาน

📱เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี เล่นสมาร์ทโฟน ส่งผลต่อสุขภาพจิตแม้ว่าปัจจุบันสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนมีติดตัวกัน อย่างไรก็ตาม...
04/10/2025

📱เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี เล่นสมาร์ทโฟน ส่งผลต่อสุขภาพจิต

แม้ว่าปัจจุบันสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนมีติดตัวกัน อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน

โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีนั้น การใช้สมาร์ทโฟนส่งผลต่อสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ลง สอดคล้องกับงานวิจัยที่ได้มีการวิจัยเด็กมากกว่า 1 แสนคนทั่วโลก

งานวิจัยได้มีการเปรียบเทียบคนที่มีสมาร์ทโฟนครั้งแรกระหว่างอายุ 18-24 ปี กับเด็กอายุ 12 ปี หรือน้อยกว่านั้น โดยส่วนใหญ่พวกเขามีแนวโน้มคิดที่จะจบชีวิตตัวเอง, มีความก้าวร้าวมากขึ้น, แยกตัวออกจากโลกแห่งความเป็นจริง, การควบคุมอารมณ์ที่ย่ำแย่ลงหรือแม้แต่ให้ความเคารพตัวเองน้อยลง

ผลกระทบจากการใช้สมาร์ทโฟนที่มีต่อเด็กอายุน้อยนั้น เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะการที่เด็กอายุน้อยเข้าถึงโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงในการถูกกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์, การรบกวนการนอนหลับและความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวที่ลดน้อยลง

“ผลกระทบเหล่านี้มีส่งผลต่อวัยผู้ใหญ่ไม่เพียงแค่เรื่องของสุขภาพจิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวลเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพิ่มความก้าวร้าว, การปลีกตัวออกจากโลกแห่งความเป็นจริงและการคิดสั้นที่เป็นผลต่อการเติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่”

แม้ว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะมีการกำหนดผู้ใช้อายุต่ำสุด 13 ปี แต่ข้อบังคับตรงนี้ก็ไม่อาจใช้ได้จริงอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันเด็กเล็กส่วนใหญ่เริ่มมีการใช้เวลาอยู่กับสมาร์ทโฟนมากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้ตอนนี้เริ่มมีบางประเทศห้ามใช้โทรศัพท์ในโรงเรียน หรือแม้แต่จำกัดการใช้โทรศัพท์ในบางองค์กรอย่างเช่นประเทศฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, อิตาลี, นิวซีแลนด์

ที่มา: Sciencedaily.com

#สมาร์ทโฟน #โทรศัพท์มือถือ #สุขภาพจิต #โซเชียลมีเดีย

🧖นอนหลับมากเกินไป ส่งผลเสียต่อการรับรู้ โดยเฉพาะคนที่เป็นซึมเศร้าแม้ว่าการนอนหลับพักผ่อนถือเป็นการเยียวยาสุขภาพกายและใจไ...
01/10/2025

🧖นอนหลับมากเกินไป ส่งผลเสียต่อการรับรู้ โดยเฉพาะคนที่เป็นซึมเศร้า

แม้ว่าการนอนหลับพักผ่อนถือเป็นการเยียวยาสุขภาพกายและใจได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามการนอนหลับมากเกินไปมันก็ส่งผลเสียบางอย่าง

การนอนหลับ 9 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นอาจทำให้กระบวนการรับรู้ของเราย่ำแย่ลง โดยเฉพาะกรณีของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว

เรื่องนี้นักวิจัยกล่าวว่า “คนที่นอนหลับยาวมีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า การนอนหลับยาวส่งผลต่อการรับรู้โดยรวม รวมไปถึงความสามารถในการรับรู้อย่างเช่นความจำ การมองเห็นและการทำงาน และมันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงคนที่ป่วยเป็นภาวะซึมเศร้าแม้ว่าจะมีการทานยาต้านซึมเศร้าก็ตาม”

สอดคล้องกับงานวิจัยที่เผยว่า การนอนหลับส่งผลต่อกระบวนการสรีรวิทยา โดยเฉพาะสมอง ซึ่งระยะเวลาการนอนหลับที่ผิดปกติพบได้จากผู้สูงอายุ

เช่นเดียวกันยังมีเรื่องความเสี่ยงของกระบวนการรับรู้ที่ถดถอยและโรคอัลไซเมอร์ด้วย งานวิจัยหลายชี้ว่า การนอนหลับมากเกินไปหรือน้อยเกินไปส่งผลต่อกระบวนการรับรู้ ทั้งเรื่องของความจำ ความสามารถในการจัดการและกระบวนการทางจิตใจอย่างเช่นการวางแผน การแก้ปัญหาและการควบคุมสิ่งกระตุ้น

ประเด็นอื่น ๆ อย่างเช่นโรคซึมเศร้านั้น ถือเป็นความเสี่ยงที่ทำให้กระบวนการรับรู้ถดถอยลงมากไปอีก บ่อยครั้งที่โรคซึมเศร้าเป็นบ่อของการเกิดปัญหาการนอนหลับ และกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านั้น ล้วนแล้วเจอกับปัญหาการนอนหลับ

ด้วยเหตุนี้คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามีปัญหาทั้งเรื่องของการนอนหลับและกระบวนการรับรู้ นักวิจัยพบว่าการนอนหลับยาวส่งผลต่อภาพรวมของกระบวนการรับรู้ แม้ว่าจะมีการทานยาต้านซึมเศร้าก็ตาม

ที่มา: Sciencedaily.com

#โรคซึมเศร้า #ซึมเศร้า #นอนหลับ #สุขภาพ

☺️Positive Monday: ความตระหนักรู้ สำคัญแค่ไหน?☺️ความตระหนักรู้ตัวเองแม้จะทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นตัวของตัวเองได้ดี แต่จ...
28/09/2025

☺️Positive Monday: ความตระหนักรู้ สำคัญแค่ไหน?☺️

ความตระหนักรู้ตัวเองแม้จะทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นตัวของตัวเองได้ดี แต่จะต้องเข้าใจก่อนว่า ความตระหนักรู้ตัวเองนั้น ไม่ได้เหมือนกันทุกคน

ขึ้นอยู่กับว่า ความคิดและสภาพจิตใจของคุณเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นความต้องการสิ่งต่าง ๆ หรืออยากทำอะไรก็ตาม เราจะต้องทำการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมไปถึงต้องรับรู้ด้วยว่า คนอื่นจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เราได้ทำลงไป

เรื่องนี้เราอาจต้องใช้เวลาในการทบทวนตัวเองอยู่พอสมควร เนื่องจากเราเองก็ล้วนแล้วต้องการได้รับการยอมรับและจะต้องมีเหตุผลที่ดีในการลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ขณะเดียวกันความตระหนักรู้ตัวเองจะช่วยให้เราเข้าใจความเจ็บป่วย ความกลัวหรือความสับสนกับสิ่งที่เรากำลังเจออยู่ และตรงจุดนี้เราจะรับรู้ได้ว่า ตัวเราอาจต้องพักผ่อนหรือหาเวลาเยียวยาจิตใจบ้างแล้ว

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องดีที่เราต้องหมั่นฝึกฝนความตระหนักรู้ของตัวเอง ด้วยการให้เวลากับตัวเอง ทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้ทำและวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น

#พลังบวก #วันจันทร์ #แรงบันดาลใจ #กำลังใจ #ทำงาน

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

087-797-6861

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ CJ BOOKผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง CJ BOOK:

แชร์