Globthailand globthailand.com โอกาสใหม่เพื่อการเติบโตของธุรกิจไทยในต่างแดน

globthailand จัดตั้งขึ้นภายใต้กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ตามนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก ที่จะสนับสนุนและเพิ่มโอกาสทางการค้า การลงทุนให้ภาคเอกชนไทยก้าวไกลในต่างแดน ด้วยข้อมูลที่ส่งตรงจากเครือข่ายศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในต่างประเทศ

🌍 glob ทันโลก : กว่างซีผงาด! การขนส่งสินค้าทางรางโตต่อเนื่อง ครอบคลุม 163 สถานีทั่วจีนเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงเปิดให้บร...
27/10/2025

🌍 glob ทันโลก : กว่างซีผงาด! การขนส่งสินค้าทางรางโตต่อเนื่อง ครอบคลุม 163 สถานีทั่วจีน

เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงเปิดให้บริการรถไฟขนส่งตู้สินค้าเชื่อม “เรือ-ราง” ตั้งแต่ปี 2560 และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากเส้นทางเริ่มต้น ฉงชิ่ง–กว่างซี–สิงคโปร์ ปัจจุบันขยายเป็น 26 เส้นทาง ครอบคลุมการลำเลียงสินค้าระหว่างท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้กับเมืองเศรษฐกิจสำคัญ เช่น กว่างซี ฉงชิ่ง เสฉวน ยูนนาน และกุ้ยโจว รวมถึงเชื่อมต่อกับรถไฟสายจีน–ยุโรป (China-Europe Railway Express)

ข้อมูลจาก China Railway Nanning Group ระบุว่า ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 การขนส่งสินค้าภายใต้โมเดล “เรือ-ราง” มีจำนวนรวม 1.09 ล้านตู้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 70.3 จากปีก่อน ครอบคลุม 163 สถานี ใน 75 เมือง 18 มณฑลทั่วจีน สินค้ามีความหลากหลายกว่า 1,316 ประเภท เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า รถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ ธัญพืช และอาหาร
ปีนี้ หน่วยงานการรถไฟได้พัฒนาระบบโลจิสติกส์โดยใช้ใบตราส่งสินค้าใบเดียวตลอดเส้นทาง และให้บริการขนส่งครบวงจร (One Stop Service) ช่วยลดขั้นตอนการประสานงาน ผู้ใช้บริการสามารถติดตามสถานะตู้สินค้าได้อย่างชัดเจน

ขณะเดียวกัน การขนส่งสินค้าทางรถไฟจีน–เวียดนามผ่าน “ท่าสถานีรถไฟระหว่างประเทศหนานหนิง” มีการลำเลียงสินค้าขาออกสู่เวียดนามรวม 26,000 ตู้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 173 ใช้เวลาเพียง 14 ชั่วโมงถึงสถานีเยินเวียน กรุงฮานอย

บีไอซีเห็นว่า การขนส่งสินค้าเข้าสู่จีนผ่าน “รถไฟ” ที่กว่างซีจ้วง เป็นโอกาสสำคัญที่ภาคธุรกิจไทยควรใช้ประโยชน์ เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดความแออัดของท่าเรือหลักในจีน

ข้อมูลจาก : thaibizchina
เรียบเรียงโดยศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://globthailand.com/china-27102025/
Website: www.globthailand.com
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand/
Twitter: https://twitter.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/Globthailand
#โลจิสติกส์จีนอาเซียน #เรือรางกว่างซี #เส้นทางการค้าจีนไทย #ขนส่งสินค้าทางรถไฟ
#เขตกว่างซีจ้วง #เชื่อมโยงการค้าอาเซียน #พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจีน #การค้าระหว่างประเทศ #โลจิสติกส์ครบวงจร #เสริมศักยภาพการส่งออก #ลดต้นทุนการขนส่ง #เศรษฐกิจภูมิภาคตะวันตกจีน #ขนส่งจีนเวียดนาม

สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์  น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
25/10/2025

สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์
น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

🌍 glob ทันโลก :  ราคากาแฟโลกพุ่ง! จุดเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคแคนาดา และโอกาสใหม่ของกาแฟไทยราคากาแฟทั่วโลกพุ่งสูงเป็นประว...
24/10/2025

🌍 glob ทันโลก : ราคากาแฟโลกพุ่ง! จุดเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคแคนาดา และโอกาสใหม่ของกาแฟไทย

ราคากาแฟทั่วโลกพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ ทิม ฮอร์ตันส์ (Tim Hortons) ร้านกาแฟเชนรายใหญ่ของแคนาดา ปรับขึ้นราคากาแฟครั้งแรกในรอบ 3 ปี แม้จะเพิ่มเพียงราว 3 เซนต์ต่อแก้ว แต่ก็สร้างแรงสะเทือนในตลาด เพราะแบรนด์นี้เป็นสัญลักษณ์ของกาแฟราคาย่อมเยาในชีวิตประจำวันของชาวแคนาดา

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ราคากาแฟที่พุ่งขึ้นกว่า 27.9% ภายในปีเดียว เป็นสัญญาณของแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและปัญหาผลผลิตจากภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะในประเทศผู้ปลูกหลักอย่างบราซิลและโคลอมเบีย ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคเริ่มปรับพฤติกรรม — จากการแวะร้านทุกวัน หันมาชงกาแฟเองที่บ้านหรือเลือกทางเลือกที่ถูกกว่า

แนวโน้มนี้อาจเป็นโอกาสสำคัญของ ผู้ส่งออกกาแฟไทย ที่มีจุดแข็งด้านคุณภาพและความยั่งยืน โดยเฉพาะกาแฟจาก เชียงใหม่และเชียงราย ที่สามารถเจาะตลาดกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ในแคนาดาได้ หากนำเสนอเรื่องราวของแหล่งปลูกและมาตรฐานการผลิตอย่างมีเอกลักษณ์
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://globthailand.com/canada-24102025/

ที่มา: สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแวนคูเวอร์
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
Website: www.globthailand.com
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand/
X: https://x.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/Globthailand

ันโลก #กาแฟ #ราคากาแฟ #แคนาดา #กาแฟไทย #ส่งออก #เศรษฐกิจ #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวรอบโลก #รอบโลก #รอบรู้รอบโลก

🌍 glob ทันโลก : ไทย–สิงคโปร์ จุดประกายตลาดคาร์บอนเครดิตอาเซียน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืนเมื่อวันที่ 19 สิงหา...
23/10/2025

🌍 glob ทันโลก : ไทย–สิงคโปร์ จุดประกายตลาดคาร์บอนเครดิตอาเซียน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ไทยและสิงคโปร์ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านคาร์บอนเครดิตภายใต้ข้อ 6 ของความตกลงปารีส ซึ่งเป็นข้อตกลงฉบับแรกในอาเซียนและฉบับที่ 8 ของสิงคโปร์ โดยมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายตัน ซี เหล่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีผู้กำกับดูแลด้านพลังงานและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสิงคโปร์ ร่วมลงนาม ซึ่งสะท้อนบทบาทนำของทั้งสองประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ข้อตกลงนี้ส่งเสริมการถ่ายโอนผลการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ITMOs) ภายใต้ระบบบริหารจัดการที่โปร่งใส เช่น การป้องกันการนับซ้ำและการปรับบัญชีให้สอดคล้องกันระหว่างประเทศ ช่วยให้สิงคโปร์สามารถใช้คาร์บอนเครดิตจากโครงการสีเขียวในไทยเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 พร้อมเปิดโอกาสให้ไทยดึงดูดการลงทุนสีเขียวและเทคโนโลยีสะอาด
ในเชิงเศรษฐกิจ ข้อตกลงนี้จะกระตุ้นตลาดคาร์บอนของไทยและอาเซียน เสริมภาพลักษณ์ด้าน ESG และส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานโครงการคาร์บอนคุณภาพสูง ขณะเดียวกันก็ผลักดันสิงคโปร์สู่การเป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนในภูมิภาค ทั้งนี้ ไทยยังต้องเร่งสร้างความเข้าใจและขีดความสามารถของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs เพื่อให้สามารถเข้าร่วมระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน.

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://globthailand.com/singapore-23102025/
ที่มา: สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
Website: www.globthailand.com
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand/
Twitter: https://twitter.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/Globthailand
ันโลก #ไทย #สิงคโปร์ #ความร่วมมือ #คาร์บอนเครดิต #ตลาดคาร์บอนโลก #ก๊าซเรือนกระจก

📈 glob issue :  กาตาร์สร้างสถิติโลก ย้ายป่าชายเลนครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อสิ่งแวดล้อม กาตาร์ประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการ...
22/10/2025

📈 glob issue : กาตาร์สร้างสถิติโลก ย้ายป่าชายเลนครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อสิ่งแวดล้อม
กาตาร์ประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการย้ายป่าชายเลน (Mangrove Relocation Project) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยการเคลื่อนย้ายต้นแสมทะเลกว่า 36,000 ต้น พร้อมทั้งแนวปะการังและหญ้าทะเล ออกจากพื้นที่ก่อสร้างของ ท่าเรือฮาหมัด (Hamad Port) ท่าเรือสินค้าหลักของประเทศไปยังพื้นที่ฟื้นฟูระบบนิเวศแห่งใหม่

ความสำเร็จครั้งนี้ได้รับการบันทึกโดย Guinness World Records ว่าเป็น “โครงการย้ายป่าชายเลนที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ บริษัทท่าเรือกาตาร์ (MWANI Qatar) ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และแสดงให้เห็นว่าการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ เช่น ท่าเรือสินค้า สามารถดำเนินควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
Website: www.globthailand.com
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand/
Twitter: https://twitter.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/Globthailand
#กาตาร์ #ป่าชายเลน #ท่าเรือฮาหมัด #การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

🌍 glob ทันโลก : GIT เร่งเครื่องเศรษฐกิจอัญมณีไทย ปักธง ‘GIT Standard’ ยกระดับ SMEs สู่ตลาดโลก  สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณี...
21/10/2025

🌍 glob ทันโลก : GIT เร่งเครื่องเศรษฐกิจอัญมณีไทย ปักธง ‘GIT Standard’ ยกระดับ SMEs สู่ตลาดโลก

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) เร่งเครื่องแผนงานปี 2569 รับทิศทางการค้าโลก พร้อมประกาศเดินหน้า “GIT Standard” เครื่องมือยกระดับอุตสาหกรรมไทย มุ่งสร้างฐานความรู้ให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs เตรียมพร้อมรับกฎเหล็กของตลาดส่งออก เนื่องจากอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนศักยภาพของไทยในฐานะหนึ่งในผู้เล่นหลักของตลาดโลก

อย่างไรก็ตาม ในบริบทการค้าโลกยุคใหม่ ตัวแปรที่สำคัญไม่ใช่แค่ปริมาณ แต่คือ “คุณภาพ มาตรฐาน และความรับผิดชอบ” ผู้อำนวยการสถาบัน GIT กล่าวว่า “อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในปัจจุบันไม่ได้วัดกันที่ความสวยงามหรือฝีมือเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ความรู้ ความเข้าใจในมาตรฐานสากล ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” ซึ่ง GIT วางแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมผ่าน 4 ยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้กรอบ “GIT Standard” เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีโลกอย่างยั่งยืน ได้แก่
1. เชื่อมโยงสู่ตลาดโลกด้วยมาตรฐาน Responsible Jewellery Council (RJC) ด้วยการให้ความรู้เชิงลึกแก่ผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลเกี่ยวกับหลักปฏิบัติของ Responsible Jewellery Council ที่แบรนด์ชั้นนำทั่วโลกให้การยอมรับ ครอบคลุมทั้งด้านสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม จริยธรรมทางธุรกิจและการตรวจสอบย้อนกลับ
2. สร้างความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน โดยจัดการอบรมมาตรฐาน GIT Due Diligence Standard เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการในการตรวจสอบย้อนกลับ (Audit) วิเคราะห์ความเสี่ยง และยืนยันแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้อย่างเป็นรูปธรรม
3. พัฒนาทักษะบุคลากรรุ่นใหม่ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายทั้งการผลักดันแรงงานใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรมอย่างมีศักยภาพ และการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เติบโต บนพื้นฐานของความรับผิดชอบและจริยธรรมทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการรองรับโอกาสจากแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศมายังไทย
4. เตรียมความพร้อมด้านสิ่งแวดล้อมและ Carbon footprint โดย GIT ส่งเสริมนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยให้คำปรึกษาการประเมินและลด Carbon footprint แก่ผู้ประกอบการ เพื่อเตรียมความพร้อมต่อมาตรการการค้าระดับโลกที่เข้มข้นมากขึ้นในอนาคต อาทิ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) จากสหภาพยุโรป

GIT มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในยุคที่การค้าระหว่างประเทศเริ่มใช้เกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมและความโปร่งใสเป็นเงื่อนไข เพื่อให้ SMEs สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในระยะยาว เพิ่มโอกาสในการเพิ่มมูลค่าและสร้างจุดขายที่แตกต่างให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีไทยให้มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งด้านฝีมือและวัฒนธรรม พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานกว่า 1 ล้านคน ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงในเวทีโลก
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://globthailand.com/thailand-21102025/
ที่มา: สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT)
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
Website: www.globthailand.com
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand/
Twitter: https://twitter.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/Globthailand
ันโลก #ประเทศไทย #อัญมณี #เครื่องประดับ

🌍 glob ทันโลก :   นโยบายแรงงาน-การค้า-สาธารณสุขหนุนเศรษฐกิจไต้หวันเติบโตอย่างยั่งยืนเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 รัฐบาลไต...
20/10/2025

🌍 glob ทันโลก : นโยบายแรงงาน-การค้า-สาธารณสุขหนุนเศรษฐกิจไต้หวันเติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 รัฐบาลไต้หวันประกาศปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำรายเดือนเป็น 29,500 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 31,500 บาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ส่วนค่าแรงขั้นต่ำรายชั่วโมงปรับขึ้นเป็น 196 ดอลลาร์ไต้หวัน จากเดิม 190 ดอลลาร์

การปรับขึ้นดังกล่าวนับเป็นปีที่ 10 ติดต่อกันภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) แม้อัตราใหม่ยังต่ำกว่าข้อเสนอของสหภาพแรงงานไต้หวันที่เรียกร้องให้ปรับเป็น 29,734 ดอลลาร์ต่อเดือน และ 198 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง แต่สะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานบัญชีและสถิติไต้หวันได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2568 จากร้อยละ 3.1 เป็นร้อยละ 4.45

ขณะเดียวกัน มาตรการจัดเก็บภาษียานำเข้าร้อยละ 100 ของสหรัฐฯ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 อาจส่งผลให้ราคายาในไต้หวันปรับสูงขึ้น กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการจึงเตรียมงบประมาณพิเศษเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
นอกจากนี้ ไต้หวันยังได้ลงนามข้อตกลงซื้อผลิตภัณฑ์เกษตรจากสหรัฐฯ มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลา 4 ปี เพื่อเสริมความมั่นคงทางอาหารและยกระดับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวันที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่างนโยบายแรงงาน การค้า และความมั่นคงทางสังคม

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://globthailand.com/taiwan-20102025/
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
Website: www.globthailand.com
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand/
Twitter: https://twitter.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/
#ทันโลก #ไต้หวันปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ #เศรษฐกิจไต้หวันเติบโต
#ค่าแรงไต้หวัน2569 #นโยบายแรงงานไต้หวัน #รัฐบาลDPP #ราคายาไต้หวัน #มาตรการภาษีสหรัฐ
#การค้าระหว่างประเทศ #ความมั่นคงทางอาหาร #ความร่วมมือไต้หวันสหรัฐ #เศรษฐกิจเอเชีย
#นโยบายเศรษฐกิจไต้หวัน #แรงงานและเศรษฐกิจ #พัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร #ไต้หวันเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก

📈 glob issue :  TSMC จับมือกับมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งนครมิวนิก จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาไมโครชิปปัญญาประดิษฐ์ในรัฐไบเอิร์น...
18/10/2025

📈 glob issue : TSMC จับมือกับมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งนครมิวนิก จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาไมโครชิปปัญญาประดิษฐ์ในรัฐไบเอิร์น

รัฐบาลรัฐไบเอิร์นได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ของไต้หวัน ในการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาไมโครชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายในมหาวิทยาลัยเทคนิคนครมิวนิก (Technical University of Munich: TUM) ภายใต้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Munich Advanced-Technology Center for High-Tech AI Chips (MACHT-AI) ความร่วมมือนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการออกแบบและพัฒนาไมโครชิปของยุโรปให้ก้าวทันเทคโนโลยีระดับโลก รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลรัฐไบเอิร์นกับ TSMC ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ภายใต้โครงการดังกล่าว TSMC จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนด้านเทคนิคแก่ศูนย์ MACHT-AI โดยเฉพาะในด้านการออกแบบและพัฒนาไมโครชิป AI สมรรถนะสูงที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ (customizable AI chips) รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตระดับสูงให้แก่นักศึกษาและนักวิจัยของมหาวิทยาลัย เช่น FinFET (Fin Field-Effect Translator) หรือเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์แบบสามมิติที่ช่วยให้ไมโครชิปมีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานน้อยลง

นอกจากการจัดตั้งศูนย์วิจัยดังกล่าวแล้ว TSMC ยังได้ประกาศในงาน Europe Technology Symposium ถึงแผนการจัดตั้ง ศูนย์ออกแบบชิป (Chip Design Center) แห่งใหม่ในนครมิวนิก เพื่อให้บริการและสนับสนุนลูกค้าในยุโรปในการพัฒนาไมโครชิปสมรรถนะสูงสำหรับการใช้งานในหลากหลายสาขา อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ TSMC ในการขยายบทบาทสู่การเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของยุโรปในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง
ข้อมูล : สถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
Website: www.globthailand.com
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand
Twitter: https://twitter.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/Globthailand
#มิวนิก #ศูนย์วิจัย #ไมโครชิป #ไบเอิร์น

🌍 glob ทันโลก :  เวียดนามเดินหน้าปฏิรูปเทคโนโลยีและนวัตกรรม หนุนกฎหมายใหม่ดึงเอกชนร่วมลงทุน R&Dนโยบายและสิทธิประโยชน์สำห...
17/10/2025

🌍 glob ทันโลก : เวียดนามเดินหน้าปฏิรูปเทคโนโลยีและนวัตกรรม หนุนกฎหมายใหม่ดึงเอกชนร่วมลงทุน R&D

นโยบายและสิทธิประโยชน์สำหรับโครงการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อระดมทรัพยากรจากภาคเอกชนร่วมกับภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการวิจัยภายในประเทศ กฎหมายฉบับนี้กำหนดกลไกแบ่งปันความเสี่ยง การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและที่ดิน รวมถึงเปิดโอกาสให้ภาครัฐสามารถร่วมลงทุนในสัดส่วนสูงสุดถึงร้อยละ 70 ของมูลค่าโครงการ

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 นาย Nguyen Chi Dung รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยพิจารณาจากความสามารถในการถือครองเทคโนโลยีและศักยภาพเชิงพาณิชย์ของภาคเอกชน ที่ประชุมได้ระบุเทคโนโลยีผู้ช่วยเสมือน (Vietnamese Virtual Assistants) เทคโนโลยี 5G และกล้อง AI แบบ Edge-processing เป็นผลิตภัณฑ์หลักประจำปี 2568 พร้อมวางเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน หุ่นยนต์อัตโนมัติ และอากาศยานไร้คนขับ เพื่อเสริมขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก

นอกจากนี้ เวียดนามยังเตรียมบังคับใช้กฎหมายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมฉบับใหม่ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลครั้งสำคัญ โดยยกระดับ “นวัตกรรม” ให้มีสถานะเทียบเท่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กฎหมายดังกล่าวเปิดกลไก Sandbox สำหรับทดลองเทคโนโลยีใหม่ สนับสนุนให้เอกชนลงทุน R&D และถือสิทธิในผลงานวิจัยที่ใช้งบประมาณรัฐ พร้อมส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยเป็นศูนย์กลางวิจัยและพัฒนาบุคลากร สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมผ่านฐานข้อมูลระดับชาติและแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามอย่างยั่งยืน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://globthailand.com/vietnam-17102025/

ที่มา: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
Website: www.globthailand.com
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand/
X: https://x.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/Globthailand

ันโลก #เวียดนาม #เทคโนโลยี #นวัตกรรม #กฎหมายใหม่ #การลงทุน #เศรษฐกิจ #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวรอบโลก #รอบโลก #รอบรู้รอบโลก

🌍 glob ทันโลก :   Fiber is the New Protein! ทำไมทุกคนถึงหันมาหาไฟเบอร์ในปี 2025 เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพยังคงมาแรง โดยเฉพา...
16/10/2025

🌍 glob ทันโลก : Fiber is the New Protein! ทำไมทุกคนถึงหันมาหาไฟเบอร์

ในปี 2025 เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพยังคงมาแรง โดยเฉพาะ “Fibermaxxing” หรือการบริโภคอาหารที่มีกากใยสูง ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพลำไส้และการควบคุมน้ำตาลในเลือดมากขึ้น
ขณะที่รายงานของ Nourish Food Marketing จากแคนาดาชี้ว่า ประชากรส่วนใหญ่ยังบริโภคไฟเบอร์ไม่ถึงปริมาณที่แนะนำต่อวัน (25–30 กรัม) จึงเกิดกระแสรณรงค์ให้ตระหนักถึงประโยชน์ของไฟเบอร์มากขึ้น
กระแสนี้ได้รับแรงผลักดันจาก โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok ที่ผู้บริโภคแชร์สูตรอาหารและเคล็ดลับการเพิ่มไฟเบอร์ในชีวิตประจำวัน จนกลายเป็นกระแสใหม่ในวงการอาหาร แบรนด์ใหญ่ทั่วโลก เช่น Danone ได้เปิดตัวโยเกิร์ต Activia Fiber ส่วน Crazy D’s ผลิตโซดาพรีไบโอติกส์ที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อตอบรับความต้องการตลาดสุขภาพ
บริษัทวิจัย Mintel วิเคราะห์ว่า ไฟเบอร์อาจกลายเป็น “ดาวรุ่ง” ของอุตสาหกรรมอาหารสุขภาพเช่นเดียวกับโปรตีน แต่ยังมีความท้าทายด้านรสชาติและการบริโภคที่มากเกินไป ผู้ผลิตจึงควรให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสม และสื่อสารถึงบทบาทของไฟเบอร์ในการดูแลลำไส้และควบคุมน้ำตาลในเลือดอย่างเข้าใจง่าย

สำหรับประเทศไทย เทรนด์นี้ถือเป็น โอกาสทองของผู้ประกอบการอาหารไทย ที่มีความพร้อมด้านวัตถุดิบและรสชาติ สามารถต่อยอดสู่อาหารและเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ เช่น ขนมขบเคี้ยวจากธัญพืช เครื่องดื่มสมุนไพรพรีไบโอติกส์ หรือโยเกิร์ตไฟเบอร์สูง การพัฒนาเช่นนี้จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์อาหารไทยให้สอดคล้องกับเทรนด์สุขภาพโลก พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://globthailand.com/canada-16102025/
ข้อมูล: สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแวนคูเวอร์
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand/
Twitter: https://twitter.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/Globthailand
ันโลก #แคนาดา #ไฟเบอร์ #โปรตีน #อาหารเพื่อสุขภาพ # โยเกิร์ต

📈 glob issue :  OECD ชี้เงินเฟ้อสหราชอาณาจักรปี 2568 สูงสุดในกลุ่ม G7 องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OEC...
15/10/2025

📈 glob issue : OECD ชี้เงินเฟ้อสหราชอาณาจักรปี 2568 สูงสุดในกลุ่ม G7

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดว่า สหราชอาณาจักรจะมีอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในกลุ่ม G7 ในปี 2568 โดยปรับเพิ่มประมาณการเป็น 3.5% จากเดิม 3.1% เนื่องจากต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ระบุว่า การที่รัฐบาลปรับขึ้นเงินสมทบประกันสังคม (NICs) ปีละกว่า 25,000 ล้านปอนด์ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ต้นทุนและราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรยังสูงกว่าสหรัฐฯ ที่คาดไว้ 2.7% แม้สหรัฐฯ จะใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าที่เข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1930 ก็ตาม

สำหรับปี 2569 OECD คาดว่าเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรจะลดลงเหลือ 2.7% แต่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลาง โดยระบุว่าปัจจัยสำคัญที่กดเงินเฟ้อไม่ลงคือราคาค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ และการขึ้นอัตรา NICs ในด้านเศรษฐกิจโดยรวม OECD ปรับเพิ่มการคาดการณ์ GDP ปี 2568 เป็น 1.4% จากเดิม 1.3% แต่ยังมองว่าการเติบโตในปี 2569 จะอยู่เพียง 1% เนื่องจากท่าทีทางการคลังที่เข้มงวดจากการขึ้นภาษีและลดการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งอาจถ่วงความพยายามของรัฐบาลแรงงานในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ OECD ยังปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของ เศรษฐกิจโลกในปี 2568 เป็น 3.2% จากเดิม 2.9% โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และการเร่งส่งออกก่อนที่มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะมีผล อย่างไรก็ตาม องค์กรคาดว่าอัตราการเติบโตทั่วโลกจะชะลอลงมาอยู่ที่ 2.9% ในปี 2569 เนื่องจากตลาดแรงงานเริ่มอ่อนตัวและแรงส่งจากการส่งออกล่วงหน้าลดลง
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
Website: www.globthailand.com
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand/
Twitter: https://twitter.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/Globthailand
#สหราชอาณาจักร #เศรษฐกิจ

🌍 glob ทันโลก :  Game On! ไทยก้าวสู่ศูนย์กลางเกมแห่งเอเชีย อุตสาหกรรมเกมของประเทศไทยความก้าวกระโดดอย่างมาก เนื่องจากความ...
14/10/2025

🌍 glob ทันโลก : Game On! ไทยก้าวสู่ศูนย์กลางเกมแห่งเอเชีย

อุตสาหกรรมเกมของประเทศไทยความก้าวกระโดดอย่างมาก เนื่องจากความมุ่งมั่นของผู้คนในอุตสาหกรรมที่ต้องการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยคือศูนย์กลางการผลิตเกมที่กำลังเติบโตอย่างแท้จริง อีกทั้งการที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในประเทศพันธมิตรอย่างเป็นทางการ และได้จัดตั้ง Thailand Pavillion ก็ได้จัดแสดงงานของสตูดิโอมากมาย

ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาภายในงานได้ลองเล่นเกมไทย และยังได้ลิ้มลองอาหารไทยหลากหลายชนิด ทำให้เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นการสร้างสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างยุโรปและเอเชีย

การที่อุตสาหกรรมเกมของไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐที่แข็งแกร่งอย่างแข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเติบโตของเกมบนมือถือและเกมบนคลาวด์ ขณะเดียวกัน สตูดิโอของไทยจะต้องขยายขนาดเพื่อแข่งขันกับตลาดขนาดใหญ่กว่าอย่างอินโดนีเซีย เกาหลี และจีน และต้องมั่นใจว่า “อัตลักษณ์ไทย” ในเกมจะต้องถูกนำเสนออย่างสร้างสรรค์

อย่างไรก็ดี การที่ประเทศไทยเปลี่ยนจากการเป็นผู้เข้าร่วมงานในอุตสาหกรรมเกมระดับโลก มาเป็นหนึ่งในเจ้าภาพระดับภูมิภาค สำหรับแฟนเกม อาจจะหมายถึงการเข้าถึงงานระดับโลกได้มากขึ้น แต่สำหรับนักพัฒนานั้น หมายถึงการระดมทุนและการเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติมากกว่าเดิม และตอกย้ำว่าวงการเกมเป็นอีกหนึ่งของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งของประเทศ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://globthailand.com/thailand-14102025/
ที่มา: THAILANDNOW
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้ที่
Website: www.globthailand.com
Facebook: https://www.facebook.com/Globthailand/
Twitter: https://twitter.com/globthailand
TikTok: https://www.tiktok.com/Globthailand
ันโลก #เกม #เศรษฐกิจ #ประเทศไทย #เกมมือถือ #อัตลักษณ์ไทย

ที่อยู่

กระทรวงการต่างประเทศ 443 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ
Bangkok
10400

เวลาทำการ

จันทร์ 09:30 - 17:30
อังคาร 09:30 - 17:30
พุธ 09:30 - 17:30
พฤหัสบดี 09:30 - 17:30
ศุกร์ 09:30 - 17:30

เบอร์โทรศัพท์

+6622035000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Globthailandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Globthailand:

แชร์

Our Story

ThaiBiz.net ได้ก้าวสู่ปีที่ 4 ด้วยการพลิกโฉมสู่ globthailand.com ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศตามนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก (Proactive Economic Diplomacy) ที่จะสนับสนุนภาคเอกชนไทยที่มีศักยภาพให้ก้าวออกไปขยายธุรกิจ ทั้งในด้านการค้าเเละการลงทุนกับต่างประเทศ ด้วยข้อมูลเเละโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศที่ทันต่อสถานการณ์ เพื่อส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพทางเศรษฐกิจสำหรับภาคเอกชนไทยในเวทีโลก เว็บไซต์ globthailand.com เป็นช่องทางสำคัญในการนำสาระดังกล่าวสู่มือภาคเอกชนไทย บรรจุข้อมูลเชิงลึกที่เชื่อถือได้เเละคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน โดยเครือข่ายศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในต่างประเทศ (Business Information Center หรือศูนย์ BIC) ในหลายประเทศทั่วโลกที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทย รวมถึงฝ่ายเศรษฐกิจภายใต้การดำเนินงานของสถานเอกอัครราชทูตเเละสถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศ ทีมงาน globthailand ประกอบด้วยคนรุ่นใหม่ไฟเเรงที่อยากเห็นธุรกิจไทยเติบโตอย่างมั่นคงในต่างประเทศเเละยินดีให้บริการภาคเอกชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงเเค่บอกเราถึงความพร้อมเเละความตั้งใจที่จะก้าวออกไปสู่เวทีสากล