Nation STORY Where your voice matters. Where your voice matters.

บริษัท เนชั่นทีวี จำกัด
1854 ถนนเทพรัตน แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260

02/10/2025

ชาวบ้านวอนรัฐบาลแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาให้ได้ | Where your voice matters. #รัฐบาล4เดือน #นายกอนุทิน #ชายแดนไทยกัมพูชา #เสียงประชาชน

QUOTE: "เอม-อิ๊งค์" เยี่ยม "ทักษิณ" รอบที่ 6 เผยพ่อปรับตัวดีขึ้นวันนี้ (2 ต.ค.) ครอบครัวของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนต...
02/10/2025

QUOTE: "เอม-อิ๊งค์" เยี่ยม "ทักษิณ" รอบที่ 6 เผยพ่อปรับตัวดีขึ้น
วันนี้ (2 ต.ค.) ครอบครัวของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้าไปเยี่ยมในเรือนจำเป็นครั้งที่ 6 โดยมีเพียงลูกสาว 2 คน คือ พินทองทา และ แพทองธาร ชินวัตร พร้อมด้วย วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัว
แพทองธาร บอกว่า วันนี้ได้นำหนังสือเกี่ยวกับธรรมะมาให้ ก่อนจะให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมว่า "คุณพ่อปรับตัวดีขึ้น เรื่องสุขภาพก็ยังมีเรื่องเกี่ยวกับกระดูกคอ แต่ดูสดใสขึ้น น่าจะปรับตัวได้ดีขึ้น แต่เราก็รู้จักท่านอยู่แล้ว ปกติท่านเป็นคนไม่อยู่นิ่งๆ มาก และครั้งที่แล้วได้นำหนังสือธรรมะมาให้ ซึ่งได้ฝากให้ไปแล้ว"
ด้านทนายวิญญัติ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงบรรยากาศในการเยี่ยมทักษิณวันนี้ว่า "วันที่ 24 ของท่านทักษิณ ชินวัตร ท่ามกลางแสงแดด ที่สาดส่อง ณ ทางเดินหลังกำแพงปูนของอาคารเยี่ยมญาติ ผมเห็นท่านเดินมาด้วยชุดสีฟ้า สวมรองเท้าแตะสีขาว ตัดผมสั้นเกรียน ที่ใบหน้ามีรอยยิ้มก่อนเข้าประตูห้องเยี่ยม ท่านรับไหว้ผม
จากนั้น ท่านได้ยิ้มแย้มทักทายลูกสาวทั้งสองของท่าน และได้พูดคุยกัน เป็นภาพที่น่ารัก มีความอบอุ่น ซาบซึ้งในใจผมทุกครั้งที่เห็น เวลาที่ลูกๆท่านมาเยี่ยม ขอพูดจากความรู้สึกที่สัมผัสได้ ผมเห็นความสุขทั้งที่ขาดอิสรภาพ ความรักที่ส่งผ่่านกระจกใสและหนาไม่ได้ยินเสียงพูด แต่เสียงของหัวใจดังทะลุแนวกั้นนี้ ถึงความเป็นนักสู้ของทั้งสามคน ผมเชื่อว่าหลายคนคิดถึงและรอคอยวันที่ท่านทักษิณได้รับอิสรภาพ"
#แพทองธารชินวัตร #ทักษิณชินวัตร #เรือนจํากลางคลองเปรม #ทนายวิญญัติ

02/10/2025

"ทิลลี นอร์วูด" อินฟลูเอไอฯ ถูกคนในฮอลลีวูดทัวร์ลง หลังมีข่าวเตรียมเซ็นสัญญาเป็นดารามีสังกัด สะท้อนประเด็นอ่อนไหวของเอไอ ทั้งเรื่องการมาทดแทนมนุษย์และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
#ดาราฮอลลีวูด #ดาราเอไอ #สหรัฐอเมริกา #ทรัพย์สินทางปัญญา

02/10/2025

ระบบภาษีในโลกต่างกัน แต่ทุกประเทศมีบทเรียนชัดเจน: ภาษีก้าวหน้าช่วยลดเหลื่อมล้ำ – Flat Tax เรียบง่าย – NIT กระตุ้นรายได้น้อย
คำถามคือ… หากไทยนำแนวคิดเหล่านี้มาใช้ จะเกิดโอกาสหรือความท้าทายอะไรบ้าง?
#ระบบภาษี #เก็บภาษี #ภาษีต่างประเทศ

QUOTE: คู่เดือด! "โรม-ผู้กอง" ฉะยับปม "เบน สมิธ"ควันหลงศึกอภิปรายในการแถลงนโยบายรัฐบาลอนุทิน ที่ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชี...
02/10/2025

QUOTE: คู่เดือด! "โรม-ผู้กอง" ฉะยับปม "เบน สมิธ"
ควันหลงศึกอภิปรายในการแถลงนโยบายรัฐบาลอนุทิน ที่ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ แฉหลักฐานความสนิทสนมระหว่าง เบนจามิน สมิธ เจ้าพ่อสแกมเมอร์เขมร กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ
ล่าสุด รังสิมันต์ โรม ออกมาให้ข้อมูลว่าตอนนี้ "เบน สมิธ" ได้ออกนอกประเทศไปแล้วโดยไม่ทราบปลายทาง รวมทั้งเตรียมเชิญ ร.อ.ธรรมนัส มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการฟอกเงินข้ามชาติ
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส ออกมาซัดกลับทันที ยันตนเองไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวแก๊งสแกมเมอร์ พร้อมถามกลับรังสิมันต์ว่าไปรับงานใครมา รู้หรือยังเขาทำอะไรผิด ทำธุรกิจเขาเสียหายทั้งในและนอกประเทศ ระวังเอาข่าวมั่วมาขยายความเดี๋ยวจะเดือดร้อน
#รังสิมันต์โรม #ธรรมนัสพรหมเผ่า #เบนสมิธ #สแกมเมอร์ #กัมพูชา

RECAP: จีนส่งอาวุธให้กัมพูชาก่อนเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา นิวยอร์กไทมส์เปิดเอกสารข่าวกรองสะเทือนภูมิภาคเมื่อมหาอำนาจส่งอ...
02/10/2025

RECAP: จีนส่งอาวุธให้กัมพูชาก่อนเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา นิวยอร์กไทมส์เปิดเอกสารข่าวกรองสะเทือนภูมิภาค
เมื่อมหาอำนาจส่งอาวุธให้เพื่อนบ้าน ก่อนสงครามจะปะทุ เราควรตั้งคำถามอะไรกับบทบาทของจีนในภูมิภาคนี้?
🔵[เบื้องหลังรายงานที่โลกจับตา]
นิวยอร์กไทมส์เผยแพร่รายงานพิเศษเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่ทำให้หลายฝ่ายต้องหันมาจับตาความสัมพันธ์ระหว่างไทย กัมพูชา และจีน รายงานอ้างอิงเอกสารข่าวกรองของไทยว่า ในเดือนมิถุนายน 2568 เครื่องบินทหารจีน Y-20s หรือที่เรียกกันว่า "เด็กหญิงอ้วน" เพราะลำตัวกว้างและบรรทุกหนักได้ บินมาเมืองสีหนุวิลล์ทางภาคใต้ของกัมพูชาถึง 6 เที่ยว ขนจรวด กระสุนปืนใหญ่ และปืนครกมาให้
อาวุธจีนบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ 42 ตู้ เก็บไว้ที่ฐานทัพเรือเรียม หลายวันต่อมากระสุนเหล่านี้ถูกขนย้ายไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีข้อพิพาทกันมานาน ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ความขัดแย้งที่คุกรุ่นก็ปะทุเป็นสงครามที่คร่าชีวิตไปอย่างน้อย 40 คน ทั้งสองฝ่าย
แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ? เพราะมันตั้งคำถามถึงบทบาทของจีนในฐานะ "ผู้สร้างสันติภาพ" ที่พยายามแสดงต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
🔵[ตัวเลขและหลักฐานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้]
ตามเอกสารข่าวกรองไทย ระหว่างวันที่ 21-23 มิถุนายน 2568 จีนส่งอาวุธให้กัมพูชาประกอบด้วย กระสุนสำหรับเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เกือบ 700 นัด รวมถึงระบบยิงจรวดที่ผลิตในจีน Type 90B และ PHL-03 นอกจากนี้ยังมีกระสุนปืนใหญ่สำหรับปืนครกอัตตาจร SH-1 และกระสุนปืนกลต่อสู้อากาศยาน
สองวันต่อมา กัมพูชาขนย้ายกระสุนเหล่านี้ไปยังจังหวัดชายแดนสองแห่งคืออุดรมีชัย และพระวิหาร นักวิเคราะห์ระบุว่าการระดมส่งอาวุธแบบนี้ต้องได้รับอนุมัติจากผู้นำระดับสูงของจีนแล้วอย่างแน่นอน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชารับรองรายละเอียดพื้นฐานของการขนส่ง แต่อ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบประจำปีกับจีน แม้นิวยอร์กไทมส์จะชี้ว่าการซ้อมรบจบไปตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ก่อนหน้านั้นหลายสัปดาห์
แล้วเรื่องนี้ต่างจากการซื้อขายอาวุธปกติอย่างไร? คือ ช่วงเวลาและปริมาณที่ "พอดี" กับการเตรียมพร้อมสู้รบชายแดน
🔵[สองร้อยปีของข้อพิพาทที่ไม่มีวันจบ]
ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องเก่าแก่กว่า 200 ปี เกี่ยวข้องกับเส้นชายแดนที่ฝรั่งเศสเขียนขึ้นตอนต้นทศวรรษ 1900 ในช่วงทศวรรษ 1960 ศาลระหว่างประเทศตัดสินว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ไทยไม่เคยยอมรับคำตัดสินนี้
ที่น่าสนใจคือ ตั้งแต่ปลายปี 2022 กัมพูชาเริ่มสร้างค่ายทหารใกล้ปราสาทพระวิหารทางตะวันออก ตัดถนนเข้าพื้นที่ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม นักวิเคราะห์จากสถาบันนโยบายเชิงกลยุทธ์ออสเตรเลียระบุว่า "ชัดเจนว่ากัมพูชากระตือรือร้นเสริมกำลังทหารกว่าไทยมาก"
ในขณะที่ไทยเป็นฝ่าย "ตอบโต้และตั้งรับเป็นส่วนใหญ่" ด้วยการเสริมกำลังฐานทัพที่มีอยู่เดิม วางกำลังปืนใหญ่และยานเกราะ พร้อมเพิ่มการเฝ้าระวัง
แล้วทำไมกัมพูชาถึงกล้าท้าทาย? คำตอบอาจอยู่ที่การสนับสนุนจากจีน
🔵[บทบาทของจีน: ผู้สร้างสันติภาพหรือผู้จุดชนวน?]
จีนกลายเป็นผู้สนับสนุนหลักทางทหารของกัมพูชามาตั้งแต่การปะทะครั้งใหญ่ในปี 2011 เมื่อกระสุนกัมพูชาหมดอย่างรวดเร็ว นับจากนั้นสองประเทศซ้อมรบประจำปีร่วมกันเป็นประจำ ในปี 2018 จีนให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่กัมพูชากว่า 100 ล้านดอลลาร์
ที่น่าสนใจคือ ทั้งไทยและกัมพูชาต่างซื้ออาวุธจากจีน ตอนนี้ไทยซื้ออาวุธจากจีนมากกว่าสหรัฐซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ตามสนธิสัญญาแล้ว จีนจึงต้อง "สร้างสมดุล" ระหว่างสองประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญ
เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมหนึ่งวันหลังสงครามปะทุ เจ้าหน้าที่จีนระดับสูงพบรักษาการทูตทหารไทยในปักกิ่ง แจ้งว่าจีนไม่ได้จัดหาอาวุธให้กัมพูชามาสู้รบกับไทยนับตั้งแต่เกิดความขัดแย้ง แต่รายงานข่าวกรองไทยชี้ว่าอาวุธถูกส่งไปก่อนหน้านั้นแล้ว
**คำถามคือ จีนรู้หรือไม่ว่าอาวุธเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ทำสงคราม?**
🔵[เสียงจากฝ่ายไทย: ข่าวเก่าหรือข่าวร้าย?]
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็น "ข่าวเก่าและข่าวเปิด" ตนเคยชี้แจงกับสื่อมวลชนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ว่าจีนได้สนับสนุนอาวุธให้กับกัมพูชา แต่ช่วงนั้นยังไม่มีความขัดแย้ง
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "เรารับทราบอยู่แล้วว่าแสนยานุภาพของฝ่ายที่เรากำลังเฝ้าระวังอยู่เป็นอย่างไร และเราก็เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา"
ส่วน รังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ตั้งคำถามว่า "งานข่าวของเราเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงปล่อยให้กัมพูชาพร้อมกว่าที่ไทยมี" และระบุว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อจีนแน่นอน
**แล้วไทยควรเตรียมตัวอย่างไร?** นายรังสิมันต์เน้นว่าปัญหาชายแดนไม่ใช่แค่เตรียมอาวุธ แต่ต้องลงทุนเรื่องคนและงานข่าวด้วย
🔵[เสียงจากนักวิเคราะห์สากล: ความกังวลเรื่องพลเรือน]
ปีเตอร์ บูคเคิร์ต ผู้เชี่ยวชาญด้านความขัดแย้งจาก Fortify Rights ระบุว่า "ทุกสิ่งที่เราเห็นว่าใช้กับเครื่องยิงจรวดล้วนเป็นจรวดของจีน" และย้ำว่า "จีนควรดูว่ากองทัพกัมพูชาทำอะไรลงไปในความขัดแย้งครั้งนี้ แล้วควรกังวลเรื่องการใช้อาวุธแบบไม่เลือกหน้า"
กลุ่มสิทธิมนุษยชน Fortify Rights รายงานว่าในวันแรกของสงคราม กัมพูชาโจมตีปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล และบ้านเรือนประชาชน คร่าชีวิตพลเรือนอย่างน้อย 13 คน จากทั้งหมด 40 คนที่เสียชีวิตในสงครามห้าวันนี้
"การจัดหาอาวุธให้เอาไปใช้คร่าชีวิตพลเรือนในประเทศเอเชียอื่นๆ ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์จีนดีขึ้นเลย" บูคเคิร์ตเตือน
**คำถามที่เราควรคิดต่อ:**
เมื่อมหาอำนาจเล่นบทบาทสองหน้า ขายอาวุธให้ทั้งสองฝ่ายแล้วมาเป็นคนกลางสร้างสันติภาพ เราจะเชื่อใจได้อย่างไร?
และที่สำคัญกว่านั้น ในยุคที่ประเทศเล็กๆ อย่างไทยและกัมพูชาต่างพึ่งพาอาวุธจากแหล่งเดียวกัน เราจะสร้างสมดุลอำนาจและรักษาอธิปไตยของตัวเองได้อย่างไร?
สันติภาพที่แท้จริงในภูมิภาคนี้ จะเกิดขึ้นได้ด้วยอาวุธที่มากขึ้น หรือด้วยการเจรจาที่จริงใจมากขึ้น?
คุณคิดว่าไทยควรปรับกลยุทธ์ความมั่นคงอย่างไรในยุคที่มหาอำนาจมีอิทธิพลทางทหารมากขึ้น? มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
#ประเทศจีน #ชายแดนไทยกัมพูชา #นิวยอร์กไทมส์ #ข่าวกรอง #ข้อพิพาทชายแดน

ARTICLE : “เลือกตั้งพร้อมทำประชามติ” ปัญหาใช้บัตรหลายใบ ฝันร้ายของรัฐหรือประชาชน!! หมุดหมายสำคัญการเมืองไทยตอนนี้คือ “กา...
02/10/2025

ARTICLE : “เลือกตั้งพร้อมทำประชามติ” ปัญหาใช้บัตรหลายใบ ฝันร้ายของรัฐหรือประชาชน!!

หมุดหมายสำคัญการเมืองไทยตอนนี้คือ “การเลือกตั้ง” และ “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” โดยปมการ “แก้รัฐธรรมนูญ” ติดเงื่อนไขจะต้องทำประชามติถึง 4 ครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดภาษีประชาชน จึงมีการวางโมเดลให้ทำควบคู่กับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงในปี 2569 นี้
กระทั่งมีแนวคิดการทำประชามติ ต้องการให้ยกเลิก “MOU 43 และ MOU 44” หรือไม่ จากปมปัญหา “ไทย-กัมพูชา” ไปพร้อมกันด้วยอีก จึงนำไปสู่ความกังวลของผู้คนในสังคม
เพราะหากดำเนินการจริง จะเป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทย ที่ในการเลือกตั้ง จะมีบัตรถึง 4 ใบ คือ
- บัตรเลือกตั้ง สส.ระบบแบ่งเขต
- บัตรเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ
- บัตรออกเสียงประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจมีหลายคำถาม เพราะรวมการทำประชามติครั้งที่ 1 กับ 2 เข้าด้วยกัน
- บัตรออกเสียงประชามติยกเลิก MOU 43-44 หรือไม่
สิ่งที่สังคมกังวลมากสุดคือ ด้วยการที่เป็นของใหม่ ประชาชนอาจเกิดความสับสบ จนเกิด “บัตรเสีย” เป็นจำนวนมาก
🔵[เปิดทางแก้บัตรเสีย จากบัตรหลายใบในการเลือกตั้ง]
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ด้านกฎหมาย ให้ความเห็นการแก้ปัญหาบัตรเสียพุ่งอย่างน่าสนใจ โดยเสนอให้รัฐบาล ทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ให้สับสนระหว่างบัตรเลือกตั้งกับบัตรลงประชามติ เช่น บัตรเลือกตั้งให้เป็นบัตรปกติไม่มีสี แต่บัตรประชามติให้มีสีเหลือง หากเห็นชอบให้กาช่องสีเขียว ไม่เห็นชอบให้กาช่องสีแดง แบบไฟเขียว ไฟแดง ส่วนเรื่อง MOU ก็ใช้กระดาษอีกสีหนึ่ง เช่น สีฟ้า ใช้ช่องกาสีเขียว และ สีแดง เช่นกัน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรขอความร่วมมือไปยัง กสทช.ให้ อสมท.และ NBT จัดเวลาชี้แจงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ เรื่องการยกเลิก MOU
“ผมเชื่อว่าคนไทยฉลาด ถ้าอธิบายให้ฟังชัดเจน สามารถให้เค้าแยกไม่มีปัญหาแน่นอน หากจัดให้มีการเลือกตั้ง และจัดทำประชามติแยกกัน ก็สามารถทำได้ แต่ต้องใช้งบประมาณครั้งละ 6,000 ล้านบาท 3 ครั้ง รวม 18,000 ล้านบาท หากทำครั้งเดียว ก็อาศัยเพียงความชัดเจนในการทำบัตรและการชี้แจง”
🔵[บัตรหลายใบในการเลือกตั้ง ไม่ใช่เรื่องใหม่]
ข้อมูลจาก ดร.สติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า พบว่า การทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง หรือการใช้บัตรเลือกตั้งที่มีหลายๆ หน้านั้น “มีในหลายประเทศ” เช่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา รวมถึง เยอรมนี บางทีบัตรเลือกตั้งหนาถึงขั้นเป็นสมุดเล่มเล็กๆ
“สาเหตุที่บัตรเลือกตั้งมีความหนา และมีหลายหน้า ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ต้องการให้ประชาชนออกเสียง ว่าจะมากหรือน้อย”
🔵[ประชามติพร้อมเลือกตั้งใหญ่: ทำไมบัตรเสียไม่ควรเป็นข้ออ้าง]
ดร.สติธร ธนานิธิโชติ แสดงความเห็นน่าสนใจว่า กรณีบัตรหลายใบในการเลือกตั้ง สิ่งที่ควรถาม อาจไม่ใช่ว่าประชาชนจะสับสนหรือไม่ แต่เป็นรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบพร้อมหรือยัง ที่จะบริหารจัดการการเลือกตั้งและประชามติ ให้โปร่งใส ชัดเจน และมีประสิทธิภาพเพียงพอ
🔵[งานวิจัยยืนยัน: บัตรเสียไม่ได้เกิดขึ้นเอง]
งานวิจัยในต่างประเทศจำนวนมาก ยืนยันตรงกันว่า “บัตรเสีย” หรือ “บัตรเปล่า” (ไม่ลงคะแนนให้ใครเลย) ไม่ได้สะท้อนถึงความโง่เขลา ความไม่ใส่ใจ หรือความไม่พร้อมของประชาชน อย่างที่มักมีการกล่าวหากัน แต่เป็นผลลัพธ์ของโครงสร้างเชิงสถาบัน และการบริหารจัดการที่ผิดพลาด ของรัฐบาลเองเสียเป็นส่วนใหญ่ แนวทางวิเคราะห์สาเหตุของบัตรเสียอาจแบ่งออกได้เป็น 3 แนวทางใหญ่ ๆ
➡️ แนวทางแรก มิติเชิงสถาบัน (institutional approach)
ระบบเลือกตั้งและกติกาที่ซับซ้อนเกินไป คือแรงผลักสำคัญที่ทำให้เกิดบัตรเสียจำนวนมาก เช่น หากเขตเลือกตั้งมีขนาดใหญ่ จนผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องเลือกผู้สมัครจำนวนมาก หรือหากบัตรเลือกตั้งถูกออกแบบมาอย่างกำกวม ไม่เป็นมิตรต่อการใช้งาน และมีข้อมูลไม่เพียงพอให้ประชาชนใช้ประกอบการตัดสินใจ ความผิดพลาดของประชาชน จะกลายเป็นการทำบัตรเสีย ก็อาจเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก

➡️ แนวทางที่2 มิติทางเศรษฐกิจ–สังคม (socioeconomic approach)
เป็นแนวทางที่เน้นให้เห็นว่า จำนวนบัตรเสียนั้นมีความสัมพันธ์กับความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และทักษะการเมือง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่รู้หนังสือ หรือมีการศึกษาไม่สูงนัก อาจจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก ในการทำความเข้าใจขั้นตอนของการลงคะแนน โดยเฉพาะในบริบทที่รัฐบาล หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการจัดการเลือกตั้ง ไม่ได้มีการลงทุนกับการสื่อสาร และการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนอย่างเพียงพอและทั่วถึง

➡️ แนวทางที่3 มิติของการประท้วงทางการเมือง (political protest approach)
เป็นมุมมองที่ท้าทายมายาคติเรื่อง “ความไม่รู้” ของประชาชนมากที่สุด เพราะการทำบัตรเสีย ไม่ได้จำกัดความหมายไว้เพียงผลของความผิดพลาด แต่ยังอาจเป็นการกระทำเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสื่อสารความไม่พอใจต่อรัฐบาล ระบบการเมือง หรือกติกาที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ประชาชนถูกบังคับ ให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือออกเสียงประชามติ ทั้งที่ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกว่า การลงคะแนนของพวกเขามีคุณค่า หรือมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ
บริบทเช่นนี้ การทำบัตรเสียจึงมิใช่ “อุบัติเหตุทางการเมือง” หากแต่เป็น “ความจงใจ” ของประชาชน ที่จะส่งสัญญาณไปยังรัฐ เป็น “การประท้วงเงียบที่ทรงพลัง” และเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการมีส่วนร่วมทางการเมือง
🔵[แนวปฏิบัติสากล ปัญหานี้แก้ได้]
งานล่าสุดของ Anita Manion และคณะ (2025) เรื่อง “Ballots and Booths: Best Practices for In-Person Voting” ย้ำชัดว่า “หัวใจของการลดบัตรเสีย” ไม่ได้อยู่ที่การตำหนิผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่คือการลงทุนอย่างจริงจัง ในการบริหารจัดการหน่วยเลือกตั้ง และการออกแบบบัตรเลือกตั้ง
งานวิจัยดังกล่าวได้ทำการสังเคราะห์หลักฐาน จากการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ที่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งนับสิบล้านคน และพบว่าความแตกต่างระหว่าง “ประสบการณ์การเลือกตั้งที่ราบรื่น” กับ “ประสบการณ์การเลือกตั้งที่สร้างความไม่พอใจ” อยู่ที่การจัดการเชิงรายละเอียดอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้งหน่วยเลือกตั้งให้เข้าถึงง่าย ไปจนถึงการจัดผังภายในหน่วยเลือกตั้ง ที่ลดความสับสนและลดเวลาในการรอคอย
ที่สำคัญ การออกแบบบัตรเลือกตั้งถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะบัตรเลือกตั้งที่ซับซ้อน หรือจัดวางตำแหน่งไม่ดี อาจทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทำเรื่องผิดพลาดได้โดยไม่ตั้งใจ
บทเรียนเหล่านี้ชี้ชัดว่า หากต้องการลดบัตรเสียจริง ๆ วิธีการที่ได้ผลไม่ใช่การโยนความผิดให้ประชาชน แต่คือการสร้าง “สถาปัตยกรรมการเลือกตั้ง” ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้สิทธิในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ทางเข้าหน่วยเลือกตั้ง ไปจนถึงการหย่อนบัตรลงในหีบ
🔵[บทสรุป : บัตรเสียไม่ใช่ข้ออ้างในการบั่นทอนประชาธิปไตย]
สิ่งที่เราควรตระหนักให้ชัดคือ “บัตรเสีย” ไม่ควรถูกหยิบยกมาเป็นข้ออ้าง ในการเลื่อน ล้ม หรือบิดเบือน กระบวนการประชามติ และการเลือกตั้งทั่วไป เพราะงานวิจัยและประสบการณ์จากต่างประเทศพิสูจน์แล้วว่า บัตรเสียไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบ มีความจริงจังกับการออกแบบระบบ และการบริหารจัดการอย่างรอบคอบ กระบวนการก็สามารถเดินหน้าได้โดยไม่สร้างปัญหาที่น่ากังวล
ตรงกันข้าม หากบัตรเสียพุ่งสูงขึ้นจริง ๆ ปัญหานั้นก็ไม่ใช่ความผิดของประชาชน แต่เป็น “ภาพสะท้อนความล้มเหลว” ของรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบ

“พูดง่ายๆ คือ เราดีไซน์บัตรเลือกตั้งให้เป็นบัตรเสียง่าย เหมือนจะอำนวยความสะดวก แต่เสียง่าย สถิติบัตรเสียจึงสูง”
#เลือกตั้ง #ทําประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ #บัตรเลือกตั้ง #การเมืองไทย #ประเทศไทย #ประชาชน #รัฐบาล4เดือน

INFO: ข้าราชการ(สาว)ควรรู้ ยื่นลาออกทันทีไม่ได้ว่าด้วยเรื่องร้อนของข้าราชการสาวสวย "ผู้กองแคท" ที่เปิดศึกตั้งคำถามคนสั่ง...
02/10/2025

INFO: ข้าราชการ(สาว)ควรรู้ ยื่นลาออกทันทีไม่ได้
ว่าด้วยเรื่องร้อนของข้าราชการสาวสวย "ผู้กองแคท" ที่เปิดศึกตั้งคำถามคนสั่งย้ายเธอไปเป็นปลัดอำเภอเมืองศรีสะเกษ ก่อนจะมีรายงานว่าผู้กองแคท ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ กรมการปกครอง โดยให้มีผล 1 ต.ค. 68 หนึ่งวันก่อนจะต้องไปเป็นปลัด หลายคนตั้งคำถามว่าข้าราชการสามารถลาออกแล้วมีผลทันทีได้หรือไม่
เรื่องนี้ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไขข้อสงสัยให้แล้ว โดยชี้ว่าตำแหน่งของข้าราชการสาวรายนี้ เป็นข้าราชการพลเรือนซึ่งต้องใช้ระเบียบ ก.พ. ที่กำหนดให้ต้องยื่นใบลาออกล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุเป็นผู้พิจารณา แม้จะมีข้อยกเว้นในบางเรื่องก็ตาม
และแน่นอนว่าหากหนังสือลาออกยังไม่ถูกอนุมัติ ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ หากขาดราชการเกิน 15 วันก็เสี่ยงถูกดำเนินการทางวินัยถึงขั้นไล่ออกได้
อดีต กกต. เลยฝากไว้ให้คิดว่า "ใครที่มาทำงานเป็นข้าราชการสมควรรู้ด้วยตนเองครับ"
#ผู้กองแคท #ลาออกราชการ #ราชการไทย #กรมการปกครอง

OPINION : ถอดบทเรียนแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ มองเขา ย้อนดูเรา...ไทยต้องเตรียมพร้อมอะไร?ข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.9 ที่จั...
01/10/2025

OPINION : ถอดบทเรียนแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ มองเขา ย้อนดูเรา...ไทยต้องเตรียมพร้อมอะไร?

ข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.9 ที่จังหวัดเซบู ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อไม่นานมานี้ ได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งต่ออาคารบ้านเรือน โครงสร้างพื้นฐาน และน่าสลดใจที่สุดคือการสูญเสียชีวิตผู้คนจำนวนมาก ภาพของโบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 100 ปีอย่าง Archdiocesan Shrine of Santa Rosa de Lima ที่พังทลาย และโรงพยาบาลในเมืองโบโก (Bogo City) ที่ต้องอพยพผู้ป่วยออกมาด้านนอก คือเครื่องย้ำเตือนถึงพลังของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด
จากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น เราสามารถเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้ได้บ้าง? และที่สำคัญกว่านั้นคือ มันเกี่ยวข้องกับประเทศไทยที่ดูเหมือนจะห่างไกลจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวรุนแรงอย่างไร?
🔵[4 บทเรียนสำคัญจากแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์]
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้วิเคราะห์เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ออกมาเป็น 4 ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ พร้อมเชื่อมโยงมาสู่ความเสี่ยงที่ประเทศไทยต้องเฝ้าระวัง
1. ทำเลที่ตั้งบน "วงแหวนไฟ"
ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า "วงแหวนไฟ" (Ring of Fire) ซึ่งเป็นแนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกหลายแผ่นในมหาสมุทรแปซิฟิก (แผ่นทะเลฟิลิปปินส์, แผ่นยูเรเซีย, แผ่นอินโด-ออสเตรเลีย และแผ่นแปซิฟิก) ที่มีการมุดตัวกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้บริเวณนี้เป็นหนึ่งในแนวที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยและรุนแรงที่สุดในโลก เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นและไต้หวัน
2. ยิ่งตื้น ยิ่งรุนแรง
ความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่พื้นผิวไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาด (Magnitude) เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความลึกของศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวด้วย สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ ศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปเพียง 10 กิโลเมตร ซึ่งถือว่า "ตื้นมาก" พลังงานจึงถูกส่งมาถึงพื้นผิวโลกได้อย่างรุนแรงและสร้างความเสียหายได้มากกว่าแผ่นดินไหวขนาดเดียวกันที่เกิดในระดับลึก
3. อาคารเก่าและ "ชั้นอ่อน" คือจุดตาย
ข้อมูลความเสียหายชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างที่พังทลายส่วนใหญ่มักเป็นอาคารเก่าที่ก่อสร้างด้วยอิฐหรือหินที่ไม่มีการเสริมเหล็ก หรือมีเหล็กเสริมน้อยเกินไป นอกจากนี้ยังพบความเสียหายรุนแรงในอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 2-3 ชั้น โดยเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ชั้นอ่อน" (Soft Storey) ซึ่งเสาบริเวณชั้นล่างไม่สามารถรับแรงสั่นสะเทือนไหว ทำให้เสาหักและอาคารถล่มลงมา ปรากฏการณ์นี้มักเกิดกับอาคารที่ชั้นล่างมีลักษณะโปร่ง โล่ง มีผนังน้อย หรือมีเสาขนาดเล็กกว่าชั้นบน เพื่อใช้เป็นพื้นที่จอดรถหรือร้านค้า ทำให้ชั้นดังกล่าวมีความแข็งแรงน้อยกว่าชั้นอื่นและไม่สามารถทนแรงสั่นสะเทือนได้
4. ความแรงไม่พอที่จะเกิดสึนามิรุนแรง
แม้ว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นในทะเล แต่กลับไม่เกิดคลื่นสึนามิที่สร้างความเสียหายรุนแรงตามมา เหตุผลก็คือแผ่นดินไหวขนาด 6.9 นั้นยังไม่มากพอที่จะทำให้เกิดการยกตัวของมวลน้ำขนาดใหญ่จนกลายเป็นคลื่นสึนามิที่เป็นอันตรายได้ โดยทั่วไปแล้ว แผ่นดินไหวที่อาจก่อให้เกิดสึนามิรุนแรงได้มักจะต้องมีขนาดตั้งแต่ 7.5 ขึ้นไป และมีการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกในแนวดิ่งอย่างมีนัยสำคัญ
🔵[จากฟิลิปปินส์สู่ไทย บทเรียนที่ต้องเฝ้าระวัง]
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทย เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ฟิลิปปินส์มีความแตกต่างอย่างชัดเจนกับแรงสั่นสะเทือนที่คนกรุงเทพฯ เคยรับรู้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวระยะไกล และส่งผลกระทบต่ออาคารสูงที่ตั้งอยู่บนชั้นดินอ่อนเป็นหลัก ไม่ใช่แผ่นดินไหวระยะใกล้ที่รุนแรงดังเช่นกรณีของฟิลิปปินส์
อย่างไรก็ตาม การมองว่าประเทศไทยปลอดภัยจากแผ่นดินไหวโดยสิ้นเชิงคือความประมาท เรามีกลุ่มรอยเลื่อนมีพลังที่ยังคุกรุ่นอยู่ถึง 16 กลุ่ม กระจายตัวอยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ ในเมื่อปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีใดที่สามารถพยากรณ์การเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ สิ่งเดียวที่เราทำได้คือการ "เตรียมความพร้อม" โดยเฉพาะการตรวจสอบและเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร ทั้งอาคารเก่าและอาคารที่กำลังจะสร้างใหม่
🔵[กุญแจสำคัญคือการเตรียมพร้อม]
บทเรียนจากฟิลิปปินส์ได้ตอกย้ำความจริงที่ว่า กุญแจสำคัญที่สุดในการลดความสูญเสียจากภัยแผ่นดินไหวไม่ใช่การคาดเดาว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่คือการเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแรงพอที่จะต้านทานแรงสั่นสะเทือนได้มากที่สุด นี่คือสิ่งที่เราสามารถควบคุมและลงมือทำได้ทันที
แล้วอาคารที่คุณอยู่อาศัยในวันนี้ พร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันแล้วหรือยัง?
#แผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ #ฟิลิปปินส์ #ประเทศไทย #อมรพิมานมาศ #วิศวกรรม

01/10/2025

Nation Live Talk ตอนแรก ทาง Nation Online ที่เดียว! ดูสดตอนนี้

01/10/2025

ประเทศไทยพร้อมแค่ไหนกับ Negative Income Tax (NIT)?
นี่คือแนวทางที่อาจแก้ความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และกระตุ้นแรงงานนอกระบบให้เข้ามาอยู่ในฐานภาษี
#ภาษีเงินได้ #ยื่นภาษี #ความเหลื่อมล้ำ

QUOTE: อดีต รมว. โต้ รมว.ป้ายแดง "อย่าดีแต่พูด!"หลังจากเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) ไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสั...
01/10/2025

QUOTE: อดีต รมว. โต้ รมว.ป้ายแดง "อย่าดีแต่พูด!"
หลังจากเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) ไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดประเด็นช็อกกลางสภา อ้างว่ามีคนติดต่อให้สินบนเดือนละ 40 ล้านบาท แลกกับการไม่ดำเนินการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมออนไลน์ จน ก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกจี้ รมว.ป้ายแดง ให้กระชากหน้ากากไอ้โม่งให้สังคมรับรู้ด้วย
ล่าสุดวันนี้ (1 ต.ค.) ไชยชนก ออกมาชี้แจงว่า ได้สั่งการให้ พชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ติดตามประเด็นข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย ต่อไป ขณะเดียวกัน หากพบข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของกระทรวงดีอี มีส่วนร่วมในขบวนการทุจริต หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ กระทรวงดีอีพร้อมที่จะดำเนินการสอบสวน และเอาผิดตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเช่นกัน
เรื่องนี้ทำให้อดีต รมว.ดิจิทัลฯ ประเสริฐ จันทรรวงทอง โพสต์โต้เดือดบนเฟซบุ๊กทันที โดยระบุว่า ผมแปลกใจที่รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ คนใหม่ ยังไม่ทันได้ทำหน้าที่ แต่มีคนมาเสนอมอบเงินผลประโยชน์ถึงเดือนละ 40 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ผมเข้าใจว่าที่เขากล้าเสนอเรื่องผิดกฎหมายเช่นนี้ อาจเป็นเพราะภาพลักษณ์ของท่านที่ทำให้เหล่ามิจฉาชีพเข้าใจได้ว่ามีช่องทางในการพูดคุยเรื่องดังกล่าว
"เมื่อท่านยืนยันว่าจะทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมจึงขอแนะนำให้เร่งดำเนินการหาตัวผู้กระทำความผิดมารับโทษโดยเร็ว อย่าดีแต่พูด อย่าทำตัวเป็นรัฐมนตรีต้นทุนต่ำ"
#ไชยชนกชิดชอบ #รมวดีอี #กระทรวงดีอี #กระทรวงดิจิทัล #สินบน40ล้าน #ประเสริฐจันทรรวงทอง

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Nation STORYผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Nation STORY:

แชร์

Nationtv Live

ชมสดทุกรายการของ NationTV22 และดูย้อนหลังได้ที่ Youtube : NationTV22