ไทยเฮดนิวส์

ไทยเฮดนิวส์ เราไม่เล่าข่าวทั้งหมด... เราเลือกเฉพาะหัวใจของข่าว เล่าเฉพาะสิ่งที่คุณ ‘ต้องรู้’

วธ. เปิดรับสมัคร “โครงการสร้างผู้ประกอบการสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมรุ่นใหม่สู่ CEO” ชิงเงินรางวัลกว่า 6.6 แสนบาทกระทรวง...
03/08/2025

วธ. เปิดรับสมัคร “โครงการสร้างผู้ประกอบการสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมรุ่นใหม่สู่ CEO” ชิงเงินรางวัลกว่า 6.6 แสนบาท
กระทรวงวัฒนธรรม ขอเชิญชวนนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เข้าร่วม “โครงการสร้างผู้ประกอบการสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมรุ่นใหม่สู่ CEO (Chief Executive Officer)” เพื่อบ่มเพาะความรู้ทางธุรกิจและส่งเสริมคุณค่าทางวัฒนธรรม พร้อมต่อยอดแนวคิดสร้างสรรค์สู่ธุรกิจจริงที่ยั่งยืน โครงการนี้มุ่งเป้าไปที่เยาวชนระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 3 ขึ้นไป ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

สิ่งที่ผู้เข้าร่วมจะได้รับ:
การอบรมเชิงปฏิบัติการเข้มข้น จากผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชน

องค์ความรู้ครบวงจร ด้านการสร้างแบรนด์, พัฒนาผลิตภัณฑ์, การตลาด, การเงิน และการนำเสนอแผนธุรกิจ

โอกาสในการแข่งขันนำเสนอแผนธุรกิจ เพื่อชิงเงินสนับสนุนโครงการรวม 660,000 บาท

โอกาสจัดแสดงผลงาน ในงานแสดงสินค้า พร้อมรับการประชาสัมพันธ์จากกระทรวงวัฒนธรรมและเครือข่ายพันธมิตร

ใบประกาศนียบัตรรับรอง จากกระทรวงวัฒนธรรม (สำหรับผู้ที่ผ่านการอบรม)

คุณสมบัติและขั้นตอนการสมัคร:
โครงการนี้เหมาะสำหรับนิสิตนักศึกษาที่มีความสนใจในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ธุรกิจวัฒนธรรม หรือมีเป้าหมายในการเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เข้าใจมิติทางวัฒนธรรมและสามารถต่อยอดเป็นธุรกิจที่เป็นรูปธรรมได้

เปิดรับสมัคร นิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ จำนวน 80 คน

อบรมเชิงปฏิบัติการ On-Site 3 วัน 2 คืน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเตรียมความพร้อมด้านความรู้และทักษะ

จัดทำและนำเสนอแผนธุรกิจ เพื่อลุ้นรับการสนับสนุน

จัดแสดงผลงานและประชาสัมพันธ์ ในงานแสดงสินค้าทางวัฒนธรรม

“มีแค่ไอเดียยังไม่พอ…ต้องกล้าพอจะเริ่ม” เพราะอนาคตของคุณอาจเริ่มจากโครงการนี้ ผู้ประกอบการวัฒนธรรมรุ่นใหม่ ที่จะเปลี่ยน ‘ฝัน’ เป็น ‘ธุรกิจ’ ได้จริง

เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 24 กรกฎาคม 2568
สมัครได้ที่: https://forms.gle/qzL6YiSgnryhvYVn9
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: คุณณัฐนันท์ อวยพร โทร. 06-2868-5380

#กระทรวงวัฒนธรรม #ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ #วัฒนธรรม #ธุรกิจสร้างสรรค์ #เยาวชน #เงินรางวัล #อบรมฟรี #ผู้ประกอบการวัฒนธรรม #สร้างแบรนด์ #การตลาด

เดอะ ปาร์ค จัดกิจกรรม "Puppy Yoga Workshop" เติมเต็มสุขภาวะและสมดุลชีวิตเดอะ ปาร์ค (The PARQ) ไลฟ์สไตล์มิกซ์ยูสใจกลางพระ...
03/08/2025

เดอะ ปาร์ค จัดกิจกรรม "Puppy Yoga Workshop" เติมเต็มสุขภาวะและสมดุลชีวิต
เดอะ ปาร์ค (The PARQ) ไลฟ์สไตล์มิกซ์ยูสใจกลางพระราม 4 ตอกย้ำแนวคิด Life Well Balanced ร่วมกับ Mind Over Matters จัดกิจกรรมสุดพิเศษ Puppy Yoga Workshop เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2568 ณ BAB Café ชั้น 3 The PARQ Life โดยมีเป้าหมายเพื่อเฉลิมฉลองเดือนแห่งการสนับสนุนสุขภาวะทางสังคม (Social Wellness) และส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างสมดุล

ไฮไลต์ของงานคือคลาส Puppy Yoga ที่เป็นการฝึกโยคะแบบผ่อนคลาย โดยมีลูกสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวน้อยมาร่วมสร้างสีสันและความสุขตลอดคลาส ผู้สอนจาก Mind Over Matters กล่าวว่า การได้โฟกัสกับการเคลื่อนไหวที่ช้าลง ควบคู่ไปกับเสียงหัวเราะและความน่ารักของลูกสุนัข ช่วยให้เกิดการเชื่อมโยงกับตัวเองในรูปแบบที่อ่อนโยนยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีเวิร์กชอป Craft Your Calm โดย JAZZZ ที่ให้ผู้เข้าร่วมได้ออกแบบเจลอาบน้ำกลิ่นเฉพาะตัว เพื่อสร้างพลังบวกและช่วยให้จิตใจสงบสดชื่น ผู้เข้าร่วมต่างชื่นชมว่าเป็นเวิร์กชอป self-care ที่จับต้องได้และใช้ดูแลตัวเองได้จริงในทุกวัน

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยพลังบวกและความเป็นกันเอง ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สร้างช่วงเวลาอันน่าจดจำร่วมกับตัวเองและสุนัขตัวน้อยในพื้นที่ที่อบอุ่น ปลอดภัย และเปิดรับกิจกรรมด้าน wellness ที่หลากหลาย ซึ่งเดอะ ปาร์ค ได้ออกแบบมาอย่างใส่ใจเพื่อผสานความสดชื่นของธรรมชาติเข้ากับจังหวะชีวิตเมือง

เดอะ ปาร์ค มุ่งมั่นที่จะจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมแนวคิด Life Well Balanced อย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรม Puppy Yoga ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเติมเต็มสมดุลทั้งกายและใจ พร้อมสร้างสรรค์สังคมที่ให้ความสำคัญกับสุขภาวะของทั้งตัวเราและสัตว์เลี้ยงไปด้วยกัน

#เดอะปาร์ค #โยคะกับน้องหมา #สุขภาวะ #กิจกรรมดีๆ #พระราม4 ูนย์สิริกิติ์

ยันม่าร์ ร่วมสืบสานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลฯ 2568 หนุนรถแทรกเตอร์ พา "บุณฑริก" คว้าแชมป์บริษัท ยันม่าร์ เอส.พี. จำกัด (ป...
03/08/2025

ยันม่าร์ ร่วมสืบสานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลฯ 2568 หนุนรถแทรกเตอร์ พา "บุณฑริก" คว้าแชมป์
บริษัท ยันม่าร์ เอส.พี. จำกัด (ประเทศไทย) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตร ได้ร่วมสืบสาน งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2568 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 13 กรกฎาคม ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง

ยันม่าร์ได้ให้การสนับสนุน รถแทรกเตอร์ เพื่อใช้เคลื่อนขบวนเทียนพรรษาอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ยังได้เข้าร่วมเป็นผู้นำขบวนแห่เทียนจาก อำเภอบุณฑริก ซึ่งสามารถคว้ารางวัล ชนะเลิศ ประเภทเทียนโบราณขนาดใหญ่ มาครองได้สำเร็จ ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวบ้านในท้องถิ่น และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย

งานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานีในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ร่วมสืบสานตำนานงานบุญเข้าพรรษา” มีกิจกรรมต่อเนื่อง 7 วัน 7 คืน พร้อมขบวนแห่เทียนอันวิจิตรตระการตา และการแสดงแสง สี เสียงที่สร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงานจากทั่วประเทศ เทศกาลนี้ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญที่หลอมรวมความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน

เกี่ยวกับ ยันม่าร์ เอส.พี.:
บริษัท ยันม่าร์ เอส.พี. จำกัด (ประเทศไทย) เริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2521 ด้วยการจำหน่ายเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ปัจจุบันดำเนินธุรกิจประกอบและจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตรหลากหลายชนิด เช่น รถไถเดินตาม, แทรกเตอร์, รถดำนา, รถเกี่ยวนวดข้าว, รถตัดอ้อย รวมถึงเครื่องจักรสำหรับภาคอุตสาหกรรมอย่างรถขุดขนาดเล็ก โดยมีผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั่วประเทศ

#ยันม่าร์ #แห่เทียนพรรษา #อุบลราชธานี #ประเพณีไทย #บุญเข้าพรรษา #รถแทรกเตอร์ #วัฒนธรรมไทย

สกพอ. ผนึกกำลังพันธมิตร จัดสัมมนาใหญ่ "การพัฒนากำลังคน เพื่อขับเคลื่อนอีอีซีอย่างยั่งยืน"สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒน...
03/08/2025

สกพอ. ผนึกกำลังพันธมิตร จัดสัมมนาใหญ่ "การพัฒนากำลังคน เพื่อขับเคลื่อนอีอีซีอย่างยั่งยืน"
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี ร่วมกับ มูลนิธิเสนาะ อูนากูล, มหาวิทยาลัยบูรพา และ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พร้อมภาคีเครือข่าย จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี "สถานการณ์ภาคตะวันออก พ.ศ. 2568" ในหัวข้อ “การพัฒนากำลังคน เพื่อขับเคลื่อนอีอีซีอย่างยั่งยืน” ณ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี โดยมีผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานมูลนิธิเสนาะ อูนากูล กล่าวเปิดงานโดยเน้นย้ำถึงวัตถุประสงค์ของการสัมมนา เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการพัฒนากำลังคนในพื้นที่อีอีซี และสร้างความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน พร้อมนำเสนอรายงาน “การพัฒนากำลังคน เพื่อขับเคลื่อนอีอีซีอย่างยั่งยืน” ซึ่งจัดทำโดยมูลนิธิเสนาะ อูนากูล และ TDRI เพื่อติดตามสถานการณ์การพัฒนาภาคตะวันออกใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. (อีอีซี) ชี้ว่าการสัมมนาครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการเตรียมบุคลากรที่มีทักษะสูง เพื่อดึงดูดการลงทุนใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะ 5 คลัสเตอร์สำคัญ ได้แก่ การแพทย์และสุขภาพ, ดิจิทัล, ยานยนต์แห่งอนาคต, อุตสาหกรรม BCG และบริการ สกพอ. ได้นำแนวคิด Demand Driven Human Resource Development มาปรับใช้ เพื่อผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนในพื้นที่ "มีงานทำ รายได้ดี สร้างสังคมอีอีซี"

สกพอ. ได้ดำเนินการพัฒนาบุคลากรในรูปแบบ EEC Model มาตั้งแต่ปี 2561 โดยแบ่งเป็น:

EEC Model Type A: การผลิตบุคลากรพร้อมใช้ โดยเอกชนร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่าย 100% และรับนักศึกษาเข้าฝึกงาน ปัจจุบันผลิตบุคลากรไปแล้วกว่า 66,604 คน

EEC Model Type B: การผลิตบุคลากรในระยะเร่งด่วนผ่านการฝึกอบรมระยะสั้น (Short Course) โดยรัฐและเอกชนร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่าย 50:50 มีหลักสูตรรับรองแล้ว 367 หลักสูตร และมีผู้สำเร็จการอบรมกว่า 25,581 คน (ข้อมูล ณ 14 ก.ค. 2568)

นอกจากนี้ สกพอ. ยังผลักดันการจัดตั้งและพัฒนา ศูนย์เครือข่ายความเชี่ยวชาญ EEC Nets จำนวน 13 ศูนย์ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และพัฒนาทักษะบุคลากรให้ตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายในอีอีซี

ภายในงานสัมมนา มีการจัดเวทีอภิปราย 2 ช่วง เพื่อเจาะลึกแนวทางการพัฒนากำลังคนอย่างยั่งยืน:

ช่วงที่ 1: "การพัฒนากำลังคนใน EEC ตาม EEC Roadmap ปัจจุบัน" โดยมีผู้บริหารจาก สกพอ., EEC HDC, สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และ Delta Electronics ร่วมอภิปราย

ช่วงที่ 2: "การพัฒนากำลังคนตามฉากทัศน์ Future Thailand: บทบาทและโอกาสของ EEC" โดยมีผู้บริหารจาก สวทช., WHA Corporation, Amata Corporation, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมอภิปราย

การอภิปรายจะสะท้อนข้อเสนอหลัก 5 หัวข้อในรายงานฯ ได้แก่:

สกพอ. เป็นแกนกลาง Triple Helix: ประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนากำลังคนที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมาย 5 คลัสเตอร์ใน EEC

แก้ปัญหา Education-Employment Mismatch: ด้วย Education Sandbox ผ่านหลักสูตรที่ยืดหยุ่น เน้นทักษะ เช่น fast track competency-based learning และ upskill/reskill

พัฒนากำลังคนเพื่อรองรับ Future Thailand: เน้นเตรียมแรงงานสำหรับทักษะปลาย smiling curve เช่น R&D automation และ deep tech

พัฒนาแรงงานไทยให้มีสมรรถนะพลเมืองโลก (Global Citizen)

สร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการดึงดูดและพัฒนาบุคลากรคุณภาพและนวัตกรรม: เพื่อดึงดูด talent, Tech Enterprises และ Startup เข้าสู่ EEC

รายงานฯ สรุปว่า "คน" คือศูนย์กลางของการพัฒนา หากประเทศไทยสามารถบูรณาการการลงทุนด้านการศึกษา ทักษะ และนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง ก็จะสามารถยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดความเหลื่อมล้ำ และนำพาประเทศไทยสู่การเป็นประเทศรายได้สูงได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

#สกพอ #พัฒนากำลังคน #มูลนิธิเสนาะอูนากูล #ม.บูรพา #อุตสาหกรรมเป้าหมาย #เศรษฐกิจไทย #การลงทุน

สกพอ. ต้อนรับคณะผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน "Young 2" แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ EECสกพอ. ได้ให้การต้อนรับคณะจากหลักสูตรผู้...
03/08/2025

สกพอ. ต้อนรับคณะผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน "Young 2" แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ EEC
สกพอ. ได้ให้การต้อนรับคณะจากหลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 (Young 2) จำนวน 60 ท่าน โดยมี ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ให้การบรรยายสรุปเกี่ยวกับบทบาทและภารกิจของ สกพอ. ในการเป็นหน่วยงานหลักด้านการวางนโยบายและขับเคลื่อน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

การบรรยายเน้นย้ำถึงความสำคัญของ EEC ในการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์สมัยใหม่, อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, การแพทย์ครบวงจร และพลังงานสะอาด นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมยังได้รับฟังข้อมูลเกี่ยวกับบทบาท ภารกิจ และภาพรวมของโครงการสำคัญในพื้นที่ EEC อาทิ โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (ท่าเรือน้ำลึก, รถไฟความเร็วสูง, สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา), โครงการพัฒนาเมืองใหม่อัจฉริยะ (Smart Livable City), ศูนย์ธุรกิจ EEC, การพัฒนาเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และแผนการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่โดยรอบ

กิจกรรมนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างผู้บริหารรุ่นใหม่ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุนในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของภูมิภาคและประเทศในระยะยาว

#สกพอ #ธุรกิจไทยจีน #การลงทุน #เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก #เศรษฐกิจไทย

สว.จำลอง เปิดงาน "โครงการยุทธศาสตร์ชาติฯ" หนุนองค์กรวิชาชีพกฎหมาย เสริมแกร่งนิติธรรมสว.จำลอง อนันตสุข เลขานุการคณะกรรมาธ...
02/08/2025

สว.จำลอง เปิดงาน "โครงการยุทธศาสตร์ชาติฯ" หนุนองค์กรวิชาชีพกฎหมาย เสริมแกร่งนิติธรรม

สว.จำลอง อนันตสุข เลขานุการคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา และโฆษกคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดงาน "โครงการยุทธศาสตร์ชาติด้านกฏหมายกับองค์กรวิชาชีพกฏหมาย

วันนี้ ( 2 ส.ค.68 ) ที่ ห้องประชุมไมด้า บอลรูม โรงแรมไมด้า ดอนเมือง แอร์พอร์ต สมาคมธรรมาภิบาล , มูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต , สมาคมนักข่าวช่างภาพโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ , สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย , สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ จัด"โครงการยุทธศาสตร์ชาติด้านกฏหมายกับองค์กรวิชาชีพกฏหมาย" โดยมี สว.จำลอง อนันตสุข เลขานุการคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และโฆษกคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬาให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีวัตถุประสงค์ให้องค์กรวิชาชีพกฏหมาย ซึ่งถือเป็นเสาหลักของของกระบวนการยุติธรรมและธรรมาภิบาลในสังคม ได้แก่เนติบัณฑิตยสภา , สภาทนายความ รวมถึงองค์กรอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุม ส่งเสริม และพัฒนานักกฏหมายให้มีคุณภาพ คุณธรรม และมีจริยธรรม รวมถึงการให้ความช่วยเหลือทางกฏหมายแก่ประชาชน ถือเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและประสิทธิภาพขององค์กรวิชาชีพกฏหมาย จึงเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนประเทศเพื่อให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม นิติรัฐอันดีงามต่อไป

การเปิดโครงการยุทธศาสตร์ชาติด้านกฏหมายกับองค์กรวิชาชีพกฏหมาย เริ่มด้วยนางสาวณัฎฐิณิชา ศรีจันทร์ รองประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต คนที่ 1 กล่าวรายงาน จากนั้น สว.จำลอง อนันตสุข เลขานุการคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และโฆษกคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกียรติกล่าวเปิดโครงการท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ , นักกฏหมาย และสื่อมวลชนที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

จากนั้นเป็นปาฐกถาพิเศษโดย ศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในหัวข้อ" เปรียบเทียบรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 , ฉบับปี 2550 และฉบับปี 2560 ต่อด้วย Talk Show พิเศษจากอาจารย์สมชาย หนองฮี วิทยากรรายการ"สภาทอล์ค" และปาฐกถาพิเศษโดยนายพลรัตน์ จันทร์เทพ ในหัวข้อ"วิธีการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความปี 2568"

และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของกิจกรรมในวันนี้ คือ การเปิดโอกาสให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายของแต่ละทีม ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก

ทางด้าน นางสาวณัฏฐิณิชา ศรีจันทร์ รองประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริตคนที่ 1 กล่าวถึงที่มาของ"โครงการยุทธศาสตร์ชาติด้านกฏหมายกับองค์กรวิชาชีพด้านกฏหมาย"ในครั้งนี้ว่า เป็นการยกระดับการทำงานขององค์กรวิชาชีพกฏหมายที่ทำงานในแนวทางที่ต่างกัน เราจัดทัพยุทธศาสตร์นี้ขึ้นเพื่อให้การทำงานขององค์กรวิชาชีพกฏหมายและนักกฏหมายจะประสานการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อประโยชน์ของสังคมไทย และประชาชนทั่วไปที่จะเข้าถึงกฏหมายได้ดียิ่งขึ้น

#โครงการยุทธศาสตร์ชาติ #องค์กรวิชาชีพกฎหมาย #สภาทนายความ #ธรรมาภิบาล #นิติธรรม #สวปาฐกถา #เลือกตั้งนายกสภาทนายความ

สกพอ. เปิดเวทีรับฟังเสียงภาคประชาสังคม จ.ปราจีนบุรี ศึกษาศักยภาพขยายอีอีซี ครอบคลุมทุกมิติเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที...
01/08/2025

สกพอ. เปิดเวทีรับฟังเสียงภาคประชาสังคม จ.ปราจีนบุรี ศึกษาศักยภาพขยายอีอีซี ครอบคลุมทุกมิติ
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้พบปะและรับหนังสือแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องจากภาคประชาชน โดยมีตัวแทนจากเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง และเครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมเดิมในพื้นที่ ประมาณ 20 คน เข้าร่วม ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารโทรคมนาคม กรุงเทพฯ

ในการประชุมครั้งนี้ สกพอ. ได้เปิดพื้นที่รับฟังข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นจากผู้แทนภาคประชาสังคมอย่างเต็มที่ โดยเลขาธิการ สกพอ. ได้ชี้แจงและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับความห่วงใยและข้อกังวลที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพประชาชน และวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดปราจีนบุรี โดยย้ำถึงความพร้อมที่จะรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วน

ปัจจุบัน สกพอ. ได้มอบหมายให้ สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินการศึกษาถึงความเหมาะสมและศักยภาพของพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ในการขยายเป็นพื้นที่อีอีซี ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งศักยภาพ โอกาส รวมถึงประมาณการความต้องการใช้ทรัพยากรและผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการกำหนดบทบาทของจังหวัดปราจีนบุรีที่จะเชื่อมโยงกับพื้นที่อีอีซี การศึกษาดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568 นี้ และจะนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) และคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาต่อไป

สกพอ. ได้พบปะภาคประชาสังคมในจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและความห่วงใยเกี่ยวกับการศึกษาศักยภาพของพื้นที่ในการขยายเป็น อีอีซี โดยมี ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. ชี้แจงและตอบข้อซักถาม พร้อมย้ำว่าจะรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วน ปัจจุบัน สกพอ. ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศึกษาผลกระทบและโอกาสทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกันยายน 2568 นี้

#สกพอ #ปราจีนบุรี #ภาคประชาสังคม #การมีส่วนร่วม #การพัฒนา #สิ่งแวดล้อม #มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ #กพอ #ครม #อีอีซี

วิกฤตบุหรี่เถื่อนสงขลาหนัก! สมาคมยาสูบฯ ชี้กระทบโชห่วยกว่า 4,000 ร้าน ภาษีท้องถิ่นดิ่งฮวบ นายก อบจ.สงขลา ลั่นพร้อมปราบปร...
01/08/2025

วิกฤตบุหรี่เถื่อนสงขลาหนัก! สมาคมยาสูบฯ ชี้กระทบโชห่วยกว่า 4,000 ร้าน ภาษีท้องถิ่นดิ่งฮวบ นายก อบจ.สงขลา ลั่นพร้อมปราบปรามเด็ดขาด
สมาคมการค้ายาสูบไทย พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย ได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์บุหรี่ผิดกฎหมายในจังหวัดสงขลา หลังพบว่ามีการทะลักของบุหรี่เถื่อนอย่างรุนแรงเป็นอันดับสองของประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ค้าบุหรี่ถูกกฎหมายในจังหวัดกว่า 4,000 ราย ทำให้รายได้ภาษีท้องถิ่นลดลงอย่างฮวบฮาบ ด้าน นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ยืนยันพร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมกำลังและประชุมด่วนเพื่อปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างเต็มที่ หวังนำเม็ดเงินภาษีที่สูญเสียไปกลับคืนมาพัฒนาท้องถิ่น และลบภาพ "เมืองหลวงบุหรี่เถื่อน"

นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า จังหวัดสงขลาขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของบุหรี่เถื่อนในประเทศไทย ครองแชมป์จังหวัดที่มีสัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนสูงสุดมาหลายสิบปีติดต่อกัน โดยมีสัดส่วนการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายสูงถึง 90.8% และเป็นจังหวัดต้นทางที่บุหรี่เถื่อนถูกส่งกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ส่งผลให้ร้านโชห่วยที่ขายบุหรี่ถูกกฎหมายในจังหวัดประมาณ 4,000 รายได้รับผลกระทบอย่างหนัก รายได้ลดลง จนหลายรายตัดสินใจไม่ต่อใบอนุญาตขายยาสูบ ทำให้จำนวนร้านค้าในสงขลาลดลงกว่า 200 รายจากปีก่อนหน้า

ในทางกลับกัน ร้านบุหรี่เถื่อนกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น แม้จะถูกจับและสั่งปิด ก็สามารถกลับมาเปิดใหม่ได้อีก บางร้านยังรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่จับกุมและปิดร้านหนีได้ก่อน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าร้านค้าเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล

นางสาวธัญญศรัณ ยกตัวอย่างกรณีของสมาชิกสมาคมฯ ที่เป็นร้านค้าส่งบุหรี่ ซึ่งเคยขายได้สัปดาห์ละ 5 ลัง ลดลงเหลือเพียง 3 ลังเท่านั้น ส่วนร้านค้าปลีกยิ่งได้รับผลกระทบหนักกว่า เพราะไม่สามารถสู้ร้านบุหรี่เถื่อนได้ ซึ่งกระจายอยู่ทุกหัวมุมถนน แถมบางร้านยังขายคู่กับน้ำกระท่อมซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แม้จะมีกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ห้ามการขายบุหรี่ออนไลน์ แต่บุหรี่เถื่อนยังคงขายออนไลน์ได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะบน Facebook ที่พบกว่า 3,000 เพจ บางกลุ่มมีสมาชิกเป็น 10,000 คน จัดโปรโมชั่นโดยไม่กำหนดอายุผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากต่อเด็กและเยาวชน

ปัจจุบัน ภาคใต้ยังคงเป็นพื้นที่หลักที่เผชิญปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมายอย่างหนัก โดยพบว่ากว่า 60% ของบุหรี่ผิดกฎหมายทั่วประเทศกระจุกตัวอยู่ใน 6 จังหวัดหลัก ได้แก่ สตูล (94%), สงขลา (90%), พัทลุง (82%), ภูเก็ต (73%), นครศรีธรรมราช (61%) และระนอง (58%) ตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำความชุกชุมของบุหรี่ผิดกฎหมายในพื้นที่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะสงขลาซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้กลายเป็นเส้นทางลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนสายสำคัญทั้งทางบกและทางทะเล ส่งผลให้จังหวัดสงขลาสูญเสียรายได้ภาษีท้องถิ่นจากยาสูบอย่างมหาศาล

ข้อมูลสถิติการจัดเก็บภาษีบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาจากยาสูบ เผยให้เห็นภาพที่น่าตกใจ เมื่อปี 2554 สงขลาสามารถจัดเก็บภาษีได้ถึง 80 ล้านบาท แต่ในปี 2567 กลับจัดเก็บได้เพียง 7 ล้านบาท ลดลงไปกว่า 73 ล้านบาท รายได้จำนวนมหาศาลนี้ควรถูกนำไปใช้พัฒนาท้องถิ่น แต่กลับต้องสูญเสียไปเพราะปัญหาบุหรี่เถื่อน และนี่เป็นเพียงตัวเลขจากจังหวัดเดียวเท่านั้น หากพิจารณาภาพรวมทั้งประเทศจากสัดส่วนบุหรี่เถื่อนที่พุ่งสูงถึง 28.1% คาดการณ์ได้ว่ารัฐบาลกำลังสูญเสียรายได้ภาษีต่อปีไปมากถึง 25,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่สามารถนำไปใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้มหาศาล

นางสาวธัญญศรัณ กล่าวว่า สถานการณ์บุหรี่ผิดกฎหมายหรือบุหรี่เถื่อนในประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวเลขอัตราการบริโภคที่พุ่งสูงถึง 28.1% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 2.7% ในระยะเวลาอันสั้น และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากภาครัฐยังไม่เร่งยกระดับการปราบปรามบุหรี่เถื่อนให้เข้าถึงต้นตอและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ปัญหานี้อาจทวีความรุนแรงจนยากเกินควบคุม

ด้าน นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา เปิดเผยถึงปัญหาสุดเรื้อรังของบุหรี่เถื่อนในพื้นที่ โดยยอมรับว่าการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่จริงจังจากหน่วยงานที่รับผิดชอบคือหัวใจสำคัญของปัญหานี้ "นี่คือปัญหาใหญ่ของบ้านเมือง ที่เราต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด" พร้อมเผยว่าได้ออกหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าประชุมหารือ เพื่อร่วมกันวางมาตรการเชิงรุก และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม หวังนำความสงบเรียบร้อยและรายได้คืนสู่จังหวัด ก่อนที่บุหรี่เถื่อนจะฝังรากลึกจนยากเกินแก้ไข

"บุหรี่เถื่อนไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังกัดกร่อนสังคมและสุขภาพของคนในพื้นที่อย่างรุนแรง" นายก อบจ.สงขลา กล่าว พร้อมย้ำว่าจะนำระเบียบและข้อกฎหมายทุกฉบับมาบังคับใช้อย่างเคร่งครัด เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของบุหรี่เถื่อนและนำรายได้คืนสู่การพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง

นางสาวธัญญศรัณ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันมีร้านค้าที่ขายบุหรี่ถูกกฎหมายกว่า 4 แสนราย ลดลงจากปีก่อนหน้าเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาบุหรี่เถื่อน สมาคมฯ จึงเรียกร้องให้รัฐดำเนินการจริงจังในการกวาดล้างร้านค้าผิดกฎหมาย ติดตามผลผู้กระทำผิด เพิ่มบทลงโทษ ควบคุมการขายออนไลน์ ร่วมมือกับบริษัทขนส่ง และสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนถึงผลกระทบของบุหรี่ผิดกฎหมาย

สมาคมการค้ายาสูบไทยเตือนสถานการณ์ บุหรี่เถื่อนในสงขลา วิกฤตหนักสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ส่งผลกระทบต่อ โชห่วยกว่า 4,000 ราย และทำให้ ภาษีท้องถิ่นหายไปกว่า 73 ล้านบาท ในปี 2567 เนื่องจากสัดส่วนบุหรี่เถื่อนสูงถึง 90.8% ซึ่งยังมีการขายออนไลน์และเกี่ยวข้องกับน้ำกระท่อม ด้าน นายก อบจ.สงขลา ลั่นพร้อมระดมกำลังปราบปรามเต็มที่ หวังนำรายได้ภาษีคืนสู่ท้องถิ่นและลบภาพ "เมืองหลวงบุหรี่เถื่อน"

#บุหรี่เถื่อน #สงขลา #สมาคมการค้ายาสูบไทย #โชห่วย #ภาษีท้องถิ่น #ปราบปรามบุหรี่เถื่อน #นายกอบจสงขลา #วิกฤตเศรษฐกิจ #ยาเสพติด #ค้าขายออนไลน์ #ภาคใต้

สกพอ. เร่งพัฒนาทักษะแรงงานอีอีซี ดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ มุ่งสู่ยุค AX, DX, GXเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.จุฬา สุขมานพ เลขา...
01/08/2025

สกพอ. เร่งพัฒนาทักษะแรงงานอีอีซี ดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ มุ่งสู่ยุค AX, DX, GX
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และ ดร.ณิชากร ทองเปลว ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากำลังคน พร้อมด้วยคณะทำงาน EEC HDC, คณะผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรม และศูนย์เครือข่าย EEC Nets ได้ร่วมประชุมหารือเรื่อง "ทิศทางการพัฒนาแรงงานเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ" ณ โรงแรมโอ๊ควู๊ด โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ ศรีราชา

การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ขยายความร่วมมือ EEC Model Type A ในการผลิตบุคลากรสมรรถนะสูงให้ตรงตามความต้องการของตลาดงาน ผ่านความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและสถานประกอบการ นอกจากนี้ยังมีการพิจารณา EEC Model Type B เพื่อพัฒนายกระดับบุคลากรกลุ่มวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมชั้นสูง ด้วยการฝึกอบรมระยะสั้นและทบทวนหลักสูตร เพื่อให้การพัฒนากำลังคนมีทิศทางที่ชัดเจน ตอบโจทย์การลงทุนและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

ที่สำคัญคือการหารือถึง ทิศทางการพัฒนา Model การศึกษารูปแบบใหม่ EEC Model Type C เพื่อยกระดับทักษะและสมรรถนะสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยียุคใหม่ ได้แก่ Automation Transformation (AX), Digital Transformation (DX) และมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมเพื่อโลกและสิ่งแวดล้อม Green Transformation (GX) โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายสายวิศวกรรมศาสตร์, นักศึกษาระดับ ปวส. ด้านอิเล็กทรอนิกส์และแมคคาทรอนิกส์ รวมถึงผู้ว่างงานไม่เกิน 6 เดือน พร้อมจัดหลักสูตรนำร่องในสาขา Semiconductor, Automation และ EV

สกพอ. ประชุมเร่งพัฒนาทักษะแรงงานในพื้นที่อีอีซี เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ โดยขยายความร่วมมือ EEC Model Type A ผลิตบุคลากรตรงงาน พัฒนา EEC Model Type B ยกระดับบุคลากรชั้นสูง และเตรียมเปิดตัว EEC Model Type C มุ่งเนกระดับทักษะสู่ยุค Automation (AX), Digital (DX) และ Green (GX) โดยเน้นกลุ่มวิศวกรรม, ปวส. อิเล็กทรอนิกส์/แมคคาทรอนิกส์ และผู้ว่างงานในสาขา Semiconductor, Automation และ EV

#สกพอ #พัฒนาบุคลากร #ทักษะแรงงาน #อุตสาหกรรมเป้าหมาย #บุคลากรสมรรถนะสูง

ด่วน! ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุก "วิรัช รัตนเศรษฐ" 4 ปี คดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอล สพฐ.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเม...
01/08/2025

ด่วน! ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุก "วิรัช รัตนเศรษฐ" 4 ปี คดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอล สพฐ.
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ให้จำคุก นายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และอดีตประธานวิปรัฐบาล เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณปี 2555 สำหรับการสร้างสนามฟุตซอลให้กับโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา 18 จังหวัด มูลค่ารวม 4,459 ล้านบาท รวมถึงโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา เขต 2 จังหวัดนครราชสีมา

คำพิพากษาระบุว่า นายวิรัช มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 อย่างไรก็ตาม นายวิรัชและจำเลยร่วมคนอื่นๆ ยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาฯ ได้

คดีนี้สืบเนื่องมาจากการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนายวิรัช รัตนเศรษฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สส.พรรคเพื่อไทย รวมถึงนางทัศนียา รัตนเศรษฐ (คู่สมรส) และนางทัศนาพร เกษเมธีการุณ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลห้วยแถลง จ.นครราชสีมา และอดีต สส.นครราชสีมา พรรค พปชร. พร้อมพวกรวม 24 ราย ในปี 2562 โดยกล่าวหาว่าทุจริตการจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในพื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา

ต่อมาในวันที่ 17 ธันวาคม 2562 ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัยแก่นายวิรัช รัตนเศรษฐ และพวกเพิ่มเติมอีก 6 เขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งรวมถึงน้องชายของอดีต สส. ชื่อดังในจังหวัดนครราชสีมา ตลอดจนกลุ่มข้าราชการในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน และกลุ่มเอกชนที่เกี่ยวข้อง

ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก "วิรัช รัตนเศรษฐ" อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ 4 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดีทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอลมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นคดีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตั้งแต่ปี 2562 และยังรวมถึงคู่สมรสและพวกรวม 87 คน นายวิรัชยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้

#วิรัชรัตนเศรษฐ #ทุจริตสนามฟุตซอล #ศาลฎีกา #ปปช #การเมือง #คอร์รัปชัน #ข่าววันนี้

อิเดมิตสึลงพื้นที่น่าน มอบกำลังใจพร้อมสนับสนุนการฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมบริษัท อิเดมิตสึ อพอลโล (ประเทศไทย) จำกัด โดย ค...
01/08/2025

อิเดมิตสึลงพื้นที่น่าน มอบกำลังใจพร้อมสนับสนุนการฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม
บริษัท อิเดมิตสึ อพอลโล (ประเทศไทย) จำกัด โดย คุณศุภวิชญ์ ครุฑธาลัย ผู้จัดการทีมแข่งโมโตครอสอิเดมิตสึ ได้ลงพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อเยี่ยมเยียนและมอบกำลังใจแก่ร้านตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อิเดมิตสึ รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอท่าวังผา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา

แม้ว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดน่านได้ลดลงแล้ว แต่ประชาชนยังคงอยู่ในช่วงของการฟื้นฟูและทำความสะอาดบ้านเรือน รวมถึงการซ่อมแซมรถจักรยานยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากการจมน้ำ เพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ

อิเดมิตสึ อพอลโล ไทย ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงใจให้กับทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ที่จะยืนหยัดเคียงข้างชุมชนและพันธมิตรทางธุรกิจในทุกสถานการณ์ เพื่อให้ทุกคนสามารถก้าวผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ไปด้วยกันอย่างเข้มแข็ง

#อิเดมิตสึ #น้ำท่วมน่าน #ช่วยเหลือผู้ประสบภัย #น่าน #น้ำใจไทย #ฟื้นฟูหลังน้ำลด

งานแถลงข่าวโครงการ วิ่ง ปั่นรวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต การจัดแถลงข่าวโครงการ วิ่ง ปั่นรวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น ภูร...
31/07/2025

งานแถลงข่าวโครงการ วิ่ง ปั่นรวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

การจัดแถลงข่าวโครงการ วิ่ง ปั่นรวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ประจำปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2568 โดยได้รับเกียรติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย นายกฤตชัย พยอมแย้ม ประธานอนุกรรมการพิจารณาและกำกับดูแลฝ่ายประชาสัมพันธ์ โครงการฯ คุณเกตุสุดา อัศวกิจพานิช รองประธานโครงการสร้างอุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต , คุณวรินทร สุธรรมชาว เลขานุการโครงการก่อสร้างอุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, นายชาญชัย บัวสรวง ประธานสโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา , ดร.ประทีป เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีไอ จำกัด , นายสุเมธ จินดาวัฒน์ ที่ปรึกษา/ CSR Manager บริษัท ฤทธา จำกัด , นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา และคณะ เข้าร่วมแถลงข่าว และมีกิจกรรมเชิญชวนผู้ร่วมงานให้ทุกท่านยืนขึ้นเพื่อแสดงความเคารพ ในความเสียสละ และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจทหารกล้าทุกคน ด้วยเพลง บ้านเกิดเมืองนอน ร้องโดย ไอติม นักร้องกองดุริยางค์ทหารอากาศ

นอกจากนี้ ในงานยังมีพิธีมอบสิ่งของให้กับ ทหาร โดยมีตัวแทนแม่ทัพภาค2 (มทบ.21) และรองผู้ว่าฯ เป็นผู้รับมอบ มูลค่า 56,744 บาท โดยคุณเกตุสุดา อัศวกิจพานิช รองประธานโครงการฯ เป็นผู้สนับสนุน มอบในนาม กิจกรรม "วิ่ง ปั่นรวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่นฯ

โครงการดังกล่าว เป็นการจัดกิจกรรม วิ่ง ปั่นรวมใจ เพื่อสร้างอุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดสัมปัตตะวนาราม(ธ) ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีพลเอกชลิต พุกผาสุก องคมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการโครงการ ฯ ได้มีการกำหนดให้จัดกิจกรรม วิ่ง ปั่นรวมใจ อุทยานหลวงปู่ปั่น ภูริทัตโต

สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์วัดสัมปัตตะวนาราม(ธ) ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง / ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในจังหวัดนครราชสีมา / ส่งเสริมการออกกำลังกาย ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ / ส่งเสริมให้นักกีฬาจักรยานในจังหวัดนครราชสีมาได้มีพื้นที่ในการแข่งขัน และเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของการดำเนินตามแนวทางการปฏิบัติธรรม ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ชิงโล่รางวัลเกียรติยศจากพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี

ในส่วนของการเข้าร่วมกิจกรรม จะแบ่งออกเป็น การเดิน วิ่ง และการปั่นจักรยานโดย แบ่งการแข่งขันและกิจกรรมหลายประเภทอายุ อาทิ ประเภท VIP สามารถร่วมกิจกรรมได้ทุกประเภท ( วิ่ง-ปั่น ทุกระยะ ) ค่าสมัคร 1,000 บาทต่อท่าน

ผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ที่เว็บไซต์ และที่สโมสรกีฬาจักรยานจังหวัดนครราชสีมา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณกฤตชัย โทร. 086-771-7779

#วิ่งปั่นรวมใจ #อุทยานหลวงปู่มั่น

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ไทยเฮดนิวส์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ไทยเฮดนิวส์:

แชร์