23/03/2025
ผลตรวจสุขภาพปัสสาวะ (Urine Analysis : UA) โดยสังเขป คือ การตรวจพื้นฐาน นิยมใช้ตรวจในการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของไต และระบบปัสสาวะของผู้เข้ารับการตรวจหลายอย่าง
การแปลผลการตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ; ในการตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะนั้น จะทำการตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธีการ 3 อย่าง ได้แก่
1️⃣ การมองด้วยสายตา (Visual examination),
2️⃣ การตรวจวิเคราะห์ทางเคมี (Chemical examination),
3️⃣ การส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ (Microscopic examination)
………………………
1️⃣ การมองด้วยสายตา (Visual examination) จะมีคำศัพท์พื้นฐานดังต่อไปนี้
“Appearance” คือ “ลักษณะปรากฏของตัวอย่างปัสสาวะ” (Appearance) โดยดู “สี”(Color) และ “ความใส”(Clarity) ของตัวอย่างปัสสาวะที่ได้มาเป็นหลัก ซึ่งสีและความใส อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างได้
2️⃣ การตรวจวิเคราะห์ทางเคมี (Chemical examination) เช่น
(1) Specific Gravity คือ การตรวจความถ่วงจำเพาะ เป็นการหาความเข้มข้นของปัสสาวะ ซึ่งสามารถบอกได้ถึงการดื่มน้ำที่เพียงพอหรือไม่ โดยในผู้ที่ร่างกายปกติจะมี ค่าความถ่วงจำเพาะ อยู่ที่ 1.005 – 1.030
- หากตรวจพบค่าที่มากเกินไปแสดงว่าร่างกายขาดน้ำหรือดื่มน้ำน้อยเกินไป ควรปรับพฤติกรรม หรือ
- หากตรวจเวลาไหนของวันยังได้ไม่เกิน 1.005 นั่นอาจแสดงว่ากลไกการควบคุมความเข้มข้นของปัสสาวะของไตเสื่อมสมรรถภาพ
(2) ค่า pH คือ เป็นการตรวจหาว่า ปัสสาวะมีความเป็นกรดหรือด่างมากน้อยเพียงใด โดยทั่วไปปัสสาวะจะมีความเป็นกรดอยู่เล็กน้อย (ประมาณ pH = 6) ช่วงอ้างอิงของค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของปัสสาวะจะอยู่ที่ 4.5 – 8.0 ปล.ถ้าค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของปัสสาวะ เกินเกณฑ์จะบ่งบอกถึง ท่อหน่วยไตมีความผิดปกติในการขับกรด และอื่นๆ เช่น
- ภาวะเลือดเป็นกรดจากระบบเมตาบอลิก (Metabolic acidosis),
- ภาวะเลือดเป็นกรดจากระบบหายใจ (Respiratory acidosis),
- เบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ (Uncontrolled diabetes mellitus),
- ภาวะอดอาหารและขาดน้ำ (Starvation and dehydration), และท้องเสีย (Diarrhea)
(3) Protein/Albumin คือ การตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะนั้นเป็นการตรวจคัดกรองดูว่า มีภาวะไตถูกทำลาย (Kidney damaged) เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าพบว่ามีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ผลตรวจก็จะขึ้นว่า เช่น
- ระดับ Trace (เล็กน้อย) จะประมาณเท่ากับโปรตีน 5 – 10 mg/dL (มิลลิกรัมต่อเดลซิลิตร)
- ระดับ 1+ (น้อย) จะประมาณเท่ากับโปรตีน 30 mg/dL
- ระดับ 2+ (ปานกลาง) จะประมาณเท่ากับโปรตีน 100 mg/dL
- ระดับ 3+ (มาก) จะประมาณเท่ากับโปรตีน 300 mg/dL
- ระดับ 4+ (มากที่สุด) จะประมาณเท่ากับโปรตีน 1,000 mg/dL *และถ้าไม่มีจะผลตรวจจะขึ้นว่า Negative
(4) Glucose (กลูโคส) คือ ภาวะที่พบมีน้ำตาลกลูโคสอยู่ในปัสสาวะ (Glucosuria หรืออาจเรียกว่า Glycosuria ก็ได้) มักบ่งชี้ถึงระดับน้ำตาลในเลือดสูงจากโรคเบาหวาน ถ้าพบว่ามีน้ำตาลกลูโคสในปัสสาวะ ผลตรวจก็จะขึ้นว่า เช่น Trace, 1+, 2+ 3+ และอื่นๆ ถ้าไม่มีจะผลตรวจจะขึ้นว่า Negative
(5) Ketones (คีโตน) คือ ภาวะที่พบมีคีโตนในปัสสาวะ (Ketonuria) จะเกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายมีคีโตนสะสม ซึ่งจะเกิดเมื่อร่างกายมีคาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) ไม่เพียงพอ และต้องใช้พลังงานจากการเผาผลาญไขมัน(Fat) แทน ถ้าพบว่ามีคีโตนในปัสสาวะ ผลตรวจก็จะขึ้นว่า Trace, หรือ 1+ หรือ 2 หรือ 3+ หรือ +4 และอื่นๆ ถ้าไม่มีจะผลตรวจจะขึ้นว่า Negative
(6) Nitrite (ไนไตรต์) คือ โดยปกติสารไนไตรต์จะไม่พบอยู่ในปัสสาวะ หากพบไนไตรต์ในปัสสาวะ จะบ่งชี้จำเพาะว่ามีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ถ้าพบว่ามีน้ำตาลกลูโคสในปัสสาวะ ผลตรวจก็จะขึ้นว่า Trace, หรือ 1+ หรือ 2 หรือ 3+ หรือ +4 และอื่นๆ ถ้าไม่มีจะผลตรวจจะขึ้นว่า Negative
(7) Billirubin (บิลิรูบิน) คือ เป็นสารเคมีในร่างกายที่สร้างจากตับที่พบในปัสสาวะ มักบ่งชี้ถึงภาวะที่เกิดการอุดตันของทางเดินน้ำดี เช่น โรคตับแข็ง และ มะเร็งตับ เป็นต้น ถ้าพบว่ามี Billirubin ในปัสสาวะ ผลตรวจก็จะขึ้นว่า Trace, หรือ 1+ หรือ 2 หรือ 3+ หรือ +4 และอื่นๆ และอื่นๆ ถ้าไม่มีจะผลตรวจจะขึ้นว่า Negative
(8) Urobilinogen (ยูโรบิลิโนเจน) คือ การตรวจหาสารยูโรบิลิโนเจน (Urobilinogen) ในปัสสาวะ มักใช้พิจารณาร่วมไปกับ “การตรวจบิลิรูบินในปัสสาวะ” เพื่อแยกโรค โดยเมื่อบิลิรูบิน (Bilirubin) ถูกขับออกมาในทางเดินอาหาร จะถูกแบคทีเรียในลำไส้ (Intestine) เปลี่ยนเป็นสารยูโรบิลิโนเจน (Urobilinogen)
ส่วนสภาวะที่ผิดปกติ อาจพบระดับยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะสูงขึ้นได้ คือ ในภาวะที่เม็ดเลือดแดงแตก (Hemolysis) เช่น
- โรคโลหิตจางเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก (Hemolytic anemia) ซึ่งภาวะเม็ดเลือดแดงแตกนี้มักจะทำให้ระดับยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะสูงขึ้น แต่ไม่ทำให้ระดับบิลิรูบินในปัสสาวะสูงขึ้น
- ภาวะที่เกิดการทำลายของเนื้อตับ (Hepatic disease) เช่น ตับแข็ง (Cirrhosis), ตับอักเสบจากไวรัส (Viral hepatitis), ตับอักเสบจากยาหรือสารพิษ (Hepatitis due to drugs or toxic substances) ก็ทำให้ระดับยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะสูงขึ้นได้เช่นกัน และอาจทำให้ระดับบิลิรูบินในปัสสาวะสูงขึ้นหรือไม่สูงขึ้นก็ได้
- ส่วนภาวะที่เกิดการอุดตันของทางเดินน้ำดี (Biliary obstruction) มักจะทำให้ระดับบิลิรูบินในปัสสาวะสูงขึ้น แต่ระดับยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะไม่สูงขึ้น การใช้ยาฆ่าเชื้อแบบออกฤทธิ์กว้าง (Broad-spectrum antibiotic) ทำให้แบคทีเรียในลำไส้ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนบิลิรูบินเป็นยูโรบิลิโนเจนตาย สามารถทำให้ตรวจระดับยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะไม่พบได้เช่นกัน ถ้าพบว่ามียูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะ ผลตรวจก็จะขึ้นว่า Trace, หรือ 1+ หรือ 2 หรือ 3+ หรือ +4 และอื่นๆ ถ้าไม่มีจะผลตรวจจะขึ้นว่า Negative
(9) Leukocyte คือ การตรวจหาเม็ดเลือดขาว (White blood cell หรือ Leukocyte) ในปัสสาวะหากตรวจพบ ก็จะถือว่าปัสสาวะนั้นมีเม็ดเลือดขาวปนอยู่อย่างมีนัยสำคัญ หรือเรียกว่าภาวะมีเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ (Pyuria หรือ Leukocyturia) ภาวะมีเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะมักสัมพันธ์กับการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infection; UTI) ถ้าพบว่ามี Leukocyte ในปัสสาวะ ผลตรวจก็จะขึ้นว่า Trace, หรือ 1+ หรือ 2 หรือ 3+ หรือ +4 และอื่นๆ ถ้าไม่มีจะผลตรวจจะขึ้นว่า Negative
(10) Erythrocyte/Hemoglobin (หรือ Blood) คือ การตรวจหาเม็ดเลือดแดง (Red blood cell หรือ Erythrocyte) ในปัสสาวะ ผลตรวจที่เป็นบวกบ่งชี้ว่ามีเม็ดเลือดแดง (หรือฮีโมโกลบิน หรือไมโอโกลบิน) บ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างที่ไต หรือส่วนใดส่วนหนึ่งในระบบทางเดินปัสสาวะ ถ้าพบว่ามี Erythrocyte ในปัสสาวะ ผลตรวจก็จะขึ้นว่า Trace, หรือ 1+ หรือ 2 หรือ 3+ หรือ +4 และอื่นๆ ถ้าไม่มีจะผลตรวจจะขึ้นว่า Negative
(11) Microalbumin คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่มีอณูเล็กขนาดประมาณ 60,000 dalton; การตรวจไมโครอัลบูมินในปัสสาวะนี้เป็นการวัดระดับของอัลบูมินในปัปริมาณที่น้อยกว่าการตรวจหาโปรตีนหรืออัลบูมินปัสสาวะด้วยวิธีทั่วไป (ที่มีปริมาณมากกว่า 300 มิลลิกรัมในปัสสาวะ 24ชม. หรือ มากกว่า 30 ไมโครกรัมต่อมิลลิกรัมครีอาตินีน) อย่างไรก็ดีภาวะไมโครอัลบูมินนูเรียที่ไม่เกี่ยวกับภาวะไตเสื่อม อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ได้ เช่น ภาวะไข้สูง ปัสสาวะมีเม็ดเลือดแดงปน การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ขณะมีประจำเดือน มีตกขาว การตั้งครรภ์ ภาวะหัวใจวาย การออกกำลังกายอย่างหนัก และมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่า 300 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ถ้าพบว่ามี Microalbumin ในปัสสาวะ ผลตรวจก็จะขึ้นว่า Trace, หรือ 1+ หรือ 2 หรือ 3+ หรือ +4 และอื่นๆ ถ้าไม่มีจะผลตรวจจะขึ้นว่า Negative
3️⃣ การส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ (Microscopic examination)
(1) เม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ (RBC) คือ เม็ดเลือดแดง หากพบว่ามีมากกว่า 3-5 cell/HPF (เซลต่อกำลังขยายสูง) ถือว่าผิดปกติ อาจจะเกิดจากการติดเชื้อ, นิ่ว, เนื้องอก หรือการอักเสบที่ไต หรือระบบทางเดินปัสสาวะ
(2) เม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ (WBC) คือ เม็ดเลือดขาว หากพบว่ามีมากกว่า 5-10 cell/HPF จะบ่งชี้ถึงการติดเชื้อ การอักเสบของทางเดินปัสสาวะ9. Epith. Cell (Epithelial Cell) เซลล์เยื่อบุ จะพบมากๆ ในการถูกทำลายของเนื้อเยื่อด้วยสาเหตุต่างๆ หรือในสตรี อาจจะเกิดจากการเก็บปัสสาวะส่งตรวจไม่ถูกวิธี มีการปนเปื้อนของตกขาว
(3) Squamous epithelium คือ เซลล์เยื่อบุส่วนท่อปัสสาวะส่วนนอก (External urethra) หากพบจำนวนเล็กน้อยถือว่าปกติ (Few) แต่หากพบในปริมาณมาก เช่น “15 – 20 cells/HPF ขึ้นไป” มักจะบ่งบอกว่าตัวอย่างปัสสาวะนั้นมีการปนเปื้อน เซลล์เยื่อบุชนิด Transitional epithelial cell (หรือ Transitional cell) เป็นเซลล์เยื่อบุส่วนกระเพาะปัสสาวะ (Urinary bladder) สามารถพบได้เป็นปกติ ส่วนเซลล์เยื่อบุชนิด Renal tubule cell เป็นเซลล์เยื่อบุท่อหน่วยไต (Renal tubule) โดยปกติต้องไม่พบในปัสสาวะ หากพบมักแสดงถึงความผิดปกติของหน่วยไต
(4) Bacteria - แบคทีเรียในปัสสาวะ; โดยปกติแล้วปัสสาวะควรมีแบคทีเรียน้อยมากหรือไม่มีเลย การพบแบคทีเรียจำนวนเล็กน้อยอาจเกิดจากการปนเปื้อนขณะเก็บตัวอย่าง
ภาวะที่มีแบคทีเรียในปัสสาวะ
1. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI)**
- พบแบคทีเรียมากกว่า 100,000 CFU/ml ในการเพาะเชื้อ
- เชื้อที่พบบ่อย: Escherichia coli, Klebsiella, Proteus, Enterococcus, Staphylococcus saprophyticus
2. แบคทีเรียในปัสสาวะแบบไม่มีอาการ (Asymptomatic bacteriuria)
- พบแบคทีเรียในปริมาณมากแต่ผู้ป่วยไม่มีอาการ
- พบบ่อยในผู้สูงอายุ, หญิงตั้งครรภ์, ผู้ป่วยที่สวนปัสสาวะเป็นประจำ
3. การปนเปื้อน**
- เกิดจากแบคทีเรียบริเวณทวารหนัก อวัยวะเพศ หรือผิวหนัง
- มักพบในการเก็บตัวอย่างที่ไม่ถูกวิธี
การตรวจพบแบคทีเรีย
1. การตรวจทางกล้องจุลทรรศน์**
- ปกติไม่ควรพบแบคทีเรียหรือพบน้อยมาก(Normal หรือ few)
- การพบแบคทีเรียมากกว่า 1+ ถือว่าผิดปกติ
2. การเพาะเชื้อปัสสาวะ
- เกณฑ์วินิจฉัย UTI: >100,000 CFU/ml
- บางกรณีอาจวินิจฉัย UTI ได้เมื่อพบ >10,000 CFU/ml ร่วมกับอาการ
อาการที่บ่งชี้การติดเชื้อ
- ปัสสาวะแสบขัด
- ปัสสาวะบ่อย
- ปวดท้องน้อย
- ปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นเหม็น
- มีไข้ (ในกรณีรุนแรง)
หากตรวจพบแบคทีเรียในปัสสาวะร่วมกับอาการข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม โดยการรักษามักใช้ยาปฏิชีวนะตามความไวของเชื้อที่พบจากการเพาะเชื้อ