26/06/2020
👁️🗨️ รูปแบบของการกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์
ตามแนวคิดของการกลั่นแกล้งกันผ่านโลกไซเบอร์นั้น พบว่า ประกอบด้วย การทะเลาะกัน, การทําลายความสัมพันธ์, การกีดกัน, การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ เชิงสบประมาท, การส่งต่อ เรื่องลับเฉพาะ, การใช้อุบายหลอก, การข่มขู่, การก่อกวน หรือล่วงละเมิด, การคุกคาม ทางเพศและการเมือง, การเสแสร้งหรือสวมรอย, การสร้างบัญชีใช้งานปลอม และการคัดลอก หรือขโมยอัตลักษณ์ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ตามรูปแบบหรือลักษณะของการรังแก ดังนี้ (Muis, 2017; Nick, 2013, Rivituso, 2014; Valancourt, Faris & Mishna, 2017; นภาวรรณ อาชาเพ็ชร, 2560, สุภาวดี เจริญวานิช, 2560)
1. กลุ่มที่เป็นการกลั่นแกล้งทั่วไป (general) ได้แก่
(1) การทะเลาะกัน (brawling) คือ พฤติการณ์การกลั่นแกล้งระหว่างบุคคล หรือพฤติการณ์ระหว่างกลุ่มคน ที่เกี่ยวกับการใช้ภาษาอย่างหยาบคาย รุนแรง หรือไม่สุภาพในการสื่อสาร ตอบโต้กันผ่านทางสื่อสังคมหรือสื่อออนไลน์
(2) การทําลายความสัมพันธ์ (attacking relatives) คือ การกระทําของ บุคคลที่สามอันเป็นการยุยงปลุกปั้นให้เกิดความบาดหมาง หรือผิดใจกันระหว่างบุคคล ที่หนึ่งกับบุคคลที่สอง โดยสร้างข้อความ หรือข้อมูลเชิงสัญลักษณ์ให้ปรากฏบน สื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้เข้าใจผิดและขัดแย้งกัน
(3) การกีดกัน (deprivation) คือ พฤติการณ์กลั่นแกล้งผ่านข้อความ หรือกิจกรรมอันสร้างความเกลียดชัง อคติหรือทัศนคติเชิงลบต่อสมาชิกในกลุ่ม ส่งผลกระทบให้บุคคลหนึ่งถูกกีดกันจากสมาชิกคนอื่นๆ ด้วยการถูกบล็อกหรือถูกลบ ออกจากกลุ่มในสื่อสังคมออนไลน์
2. กลุ่มที่สร้างความเสียหาย (damage) ได้แก่
(1) การเผยแพร่ข้อมูลเท็จเชิงสบประมาท (defamation) คือ พฤติการณ์ อันส่งผลให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย เกิดการเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือมีการหยามเหยียด จนเกิดเป็นความอับอาย ขายหน้า และอีกฝ่ายตกอยู่ในสถานะตัวตลกในทรรศนะ ของคนรอบข้าง
(2) การส่งต่อเรื่องลับเฉพาะ (blackmail) คือ การกระทําการที่สร้าง ความเสียหายโดยนําความลับ หรือข้อมูลส่วนตัวของอีกฝ่ายไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับ ความยินยอมจากเจ้าของความลับ หรือมีเจตนาทําให้เจ้าของข้อมูลเกิดความเสียหาย เพื่อเรียกผลประโยชน์
(3) การใช้อุบายหลอก (trickery) คือ การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตน เพื่อให้ผู้อื่นไว้ใจ แล้วโน้มน้าวให้ผู้อื่นเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเพื่อนําไปใช้ประโยชน์ในทาง ทุจริต หรือนําไปแพร่กระจายต่อสู่บุคคลที่สามหรือสาธารณะจนเกิดความเสียหาย
3. กลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนรําคาญ (nuisance) ได้แก่
(1) การข่มขู่ (intimidate) คือ พฤติการณ์อันส่อไปในทางมาดหมายจริงจัง ด้วยวาจา หรือสัญลักษณ์ที่ชื่อว่า จะทําให้ผู้อื่นเดือดร้อน จะกระทํารุนแรง หรือจะทําให้ เสียชื่อเสียง จนอีกฝ่ายเกรงกลัวว่าจะมีเหตุให้เดือดร้อน
(2) การก่อกวน หรือล่วงละเมิด (harassment) คือ การกระทําอันมีเจตนา ก่อกวนเนื่องจากมีการทําให้ผู้อื่นเดือดร้อนซ้ําหลายครั้ง เป็นการก้าวล้ําสิทธิส่วนบุคคล ของผู้อื่นให้เดือดร้อนรําคาญอย่างต่อเนื่อง
(3) การคุกคามทางเพศและการเมือง (sexual and political threats) คือ ลักษณะพฤติการณ์เชิงโจมตีทางความคิด สําหรับมุมมองหรือความเห็นที่แตกต่าง ในด้านความเป็นมนุษย์และความหลากหลายของสังคม ยังรวมถึงการลวนลามทางเพศ ด้วยวิธีการต่างๆ ให้เพศหนึ่งเดือดร้อนรําคาญ
4. กลุ่มอาชญากรหรือมิจฉาชีพ (criminal) ได้แก่
(1) การเสแสร้งหรือสวมรอย (hypocrisy) คือ การกระทําการอันเข้าข่าย มิจฉาชีพ และอาจส่งผลต่อบุคคลอื่นให้เสียประโยชน์สูง หรือสูญเสียเงิน ทอง ทรัพย์สิน โดยวิธีการแอบอ้างชื่อและนามสกุล หรือตัวตนของบุคคลอื่น
(2) การสร้างบัญชีใช้งานปลอม (fake profiles) คือ พฤติการณ์ล่องหน โดยวิธีลงทะเบียนใช้งานบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ แล้วนํารูปอื่นที่ไม่ใช่รูปผู้ลงทะเบียน ใช้งานบัญชีมาเป็นรูปประจําตัว สร้างข้อมูลและคําอธิบายตัวตน โดยแต่งขึ้นใหม่ เพื่อใช้ในทางทุจริตต่อผู้อื่น หรือใช้ในทางอาชญากรรม บุคคลในรูปแบบนี้อาจถูกจัดเป็น มิจฉาชีพได้
(3) การคัดลอกหรือขโมยอัตลักษณ์ (cat-fishing) คือ การกระทําที่เพิ่มความรุนแรงกว่าการเสแสร้งหรือสวมรอย เนื่องจากจะมีการนําเอาข้อมูลเฉพาะ หรือข้อมูลเชิงอัตลักษณ์ออนไลน์ของบุคคลอื่น มาสร้างบัญชีใช้งานสื่อสังคมอีกบัญชี และนําบัญชีดังกล่าวไปใช้หลอกลวงหรือสร้างความเสียหายรุนแรงกับบุคคลที่ถูกขโมยข้อมูล.
สิโรดม มณีแฮด และ ปรัชญนันท์ นิลสุข. การกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสกัดกั้นในโรงเรียน ใน วารสารการสื่อสารมวลชน คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2562. (หน้า 52-53)