26/07/2025
[ ]
ธนาคารยักษ์หลับ
ที่ปลดล็อคจากคดีฉาวแล้ว พร้อมลุยเต็มตัว
ธนาคารยักษ์ใหญ่ที่ทุกคนรู้จักในเมกา
หนึ่งในนั้นคือ Wells Fargo & Co.
ธนาคารที่มีโลโก้รถม้าเป็นเอกลักษณ์
และมีประวัติศาสตร์ยาวนานคู่กับประเทศ
ธุรกิจของพวกเค้าเรียบง่ายมาก
คือการเป็นธนาคารครบวงจร
รับฝากเงินจากคนทั่วไปและธุรกิจ
แล้วนำเงินนั้นไปปล่อยกู้ต่อ
กินส่วนต่างดอกเบี้ยเป็นรายได้หลัก
WFC มีหน่วยธุรกิจหลักอยู่ 4 ส่วน
1. Consumer Banking
ดูแลลูกค้ารายย่อยแบบเราๆ นี่แหละ
2. Commercial Banking
บริการลูกค้าธุรกิจขนาดกลาง
3. Corporate & Investment Banking (CIB)
ดูแลลูกค้ารายใหญ่และสถาบัน
4. Wealth Management
บริการให้คำปรึกษาด้านความมั่งคั่ง
ซึ่งรายได้หลัก ก็ยังคงมาจากลูกค้ารายย่อย
แต่ที่น่าสนใจคือการเติบโตของฝั่ง CIB
ปี 2024 ที่ผ่านมาโตขึ้นเยอะมาก
นี่คือสัญญาณว่า WFC กำลังกระจายความเสี่ยง
ไม่ได้พึ่งพารายได้ดอกเบี้ยอย่างเดียวอีกต่อไป
WFC มีจุดเด่น คือ ฐานลูกค้าที่ใหญ่มาก
พวกเค้ามีเครือข่ายสาขาทั่วสหรัฐฯ
ทำให้เข้าถึงผู้คนได้ง่าย
สร้างความเชื่อมั่นได้ดีกว่าคู่แข่งที่เป็นดิจิทัลล้วน
ลูกค้าส่วนใหญ่ของ WFC อยู่ในอเมริกา
ตั้งแต่คนธรรมดาไปจนถึงบริษัทระดับโลก
ตลาดต่างประเทศยังมีสัดส่วนไม่มากนัก
โฟกัสหลักยังคงเป็นตลาดในบ้าน
แน่นอนว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้สูงมาก
คู่แข่งทางตรงคือธนาคารยักษ์ใหญ่ด้วยกัน
อย่าง JPMorgan Chase, Bank of America
ส่วนคู่แข่งทางอ้อมก็คือบริษัท FinTech ทั้งหลาย
ที่เข้ามาแย่งชิงบริการทางการเงินบางส่วนไป
ณ ตอนนี้ Wells Fargo & Co.
กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ
หลังจากเผชิญข่าวฉาวครั้งใหญ่ในปี 2018
เรื่องเปิดบัญชีปลอมให้ลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต
จนถูกธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed
สั่งจำกัดเพดานสินทรัพย์ Asset Cap
ทำให้ไม่สามารถขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่
แต่ในปี 2025 นี้...
โซ่ตรวนเส้นนั้นได้ถูกปลดออกแล้ว
Fed ได้ยกเลิกคำสั่ง Asset Cap แล้ว
นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในรอบหลายปี
เปิดโอกาสให้ WFC กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
แผนการในอนาคตของพวกเค้า
คือการสร้างธนาคารที่มีประสิทธิภาพ ให้แกร่งขึ้น
CEO คนปัจจุบันมุ่งมั่นกับการแก้ปัญหาในอดีต
ปรับปรุงระบบควบคุมภายในอย่างจริงจัง
และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงไปได้เยอะมาก
พวกเค้ากลับมาขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างเต็มที่
พร้อมกับเดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีและ AI
เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า
ธุรกิจฝั่ง CIB และ Wealth Management
ที่เป็นดาวรุ่งในตอนนี้
ก็ยังได้รับการสนับสนุนให้เติบโตต่อไป
เพื่อสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมที่มั่นคงขึ้น
ในแง่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่
เรื่องกฎระเบียบยังคงเป็นสิ่งที่ต้องระวัง
และความผันผวนของเศรษฐกิจ
ก็กระทบธุรกิจธนาคารโดยตรง
หากเศรษฐกิจไม่ดี หนี้เสียก็อาจเพิ่มขึ้นได้
ถ้าดูที่งบการเงินโดยรวม
จะเห็นว่า WFC แข็งแกร่งขึ้นมาก
รายได้ในปี 2024 อาจลดลงเล็กน้อย
แต่กำไรสุทธิกลับยังเติบโตได้ดี
เป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุนที่ยอดเยี่ยม
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานยังดีมาก
สะท้อนว่าธุรกิจหลักยังทำเงินได้ดี
ในช่วงที่ผ่านมามีการซื้อหุ้นคืนเยอะมาก
เป็นการส่งสัญญาณความมั่นใจจากผู้บริหาร
ส่วนเรื่องหนี้สิน สำหรับธนาคาร
เราจะดูที่ CET1 Ratio
(อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง)
ซึ่งของ WFC อยู่ในระดับ 11.1%
สูงกว่าเกณฑ์ที่ทางการกำหนดไว้
แปลว่าฐานะการเงินยังมั่นคง ปกติดี
WFC ยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลที่ดี
จ่ายมาต่อเนื่องยาวนาน และมีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดก็เพิ่งประกาศเพิ่มเงินปันผล
เป็นการคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับคนที่จะลงทุนในหุ้นธนาคาร
มีตัวชี้วัด 3 ตัวที่ต้องดูเป็นพิเศษ
1. Net Interest Margin (NIM)
คือกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ย
ของ WFC ตอนนี้ค่อนข้างคงที่
แต่ก็ต้องจับตาดอกเบี้ยในตลาดให้ดี
2. Efficiency Ratio
คืออัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้
ยิ่งต่ำยิ่งดี แปลว่าบริหารต้นทุนเก่ง
ซึ่ง WFC ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดอยู่ที่ 64%
3. Return on Tangible Common Equity (ROTCE)
คือผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
ตัวเลขนี้บอกว่าธนาคารทำกำไรได้ดีแค่ไหน
WFC ทำได้ดี อยู่ที่ 15.2%
เมื่อมองที่ราคาหุ้นเทียบกับคู่แข่ง
P/E ของ WFC อยู่ที่ประมาณ 13.8 เท่า
ถือว่าอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล
ไม่ได้ถูกหรือแพงจนเกินไป
แต่ความน่าสนใจของ WFC ในวันนี้
ไม่ได้อยู่ที่ราคาถูกหรือแพง
แต่อยู่ที่ เรื่องราวของการเติบโต
ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังการปลดล็อก Asset Cap
เป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าจับตาดูการเดินทางครั้งใหม่นี้
- - - - - - - - - - - - - - -
เก็บดีเทลหุ้นตัวนี้ แบบละเอียดต่อในคอมเม้นต์
#รู้จักหุ้นวันละตัว ตัวที่ 031