06/09/2025
#ผู้หญิงสามัญประจำโลก #เสียงของผู้หญิงที่เงียบที่สุด
ในโลกที่เศรษฐีจำนวนมากเลือกใช้เงินไปกับเจ็ตส่วนตัว เรือยอชท์ รถสปอร์ต นาฬิกาแบรนด์หรู หรือจัดงานการกุศลอลังการเพื่ออวดภาพลักษณ์
กลับมีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ตัดสินใจ “เดินอีกทาง”
เธอชื่อ แมคเคนซี สก็อตต์
อดีตภรรยาของ เจฟ เบซอส เจ้าของ Amazon
ปี 2023 หลังการหย่า เธอได้รับเงินสินสมรส 38,000 ล้านดอลลาร์ (หรือเทียบเป์นเงินไทย 1,368,000,000,000 บาท อ่านว่า หนึ่งล้านสามแสนหกหมื่นแปดพันล้านบาท)
เงินก้อนนี้ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
และเธอสามารถใช้ชีวิตเหมือนเศรษฐีทั่วไปได้
สะสมกระเป๋าแบรนด์เนม ชุดราตรี รถสปอร์ต หรือแม้แต่เรือยอชท์
แต่สิ่งที่เธอเลือก…กลับตรงข้ามทั้งหมด
เพียง 4 ปี เธอบริจาคเงินไปแล้ว 19,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 6.27 แสนล้านบาท
▶️ เทียบเท่ากับงบประมาณทั้งปีของกระทรวงศึกษาธิการไทยรวมกับกระทรวงสาธารณสุข
▶️ หรือสามารถสร้างโรงเรียนมาตรฐานขนาดกลางได้เกือบ 60,000 แห่ง
▶️ หรือสร้างโรงพยาบาลใหม่ขนาดใหญ่ได้มากกว่า 600 แห่ง
และทั้งหมดนี้คือ เกือบครึ่งหนึ่ง ของสิ่งที่เธอได้รับมา
ทำให้เธอกลายเป็น เศรษฐีที่บริจาคเงินเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
วิธีการของเธอเรียบง่ายเหลือเชื่อ
♦️ให้เยอะ
♦️ให้เร็ว
♦️แล้วก็ ถอยออกจากสปอตไลต์
เธอไม่ตั้งกองทุนให้ตัวเอง ไม่ขอให้ชื่อของเธอถูกสลักไว้บนกำแพง
ไม่บังคับให้องค์กรต้องส่งข้อเสนอเป็นร้อยหน้า
เธอเพียงแค่ “เชื่อใจ” และ “เซ็นเช็ค”
แล้วหายไปจากซีนของการอวดบุญ
นับตั้งแต่ปี 2019 เธอบริจาคเงินไปแล้วกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กร มากกว่า 2,600 แห่ง
ตั้งแต่วิทยาลัยชุมชน ธนาคารอาหาร (Food Banks)
กลุ่มเรียกร้องความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ กลุ่มต่อต้านการเหยียดผิว
ไปจนถึงศูนย์พักพิงสตรี—ที่น่าตกใจคือ องค์กรเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่เคยมีเศรษฐีโทรหามาก่อน
และเพื่อให้ทุกอย่างเป็นระบบ เธอยังสร้างแพลตฟอร์ม Yield Giving
เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรที่ต้องการความช่วยเหลือเข้ามาหาเธอได้โดยตรง
นี่ไม่ใช่การทำบุญเพื่อสร้างภาพ
แต่มันคือการ “ส่งต่อชีวิตใหม่” ให้ผู้คนโดยไม่หวังสิ่งใดกลับคืน
ตัดภาพมาที่เมืองไทย
คนไทยเราบริจาคเงินเข้าวัดปีละไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท
จำนวนนี้เพียงพอจะสร้างห้องสมุดชุมชนได้หลายพันแห่ง
หรือทำทุนการศึกษาให้เด็กขาดโอกาสเป็นหมื่น ๆ คน
แต่เมื่อบางวัดกลับถูกเจ้าอาวาสคอร์รัปชัน
เอาเงินไปเลี้ยงดูสีกา หรือเล่นพนันออนไลน์
บุญที่ตั้งใจทำ กลับกลายเป็นการส่งเสริมบาปโดยไม่รู้ตัว
โชคดีที่ประเทศอื่นๆไม่มีพระและวัดแบบไทย
ในหลายประเทศตะวันตก เมื่อคนอยากทำบุญ เขาเลือกบริจาคให้มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล หรือองค์กรเพื่อสังคม เงินทุกดอลลาร์จึงถูกแปรเปลี่ยนเป็นโอกาสใหม่ ๆ ให้คนที่ด้อยกว่า
ตรงกันข้าม…ในสังคมไทย การทำบุญกลับถูกผูกขาดไว้ที่ “วัด” และ “พระ” เป็นหลัก
เราเชื่อว่าการถวายเงินเข้าวัดคือเส้นทางลัดสู่บุญ ทั้งที่ความจริงแล้วเงินมหาศาลจำนวนนี้ควรจะสร้างห้องสมุด โรงเรียน สนามเด็กเล่น หรือทุนการศึกษา
แต่กลับไหลไปอยู่ในกุฏิหรู รถหรู และบางครั้งก็ถูกเผาไหม้ไปกับการพนันหรืออบายมุขของพระผู้ไม่สมควรเป็นพระ
โชคดีที่ประเทศอื่นๆไม่มีพระและวัดแบบไทย
เพราะถ้ามี…เงินบริจาคก็คงไม่ถูกเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาล 600 แห่ง หรือโรงเรียน 60,000 แห่งอย่างที่แมคเคนซีทำ
แต่คงหายไปกับกำแพงทองคำหรือพระพุทธรูปองค์ละร้อยล้านแทน
ถ้าเราเลือกทำบุญที่เปลี่ยนชีวิตคน
ถ้าเศรษฐีไทย หรือแม้แต่คนธรรมดาอย่างเรา
หันมาทำบุญในแบบที่สังคมได้จริง ๆ
เราคงเห็นเด็กเก่งได้ทุนเรียนต่อมากขึ้น
เห็นนักวิจัยสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ
เห็นสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น ห้องสมุดเกิดขึ้นในชุมชน
แทนที่จะเห็น “วัดทองคำ” กับ “กุฏิหรู” ที่ไม่เคยเปิดให้ใครเข้าไปใช้
จากบทเรียนจากผู้หญิงที่เงียบที่สุดคนนี้
แมคเคนซี สก็อตต์ ไม่ต้องการแสงแฟลช
แต่การให้ของเธอกลับกลายเป็นเสียงที่ดังที่สุด
ดังพอจะปลุกให้เราทุกคนถามตัวเองว่า
แท้จริงแล้ว การทำบุญคือการแสวงหาบุญส่วนตัว
หรือคือการส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้ใครสักคนจริง ๆ กันแน่?