เปิดทำการกี่โมง?

จันทร์ 18:00 - 20:00 อังคาร 10:00 - 17:00 พุธ 10:00 - 17:00 พฤหัสบดี 10:00 - 17:00 ศุกร์ 10:00 - 17:00 เสาร์ 11:00 - 20:00

siamcoin.com

ให้คำแนะนำในการสะสมอย่างมืออาชีพ
(509)

-ผู้เชี่ยวชาญด้านเหรียญที่ระลึก,เหรียญกษาปณ์
-ให้คำปรึกษาแนะนำ ในการเก็บสะสมเหรียญ อย่างมืออาชีพ ทั้งการสะสมในเชิงประวัติศาสตร์ และ การลงทุนออมในระยะยาว

-บทความสำหรับนักสะสม
www.siamcoin.com

-ชมสินค้าในร้าน
https://siamcoin.nativewhale.com/

-เกี่ยวกับเรา https://www.facebook.com/media/set/?set=a.776725712393257.1073741830.745053552227140&type=3

-มีประสบการณ์ในการสะสมเหรียญ ราวๆ 20 ปี ประสบการ

ณ์ ในฐานะกรรมการสมาคมเหรียญกษาปณ์แห่งประเทศไทย และ กรรมการสมาคมเหรียญที่ระลึกไทย
-ผู้เขียนบทความในเรื่องเหรียญให้กับหนังสือพิมพ์คมชัดลึกตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๘

15/07/2025

#เหรียญตัวอย่างหายากระดับตำนาน- #เหรียญกึ่งตำลึง(๒บาท)
ผลิตมาเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ราคาตลาดราวๆ 2 ล้านบาท มาตั้งแต่ราว 20 ปีมาแล้ว เหรียญเหล่านี้ เป็นเหรียญที่หายากมากๆ พบรวมกันทุกเนื้อก็น่าจะราวๆ 10 เหรียญ (ที่มีภาพ) ส่วนในโลกเหลือกี่เหรียญจริงๆ ยังไม่มีความแน่ชัด แต่เชื่อว่า มีน้อยมากๆ ของปลอมมีมานานแล้วเช่นกัน

14/07/2025

เหรียญที่ระลึกTINF2025 เหรียญตัวติดที่หลายคนยังไม่รู้ จากจำนวนการจองที่ 80 เหรียญ สุดท้ายผลิตเพียง 88 เหรียญ มีเพียง 8 เหรียญที่นำมาจำหน่ายในงาน

13/07/2025

พบกันเดือนหน้านะครับ

11/07/2025

เหรียญทองแดงตัวอย่างกึ่งตำลึง รัชกาลที่4 เริ่มที่ 30,000 บาท ใน

11/07/2025

เหรียญตำราในภาพนี้ เห็นมานานน่าจะเกิน10ปี แต่ต้องขอแจ้งให้ท่านที่อาจไม่ทราบ ได้รับทราบว่า #เหรียญตามภาพที่แสดงนี้เป็นเหรียญปลอม ส่วนตำหนิที่ให้พิจารณา มีแค่บางจุดที่นำไปปรับใช้ได้ แต่เนื่องจากเหรียญที่นำมาอธิบาย นั้นเป็นเหรียญปลอม และบทความนี้ก็มีมานนานมาก

เหรียญปราบฮ่อ เป็นเหรียญที่ระลึกที่หายากมาก แม้อาจจะไม่ได้หายากมากที่สุด แต่ #เป็นเหรียญที่ได้รับความนิยม #เป็นที่ต้องการมากที่สุด ทำให้การผลิตเหรียญปลอมรุ่นนี้มีมานานกว่า 40ปี และมีหลายรูปแบบ เหรียญแท้ๆ ที่หมุนเวียนในวงการ นับดูยังไม่น่าถึง 50 เหรียญ ซึ่งถ้านับความหายาก หายากมากกว่า พระสมเด็จวัดระฆัง หลายเท่าตัว ศึกษาได้ง่ายกว่า เพราะมีแค่ พิมพ์เดียว (ไม่นับเหรียญตัวอย่าง)

มีบทความเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของสงครามปราบฮ่อ โดยนายทหารผู้ใหญ่ในอดีต ก็มีรูปเหรียญปราบฮ่อปลอม ลงในบทความด้วย ซึ่งผู้เขียนบทความอาจจะไม่ทราบ แต่เมื่อบทความดีมีความรู้ คนอ่านก็อาจเข้าใจว่าเป็นเหรียญแท้ ใครอยากชมเหรียญแท้ สามารถดูและศึกษาได้ที่เพจ ของคุณนพพร https://www.facebook.com/Nkoromo นะครับ

10/07/2025

#เหรียญที่ระลึก140ปีไปรษณีย์ไทยและงานแสดงตราไปรษณียากรโลก

ถือเป็นงานใหญ่ของไปรณีย์ไทย มีการออกเหรียญ และ วัตถุมงคลพญาครุฑ มาหลายรูปแบบ สำหรับเหรียญที่ระลึก ที่เปิดให้จองโดยทั่วไป มีขนาด 32 mm ซึ่งออกมาจำนวนค่อนข้างน้อย มีเป็นชุดเหรียญ ทองคำ,เงิน และทองแดง ราคาจอง 124,999 บาท , เหรียญเงิน 1,500 บาทผลิต 400 เหรียญ ,และ ทองแดง เหรียญละ 190 บาท

ส่วนเหรียญชุดนี้จัดสร้างโดยสมาคม สตท. มีขนาด 70 mm ออกมาเพียง 50 ชุดเท่านั้น

07/07/2025

ประวัติศาสตร์การผลิตเหรียญกษาปณ์ของสยามในรัชกาลที่ 5

ในสมัยรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2411 - 2453) เศรษฐกิจของสยามมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการค้ากับต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการใช้เหรียญกษาปณ์มีสูงมาก ซึ่งโรงกษาปณ์เดิมที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 (โรงกระษาปน์สิทธิการ) เริ่มเก่าและผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ

การปรับปรุงและสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงปัญหานี้ จึงมีพระราชดำริให้สั่งซื้อเครื่องจักรผลิตเหรียญกษาปณ์จากต่างประเทศ และได้มีการปรับปรุงโรงกษาปณ์ใหม่ โรงกระษาปณ์สิทธิการ ที่สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2419 ทำให้สยามสามารถผลิตเหรียญกษาปณ์ได้เองอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การประทับพระบรมรูปบนเหรียญ: จุดเด่นสำคัญของเหรียญกษาปณ์ในรัชกาลที่ 5 คือ การประทับพระบรมรูปพระพักตร์ด้านข้างของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวลงบนเหรียญเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งเริ่มมีขึ้นในปี พ.ศ. 2419 นอกจากนี้ยังมีเหรียญที่ด้านหลังเป็นรูปตราแผ่นดิน, พระสยามเทวาธิราช และช้างสามเศียร

การเปลี่ยนแปลงมาตราเงิน: ในปี พ.ศ. 2441 ได้มีการปรับปรุงมาตราเงินตราไทยเป็นหน่วย "บาท" และ "สตางค์" โดยกำหนดให้ 100 สตางค์เป็น 1 บาท แทนระบบเดิมคือ ชั่ง ตำลึง บาท สลึง เฟื้อง เมื่อสามารถผลิตเหรียญกษาปณ์ได้เพียงพอต่อความต้องการ จึงได้มีการยกเลิกการใช้เงินพดด้วงและหอยเบี้ยในปี พ.ศ. 2447

การเปรียบเทียบกับประเทศโดยรอบ

การประทับพระบรมรูปของกษัตริย์บนเหรียญกษาปณ์ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่แพร่หลายในหลายประเทศตะวันตกมานานแล้ว และเริ่มเป็นที่นิยมในเอเชียเมื่อมีการรับอิทธิพลตะวันตกเข้ามา

สยาม: เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถผลิตเหรียญกษาปณ์โดยมีรูปประทับของประมุขของตนเองได้ แสดงถึงอำนาจอธิปไตยและความเป็นเอกราชที่ยังคงอยู่ ท่ามกลางกระแสการล่าอาณานิคมในภูมิภาค การมีโรงกษาปณ์เป็นของตนเองและผลิตเหรียญที่มีพระบรมรูปของกษัตริย์จึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการเป็นรัฐชาติสมัยใหม่

ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ตกเป็นอาณานิคม:

อินโดจีน (เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว): อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส เหรียญกษาปณ์ที่ใช้มักจะเป็นเหรียญของฝรั่งเศส หรือเหรียญที่ออกโดยรัฐบาลอาณานิคม ซึ่งมักจะประทับตราสัญลักษณ์ของเจ้าอาณานิคม (เช่น สาธารณรัฐฝรั่งเศส) หรือบางครั้งก็มีรูปบุคคลสำคัญของฝรั่งเศส ไม่ใช่รูปของประมุขท้องถิ่น

พม่า: อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เหรียญกษาปณ์ที่ใช้จะเป็นเหรียญของบริติชอินเดีย ซึ่งมีรูปพระบรมรูปของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย (และกษัตริย์องค์ต่อมา) หรือตราสัญลักษณ์ของอังกฤษ

มาลายาและสิงคโปร์: อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ก็ใช้เหรียญที่มีรูปพระบรมรูปของกษัตริย์อังกฤษเช่นกัน

ฟิลิปปินส์: ในช่วงแรกอยู่ภายใต้สเปน และต่อมาอยู่ภายใต้อเมริกา เหรียญกษาปณ์ก็จะสะท้อนถึงเจ้าอาณานิคมนั้นๆ

อินโดนีเซีย: อยู่ภายใต้การปกครองของเนเธอร์แลนด์ เหรียญที่ใช้มักจะเป็นเหรียญของเนเธอร์แลนด์ หรือเหรียญที่ออกโดยรัฐบาลอาณานิคมที่มีตราสัญลักษณ์ของเนเธอร์แลนด์

จีน: ในช่วงเวลานั้น (ปลายศตวรรษที่ 19) จีนยังคงใช้เงินในระบบที่หลากหลาย รวมถึงเงินหยวนแบบโบราณ ซึ่งมีลักษณะเป็นเหรียญเงินรูปทรงกลมที่มีรูตรงกลาง หรือเหรียญที่ผลิตโดยโรงกษาปณ์มณฑลต่างๆ ซึ่งอาจมีรูปมังกร หรืออักษรจีนบอกค่าเงินและปีที่ผลิต ไม่นิยมประทับพระบรมรูปของจักรพรรดิ บนเหรียญกษาปณ์ที่ใช้หมุนเวียนในวงกว้าง แต่จะมีตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์หรือสัญลักษณ์มงคลต่างๆ

ญี่ปุ่น: ญี่ปุ่นมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ในยุคเมจิ (หลัง พ.ศ. 2411) และได้นำเอาระบบเงินตราตะวันตกมาใช้ โดยมีการจัดตั้งโรงกษาปณ์สมัยใหม่และผลิตเหรียญเยน เหรียญญี่ปุ่นในยุคนี้มักจะมี รูปจักรพรรดิเมจิ ประทับอยู่บนเหรียญ รวมถึงตราสัญลักษณ์ประจำชาติ เช่น ดอกเบญจมาศ หรือฟีนิกซ์

สถานที่สั่งผลิตและโรงกษาปณ์ในย่านนี้

สยาม:

ในรัชกาลที่ 5 ได้มีการสั่งซื้อเครื่องจักรผลิตเหรียญกษาปณ์จาก ประเทศอังกฤษ และ ประเทศเยอรมนี เพื่อนำมาใช้ใน โรงกระษาปณ์สิทธิการ ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ (ปัจจุบันคือบริเวณพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์) นอกจากนี้ยังมีเหรียญบางชนิด เช่น เหรียญที่ระลึกเสด็จประพาสยุโรป ร.ศ.116 หรือเหรียญปราบฮ่อ ที่ว่าจ้างบริษัทต่างชาติผลิต เช่น บริษัทบีกริมแอนด์โกในเยอรมนี และ Monnaie de Paris ในฝรั่งเศส

ในย่านนี้ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศใกล้เคียง) ชาติที่มีโรงกษาปณ์ผลิตเหรียญได้เองในเวลานั้น (ปลายศตวรรษที่ 19) มีดังนี้:

สยาม (ไทย): มีโรงกระษาปณ์สิทธิการ ซึ่งเป็นโรงกษาปณ์ที่ทันสมัยและสามารถผลิตเหรียญกษาปณ์ใช้เองได้

ญี่ปุ่น: หลังการปฏิรูปเมจิ ญี่ปุ่นได้ก่อตั้งโรงกษาปณ์โอซาก้า (Japan Mint) ซึ่งเป็นโรงกษาปณ์ที่ทันสมัยและผลิตเหรียญเยนได้เอง

จีน: แม้จะยังไม่รวมศูนย์เท่าตะวันตก แต่ก็มีโรงกษาปณ์ประจำมณฑลต่างๆ ที่ผลิตเหรียญเงินและทองแดงใช้เอง

อาณานิคมของชาติตะวันตก: แม้จะไม่ได้เป็นของชาติในภูมิภาคโดยตรง แต่ก็มีโรงกษาปณ์หรือสถานที่ผลิตเหรียญที่จัดตั้งขึ้นโดยเจ้าอาณานิคมเพื่อผลิตเหรียญใช้ในอาณานิคมนั้นๆ เช่น โรงกษาปณ์ในอินเดียของบริติชอินเดีย (ซึ่งผลิตเหรียญใช้ในอาณานิคมของอังกฤษหลายแห่ง) หรือโรงกษาปณ์ที่ฝรั่งเศสจัดตั้งขึ้นในอินโดจีน อย่างไรก็ตาม การควบคุมและการออกแบบยังคงขึ้นอยู่กับเจ้าอาณานิคม

โดยสรุปแล้ว การผลิตเหรียญกษาปณ์ในรัชกาลที่ 5 ของสยาม แสดงถึงวิสัยทัศน์ของพระองค์ในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัยทัดเทียมอารยประเทศ การประทับพระบรมรูปบนเหรียญเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงอำนาจอธิปไตยของชาติ ซึ่งแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของมหาอำนาจตะวันตก ซึ่งเหรียญมักจะสะท้อนถึงเจ้าอาณานิคมนั้นๆ ในขณะที่จีนยังคงรักษารูปแบบการประทับตราสัญลักษณ์บนเหรียญ ไม่ใช่พระบรมรูปของจักรพรรดิ ส่วนญี่ปุ่นนั้นได้ปรับเปลี่ยนสู่ระบบสากลและประทับรูปจักรพรรดิบนเหรียญเช่นเดียวกับสยาม

สำหรับเหรียญในภาพที่ทดลองตีเป็นตัวอย่าง น่าจะพบหนึ่งเดียวในโลกที่ทดลองตีออกมาในลักษณะนี้ และมีพบเห็นในปัจจุบัน ก่อนจะมีการผลิตสตางค์รูออกมาใช้ในเวลาต่อมา

06/07/2025

#สงครามฮ่อในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นชุดของการสู้รบระหว่างกองทัพสยามและกลุ่มฮ่อ (กองกำลังกึ่งทหารชาวจีนที่ต่อต้านราชวงศ์ชิง) ที่รุกรานเข้ามาในดินแดนลาวตอนเหนือและภาคตะวันตกของเวียดนาม ซึ่งขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสยาม สงครามนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์ไทย เนื่องจากเป็น สงครามครั้งสุดท้ายที่สยามใช้การเกณฑ์ทัพแบบโบราณ ก่อนจะปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบกองทัพสมัยใหม่ และยังมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับชาติมหาอำนาจตะวันตก โดยเฉพาะฝรั่งเศส

สาเหตุ:

การรุกรานของกลุ่มฮ่อ: กลุ่มฮ่อซึ่งเป็นผู้ที่หนีภัยจากการปราบปรามของราชวงศ์ชิงในประเทศจีน ได้รุกรานเข้ามาในพื้นที่ทางเหนือของสยาม (เช่น หลวงพระบาง, เวียงจันทน์, หัวพันทั้งห้าทั้งหก) สร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎร ปล้นสะดมทรัพย์สิน และก่อความไม่สงบ

การปกป้องอาณาเขตและราษฎร: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของราษฎรในดินแดนเหล่านั้น และทรงมีพระราชประสงค์ที่จะปราบปรามฮ่อให้ราบคาบ เพื่อให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข และรักษาอาณาเขตของประเทศ

การขยายอิทธิพลของฝรั่งเศส: ฝรั่งเศสเองก็มีความสนใจในภูมิภาคอินโดจีน และได้ใช้โอกาสจากการปราบปรามฮ่อในการเข้ามาแทรกแซงและขยายอิทธิพลในดินแดนแถบนี้ ซึ่งในระยะยาวนำไปสู่การเสียดินแดนของสยามในบางส่วน

การดำเนินสงคราม (ช่วงสำคัญในรัชกาลที่ 5):

สงครามปราบฮ่อเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 4 และยืดเยื้อมาถึงรัชกาลที่ 5 โดยมีการส่งกองทัพไปหลายครั้ง:

พ.ศ. 2418: รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร) นำทัพจากกรุงเทพฯ ไปปราบฮ่อที่เมืองเวียงจันทน์

พ.ศ. 2428: เป็นช่วงที่การสู้รบดุเดือด โดยรัชกาลที่ 5 ทรงจัดทัพเป็น 2 กองทัพใหญ่ คือ:

กองทัพฝ่ายเหนือ: มีเจ้าหมื่นไวยวรนารถ (ต่อมาคือ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต)) เป็นแม่ทัพใหญ่ โดยมีเป้าหมายที่เมืองหลวงพระบาง

กองทัพฝ่ายใต้: มีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม เป็นแม่ทัพใหญ่ โดยมีเป้าหมายที่เมืองหนองคาย (และพื้นที่อื่นๆ ที่ฮ่อเข้ายึดครอง เช่น เมืองพวน หัวพันทั้งห้าทั้งหก)

ลักษณะการสู้รบ: กองทัพสยามต้องเผชิญกับการรบแบบกองโจร กับดัก โรคมาลาเรีย และสภาพภูมิประเทศที่ยากลำบาก ทำให้การปราบปรามเป็นไปอย่างยืดเยื้อและยากลำบาก

ผลลัพธ์:

การปราบปรามฮ่อ: แม้จะใช้เวลาหลายปีและเป็นไปด้วยความยากลำบาก กองทัพสยามก็สามารถปราบปรามกลุ่มฮ่อลงได้ในที่สุด ทำให้สถานการณ์ในดินแดนทางเหนือสงบลงชั่วคราว และราษฎรได้รับความเดือดร้อนน้อยลง

การปรับปรุงกองทัพ: สงครามฮ่อเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สยามตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยขึ้น โดยหลังจากสงครามนี้ สยามก็เข้าสู่ยุคของการพัฒนากองทัพให้เป็นแบบตะวันตกมากขึ้น

ผลกระทบต่อการเสียดินแดน: แม้สยามจะปราบฮ่อได้ แต่การเข้ามามีบทบาทของฝรั่งเศสในการร่วมปราบปรามฮ่อ โดยเฉพาะในพื้นที่สิบสองจุไท ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายอิทธิพลและอ้างสิทธิเหนือดินแดนลาวของฝรั่งเศส นำไปสู่ การเสียดินแดนสิบสองจุไท ให้แก่ฝรั่งเศสในเวลาต่อมา ซึ่งถือเป็นการเสียดินแดนครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) ในภายหลัง

บทบาทของฝรั่งเศส: ในช่วงท้ายของการปราบฮ่อ มีการทำความตกลงระหว่างสยามกับฝรั่งเศสให้ร่วมกันปราบฮ่อ แต่เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ฝรั่งเศสกลับไม่ยอมถอนกำลังออกจากพื้นที่สิบสองจุไท โดยอ้างว่าดินแดนส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตังเกี๋ย ซึ่งเป็นอาณานิคมของตน

สรุปได้ว่า สงครามฮ่อในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นความพยายามของสยามในการรักษาอธิปไตยและความสงบเรียบร้อยในดินแดนของตน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นชนวนสำคัญที่นำไปสู่การขยายอิทธิพลของมหาอำนาจตะวันตก โดยเฉพาะฝรั่งเศส ซึ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออาณาเขตและเอกราชของสยามในเวลาต่อมา

05/07/2025

#เหรียญรัชฎาภิเษก: ในโอกาสนี้ได้มีการจัดสร้าง เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 25 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เหรียญรัชฎาภิเษกมาลา" หรือ " #เหรียญเปลือย" (เป็นเหรียญเงิน มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3.2 ซม.) ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมจนถึงปัจจุบัน เหรียญนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 25 ปี และได้พระราชทานในพระราชพิธีฉัตรมงคลและฉลองพระไตรปิฎกในเวลาต่อมา

ด้านหน้า ของเหรียญมีตราพระจุลมงกุฎเปล่งรัศมีเหนือแถบป้ายจารึกพระปรมาภิไธย "จุฬาลงกรณ์ ปร" มีช่อชัยพฤกษ์รองรับ

ด้านหลัง มีข้อความว่า "ที่รลึก การพระราชพิธี ฉลองศิริราชสมบัติ ครบ ๒๕ ปี วันที่ ๑ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๒"

การมีส่วนร่วมของพสกนิกร: มีบันทึกว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรทุกฝ่ายที่จัดงานสมโภชถวาย จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดคณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้ารับเสด็จตามสถานที่เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธี และเสด็จฯ ไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ได้จัดงานถวาย แสดงถึงความผูกพันระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชน

การปฏิรูปประเทศ: แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีความท้าทายจากภายนอกประเทศ แต่รัชกาลที่ 5 ก็ยังคงเดินหน้าปฏิรูปและพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูประบบกฎหมาย การศาล หรือการยกเลิกประเพณีบางอย่าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนดำเนินไปพร้อมกับการเฉลิมฉลองวาระสำคัญนี้

พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 25 ปี ของรัชกาลที่ 5 จึงไม่ได้เป็นเพียงการเฉลิมฉลองวาระสำคัญส่วนพระองค์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการปรับตัวของสยามประเทศในยุคสมัยนั้น และพระปรีชาสามารถของพระองค์ในการนำพาชาติให้ก้าวผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปได้

02/07/2025

#เหรียญช้างสามเศียรจากตลับพระราชทาน

ล่าสุดนี้ เหรียญที่แกะจากตลับพระราชทาน ที่ขอบเหรียญถูกเซาะเป็นร่อง เพราะติดไว้ที่ตลับนั้น จะไม่ติด detail แล้วนะครับ ตามเหรียญตัวอย่างนี้ ซึ่งจะมีระบุว่า Funeral Box Coin ซึ่งเป็น รายละเอียดที่ทาง siamcoin ใส่ไว้เช่นกัน ราคาจบล่าสุดที่ $2,880 คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ เกือบแสน ก็ถือว่าได้ราคาดี แต่ถ้าเป็น AU 55 ที่เคยประมูลไปของ Dr.Norman Jacobs เหรียญนั้นจบที่ราคา หลายแสนบาท ไม่แน่ใจว่าทางเป็นทาง NGC จะออกเกรด แบบนี้ให้รึเปล่า ดังนั้นหากจะสะสมเหรียญรุ่นนี้ให้ดูรายละเอียดให้ดี ก่อนจะใส่ราคาประมูลนะครับ
และเหรียญนี้ แน่นอนว่า ด้านพระรูปในหลวงเป็นส่วนที่อยู่ด้านนอกตลับ หรือ กล่องเงิน ส่วนด้านก้อย อยู่ภายในตลับ จึงยังคงความขาวผิวเดิมได้อยู่ ถ้าเราดูขอบร่องที่เซาะแน่นอนว่า ขอบเหรียญที่แหว่งไปจะอยู่ไปทางด้าน ผิวที่ขาว

ที่อยู่

Bangkhunthien

เวลาทำการ

จันทร์	18:00 - 20:00
อังคาร	10:00 - 17:00
พุธ	10:00 - 17:00
พฤหัสบดี	10:00 - 17:00
ศุกร์	10:00 - 17:00
เสาร์	11:00 - 20:00