ป่าลั่นความจริง

ป่าลั่นความจริง ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก ป่าลั่นความจริง, ครีเอเตอร์ดิจิทัล, Bangkok.

เสนอเรื่องความจริงเชิงวิชาการ เชิงกฎหมาย และเชิงการบริหาร ในการอนุรักษ์ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อก่อให้เกิดการพ้ฒนาอย่างยืน เอื้อประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และโลกใบนี้ สืบต่อไป จุดยืนของ Page “ป่าลั่นความจริง”
1. จะเป็นกระบอกเสียงให้กับทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรสัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม
2. จะเป็นเวทีแสดงผลงานวิชาการ งานเด่น เรื่องดีๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยาก

รสัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม กับทุกๆท่าน
3. จะเป็นกระบอกเสียงให้กับความจริง ความถูกต้อง ความชอบธรรม นำเสนอข่าวสารในเชิงบวก มีข้อเท็จจริง ในเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรสัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม
4. จะอยู่ตรงข้ามกับความเลว ความชั่วร้าย ความปลิ้นปล้อน ตลบตะแลง ไม่ฝักใฝ่เรื่องการเมือง ไม่ให้ร้ายใคร ในเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรสัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม
5. พร้อมจะเป็นแกนนำ เป็นแนวร่วม เป็นเครือข่าย ในการปกปัก รักษา คุ้มครอง ป้องกัน ฟื้นฟู ทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรสัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม ทุกระดับตั้งแต่ระดับชุมชน ตำบล จังหวัด ประเทศชาติ ภูมิภาค และโลกใบนี้ ในภาพรวม.. ครับ

กรมอุทยานฯ บุกจับขบวนการลักลอบขุดทองคำในเขตป่าต้นน้ำทองผาภูมิ รวบ 2 ผู้ต้องหา พร้อมยึดของกลางเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2568...
20/07/2025

กรมอุทยานฯ บุกจับขบวนการลักลอบขุดทองคำในเขตป่าต้นน้ำทองผาภูมิ รวบ 2 ผู้ต้องหา พร้อมยึดของกลาง

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 – นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ รายงานผลการปฏิบัติงานปราบปรามการลักลอบขุดหาแร่ทองคำในพื้นที่ป่าปิล๊อกคี่ หมู่ที่ 4 ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก หลังพบการบุกรุกป่าต้นน้ำที่สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศอย่างร้ายแรง

ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นผลจากการบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งอำเภอทองผาภูมิ ที่ 329/2567 โดยมีนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ, พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ฉก.ลาดหญ้า, พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง.ผบ.ฉก.ลาดหญ้า, ร.ต.ธนโชติ หุ้มแพร ผบ.มว.ลว.ส่วน ลว.ฉก.ลาดหญ้า และนายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ร่วมนำทีมเข้าปราบปราม

จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นแปลงคดีที่เจ้าหน้าที่เคยตรวจยึดและจับกุมผู้กระทำผิดฐานลักลอบบุกรุกขุดดินร่อนหาแร่ทองคำมาแล้ว เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1,187,121 บาท และพื้นที่ที่ถูกทำลายเป็นป่าต้นน้ำชั้น 1A อันมีความสำคัญยิ่งต่อระบบนิเวศ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เจ้าหน้าที่ได้วางแผนปฏิบัติการภายใต้ "โครงการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" โดยใช้การบูรณาการอากาศยานร่วมกับภาคพื้นดิน ซึ่งมีการบินสำรวจสภาพพื้นที่ป่าและส่งกำลังพลชุดลาดตระเวนเข้าดำเนินการระหว่างวันที่ 19 - 25 กรกฎาคม 2568

ผิดที่ลักลอบขุดดินหาแร่ทองคำได้ 2 ราย คือ นายทุสะนู อายุ 41 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง และ นายนายนาย (ไม่มีนามสกุล) อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน เชื้อชาติกะเหรี่ยง ทั้งคู่ถูกจับกุมได้ที่บริเวณป่าปิล๊อกคี่ หมู่ที่ 4 ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในเวลา 12.00 น. ของวันที่ 19 กรกฎาคม 2568

พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำผิดรวม 5 รายการ ประกอบด้วยถุงพลาสติกบรรจุดิน จำนวน 4.9 กิโลกรัมไฟฉายคาดหัว จำนวน 3 อัน เปล จำนวน 1 ผืนเป้กระสอบสีฟ้าสะพายหลัง จำนวน 2 ใบ
รถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน-ดำ ยี่ห้อ Wave 110i ทะเบียน 1 กย 6741 กาญจนบุรี จำนวน 1 คัน

การกระทำของผู้ต้องหาทั้งสองเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้หลายฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยมิได้รับอนุญาต พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ฐานร่วมกันยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฐานร่วมกันยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิมภายในเขตอุทยานแห่งชาติ, ร่วมกันเก็บหา ทำให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งดิน หิน กรวด ทราย แร่ หรือทรัพยากรอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต
หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมพยานหลักฐานและนำตัวผู้กระทำผิดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันเป็นสมบัติของชาติให้คงอยู่สืบไป

หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการบุกรุกป่าไม้ หรือการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกันปกป้องผืนป่าของประเทศ.
#อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
#ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก
#อำเภอทองผาภูมิ
#ลักลอบขุดหาแร่ทองคำ
#พื้นที่ป่าปิล๊อกคี่
#สถานีตำรวจภูธรปิล๊อก
#โครงการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

"เหี้ย" เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองเพาะพันธุ์ได้ โดยต้องขออนุญาตกรมอุทยานฯและต้องตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดเท่านั้น!https://www.fac...
04/07/2025

"เหี้ย" เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองเพาะพันธุ์ได้ โดยต้องขออนุญาตกรมอุทยานฯและต้องตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดเท่านั้น!
https://www.facebook.com/share/p/16QpdBktWr/?mibextid=wwXIfr
#เหี้ย #สัตว์ป่าคุ้มครองเพาะพันธุ์ได้
#การเพาะพันธุ์เหี้ยต้องได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
#การเพาะพันธุ์เหี้ยเชิงเศรษฐกิจอย่างถูกกฎหมายและยั่งยืน

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชี้แจงกรณี "เหี้ย" สัตว์ป่าคุ้มครองเพาะพันธุ์ได้ แต่ไม่ใช่ใครก็เลี้ยงได้ ต้องขออนุญาตและตรงตามเงื่อนไ...
04/07/2025

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชี้แจงกรณี "เหี้ย" สัตว์ป่าคุ้มครองเพาะพันธุ์ได้ แต่ไม่ใช่ใครก็เลี้ยงได้ ต้องขออนุญาตและตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดเท่านั้น!

3 ก.ค. 68 นายอรรถพล​ เจริญชันษา​ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า​ และพันธุ์พืช​ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ "เหี้ย" (Varanus salvator) ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถเพาะพันธุ์ได้อย่างเป็นทางการเมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้น ขอเรียนชี้แจงและทำความเข้าใจแก่ประชาชนทุกท่านว่า "การเปลี่ยนแปลงสถานะดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่าประชาชนทั่วไปจะสามารถจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยง หรือเพาะพันธุ์เหี้ยได้ทันทีโดยไม่มีข้อกำหนด และไม่ไช่เหี้ยที่อยู่ตามธรรมชาติ แต่เป็นเหี้ยที่อยู่ที่สถานีเพาะเลี้ยงที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายเพื่อให้ผู้ได้รับอนุญาตนำไปเพาะขยายพันธุ์เท่านั้น"

จากนโยบายดังกล่าว สืบเนื่องจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของเหี้ยในการเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่ ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการทั่วประเทศ จึงได้มีการเร่งดำเนินการในหลายส่วน หนึ่งในนั้นคือการที่คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบ การกำหนดราคาสัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ (เหี้ย) ซึ่งจะนำไปสู่การออกระเบียบว่าด้วยการกำหนดอัตราเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ค่าบริการ หรือค่าตอบแทน และราคาสัตว์ป่า เพื่อเพิ่มรายการเหี้ยไว้ในบัญชีดังกล่าว และจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

ใครบ้างที่สามารถเพาะพันธุ์เหี้ยได้?​ เน้นย้ำว่า การเพาะพันธุ์เหี้ยเพื่อการค้าหรือเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตาม จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เท่านั้น โดยผู้ที่สามารถดำเนินการได้คือ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กรมฯ กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

เงื่อนไขสำหรับผู้ที่ประสงค์จะขออนุญาตเพาะพันธุ์มีดังนี้​ ผู้ขออนุญาตเพาะพันธุ์ต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครอง มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่จะทำการเพาะเลี้ยงหรือได้รับการยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น และต้องไม่มีประวัติเคยต้องโทษคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562​ ในส่วนของพ่อแม่พันธุ์ ไม่สามารถจับได้เองจากธรรมชาติ​ เนื่องจากเหี้ยยังมีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 จำเป็นต้องซื้อจากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเท่านั้น และหลังจากมีผู้ได้รับอนุญาตเพาะพันธุ์และมีสัตว์ที่ได้จากการเพาะพันธุ์แล้ว ผู้ขออนุญาตจึงจะสามารถซื้อจากสถานที่เพาะพันธุ์ที่ได้รับอนุญาตนั้นได้

นอกจากนี้ เหี้ยที่ได้จากการเพาะพันธุ์ทุกตัวต้องมีการทำเครื่องหมายโดยการฝังไมโครชิพ เพื่อป้องกันการลักลอบนำมาจากธรรมชาติ​ เนื่องจากไม่สามารถจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยงเองได้

สิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องทำความเข้าใจคือ เหี้ยยังคงเป็น "สัตว์ป่าคุ้มครอง" การจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยง หรือครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตยังคงเป็นสิ่งที่ "ผิดกฎหมาย" และมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการเพาะพันธุ์​ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเพาะพันธุ์เหี้ยเชิงเศรษฐกิจอย่างถูกกฎหมายและยั่งยืน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ที่สนใจและมีคุณสมบัติตามที่กำหนด​ ดังนั้น หากท่านใดสนใจที่จะประกอบอาชีพเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์เหี้ย หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและขั้นตอนการขออนุญาตได้ที่ ส่วนคุ้มครองสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในเวลาราชการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และร่วมกันผลักดันให้เหี้ยเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป
#เหี้ย #สัตว์ป่าคุ้มครองเพาะพันธุ์ได้
#การเพาะพันธุ์เหี้ยต้องได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
#การเพาะพันธุ์เหี้ยเชิงเศรษฐกิจอย่างถูกกฎหมายและยั่งยืน

คาร์บอนเครดิตป่าไม้ คืออะไร?..คาร์บอนเครดิตป่าไม้ (Forest Carbon Credit) คือ หน่วยวัดปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที...
29/06/2025

คาร์บอนเครดิตป่าไม้ คืออะไร?..
คาร์บอนเครดิตป่าไม้ (Forest Carbon Credit) คือ หน่วยวัดปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมป่าไม้ เช่น การปลูกต้นไม้ บำรุงรักษาป่า อนุรักษ์ป่า ฟื้นฟูป่า เป็นต้น โดยกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ ทำให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศลดลง คาร์บอนเครดิตป่าไม้สามารถใช้เพื่อลดภาระการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมได้ โดยภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมสามารถซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคป่าไม้ (T-VER) ของกรมป่าไม้ เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเอง โดยคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER มีหน่วยเป็น “ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq)”

ต้นไม้ที่ให้คาร์บอนเครดิตสูงส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้นที่มีเนื้อไม้และอายุยืนยาว เช่น ไม้สัก, ไม้แดง, ไม้พะยูง, ไม้ยาง, ไม้มะค่าโมง, และต้นไม้ในสกุลยาง(ยกเว้นยางพารา) นอกจากนี้ ต้นไม้ที่มีวงปี (ปีที่เพิ่มขึ้นของต้นไม้) ก็มีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีเช่นกัน

ประเภทของต้นไม้ที่เหมาะสมสำหรับการทำคาร์บอนเครดิต:
* ไม้ยืนต้นที่มีเนื้อไม้และอายุยืนยาว:�เช่น ไม้สัก, ไม้ยาง, ไม้มะฮอกกานี, ไม้แดง, ไม้พะยูง, ไม้มะค่าโมง, ตะเคียนทอง, ตะเคียนหิน, ตะเคียนชันตาแมว, และต้นไม้ในสกุลยาง (ยกเว้นยางพารา) �
* ต้นไม้ที่มีวงปี:�ต้นไม้ที่มีวงปี (ปีที่เพิ่มขึ้นของต้นไม้) แสดงถึงการเติบโตและอายุที่ยืนยาว ซึ่งมีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี �
* ต้นไม้ที่ปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม:�การเลือกชนิดของต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับคาร์บอน �
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:
* การเลือกชนิดของต้นไม้:�ควรเลือกต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของพื้นที่ปลูก เพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดีและมีประสิทธิภาพในการดูดซับคาร์บอนสูงสุด �
* การดูแลรักษา:�การดูแลรักษาต้นไม้ที่ปลูกอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ต้นไม้แข็งแรงและมีประสิทธิภาพในการดูดซับคาร์บอนได้ดี �
* การขอรับรองคาร์บอนเครดิต:�ควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดและขั้นตอนในการขอรับรองคาร์บอนเครดิตให้ถูกต้อง �
สรุป:
การปลูกต้นไม้เพื่อสร้างคาร์บอนเครดิตเป็นวิธีหนึ่งในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกและสร้างรายได้เสริม การเลือกชนิดของต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การดูแลรักษาอย่างถูกต้อง และการขอรับรองคาร์บอนเครดิตอย่างถูกวิธี จะช่วยให้การปลูกต้นไม้เพื่อสร้างคาร์บอนเครดิตประสบความสำเร็จและเกิดประโยชน์สูงสุด
#คาร์บอนเครดิต
#คาร์บอนเครดิตป่าไม้
#ต้นไม้ที่ให้คาร์บอนเครดิตสูง
#ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า(tCO2eq)
#โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคป่าไม้(T-VER)
#การขอรับรองคาร์บอนเครดิต

28/06/2025

จับกุมขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ทลายเครือข่ายค้าลิงอุรังอุตัง จากอินโดนีเซีย ใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่ 3 ทำราคาพุ่งสูงกว่าเดิม 3 เท่า จากหลังหมื่นสู่หลักแสน

วันนี้ ( 28 มิ.ย.68) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมตำรวจ กก.5 บก.ปทส. จับกุม 1.นายสมาย์ หรือ บังแอ อายุ 69 ปี ชาวสงขลา 2. นายพงศกร หรือ อ๊อฟ อายุ 29 ปี ชาวประจวบคีรีขันธ์ และ3.นายสุภวัชร หรือกอล์ฟ อายุ 43 ปี ชาวกทม. ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มีความผิดฐาน ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ป่าควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต

สืบเนื่องจากองค์การบริหารปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐ หน่วยงานต่อต้านการค้าสัตว์ป่าทุกชนิด พบข้อมูลว่ามีขบวนการลักลอบนำเข้าลิงอุรังอุตังจากประเทศอินโดนีเซีย เข้ามายังประเทศไทย ผ่านช่องทางที่จังหวัดสตูล มุ่งหน้ากรุงเทพฯ กระทั่งตำรวจ กก.5 บก.ปทส.ร่วมกับตำรวจทางหลวงชุมพร สกัดรถต้องสงสัย ที่บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ริมถนนสายเอเชีย อ.เมือง จว.ชุมพร พบนายวินัย หรือนัย คนขับ และภายในรถพบลิงอุรังอุตัง 3 ตัว ชะนี 3 ตัว และกวางป่าอีก 1 ตัว บรรจุอยู่ในลังซุกซ่อนอยู่ ซอดทอดว่า บังแอเป็นผู้ว่าจ้าง ขนสัตว์ทั้งหมดมาจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปส่งให้กับนายอ๊อฟ และนายกอล์ฟ ที่นนทบุรี โดยได้ค่าจ้าง 25,000 บาท

จากการขยายผล ทราบว่า นายบังแอ จะเป็นผู้ลักลอบนำเข้าลิงอุรังอุตังจากอินโดนีเซีย ส่วนนายกอล์ฟ และนายอ๊อฟ จะหาลูกค้าเพื่อนำไปขายต่อ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลจังหวัดชุมพร ออกหมายจับ ทั้ง3 คน ก่อนนำหมายค้น เข้าค้นบ้านพักที่ทั้ง 3 หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ สามารถจับกุมบังแอ ได้ที่ จ.สงขลา ส่วนนายกอล์ฟ และนายอ๊อฟ สามารถจับกุมได้ที่บ้านพักใน จ.นนทบุรี ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยบังแอ รับว่ามีนายทุนอีกกลุ่มหนึ่ง นำเข้าลิงมาจากประเทศอินโดนีเซีย มากับเรือสปีดโบ๊ต ขึ้นท่าที่อำเภอละงู นำมาเก็บไว้ที่ห้องเช่าในอ.หาดใหญ่ จากนั้นตนจะติดต่อรถขน เพื่อนำไปส่งให้กับลูกค้าที่สั่ง ทำมาแล้ว 3 ครั้ง

ส่วนนายกอล์ฟ กับนายอ๊อฟ ให้การว่าประกอบอาชีพค้าขายสัตว์ป่าหายากให้กับผู้ที่อยากได้ รวมถึงลิงอุรังอุตังด้วย เคยทำมาแล้ว 3-4 ครั้ง ซื้อมาในราคาตัวละ 70,000 บาท นำไปขายในราคาตัวละ 120,000 บาท แต่หากลิงถูกขายส่งต่อไปยังประเทศอื่น ก็จะมีราคาอาจสูงถึงตัวละ 250,000 บาท

จากนั้นเจ้าหน้าที่จะสืบสวนเพื่อขยายผลถึง ผู้ว่าจ้าง ผู้ซื้อ และเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา และติดตามหานายทุนที่อยู่เบื้องหลังการนำเข้าจากอินโดนีเซียและลูกค้าที่เคยซื้อสัตว์ป่า ก่อนส่งสัตว์ของกลางให้กรมอุทยานฯ ตรวจสอบและเก็บ DNAใช้เป็นหลักฐานเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
https://news.ch7.com/detail/811635
#ขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ
#เครือข่ายค้าลิงอุรังอุตังจากอินโดนีเซีย
#ใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่3
#ทำราคาพุ่งสูงกว่าเดิม3เท่า
#กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
#ตรวจสอบและเก็บDNA

กรมอุทยานฯ สนธิกำลังหลายหน่วยงานรวบผู้ค้าสัตว์ป่า​ พบของกลางเตรียมจำหน่ายหลายรายการ! ..25 มิถุนายน 2568 - เมื่อเวลา 04.3...
25/06/2025

กรมอุทยานฯ สนธิกำลังหลายหน่วยงานรวบผู้ค้าสัตว์ป่า​ พบของกลางเตรียมจำหน่ายหลายรายการ! ..
25 มิถุนายน 2568 - เมื่อเวลา 04.30 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนธิกำลังกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าทลายเครือข่ายลักลอบค้าซากสัตว์ป่าบริเวณจุดผ่อนปรนแจมป๋อง อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนติดกับ สปป.ลาว พบของกลางซากสัตว์ป่าหายากจำนวนมาก พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยชาวลาว 2 ราย เพื่อสอบสวนขยายผล

ปฏิบัติการครั้งนี้ภายใต้การอำนวยการของ นายชัยชาญ ศรียงค์ หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) กรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยมีนายปิยะพงษ์ ศรไชย หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 5 เป็นผู้บัญชาการร่วมกับเจ้าหน้าที่จากด่านตรวจสัตว์ป่าเชียงของ เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจปศุสัตว์ด่านกักกันสัตว์เชียงราย และชุดปฏิบัติการกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) จังหวัดเชียงราย

จากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่พบซากสัตว์ป่าจำนวนมากที่เตรียมจำหน่าย ประกอบด้วย เม่นใหญ่ 2 ตัว ซากตะกวดหรือแลน 1 ตัว (น้ำหนัก 1 กก.) ซากหมีขอหรือบินตุรง 1 ตัว (น้ำหนัก 9 กก.) ซากเม่นใหญ่ 5 ซาก (น้ำหนัก 23 กก.) และซากเก้ง 22 ชิ้น (น้ำหนัก 68 กก.) รวมน้ำหนักของกลางทั้งหมด 101 กิโลกรัม

เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน ซึ่งเป็นชาวลาว เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมถึงขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ขณะที่ซากสัตว์ป่าของกลางทั้งหมดได้ถูกส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เวียงแก่น และประสานด่านกักกันสัตว์เชียงราย กรมปศุสัตว์ เพื่อนำไปทำลายด้วยเตาเผาซากสัตว์ตามระเบียบต่อไป

ก​ารดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ ที่ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปราบปรามการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและตรวจสอบพน้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน​ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนและช่องทางธรรมชาติที่เป็นจุดเสี่ยงของการลักลอบขนย้ายสัตว์ป่า
#กรมอุทยานแห่งชาติ
#สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่3(ภาคเหนือ)
#ด่านตรวจสัตว์ป่าเชียงของ
#สายตรวจปศุสัตว์ด่านกักกันสัตว์เชียงราย
#กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
#ด่านกักกันสัตว์เชียงราย
#ลักลอบค้าสัตว์ป่า
#จุดผ่อนปรนแจมป๋อง
#อำเภอเวียงแก่น
#จังหวัดเชียงราย

21/06/2025
อุทยานฯ ออบหลวง​ ร่วมมืออุทยานฯ แม่โถ สกัดจับรถลักลอบขนไม้ประดู่เถื่อน มูลค่ากว่า 1.2 แสนบาท21 มิถุนายน 2568 – เจ้าหน้าท...
21/06/2025

อุทยานฯ ออบหลวง​ ร่วมมืออุทยานฯ แม่โถ สกัดจับรถลักลอบขนไม้ประดู่เถื่อน มูลค่ากว่า 1.2 แสนบาท

21 มิถุนายน 2568 – เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง สนธิกำลังกับอุทยานแห่งชาติแม่โถ (เตรียมการ) สกัดจับรถกระบะลักลอบขนไม้ประดู่แปรรูปผิดกฎหมาย ได้ของกลาง 24 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 1.814 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อภาครัฐกว่า 126,980 บาท พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหา 1 ราย

โดยการดำเนินการตามนโยบายปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายป่าไม้ตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อสั่งการของ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยการอำนวยการของ นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เรื่องการป้องกันปราบปรามและดำเนินคดีเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายป่าไม้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์

นางสาวนิภาพร ไพศาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติออบหลวง ได้สั่งการให้ชุดเจ้าหน้าที่สายตรวจป้องกันปราบปรามส่วนกลางประจำอุทยานแห่งชาติออบหลวง สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่โถ (เตรียมการ) ภายใต้การสั่งการของ นายสุทัศน์ ช่วงแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่โถ ออกลาดตระเวนป้องกันการลักลอบตัดไม้มีค่า ล่าสัตว์ป่า และลำเลียงขนไม้ ในเขตรับผิดชอบของทั้งสองอุทยานฯ​ ปฏิบัติการสกัดจับไม้ประดู่เถื่อน

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีการลักลอบขนไม้ประดู่จากบ้านแม่หืด หมู่ที่ 13 ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 (สายเชียงใหม่-แม่สะเรียง) มุ่งหน้าเข้าเขตอำเภอฮอด

คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุดเพื่อดักซุ่มและสกัดรถเป้าหมาย ชุดที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่โถ ดักซุ่มบริเวณทางเข้าบ้านแม่หืด ส่วนชุดที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง ตั้งจุดสกัดบริเวณป้อมตำรวจออบหลวง​ เวลาประมาณ 03.30 น. ของวันที่ 21 มิถุนายน 2568 รถบรรทุกที่มีลักษณะตรงตามที่ได้รับแจ้งได้ขับออกมาจากบ้านแม่หืด ผ่านจุดที่เจ้าหน้าที่ชุดที่ 1 ดักซุ่มอยู่ แต่ด้วยความเร็วของรถ ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดแรกไม่สามารถสกัดได้ทันท่วงที จึงได้ประสานแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ชุดที่ 2 เพื่อสกัดจับ

เวลาประมาณ 04.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดที่ 2 สังเกตเห็นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน ผน 2452 เชียงใหม่ ซึ่งมีลักษณะตรงกับที่ได้รับแจ้ง ขับผ่านเข้ามา จึงได้แสดงตัวเข้าเรียกให้รถหยุดและขอตรวจค้น ภายในกระบะท้ายรถซึ่งคลุมด้วยผ้าเต็นท์ลายตารางสีฟ้าขาว พบไม้ประดู่แปรรูปซุกซ่อนอยู่ จึงจับกุมและดำเนินคดี

จากการตรวจสอบทราบชื่อผู้ขับขี่คือ นายคมสรรค์ อายุ 46 ปี​ ชาวจังหวัดเชียงใหม่ นายคมสรรค์ฯ ไม่สามารถแสดงเอกสารใดๆ ที่กำกับไม้ประดู่ที่ขนย้ายมาได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นไม้ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย​ คณะเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายคมสรรค์ฯ พร้อมรถยนต์บรรทุกไม้ประดู่มายังอุทยานแห่งชาติออบหลวงเพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียด

จากการตรวจสอบท้ายรถกระบะ พบไม้ประดู่แปรรูปสภาพสดใหม่ จำนวน 24 แผ่น/เหลี่ยม มีปริมาตรรวม 1.814 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม้ดังกล่าวไม่เคยผ่านการเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งประดิษฐ์มาก่อน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นจำนวนเงิน 126,980 บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นหกพันเก้าร้อยแปดสิบบาทถ้วน) เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
#อุทยานแห่งชาติออบหลวง
#อุทยานแห่งชาติแม่ฏถ
#สกัดจับรถลักลอบขนไม้ประดู่เถื่อน

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

0846184488

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ป่าลั่นความจริงผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์