Nbt Phuket Thailand

Nbt Phuket Thailand นำเสนอข่าวสารนโยบายภาครัฐ สู่ประชาชน

✅💸 ยอดพุ่งต่อเนื่อง! ถลางคึกคักทั้งวัน ประชาชน–ร้านค้า แห่ลงทะเบียน “คนละครึ่ง พลัส” หนุนลดค่าครองชีพ–ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ...
19/10/2025

✅💸 ยอดพุ่งต่อเนื่อง! ถลางคึกคักทั้งวัน ประชาชน–ร้านค้า แห่ลงทะเบียน “คนละครึ่ง พลัส” หนุนลดค่าครองชีพ–ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น

วันนี้ (19 ตุลาคม 2568) ที่ว่าการอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า เมื่อประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยต่างทยอยเข้าร่วมลงทะเบียนโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” อย่างต่อเนื่อง โดยทางอำเภอถลางได้เปิดให้บริการนอกเวลาราชการตลอดวัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ

นายศิวัชฐ์ ระวังกุล นายอำเภอถลาง เปิดเผยว่า การตอบรับของประชาชนในพื้นที่เป็นไปอย่างอบอุ่นและเกินคาด หลังจากทางอำเภอได้เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุก ผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อเชิญชวนให้ร้านค้าทุกรูปแบบเข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร ร้านขายของชำ และผู้ค้ารายย่อย ซึ่งจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน

“อำเภอถลางพร้อมให้บริการเต็มที่ แม้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อให้พี่น้องประชาชนทุกคนได้รับสิทธิ์อย่างทั่วถึง และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง”

โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” นับเป็นมาตรการสำคัญของรัฐบาลในการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการรายย่อย กระตุ้นกำลังซื้อ และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในช่วงค่าครองชีพสูง โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญอย่างอำเภอถลาง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและที่อยู่อาศัยของแรงงานจำนวนมาก

อบจ.ภูเก็ต หนุนสืบสาน “ข้าวหลามบ้านหินรุ่ย” มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น
19/10/2025

อบจ.ภูเก็ต หนุนสืบสาน “ข้าวหลามบ้านหินรุ่ย” มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น

อบจ.ภูเก็ต หนุนสืบสาน “ข้าวหลามบ้านหินรุ่ย” มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น

ภูเก็ตรวมพลังศรัทธา ฉลอง 200 ปี ศาลเจ้ากะทู้ ต้นกำเนิดเจี๊ยะฉ่าย
19/10/2025

ภูเก็ตรวมพลังศรัทธา ฉลอง 200 ปี ศาลเจ้ากะทู้ ต้นกำเนิดเจี๊ยะฉ่าย

ภูเก็ตรวมพลังศรัทธา ฉลอง 200 ปี ศาลเจ้ากะทู้ ต้นกำเนิดเจี๊ยะฉ่าย

ครั้งแรกของภูเก็ต แข่งขันตอบคำถามสุดมันส์ “ประเพณีถือศีลกินผัก”
19/10/2025

ครั้งแรกของภูเก็ต แข่งขันตอบคำถามสุดมันส์ “ประเพณีถือศีลกินผัก”

ครั้งแรกของภูเก็ต แข่งขันตอบคำถามสุดมันส์ “ประเพณีถือศีลกินผัก”

Sattha The Power of Faith 2025 นิทรรศการฉลอง 200 ปี ถือศีลกินผักภูเก็ต
19/10/2025

Sattha The Power of Faith 2025 นิทรรศการฉลอง 200 ปี ถือศีลกินผักภูเก็ต

Sattha The Power of Faith 2025 นิทรรศการฉลอง 200 ปี ถือศีลกินผักภูเก็ต

อบจ.ภูเก็ต สืบสาน ข้าวหลามบ้านหินรุ่ย มรดกภูมิปัญญา NBT ทั่วไทย วันที่ 19 ตุลาคม 2568
19/10/2025

อบจ.ภูเก็ต สืบสาน ข้าวหลามบ้านหินรุ่ย มรดกภูมิปัญญา NBT ทั่วไทย วันที่ 19 ตุลาคม 2568

Enjoy the videos and music you love, upload original content, and share it all with friends, family, and the world on YouTube.

รพ.ปลายพระยา ชี้แจงกรณีมีรถกระบะจอดขวางรถพยาบาล ข่าวเที่ยง วันที่ 19 ตุลาคม 2568
19/10/2025

รพ.ปลายพระยา ชี้แจงกรณีมีรถกระบะจอดขวางรถพยาบาล ข่าวเที่ยง วันที่ 19 ตุลาคม 2568

โรงพยาบาลปลายพระยาแสดงความเสียใจต่อครอบครัว ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กรณีมีรถกระบะจอดกีดขวาง รถพยาบาลท....

19/10/2025
มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต สนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค 45 อ๊ามทั่วจังหวัด ร่วมสืบสานประเพณีถือศีลกินผักภูเก็ต 2568มูลนิธิกุศล...
19/10/2025

มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต สนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค 45 อ๊ามทั่วจังหวัด ร่วมสืบสานประเพณีถือศีลกินผักภูเก็ต 2568
มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต เดินหน้าสนับสนุนประเพณีถือศีลกินผักภูเก็ต ประจำปี 2568 อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับ ศาลเจ้า (อ๊าม) จำนวน 45 แห่งทั่วจังหวัดภูเก็ต เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมและกิจกรรมตลอดช่วงเทศกาล ระหว่างวันที่ 21 – 29 ตุลาคม 2568 รวมมูลค่ากว่า 657,600 บาท ซึ่งได้มอบสิ่งของอย่างเป็นทางการ ผ่านทาง สมาคมอ๊ามภูเก็ต โดยมีนายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเล็ก ตันติวงศ์ไพศาล ประธานมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย ร่วมในพิธีส่งมอบ
สำหรับรายการสิ่งของสนับสนุนประกอบด้วย ข้าวสาร จำนวน 16,250 กิโลกรัม, น้ำดื่มจำนวน 16,920 ขวด, น้ำมันพืช จำนวน 230 ปี๊บ, ซีอิ๊วขาว จำนวน 270 แกลลอน (สนับสนุนโดย ซีอิ๊วขาว RQ), พริกแกง จำนวน 450 กิโลกรัม (สนับสนุนโดย จ๊ะหนุน พริกแกงใต้) ซึ่งทั้งหมดเพื่อสนับสนุนให้ศาลเจ้าทั่วภูเก็ต สามารถจัดพิธีกรรม ถือศีล ละเว้นเนื้อสัตว์ และต้อนรับประชาชนและนักท่องเที่ยวได้อย่างสมพระเกียรติในโอกาส ครบรอบ 200 ปีศาลเจ้ากะทู้ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์นี้
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคสิ่งของ หรือบริจาคผ่านบัญชีเพื่อสนับสนุนประเพณีถือศีลกินผักได้ที่
⭐️ ธนาคารกรุงไทย
ชื่อบัญชี “มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต”
สาขาพูนผล เลขที่บัญชี 279-1-08886-3
ภาพ/ข่าว - NBT ภูเก็ต

เริ่มพรุ่งนี้ 20 ต.ค เปิดให้ ปชช. ลงทะเบียน “คนละครึ่งพลัส”  รัฐบาลเตือนอย่าตกเป็นเหยื่อลิงก์ลงทะเบียนปลอมนางสาวอัยรินทร...
19/10/2025

เริ่มพรุ่งนี้ 20 ต.ค เปิดให้ ปชช. ลงทะเบียน “คนละครึ่งพลัส” รัฐบาลเตือนอย่าตกเป็นเหยื่อลิงก์ลงทะเบียนปลอม

นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแสโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ของรัฐบาลประชาชนและผู้ประกอบการให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยความคืบหน้านับตั้งแต่เริ่มลงทะเบียนในส่วนผู้ประกอบการร้านค้าฯ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 68 - 17 ต.ค. 68 ณ เวลา 12.00 น. พบว่า

มีร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ สำเร็จแล้ว 123,960 ราย แบ่งเป็น 1) ร้านค้ารายเดิม 72,185 ราย และ 2) ร้านค้ารายใหม่ 51,775 ราย ส่วนร้านค้าที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสมัคร 98,064 ราย แบ่งเป็น 1) รอให้ร้านค้าเข้ามากดยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการฯ 91,917 ราย และ 2) รอดำเนินการตรวจสอบ 6,147 ราย

"ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจและมีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการฯ กำหนด สามารถทยอยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโครงการฯ จะเปิดให้เริ่มสแกนรับเงินจากประชาชนได้จริงในวันที่ 29 ต.ค. 68 ซึ่งร้านค้าสามารถลงทะเบียนได้จนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัครร้านค้าในวันที่ 19 ธ.ค. 68"

ในส่วนของประชาชน โครงการ "คนละครึ่งพลัส"จะเปิดให้เริ่มลงทะเบียนผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" ตั้งแต่วันที่ 20 - 26 ต.ค. 68 ตั้งแต่เวลา 06.00 - 22.00 น. ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิร่วมโครงการฯ จะเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. - 31 ธ.ค. 68 โดยปัจจุบัน กระแสความนิยมของประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้า ที่มีต่อโครงการฯ ได้รับความสนใจทั่วประเทศ จึงเป็นเหตุให้เหล่ามิจฉาชีพพยายามฉวยโอกาสหลอกลวงประชาชนหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการ “ส่งลิงก์ปลอม” มาหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวและดูดทรัพย์ของประชาชน ซึ่งปัญหาดังกล่าว รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในเบื้องต้นขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของตำรวจไซเบอร์ ดังนี้

1. อย่ากดลิงก์จาก SMS/ข้อความแปลกปลอม เนื่องจากโครงการรัฐ จะไม่ส่งลิงก์ลงทะเบียนผ่านข้อความ

2. อย่าหลงเชื่อเพจ/บัญชีโซเชียลที่ไม่เป็นทางการ และขอให้ ปชช. ตรวจสอบว่ามีเครื่องหมายยืนยัน (✔ Verified) และผู้ติดตามจริงหรือไม่ โดยการลงทะเบียนที่ถูกต้องนั้น ทำได้เฉพาะแอปฯ “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน”

3. อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว อาทิ เลขบัตรประชาชน, วันเกิด, PIN, OTP, ข้อมูลบัญชีธนาคาร

4. อย่าเชื่อสายโทรศัพท์ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ โดยหน่วยงานรัฐและธนาคาร ไม่มีนโยบายโทรขอ OTP หรือให้โอนเงิน

5. ตรวจสอบข้อมูลทุกครั้ง หากมีความสงสัย ให้โทรสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง และอย่าแชร์ข้อมูลจากข่าวลือ/เพจที่ไม่น่าเชื่อถือ

“หากประชาชนได้รับลิงก์ปลอม ขอให้พิจารณา ตั้งสติ และ “ไม่กดลิงก์” ส่วนกรณีประชาชนเผลอกดลิงก์ปลอมและได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงออนไลน์ ขอให้ดำเนินการแจ้งความออนไลน์ได้ที่ https://www.thaipoliceonline.go.th/login หรือโทร. สายด่วนที่ 1441 เพื่อระงับบัญชีคนร้ายภายใน 72 ชั่วโมง และรีบเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน”

"ศุภจี" ลุย อุบลฯ ศรีสะเกษ จัด 3 กิจกรรม พลิกไอเดียสู่รายได้ ธงเขียวราคาประหยัด มหกรรมธงฟ้า ลดต้นทุนการผลิตเกษตรกร กระตุ...
19/10/2025

"ศุภจี" ลุย อุบลฯ ศรีสะเกษ จัด 3 กิจกรรม พลิกไอเดียสู่รายได้ ธงเขียวราคาประหยัด มหกรรมธงฟ้า ลดต้นทุนการผลิตเกษตรกร กระตุ้นการค้าชายแดน
📌บทสรุป
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษจัด 3 กิจกรรม โดยที่จังหวัดอุบลราชธานี จัดอบรม “พลิกไอเดีย สู่รายได้ สร้างยอดขายด้วย content” ที่เป็นการส่งเสริมเพิ่มทักษะการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการ มีการแนะนำการสร้าง content ที่น่าสนใจ เพื่อเพิ่มยอดจำหน่าย สร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันกับตลาดในยุคปัจจุบันได้ จากนั้นเปิดงาน “ธงเขียวราคาประหยัด ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว” ที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งภายในงานเปิดให้เกษตรกรซื้อปุ๋ยในราคาเพียงกระสอบละ 200 บาท และเคมีทางการเกษตรราคาถูก เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนการผลิตและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมการจัดแสดงสินค้า GI จังหวัดศรีสะเกษ ที่ปัจจุบันขึ้นทะเบียนไว้ 7 รายการ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 4,500 ล้านบาท และยังได้เปิด “มหกรรมธงฟ้า เยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน” จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ลดค่าครองชีพ ซึ่งจะจัดไปจนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2568 ทั้งนี้ ยังมีรถ “Mobile ธงฟ้าเคลื่อนที่” ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนใน 3 อำเภอ ได้แก่ กันทรลักษ์ ขุนหาญ และภูสิงห์ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน
โครงการธงเขียว : จำหน่ายสินค้าทางการเกษตรราคาประหยัด /โครงการธงฟ้า : จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัด
📌รายละเอียด
(18 ต.ค.68 ) นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการอบรม หัวข้อ “พลิกไอเดีย สู่รายได้ สร้างยอดขายด้วย content” ที่จัดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จัดขึ้นที่ โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยกล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้มีเป้าประสงค์หลักในการส่งเสริมผู้ประกอบการซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้เป็นกลไกหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวสู่ตลาดโลก ตลาดออนไลน์ การค้าขายจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็สามารถทำให้เราแข่งขันได้ เพิ่มช่องทางการตลาด และเพิ่มรายได้ ซึ่งการทำเช่นนั้นเทคโนโลยีอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีการสร้าง content ที่น่าสนใจและสร้างรูปแบบนำเสนอที่น่าสนใจ วันนี้เป็นความตั้งใจของกระทรวงพาณิชย์ที่จะนำทักษะใหม่ ๆ มาสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อก้าวสู้โลกที่มีการแข่งขันกันมากมายทั้งออนไลน์และออฟไลน์
อีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ เราอยากมาทำกิจกรรมดี ๆ เหล่านี้ที่จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งอยู่ใกล้กับเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองยินดีอย่างยิ่งที่มีผู้ประกอบการซึ่งมาจากจังหวัดต่างๆ ที่ติดชายแดนไทย-กัมพูชา มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transactions Development Agency : ETDA อ่านว่า เอ็ดด้า) พบว่า ในปีที่ผ่านมาตลาด
E-commerce หรือ การขายสินค้าหรือบริการบนอินเทอร์เน็ต มีการขยายตัวถึง 5.4% และมีมูลค่ารวมกว่า 6.1 ล้านล้านบาท กิจกรรมนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น แต่จะทำอย่างนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมทักษะให้ผู้ประกอบการแข็งแกร่งเพราะเมื่อผู้ประกอบการแข็งแกร่งแล้วประเทศก็จะแข็งแกร่งด้วย
📌การอบรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระทรวงพาณิชย์ ในการส่งเสริมองค์ความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นให้กับ SMEs ไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดยุคใหม่ สร้างความแตกต่างและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้อย่างแท้จริง ส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมทางธุรกิจดิจิทัลที่เหมาะสม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มี
ความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป สอดรับตามนโยบาย "Quick Big Win" ของกระทรวงพาณิชย์ที่มุ่งเน้นการสร้างผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม
📌จากนั้นนางศุภจี พร้อมคณะได้ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เปิดงาน “ธงเขียวราคาประหยัด ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว” ณ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. จังหวัดศรีสะเกษ จำกัด เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ให้สามารถเข้าถึงปัจจัยการผลิตในราคาที่เป็นธรรม ลดภาระต้นทุน และรักษาเสถียรภาพการผลิตทางการเกษตร
📌นางศุภจี กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน จึงตั้งใจนำโครงการธงเขียวและธงฟ้ามาเชื่อมโยงกัน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยจะมีคาราวานธงฟ้า Mobile เคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ที่เข้าถึงยาก พร้อมจับมือกับไปรษณีย์ไทยในการช่วยค่าขนส่ง เพื่อเปิดช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคของศรีสะเกษออกสู่ตลาดในวงกว้าง ให้เกิดทั้งการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และลดต้นทุนให้เกษตรกร
📌โดยภายในงานมีการจำหน่ายปุ๋ยเคมี 6 สูตรหลักที่ใช้ในพืชเศรษฐกิจ เช่น นาข้าว พืชไร่ ผัก และไม้ผล ได้แก่ 15-15-15 / 16-16-8 / 46-0-0 / 13-13-21 / 21-4-21 และ 15-5-20 ลดราคาสูงสุดถึง 200 บาทต่อกระสอบ พร้อมมอบคูปองส่วนลดมูลค่า 50 บาท สำหรับใช้ซื้อสารเคมีเกษตรอื่น ๆ เช่น ยาฆ่าแมลงและยาปราบศัตรูพืช
📌สำหรับโครงการธงเขียวและธงฟ้าจะไม่ใช่กิจกรรมครั้งเดียวจบ แต่จะเป็นความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน และเกษตรกร เพื่อให้ชาวศรีสะเกษมีต้นทุนที่ดี ผลผลิตที่มีคุณภาพ และช่องทางจำหน่ายที่กว้างขึ้น
ด้าน นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การดูแลประชาชนในพื้นที่ชายแดนเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้รับมอบหมายให้จัดโครงการธงเขียวและธงฟ้า เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและต้นทุนของเกษตรกรใน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ไปจนถึงเกษตรกรรายย่อย
📌ขณะที่นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 7 และเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายโครงการไปยังพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด โดยจะดำเนินการให้ครบทุกพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรในแต่ละจังหวัดได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
📌นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้านโยบาย Quick Big Win ส่งเสริมและยกระดับสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยมีการจัดแสดงสินค้า GI จังหวัดศรีสะเกษ ภายในงาน เพื่อสร้างการรับรู้และขยายตลาดสินค้าอัตลักษณ์ของชุมชน
📌โดยนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า จังหวัดศรีสะเกษมีสินค้า GI ทั้งหมด 7 รายการ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ผ้าไหมเก็บบ้านเมืองหลวง หอมแดงศรีสะเกษ กระเทียมศรีสะเกษ และครุน้อยบ้านสะอาง ศรีสะเกษ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 4,500 ล้านบาท ในอนาคตยังมีสินค้าใหม่ที่เตรียมขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม เช่น ไก่ย่างไม้มะดัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับจังหวัดได้มากขึ้น
นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษมีสินค้า GI หลายรายการที่สร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกรในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษที่สร้างมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท ถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัด
ทั้งนี้ งาน“ธงเขียวราคาประหยัด ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว” จัดถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 -16.00 น. เพื่อร่วมลดต้นทุนการผลิต เสริมความแข็งแกร่งให้ภาคเกษตรไทย
นอกจากนี้ นางศุภจี พร้อมด้วย พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้เปิดงาน “มหกรรมธงฟ้า เยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน” จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17–19 ตุลาคม 2568 ภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด สินค้า GI ศรีสะเกษ และสินค้าชุมชนจากทุกอำเภอ เพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนและเพิ่มช่องทางตลาดให้กับผู้ประกอบการรายย่อย
📌พร้อมกันนี้ ยังมีรถ “Mobile ธงฟ้าเคลื่อนที่” ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนในเขตชายแดน 3 อำเภอ ได้แก่ กันทรลักษ์ ขุนหาญ และภูสิงห์ ตลอดระยะเวลา 3 วันของการจัดงาน
📌นางศุภจี กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษถือเป็นพื้นที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ด้านการค้าชายแดนไทย–กัมพูชา รัฐบาลมุ่งผลักดันให้จังหวัดศรีสะเกษเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนและสินค้าเกษตรคุณภาพ โดยเฉพาะสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์พร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนในทุกพื้นที่ และผลักดันศรีสะเกษสู่จังหวัดเศรษฐกิจชายแดนที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมเลือกซื้อสินค้าราคาประหยัดในงาน “มหกรรมธงฟ้าเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน” ที่จะจัดไปจนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2568
#ศุภจีลุยอุบลฯศรีสะเกษจัด3กิจกรรม #พลิกไอเดียสู่รายได้ธงเขียวราคาประหยัดมหกรรมธงฟ้า #ลดต้นทุนการผลิตเกษตรกร #กระตุ้นการค้าชายแดน #กระทรวงพาณิชย์ #กระทรวงกลาโหม #4เดือนทำทันที #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

“เอกนิติ” ลงพื้นที่ติดตาม “คนละครึ่ง พลัส” ร้านค้า–ประชาชนตอบรับดี 21 ต.ค. นี้ อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภั...
19/10/2025

“เอกนิติ” ลงพื้นที่ติดตาม “คนละครึ่ง พลัส” ร้านค้า–ประชาชนตอบรับดี 21 ต.ค. นี้ อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย
📌บทสรุป
โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เป็นนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นหนึ่งใน Quick Big Win ของรัฐบาล มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มการบริโภคและบรรเทาค่าครองชีพประชาชน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานีและนนทบุรี ติดตามความคืบหน้าโครงการ พร้อมย้ำว่าโครงการนี้ช่วยทั้งผู้บริโภค ผู้ประกอบการรายย่อยและร้านค้าชุมชน ปัจจุบันมีร้านค้าลงทะเบียนแล้วกว่า 200,000 ราย กำหนดเปิดรับถึงวันที่ 19 ธันวาคม สำหรับผู้ขับรถสาธารณะที่มีใบอนุญาต เช่น วินมอเตอร์ไซค์และรถโดยสารสามารถเข้าร่วมโครงการได้เช่นกัน โดยกระทรวงคมนาคมร่วมสนับสนุนลดภาระค่าเดินทางให้ประชาชน “เดินทางจ่ายครึ่งเดียว” รวมถึงค่าโดยสาร บริษัท ขนส่ง จำกัด ทุกเส้นทางทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2568 จากการลงพื้นที่พบว่าร้านค้าและประชาชนให้การตอบรับที่ดี และเรียกร้องให้พิจารณาขยายโครงการระยะที่สองด้วย นอกจากนี้ยังได้กำชับให้กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยร่วมตรวจสอบป้องกันการเรียกรับผลประโยชน์ หากพบจะดำเนินการทางวินัยและกฎหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับงบประมาณเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาเพื่ออนุมัติในวันที่ 21 ตุลาคมนี้

📌รายละเอียด
(18 ต.ค. 68) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานีและนนทบุรี เพื่อติดตามเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพ ด้วยหลักการ “รัฐช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง ประชาชนจ่ายครึ่งหนึ่ง” ซึ่งจะช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการรายย่อยและร้านค้าชุมชนให้มียอดขายเพิ่มขึ้น เงินหมุนเวียนอยู่ในชุมชนสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชนโดยตรงทั้งร้านอาหารในตลาด พ่อค้าแม่ค้า รวมถึงวินมอเตอร์ไซค์ที่มีใบขับขี่สาธารณะ สามารถลงทะเบียนได้เช่นกัน โดยใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” สำหรับรับชำระเงินจากผู้ซื้อที่ใช้แอปฯ “เป๋าตัง” โดยโครงการจะเปิดให้ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 จะช่วยให้เศรษฐกิจคึกคักขึ้น
📌 ขณะนี้มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 200,000 ราย จึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการทั้งรายเก่า รายใหม่ รวมถึงร้านค้าที่อยู่ในแอปพลิเคชัน Food Delivery สามารถเข้าร่วมโครงการได้ที่แอปฯ ถุงเงิน และจุดบริการภาครัฐในพื้นที่ นอกจากนี้ได้จัดวางระบบร้านค้าให้ยืนยันตัวตนเพื่อความปลอดภัย ป้องกันการแอบอ้างหรือการถูกสวมสิทธิ์ แม้อาจใช้เวลาบ้างแต่เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของทุกฝ่าย จึงขอเชิญชวนร้านค้าที่พร้อมเข้าร่วมลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 19 ธันวาคมนี้📌นายเอกนิติ กล่าวว่า “คนละครึ่ง พลัส ต้องการ พลัส ในหลายเรื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นแต่ได้ผลในระยะยาว โดยภาครัฐจะจัดหลักสูตรอบรมให้พ่อค้าแม่ค้า โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในตลาดหรือชุมชน เพิ่มทักษะการขายออนไลน์ และหลักสูตรทำต้นทุนคละรายจ่ายจับมือกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ลดค่าธรรมเนียมเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้กว้างขึ้น สำหรับข้อกังวลของร้านค้าเกี่ยวกับภาษีและข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ขอยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้และร้านค้าจะได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัยสูงสุด ธนาคารกรุงไทยในฐานะหน่วยดำเนินการจะไม่เปิดเผยข้อมูลให้หน่วยงานใด ๆ ขอให้ร้านค้ามั่นใจได้ อย่างไรก็ตามหากรายได้ของร้านค้าเพิ่มขึ้นจนเกินเกณฑ์ภาษีก็ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยที่จะร่วมเสียภาษีอย่างถูกต้อง เพราะงบประมาณที่นำมาใช้ในโครงการนี้ก็มาจากภาษีของประชาชนเช่นกัน เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการดี ๆ แบบนี้ต่อไปได้ในอนาคต
กรณีที่มีร้านค้าร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า มีการนำเอกสารสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสไปให้หน่วยงานปกครองลงนามรับรอง แต่กลับถูกเรียกเก็บเงินเป็นค่าลงนามนั้น กระทรวงการคลังจะประสานและกำชับไปยังกระทรวงมหาดไทยโดยเร็ว พร้อมทั้งรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบด้วย โดยยืนยันว่าหากพบเจ้าหน้าที่รายใดใช้โอกาสนี้แสวงหาผลประโยชน์จากประชาชน จะดำเนินการทางวินัยและกฎหมายอย่างเด็ดขาด หากประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุลักษณะดังกล่าวสามารถแจ้งข้อมูลมายังกระทรวงการคลังได้โดยตรง ซึ่งจะมีการตรวจสอบและแก้ไขโดยเร็วที่สุด
📌ในส่วนการลงทะเบียนของประชาชนทั่วไปจะเริ่มวันที่ 20 - 26 ตุลาคมนี้ รัฐบาลเตรียมสิทธิ์ให้ประชาชนกว่า 20 ล้านรายไม่รวมผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 13.4 ล้านคน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์และทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัว จากการลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียนผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ และประชาชนในบริเวณตลาด มีเสียงตอบรับจากประชาชนต่อโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เป็นไปในทางที่ดี หลายคนอยากให้มีระยะที่สอง ซึ่งจะนำเรื่องนี้เสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป
📌นายเอกนิติ เปิดเผยด้วยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 21 ตุลาคมนี้ รัฐบาลเตรียมมาตรการ “เที่ยวเมืองรอง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่าง จ.ปทุมธานี นนทบุรี และปริมณฑล โดยจะมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ที่เข้าพักโรงแรมสามารถนำค่าที่พักมาหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ตั้งเป้าเบิกจ่ายให้ได้อย่างน้อย 60% ภายใน 4 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ สำหรับผู้ประกอบการที่มีบ้านพักหรือโรงแรม รัฐบาลจะร่วมกับธนาคารออมสิน เปิดสินเชื่อเพื่อพัฒนาและปรับปรุงที่พักให้ทันสมัย เช่น ติดตั้งเครื่องปรับอากาศหรือปรับปรุงระบบบริการ โดยค่าใช้จ่ายบางส่วนสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ เพื่อยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวของจังหวัด
📌ขณะที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมขับเคลื่อนโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อลดภาระค่าครองชีพด้านการเดินทางโดยเร่งผลักดันให้ทุกระบบขนส่งสาธารณะเข้าร่วม เพื่อให้ประชาชน “เดินทางจ่ายครึ่งเดียว” สร้างรายได้ให้ผู้ขับรถสาธารณะทั่วประเทศ และยกระดับระบบขนส่งสู่ดิจิทัล โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยกรมการขนส่งทางบกเปิดให้ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนได้ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม – 19 ธันวาคม 2568 คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้เข้าร่วม ดังนี้
👉1. รถจักรยานยนต์สาธารณะ ต้องมีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ และบัตรประจำตัวผู้ขับรถ
👉2. รถตุ๊กตุ๊ก ต้องมีใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ
👉 3. รถแท็กซี่ ต้องมีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ (ประเภท ท.1–ท.4) และบัตรประจำตัวผู้ขับรถ
👉4. รถสองแถวและรถตู้โดยสาร ต้องมีใบอนุญาตขับรถประเภท ท.1–ท.4
👉5. รถโดยสารประจำทาง ต้องมีใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง
👉6. รถโดยสารประจำทางหรือไม่ประจำทางที่เป็นนิติบุคคลรายเล็ก ต้องมีใบอนุญาตประกอบการขนส่งสาธารณะ และมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี (ภ.ง.ด.50 รอบบัญชีปี 2567)
ทั้งนี้ มอบหมายสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศเร่งประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำผู้ประกอบการ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1–5 หรือโทรสายด่วน 1584
👉ขณะเดียวกัน บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางของประชาชน สามารถใช้สิทธิ์ชำระค่าตั๋วรถ บขส. ทุกเส้นทางทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 โดยมีเงื่อนไข ได้แก่
👉1) ยื่นบัตรแสดงตนในการซื้อตั๋วโดยสาร และต้องเป็นผู้เดินทางเองเท่านั้น
👉2) ซื้อตั๋วรถโดยสาร บขส. ภายในวงเงิน 200 บาทต่อวัน กรณีที่ค่าโดยสารเกินวงเงินที่ได้รับต้องจ่ายส่วนต่างเป็นเงินสดเท่านั้น
👉3) เดินทางไปกับรถโดยสาร บขส. ได้ทุกมาตรฐาน ทุกเส้นทาง
👉4) ใช้ร่วมกับสิทธิ์ลดหย่อนอื่น ๆ ได้ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด
👉5) เมื่อซื้อตั๋วโดยสารแล้วไม่สามารถคืนตั๋วได้ทุกกรณี แต่สามารถเลื่อนการเดินทางได้ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด
👉6) ซื้อตั๋วโดยสารได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ทั่วประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ บขส. Application E-ticket page: บขส. Line: บขส.99 และช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส. ทั่วประเทศ หรือ โทร. 0 2936 3660
📌สำหรับการลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีและนนทบุรี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้บูรณาการการทำงานเพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นอย่างดี แต่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 21 ตุลาคมนี้ รัฐบาลเตรียมนำเรื่องการจัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เข้าสู่การพิจารณาเพื่อออกเป็นมติคณะรัฐมนตรีและดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
#เอกนิติลงพื้นที่ติดตามคนละครึ่งพลัสร้านค้าประชาชนตอบรับดี #21ตคนี้อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย #กระทรวงการคลัง #กระทรวงคมนาคม #4เดือนทำทันที #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

ที่อยู่

สถานีวิทยุโทรทัศน์ ช่อง11 ถนนคอซิมบี้ ตำบลรัษฎา
Changwat Phuket
83000

เบอร์โทรศัพท์

+6676211555

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Nbt Phuket Thailandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

ประวัติ

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ศูนย์ประชาสัมพันธ์เขต ๕ สุราษฎร์ธานี กรมประชาสัมพันธ์ เห็นว่า จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีชุมชนหนาแน่น มีความเจริญด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเป็นพื้นที่ศูนย์กลางการพัฒนาในหลายๆด้านในภาคใต้ตอนบน แต่ข้อมูลข่าวสารทางวิทยุและโทรทัศน์ ประชาชนไม่สามารถรับฟังและรับชมจากที่ใดได้ จึงได้มาจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และวิทยุโทรทัศน์ ขึ้น โดยวิทยุโทรทัศน์เริ่มทดลองออกอากาศครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยใช้เครื่องส่งซึ่งเจ้าหน้าที่เทคนิคของกรมประชาสัมพันธ์ได้จัดสร้างขึ้นด้วยเงินรายได้ของ ศูนย์ประชาสัมพันธ์เขต ๕ สุราษฎร์ธานี ในระบบ ๕๒๕ เส้น ขาว-ดำ กำลังส่ง ๑๐๐ วัตต์ ออกอากาศด้วยความถี่ทางช่อง ๑๑ ใช้อาคารห้องส่งและเครื่องส่งชั่วคราวร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต บนเขารัง

พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้ทำการปรับปรุงเครื่องส่งเป็นระบบ ๖๒๕ เส้น ขาว -ดำ กำลังส่งเท่าเดิมคือ ๑๐๐ วัตต์ โดยเปลี่ยนช่องความถี่เป็นช่อง ๙ ในปีนี้เองที่ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ นับเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของกรมประชาสัมพันธ์ ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ทำการของศูนย์ประชาสัมพันธ์เขต

ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ทางกรมประชาสัมพันธ์ได้อนุมัติให้นำเครื่องส่งและอุปกรณ์ต่างๆเช่นชุดโคมไฟส่องประจำห้องแสดงจากศูนย์ประชาสัมพันธ์เขต ๒ ลำปาง ซึ่งเป็นเครื่องส่งระบบสี ๖๒๕ เส้น กำลังส่ง ๑,๐๐๐ วัตต์ หรือ ๑ กิโลวัตต์ มาติดตั้งที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต ทางสถานีฯ จึงเปลี่ยนจากช่อง ๙ ไปออกอากาศด้วยความถี่ช่อง ๖ ตามความถี่ของเครื่องส่ง

พ.ศ. ๒๕๒๓ ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง ๗ ได้ขยายสถานีเครือข่ายออกไปยังจังหวัดต่าง ๆ รวมทั้งจังหวัดภูเก็ต ด้วย ทางสถานีฯ ได้รับการขอร้องขอให้เปลี่ยนความถี่จากช่อง ๖ มาเป็นช่อง ๙ ตามเดิม เพื่อไม่ให้คลื่นสัญญาณกวนกับทางสถานีฯช่อง ๗ ทางสถานีฯ จึงต้องดัดแปลงเครื่องส่งให้กลับมาที่ช่อง ๙ อีกครั้งหนึ่ง (และต่อมาทางสถานีฯ ก็ได้ถูกร้องขอให้เปลี่ยนไปออกอากาศทางช่อง ๕ เพื่อให้ทาง อสมท. ออกอากาศทางช่อง ๙)