22/09/2025
จากประเด็น คุณบอย ตุ๊ดรีวิว เขียนบทความวิจารณ์สื่อที่นำเสนอข่าว ไทย-กัมพูชา ซึ่งผมอ่านแล้ว อยากจะอธิบายให้คุณบอยฟังสักนิด ในฐานะประชาชนคนหนึ่งครับ
การที่คุณบอกวิธีการเดียวกับ ลุงพล ประเด็นนี้ ต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ เพราะคดีลุงพล เป็นคดีปั่นกระแสข่าวจริง เพราะการนำเสนอข่าวต่อเนื่อง เพราะเป็นข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจ แต่ ประเด็น ไทย-กัมพูชา เป็นการนำเสนอเหตุการณ์ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องตลอด จึงจำเป็นต้องนำเสนอข่าวต่อเนื่องครับ
1) วิชา Media ตรงนี้ คุณไม่ต้องบอกหรอกครับ เพราะสื่อทุกสื่อเขารู้อยู่แล้ว การทำสื่อ ก็ย่อมต้องการกระแสอยู่แล้วครับ ถ้าคุณทำช่อง ทำสื่อของคุณแล้วไม่มีคนดูเลย คุณโอเคมั้ยครับ? เรืองปกติครับ ไม่เกี่ยวกับข่าวลุงพลเลย
2) กลยุทธ์โน้มน้าวให้มี อรรถรส ว่ากันตามตรงนะครับ ผมไม่เห็นจะมีอารมณ์หรือได้อรรถรสตรงไหน? เพียงแต่คุณจะไปห้ามความรู้สึกของคนแต่ละคนได้มั้ยหล่ะครับ? และการที่ผู้คนจะมีอารมณ์ร่วมกับข่าวนั้นๆ ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องปกตินะครับ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน
3) วิธีการนำเสนอข่าว ใส่อารมณ์และความคิดของนักข่าว ตรงนี้ คุณต้องแยกแยะนะครับว่า ระหว่างการนำเสนอข่าวเป็นทางการ กับ การเล่าข่าว ไม่เหมือนกันครับ การวิเคราะห์ข่าวก็เป็นการแสดงความคิดเห็นเฉพาะของคนวิเคราะห์ข่าวครับ ต้องใช้วิจรณญาณของผู้ชมอยู่แล้ว ในส่วนนี้ ผมก็ยังเห็นคนที่สนับสนุนพรรคการเมืองออกสื่อซ้ำๆๆ จำนวนมาก คนเดิมๆ หน้าเดิมๆ คุณบอยคิดว่า แบบนี้ คือความสวยงามของการนำเสนอของสื่อรึเปล่า?
4) การรับสื่อ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ครับ แต่สิ่งสำคัญคือ สื่อ ต้องมีจรรยาบรรณในการนำเสนอ คือ นำเสนอตามข้อเท็จจริงและสิ่งที่ถูกต้องครับ ซึ่งในการนำเสนอข่าว ไทย-กัมพูชานี้ ถ้าไม่มีการนำเสนอข่าวเลย แล้วจะให้ชาวบ้านนอกพื้นที่ไปหาข้อมูลที่ไหนครับ? ความจริง คือ สาระสำคัญครับ คุณบอยลองไปถามชาวบ้านในภูมิภาคอื่นๆ ดูครับว่า เขารู้ความจริงแค่ไหน รู้ความจริงที่เป็นสาระสำคัญจริงๆ รึเปล่า?
5) คุณบอกบอกว่า ผู้สูงอายุ เด็กต้องมาเสพข่าวกัมพูชา ในเวลา Airtime ซ้ำๆ ผมก็อยากจะถามคุณบอกว่า ตอนนี้เราอยู่กันในยุคไหนครับ? ยุคที่มีแต่สื่อทีวีช่อง 3 5 7 9 11 รึเปล่า?? มีใครไปบังคับคุณยุคนี้ให้ต้องเสพสื่อแต่เรื่องนี้ซ้ำๆ รึเปล่าครับ? ตื่นหน่อยครับ ออกมาดูโลกความจริงบ้างครับ
6) ไม่ต้องโจมตีเขมรเพิ่ม เขมรผิดตรงไหน? งง กับข้อนี้มาก ไปอยู่โลกไหนมาครับ? ข้อเท็จจริง คำโกหก การใส่ร้าย บิดเบือน ทุกอย่างที่ออกผ่านสื่อเขมรเองนั่นหล่ะ ที่ตอกย้ำความต่ำตมของเขมร! ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอกครับ ไม่มีใครดูถูกเขมรหรอกครับ แต่คนไทย สงสารคนเขมรมากกว่า ที่ต้องโดนผู้นำเขมร โกหกซ้ำๆ บิดเบือนซ้ำๆ ทุกวันๆ
7) ทุกอาชีพล้วนทำหน้าที่ของตัวเอง .. ถูกต้องครับ! สื่อมวลชนก็เช่นกัน เขาก็ทำหน้าที่ของเขา ผมก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร และการที่ Spotlight จะไปฉายที่ใคร ก็เป็นธรรมดา ย่อมแสดงให้เห็นว่า เขาคนนั้นมีความสำคัญ ประชาชนให้ความสนใจ มันแปลกตรงไหนครับ? การที่บุคคลคนหนึ่งจะขึ้นมาเป็นบุคคลสาธารณะ บุคคลตัวอย่าง บุคคลดีเด่น มันเป็นการส่งเสริมและให้กำลังใจคนที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนในสังคม มันไม่ได้แปลว่าใครจะสูงส่งกว่าใครหรอกนะครับ และผมก็ไม่เห็นว่า สิ่งเหล่านี้จะทำให้ใครเดือดร้อน
8) ประเด็นนี้ เอาสื่อไทย ไปเทียบเคียงกับสื่อเขมร กลายเป็นว่า สื่อไทยเป็นเครื่องมือของการมอมเมาเหมือนเขมร?? ถามนิดเดียวครับ บ้านเรามีอุ้มบุคคลไปลงโทษรึเปล่า? บ้านเราบังคับให้ต้องนำเสนอข่าวด้านเดียวรึเปล่า? สื่อบ้านเราแทบไม่มีข้อจำกัดในการนำเสนอข่าว ส่วนใครจะเสพสื่อแล้วเป็นยังไง ขึ้นอยู่กับสติปัญญาของแต่ละคนครับ สื่อไม่ได้มีหน้าที่ให้สติปัญญาครับ แต่คนเสพต่างหาก ที่ต้องมีสติปัญญาในการรับสื่อ
9) สิ่งที่ตามมาคือ ความโกรธเกลียดที่ทำลายสุขภาพจิต....ข้อนี้ หมายถึงตัวเองรึเปล่า? ผมก็เห็นประชาชนที่ชื่นชมเหล่าพี่น้องทหารหรือท่านแม่ทัพ ยิ้มแย้มแจ่มใสนี่ครับ ทุกคนมีแต่ให้กำลังใจกันและกัน ก็ไม่เห็นว่าใครจะก้าวร้าว อารมรณ์รุนแรงแต่งอย่างใดนะ
10) สุดท้าย ก็วนซ้ำเรื่องเดิม ไปกล่าวหาสื่อว่ามีวาระซ่อนเร้น ปั่นกระแสเกินพอดี?? บลา บลา บลา .....
เอาเป็นว่าแบบนี้นะครับ คุณบอย ตุ๊ดรีวิว ในฐานะที่ผมเป็นประชาชนคนหนึ่งที่มานั่งอ่านบทความของคุณ วนซ้ำไปซ้ำมา ผมก็อยากจะแนะนำคุณบอยแบบนี้ครับว่า ให้ไปปรึกษาจิตแพทย์ การมองโลกของคุณน่าจะมีปัญหา ซึ่งผมไม่รู้ว่าคุณเสพสื่อจากไหน ทำให้คุณอาจจะมีความคิดเชิงลบเกี่ยวกับข่าว ปัญหาไทย-กัมพูชา จนแยกไม่ออกว่า อะไรคือสาระสำคัญในข่าว หรือ คุณไปตามช่องโพสท์คนบางคนที่มีความคิดเดียวกับคุณมากไปรึเปล่า อย่าง เฟสบุ๊คของ ปวิน LGBT ในญี่ปุ่น??
ผมก็ต้องบอกสรุปแบบนี้ครับว่า สื่ออะไรก็ตามที่คุณเสพอยู่ แล้วทำให้คุณเชื่อว่า การเห็นข่าว ไทย-กัมพูชา หรือข่าวแม่ทัพภาค 2 แล้วคุณมีอารมณ์ฉุนเฉียว กระสับกระส่าย ทำอะไรไม่ถูก ก็ให้คุณ กดคลิ๊กไปที่เว็บดูหนัง ดูซีรียส์นะครับ ลบแอพ facebook ของคุณไปเลยก็ได้ครับ เพราะโลกแห่งความจริง มันไม่ได้หมุนรอบตัวคุณคนเดียวครับ
ปล. ฝากอีกนิดครับว่า สำหรับ พี่น้องในกลุ่ม LGBT คุณไม่จำเป็นต้องเลือกเสพแนวคิดแบบแก๊งค์สีส้มเท่านะครับ โลกมันกว้างใหญ่กว่าที่คุณคิด สิ่งเหล่านี้ แค่ยอมรับความจริงให้ได้ว่าอะไรกันแน่ที่กำลังเกิดขึ้น แล้วใช้สติปัญญาวิเคราะห์ แยกแยะครับ อย่าเพียงแต่พอเห็นข่าวที่ตัวเองไม่ชอบ ก็อารมณ์ฉุนเฉียว อยากให้โลกทั้งใบหมุนรอบตัวเอง เป็นแบบที่ตัวเองต้องการเท่านั้น....แบบนี้คงไม่ดีแน่ๆ มันจะมีปัญหาด้าน EQ ตามมานะครับ ด้วยความเป็นห่วงครับ / บอล Deepbreaker
#บอย #ตุ๊ดรีวิว #ไทยกัมพูชา
https://www.facebook.com/100077033996910/posts/799052982672494/?rdid=IPo4ow2CA4ZBgKEx #
บอย-ตุ๊ดส์รีวิว อินฟลูเอนเซอร์ดัง ได้ออกมาโจมตีการทำงานของสื่อมวลชนในไทย ว่าใช้กลยุทธ์ปั่นข่าว "ไทย-กัมพูชา" แบบเดียวกับปั่นข่าว "ลุงพล" โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ให้ Airtime มากกว่า 1 ชั่วโมงในการเล่าขยี้ข่าวเดิมซ้ำๆ
- นำเสนอเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทุกรูปแบบ แม้ไม่มีสาระประโยชน์
- สร้างอารมณ์ร่วมเชิงลบ เพื่อให้เกลียดชังต่อเป้าหมาย
- ใช้ข้อความดูถูก ให้เห็นว่า เพื่อนบ้านมีความเป็นคนต่ำกว่า
- ใส่ความคิดชาตินิยมสูง เน้นความทุ่มเทของทหารไทย
สาระที่คนควรเสพคือ "การให้ความเข้าใจในสถานการณ์" ไม่ใช่ทำให้คนสุขภาพจิตย่ำแย่ อยู่บนความโกรธเกลียด ถ้าปัญหาของประชาชนกัมพูชา คือ ขาดการศึกษา สื่อที่กล่อมเกลาคนไทยก็เป็นปัญหาเช่นกัน
ขณะเดียวกันก็ได้โพสต์บทความประกอบมี โดยมีเนื้อหาดังนี้
---
กลยุทธ์ที่สื่อไทยหลายสำนัก ใช้กับข่าว ไทยกัมพูชา
เป็นวิธีการเดียวกับข่าว “ลุงพล
1) วิชา Media สมัยผมเรียนนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ และความรู้จากเรื่องจิตวิทยาการสื่อสารที่ผมสอนหนังสืออบรม มันชี้ว่าบ้านเรารายงานข่าวชายแดนแบบไม่ปกติ สิ่งที่ผมเห็นแบบชัดๆจากสถานการณ์ปัญหา ชายแดนไทยกัมพูชา ผมพบปรากฏการณ์สื่อช่องเดิมๆ ช่องเดียวกับช่วงที่ Brainwash คนไทยตอนข่าวลุงพล แต่เแค่เปลี่ยนเป้าหมาย และอารมณ์ร่วมที่สื่อต้องการนำเสนอ
2) เรารู้ว่ามันเป็นกลยุทธ์การโน้มน้าวให้การเสพสื่อมี "อรรถรส" น่าติดตาม เป็นผลประโยชน์ต่อ Rating, การซื้อโฆษณา และความสำเร็จของการทำข่าว ที่ทำให้คนเกิดความสนใจได้ แต่ปัญหาที่ตามมา มีมากกว่านั้น
3) ตั้งแต่ยุค News Report สู่ News Storytelling เมื่อหลาย 10 ปีก่อน ที่เปลี่ยนผ่านวิธีการนำเสนอข่าว ก็เปลี่ยนมุมมองการเล่าข่าวที่ใส่อารมณ์และความคิดของนักข่าวเข้าไป ไม่ใช่แค่เนื้อหาสาระ บ้างก็เป็นการวิเคราะห์ บ้างก็ไม่ใช่ เป็นเพียงการสาดสีเทอารมณ์ ให้คนคล้อยตาม
4) เอาจริงๆ ต่อให้ไม่อ่านข่าวลักษณะนี้ คนไทยสามารถเข้าใจสถานการณ์ชายแดนตามปกติ อย่างถูกต้องได้เลยว่า ชาวบ้านบริเวณชายแดนเจอปัญหาอะไร คนกัมพูชาทำอะไรบ้าง และทหารไทยสู้กับอะไร แต่ "วิธีการเล่า คือปัญหา" และสิ่งที่คนไทยต้องมีให้มากขึ้นคือ ความรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy)
5) ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุ หรือเด็ก แต่ทุกๆคนที่ใช้เวลาดูข่าวกัมพูชา ลองสังเกตการให้ Airtime ยาวนานมาก และเป็นข่าวเดิมข้อมูลเดิมซ้ำๆ แต่ใช้วิธีการเล่าวน เพิ่มการวิเคราะห์ที่ไม่ได้มีหลักการอะไรเพิ่ม แค่ตีความจากสถานการณ์เพื่อเข้าข้างเรา และโจมตีเขา เล่าเชิงอารมณ์ด้วยข้อความรุนแรง
6) เอาจริงๆ ไม่ต้องโจมตีอะไรเขาเพิ่มก็ยังได้เลย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าอะไรผิด อะไรถูก เขาผิดตรงไหน ผู้เสพสื่อไม่ได้เขลา แต่การใส่ความเกลียดชังเข้าไป สร้างอารมณ์ร่วมของความเป็นพวกเดียวกัน กลุ่มก้อนของความรักชาติได้ดี ตอกย้ำซ้ำๆอยู่อย่างนั้น ทำให้เรามองกัมพูชาเป็นพลเมืองชั้นล่าง ที่ต่ำกว่าเรา ความเป็นคนน้อยกว่าเรา และสื่อกำลังสร้างสังคมที่อนุญาตให้การดูถูกคนเป็นเรื่องปกติ
7) จริงๆแล้วทหารแค่กำลังทำหน้าที่ของตัวเอง เหมือนกับอาชีพอื่น หมอ พยาบาล ครู นักร้อง ทุกคน "ทำหน้าที่ของตัวเอง เป็นปกติ ตามบทบาททางอาชีพ" ของชีวิตเขา แต่แค่มันถูก Spotlight และยกย่องให้เห็นความสำคัญสูงสุด ในช่วงเวลาของการกระตุ้นชาตินิยมแบบนี้ มันคือการกล่อมเกลาสร้างภาพของความสูงส่งทางอาชีพ ทั้งๆที่ทุกคนลำบากกันคนละแบบ ดิ้นรน และต่อสู้กันคนละอย่าง ทุกคนในสังคม และทุกอาชีพ "ล้วนเป็นฟันเฟืองที่สำคัญ" ที่สนับสนุนช่วยเหลือ ส่งเสริมให้ประเทศก้าวหน้าต่อไปได้ทั้งนั้น แต่เรากำลังมอบความพิเศษของเนื้อหานี้บนสื่อมวลชนบางสำนัก "ทุกวัน วันละหลายชั่วโมง" จริงๆแล้วทุกอาชีพสำคัญคนละแบบเท่านั้น ไม่ได้มีใครที่สูงส่งหรือพิเศษกว่า
8 ) กัมพูชาเป็นประเทศที่ประชาชนมีปัญหาโอกาสและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจริงนะครับ คนบ้านเขาจึงถูกพัดพาโดยผู้นำ และการใช้สื่อที่ไม่ได้ให้สติปัญญากับประชาชน ล้างสมองประชาชนของเขา และไม่ส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าของบ้านเขาได้ แต่ถ้าเราหันมามอง "สื่อ" ที่กล่อมเกลาคนไทย ณ ตอนนี้ เราอาจจะไม่ได้อยู่ในสถานะที่สูงกว่าเขาอย่างที่เราคิดก็ได้ ในเมื่อเราก็ไม่ได้รับข่าวสารที่สร้างสติปัญญา และความรู้คิดให้คนไทยเช่นกัน
9) สิ่งที่ตามมาคือ ความโกรธเกลียดที่ทำลายสุขภาพจิตอันเป็นปกติของคนไทย วันๆหนึ่งเสพเรื่องราวที่ย่ำแย่ และตอกย้ำปัญหาแบบดราม่าบนละครข่าว คนยิ่งอินหนัก ยิ่งติดตาม ยิ่งตกไปอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ไม่เป็นปกติ ราวกับกำลังถูกสื่อครอบงำความคิดอยู่ตลอดเวลา บางคนไม่รู้ตัว ก็หลงไปอยู่ในความโกรธเกลียด ชอบเสพ และติดตามอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ อาจจะเป็นเพียงข่าวสำคัญข่าวหนึ่ง แต่ปัจจุบันเสพติดราวกับเป็นเมนูอาหารจานหลักที่ต้องเปิดดูเพื่อความสะใจ เพื่อการตอบสนองทางอารมณ์
10) สื่ออาจจะอ้างก็ได้ว่า ทำแบบนี้ เล่าสนุกแบบนี้ เพราะคนกำลังให้ความสนใจสิ่งนี้ ไม่ต่างจากตอนลุงพลเลย แต่จริงๆแค่รายงานสถานการณ์แบบ 100% ก็ได้ แต่สิ่งที่กำลังทำ คือการยั่วยุทางอารมณ์ เกินจำเป็น ให้คนเสพติดการติดตาม ถ้าไม่ได้ให้คุณค่าข่าวแบบผิดทางขนาดนี้ คนไม่มีทางอินจัดขนาดนี้ สื่อโทษคนดูไม่ได้ คุณควรเป็นต้นทางในการกำหนดวาระ (Agenda Setting) และกรองสาระผ่านประตู (Gate Keeping) ว่าอะไรคือ "ขอบเขต" ของสาระที่ดี? พอมันปั่นเกินกว่าขอบเขต ข่าวแบบลุงพลก็จะเกิดขึ้นซ้ำๆวนเวียนครอบงำประชาชน ไม่รู้จักจบสิ้น
เอาตอนนี้เลย ลองเปิดทีวี เจอเลยครับกำลังรายงานบรรยายสถานการณ์ละเอียดมาก (ค่อนข้าง Real Time มากๆ) ราวกับอยากให้คนอินเหมือนอยู่ตรงนั้น ไปเป็นส่วนหนึ่งของสถานการณ์นั้น ถ้าหวังดีกับประชาชน อยากให้คนดูมีสติปัญญานำอารมณ์ คุณจะทำข่าวแบบนี้ทำไม?
หวังว่าคุณจะใช้สติปัญญาในการเสพ และรู้เท่าทันสื่อ อันไหนไม่ work ต่อสุขภาพจิต "ปิดรับทันที" แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้นเอง
#ตุ๊ดส์review #ชายแดนไทยกัมพูชา #พรรคประชาชน
