Field - feel Field - Feel Media Co., Ltd.
สื่อสาร สัมผัสสนาม ข้ามพรมแดน

ฟิล์ด - ฟิล มีเดีย (Field - Feel Co., Ltd.) เริ่มต้นจากกลุ่มนักเรียนสื่อ และนักเรียนมานุษยวิทยา ต้องการมีส่วนร่วมสื่อสารภายใต้แนวคิด "สัมผัสสนาม ข้ามพรมแดน เล่าเรื่องใหญ่ ผ่านมุมมองของคนตัวเล็ก ๆ" เพื่อบอกเล่าและขับเคลื่อนประเด็นทางสังคม การเมือง และวัฒนธรรม ในระดับมหภาค ผ่านมุมมองจุลภาค ในแต่ละท้องถิ่น ตีแผ่ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง ผ่านเรื่องราวสายตาของคนตัวเล็ก ๆ ฟิล์ด ฟิล มีเดีย มีเป้าหมายเพื่อพ

าผู้คนในสังคมก้าวข้าม ผ่านพรมแดนแห่งความรุนแรงที่แบ่งแยกเราไว้ ทั้งพรมแดนทางความคิด พรมเเดนทางเพศ พรมแดนทางวัฒนธรรม พรมแดนรัฐชาติ ฯลฯ จนเกิดเป็นสังคมที่ผนวกรวมทุกคนเข้าไว้ด้วยกัน บนพื้นฐานของความเข้าอกเข้าใจ

เทศกาลเซ่นผีที่หลายวัฒนธรรมมีร่วมกันช่วงนี้ เราก็ได้รวบรวมงานสนามที่ได้บันทึกกันไว้ ชวนอ่านได้ดังต่อไปนี้จากอำนาจ 'ผี' ส...
31/10/2025

เทศกาลเซ่นผีที่หลายวัฒนธรรมมีร่วมกันช่วงนี้ เราก็ได้รวบรวมงานสนามที่ได้บันทึกกันไว้ ชวนอ่านได้ดังต่อไปนี้
จากอำนาจ 'ผี' สู่อำนาจ 'คน' ของการแต่งงานในสังคมล้านนาร่วมสมัย
https://field-feel.com/localidentity00?fbclid=IwY2xjawNxUtVleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFwMlE4RGRxWHl3akFkOVU4AR7CNcpdIO1YQaTIWS7vSQ-HOqkTSBUstVtrFICJ4VGyhrx8leQU583LMVzrDQ_aem_4t4_cOG2Rpa_PYBY14FdAg
โดย สุเทพ แสนมงคล
บุญข้าวสากในวัฒนธรรมลาว อีสาน https://www.facebook.com/share/p/2gQT3rovd6HdMajf/
สารทจีน ทิ้งกระจาด เทศกาลไหว้ผีของชาวจีนในไทย โดย จิราพร แซ่เตียว https://field-feel.com/religion004
ตานก๋วยสลาก ในวัฒนธรรมล้านนา https://www.facebook.com/share/p/rv9muZfoK4szagyr/
ชิงเปรตที่นราธิวาส: งานสารทของผู้พูดกลุ่มภาษาเจ๊ะเห โดย เพชรภูมิ กสุรพ https://field-feel.com/religion006
ผีที่ดี ต้องมีประโยชน์: ภาพสะท้อนของความเป็นเควียร์ในภาพยนตร์เรื่อง “ผีใช้ได้ค่ะ” (พ.ศ. 2568) https://field-feel.com/usefulghost-moviereview โดย ธมลวรรณ บรรจงเกลี้ยง และนงค์ลักษณ์ บัทเลอร์
ร้อยเตา/ เจ้า ขนมลาปากพนัง : จากขนมพิธีกรรมสู่ของฝากเมืองนครฯ
https://field-feel.com/khanomla-nakhonsithammarat โดย จารุวรรณ ด้วงคำจันทร์
จากแคนถึงแถน: ประสบการณ์ภาคสนามที่คน ดนตรี สนทนากับผี https://field-feel.com/ethnomusicology-religion-ritual
โดย จารุวรรณ ด้วงคำจันทร์

กงเต๊กเป็นพิธีกรรมส่วนหนึ่งในงานศพของชาวไทยเชื้อสายจีน จัดขึ้นในวันและคืนที่ 6 หรือวันสุดท้ายหลังการสวดอภิธรรมศพ ก่อนพิธ...
29/10/2025

กงเต๊กเป็นพิธีกรรมส่วนหนึ่งในงานศพของชาวไทยเชื้อสายจีน จัดขึ้นในวันและคืนที่ 6 หรือวันสุดท้ายหลังการสวดอภิธรรมศพ ก่อนพิธีส่ง/เคลื่อนศพไปยังสุสานในวันพรุ่ง
กงเต๊กเป็นคำในภาษาจีน มาจาก คำว่า กง 功 และคำว่า เต๊ก 德
คำว่า กง 功 หมายถึง การกระทำในสิ่งที่ถูกที่ชอบที่เป็นประโยชน์ แทนวิญญาณผู้ตาย เพื่อให้ผู้ตายประสบความสุขความสบาย ให้ผลแห่งศีลที่วิญญาณผู้ตายได้รับต่อหน้าพระพุทธรูป กับผลแห่งการถวายอาหารแด่พระเป็นไทยทานที่บริจาคให้แก่ภูติผีปีศาจ จะบังเกิดบุญเป็นทางสุคติแก่วิญญาณผู้ตาย
ส่วนคำว่า เต๊ก 德 ก็หมายถึง กุศลที่เกิดจากกรรมดี ประโยชน์แห่งความเกื้อกูลที่น้อมอุทิศให้แก่วิญญาณผู้ตายได้อนุโมทนาส่วนบุญที่ผู้อื่นให้ และด้วยอำนาจบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และปวงเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ได้ดลบันดาลให้ความสุขและบุญส่งถึงวิญญาณผู้ตาย
พิธีกงเต๊ก เป็นศาสนพิธีนำดวงวิญญาณผู้ตายมาประกอบกุศลกัมมปติฏฐาน (กุศลกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย) นับว่าเป็นมหากุศลทานบังเกิดผลกุศลอย่างใหญ่ไพศาลแก่วิญญาณผู้ล่วงลับไปสู่สุขคติ (หมายถึงว่าวิญญาณหมดมลทินเมื่อได้รับอุทิศบุญเหล่านี้แล้ว ก็มีโอกาสบรรเทาจากโทษทัณฑ์ได้ไปจุติเพื่อใช้วิบากกรรมให้เป็นการเสร็จสิ้นไป และจะได้มีโอกาสบำเพ็ญบารมีบรรลุพระโพธิญาณในขั้นสุดท้าย
“กงเต๊ก” พิธีกรรมอำลาของลูกจีนในไทย โดย จิราพร แซ่เตียว : เรื่อง , จารุวรรณ ด้วงคำจันทร์ : ภาพ
สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่ https://field-feel.com/kongtek-chinesefuneral

ในอดีตเพลงถวายอาลัยเป็นสิ่งที่กลั่นออกมาจากหัวใจผู้ประพันธ์ ความรู้สึกถูกสะท้อนออกมาเป็นถ้อยคำและเสียงดนตรีที่มีชีวิตของ...
27/10/2025

ในอดีตเพลงถวายอาลัยเป็นสิ่งที่กลั่นออกมาจากหัวใจผู้ประพันธ์ ความรู้สึกถูกสะท้อนออกมาเป็นถ้อยคำและเสียงดนตรีที่มีชีวิตของมันเอง ทุกตัวโน้ตคือลมหายใจแห่งความเศร้า ทุกจังหวะคือการค้อมศีรษะลงอย่างเคารพต่อความยิ่งใหญ่ของผู้จากไป ศิลปินทำงานอยู่กับความรู้สึกนั้น คิดถ้อยคำทีละวรรค เรียบเรียงทำนองทีละบรรทัด ค่อยๆ บรรเลงอย่างนุ่มนวลให้เสียงกลั่นออกมาจากจิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยความอาลัย ความเศร้าไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในเสี้ยววินาที แต่มันก่อตัวอย่างเชื่องช้า มีน้ำหนัก มีความหมาย เป็นเสียงที่คนฟังสัมผัสได้แม้ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบาย
แต่ในยุคปัจจุบัน ความรู้สึกเหล่านี้ถูกเปลี่ยนรูปไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อ AI เข้ามาอยู่กลางพื้นที่สร้างสรรค์ ความเศร้ากลายเป็นคำสั่งชุดสั้นๆ ภาษาสั่งการ (prompt) ที่ถูกกรอกลงในหน้าจอ
จากที่ศิลปะเคยตั้งอยู่บนร่างกาย ความทรงจำ และความรู้สึกของมนุษย์ มันกลับย้ายไปอยู่ในสนามเทคนิคของผู้เขียนคำสั่ง (prompt composer) ซึ่งเพียงกำกับว่าระบบจะเศร้าแบบไหน เศร้าแค่ไหน และเศร้าอย่างไร ผลลัพธ์จึงไม่ใช่ความโศกที่มีลมหายใจ แต่เป็นอารมณ์ที่ถูกจำลองอย่างเที่ยงตรงและสวยงามราวกับภาพวาดที่เสกสร้างโดยทวยเทพ
เมื่อพิธีกรรมเสียงก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ คำถามด้านจริยธรรมก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะลอยขึ้นมาเป็นเงาตามตัวของความไว้อาลัย เราจะซื่อสัตย์ต่อที่มาของเสียงได้มากแค่ไหน หากเพลงที่ใช้ประกอบพิธีไม่ได้ถูกสร้างด้วยมือมนุษย์ แต่ด้วยคำสั่งของเครื่องจักร?
เสียงไว้อาลัยซึ่งเคยเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชุมชน อาจกลายเป็นเพียงเทมเพลตสำเร็จรูปที่ใครก็สามารถกดเรียกใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าใจบริบท
ที่กล่าวมานี้ ปรากฏการณ์บทเพลงถวายอาลัย อุตสาหกรรมความเศร้าสำเร็จรูปในยุค AI กำลังบอกเราว่า การไว้อาลัยในยุคดิจิทัลไม่ใช่แค่การ แสดงออกจากใจที่โศกเศร้าแท้ๆอีกต่อไป แต่มันคือการจัดการความทรงจำร่วมผ่านระบบเทคโนโลยีที่ลึกซึ้งและทรงพลัง คุณค่าของเสียงไว้อาลัยจะไม่ได้อยู่ที่ปริมาณของเพลงที่ถูก AI สร้าง แต่อยู่ที่ความเหมาะควร ความเคารพ และความชัดเจนต่อพิธีกรรมการอาลัย หากเราสามารถสร้างกรอบจริยธรรมและความเข้าใจร่วมกันได้ทัน เสียงเศร้าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะไม่เป็นเพียงพรีเซ็ตจากเครื่องจักร AI แต่จะกลายเป็นบทเรียนทางวัฒนธรรมดนตรีใหม่ของสังคมไทยที่น่าติดตามยิ่ง
อ่าน ปรากฏการณ์บทเพลงถวายอาลัย อุตสาหกรรมความเศร้าสำเร็จรูปในยุค AI, Prompt Composer และภูมิทัศน์วัฒนธรรมดิจิทัลไทย
ได้ที่ https://field-feel.com/ai-prompt-composer-andthai-digitalcultural

โดย อานันท์ นาคคง

การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ในบริบทสงครามโลกครั้งที่สอง เปิดพื้นที่ให้มองเห็นพลวัตของวรรณกรรมแฟ...
19/10/2025

การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ในบริบทสงครามโลกครั้งที่สอง เปิดพื้นที่ให้มองเห็นพลวัตของวรรณกรรมแฟนตาซีในฐานะ “กระจกสะท้อน” ประวัติศาสตร์สมัยใหม่
กรินเดลวัลด์คือสัญลักษณ์ของฟาสซิสต์ผู้มีเสน่ห์อันตราย ดัมเบิลดอร์คือภาพแทนของผู้นำพันธมิตรผู้ล่าช้าแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และความรักความผิดพลาดระหว่างคนสองคนคือเชื้อไฟที่ทำให้สงครามโลกเวทมนตร์มีน้ำหนักทางดราม่าและทางประวัติศาสตร์ไปพร้อมกัน ความสัมพันธ์ของดัมเบิลดอร์-กรินเดลวัลด์จึงเป็นแกนกลางที่ผูกสงครามโลกเวทมนตร์เข้ากับสงครามโลกครั้งที่สองในโลกจริง
การเผชิญหน้าระหว่างคนสองคนที่ครั้งหนึ่งเคยรักกัน กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเผชิญหน้าระหว่างเผด็จการ–เสรีภาพในประวัติศาสตร์สมัยใหม่
และการเลือกตั้งใน Secrets of Dumbledore เน้นย้ำว่า สถาบันประชาธิปไตยไม่อาจดำรงอยู่ได้โดยลำพัง หากปราศจากพลเมืองที่พร้อมปกป้องและเปิดโปงการบิดเบือน ความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นโศกนาฏกรรมเชิงศีลธรรม
อ่าน ผู้นำ อำนาจ และศีลธรรมในโลกเวทมนตร์ของ J.K. Rowling: การวิเคราะห์กรณีดัมเบิลดอร์–กรินเดลวัลด์และสมาพันธ์พ่อมดแม่มดนานาชาติ ได้ที่ https://field-feel.com/power-moral-jkrowling
เรื่องโดย บรรณษรณ์ คุณะ

ในฐานะนักมานุษยดนตรีวิทยา (Ethnomusicologist) ที่เชื่อว่าดนตรีไม่ใช่ภาษาสากล การที่กัน จอมพลัง เปิดเสียงผีอัดใส่ชาวกัมพู...
13/10/2025

ในฐานะนักมานุษยดนตรีวิทยา (Ethnomusicologist) ที่เชื่อว่าดนตรีไม่ใช่ภาษาสากล การที่กัน จอมพลัง เปิดเสียงผีอัดใส่ชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของไทยเพื่อขับไล่พวกเขาโดยใช้ความหวาดกลัว หรือเปิดเพลงเพื่อจงใจสร้างความเดือดร้อนรำคาญเป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจอย่างมากเพราะนี่เป็นการใช้เสียงเพื่อหวังผลให้เกิดความเสียหายต่อผู้ฟังไม่ว่าจะเป็นทางด้านกายภาพหรือด้านจิตใจ พูดอีกอย่างคือเสียงในที่นี้ทำหน้าที่เป็นอาวุธ และการฟังเสียงนั้นคือการ (ถูก) ทรมานรูปแบบหนึ่ง
บทบาทหน้าที่ของการเปิดเสียงผีและเพลงจากรถแห่ที่จัดหาโดยกัน จอมพลัง อาจจะแตกต่างจากการใช้ LRAD ในแง่ที่ในกรณีแรกนั้นเสียงทำหน้าที่ในการทรมานมากกว่า ส่วนในกรณีหลังนั้นเสียงทำหน้าที่เป็นอาวุธ แต่ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ใด เสียงในที่นี้ก็ไม่ได้ถูกใช้เพื่อจรรโลงจิตใจอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็สำหรับผู้ฟังเสียงเหล่านั้น
เสียงและดนตรีสรรค์สร้างและทำลาย อยู่ที่คุณจะใช้ และฟังมันอย่างไร
อ่าน เสียงผี เพลงดิส และการทรมานโดยไม่แตะต้อง ได้ที่ https://field-feel.com/ghostsounds-distracksandno-touchtorture
เรื่องโดย ณัฐพล วิสุทธิแพทย์

การย้ายเมืองหลวงจากอยุธยามาธนบุรีหลังพระเจ้าตากปราบก๊กสุกี้  มีประเด็นหนึ่งที่ยังอยู่ในความทรงจำรับรู้ของผู้คนในสังคมไทย...
11/10/2025

การย้ายเมืองหลวงจากอยุธยามาธนบุรีหลังพระเจ้าตากปราบก๊กสุกี้ มีประเด็นหนึ่งที่ยังอยู่ในความทรงจำรับรู้ของผู้คนในสังคมไทยปัจจุบัน คือเรื่องที่ว่าหลังจากเสร็จศึกและทำพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแด่พระเจ้าเอกทัศน์แล้ว
พระเจ้าตากทรงขึ้นช้างเสด็จพระราชดำเนินตรวจดูความเสียหายของบ้านเมืองหลังเสียกรุงเสร็จ จากนั้นทรงไปประทับและบรรทมอยู่ที่พระที่นั่งทรงปืนในพระบรมมหาราชวังหลวงของอยุธยา
คืนหนึ่งทรงพระสุบินนิมิตว่ามีอดีตกษัตริย์สมัยอยุธยามาขับไล่ไม่ให้พระองค์อยู่ ครั้นพอรุ่งเช้าก็ทรงเรียกประชุมเหล่าขุนนางแล้วตรัสเล่าถึงพระสุบินนิมิตดังกล่าว ก่อนจะทรงชักชวนเหล่าขุนนางในที่ประชุมนั้นให้ร่วมใจกันอพยพผู้คนออกจากอยุธยาลงมาตั้งกรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวง
ที่ผ่านมาเรื่องนี้ถูกตีความแบ่งออกเป็น 2 ทิศทาง ขึ้นอยู่กับว่าผู้ตีความมีจุดยืนหรือมุมมองต่อการเปลี่ยนผ่านจากธนบุรีมากรุงเทพฯ อย่างไร เช่น ถ้าเป็นฝ่ายที่มองว่าการเปลี่ยนผ่านในปลายรัชกาลพระเจ้าตากเป็นสิ่งที่ชอบธรรมแล้วก็จะตีความ “เจตนาของผี”
ตามตัวบทอักษรว่า พระเจ้าตากเป็นที่รังเกียจแก่อดีตพระเจ้าแผ่นดินสมัยอยุธยา จนถึงกับมาเข้าฝันและขับไล่ไม่ให้อยู่ในที่ของพระองค์ แต่ถ้าหากเป็นฝ่ายนิยมพระเจ้าตาก ก็จะตีความว่าอดีตพระเจ้าแผ่นดินสมัยอยุธยาทรงเป็นห่วงเป็นใย อยากให้ไปอยู่ที่อื่นที่ดีกว่า เพราะอยุธยาล่มสลายแล้ว
อ่าน พระเจ้าตากสินฯ เสด็จไปบรรทม ณ พระที่นั่งทรงปืน หลับฝันว่า โดน “ผีกษัตริย์อยุธยา” มาไล่ไม่ให้อยู่: เรื่องจริงหรือนิยายหลอกไพร่? ได้ที่ https://field-feel.com/kingtaksin-oralhistory
โดย กำพล จำปาพันธ์

เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือภาษาเวียดนามเรียกว่า Tết Trung Thu (เต๊ด จรุง ทู) ซึ่งแปลตรงตัวว่า เทศกาลกลางฤดใบไม้ร่วง ตรงกับว...
07/10/2025

เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือภาษาเวียดนามเรียกว่า Tết Trung Thu (เต๊ด จรุง ทู) ซึ่งแปลตรงตัวว่า เทศกาลกลางฤดใบไม้ร่วง ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ของทุกปีตามปฏิทินจันทรคติของเวียดนาม โดยเทศกาลไหว้พระจันทร์ของเวียดนามนั้นได้รับอิทธิพลมาจากจีนในช่วงราชวงศ์ถัง และปรากฏหลักฐานการจัดเทศกาลในจารึกของวัดด่อย (Chùa Đọi) ปี 1121 เป็นจารึกในสมัยราชวงศ์ลี้ (Nhà Lý) บรรยายว่าเทศกาลนี้ถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการในเมืองหลวงทังล็อง (Thăng Long) [ปัจจุบันคือกรุงฮานอย] มีการแข่งเรือ การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ และขบวนแห่โคมไฟ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและพักผ่อนหลังจากการเพาะปลูก และชาวเวียดนามยังคงสืบทอดงานเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากจะเป็นเทศกาลที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรมแล้ว ยังเป็นเทศกาลสำหรับเด็กๆ อีกด้วยเพราะนอกจากการไหว้พระจันทร์เพื่อขอพรแล้ว ยังมีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้เล่นสนุกกัน คือถือโคมไฟรูปดาวหรือรูปสัตว์ต่างๆ เดินแห่เป็นขบวนไปรอบๆ หมู่บ้าน หรือชุมชนที่อาศัยอยู่ พร้อมกับการเชิดสิงโตและตีกลอง เมื่อกลับมาบ้านก็นั่งกินขนมไหว้พระจันทร์พร้อมกับครอบครัวและฟังนิทานเรื่องลุงก่วยนั่งใต้ต้นไกร (Chú Cuội ngồi gốc cây đa) ซึ่งเล่าถึงที่มาของเงาดำๆบนดวงจันทร์ซึ่งคนเวียดนามเห็นเป็นรูปคนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เทศกาลไหว้พระจันทร์จึงเป็นเทศกาลที่เด็กเวียดนามรอคอยตลอดทั้งปี
อ่าน โคมไฟรูปดาว: จากของเด็กเล่นสู่เพลงกู้ชาติ โดย รัชพล พลอยเทศ ได้ที่ https://field-feel.com/multicultural003
ภาพถ่ายร้านขายของเล่นเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ฮายนอย ในปี 1915 โดยช่างภาพ Leon Busy

06/10/2025

ชวนชมบทสัมภาษณ์คุณวิชัย แสงดาวฉาย ผู้อยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 

"ไม่ใช่ 6 ตุลาฟื้นคืนชีพ แต่รากเหง้าของปัญญาชนนั้นยังอยู่"

“สิ้นสมรส” หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า “Marriage” เป็นละครเวทีแนวเมโลดราม่าสัญชาติไทยปีพ.ศ. 2568 กำกับและเขียนบทโดยณัฐกร จุล...
05/10/2025

“สิ้นสมรส” หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า “Marriage” เป็นละครเวทีแนวเมโลดราม่าสัญชาติไทยปีพ.ศ. 2568 กำกับและเขียนบทโดยณัฐกร จุลระศร ภายใต้การอำนวยการแสดงโดยธนิยา ชาลากูลพฤฒิ และกำกับเวทีโดยรักษิต ศรีชะเอม โดยละครเวทีเรื่อง “สิ้นสมรส” (Marriage) เป็นส่วนหนึ่งในรายวิชา Selected Topics in Dramatic Arts II หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาศิลปการละครประจำปีการศึกษา 2568 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สิ้นสมรส” เผยให้เห็นถึงภาพของความไม่เท่าเทียมที่เกิดขึ้นในชีวิตของเหล่าตัวละครเอกซึ่งต่างถูกบังคับให้สวมบทบาทหน้าที่ที่สังคมไทยร่วมสมัยมีส่วนสำคัญในการกำหนดแบบแผนการดำเนินชีวิตเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่วางไว้ให้ได้
ภายใต้รูปแบบของระบบสังคมแบบทุนนิยมปิตาธิปไตยที่ให้ความสำคัญต่อตัวตน อัตลักษณ์ บทบาทหน้าที่ และการแสดงทางอำนาจของความเป็นชายผ่านการวัดมูลค่าทางทรัพย์สินผ่านสภาพคล่องทางการเงินร่วมกับการวัดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ผ่านรูปแบบลักษณะของการทำงานต่าง ๆ ที่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวและสังคมตามมาตรวัดที่ไม่เท่ากัน
บ้านแห่งความฝันของสมาชิกในครอบครัวที่ค่อย ๆ ถูกรื้อโครงสร้างออกทีละเล็กละน้อยจนกระทั่งไม่เหลือเค้าเดิมของความสมบูรณ์แบบที่ทุกตัวละครต่างถวิลหาผ่านความสัมพันธ์ที่ไม่ลงตัวในละครเวทีเรื่อง “สิ้นสมรส”
สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความสัมพันธ์เชิงอำนาจของสมาชิกในสถาบันครอบครัวในสังคมไทยร่วมสมัยที่ยังคงคุกรุ่นจากร่องรอยของอดีตที่ยังคงกระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมของพื้นที่ครัวเรือนอันเป็นสถานที่ที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมทางอัตลักษณ์ บทบาทหน้าที่ และความรู้สึกผ่านเสียงและตัวตนของผู้ด้อยกว่าที่พยายามขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าในครอบครัวอยู่เสมอ
อ่าน สิทธิเท่ากัน/รักไม่เท่าเทียม: พื้นที่อำนาจทางเพศของตัวละครในละครเวทีเรื่อง “สิ้นสมรส” (Marriage) (พ.ศ. 2568) ได้ที่ https://field-feel.com/marriage-2568
เรื่องโดย ธมลวรรณ บรรจงเกลี้ยง

ศาสตราจารย์ ดร. แทรี่ มิลเลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945 ที่เมืองโดเวอร์ มลรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เติบโตใน...
02/10/2025

ศาสตราจารย์ ดร. แทรี่ มิลเลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945 ที่เมืองโดเวอร์ มลรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เติบโตในครอบครัวที่พ่อ Max T. Miller ปลูกฝังความสนใจด้านการถ่ายภาพและการสำรวจสะพานไม้ตั้งแต่วัยเด็ก เขาเล่าว่าพ่อของเขาเริ่มถ่ายภาพสะพานไม้ตั้งแต่ปี 1953 และมักพาเขาไปด้วยตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ทำให้เขาคุ้นเคยกับงานภาพ การสำรวจสะพานไม้ (ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาขางานที่เขาทำควบคู่กับมานุษยวิทยาดนตรี)
การเข้าสู่โลกของดนตรีไทยเกิดขึ้นในช่วงที่แทรี่เข้ามาปฏิบัติงานกับกองทัพอเมริกัน เขาถูกเกณฑ์ทหารเมื่อปี 1969 และถูกส่งไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อรับใช้ชาติ ซึ่งประสบการณ์ช่วงนั้นทำให้เขาเบนเข้าสู่สายวิชามานุษยวิทยาดนตรี เนื่องจากได้ยินดนตรีเวียดนามสดๆเป็นครั้งแรกระหว่างสงคราม
แทรี่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกเมื่อ 1972 และได้เริ่มตระเวนศึกษาดนตรีไทยด้วยตนเอง โดยเฉพาะการไปใช้ชีวิตอยู่กับร้านดนตรีไทย “ดุริยบรรณ” บนถนนตะนาว ย่านบางลำพู ที่นั่นเขาได้คลุกคลี เรียนรู้เครื่องดนตรีไทย รู้จักช่างทำเครื่องดนตรี และศึกษาบรรยากาศทางวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด
ศาสตราจารย์ ดร. แทรี่ อี. มิลเลอร์ นักมานุษยวิทยาดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ และผู้บุกเบิกการศึกษาดนตรีไทยและอีสานในโลกวิชาการสากล ถึงแก่กรรมอย่างสงบเมื่อค่ำวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2025 ที่บ้านพัก เมืองเค้นท์ มลรัฐโอไฮโอ เขาคือผู้สร้างฐานความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับดนตรีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะดนตรีอีสาน–ลาวและดนตรีไทยให้มั่นคงในสถาบันการศึกษาอเมริกัน และผลักดันให้องค์ความรู้การวิจัยดนตรีนี้กระจายไปทั่วโลก
อ่าน แทรี่ อี. มิลเลอร์ นักมานุษยวิทยาดนตรีผู้บุกเบิกการศึกษาดนตรีไทยและอีสานในโลกวิชาการสากล โดย อานันท์ นาคคง
https://field-feel.com/terry-miller1945-2025

ก่อนหน้านี้ที่มีภาพยนตร์เรื่อง “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” กับเพลง “นิราศรถไฟฟ้า” เป็นตัวแทนภาพลักษณ์นำเสนอ (Representation) เพื่...
30/09/2025

ก่อนหน้านี้ที่มีภาพยนตร์เรื่อง “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” กับเพลง “นิราศรถไฟฟ้า” เป็นตัวแทนภาพลักษณ์นำเสนอ (Representation) เพื่อช่วยให้เข้าใจประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับสังคมวัฒนธรรม ดังเป็นที่รู้กันดีในหมู่นักศึกษาประวัติศาสตร์มาช้านานแล้วว่า เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านทางสังคม ในขณะเดียวกันสภาพสังคมวัฒนธรรมที่เป็นอยู่ก็มีส่วนไม่น้อยต่อภาพพจน์และความสำเร็จ (หรือล้มเหลว) ของการนำเข้าเทคโนโลยี
“รถไฟลอยฟ้า” กับ “รถไฟฟ้าใต้ดิน” เกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลจะแก้ไขปัญหาการจราจรของกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่โดยสังคมวัฒนธรรมของไทย ทำให้รถไฟแบบนี้ไม่ใช่แค่การเดินทาง หากแต่กลายเป็นหมุดหมายใหม่ของความศิวิไลซ์และรูปแบบของวิถีชีวิตสังคมเมืองหลวงแบบใหม่ รถไฟลอยฟ้ากลายเป็นปัจจัยสำคัญไม่ว่าจะในด้านที่อยู่อาศัย แหล่งช็อปปิ้ง แหล่งงาน แหล่งอาหารของกิน สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งวัฒนธรรม สถานศึกษา ฯลฯ รถไฟลอยฟ้ากลายเป็นอะไรที่มีผลปรับเปลี่ยนโฉมหน้าเมืองหลวงของประเทศไทย หลายอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ภูมิทัศน์ของกรุงเทพฯ แปลกใหม่ไปกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต
.
หลายคนมีว่า ณ ปัจจุบัน รถไฟลอยฟ้าในสังคมไทยยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่จริงหรือ? มากกว่าเทคโนโลยีก็คือวัฒนธรรม ดูเหมือนรถไฟลอยฟ้ายังคงเป็นสิ่งแปลกปลอมในสังคมไทย ต่างกันลิบกับในช่วงแรกที่เป็นความหวังของคนหนุ่มสาวสมัยใหม่ ตราบใดที่กลุ่มรัฐและทุนที่สร้างและดำเนินกิจการรถไฟลอยฟ้าไม่เข้าใจสิ่งนี้ มองแต่ในด้านวัตถุเทคโนโลยีหรือกลไกทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ตราบนั้นรถไฟลอยฟ้าจากความหวังก็อาจจะกลายเป็นแค่ “ความซวย” ของคนรุ่นใหม่ก็ได้ เราเตือนพวกท่านแล้วนะ...
อ่าน ย้อนรอยกำเนิดรถไฟฟ้า: “รถไฟฟ้า (ไม่ได้) มาหานะเธอ” & เทคโนโลยี วัฒนธรรม ความรักหนุ่มสาว และภัยพิบัติของชาวกรุงบนทางคมนาคมใหม่ ได้ที่ https://field-feel.com/electric-train-bangkok
โดย กำพล จำปาพันธ์: เรื่อง
จารุวรรณ ด้วงคำจันทร์: ภาพ

Bangkok After Dark เป็นมากกว่าชีวประวัติของนักดนตรีคนหนึ่ง หากคือบทวิเคราะห์ทางชาติพันธุ์ดนตรีการเมือง เสียง พื้นที่ไนท์...
28/09/2025

Bangkok After Dark เป็นมากกว่าชีวประวัติของนักดนตรีคนหนึ่ง หากคือบทวิเคราะห์ทางชาติพันธุ์ดนตรีการเมือง เสียง พื้นที่ไนท์ไลฟ์ในฐานะสนามการเจรจาอำนาจของโลกยุคสงครามเย็น เป็นภาพสะท้อนของกรุงเทพฯ ที่ถูกใช้เป็นเวทีโดยอำนาจต่างชาติเป็นสถานที่ที่คนอย่าง มัวริซ รอคโค ใช้ชีวิตเพื่อแสดงออกถึงความเป็นตัวเองในแบบที่ไม่มีใครให้อิสระเขาได้ที่บ้านเกิด
การทำงานของเบนจามิน เทาสิค ใน Bangkok After Dark จึงเป็นการวิเคราะห์เสียงดนตรีในฐานะร่องรอยของความไม่เท่าเทียม การโยกย้ายและอำนาจในระบบโลกสมัยใหม่
หนังสือเล่มนี้เสนอภาพของกรุงเทพฯ ไม่ใช่ในฐานะเมืองหลวงของประเทศ แต่ในฐานะจุดเชื่อมของการครอบงำทางวัฒนธรรมที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสียงเปียโนยามค่ำคืน
อ่าน “กรุงเทพฯราตรี : มัวริซ รอคโค ชีวิตกลางคืนไร้พรมแดน และสงครามเย็นในร่างมนุษย์” เขียนโดย เบนจามิน เทาสิค ฉบับพิมพ์พ.ศ. 2568 ได้ที่
https://field-feel.com/bangkok-after-dark-review
โดย อานันท์ นาคคง

ที่อยู่

ฟิลด์/ฟิล มีเดีย (Field/Feel Media Co. , Ltd)
Chiang Mai
50180

เบอร์โทรศัพท์

+66942865641

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Field - feelผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Field - feel:

แชร์

ประเภท