08/08/2025
#พิษเหมืองว้าตอนใต้ไหลลงน้ำกก: "เชียงใหม่-เชียงราย" เสียหายทางเศรษฐกิจ 1.3 พันล้านต่อปี
**เชียงใหม่ - ผลประเมินเบื้องต้นเผยวิกฤตแม่น้ำกกหลังเกิดเหตุสารพิษปนเปื้อนจากเหมืองทองคำและแรร์เอิร์ธในรัฐฉานตอนใต้ของเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการท่องเที่ยว การเกษตร และการประมงตลอดลุ่มน้ำตั้งแต่เชียงใหม่ถึงเชียงราย ด้วยมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจรวมกว่า 1.3 พันล้านบาทต่อปี**
จากรายงานของ Lanner (ลานเน้อ) สื่อออนไลน์ที่รวบรวมข้อมูลและประเมินผลกระทบ พบว่าหากแม่น้ำกกไม่สามารถใช้งานได้เลยตลอดทั้งปี ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับ 3 ภาคส่วนหลักในพื้นที่ 20 ตำบลริมแม่น้ำ
1. ภาคการท่องเที่ยว: สูญเสียรายได้กว่า 773 ล้านบาทต่อปี
ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบสูงสุด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 773.5 ล้านบาทต่อปี โดยแบ่งเป็น:
**ธุรกิจที่พัก:** โรงแรมและรีสอร์ทริมแม่น้ำกกในเชียงรายและเชียงใหม่รวมกัน 122 แห่ง สูญเสียรายได้กว่า 669 ล้านบาทต่อปี
**กิจกรรมริมน้ำ:** ธุรกิจล่องเรือ แพเปียก และขี่ช้างริมแม่น้ำกกได้รับผลกระทบ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 104 ล้านบาทต่อปี
การประเมินอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (CTRD) และการสำรวจสถานประกอบการที่อยู่ในรัศมี 3 กิโลเมตรจากแม่น้ำกก โดยพิจารณาจากอัตราการเข้าพักและสัดส่วนค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว
2. ภาคการเกษตร: สูญเสียรายได้กว่า 511 ล้านบาทต่อปี
ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบเป็นอันดับสอง ด้วยมูลค่าความเสียหายประมาณ 511.4 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากเกษตรกรไม่สามารถใช้น้ำจากแม่น้ำกกในการเพาะปลูกได้
รายงานระบุว่าพื้นที่เกษตรกรรมใน 20 ตำบลริมแม่น้ำกกที่อยู่ในโซนเสี่ยงมีทั้งหมด 131,607 ไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกข้าว (103,924 ไร่) และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (27,682 ไร่) เมื่อคำนวณจากราคาพืชผลเฉลี่ยปี 2568 ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมีมูลค่าสูงกว่า 511 ล้านบาท
3. ภาคการประมง: สูญเสียรายได้กว่า 15 ล้านบาทต่อปี
ภาคการประมงได้รับผลกระทบโดยตรงและรุนแรงที่สุดต่ออาชีพ จากการสำรวจชาวประมงในพื้นที่ 105 คน พบว่าไม่สามารถสร้างรายได้จากการจับปลาในช่วงฤดูปลาขึ้นได้เลย คิดเป็นความเสียหายรวมกว่า 15 ล้านบาทต่อปี
**สรุปมูลค่าความเสียหายรวม**
การประเมินนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าแม่น้ำกกไม่สามารถนำมาใช้งานทางเศรษฐกิจได้เลยเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลกระทบที่ชัดเจน โดยมูลค่าความเสียหายรวมจากทั้ง 3 ภาคส่วนอยู่ที่ **1,300,006,731 บาทต่อปี** ซึ่งยังไม่รวมถึงผลกระทบระยะยาว เช่น การว่างงาน การย้ายถิ่นฐาน และผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่โดยตรง
รายงานนี้มีเป้าหมายเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการตั้งคำถามต่อกลไกของภาครัฐในการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายสำคัญของภาคเหนือ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาสารพิษปนเปื้อนอย่างเร่งด่วน.
ที่มา... https://mgronline.com/local/detail/9680000075247