11/09/2025
[ เคลียร์ชัด! พรรคประชาชนเสนอนิรโทษกรรมคดีทวงคืนผืนป่ามรดก คสช. คืนความเป็นธรรมประชาชนผู้อาศัยบนที่ดินบรรพบุรุษตนเอง ไม่นิรโทษนายทุน-ผู้บุกรุกใหม่ ]
ที่ดินเป็นกระดุมเม็ดแรกของการสร้างความมั่นคงในชีวิต แต่ปัจจุบันความเหลื่อมล้ำในการครอบครองที่ดินยังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย โดยราว 80% ของที่ดินทั้งหมดกระจุกอยู่ที่คนที่รวยที่สุด 5% ขณะที่คนไทยอีกจำนวนมากไม่มีที่ดินทำกินของตัวเอง โดยในจำนวนนี้ประชาชนกว่า 1 ล้านครัวเรือน ต้องเผชิญกับปัญหารัฐประกาศเขตป่าทับที่ดินทำกิน ทำให้พวกเขากลายเป็น “ผู้บุกรุก” บนที่ดินของบรรพบุรุษของตัวเอง แม้ประมวลกฎหมายที่ดินจะกำหนดให้มีการพิสูจน์สิทธิ และที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกนโยบายอนุญาตให้อยู่อาศัยและทำประโยชน์ได้ หากแต่กระบวนการพิสูจน์สิทธิและการออกหนังสืออนุญาตกลับดำเนินการอย่างล่าช้า
ปัญหานี้ยิ่งซับซ้อนและกลายเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้น เมื่อมีคำสั่ง คสช. ที่ 64/2557 หรือที่เรารู้จักในชื่อ “นโยบายทวงคืนผืนป่า” ทำให้เกิดการจับกุมและดำเนินคดีประชาชนในข้อหาบุกรุก-ยึดถือ-ครอบครอง พื้นที่ป่า รวมกว่า 29,000 คดี ประชาชนต้องสูญเสียที่ดินและมีประวัติอาชญากรรมติดตัว กระทบต่อโอกาสต่างๆ ในการดำเนินชีวิต
ดังนั้นเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชน และ เพื่อคืนความเป็นธรรมของสิทธิในที่ดินแก่ประชาชน พรรคประชาชนโดย เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ จึงเสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแก่ราษฎรที่ถูกยึดที่ดินทำกิน ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (11 ก.ย.)
🟠สาระสำคัญของกฎหมายนี้ คือการนิรโทษกรรมหรือล้างความผิดให้แก่ประชาชนที่ถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมจากนโยบายทวงคืนผืนป่า เพื่อให้ประชาชนเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิในที่ดินตามกฎหมายหรือนโยบายของรัฐบาลที่มีอยู่
🟠คุณสมบัติของผู้ได้รับการนิรโทษกรรม ต้องเป็นผู้ยากไร้ มีรายได้น้อย และเป็นผู้ไร้ที่ดินทำกิน ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง พื้นที่ป่าไม้ถาวร สวนป่าขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ป่าสงวนแห่งชาติ วนอุทยาน อุทยานแห่งชาติ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
(1) กลุ่มผู้ที่ถือครองที่ดินมาก่อนปี 2541 และถูกดำเนินคดีระหว่างปี 2541-2559
(2) กลุ่มผู้ที่ถือครองที่ดินมาก่อนปี 2557 และถูกดำเนินคดีระหว่างปี 2557-2562
⚠️เหตุที่กำหนดจุดเริ่มต้นในปี 2541 เนื่องจากเป็นปีที่ ครม. มีมติผ่อนผันให้ผู้ที่อยู่อาศัยบนที่ดินมาก่อนรัฐประกาศเขตป่า จะไม่ถูกดำเนินดคี
⚠️ทั้งนี้ ไม่นิรโทษกรรมให้แก่นายทุน ผู้มีอิทธิพล และผู้บุกรุกใหม่หลังปี 2557
📍ดังนั้น ยืนยันว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้…
✅เพื่อคืนความเป็นธรรมแก่ประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อย ที่ถูกยึดที่ดินทำกินจากนโยบายทวงคืนผืนป่า ทั้งที่พวกเขาอยู่อาศัยบนที่ดินดังกล่าวมาก่อน หรือแม้อยู่ภายหลังแต่มีนโยบายผ่อนผันและอยู่ระหว่างดำเนินการออกหนังสืออนุญาตตามนโยบายของรัฐบาล หรือได้รับการยกเว้นตามคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 อยู่แล้ว ให้คนกลุ่มนี้หลุดพ้นจากการถูกดำเนินคดี และเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิหรือออกหนังสืออนุญาตตามกฎหมายปกติ ไม่ว่าจะเป็นการออกโฉนดสำหรับรายที่อยู่ก่อนการประกาศเป็นเขตป่า หรือการออกหนังสืออนุญาตตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) แล้วแต่กรณี
❌ส่วนกรณีที่พิสูจน์ได้ว่ามาอยู่อาศัยหลังคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 หรือเป็นนายทุน ผู้มีอิทธิพล คนต่างถิ่นที่เข้ามาใหม่ คนกลุ่มนี้จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรมแต่อย่างใด เพราะไม่ได้รับยกเว้นตามคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557
🚫กรณีพิพาทอื่นๆ ที่ **ไม่เข้าเงื่อนไข** ได้รับการนิรโทษกรรมตามกฎหมายนี้ เช่น พื้นที่เขากระโดง ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ ไม่ใช่ที่ดินตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้, กรณีนายทุนทุจริตออก ส.ป.ก., กรณีทุนไทยเทา-จีนเทาที่กว้านซื้อที่ดินในเขตป่าเพื่อปลูกทุเรียนตามที่เป็นข่าว
🟠ใครจะเป็นผู้พิจารณาการนิรโทษกรรม? :
กำหนดให้ตั้ง “คณะกรรมการ” ขึ้นมาทำหน้าที่กลั่นกรอง แบ่งเป็น 2 ชุด
(1) “คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาด” เป็นกรรมการระดับชาติ ทำหน้าที่กำกับให้ทุกภาคส่วนทำหน้าที่ตามกฎหมาย
(2) “คณะกรรมการนิรโทษกรรมจังหวัด” ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ได้รับการนิรโทษกรรม โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการ ส่วนใหญ่เป็นผู้แทนหน่วยงานราชการต่างๆ มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และ นายก อบจ. เป็นรองประธาน นอกจากนี้ยังมีอัยการ ตำรวจ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัด สำนักงานยุติธรรมจังหวัด และมีตัวแทนภาคประชาชนเป็นกรรมการ
🟠วิธีการทำงานเป็นอย่างไร? :
🔻หลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดจะรวบรวมรายชื่อประชาชนที่มีคุณสมบัติได้รับการนิรโทษกรรม ส่งให้คณะกรรมการนิรโทษกรรมจังหวัดเพื่อพิจารณากลั่นกรอง
🔻หากประชาชนคนใดถูกปัดตกและไม่เห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการนิรโทษกรรมจังหวัด สามารถยื่นอุทธรณ์ไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดได้
ทั้งนี้ กำหนดให้ต้องดำเนินการนิรโทษกรรมประชาชนให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีนับแต่วันที่กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ แต่หากไม่เสร็จหรือยังมีกรณีตกค้าง ให้อำนาจพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ที่มีคุณสมบัติได้รับการนิรโทษกรรม เป็นของอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดอุทธรณ์
ตลอดหลายปีของนโยบายทวงคืนผืนป่าที่ออกมาในยุครัฐบาลจากรัฐประหาร ได้พิสูจน์แล้วว่าการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือปราบปรามการบุกรุกป่าเพียงอย่างเดียว โดยไม่แยกแยะระหว่างผู้ที่อยู่มาก่อนกับผู้ที่บุกรุกภายหลัง ไม่สามารถยุติปัญหาการบุกรุกป่าได้จริง รังแต่จะทำให้ปัญหาบานปลายเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชน ซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำในการถือครองที่ดิน ไม่สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ได้ตามที่รัฐตั้งเป้า ไม่สามารถนำตัวผู้บุกรุก “ตัวจริง” ที่อิงแอบกับอำนาจรัฐและมีอำนาจทุนอยู่ในมือ มาลงโทษตามกฎหมายได้
พรรคประชาชนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐต้องเปลี่ยนแนวทางการแก้ปัญหา กลับมาให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิของประชาชน เร่งรัดกระบวนการพิสูจน์สิทธิอย่างจริงจัง ซึ่งการนิรโทษกรรมแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าอย่างไม่เป็นธรรม คือก้าวแรกที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นโดยเร็ว และพรรคประชาชนยินดีรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย พร้อมจับตาไม่ให้มีการสอดไส้เอื้อนายทุนในชั้นกรรมาธิการ