ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.

ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ. ภาพ/ข่าว/ข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ

เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้สนใจทั่วไป

รมว.นฤมล ยืนยันเดินหน้าโครงการ Connext ED ย้ำ ศธ. ไม่อาจยืนเดี่ยว พร้อมสานต่อพันธกิจของการศึกษาชาติ ร่วมกับภาครัฐและภาคี...
19/09/2025

รมว.นฤมล ยืนยันเดินหน้าโครงการ Connext ED ย้ำ ศธ. ไม่อาจยืนเดี่ยว พร้อมสานต่อพันธกิจของการศึกษาชาติ ร่วมกับภาครัฐและภาคีเครือข่ายภาคเอกชน

กระทรวงศึกษาธิการ – เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) หารือร่วมกับผู้แทนมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี เพื่อรับทราบแผนยุทธศาสตร์ของมูลนิธิและผลการดำเนินงานจนถึงปัจจุบัน โดยมีนายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนางสาวเนตรชนก วิภาตะศิลปิน กรรมการและเลขานุการมูลนิธิฯ และคณะ เข้าร่วม ณ ห้องวชิราวุธ กระทรวงศึกษาธิการ

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ตนรับทราบว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กับมูลนิธิฯ มีการดำเนินการร่วมกันมาหลายปีแล้ว โดยมีพลเอก ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ซึ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านดาวพงษ์ เกี่ยวกับการดำเนินงานของมูลนิธิอยู่บ้าง และในส่วนที่ว่า ศธ. จะสนับสนุนมูลนิธิในทางใดนั้น คงจะตอบได้ว่า ศธ. คงไม่สามารถยืนเดี่ยว เป็นหน่วยงานเดียวที่จะกำหนดทิศทางนโยบายการศึกษาชาติได้ ต้องรับฟังความเห็นจากภาคีเครือข่าย ในการวางรากฐานอนาคตการศึกษาชาติ เปิดโอกาสให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะภาคเอกชนและประชาสังคม ได้มีส่วนร่วมในการเติมเต็มการขับเคลื่อนด้านการศึกษาของชาติ

ศ.ดร.นฤมล กล่าวย้ำว่า ถึงแม้ว่าผู้บริหาร ศธ. จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่ขอให้เชื่อมั่นว่า ตนได้ฝากไปยังผู้บริหารทีมเดิม โดยเฉพาะทีม สพฐ. และ สกศ. ให้ร่วมกันต่อยอดการดำเนินการ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ รับทราบว่าในอนาคต มูลนิธิ Connext ED โดยภาคีเครือข่ายทั้ง 59 หน่วยงาน มีแผนจะขยายผลการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและการบริหารจัดการสถานศึกษา School management system จาก 7,000 โรงเรียนเครือข่าย ให้ครอบคลุม 30,000 แห่งทั่วประเทศ โดยในเรื่องดังกล่าวจำต้องได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในการเป็นสื่อกลางการดำเนินการ ซึ่งทาง สพฐ. ยินดีที่จะให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการจัดทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับมูลนิธิฯ ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเป็นหลักประกันสำหรับความร่วมมือระหว่าง สพฐ. กับมูลนิธิ Connext ED ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

พิชญ์พิศุทธ์ ทิมวัฒน์: สรุป
นวรัตน์ รามสูต: เรียบเรียง
ทิพย์สุดา ศรีษะแก้ว: ถ่ายภาพ/กราฟิก
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ.: รายงาน
19/9/2568

“รมว.นฤมล” จูงมือ ศธ. เดินหน้าทุน ODOS รุ่นที่ 2 ชี้การศึกษาคือโอกาส ย้ำความสำเร็จโครงการมาจากการที่เด็กนำความรู้กลับมาพ...
19/09/2025

“รมว.นฤมล” จูงมือ ศธ. เดินหน้าทุน ODOS รุ่นที่ 2 ชี้การศึกษาคือโอกาส ย้ำความสำเร็จโครงการมาจากการที่เด็กนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศ

กระทรวงศึกษาธิการ - เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 เวลา 9.00 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงสถานศึกษารับสมัครนักเรียนและนักศึกษา เข้าร่วมโครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ (Outstanding Development Opportunity Scholarship: ODOS) ระดับมัยธมศึกษาปีที่ 5 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 2 (รุ่นที่ 2) ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และผ่านระบบออนไลน์ Teleconference

ศ.ดร.นฤมล กล่าวขอบคุณกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พร้อมกล่าวว่าโครงการดังกล่าว เป็นโอกาสที่ดีมากของน้อง ๆ นักเรียนที่มีครอบครัวยากจน ในการได้รับทุนการศึกษา ทำให้น้อง ๆ มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่ดีขึ้น มีอาชีพและรายได้ที่ดีขึ้น ตนเองก็มาจากครอบครัวที่ยากจนมาก่อน จึงเห็นว่าความยากจนก็มีข้อดีที่ทำให้เราเกิดแรงผลักดันและเกิดความพยายามมากกว่าคนอื่น ต้องตั้งใจเรียนเพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่สูงขึ้น
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ในอนาคตตนไม่อยากให้คัดเลือกเด็กยากจนที่ได้รับทุนแบบ One site fits all คือมีการจำกัดเพดานรายได้ของพ่อแม่เด็กนักเรียน ที่จะมาเป็นเกณฑ์วัดความยากจนแบบเดียวกันทั่วประเทศ เพราะตนเห็นว่ารายได้ไม่สามารถวัดความยากจนระหว่างเด็กที่อาศัยอยู่ในเมืองกับอาศัยอยู่ในชนบทได้ชัดเจน เพราะเด็กในเมืองมักเผชิญกับสภาวะค่าครองชีพที่สูงกว่า และถึงแม้ว่ารายได้ของพ่อแม่รวมกันอาจจะเกินเพดานความยากจน หลายครอบครัวก็ยังคงเผชิญกับความยากลำบากทางการเงิน ซึ่งไม่อาจจะข้ามเส้นความยากจนได้ เลยอยากให้น้อง ๆ ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงทุนการศึกษาในโครงการอย่างเท่าเทียมกัน

ศ.ดร.นฤมล กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ตนอยากมีการเปิดรับสมัครทุนการศึกษาในสาขาวิชาที่หลากหลายขึ้น โดยปัจจุบันโครงการได้เปิดรับสมัครทุนการศึกษาในรายวิชา STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์) ซึ่งเป็นทักษะที่เป็นฮาร์ดสกิล (Hard skill) และมีความจำเป็น แต่ตนอยากให้มีการจัดสรรสัดส่วนทุนในสาขาวิชาอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิ ศิลปะ กีฬา จิตวิทยา และสังคม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ ในแง่ของซอฟท์สกิล (Soft Skill) โดยเชื่อว่าเด็กมีความเก่งได้หลายรูปแบบ จึงอยากให้คำนึงถึงตรงนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นน้อง ๆ ที่มีความความสามารถทางด้านซอฟท์สกิล ก็จะขาดโอกาสและทำให้เกิดความลำบากในการหาเลี้ยงชีพหรือเข้าถึงการศึกษาในอนาคตได้

นอกจากนี้ อยากให้มีการติดตามนักเรียนที่ได้รับทุนว่า เมื่อกลับมาแล้ว สามารถเรียนต่อ มีงานทำตรงตามสาขาที่เรียน และสามารถนำความรู้มาพัฒนาประเทศได้มากน้อยเพียงใด เพราะว่าบางคนที่กลับมาแล้ว อาจจะสมัครงานที่ไม่ตรงตามสาขาของทุน ซึ่งตนมองว่าเป็น “ช้างเผือก” ที่เก่ง แต่ไม่มีโอกาสในการต่อยอดความรู้หรือทำงานที่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรียนมา หรือได้แสดงศักยภาพของตนอย่างแท้จริง ทำให้ไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการได้ จึงอยากให้มีการวาง Road map ในส่วนนี้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง
“ขอเป็นกำลังใจให้ผู้บริหารโครงการ โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ และนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาทุกคน ทั้งในแง่ของการเรียนและการใช้ชีวิต โดยขอให้นำความความรู้ที่ได้รับมาต่อยอดในการศึกษาต่อและการทำงานที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเอง สังคม และประเทศ” รมว.ศธ. กล่าวทิ้งท้าย

การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับสมัครนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 และนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 2 รุ่นที่ 2 ตามโครงการ ODOS ซึ่งปีนี้เปิดรับสมัครทุนในสาย STEM ระหว่างวันที่ 19 กันยายน - 10 ตุลาคมนี้ ผ่านเว็บไซต์ https://scholarshipreg.eef.or.th/
ทั้งนี้ โครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาส และพัฒนาประเทศ (Outstanding Development Opportunity Scholarship: ODOS) เป็นโครงการที่ส่งเสริมให้นักเรียน และนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือขาดแคลนโอกาส แต่มีผลการเรียนและความประพฤติดีได้ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ รวมทั้งสร้างโอกาสในการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นความร่วมมือระหว่าง กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)

พิชญ์พิศุทธ์ ทิมวัฒน์: สรุป
นวรัตน์ รามสูต: เรียบเรียง
ฤทธิเกียรติ์ ยศประสงค์: ถ่ายภาพ/กราฟิก
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ.: รายงาน
19/9/2568

เริ่มแล้ว "ทปษ.บุญสิงห์" นั่งหัวโต๊ะประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สภาครูฯ-คำสั่ง คสช. นัดแรก วางแนวทางประชุมทุกพุธ...
18/09/2025

เริ่มแล้ว "ทปษ.บุญสิงห์" นั่งหัวโต๊ะประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สภาครูฯ-คำสั่ง คสช. นัดแรก วางแนวทางประชุมทุกพุธ-แปรญัตติ 15 วัน

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 เวลา 13.30 น. ในการประชุมประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ครั้งที่ 1 ซึ่งถือเป็นนัดแรก โดยมีคณะกรรมาธิการเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ณ ห้อง N408 อาคารรัฐสภา (ฝั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) โดยที่ประชุมได้มีมติให้ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ หลังจากนั้นได้มีการหารือร่วมกันถึงแนวทางการดำเนินงานพิจารณาร่าง พ.ร.บ. 2 กลุ่ม รวม 13 ฉบับ ได้แก่
- กลุ่มที่ 1 ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2560 รวม 5 ฉบับ
- กลุ่มที่ 2 ร่าง พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 11/2561 ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2558 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 17/2560 รวม 8 ฉบับ

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินงาน โดยให้มีการประชุมในทุกวันพุธ ตั้งแต่เวลา 09.30 น - 12.00 น. และจะพิจารณากฎหมายให้แล้วเสร็จทีละกลุ่มกฎหมาย เริ่มจากกฎหมายกลุ่มที่ 1 ก่อน รวมทั้งกำหนดแปรญัตติ 15 วัน ด้วย

ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมาธิการ: ภาพ
กลุ่มการเมือง สร.: ข้อมูล
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.: รายงาน

“รมว.นฤมล” นำ ศธ.ร่วมมือ OECD มุ่งพัฒนาทักษะคนไทย สร้างแรงงานคุณภาพ ตอบสนองตลาดโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG พร้อมเป็นต้นแบ...
17/09/2025

“รมว.นฤมล” นำ ศธ.ร่วมมือ OECD มุ่งพัฒนาทักษะคนไทย สร้างแรงงานคุณภาพ ตอบสนองตลาดโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG พร้อมเป็นต้นแบบมาตรฐานอาเซียน

โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ - เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 เวลา 9.30 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาเปิดตัวรายงานโครงการ Developing Skills Strategy in Thailand ภายใต้โครงการ Country Programme ระยะที่ 2 ระหว่างรัฐบาลไทยกับ The Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) ผ่านการวิจัยเอกสารและการมีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในหลายเวิร์กช็อปในช่วงเวลา 19 เดือน (ปี 2566 - 2568) ประกอบด้วย ข้อเสนอแนะจำนวน 20 ข้อ ครอบคลุม 3 ประเด็นสำคัญ สำหรับใช้เป็นแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ด้านนโยบายสำหรับประเทศไทย

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า จากการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ความก้าวหน้าของ AI ที่พลิกโฉมรูปแบบการทำงานในแทบทุกสาขาอาชีพ การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมประชากรสูงวัยที่สร้างแรงกดดันต่อระบบการจ้างงาน และภัยคุกคามจากโรคภัยและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลไทยโดยกระทรวงศึกษาธิการจึงได้มุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และทักษะในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ทักษะดิจิทัล ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน และความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเชื่อว่าการการศึกษาจะไม่ใช่เพียงกลไกการผลิตบัณฑิต แต่เป็นเครื่องมือในการสร้างพลเมืองที่พร้อมเผชิญความเปลี่ยนแปลงและเป็นกำลังหลักของการพัฒนาประเทศได้ และด้วยการตระหนักดีว่าการพัฒนาทักษะและทรัพยากรมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศประเทศหนึ่ง แต่เป็นภารกิจร่วมของประชาคมโลก การดำเนินโครงการดังกล่าวจึงเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 4 ว่าด้วยการจัดการการศึกษาที่มีคุณภาพ และเป้าหมายที่ 8 ว่าด้วยงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในส่วนมิติของการพัฒนาเศรษฐกิจ รัฐบาลไทยยังได้ขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG – Bio, Circular, Green Economy ซึ่งมุ่งสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม การพัฒนาทักษะของคนไทยให้รองรับ BCG Economy จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านเกษตรสมัยใหม่ อุตสาหกรรมสีเขียว พลังงานสะอาด หรือบริการสร้างสรรค์ที่ใช้ฐานความรู้และนวัตกรรม โครงการนี้ช่วยให้ประเทศไทยได้รับการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านทักษะและสมรรถนะของกำลังคนในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนได้รับข้อเสนอเชิงนโยบายที่จะเป็นฐานสำคัญ ในการออกแบบมาตรการที่จะตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานทั้งภายในประเทศและระดับนานาชาติ

“รายงานนี้จะเป็นชุดทักษะ (Skill set) ที่เหมาะสำหรับโลกยุคใหม่ ที่เราต้องปรับเปลี่ยนให้กับประชาชนคนไทย ตั้งแต่วัยประถม อาชีวศึกษา จนถึงวัยทำงาน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ โดย สอศ. ได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในรูปแบบทวิภาคี ที่พัฒนาทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานอยู่แล้ว และจะนำข้อเสนอแนะของ OECD มาประยุกต์ในการเรียนการสอน และการพัฒนาทักษะแรงงานไทยในทุกระดับ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทุกมิติ” ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้าย

นายแอนดรูว์ เบลล์ รองผู้อำนวยการศูนย์ OECD เพื่อการพัฒนาทักษะ (OECD Centre for Skills) กล่าวเพิ่มเติมว่า OECD เห็นถึงศักยภาพด้านทักษะแรงงานของเยาวชนและประชาชนไทย จึงอยากพัฒนาส่วนนี้ ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ โดย OECD ยินดีที่จะช่วยสนับสนุนประเทศไทย ในการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่ไทยเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน

การจัดการประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อรายงานผลการดำเนินโครงการ Developing Skills Strategy in Thailand โดยสร้างการรับรู้ต่อสาธารณชน เกี่ยวกับการเสริมสร้างระบบทักษะแห่งประเทศไทย นำเสนอการประเมินจุดแข็งและความท้าทาย และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศ รวมถึงการเปิดโอกาสให้ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา องค์กรระหว่างประเทศ ได้แลกเปลี่ยนมุมมองต่อแนวทางการพัฒนาทักษะของแรงงานไทย ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและเทคโนโลยีโลก และกำหนดแนวทางความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการไทย รับข้อเสนอโครงการ Developing Skills Strategy in Thailand ภายใต้สาขาความร่วมมือด้านการสร้างสังคมที่ครอบคลุมและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะในสาขาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการไทยได้ให้การรับรองข้อเสนอโครงการดังกล่าว และมีหน่วยงานเจ้าภาพร่วม ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานปลัดกระทรวง (สป.) และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สป.อว.)

พิชญ์พิศุทธ์ ทิมวัฒน์: สรุป
นวรัตน์ รามสูต: เรียบเรียง
ทิพย์สุดา ศรีษะแก้ว: ถ่ายภาพ/กราฟิก
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี:คลิป
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ.: รายงาน
17/9/2568

“รมว.นฤมล“ ชื่นชม ขรก.ศธ.เกษียณอายุ ยกย่องผลงาน ขอบคุณที่สร้างคุณูปการแก่การศึกษาไทย พร้อม เชิญชวนกลับมาช่วยงานในอนาคตหอ...
15/09/2025

“รมว.นฤมล“ ชื่นชม ขรก.ศธ.เกษียณอายุ ยกย่องผลงาน ขอบคุณที่สร้างคุณูปการแก่การศึกษาไทย พร้อม เชิญชวนกลับมาช่วยงานในอนาคต

หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ - เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 เวลา 13.00 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ประธานในพิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้เกษียณอายุราชการ ของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี 2568 โดยมีนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วม

โดย ศ.ดร.นฤมล ได้กล่าวแสดงมุทิตาจิตแด่ผู้เกษียณอายุราชการฯ ตอนหนึ่งว่า อาจารย์เชื่อว่าทุกท่านได้สร้างผลงานที่นับเป็นความสำเร็จ ในแต่ละงานของหน่วยงานที่เข้าไปรับผิดชอบ มาอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงชีวิตในการรับราชการที่กระทรวงศึกษาธิการ และคงมีเรื่องที่น่าจดจำและมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป แต่อย่างไรเสีย เมื่อห้วงเวลานี้ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย ที่จะต้องเกษียณอายุราชการในอายุ 60 ปี อาจารย์เชื่อว่าทุกท่านที่มีศักยภาพ มีกำลังวังชาและมีเวลามากพอ ก็คงจะกลับมาช่วยงานกระทรวงศึกษาธิการ เพราะคณะกรรมการ คณะทำงานต่าง ๆ จะมีองค์ประกอบของผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นอดีตข้าราชการของกระทรวงศึกษา ที่นำความรู้และประสบการณ์ที่มีในช่วงที่รับราชการ มาช่วยให้คำแนะนำในการดำเนินงานของสำนักงาน องค์กรในกำกับ และหน่วยงานต่างๆ

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านจะไม่ได้ไปแล้วไปเลย คงจะไม่ได้จากกันไปอย่างถาวร ถ้ามีโอกาสก็หวังว่า จะกลับมาช่วยสนับสนุนงานของกระทรวงศึกษาธิการ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจงานการศึกษาอย่างลึกซึ้ง ทั้งในระดับปฏิบัติและระดับบริหาร ส่วนท่านที่มีความต้องการจะพักผ่อนหลังจากเกษียณฯ คงจะต้องปรับโหมดชีวิตกันใหม่ แต่ถึงอย่างไร ก็ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จทุกอย่างที่มุ่งหวัง ทั้งในเรื่องของครอบครัว เรื่องสุขภาพ ขอให้หมั่นดูแลรักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร เพื่ออายุที่ยืนยาว ตามวิวัฒนาการของการแพทย์ประเทศเรา เชื่อว่าน่าจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ได้ถึง 90 ปี และขอขอบคุณทุกท่าน แม้ว่าอาจารย์จะมาอยู่ทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการเพียง 2 เดือน ก็รับรู้ได้ว่าทุกท่านที่อยู่มาถึง 30 - 40 ปี ได้สร้างคุณูปการมากมายแก่กระทรวงศึกษาและการศึกษาไทย ขอให้ทุกท่านภาคภูมิใจในผลงานที่สร้างไว้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย พวกเราชาวกระทรวงศึกษาธิการขอแสดงความชื่นชมท่านเสมอตลอดไป ขอบคุณค่ะ” ศ.ดร.นฤมล กล่าว

จากนั้น ศ.ดร.นฤมล ได้มอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้เกษียณอายุราชการ (ส่วนกลาง) ของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี 2568 จำนวนกว่า 50 ราย พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน

นวรัตน์ รามสูต: สรุป/เรียบเรียง/กราฟิก
ฤทธิเกียรติ์ ยศประสงค์: ถ่ายภาพ
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ.: รายงาน
15/9/2568

“รมว.นฤมล” เปิดเวทีสัมมนา “พ.ร.บ.การศึกษาฯ ”หวังสภาฯ ชุดนี้ปลดล็อกสำเร็จ ย้ำ ไม่ใช้การศึกษาเป็นเป้าหมายทางการเมือง พร้อม...
15/09/2025

“รมว.นฤมล” เปิดเวทีสัมมนา “พ.ร.บ.การศึกษาฯ ”หวังสภาฯ ชุดนี้ปลดล็อกสำเร็จ ย้ำ ไม่ใช้การศึกษาเป็นเป้าหมายทางการเมือง พร้อมขอ ขรก.ร่วมมือพัฒนาการศึกษาไทย

โรงแรมรอยัล ริเวอร์ กรุงเทพมหานคร - เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 เวลา 9.00 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดและบรรยายพิเศษ เรื่อง "ทิศทาง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับ พ.ศ. ... และการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาแห่งชาติสู่การปฏิบัติในระดับเขตพื้นที่การศึกษา" จัดโดย สมาคมผู้ปริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน (แห่งประเทศไทย) โดยมีผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ผู้อํานวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รองผู้อํานวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ คณะทำงาน เข้าร่วม ณ ภาณุรังษีบอลล์รูม

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เราได้มาพบกันครบทั้ง 245 เขตทั่วประเทศ หลายรัฐบาลพยายามที่จะผลักดัน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เข้าสู่สภาฯ เพื่อจะได้ปรับปรุงให้ทันต่อเหตุการณ์ รวมถึงอีกหลายจุดในพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับปัจจุบันยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาภาคการศึกษาของไทย และยังไม่เอื้อที่จะช่วยให้เกิดการลดความเหลื่อมล้ำของการศึกษาทั่วประเทศไทยได้ เราจึงอยากจะให้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับที่เรากำลังผลักดันเข้าสู่สภาฯ สามารถปิดช่องว่างเหล่านั้นได้หมด ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อจะนำเข้าสภาฯ ก็จะเกิดการยุบสภาทุกรอบ แต่หวังว่าครั้งนี้จะไม่เป็นเช่นนั้น

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ จะมีทั้งหมด 7 ร่าง 1 ในนั้นจะเป็นร่างของกระทรวงศึกษา ส่วนอีก 6 ร่างจะเป็นของพรรคการเมือง และกลุ่มต่างๆ ที่นำเสนอมา สำหรับขั้นตอนการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น ขณะนี้อยู่ที่การพิจารณาให้ความเห็นจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่งตนได้ประสานไปยังปลัดกระทรวงการคลังเพื่อให้ช่วยเร่งรัดการดำเนินการให้แล้ว โดยเราขอให้ พ.ร.บ.การศึกษาฯ ได้เข้าสภาฯในชุดปัจจุบัน อย่าให้มันเป็นอาถรรพ์เหมือนกับทุกชุด

“อาจารย์พูดกับผู้บริหารกระทรวง และข้าราชการประจำมาเสมอว่า ภาคการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ถ้าจะมาทำงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ต้องทำงานกับข้าราชการประจำ และข้าราชการประจำก็ต้องยืนหยัดบนหลักการว่า ท่านจะทำงานเพื่อภาคการศึกษาอย่างแท้จริง อาจารย์ไม่อยากให้เอาการศึกษาไปใช้เป็นเครื่องมือที่จะทำเป้าหมายทางการเมือง เช่นเดียวกับพรรคกล้าธรรม(กธ.)ที่เราเข้ามาดูแลกระทรวงศึกษา เราก็จะไม่ใช้การศึกษาเพื่อเป้าหมายทางการเมือง แต่เรามาเพื่อที่จะทำให้ภาคการศึกษาดีขึ้นจริง ๆ อาจารย์ก็หวังว่า พวกเราก็จะยึดหลักการเดียวกัน”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อด้วยว่า ในช่วงบ่ายของการสัมมนาในวันนี้ ขอให้ทุกคนใช้เวลาให้เต็มที่ในการที่จะสะท้อนสิ่งที่ท่านอยากจะให้คณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ที่จะมี สส.มาพูดคุยกับเรา เราต้องให้เขาเข้าใจและมาเป็นแนวร่วมเดียวกับเราในการที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ไข พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ สำเร็จให้ได้ในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน

จากนั้น ศ.ดร.นฤมล ได้มอบโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติเพื่อเป็นการสดุดีคุณงามความดีและเป็นเกียรติประวัติแก่บุคลากรปฏิบัติหน้าที่ทางด้านการศึกษา จำนวน 52 คนและมอบโล่ประกาศกิตติคุณให้แก่คณะกรรมการสมาคมผู้บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานในการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษา จำนวน 37 คน

ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ พิจารณา รับวาระร่างพระราชบัญญัติยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา การยกเลิกคำสั่ง คสช. แล้ว จะนำไปสู่การพิจารณาถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะไปชดเชยสำหรับคำสั่ง คสช. ที่ยกเลิกไป ส่วนหลัก ๆ ที่ทางผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เสนอเข้าไปก็พยายามจะให้มีส่วนของผู้ที่มีส่วนได้เสียเข้าไปอยู่ในองค์ประกอบมากกว่าที่เป็นอยู่ใน คำสั่ง ของ คสช. เช่น จะมีตัวแทนจากครู ตัวแทนที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าไปกำหนดทิศทางการบริหารจัดการบุคลากรทางการศึกษา ขั้นตอนต่อไปก็จะอยู่ในชั้นกรรมาธิการที่จะมีการพิจารณา

การประชุมสัมมนาวิชาการเรื่อง "ทิศทาง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับ พ.ศ. ... และการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาแห่งชาติสู่การปฏิบัติในระดับเขตพื้นที่การศึกษา" มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เช้าร่วมประชุมได้สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาระสำคัญ ทิศทาง และการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับ พ.ศ. ที่เกี่ยวช้องกับการบริหารการศึกษาในทุกระดับ ผู้บริหารการศึกษาและบุคลากรที่เกี่ยวช้อง สามารถเชื่อมโยงกฎหมายและนโยบายการศึกษาแห่งชาติไปสู่การกำหนดยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการในระดับเขตพื้นที่การศึกษาได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนําเสนอแนวปฏิบัติ (Best practices) ในการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาแห่งชาติสู่การปฏิบัติจริงในสำนักงานเขตพื้นที่และสถานศึกษา โดยมีผู้อํานวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รองผู้อํานวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ คณะทำงาน และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมกว่า 1,000 คน

นวรัตน์ รามสูต: สรุป/เรียบเรียง/กราฟิก
ฤทธิเกียรติ์ ยศประสงค์: ถ่ายภาพ
กิตติกร แซ่หมู่: คลิป
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ.: รายงาน
15/9/2568

เลขาฯตติยภัทร์ เลขานุการ รมช.ศึกษาธิการ ย้ำ สกร. เร่งพัฒนาหลักสูตรเพื่อป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ ให้ผู้เรียนทุกกลุ่มเข้าถึ...
11/09/2025

เลขาฯตติยภัทร์ เลขานุการ รมช.ศึกษาธิการ ย้ำ สกร. เร่งพัฒนาหลักสูตรเพื่อป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ ให้ผู้เรียนทุกกลุ่มเข้าถึงเป็นวิชาพื้นฐานที่คนไทยทุกคนต้องรู้

นายตติยภัทร์ ปิติเศรษฐพันธุ์ เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เผยว่าก่อนหน้านี้ได้เชิญผู้บริหารและบุคลากรด้านพัฒนาหลักสูตรของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เพื่อหารือและเร่งการพัฒนาหลักสูตรอบรมเพื่อป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ให้กับผู้เรียนของ สกร. เนื่องจากพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 จนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียหายจากอาชญากรรมออนไลน์ในไทยกว่า 229,148 คดี มูลค่าความเสียหายรวมสูงถึง 19,917 ล้านบาท สะท้อนถึงปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ที่ยังคงรุนแรงและสร้างความสูญเสียต่อสังคมไทย และส่วนมากพบผู้เสียหายเป็นกลุ่มผู้สูงวัยที่เป็นเหยื่อของกลุ่มอาชญากร

“ก่อนหน้านี้ รมช.ลิณธิภรณ์ได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้กับ สกร. สะท้อนว่าคนไทยทุกคนต้องเรียนและเข้าใจถึงวิธีการตรวจสอบและป้องกันภัยด้วยตนเองมากกว่าอดีต การส่งเสริมของ สกร. จะต้องทำให้เรื่องนี้เป็นวิชาพื้นฐานของทุกคน ภาคการศึกษาต้องเป็นส่วนสำคัญในการลดปัญหาตรงนี้ร่วมกับการขับเคลื่อนในภาคส่วนอื่นๆ” ตติยภัทร์กล่าว

(ที่มาของข้อมูลสถิติ : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ)

12 รร.เฉลิมพระเกียรติฯ จัดเวทีร่วมรับฟังปัญหา-อุปสรรค พร้อมส่งต่อข้อเรียกร้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเมื่อวันที่ 9 กันยายน ...
10/09/2025

12 รร.เฉลิมพระเกียรติฯ จัดเวทีร่วมรับฟังปัญหา-อุปสรรค พร้อมส่งต่อข้อเรียกร้องเพื่อขอรับการสนับสนุน

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 เวลา 13.00 น. นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารเครือข่ายโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทั้ง 12 โรงเรียนทั่วประเทศ ณ โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว กล่าวตอนหนึ่งว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการรับฟังข้อเสนอและข้อพิจารณาจากเครือข่ายโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ ทั้ง 12 โรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้สามารถผลักดันแนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินงานได้ทันท่วงที อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการศึกษา และสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการแก่ผู้เรียน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนและส่งเสริมโรงเรียนในเครือข่ายเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้ก้าวสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติ

“เด็กนักเรียนคืออนาคตของชาติ การมีสถานศึกษาที่พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ จะทำให้เด็กเติบโตเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีของประเทศ ดิฉันได้รับทราบข้อเสนอจากทุกโรงเรียน และจะเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม” นางสาวอนงค์นาถ กล่าว

ทั้งนี้ โรงเรียนทั้ง 12 แห่งได้เสนอประเด็นสำคัญที่ต้องการการสนับสนุน ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา และปัญหาเชิงโครงสร้างที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของโรงเรียน โดยเฉพาะด้านงบประมาณ บุคลากร สื่อการเรียนการสอน และโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ

’บุญสิงห์‘ ถก สพฐ.วางแผนปรับโฉมกลุ่ม รร.เฉลิมพระเกียรติฯ สังกัด สพฐ.กระทรวงศึกษาธิการ - เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 นายบุ...
09/09/2025

’บุญสิงห์‘ ถก สพฐ.วางแผนปรับโฉมกลุ่ม รร.เฉลิมพระเกียรติฯ สังกัด สพฐ.

กระทรวงศึกษาธิการ - เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ที่ปรึกษา รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้ประชุมร่วมกับนายพิเชษฐ์ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) พร้อมด้วย นางภัทริยาวรรณ พันธ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนแก้ปัญหากลุ่มโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)

นายบุญสิงห์ กล่าวว่า จากสภาพการดำเนินการของกลุ่มโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งจัดตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและน้อมถวายราชสักการะ แด่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แต่ต่อมาได้รับมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรบพระราชทานชื่อโรงเรียนใหม่ว่า "โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์" และตามด้วยจังหวัดที่ตั้งของโรงเรียนสำหรับในเขตการศึกษา 12 เขตการศึกษาของกรมสามัญ ประกอบด้วย โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์กาญจนบุรี โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์กำแพงเพชร โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์นครศรีธรรมราช โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์พะเยา โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ภูเก็ต โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ยะลา
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ระยอง โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ลพบุรี โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ศรีสะเกษ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์สมุทรสาคร โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์หนองบัวลำภู จัดการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 เพื่อเป็นการสำนักในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และขยายโอกาสทางการสึกษาให้แก่นักเรียน นอกจากนี้ โรงเรียนในเครือข่ายยังมุ่มพัฒนาและยกระดับศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาแย่างต่อเนื่อง

ที่ปรึกษา รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้สภาพการดำเนินการที่ผ่านมาพบว่า ปัญหาของกลุ่มโรงเรียนคือเรื่อง เกณฑ์อัตรากำลัง จำนวนบุคลากรลดลง งบประมาณสนับสนุนหมวดค่าใช้จ่ายรายหัว งบประมาณการดูแลอาคารเรียนและอาคารประกอบการ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าเกิดจากนโยบายและการจัดสรรทรัพยากร ที่ พิจารณาจากภาระงานจริง และความต้องการเชิงบริบท ไม่เน้นการปูพรม ที่ได้จัดสรรงบประมาณ ดังนั้นตนจึงหารือร่วมกับผู้บริหาร สพฐ.วางแนวทางการแก้ปัญหา การมีส่วนร่วมกับองค์กรภายนอก เครือข่ายด้านการศึกษา องค์กรเอกชน เพื่อเป็นนโยบายจากครู สู่ผู้เรียนอย่างแท้จริง

“รมว.นฤมล” ปฐมนิเทศนักศึกษาทุนจีน ชี้ นศ.ทุกคนคือเมล็ดพันธุ์พัฒนาประเทศ ขอให้เรียนรู้เทคโนโลยีนวัตกรรม เพื่อนำกลับมาพัฒน...
08/09/2025

“รมว.นฤมล” ปฐมนิเทศนักศึกษาทุนจีน ชี้ นศ.ทุกคนคือเมล็ดพันธุ์พัฒนาประเทศ ขอให้เรียนรู้เทคโนโลยีนวัตกรรม เพื่อนำกลับมาพัฒนาประเทศ

โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ มหานาค กรุงเทพฯ - เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดโครงการปฐมนิเทศนักศึกษาทุนสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี Ms. Xu Lan อุปทูตที่ปรึกษาฝ่ายการศึกษา สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตลอดจนผู้บริหารจาก Nanjing Vocational College of Information Technology และ Liuzhou Polytechnic University ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูอาจารย์ และนักเรียนนักศึกษา เข้าร่วม

ศ.ดร.นฤมล ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนักศึกษาไทยที่ได้รับทุนศึกษาต่อในประเทศจีนทั้ง 165 คน และมีคณะครูอาชีวะอีก 25 คน ร่วมเดินทางไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือด้านการศึกษาและอาชีวะระหว่างไทยกับจีน พร้อมกล่าวว่า โอกาสที่ได้รับครั้งนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและไม่ใช่ทุกคนจะได้มา ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนผ่านการคัดเลือกเพราะมีศักยภาพและความพร้อม จึงอยากให้ใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ปีนี้เป็นปีที่ครบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการไทยจีนอย่างเป็นทางการ แต่จริงๆ แล้วไทยกับจีนมีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนาน หลายครอบครัวชาวไทยมีเชื้อสายจีน และยังคงสืบทอดภาษาและประเพณีมาจนถึงปัจจุบัน ในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงโรงงานของโลก แต่เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก จึงหวังว่าพวกเราที่มีโอกาสในการเดินทางไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีนครั้งนี้ ได้ใช้โอกาสเรียนรู้แนวคิดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากจีน และกลับมาทำประโยชน์ให้แก่อุตสาหกรรมไทยได้ด้วย

“นักศึกษาทุกคนคือเมล็ดพันธุ์สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยในอนาคต จึงอยากให้ตั้งเป้าหมายใหญ่ ฝันให้ไกล และใช้โอกาสนี้เป็นแรงบันดาลใจเพื่อนำมาสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับสังคมไทย โครงการนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย ไทยได้บุคลากรที่มีศักยภาพ ขณะที่จีนก็ได้ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และเมื่อทุกคนกลับมา เราจะเห็นการพัฒนาประเทศไทยด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ที่ได้รับประสบการณ์ตรงจากประเทศที่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของโลก” ศ.ดร.นฤมล กล่าว

นายยศพล เวณุโกเศศ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการปฐมนิเทศนักศึกษาทุนสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่นักเรียนนักศึกษาไทยที่จะเดินทางไปศึกษาต่อ แลกเปลี่ยน และฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับการเสริมทักษะด้านภาษาและวิชาชีพ ควบคู่กับการสร้างความเข้าใจด้านวัฒนธรรม กฎระเบียบ มารยาทสังคม และบริบทการดำเนินชีวิตในประเทศจีน เพื่อให้นักศึกษาสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม ตระหนักถึงบทบาทของตนในฐานะผู้แทนเยาวชนไทย และสร้างทัศนคติที่ดีต่อการทำงานในต่างประเทศ โดยเป้าหมายของโครงการครั้งนี้ ประกอบด้วย ครู และนักเรียน นักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษา แลกเปลี่ยน และฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนักศึกษาทั้งหมดมีกำหนดการเดินทางเข้ารับทุนการศึกษา แลกเปลี่ยน และฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในเดือนกันยายนนี้

พิชญ์พิศุทธ์ ทิมวัฒน์: สรุป/กราฟิก
นวรัตน์ รามสูต: เรียบเรียง
ทิพย์สุดา ศรีษะแก้ว: ถ่ายภาพ
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ.: รายงาน
8/9/2568

นายตติยภัทร์ ปิติเศรษฐพันธุ์ เลขานุการ รมช.ศึกษาฯ กล่าวถึงภารกิจการปรับลดภาระงานครูจากการประเมินภายนอก โดยตลอดช่วงเวลาที...
06/09/2025

นายตติยภัทร์ ปิติเศรษฐพันธุ์ เลขานุการ รมช.ศึกษาฯ กล่าวถึงภารกิจการปรับลดภาระงานครูจากการประเมินภายนอก โดยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ผศ.ดร.ลิณธิภรณณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะกำกับดูแล สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับการประเมินคุณภาพสถานศึกษาทั่วประเทศ พบว่าปัจจุบันจำนวนตัวชี้วัดและวิธีการได้มีการปรับลดกระชับและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้นแล้วอย่างเป็นรูปธรรม
ข้อสังเกตในเรื่องนี้พบว่า ตัวชี้วัดในการประเมินสถานศึกษานั้น 60% ของตัวชี้วัดสะท้อนการบริหารงานของสถานศึกษาซึ่งเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนคุณภาพและการบริหารจัดการภายในโรงเรียน ในส่วนนี้ได้กำชับและมอบนโยบายให้กับ สมศ. ในการสื่อสารไปยังผู้บริหารสถานศึกษาที่จะต้องเข้าใจในการประเมิน และกระจายงานไปยังครูหรือบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเตรียมข้อมูลหรือการสนับสนุนการประเมินอย่างเหมาะสม และผู้บริหารควรจะต้องให้ความสำคัญกับการมอบหมายงานให้เหมาะสมกับบุคคลที่รับผิดชอบ และพิจารณาถึงความเหมาะสมของปริมาณงาน (Workload) ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการประเมิน
เลขานุการ รมช.ฯ ยังกล่าวอีกว่า กระทรวงศึกษาธิการมุ่งปรับลดตัวชี้วัดการประเมินต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง แต่การจะลดภาระครูได้นั้น “ผู้บริหารคือหัวใจสำคัญ” ในการบริหารงานและช่วยเหลือครูเพื่อเตรียมการประเมินต่างๆให้ได้มากที่สุด ถึงอย่างไรก็ตามสถานศึกษาต่างๆก็ยังต้องได้รับการประเมินเพื่อพัฒนาคุณภาพต่อไป

สพม.ฉะเชิงเทรา จับมือ รร.วัดโสธรวรารามฯ ในโครงการ "เปิดบ้านประวัติศาสตร์ชาติไทย" ส่งเสริมเด็ก-เยาวชนเป็นพลเมืองดีฉะเชิงเ...
05/09/2025

สพม.ฉะเชิงเทรา จับมือ รร.วัดโสธรวรารามฯ ในโครงการ "เปิดบ้านประวัติศาสตร์ชาติไทย" ส่งเสริมเด็ก-เยาวชนเป็นพลเมืองดี

ฉะเชิงเทรา - วันที่ 5 กันยายน 2568 นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงานโครงการ "เปิดบ้านประวัติศาสตร์ชาติไทย" ณ โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร ในโครงการ "เปิดบ้านประวัติศาสตร์ชาติไทย" ส่งเสริมเด็ก-เยาวชนเป็นพลเมืองดี

นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว กล่าวตอนหนึ่งว่า จากคำกล่าวรายงานการจัดโครงการ ฯ ถือว่าเป็นโครงการที่สนองต่อนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในการส่งเสริมการเรียนการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ทั้งยังเป็นจุดเน้นของ สพฐ. ที่ได้กำหนดให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และประชาธิปไตย เป็นภารกิจสำคัญเร่งด่วน ซึ่งนับเป็นรากฐานที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเยาวชนให้เติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของชาติในอนาคต

"ขอชื่นชม สพม.ฉะเชิงเทรา และโรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและริเริ่มโครงการอันทรงคุณค่านี้ขึ้น การที่โครงการได้น้อมนำพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นองค์ความรู้หลัก ควบคู่ไปกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของจังหวัดฉะเชิงเทรา ถือเป็นการปลูกฝังความรัก ความภาคภูมิใจในสถาบันหลักของชาติ และแผ่นดินเกิดได้อย่างแยบยล อีกทั้งการเปิดโอกาสให้โรงเรียนต่างๆ นำเสนอนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ทันสมัย ยังเป็นการยกระดับการจัดการศึกษาให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัลอีกด้วย

โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพให้แก่ชุมชนและสังคมโดยรวม ก่อให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็ง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืนต่อไป" นางสาวอนงค์นาถ กล่าว

นวรัตน์ รามสูต: สรุป/เรียบเรียง/กราฟิก
กิตติกร แซ่หมู่ : ถ่ายภาพ
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ. : รายงาน
5/9/2568

ที่อยู่

ถ. ราชดำเนินนอก
Dusit
10300

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 16:30
อังคาร 08:30 - 16:30
พุธ 08:30 - 16:30
พฤหัสบดี 08:30 - 16:30
ศุกร์ 08:30 - 16:30

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

ประเภท