ปัญญ์สุข ออราเคิล

ปัญญ์สุข ออราเคิล ไขปัญหา พลิกชีวิต ด้วยศาสตร์พยากรณ์
โดยใช้ไพ่ สำรับต่างๆ (ทาโรต์,ออราเคิล)
ปัญญ์สุข ให้ถึงสุข พร้อมด้วยปัญญา

เมื่อรับ สำรับใหม่เข้าสู่อ้อมกอดพลังงานเยอะ ล้น สมชื่อจริง #ตรวจบุญตรวจกรรม
06/07/2025

เมื่อรับ สำรับใหม่เข้าสู่อ้อมกอด

พลังงานเยอะ ล้น สมชื่อจริง
#ตรวจบุญตรวจกรรม

 #ภาพที่เห็นตรงหน้านี่คือแผนที่แห่งศาสตร์เล่นแร่แปรธาตุ (Alchemy) แบบจัดเต็ม🔺ตรงกลางคือ “มนุษย์ในท่านั่งสมาธิ” ที่มีจักร...
06/05/2025

#ภาพที่เห็นตรงหน้านี่คือแผนที่แห่งศาสตร์เล่นแร่แปรธาตุ (Alchemy) แบบจัดเต็ม

🔺ตรงกลางคือ “มนุษย์ในท่านั่งสมาธิ” ที่มีจักระเรียงตัวอย่างสมบูรณ์ ส่องประกายเจิดจ้า นี่แหละเป้าหมายสูงสุดของ “มหาศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลง” หรือที่เรียกกันว่า “Great Work” มันคือการเข้าใจตัวเองแบบลึกสุดใจ เป็นการเชื่อมโยงระหว่าง "จิต" กับ "วิญญาณ" อย่างแท้จริง

🔹 บันไดที่ทอดตัวขึ้นฟ้า มีมนุษย์เดินไต่ขึ้นไป นี่คือสัญลักษณ์ของการเดินทางภายใน จิตใจต้องผ่านการฝึกฝน ผ่านการชำระล้าง เพื่อก้าวไปสู่ระดับความรู้ที่สูงขึ้น

🧬 เกลียว DNA ทางซ้าย เตือนเราว่าการเดินทางนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของจิตวิญญาณ แต่มันฝังรากลึกอยู่ในชีววิทยาของเรา ในศักยภาพทางพันธุกรรมที่รอการปลุกขึ้นมา

🐍 งูที่พันรอบบันได คือสัญลักษณ์ของ การเปลี่ยนแปลงและ การเกิดใหม่ มันไม่ใช่แค่ไกด์นำทาง แต่มันคือบททดสอบ มันอาจสร้างอุปสรรคให้เรา แต่ก็ผลักเราให้โตขึ้น
รอบ ๆ ตัวมนุษย์ตรงกลางก็เต็มไปด้วยความหมายแบบขั้นสุด

💎 อัญมณีและคริสตัลที่กระจัดกระจายอยู่ ตรงตีนบันได
มันคือตัวแทนของแต่ละเฟสในการเปลี่ยนแปลงภายใน
เราทุกคนเริ่มจาก "ก้อนหินหยาบ" ที่ต้องผ่านการเจียระไนจนกลายเป็น "อัญมณีล้ำค่า"

🪷 ดอกบัวที่ผลิบานอยู่ด้านข้าง คือสัญลักษณ์แห่ง ความบริสุทธิ์และการตื่นรู้ เมื่อเราเดินมาถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทาง

🔮 ลูกแก้วเรืองแสงที่ลอยอยู่ในอากาศ เปรียบเสมือนระดับของ "สติ" และ "จิตสำนึก" ที่มนุษย์ต้องสำรวจและเรียนรู้เพื่อรวมเข้าด้วยกัน

🧘‍♂️ มนุษย์ในท่านั่งสมาธิที่มุมบนขวา มีแสงเรืองรองรอบหัว พร้อมสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ นี่คือตัวแทนของ การเข้าถึงปัญญาสูงสุด หรือที่เรียกว่า Gnosis มันคือการรับรู้ "สัจธรรม" แบบตรงไปตรงมา เป็นการหลอมรวมเข้ากับจักรวาล

🔷 นี่มันไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่มันคือแผนที่แห่ง "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของมนุษย์เลยก็ว่าได้
เหมือนเป็นการบอกเราว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างมีโครงสร้างของมัน จิตวิญญาณ พลังงาน ความรู้ และร่างกาย ล้วนเชื่อมโยงกันหมด"

🚩เรื่อง Manifestation กับกฎแรงดึงดูดนี่มันเป็นอะไรที่ทรงพลังมาก ถ้ารู้หลักการจริง ๆ แล้วเอาไปใช้ให้ถูกต้อง ชีวิตเปลี่ยนไ...
06/05/2025

🚩เรื่อง Manifestation กับกฎแรงดึงดูดนี่มันเป็นอะไรที่ทรงพลังมาก ถ้ารู้หลักการจริง ๆ แล้วเอาไปใช้ให้ถูกต้อง ชีวิตเปลี่ยนได้แบบไม่น่าเชื่อ แต่แม่ครูขอบอกก่อนว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องนั่งคิดแล้วรอให้ของตกจากฟ้า แบบที่หลายคนเข้าใจผิดกันไปเอง

🚩จริง ๆ แล้ว Manifestation เป็นเรื่องของพลังงาน ความรู้สึก และการกระทำที่สอดคล้องกัน ไม่ใช่แค่การนั่งอธิษฐานให้สิ่งที่อยากได้มาหา
🚩แต่เป็นการทำให้ตัวเองเป็นพลังงานเดียวกับสิ่งที่ต้องการก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง แล้วจักรวาลจะตอบสนองสิ่งที่สอดคล้องกับพลังงานนั้น

🚩เรื่องของพลังงาน จิตเป็นใหญ่ จิตเป็นประธาน
เราทุกคนคือพลังงาน โลกนี้คือพลังงาน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวเราเป็นผลจากพลังงานที่เราส่งออกไป พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า "สัพพะธัมมา อนัตตา" ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ถ้าอยากให้ชีวิตเปลี่ยน เราต้องปรับพลังงานภายในก่อน

🚩หลักการของ Manifestation ก็คือการปรับพลังงานตัวเองให้ตรงกับสิ่งที่ต้องการ สมมติว่าเราอยากมีความรักดี ๆ อยากให้คนที่ใช่เข้ามาในชีวิต แต่ในใจเรายังกลัวว่าสุดท้ายเขาจะไม่รัก ยังคิดว่าตัวเองไม่น่าสนใจ แล้วเราจะดึงดูดความสัมพันธ์ที่ดีเข้ามาได้ยังไง

🚩ถ้าอยากได้ความรักที่ดี เราต้องเป็นคนที่มีความรักให้ตัวเองก่อน รักตัวเอง มั่นใจ เปิดรับพลังงานดี ๆ แบบนี้ถึงจะดึงดูดคนที่เหมาะสมเข้ามา นี่คือหลักการเดียวกันกับเรื่องเงิน สุขภาพ ความสำเร็จ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต

🚩ความอยาก vs. การมีอยู่แล้ว นี่เป็นจุดที่หลายคนเข้าใจผิดมาก คิดว่าแค่อยากได้ เดี๋ยวมันก็มาเอง แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้น

🚩"ฉันอยากรวย อยากมีเงินเยอะ ๆ" แต่ถ้ายังรู้สึกขาดแคลน ยังกลัวว่าตัวเองจะไม่มี ยังคิดว่าเงินหายาก สิ่งที่ดึงดูดได้ก็มีแต่ความขาดแคลน

🚩"ฉันอยากให้เขารักฉัน" แต่ในใจยังคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ ยังกลัวว่าเขาจะไม่เลือกเรา พลังงานที่ส่งออกไปมันเลยเป็นความไม่มั่นคง

🚩สิ่งที่ต้องทำคือ ปรับพลังงานให้รู้สึกว่าเรามีมันอยู่แล้ว
"ฉันเปิดรับความอุดมสมบูรณ์ เงินไหลเข้าหาฉันอย่างเป็นธรรมชาติ" รู้สึกมั่นคง มองเห็นโอกาส ลงมือทำได้อย่างมีพลัง

🚩"ฉันเป็นคนที่คู่ควรกับความรัก และฉันพร้อมจะรับความสัมพันธ์ที่ดี" ทำให้เรามั่นใจ สงบ ดึงดูดคนที่ตรงกับพลังงานนี้เข้ามาเอง

🚩วิธีใช้กฎแรงดึงดูดให้ได้ผลจริง

🚩Manifestation มี 3 ขั้นตอนหลักที่ต้องใช้ให้ถูกต้อง ไม่ใช่แค่นั่งภาวนาแล้วรอ

🚩ตั้งเจตนาให้ชัดเจน
- ต้องรู้ว่าเราต้องการอะไรจริง ๆ และต้องมาจากพลังงานที่ดี ไม่ใช่ความอยากที่เกิดจากความกลัว
- ถามตัวเองว่า "ฉันต้องการสิ่งนี้เพราะอะไร" ถ้าคำตอบมาจากความรักและความเมตตา มันจะมีพลังสูง

🚩อยู่ในพลังงานของสิ่งนั้นก่อนที่มันจะเกิดขึ้น
- อยากมีเงินเยอะ ก็ต้องมี mindset ของคนที่มีเงิน ไม่ใช่คนที่รู้สึกขาดแคลน
- อยากมีความรักดี ๆ ก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองมีความรักอยู่แล้ว

🚩ลงมือทำอย่างสอดคล้อง
- ถ้าอยากรวย ก็ต้องใช้เงินแบบคนที่มั่งคั่ง (ไม่ใช่ฟุ่มเฟือย แต่ลงทุนและใช้จ่ายอย่างมีสติ)
- ถ้าอยากมีความสัมพันธ์ดี ๆ ก็ต้องเป็นคนที่สามารถสื่อสาร เปิดใจ และให้พลังงานที่ดีออกไป

🚩การปล่อยวางและการไม่ยึดติด คือจุดสำคัญสุดท้ายที่หลายคนลืม ถ้าเรายึดติดกับผลลัพธ์มากเกินไป เราจะอยู่ในพลังงานของความต้องการตลอดเวลา และมันจะเป็นพลังงานของ “ความขาดแคลน”

🚩พระพุทธเจ้าสอนเรื่อง อุเบกขา (ความวางเฉยแบบมีสติ) เราต้องลงมือทำให้เต็มที่ ตั้งเจตนาให้ชัด ปรับพลังงานให้ตรง แล้วปล่อยให้จักรวาลจัดการต่อ ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อไหร่จะเกิดขึ้น เพราะทุกอย่างมีจังหวะของมัน

🚩เปลี่ยนชีวิตด้วย Manifestation แบบถูกต้อง
การใช้กฎแรงดึงดูดให้ได้ผลจริง ไม่ใช่แค่การขอ แต่เป็นการเป็นพลังงานของสิ่งที่ต้องการก่อนที่มันจะเกิดขึ้น

🚩ตั้งเจตนาให้ชัดเจน
🚩ปรับพลังงานตัวเองให้ตรงกับสิ่งที่อยากได้
🚩ลงมือทำอย่างสอดคล้อง
🚩ปล่อยวางและเชื่อมั่นว่าจักรวาลจะนำสิ่งที่เหมาะสมมาให้

🚩ถ้าเข้าใจหลักนี้แล้วลองนำไปใช้จริง ชีวิตจะเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อคะ 😊

🚩พลังแห่งการสนับสนุนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์🚩เปิดรับพลังแห่งจักรวาลและความเชื่อมโยงกับพระพิฆเนศ  🚩AUM เสียงแห่งจักรวาลที่เชื่...
03/05/2025

🚩พลังแห่งการสนับสนุนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
🚩เปิดรับพลังแห่งจักรวาลและความเชื่อมโยงกับพระพิฆเนศ

🚩AUM เสียงแห่งจักรวาลที่เชื่อมโยงกับจิตสำนึกของเรา

🚩เสียง AUM หรือที่เรียกกันว่า “OM” ไม่ใช่แค่เสียงธรรมดา แต่เป็นหนึ่งในคลื่นความถี่ที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล

🚩มันเป็นเสียงแรกแห่งการสร้าง เป็นสัญลักษณ์ของความสมดุล และเป็นพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรอบตัวเราได้

🚩ในหลายวัฒนธรรม AUM ถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการทำสมาธิและการเชื่อมต่อกับจิตสำนึกที่สูงขึ้น

🚩เมื่อเราตั้งใจออกเสียง AUM หรือแม้แต่ฟังเสียงนี้จากแหล่งที่บันทึกไว้ พลังงานภายในร่างกายจะเกิดการปรับสมดุล ช่วยให้จิตใจสงบลง เปิดรับสติปัญญาที่สูงขึ้น และทำให้เราสามารถมองเห็นเส้นทางชีวิตได้อย่างชัดเจน

🚩พระพิฆเนศผู้นำทางและผู้ขจัดอุปสรรค

🚩ในศาสนาฮินดู พระพิฆเนศเป็นเทพแห่งสติปัญญา ผู้ขจัดอุปสรรค และเป็นพลังงานที่ช่วยให้เราเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างราบรื่น

🚩พระองค์มีพลังที่สามารถช่วยให้เราก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยนำทางเราไปสู่แสงสว่างและความรักภายในตัวเอง ซึ่งเป็นพลังเดียวกับที่สั่นสะเทือนไปทั่วจักรวาลและซ่อนอยู่ในเสียง AUM

🚩พระพิฆเนศและ AUM มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง เพราะเสียงนี้เป็นตัวแทนของพลังที่ขับเคลื่อนจักรวาล เป็นเสียงของปัญญาและการตื่นรู้

🚩การเปิดรับพลังของพระพิฆเนศผ่านการออกเสียงหรือฟัง AUM สามารถช่วยให้เราก้าวข้ามความกลัว ความเครียด และนำพาเราไปสู่สภาวะที่สมดุล

🚩การใช้พลังเสียง AUM เพื่อเปลี่ยนแปลงพลังงานของตัวเอง

🚩ในเวลาที่เรารู้สึกไม่แน่ใจ หรือเผชิญกับอุปสรรคในชีวิต เราสามารถใช้พลังของ AUM และการเชื่อมต่อกับพระพิฆเนศเพื่อช่วยนำทาง

✅ ออกเสียง AUM อย่างตั้งใจ – นั่งในท่าที่ผ่อนคลาย หายใจเข้าลึก ๆ แล้วออกเสียง AUM อย่างต่อเนื่อง เสียงสั่นสะเทือนของ AUM จะช่วยปรับสมดุลพลังงานของจิตใจและร่างกาย

✅ ฟังเสียง AUM จากแหล่งบันทึก – ถ้าไม่สะดวกออกเสียงเอง สามารถใช้เสียง AUM ที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ตหรือจากการบันทึก เพื่อให้พลังงานรอบตัวเกิดการเปลี่ยนแปลง

✅ ขอพลังจากพระพิฆเนศ – การภาวนาและนึกถึงพระองค์อย่างจริงใจ จะช่วยให้เราได้รับคำแนะนำและความมั่นใจในการก้าวผ่านปัญหา

✅ เขียนคำอธิษฐานถึงพระพิฆเนศ – การเขียนหรือกล่าวคำอธิษฐานถึงพระองค์สามารถช่วยให้จิตใจสงบขึ้นและเพิ่มพลังงานบวกในตัวเอง

✅ พกสัญลักษณ์ของพระพิฆเนศหรือ AUM – เครื่องรางที่มีสัญลักษณ์ของพระพิฆเนศหรือ AUM จะช่วยเสริมพลังของเราให้แข็งแกร่งขึ้น

🚩พลังของ AUM ในการขจัดอุปสรรคและนำพาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง

🚩จิตใจของเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เรามีพลังงานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์และจักรวาลที่คอยสนับสนุนตลอดเวลา ถ้าเราสามารถเปิดใจรับพลังนี้ เราจะรู้สึกว่าความกลัว ความเครียด และความไม่แน่นอนลดลง

🚩การใช้ AUM ไม่ใช่เพียงเพื่อทำสมาธิ แต่เป็นการส่งแรงสั่นสะเทือนไปยังจักรวาล เพื่อให้พลังงานที่ติดขัดสามารถไหลเวียนได้อย่างอิสระ

🚩ถ้าเรารู้สึกว่าชีวิตกำลังติดอยู่กับอุปสรรค ลองใช้เสียงนี้เป็นเครื่องมือในการปลดปล่อยความตึงเครียดและช่วยให้เราก้าวไปข้างหน้า

🚩AUM คือสะพานที่เชื่อมโยงเรากับพลังสูงสุด

🚩หลายคนที่ใช้เสียง AUM ในการฝึกสมาธิหรือภาวนา มักพบว่าจิตใจสงบลง รู้สึกเบาขึ้น และมีความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตที่ชัดเจนขึ้น เพราะเสียงนี้ทำให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ลดความคิดที่วุ่นวาย และช่วยให้เรามองเห็นแนวทางแก้ไขปัญหาได้ดียิ่งขึ้น

🚩AUM ไม่ใช่เพียงแค่เสียงที่เปล่งออกมา แต่เป็นคลื่นพลังงานที่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงของเราได้ ใช้มันเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงกับจิตสำนึกสูงสุด และเปิดรับการนำทางที่ทำให้ชีวิตก้าวไปข้างหน้าอย่างมีพลังและความมั่นใจ

🚩ลองเปิดใจรับฟัง และปล่อยให้พลังแห่งจักรวาลนำทางคุณ

🚩ถ้าคุณรู้สึกว่ามีบางสิ่งในชีวิตที่ติดขัด หรือยังไม่พบเส้นทางที่ชัดเจน ลองเปิดใจรับฟังเสียง AUM หรือขอพรจากพระพิฆเนศ

✅ ฟังเสียง AUM ก่อนนอน – จะช่วยให้จิตใจสงบและหลับสบายขึ้น
✅ ใช้ AUM เป็นเสียงเปิดวันใหม่ – ออกเสียงหรือนั่งสมาธิในตอนเช้า เพื่อให้พลังงานของวันนั้นไหลลื่น
✅ ระลึกถึงพระพิฆเนศเมื่อพบอุปสรรค – การขอพลังจากพระองค์สามารถช่วยให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้

🚩สรุปพลังแห่ง AUM และพระพิฆเนศ

🚩AUM เป็นเสียงที่มีพลังในการปรับสมดุลพลังงานรอบตัว
🚩พระพิฆเนศเป็นเทพผู้ขจัดอุปสรรคและนำทางไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง
🚩การใช้พลังของ AUM สามารถช่วยลดความเครียด ความกลัว และช่วยให้จิตใจมั่นคงขึ้น
🚩AUM ไม่ใช่แค่เสียง แต่เป็นคลื่นพลังงานที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้

🚩ทุกคนสามารถใช้พลังนี้ในการนำทางชีวิตของตัวเอง ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีความยุ่งยาก เพียงแค่เปิดใจรับฟัง และปล่อยให้พลังแห่งจักรวาลนำทางคุณไปสู่แสงสว่างและความสมดุลที่แท้จริง

🚩ลองเปิดรับพลังนี้ในวันนี้ แล้วคุณอาจพบว่าเส้นทางชีวิตของคุณเริ่มชัดเจนขึ้น และปัญหาที่เคยดูหนักหนา ก็กลายเป็นเรื่องที่เราสามารถก้าวผ่านไปได้ง่ายขึ้นคะ

ตาราง ลัคนาราศี
03/05/2025

ตาราง ลัคนาราศี

🚩 #เวลาอ่านดวงรวม #ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองอยู่ราศีอะไร
วิธีที่ง่ายที่สุดคือดูช่วงวันเกิด เพราะแต่ละราศีจะมีช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้ามาอยู่ในราศีนั้นทุกปี ซึ่งเป็นการแบ่งราศีตามปฏิทินที่หลายคนคุ้นเคย (บางคนลัคนากับราศีแยกกัน ก็สามารถอ่านดวงควบ 2 กลุ่ม ได้เลย) ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ให้อิงลัคนาก่อน

🚩 #แต่ต้องบอกก่อนว่าวิธีนี้เป็นแค่การอ้างอิงแบบกว้างๆ เพราะตำแหน่งของดวงอาทิตย์จริงๆ อาจเคลื่อนช้าหรือเร็วกว่าปกติได้ในบางปี

🚩 #ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนผ่านแต่ละราศีประมาณเดือนละหนึ่งรอบ แต่บางปีอาจมีช่วงที่มันข้ามราศีก่อนวันที่เราคุ้นเคยในปฏิทิน นั่นหมายความว่า คนที่เกิดในช่วงเปลี่ยนราศี อาจจะอยู่ราศีถัดไปโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะดูแค่วันเกิดจากปฏิทินทั่วไป

🚩 #ถ้าต้องการดูให้แม่นแบบไม่ผิดเพี้ยน ต้องใช้ Birth Chart ซึ่งเป็นแผนที่ดวงแบบละเอียดและเจาะลึกกว่าการดูตามวันเกิดเฉยๆ

🚩 คำนวณตำแหน่งของดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ต่างๆ ตามวัน เวลา และสถานที่เกิดของแต่ละคน
นี่จึงเป็นวิธีที่แม่นที่สุดในการหาว่าตอนเกิดเราอยู่ราศีอะไรจริงๆ

🚩 #นอกจากบอกว่าตัวเองอยู่ราศีอะไร Birth Chart ยังให้ข้อมูลที่ลึกกว่านั้นอีก เช่น ลัคนา ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพภายนอกของเรา หรือดาวเคราะห์ที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ ความคิด และเส้นทางชีวิต

🚩 #การดูแค่ราศีจากวันเกิดอาจบอกได้คร่าวๆ ว่าเราอยู่ในกลุ่มพลังงานของราศีนั้น แต่ถ้าอยากรู้แบบละเอียดจริงๆ ว่าพลังงานแต่ละดวงส่งผลกับเรายังไง ต้องดู Birth Chart

🚩 #บางคนอาจเคยสงสัยว่าทำไมตัวเองไม่ค่อยเหมือนคนราศีเดียวกันที่พบเจอ นั่นอาจเป็นเพราะตำแหน่งของดาวเคราะห์ดวงอื่นใน Birth Chart มีอิทธิพลมากกว่าดวงอาทิตย์ หรือบางทีตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในปีที่เกิดอาจข้ามไปอยู่ราศีถัดไป ทำให้การดูตามวันเกิดทั่วไปไม่แม่นยำพอ

🚩 Chart ยังช่วยให้เข้าใจลึกขึ้นว่าพลังงานแต่ละราศี ดาวเคราะห์ และลัคนาส่งผลต่อชีวิตเรายังไง ทำให้เรารู้จักตัวเองและเข้าใจแนวโน้มชีวิตในแบบที่ชัดเจนขึ้น และสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจเรื่องสำคัญหรือปรับสมดุลพลังงานให้เหมาะกับตัวเอง

🚩 #ถ้าอยากรู้แบบชัดเจนว่าตัวเองมีพลังงานของราศีไหนมากที่สุด และองค์ประกอบต่างๆ ส่งผลกับชีวิตยังไง Birth Chart เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจตัวเองได้ดีที่สุด แถมยังเป็นการเปิดโลกเกี่ยวกับโหราศาสตร์ที่ละเอียดกว่าการดูแค่ราศีจากวันเกิดทั่วไป

🚩 #การศึกษาดวงแบบลึกๆ แบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำนายอนาคต แต่ยังช่วยให้เข้าใจตัวเองและปรับพลังงานให้เข้ากับเป้าหมายในชีวิต การรู้จักราศีและองค์ประกอบในดวงกำเนิดทำให้เราเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน และแนวโน้มของตัวเองได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้ในแบบที่เหมาะกับตัวเรา

🚩 #ถ้าสนใจเรื่องโหราศาสตร์ การทำ Birth Chart ของตัวเองจะช่วยให้เข้าใจทุกองค์ประกอบที่ส่งผลต่อชีวิตได้แบบละเอียด และอาจทำให้ค้นพบแนวทางใหม่ๆ ที่ช่วยให้ชีวิตสมดุลและเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นด้วยคะ

🩷๐❤️๐🧡๐💛๐💜๐💙๐🩵๐💚๐🖤๐💗๐🩷๐❤️

🚩การดูราศีสามารถทำได้สองแบบหลักๆ คือ
▪️การดูจากช่วงวันเกิดทั่วไป
▪️การดูผ่าน Birth Chart ซึ่งให้รายละเอียดที่แม่นยำมากขึ้น

🔹 ราศีตามวันเกิด
การดูราศีแบบนี้เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน โดยอ้างอิงจากช่วงวันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่แต่ละราศี ซึ่งในแต่ละปีจะแบ่งออกเป็น 12 ราศี

🔹 ราศีเมษ (21 มีนาคม - 19 เมษายน) – นักลุยตัวจริง
คนราศีนี้ใจร้อนสุดๆ ไม่ชอบรออะไรนานๆ ถ้าคิดจะทำก็ลุยเลย! พลังงานเยอะ มีไฟตลอดเวลา แล้วก็เป็นคนที่รักความท้าทายแบบสุดๆ ไม่ชอบอยู่เฉยๆ ถ้าเห็นโอกาสก็พุ่งชนทันที

🔹 ราศีพฤษภ (20 เมษายน - 20 พฤษภาคม) – สายชิล รักความสบาย
ชาวพฤษภคือสายเนิบที่แท้ทรู รักความมั่นคง ชอบกินของดีๆ ใช้ของหรูๆ ไม่รีบ ไม่เร่ง แต่ถ้าให้ทำงาน จะโฟกัสสุดๆ เป็นคนที่หนักแน่นแบบไม่หวั่นไหว แถมดื้อเงียบอีกด้วย

🔹 ราศีเมถุน (21 พฤษภาคม - 20 มิถุนายน) – นักพูด นักคิด ชอบเม้าท์
ถ้าเรื่องเม้าท์ ต้องยกให้ราศีนี้! คนเมถุนคือสายช่างคุย คิดเร็ว พูดไว สมองแล่นปรื๊ดๆ เข้ากับคนง่ายสุดๆ แถมยังเป็นพวกที่ปรับตัวเก่ง อยากรู้อยากเห็นไปหมด แต่บางทีอาจลังเลเยอะไปหน่อย

🔹 ราศีกรกฎ (21 มิถุนายน - 22 กรกฎาคม) – ดูแลตัวเองเก่ง ตัวแม่ ตัวมัม
ใครต้องการคนปลอบใจ ต้องมาราศีกรกฎ เป็นสายอบอุ่น รักครอบครัว รู้จักเอาใจใส่คนรอบตัว อารมณ์อ่อนไหวง่าย แถมมีเซ้นส์แรงสุดๆ ชอบดูแลคนอื่นมากกว่าใส่ใจตัวเอง

🔹 ราศีสิงห์ (23 กรกฎาคม - 22 สิงหาคม) – ตัวแม่แห่งความมั่นใจ
ราศีนี้คือเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่งการแสดงออก ชอบเป็นที่สนใจ รักความโดดเด่น มั่นใจเต็มร้อย ไม่เคยกลัวที่จะเป็นตัวเอง ถ้าเข้าห้องมาแล้วพลังงานพุ่ง คนต้องหันมามองแน่นอน

🔹 ราศีกันย์ (23 สิงหาคม - 22 กันยายน) – ชอบความละเอียด เจ้าระเบียบขั้นสุด
เป็นพวกที่คิดเยอะ ละเอียดลึกสุดๆ ใส่ใจทุกดีเทล จัดระเบียบชีวิตตลอดเวลา ชอบช่วยคนอื่น และมีหัวด้านการแก้ปัญหาแบบเนี้ยบๆ แต่บางทีอาจจะกังวลกับทุกเรื่องมากไปหน่อย

🔹 ราศีตุลย์ (23 กันยายน - 22 ตุลาคม) – สวย หล่อ สมดุล
รักสวยรักงาม ชอบความสมดุลทุกอย่าง ถ้ามีดราม่าจะเป็นสายกลาง ไม่ชอบทะเลาะกับใคร อยากให้ทุกอย่างสงบสุข มีเสน่ห์สุดๆ เป็นสายเข้าหาคนง่าย รู้จักพูดจาให้คนหลง

🔹 ราศีพิจิก (23 ตุลาคม - 21 พฤศจิกายน) – ชอบอะไรลึกลับ
ราศีนี้คือพวกที่เก็บความรู้สึกเก่ง มีความลึกซึ้งสุดๆ พลังแรงแบบไม่ต้องพูดเยอะ มีทั้งเสน่ห์และความลึกลับแบบที่คนอื่นจับทางยาก ถ้าคิดจะทำอะไร ต้องไปสุดทางเลย

🔹 ราศีธนู (22 พฤศจิกายน - 21 ธันวาคม) – ชอบเดินทาง รักอิสระ
ธนูคือพวกที่รักการผจญภัยสุดๆ ไม่ชอบอะไรที่จำเจ ชอบเดินทาง เปิดโลกใหม่ๆ เป็นนักเรียนรู้ที่แท้จริง ใครคุยกับราศีนี้จะรู้สึกว่ามีเรื่องใหม่ๆ ให้ฟังตลอดเวลา

🔹 ราศีมังกร (22 ธันวาคม - 19 มกราคม) – ชอบวางแผน ชอบความสำเร็จ
ราศีนี้คือสายจริงจัง ทำอะไรต้องเป๊ะ ต้องมีแผน คิดเรื่องอนาคตตลอดเวลา ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้ว ไม่มีอะไรหยุดเขาได้ เป็นพวกที่ขยันสุดๆ และมีเป้าหมายชัดเจน

🔹 ราศีกุมภ์ (20 มกราคม - 18 กุมภาพันธ์) – ติสท์แตก คิดแปลกใหม่
กุมภ์เป็นนักคิดที่ล้ำหน้ากว่าคนอื่น ชอบอะไรที่แตกต่าง เป็นพวกที่ไม่ตามกระแส ชอบคิดนอกกรอบ แถมมีความเป็นตัวเองสูงมาก แต่บางทีอาจจะแปลกจนคนอื่นงงว่าคิดอะไรอยู่

🔹 ราศีมีน (19 กุมภาพันธ์ - 20 มีนาคม) – นักฝัน อารมณ์ลึกซึ้ง
ราศีนี้คือพวกที่อ่อนไหว รู้สึกเยอะ เป็นนักฝัน มีความคิดสร้างสรรค์และมีเซนส์แรงมาก เวลาคุยด้วยจะมีความรู้สึกอบอุ่น แต่บางทีอาจจะจมอยู่ในอารมณ์ของตัวเองเยอะไปหน่อย

🔹ข้อดีของการดูราศีตามวันเกิดคือสามารถรู้ราศีตัวเองได้ง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลเพิ่มเติม

🔹แต่ข้อเสียคือการดูแบบนี้ไม่แม่นยำมากพอ เพราะตำแหน่งดวงอาทิตย์อาจเคลื่อนเร็วหรือช้ากว่าปกติในบางปี ทำให้บางคนที่เกิดช่วงรอยต่อของราศีอาจไม่อยู่ในราศีที่คิดไว้ตามปฏิทินทั่วไป

🩷๐❤️๐🧡๐💛๐💜๐💙๐🩵๐💚๐🖤๐💗๐🩷๐❤️

🔸Birth Chart
เป็นแผนที่ดวงที่คำนวณจากวันเกิด เวลาเกิด และสถานที่เกิด ทำให้สามารถระบุตำแหน่งของดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์อื่นๆ ได้อย่างละเอียด แม่นยำมากกว่าการดูตามวันเกิดเฉยๆ

🔸ข้อดีของการใช้ Birth Chart คือสามารถรู้ราศีของดวงอาทิตย์แบบเป๊ะจริงๆ รวมถึงลัคนาและอิทธิพลของดาวเคราะห์แต่ละดวง ซึ่งมีผลต่อบุคลิก อารมณ์ และเส้นทางชีวิต

🔸ข้อเสียคือการดู Birth Chart ต้องใช้ข้อมูลมากกว่าและต้องมีเครื่องมือช่วยคำนวณ อาจใช้เวลามากกว่าการดูราศีแบบวันเกิดทั่วไป

🔸โดยสรุป ถ้าต้องการดูราศีแบบคร่าวๆ ใช้วิธีดูจากวันเกิดได้ แต่ถ้าอยากรู้ตำแหน่งดวงอาทิตย์ที่แน่นอนและเข้าใจตัวเองลึกขึ้น Birth Chart เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

🔸ถ้าจะดู Birth Chart ด้วยตัวเองแบบไม่พึ่งโปรแกรม ลองคิดซะว่าเรากำลังแกะรหัสลับของชีวิตตัวเองอยู่
🔸สนุกแน่นอน มันเป็นเหมือนการเปิดแผนที่จักรวาลส่วนตัว ที่ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองได้แบบลึกสุดๆคะ

🩷๐❤️๐🧡๐💛๐💜๐💙๐🩵๐💚๐🖤๐💗๐🩷๐❤️

🔸เริ่มจากพื้นฐานก่อน
ก่อนจะเริ่มทำอะไร ต้องมีข้อมูลให้ครบ ถ้าไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องจะคำนวณพลาดไปไกลเลย

▪️วันเกิดอันนี้ง่ายสุด แค่รู้ว่าวันที่เกิดคืออะไร
▪️เวลาเกิด สำคัญมากๆ เพราะดาวเคราะห์เคลื่อนที่ตลอด ถ้าเวลาผิด ลัคนาก็เพี้ยนไปเลย
▪️สถานที่เกิด เมือง ประเทศ เพราะตำแหน่งของดวงดาวมันสัมพันธ์กับสถานที่บนโลก

🔸หาตำแหน่งดวงดาวตอนเกิด
เราต้องรู้ว่าในวันที่เกิด มีดาวเคราะห์แต่ละดวงอยู่ตรงไหนในจักรวาล ตำแหน่งของดาวอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวอื่นๆ จะกำหนดบุคลิกและพลังงานในชีวิตเรา

▪️ใช้ Ephemeris (ตารางดวงดาว) หาดูว่าตอนเกิด ดวงอาทิตย์อยู่ราศีอะไร ดวงจันทร์อยู่ราศีอะไร แล้วดาวอื่นๆ ไปอยู่ตรงไหน
▪️ถ้าไม่มีตาราง Ephemeris ให้หาจากหนังสือโหราศาสตร์เก่าๆ หรือเว็บไซต์ที่มีข้อมูลพวกนี้

🔸คำนวณลัคนาแบบบ้านๆ
ลัคนา หรือ Ascendant เป็นราศีที่อยู่ตรงขอบฟ้าตะวันออกตอนที่เราเกิด ซึ่งบ่งบอกบุคลิกภายนอกและวิธีที่คนอื่นเห็นเรา
▪️ดูเวลาที่เกิด + สถานที่เกิด
▪️ใช้ตารางลัคนาเพื่อดูว่าขณะนั้นมีราศีไหนกำลังขึ้นทางตะวันออก
▪️ลัคนาจะกำหนดวิธีที่เรามองโลกและโลกมองเรา

🩷๐❤️๐🧡๐💛๐💜๐💙๐🩵๐💚๐🖤๐💗๐🩷๐❤️

🔸ดูดาวเคราะห์แต่ละดวง เจาะลึกจักรวาลของ Birth Chart ถ้าจะวิเคราะห์ Birth Chart แบบละเอียด
การดูตำแหน่งของดาวเคราะห์แต่ละดวงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะแต่ละดาวมีบทบาทที่แตกต่างกัน และส่งอิทธิพลต่อชีวิตในด้านต่างๆ ลองมาดูว่าแต่ละดาวหมายถึงอะไร และส่งผลยังไงบ้าง

🔴 ดวงอาทิตย์
คิดซะว่าดวงอาทิตย์เป็นพระเอกของเรื่อง ทุกคนมีดวงอาทิตย์ที่ส่งพลังงานหลักให้ตัวเอง ดวงอาทิตย์บอกว่าเรามีแก่นเป็นคนแบบไหน ถ้าอยู่ราศีสิงห์ก็คือสายมั่น ชอบเป็นจุดเด่น ถ้าอยู่ราศีกันย์ก็จะเป็นสายเป๊ะ เน้นรายละเอียดทุกอย่าง

🟡 ดวงจันทร์
นี่คือตัวตนข้างในของเรา ที่คนอื่นอาจไม่เห็นชัด บ่งบอกว่าเรารู้สึกยังไงเวลาปิดประตูอยู่คนเดียว ถ้าอยู่ราศีกรกฎคืออารมณ์ลึกซึ้งสุดๆ ถ้าอยู่ราศีเมษคืออะไรมาไวไปไว รู้สึกแป๊บเดียวแล้วเปลี่ยนเรื่องเลย

🟢 ดาวพุธ
ดาวนี้เกี่ยวกับสมองและวิธีพูด ถ้าพุธอยู่ราศีเมถุน รับรองคุยเก่งสุดๆ เม้าท์ได้ยันเช้าแบบไม่มีเบรก ถ้าอยู่ราศีพฤษภจะพูดน้อย แต่พูดทีมีสาระจัดเต็ม ไม่มีอ้อมค้อม

🔵 ดาวศุกร์
สายหวานตัวจริง ดาวศุกร์บอกว่าเรามีสไตล์ความรักแบบไหน ถ้าอยู่ราศีตุลย์คือสายโรแมนติก แพ้ความสวยงาม ถ้าอยู่ราศีมังกรคือรักแบบจริงจัง สร้างอนาคต ไม่เล่นๆ

🔴 ดาวอังคาร
นี่คือพลังงานและวิธีลุยของเรา ดาวนี้บอกว่าเราไฟแรงแค่ไหน ถ้าอยู่ราศีเมษคือพุ่งชนไม่มีคิดเยอะ ถ้าอยู่ราศีมีนคือใช้พลังอารมณ์มากกว่าแรงกาย

🟠 ดาวพฤหัสบดี
ดาวแห่งโชคและโอกาส ใครมีพฤหัสดีคือชีวิตดีมีโอกาสมาบ่อยๆ ถ้าอยู่ราศีธนูคือสายแสวงหา โอกาสเยอะสุด ถ้าอยู่ราศีมังกรคือได้โชคจากความขยัน

🟣 ดาวเสาร์
ดาวที่ทำให้เรามีวินัย เป็นครูใหญ่ของจักรวาล ถ้าเสาร์อยู่ราศีมังกรคือคนขยันเกินร้อย ถ้าอยู่ราศีมีนอาจจะต้องจัดระบบชีวิตให้มากขึ้น

🟤 ดาวยูเรนัส
ตัวแทนของความคิดแหวกแนว ถ้าอยู่ราศีกุมภ์นี่คือไอเดียล้ำสุดๆ ไม่มีอยู่ในกรอบ ถ้าอยู่ราศีสิงห์คือสร้างสรรค์แบบมีสไตล์

⚫️ ดาวเนปจูน
เกี่ยวกับความฝันและจินตนาการ ถ้าอยู่ราศีมีนคือสายมโนขั้นสุด มีความอินกับเรื่องเหนือธรรมชาติ ถ้าอยู่ราศีเมถุนคือคิดเร็ว ครีเอทีฟสุดๆ

⚪️ ดาวพลูโต
ดาวแห่งการเปลี่ยนแปลงและความลึกซึ้ง ถ้าอยู่ราศีพิจิกคือเข้มข้นมาก มองทุกเรื่องแบบลึกสุดๆ ถ้าอยู่ราศีธนูก็จะเป็นคนที่เปลี่ยนตัวเองจากการแสวงหาสิ่งใหม่ๆ

🔸นี่คือจักรวาลของ Birth Chart ที่บอกได้ว่าแต่ละดาวส่งพลังอะไรให้เรา ถ้ารู้ว่าดาวแต่ละดวงอยู่ตรงไหนในชีวิต ก็จะเข้าใจตัวเองได้แบบทะลุปรุโปร่ง สนุกไปกับการค้นหาตัวเองกันเลย

🩷๐❤️๐🧡๐💛๐💜๐💙๐🩵๐💚๐🖤๐💗๐🩷๐❤️

🔶 เชื่อมโยงทั้งหมดเข้าด้วยกัน
ตอนนี้คุณมีตำแหน่งดาวแล้ว ต่อมา นั่นก็คือการเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อดูว่า Birth Chart ของเรามีพลังงานแบบไหน ส่งผลต่อชีวิตยังไง และทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้นนะคะ

▪️เริ่มจากดูว่าดาวอยู่กันเป็นกลุ่มหรือกระจาย
ลองดูว่าใน Birth Chart ของเรา มีดาวเคราะห์ไปกองรวมกันอยู่ที่ราศีเดียวกัน หรือเรือนเดียวกันเยอะๆ หรือเปล่า ?

▪️ถ้ามีกลุ่มดาวเยอะๆ อยู่ในจุดเดียว นั่นหมายความว่าพลังของราศีนั้นส่งผลกับเราแบบจัดหนัก เช่น

▪️ถ้ามีดาวอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวศุกร์อยู่ราศีสิงห์หมดเลย นี่คือคนที่มีพลังงานสิงห์แบบสุดๆ เป็นคนที่มั่นใจ ต้องการเป็นจุดเด่น และเป็นธรรมชาติของนักสร้างแรงบันดาลใจ

▪️ถ้าดาวหลายดวงไปกองอยู่ราศีมังกร แปลว่าคนนี้มีพลังงานของความขยัน ความทะเยอทะยาน และเป็นพวกที่เน้นความมั่นคงสุดๆ

▪️ดูว่ามุมของดาวแต่ละดวงเป็นยังไง ?
ดาวแต่ละดวงใน Birth Chart ไม่ใช่แค่มีตำแหน่งเฉยๆ แต่มันยังทำมุมถึงกันด้วย ซึ่งพวกนี้เรียกว่า Aspects หรือการเชื่อมโยงของพลังงาน

▪️ในดวงกำเนิด ดาวแต่ละดวงไม่ได้ลอยอยู่แบบโดดๆ แต่มันมีมุมที่สัมพันธ์กัน ซึ่งมุมเหล่านี้ส่งผลกับบุคลิก นิสัย และเส้นทางชีวิตของเราแบบจัดเต็ม มีทั้งพลังงานที่ช่วยส่งเสริม และพลังงานที่อาจทำให้ต้องเรียนรู้และปรับตัว

🟥 มุมที่ส่งเสริม

▪️มุมร่วม หรือ Conjunction คือดาวสองดวงอยู่ใกล้กันแบบสุดๆ ส่งพลังซัพพอร์ตกัน เช่น ถ้าดวงอาทิตย์อยู่ใกล้พฤหัสบดี หมายถึงพลังงานของความมั่นใจและโชคดีแบบสุดๆ

▪️มุมสามเหลี่ยม หรือ Trine เป็นมุมที่ดาวสองดวงอยู่ห่างกัน 120 องศา ซึ่งเป็นพลังงานที่ไหลลื่นมาก เช่น ถ้าพฤหัสบดีทำมุม Trine กับดวงจันทร์ หมายถึงคนที่อารมณ์สมดุล มีโชคดีแบบเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องพยายามเยอะ

▪️มุมหกสิบองศา หรือ Sextile เป็นมุมที่ดาวอยู่ห่างกัน 60 องศา ถือว่าเป็นพลังงานที่ดีแต่ต้องลงมือทำเอง เช่น ถ้าดาวพุธทำมุม Sextile กับดาวศุกร์ หมายถึงคนที่มีสกิลการสื่อสารดีและมีความสัมพันธ์ราบรื่น

🟦 มุมที่ท้าทาย

▪️มุมกากบาท หรือ Square เป็นมุมที่ดาวอยู่ห่างกัน 90 องศา ซึ่งเป็นพลังงานที่กดดันให้ต้องเติบโต เช่น ถ้าดาวอังคารทำมุม Square กับดวงอาทิตย์ อาจหมายถึงพลังงานที่รุนแรง ต้องรู้จักควบคุมตัวเอง

▪️มุมตรงข้าม หรือ Opposition เป็นมุมที่ดาวอยู่ตรงกันข้ามกัน 180 องศา ทำให้มีแรงดึงไปคนละทาง ต้องหาจุดสมดุล เช่น ถ้าดาวศุกร์ Oppose กับดาวเสาร์ อาจหมายถึงความสัมพันธ์ที่ต้องปรับตัวเยอะ

🟩 มุมพิเศษ

▪️มุมควินคั๊งซ์ หรือ Quincunx เป็นมุมที่ดาวห่างกัน 150 องศา ซึ่งสร้างความรู้สึกที่ต้องปรับตัว เช่น ถ้าดวงอาทิตย์ Quincunx กับดาวเนปจูน อาจหมายถึงคนที่ต้องค้นหาตัวเองผ่านประสบการณ์ที่สับสน

▪️มุมเซมิ-เซ็กซ์ไทล์ หรือ Semi-Sextile เป็นมุมที่ดาวห่างกัน 30 องศา เป็นพลังงานเล็กๆ ที่ต้องค่อยๆ พัฒนา เช่น ถ้าดาวพุธ Semi-Sextile กับดาวอังคาร อาจหมายถึงการพัฒนาเรื่องการสื่อสารและความกล้าในการแสดงออก

▪️โดยรวมแล้ว Aspects เป็นสิ่งที่ทำให้ Birth Chart ของแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บางคนมีมุมที่ช่วยให้ชีวิตไหลลื่น บางคนมีมุมที่เป็นความท้าทายที่ต้องเรียนรู้และปรับตัว

▪️ลองดูในดวงกำเนิดของตัวเองว่ามีมุมไหนบ้าง แล้วจะเข้าใจว่าทำไมบางเรื่องเราทำได้ง่าย และบางเรื่องเราต้องพยายามมากขึ้น สนุกไปกับการค้นหาตัวเองเลย

🩷๐❤️๐🧡๐💛๐💜๐💙๐🩵๐💚๐🖤๐💗๐🩷๐❤️

🔶 ดูว่ามีดาวที่ขัดกันแรงๆหรือเปล่า ? บางคนมีพลังงานที่ดึงกันไปคนละทาง มาเปิดคลังลับของจักรวาลกัน
วันนี้จะเจาะลึกเรื่องดาวที่ขัดกันใน Birth Chart
🔶 ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ชีวิตเราบางทีมันดึงไปคนละทาง อารมณ์แบบอยากไปซ้าย แต่มีพลังงานบางอย่างกระชากไปขวา แล้วเราก็ยืนมึนกลางทางแบบ เอ๊ะ สรุปฉันควรไปทางไหน ?

🔶 มาดูกันว่าดาวขัดกันมันส่งผลยังไงบ้าง ?

🔺 ดวงอาทิตย์ชนกับดวงจันทร์
นี่คือความขัดแย้งของตัวตนที่แท้จริงกับอารมณ์ภายใน แบบว่าด้านหนึ่งเราเป็นคนที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน มั่นใจสุดๆ แต่อีกด้านหนึ่งกลับอ่อนไหวมาก ใครพูดอะไรนิดเดียวก็นอยด์ อารมณ์ประมาณว่า ฉันเก่ง ฉันต้องไปข้างหน้า แต่ทำไมบางวันน้ำตาไหลไม่หยุด

🔺ดาวพุธปะทะดาวอังคาร
อันนี้คือศึกใหญ่ของสมองกับความลุย ถ้าพุธบวกอังคารในมุมขัดกัน คนคนนั้นจะเป็นพวกที่คิดเร็วมาก แต่ก็พร้อมจะลงมือทำแบบไม่ได้คิดลึก บางทีเป็นนักเถียงตัวจริง คิดไว พูดเร็ว และแรงไปนิดจนคนรอบตัวต้องตั้งสติว่า อันนี้จริงจังหรือประชด

🔺ดาวศุกร์ชกดาวเสาร์
เรื่องความรักกับความจริงจัง ถ้าเกิดมีมุมนี้ในดวง อาจเป็นพวกที่พยายามจะมีความรักแบบมั่นคงมาก แต่กลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนเลย หรือเจอรักที่มีบททดสอบเยอะ ยิ่งถ้าดาวเสาร์กดพลังศุกร์ นี่คือคนที่อาจต้องเรียนรู้ว่าความรักไม่ใช่เรื่องของการคำนวณ แต่มันคือการเข้าใจและเปิดใจ

🔺ดาวพฤหัสบดีตีกับดาวพลูโต
นี่คือความขัดแย้งระหว่างพลังแห่งโชคและการเปลี่ยนแปลงแบบสุดโต่ง บางคนอาจมีโอกาสดีเข้ามา แต่ทุกครั้งที่ไปถึงจุดสูงสุดก็ต้องเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึงตลอดเวลา อารมณ์แบบว่า กำลังจะสำเร็จแล้ว แต่ชีวิตดันเปลี่ยนเกมให้ต้องเริ่มใหม่

🔺ดาวอังคารตีกับดาวเนปจูน
นี่คือศึกระหว่างพลังของการลงมือทำกับความฝันที่ล่องลอย ถ้าดาวสองดวงนี้ขัดกัน คนคนนั้นอาจรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกสองใบ ใบหนึ่งอยากลุย อยากทำ อยากไปให้ถึงเป้าหมาย อีกใบหนึ่งก็แบบว่า ปล่อยไปตามฟ้า ฝันไว้ก่อนค่อยคิด อาจจะทำให้ตัวเองลังเลหรือรู้สึกว่ายากที่จะลงมือทำจริงๆ

🔻ดาวขัดกันใน Birth Chart มันไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไปนะ บางทีมันคือพลังที่ทำให้เรามีอะไรให้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้น ลองดูว่าดาวตัวไหนในดวงของเราส่งพลังขัดกัน แล้วจะรู้ว่าทำไมบางเรื่องเราถึงลังเลหนักมาก แต่ถ้าปรับสมดุลได้ ชีวิตจะไปได้แบบมีจังหวะที่เข้ากับตัวเองสุดๆ

🩷๐❤️๐🧡๐💛๐💜๐💙๐🩵๐💚๐🖤๐💗๐🩷๐❤️

✔️ดูตำแหน่งเรือนที่ดาวอยู่
นอกจากราศีแล้ว ดาวแต่ละดวงยังอยู่ในเรือนที่แตกต่างกัน ซึ่งบอกว่าพลังงานของดาวส่งผลต่อชีวิตด้านไหน

✔️ใน Birth Chart นอกจากราศีที่ดาวอยู่แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือเรือน หรือที่โหราศาสตร์ไทยเรียกกันว่า "ภพ" ซึ่งบอกว่าพลังงานของดาวแต่ละดวงส่งผลต่อชีวิตด้านไหน

✔️ภพทั้งสิบสองจะกำหนดว่าพลังงานของดาวนั้นไปตกอยู่ในเรื่องใดของชีวิต เช่น ตัวตน ความรัก การเงิน อาชีพ หรือโชคชะตา

🟩 1.เรือนที่หนึ่ง (ภพตนุ)
นี่คือเรื่องของตัวตน บุคลิก และภาพลักษณ์ภายนอก ถ้ามีดวงอาทิตย์อยู่เรือนนี้ หมายถึงคนที่มีตัวตนชัดเจน มีความมั่นใจสูง และเป็นคนที่มีพลังในตัวเอง

🟩 2.เรือนที่สอง (ภพกดุมภะ)
เกี่ยวกับเรื่องเงิน การหาเงิน และความมั่นคง ถ้าดาวศุกร์อยู่เรือนนี้ คือสัญญาณของคนที่มีเซนส์ด้านการหาเงิน และรักความมั่นคงทางการเงินแบบสุดๆ

🟩 3.เรือนที่สาม (ภพสหัชชะ)
เรื่องการสื่อสาร การเรียนรู้ และพี่น้อง ถ้าดาวพุธอยู่เรือนนี้ หมายถึงคนที่คิดเร็ว พูดเก่ง มีไหวพริบ และชอบแลกเปลี่ยนข้อมูล

🟩 4.เรือนที่สี่ (ภพพันธุ)
เรื่องบ้าน ครอบครัว และความมั่นคงภายใน ถ้ามีดวงจันทร์อยู่ตรงนี้ แปลว่าเป็นคนที่ผูกพันกับบ้านและครอบครัวสุดๆ อารมณ์แบบอยู่บ้านแล้วสบายใจ หรือได้รับพลังจากบ้านและครอบครัว

🟩 5.เรือนที่ห้า (ภพปุตตะ)
เกี่ยวกับความสนุก ความสร้างสรรค์ ความรัก และลูกหลาน ถ้าดาวศุกร์อยู่ตรงนี้ หมายถึงคนที่รักการแสดงออกทางอารมณ์ มีเสน่ห์ และเป็นคนที่มีพลังในเรื่องศิลปะ

🟩 6.เรือนที่หก (ภพอริ)
เรื่องอุปสรรค ศัตรู งานหนัก และสุขภาพ ถ้ามีดาวเสาร์อยู่ตรงนี้ แปลว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก และเป็นพวกที่ต้องเผชิญกับบททดสอบในชีวิต

🟩 7.เรือนที่เจ็ด (ภพปัตนิ)
เรื่องความรัก ความสัมพันธ์ และคู่ครอง ถ้าดาวศุกร์อยู่ตรงนี้คือสัญญาณว่าความรักเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีถึงจะรู้สึกสมดุล

🟩 8.เรือนที่แปด (ภพมรณะ)
เรื่องการเปลี่ยนแปลง พลังงานลึกซึ้ง และความลับ ถ้ามีดาวพลูโตอยู่ตรงนี้ แปลว่าเป็นคนที่มีความเข้มข้น มีพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงแบบสุดโต่ง

🟩 9.เรือนที่เก้า (ภพศุภะ)
เกี่ยวกับการเรียนรู้สูง การเดินทางไกล และความเชื่อ ถ้าดาวพฤหัสบดีอยู่ตรงนี้ หมายถึงคนที่ชอบเรียนรู้เรื่องใหญ่ๆ สนใจปรัชญาและจิตวิญญาณ

🟩 10.เรือนที่สิบ (ภพกัมมะ)
เรื่องอาชีพ ชื่อเสียง และความสำเร็จ ถ้าดวงอาทิตย์อยู่ตรงนี้ หมายถึงเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำ และต้องการไปสู่จุดสูงสุดในหน้าที่การงาน

🟩 11.เรือนที่สิบเอ็ด (ภพลาภะ)
เกี่ยวกับสังคม เพื่อน และความสำเร็จจากการสนับสนุน ถ้ามีดาวยูเรนัสอยู่ตรงนี้ แปลว่าเป็นคนที่คิดแปลกใหม่ ชอบสร้างอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

🟩 12.เรือนที่สิบสอง (ภพวินาศ)
เรื่องจิตวิญญาณ ความลับ และพลังงานที่ลึกสุดๆ ถ้ามีดาวเนปจูนอยู่ตรงนี้ หมายถึงเป็นคนที่มีเซนส์แรงมาก และมีความเข้าใจเรื่องที่ลึกซึ้งเหนือธรรมชาติ

🟥 ภพในโหราศาสตร์ไทยช่วยให้เห็นว่าพลังงานของดาวแต่ละดวงไปส่งผลตรงไหนของชีวิต ลองดูว่าใน Birth Chart ของตัวเองมีดาวอยู่ภพไหน แล้วจะเข้าใจว่าทำไมบางเรื่องมันเป็นจุดแข็งของเรา และบางเรื่องเราต้องพยายามมากขึ้น

🟨 สนุกไปกับการค้นหาตัวเองกันเลย สุดท้าย เอาทุกอย่างมารวมกัน แล้ววิเคราะห์ภาพรวม พอได้ดูว่าดาวอยู่ตรงไหน เชื่อมกันยังไง และส่งผลต่อชีวิตส่วนไหน ก็ลองดูว่า Birth Chart ของเรามีจุดเด่นตรงไหนมากที่สุด แล้วใช้มันเพื่อเข้าใจตัวเองให้ลึกขึ้น

🟪 นี่แหละคือกระบวนการแปล Birth Chart แบบจัดเต็ม ลองดูของตัวเอง แล้วจะเห็นว่ามันช่วยให้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้จริงคะ

🩷๐❤️๐🧡๐💛๐💜๐💙๐🩵๐💚๐🖤๐💗๐🩷๐❤️

🔶ฝึกดูบ่อยๆ จนเก่ง

🚩Birth Chart ต้องใช้การฝึกฝนบ่อยๆ ยิ่งดูมากยิ่งเข้าใจ
🚩ลองดูของตัวเอง แล้วเทียบกับคนรอบตัว จะเห็นว่าแต่ละคนมีพลังงานต่างกัน
🚩ถ้าเริ่มเข้าใจหลักการแล้ว ลองอ่านตำแหน่งดาวแล้วตีความเชื่อมโยงกัน
🚩ถ้าทำตามนี้ได้ Birth Chart จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นี่คือวิธีอ่านดวงกำเนิดแบบไม่ต้องใช้โปรแกรมเลย ลองดู สนุกแน่นอนคะ 😊

หมอดูที่ดีต้องมีจรรยาบรรณ ต้องกล้าบอกความจริง ไม่ใช่แค่ให้คำตอบที่ลูกดวงอยากได้เพื่อให้รู้สึกดีชั่วคราว เพราะสุดท้ายแล้ว...
03/05/2025

หมอดูที่ดีต้องมีจรรยาบรรณ

ต้องกล้าบอกความจริง ไม่ใช่แค่ให้คำตอบที่ลูกดวงอยากได้เพื่อให้รู้สึกดีชั่วคราว เพราะสุดท้ายแล้วการดูดวงไม่ใช่เครื่องมือเอาไว้ปลอบใจหรือให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ มันคือเครื่องมือที่ช่วยให้คนมองเห็นภาพรวมของชีวิต ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีสติและเดินไปในเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวเอง

บางครั้งลูกดวงจะถามซ้ำไปซ้ำมา เพราะอยากได้คำตอบที่ตรงกับความหวังของตัวเอง ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของคนที่ยังไม่พร้อมรับความจริง

แต่หมอดูต้องชัดเจนว่าหน้าที่ของตัวเองคือการชี้ทาง ไม่ใช่ตอบซ้ำ ๆ เพื่อหล่อเลี้ยงความหวังที่ไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง หมอดูต้องไม่ให้คำตอบเพื่อเอาใจ หรือเพื่อทำให้ลูกดวงรู้สึกดีแบบชั่วคราว เพราะสุดท้ายถ้าคำตอบนั้นไม่ใช่เรื่องจริง มันจะสร้างความเสียหายมากกว่าช่วยให้เขาเข้าใจชีวิต

การตั้ง Boundaries เป็นสิ่งสำคัญมาก หมอดูต้องรู้ว่าต้องวางขอบเขตของตัวเองตรงไหน และต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าการดูดวงไม่ใช่การบอกสิ่งที่ลูกดวงอยากได้ยินเสมอไป

ถ้าลูกดวงถามซ้ำ หรือไม่ยอมรับคำตอบที่ได้รับ หมอดูต้องกล้าที่จะบอกตรง ๆ ว่าเขาต้องกลับไปทบทวนตัวเอง แทนที่จะพยายามถามซ้ำเพราะต้องการหลีกเลี่ยงความจริง

ธรรมะกับการดูดวงเป็นสิ่งที่ควรเดินไปด้วยกัน เพราะถ้าหมอดูสอนธรรมะไปด้วย ลูกดวงจะเข้าใจว่าโลกนี้ไม่มีอะไรอยู่เหนือกรรมของตัวเอง

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการกระทำและการเลือกของเรา ถ้าลูกดวงต้องเผชิญกับปัญหา หมอดูต้องช่วยให้เขาเรียนรู้จากมัน ไม่ใช่หลอกปลอบใจเพื่อให้เขารู้สึกดีชั่วคราว

ทุกข์เกิดจากใจ ถ้าหมอดูเลือกบอกแต่สิ่งที่ลูกดวงอยากฟังโดยไม่ให้ข้อคิดที่แท้จริง ลูกดวงก็จะวนเวียนอยู่กับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ และไม่มีทางแก้ไขปัญหาด้วยสติ
หมอดูที่ดีต้องให้คำทำนายที่ช่วยให้คนมองเห็นความจริง และเข้าใจชีวิต ไม่ใช่แค่พูดเพื่อให้รู้สึกดีในช่วงเวลาหนึ่ง

สุดท้ายแล้วการดูดวงคือการเปิดมุมมอง เป็นโอกาสให้ลูกดวงได้คิด ได้ไตร่ตรอง และได้เติบโต ไม่ใช่หนทางในการหนีความจริง หมอดูต้องรักษาความซื่อสัตย์ในการทำนาย และลูกดวงต้องมีสติพอที่จะยอมรับคำตอบที่ได้รับ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ติดอยู่กับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

# นี่แม่ครูเลือกรูปที่ดูมีอายุมาให้ดูว่า“เออแก่อยู่นะความจริง🤣”

ขอบคุณความรู้จากแม่ครู

#หมอดูที่ดีต้องมีจรรยาบรรณ ต้องกล้าบอกความจริง ไม่ใช่แค่ให้คำตอบที่ลูกดวงอยากได้เพื่อให้รู้สึกดีชั่วคราว เพราะสุดท้ายแล้วการดูดวงไม่ใช่เครื่องมือเอาไว้ปลอบใจหรือให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ มันคือเครื่องมือที่ช่วยให้คนมองเห็นภาพรวมของชีวิต ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีสติและเดินไปในเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวเอง

#บางครั้งลูกดวงจะถามซ้ำไปซ้ำมา เพราะอยากได้คำตอบที่ตรงกับความหวังของตัวเอง ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของคนที่ยังไม่พร้อมรับความจริง

#แต่หมอดูต้องชัดเจนว่าหน้าที่ของตัวเองคือการชี้ทาง ไม่ใช่ตอบซ้ำ ๆ เพื่อหล่อเลี้ยงความหวังที่ไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง หมอดูต้องไม่ให้คำตอบเพื่อเอาใจ หรือเพื่อทำให้ลูกดวงรู้สึกดีแบบชั่วคราว เพราะสุดท้ายถ้าคำตอบนั้นไม่ใช่เรื่องจริง มันจะสร้างความเสียหายมากกว่าช่วยให้เขาเข้าใจชีวิต

#การตั้ง Boundaries เป็นสิ่งสำคัญมาก หมอดูต้องรู้ว่าต้องวางขอบเขตของตัวเองตรงไหน และต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าการดูดวงไม่ใช่การบอกสิ่งที่ลูกดวงอยากได้ยินเสมอไป

#ถ้าลูกดวงถามซ้ำ หรือไม่ยอมรับคำตอบที่ได้รับ หมอดูต้องกล้าที่จะบอกตรง ๆ ว่าเขาต้องกลับไปทบทวนตัวเอง แทนที่จะพยายามถามซ้ำเพราะต้องการหลีกเลี่ยงความจริง

#ธรรมะกับการดูดวงเป็นสิ่งที่ควรเดินไปด้วยกัน เพราะถ้าหมอดูสอนธรรมะไปด้วย ลูกดวงจะเข้าใจว่าโลกนี้ไม่มีอะไรอยู่เหนือกรรมของตัวเอง #ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการกระทำและการเลือกของเรา ถ้าลูกดวงต้องเผชิญกับปัญหา หมอดูต้องช่วยให้เขาเรียนรู้จากมัน ไม่ใช่หลอกปลอบใจเพื่อให้เขารู้สึกดีชั่วคราว

#ทุกข์เกิดจากใจ ถ้าหมอดูเลือกบอกแต่สิ่งที่ลูกดวงอยากฟังโดยไม่ให้ข้อคิดที่แท้จริง ลูกดวงก็จะวนเวียนอยู่กับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ และไม่มีทางแก้ไขปัญหาด้วยสติ #หมอดูที่ดีต้องให้คำทำนายที่ช่วยให้คนมองเห็นความจริง และเข้าใจชีวิต ไม่ใช่แค่พูดเพื่อให้รู้สึกดีในช่วงเวลาหนึ่ง

#สุดท้ายแล้วการดูดวงคือการเปิดมุมมอง เป็นโอกาสให้ลูกดวงได้คิด ได้ไตร่ตรอง และได้เติบโต ไม่ใช่หนทางในการหนีความจริง หมอดูต้องรักษาความซื่อสัตย์ในการทำนาย #และลูกดวงต้องมีสติพอที่จะยอมรับคำตอบที่ได้รับ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ติดอยู่กับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

#นี่แม่ครูเลือกรูปที่ดูมีอายุมาให้ดูว่า“เออแก่อยู่นะความจริง🤣”

ที่อยู่

Hat Yai
90110

เบอร์โทรศัพท์

+66632963262

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ปัญญ์สุข ออราเคิลผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ปัญญ์สุข ออราเคิล:

แชร์