
15/06/2025
ลูกค้าอยู่ที่ไหน เราต้องไปที่นั่น
บทเรียนจากร้านอาหารที่ยังไม่เข้าใจ
ผมไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่ง (เป็นร้านประจำ)
เจ้าของร้านนั่งคุยกับลูกค้าด้วยใบหน้าหม่นหมอง
พี่เจ้าของร้านอายุประมาณ 45-50 บ่นใส่ผมว่า...
เศรษฐกิจไม่ดีเลยนะ
คนหายหมดเลย
เมื่อก่อนวันนึงขายได้ 2 หมื่น
ตอนนี้เหลือแค่ 4-5 พัน
ทั้งๆที่อาหารก็อร่อยเหมือนเดิม
ราคาก็ไม่ได้ขึ้น
ลูกค้าหายไปไหน?
ผมถามพี่เจ้าของร้านว่า: ลูกค้าไปไหนหมดล่ะครับ?
เขาตอบ: ก็ไม่รู้สิ หายไปไหนหมด
คนไม่ใช้เงิน ไม่ออกมากินข้าวข้างนอก
แล้วเขาก็เล่าให้ฟังถึงอดีต สมัยก่อนร้านข้างๆเยอะ
คนเยอะมาก ขายกันไม่ทันเลย
เดี๋ยวนี้ร้านอาหารเลิกรากันเป็นแถว ย้ายกันหมดแล้ว
ผมถาม: ร้านอื่นย้ายไปไหนครับ?
เขาตอบ: ก็น่าจะไปหาลูกค้าที่ไหนที่มีคนเยอะๆ
การค้นพบความจริง
ผมถามต่อ: แล้วครับ พี่รู้ได้ไงว่าจะไปแถวไหน?
เขาตอบ: ก็ที่ๆมีคนเยอะๆ
ผม: ที่มีคนเยอะๆ คือที่ลูกค้าพี่อยู่ใช่ไหมครับ?
เขา: ใช่ ถ้าแพงหน่อยแต่มีคนก็คุ้ม ขายได้ก็คุ้ม
ผม: งั้นผมถามพี่นะครับ พี่คิดว่าลูกค้าพี่อยู่ที่ไหน?
เขา: ไม่รู้สิ หายไปไหนหมด
ผม: เอางี้ครับ พี่ว่าคนอยู่ที่ไหนกันล่ะ?
ลองนึกดูดีๆนะครับ เขาก็งงกับคำถามผม
จังหวะเปลี่ยนความคิด
ผมชี้ไปที่โต๊ะลูกค้าข้างๆ: พี่ลองดูโต๊ะนั้นสิครับ คนทำอะไรกันอยู่?
พี่เจ้าของร้านหันไป...เห็น 4-5 คนนั่งก้มเล่นมือถือ
ผม: เห็นอะไรไหมครับ? คนอยู่ที่ไหน? พี่
เจ้าของร้าน: อ๋อ...อยู่ในมือถือใช่ไหม?
ผม: ใช่แล้วครับ! ถ้าวันนี้ผมอยากหาร้านอาหารอร่อยๆ
ผมก็คงก้มดูมือถือเหมือนคนนั้นแหละ แล้วหาร้านในแอพ
สั่งออนไลน์ หรือดูรีวิวก่อนมาร้าน
แต่พอดีวันนี้ผมผ่านมาเลยแวะกิน
ความเข้าใจใหม่
ผม: เมื่อกี้พี่บอกว่า คนอยู่ไหนไปที่นั่น ถูกไหมครับ?
เขา: ถูกอ่ะ
ผม: ปัจจุบันคนอยู่ที่ไหน?
เขา: ในมือถือใช่ไหม?
ผม: พี่ดู TikTok ไหม? มี Facebook ไหม? เล่น LINE ไหม?
เขา: มีอ่ะ เล่นทุกอย่าง
ผม: คำถามคือ คนส่วนใหญ่ก็อยู่บนโซเชียลใช่ไหม?
เขา: ใช่
ผม: ในเมื่อพี่รู้ว่าคนอยู่ไหนแล้ว แล้วทำไมพี่ไม่ไปหาคนล่ะครับ?
เขา: ก็...เล่นเป็น แต่ไม่รู้จะใช้ค้าขายยังไง
การตระหนักรู้
ผม: เมื่อกี้พี่บอกว่า สมัยก่อนแพงแค่ไหนก็จ่าย
เพื่อไปขายที่มีคนเยอะ ทำไมไม่ลองจ่ายเวลา ลงทุนเรียนรู้ดูล่ะครับ?
ในเมื่อมันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องอนาคต เป็นเรื่องปากท้อง
เขาหัวเราะ แล้วพูดว่า: เออ จริงด้วย ที่พูดก็ถูก
คนอยู่ที่ไหน เราต้องไปที่นั่น
แล้วไม่ไปเอง แล้วเราจะบ่นทำไม
บทเรียนสำหรับเจ้าของร้านอาหาร
ร้านอาหารแบ่งเป็น 2 ประเภท
ร้านที่บ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดี
รอลูกค้าเดินผ่านหน้าร้าน
บ่นว่าคนไม่ใช้เงิน
คิดว่าลูกค้าหายไป
ไม่ยอมปรับตัวตามยุคสมัย
ร้านที่ไปตามหาลูกค้า
รู้ว่าลูกค้าอยู่ในโซเชียลมีเดีย
ทำคลิป ลงรูป รีวิวเมนู
โต้ตอบกับลูกค้าออนไลน์
ปรับตัวตามพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภค
ลูกค้าไม่ได้หาย แค่ย้ายที่อยู่
ความจริงคือ... ลูกค้าไม่ได้หายไป
แค่ย้ายจากถนนมาอยู่ในมือถือ
ย้ายจากการเดินหาร้าน
มาเป็นการเลื่อนหาร้าน
ย้ายจากการถามคนรู้จัก
มาเป็นการดูรีวิวออนไลน์
คนไม่ได้ไม่ใช้เงิน แต่ใช้เงินผ่านช่องทางใหม่
สั่งอาหารผ่านแอพ
หาร้านจาก TikTok
ดูรีวิวจาก Facebook
สรุป คนอยู่ที่ไหน เราต้องไปที่นั่น
ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านอาหารที่
กำลังบ่นว่าลูกค้าหายไป
ลองถามตัวเองว่า: ลูกค้าอยู่ที่ไหน?
คำตอบคือ อยู่ในโซเชียลมีเดีย
ถ้ารู้แล้วว่าคนอยู่ไหน แต่ไม่ยอมไปหา
แล้วจะโทษใครได้ว่าร้านไม่มีลูกค้า?
เลิกรอให้ลูกค้าย้อนยุคมาหาเรา
ถึงเวลาที่เราต้องก้าวไปหาลูกค้าในยุคใหม่
วันนี้เริ่มเลย
ทำคลิปแรกลง TikTok
สร้างเพจ Facebook
ถ่ายรูปอาหารลง Instagram
คนอยู่ที่ไหน เราต้องไปที่นั่น หยุดบ่น เริ่มทำ วันนี้
หลังจากคุยกับพี่เจ้าของร้านอาหารไป
อีก 2 อาทิตย์ต่อมา ผมกลับไปกินที่ร้านเดิมอีกครั้ง...
พี่เจ้าของร้านยังนั่งบ่นเหมือนเดิม
เศรษฐกิจยิ่งแย่ลง ลูกค้ายิ่งหายหมด
ผมถาม: พี่ลองทำโซเชียลแล้วยัง?
เขา: ยังเลย ไม่มีเวลา ไม่เก่ง อุปกรณ์ยังไม่พร้อม
ผมเลยบอกพี่เขาว่า (สนิทกันเลยกล้าเตือน)
ว่าอีก 3 เดือน
ร้านอาหารที่ยังบ่นอยู่
1. ยอดขายจะตกต่อเนื่อง
จาก 5 พัน/วัน เหลือ 3 พัน/วัน
หนี้สินเริ่มสะสม ค่าเช่าค้างจ่าย
ต้องลดพนักงานจาก 3 คน เหลือ 1 คน
2. ลูกค้าเริ่มลืม
ลูกค้าประจำหันไปร้านใหม่ที่เห็นในโซเชียล
คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักร้านเลย
การบอกต่อปากต่อปากหายไปเกือบหมด
3. ค่าใช้จ่ายยังคงเดิม แต่รายได้ลด
ค่าเช่า ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าวัตถุดิบเท่าเดิม
รายได้ลดลงแต่ต้นทุนไม่ลด
เจ้าของต้องยัดเงินส่วนตัวเข้าร้านทุกเดือน
ขณะเดียวกัน...ร้านข้างๆที่เริ่มทำโซเชียล
ร้านส้มตำลุงโจ้ (เปิดใหม่ 2 เดือน)
เจ้าของอายุ 55 เริ่มทำคลิป TikTok
คลิปแรก: ถ่ายมือตอนทำส้มตำ 30 วินาที
วิว 50000 ใน 1 อาทิตย์
ตอนนี้ขายวันละ 15000 บาท
ร้านข้าวผัดป้าเล็ก
เจ้าของอายุ 48 เรียนทำเพจ Facebook
ทำคลิปข้าวผัดทุกวัน พร้อมราคา
มีลูกค้าออเดอร์ล่วงหน้าผ่าน LINE
ยอดขายเพิ่มขึ้น 40% ในเวลา 2 เดือน
อีก 6 เดือนผ่านไป...หากพี่ยังเอาแต่บ่นอยู่
สิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง
1. ปิดกิจการชั่วคราว
ไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้
พนักงานคนสุดท้ายลาออก
เจ้าของต้องไปทำงานให้คนอื่นก่อน
2. สุขภาพเจ้าของแย่ลง
นอนไม่หลับเพราะกังวลเรื่องหนี้สิน
เครียดทุกครั้งที่เห็นร้านอื่นขายดี
ความสัมพันธ์ในครอบครัวเริ่มแย่
3. โอกาสหายไป
คู่แข่งที่เริ่มโซเชียลช้ากว่า ตอนนี้มีลูกค้าแน่น
ลูกค้าเก่าติดร้านใหม่แล้ว กลับมายาก
ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด แต่ด้วยเงินทุนที่น้อยลง
***และสุดท้าย เมื่อพี่เจอผมอีกครั้ง พี่อาจจะพูดกับผมว่า***
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่จะเริ่มทำโซเชียลตั้งแต่วันแรก
ไม่หาข้ออ้าง ไม่บ่น ไม่รอ
ตอนนี้รู้แล้วว่าลูกค้าอยู่ไหน แต่สายไปแล้ว...
ทุกวันนี้ฉันต้องไปทำงานให้คนอื่น
ขณะที่คนที่เริ่มทำโซเชียลตั้งแต่ต้น เขากำลังขยายสาขาที่ 3
สรุป บ่นแล้วจะได้อะไร?
แต่ถ้าคุณเริ่มทำวันนี้
1. 3 เดือนแรก = เริ่มมีลูกค้าใหม่ ยอดขายไม่ลด
2. 6 เดือน = ลูกค้าเพิ่ม 30-50% เริ่มคืนทุน
3. 1 ปี = มั่นคง กำไรดี พร้อมขยายสาขา
การเลือกอยู่ที่คุณ จะเป็นเจ้าของร้านที่ปิดตัวเพราะบ่น
หรือเจ้าของร้านที่รุ่งเรืองเพราะปรับตัว?
โลกไม่เคยรอใคร ธุรกิจที่ไม่ปรับตัว = ธุรกิจที่รอวันตาย
วันนี้คือวันสุดท้ายที่คุณจะบ่น
พรุ่งนี้เริ่มทำ หรือเตรียมปิดร้าน!
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ
ร้านอาหาร #วุ้นหอมปากหอมคอ
ติดวิทยาลัยนาฎศิลป์ #ลพบุรี ถนนสาย2
TEL.082 424 4245