สถานีวิทยุกองทัพบกโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

สถานีวิทยุกองทัพบกโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า คนติดตามข่าว

31/07/2025
31/07/2025
31/07/2025

ความจริงที่โลกต้องรู้:
“เขมรยึดปราสาทตาควาย” เป็นข่าวลวง!

วันที่ 30 ก.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวกัมพูชา Pheara Sarat โพสต์ภาพตนเองและทหารเขมรในพื้นที่ปราสาทตาควาย พร้อมแคปชันว่า “เขมรยึดได้แล้ว”

แต่ในภาพกลับเห็น ทุ่นระเบิด PMN-2 ถูกวางเป็นพวง บริเวณทางเข้าปราสาท

🔻ข้อเท็จจริงจากกองทัพบกไทย
31 ก.ค. 68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงว่า…

“ทหารไทยยังไม่สามารถควบคุมตัวปราสาทได้เต็มร้อย เพราะถูกฝ่ายเขมรวางทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวนมากไว้รอบบริเวณ เพื่อสกัดการเข้าถึงของไทย”

อย่างไรก็ตาม ทหารไทยสามารถ ควบคุมพื้นที่โดยรอบได้มากขึ้น และยืนยันว่า

“ก่อนการหยุดยิง ทหารไทยยึดภูมิประเทศโดยรอบไว้ได้มากกว่าช่วงก่อนปะทะแน่นอน”

ทุ่นระเบิด PMN-2 = ผิดอนุสัญญาออตตาวา

การวางกับระเบิดรอบโบราณสถานที่มีนักข่าวและประชาชนเข้าไปถ่ายภาพ นอกจากจะไร้มนุษยธรรม ยังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทุกรูปแบบ

กรณี “หมวดบุ๊ค” ทหารกล้าของไทยที่ขาขาดจากการเหยียบกับระเบิด PMN-2 คือหลักฐานชัดว่าเขมรใช้ยุทธวิธีต้องห้ามกับกำลังพลไทย

“Cambodia’s claim of capturing Ta Khwai Temple is a disinformation attempt.”

A Cambodian journalist, Pheara Sarat, posted a photo with Cambodian soldiers claiming they had taken control of Ta Khwai Temple.

But the photo revealed a much darker truth — PMN-2 anti-personnel landmines were seen placed near the temple structure.

According to Thai Army Spokesman Maj. Gen. Winthai Suvaree:

“The Thai military currently controls most of the surrounding area, but cannot fully secure the temple itself due to extensive Cambodian mine deployment.”

The use of PMN-2 mines violates the Ottawa Treaty, which Cambodia is a signatory to. This act not only endangers soldiers but also civilians and heritage sites.




#อาชญากรสงคราม
#กัมพูชายิงก่อน
#ยุทธบดินทร์

31/07/2025

ผู้ปิดทองหลังพระ

30/07/2025
30/07/2025

“พีธ พีระ” แท็กทีม 32+1 ศิลปินระดับตำนาน! เปิดไทม์แมชชีนระเบิดเวที "Hall of Friends Concert" ขนเพลงฮิตย้อนวัยสุดมันส์!!! จำได้ทุกเนื้อ ร้องตามได้ทุกโน้ต! ดื่มด่ำความสุขจากเสียงเพลงที่คิดถึงตลอด 4 ชั่วโมงเต็ม! เมื่อวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2568 ณ One Bangkok Forum

“เพลงบางเพลงไม่ได้หายไปไหน แต่อยู่ในใจตลอดมา” คำกล่าวนี้ของพ่องานอย่าง “พีธ พีระ” ไม่เกินจริง! เพราะเกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดโชว์เลยทีเดียว! เมื่อ “พีธ” ปรากฏตัว พร้อมกับ “จั๊ก ชวิน” Music Director ครั้งนี้ เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงทั่วทั้งฮอลล์ และ ดังกึกก้องยิ่งขึ้นเมื่อ “พี่โป่ง หิน เหล็ก ไฟ” ขึ้นมากับเพลง “ดีที่สุดแล้ว” แฟนเพลงต่างร้องตามกระหึ่มฮอลล์ทันที

หลังจากนั้น เหล่ำศิลปินทั้ง 32+1 สลับสับเปลี่ยนขึ้นมาร้องเพลงมาสเตอร์พีชของตัวเอง พร้อมการคอลแลปบนเวทีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “กบ ทรงสทธ” ที่แน่นอนว่ามากับเพลง “ขีดเส้นใต้” ก่อนจะโชว์เพลงหวานซึ้งอย่ำง “หากันจนเจอ” ร่วมกับ “โรส ศิรินทิพย์” เปิดทางไปสู ่ช่วงเวลาของสาวๆ ที่ “พีธ พีระ” นิยามว่าเป็น Wonder Woman ไม่ว่าจะเป็น "ตุ๊ก วิยะดา, อ้วน วารุณี, บีม จารุ วรรณ, ปนัดดา เรืองวุฒิ, พั้นช์ วรกำญจน์ และ ลุลา" ที่ขนเพลงฮิต เพลงดังในตำนานของตัวเอง อย่าง "ก้อนหินก้อนนั้น, ขอจันทร์, กอดฉัน, เมื่อไม่มีเธอ, ดาวกระดาษ, ยิ่งกว่าเสียใจ, ไม่อยู่ในชีวิตแต่อยู่ในหัวใจ" มาร้องกันอย่างออกรส ถึงอารมณ์ ก่อนจะปิดท้ายช่วงนี้ ด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษ “เจินเจิน บุญสูงเนิน” ที่มากับเพลง “ถ้าคิดถึงเธอมากกว่านี ้” เพลงดังที่กลับมำเป็นไวรัลในเหล่าวัยรุ่นเจน Z อีกครั้ง!

ไปกันต่อกับช่วงเวลาของ 4 หนุ่ม ที่เขานิยามการรวมตัวครั้งนี้ว่าเป็น 4 BOYS "เอก สุระเชษฐ์, จั้ม Colorpitch, แอ๊น Emotion Town และ อาท Vacation" มากับเพลงที่ทุกคนร้องตามได้! อย่าง "ฉันขอโทษ, ขัดใจ, เหตุเกิดจากความเหงา, คืนใจ" และบทเพลงพิเศษที่เขียนขึ้นมาเพื่อคอนเสิร์ตนี้โดยเฉพาะกับเพลง “เขียนรัก”

แล้วมาร้องกันให้สุดเสียงกับเพลง “พูดไม่คิด” และ “EVENT” จากหนุ่มๆ Season Five จากนั้นหนุ่มเสียงหวาน “ที Jetset’er” ก็ปรากฏตัวมากับเพลง “จูบ” และ “เธอเก่ง” ก่อนจะส่งเวทีให้กับ “ปราโมทย์ วิเลปะนะ” ในเพลง “แค่บอกว่ารักเธอ” และ “คืนที่ดาวเต็มฟ้า” ตามด้วย “หนึ่ง ECT.” ในเพลง “ใครนิยาม” และ “เจ็บและชินไปเอง” ส่วน "โทนี่ ผี, อัทธ์ Yes’sir Days และ ซิน Singular" ก็วนมาคอลแลปสลับกันไปในเพลง “คนที่แสนดี” และ “อยากให้เธอได้ยินหัวใจ” ก่อนที่ “ซิน” จะร้อง เพลง “เบา เบา” ให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง ตามด้วย “โอ้ เสกสรรค์” ที่มากับเพลง “ใจให้ไป” และ “ติ๊ก Playground” ที่พาเพลง “ปล่อยใจ” มาร้องบนเวทีอีกครั้ง

ความสนุกที่ฉุดไม่อยู่ พุ่งทะยานสูงขึ้น! ถึงเวลาของพ่องานอย่าง “พีธ พีระ” และ “จั ๊ก ชวิน” ที่ขึ้นมาร้องเพลง “ความรักดีอยู่ที่ไหน” ตามด้วยเพลง “เธอสวย” ก่อนที่เสียงแซกโซโฟนจะดังขึ้นมา พร้อมการปรากฏตัวของ “ฟอร์ด สบชัย” มาร่วมร้องด้วยในเพลง “ตัวจริงของเธอ” ซึ่งนาทีนี ้เจ้าตัวก็ไม่พลาดที่จะร้องเพลง “หยุดตรงนี้ที่เธอ” เดือดขึ้นไปอีก กับเหล่าอเวนเจอร์พลังเสียงสูง ไม่ว่าจะเป็น "อู ๋ ธรรพ์ณธร, เอ๊ะ จิรากร และ คิว วง Flure" ที่ขนเอาเพลง "หัวใจกระดาษ, ใจกลางความรู้สึกดีๆ , จากนี ้ไปจนนิรันดร์, กันและกัน และ อยู่ไปไม่มีเธอ" มาโชว์พลังเสียงสู๊งงงง! อย่างถึงใจ

และเข้าถึงพาร์ทแห่งตำนาน! 19 ปี กับภาพที่ทุกคนรอคอย การปรากฏตัวบนเวทีร่วมกันอีกครั้งของ 2 หนุ่ม Peacemaker “บอย-พีธ” กับเพลงดังในตำนานของพวกเขาที่แฟนเพลงคิดถึง อย่าง "คิดถึง, ส่วนเกิน, เหงา และ เนื้อคู่" โดยทั้งบอยและพีธได้ลงมาด้านล่างเวที เพื่อเอนเตอร์เทนแฟนๆ อย่างใกล้ชิด ให้สมกับความคิดถึง ทำเอาแฟนๆ เป็นปลื้มใจฟูไปตามๆ กัน ยังไม่หมดแค่นั้นครับ “ต้าร์ Mr.Team” และ “ปู Blackhead” กับเพลง “ไม่ต้องมีคำบรรยาย” ไต่ระดับความมันไปอีกขั้นด้วยเพลง “เจ้ำช่อมาลี” ที่มีปนัดดาเรืองวุฒิ ขึ้นมาแจม ต่อด้วยเพลง “ยิ่งโตยิ่งสวย” และ “เพียงกระซิบ” ก่อนที่อีกหนึ่งแขกรับเชิญตัวซีเคร็ทอย่าง “ติ๊ก ชิโร่” จะขึ้นมากับเพลง “มนุษย์ค้างคาว” เดือดให้สุดกับเพลง “นางแมว” โดย “อู ๋ ธรรพ์ณธร - เอ๊ะ จิรากร”

และปิดท้ายความสุข สนุก แบบเต็มพิกัดในค่ำคืนนี ้ไปกับเพลง “อย่าหยุดยั้ง” จากศิลปินทั้ง 33 คน ที่ขึ้นมาร่วมร้อง เพลงอำลำแฟนเพลงของพวกเขาไปอย่างมีความสุขสุดพลัง เรียกได้ว่ำ ‘Hall of Friends Concert’ เป็นคอนเสิร์ตที่ได้เห็นการรี ยูเนียนของดูโอ้ในตำนาน ศิลปินในตำนาน และเพลงในความคิดถึง เชื่อว่าทุกเพลงในคอนเสิร์ตนี ้เป็นเพลย์ลิสต์ที่อยู่ในใจของแฟนเพลงเสมอมา สมกับคำว่า..คอนเสิร์ตระดับ Masterpiece - Masterpeet!

ขอขอบคุณ : AME IMAGINATIVE ในเครืออมรินทร์กรุ๊ปร่วมกับ MasterPeet and Co และ Half Toast

#หวัดแกมบรรจง #เพจนี้ก็เหมือนปลามันมีเกร็ด

30/07/2025
30/07/2025

JC UPDATE
วาสนา นาน่วม
“ส่วนผสมที่ลงตัว” ระหว่าง ความเป็นธรรมศาสตร์
กับ ภารกิจนักข่าว ผู้เจาะลึก กองทัพ หาคำตอบให้ประชาชน

ชื่อนี้ เป็นที่คุ้นเคย เพราะเป็นชื่อ และนามสกุลที่ออกมาจากปากผู้นำประเทศสายทหารผ่านสื่อทีวีอยู่เนืองๆ และเป็นชื่อที่การันตีได้ถึง คุณภาพ ความกล้า ความซื่อตรง และน่าเชื่อถือได้ ทุกเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การทหาร สัญญานที่ปล่อยออกมาการันตีได้ว่า “จริง” ด้วยคอนเนคชั่นขั้นสูง (เพราะอยู่มานาน) สัญชาติญานแรงกว่า 5G และการกลั่นกรองหลายชั้น กว่าจะออกมาทางสื่อ และเพจส่วนตัวให้คอการเมือง ผู้อ่าน ผู้ติดตาม ได้เสพข่าวกัน

#ความมุ่งมั่นเกินร้อย “รักหนังสือพิมพ์” มาตั้งแต่เรียนมัธยม
วาสนา นาน่วม หรือชื่อเล่นว่า “เล็ก” ที่เพื่อนๆ เรียกกัน เพราะรักการอ่านมาก ไม่ว่าจะเป็นข่าว บทวิจารณ์การเมือง ชอบมาตั้งแต่เรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 จนตั้งใจแน่วแน่ว่า อนาคตจะต้องเป็นนักหนังสือพิมพ์ให้ได้ เพราะอยากทำข่าว อยากเป็นคอลัมนิสต์เขียนบทวิจารณ์มาก ถึงขั้นเกิด Mindset ตั้งแต่ตอนนั้นว่า “รักหนังสือพิมพ์”

2 ฉบับแรกที่อ่านประจำก็คือ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ และบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอลัมน์ สวนพลู ที่เขียนโดย มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ คือ IDOL ของเธอ เป็นแรงบันดาลที่ทำให้มุ่งมั่นตั้งใจว่า วันหนึ่งเธออยากเดินตามรอยเป็นคอลัมนิสต์แนวนี้ และคณะวารสารศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือคำตอบ

“สมัยเรียนที่ สาธิต สวนสุนันทา ตั้งเป้าไว้ว่า จะต้องสอบเข้าธรรมศาสตร์ให้ได้ เพราะคิดว่า ตัวเองไม่เหมาะกับจุฬาฯ ที่ต้องสวย รวย ไฮโซ เราเป็นคนบ้านๆ ต้องวารสารฯเท่านั้นที่เหมาะกับเรา ตอนนั้นเข้าขั้นบ้าธรรมศาสตร์ก็ว่าได้”

#จุดเปลี่ยนสู่การเป็นคนตั้งใจเรียน
เป็นคนเรียนปานกลางมาตลอด จนวันหนึ่งถูกคุณครูประจำชั้นสมัยเรียน ม.4 ตักเตือนถึงผู้ปกครองในสมุดพกว่า “เอาตัวเองให้รอดก่อนไปช่วยเหลือคนอื่น” เพราะครูจับได้ว่า แอบบอกข้อสอบเพื่อน ที่ไม่คิดมาก่อนว่า ความต้องการช่วยเพื่อนจะผิดกฎขนาดนี้ จึงทำให้เกิดแรงฮึด ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง มุมานะเรียนจนได้ท้อปหลายวิชา ของสายศิลป์-ภาษาฝรั่งเศส ตอนชั้น ม.5-6 โดยเฉพาะภาษาฝรั่งเศส คือวิชาที่ได้คะแนน“เป๊ะมาก”

#สัญญานที่เชื่อว่าจะได้เรียนธรรมศาสตร์แน่ๆ
“ครั้งหนึ่ง “เล็ก” ได้ไปเดินเล่นแถว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ด้วยความรักธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ก็ยกมือไหว้วัดหอพระ ข้างคณะนิติศาสตร์ และไหว้มหาวิทยาลัยฯ เพราะเชื่อว่า ที่นี่มีดวงวิญญาณผู้รักประชาธิปไตยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม และ 14 ตุลาคม จำนวนมาก จนเดินผ่านหน้าหอประชุมใหญ่ มีใบไม้แห้งสีเหลืองแดงตกลงมาใส่มือ ยิ่งเสริมความมั่นใจว่า เราต้องสอบติดที่นี่แน่นอน แล้วก็สอบติดจริงๆ แบบไม่เกินความคาดหมายของครอบครัว ที่ไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าตัวเอง”

#เมื่อเล็กวาสนานาน่วมได้เข้าเรียนคณะวารสารศาสตร์ และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส JC 30 สมใจตามเจตนารมย์แล้ว แต่...มีเรื่องขัดใจ เพราะต้องไปเรียนที่ศูนย์รังสิต ตอนปี 1 ด้วยความเชื่อว่า ที่นั่น “ไม่ใช่” เลือดธรรมศาสตร์เข้มข้นแบบท่าพระจันทร์ จนปี 2 ถึงได้เข้าเรียนที่คณะฯ ที่ท่าพระจันทร์ และไม่รอช้าที่จะเลือกเรียนเอกหนังสือพิมพ์ตามความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า แม้ว่า สมัยนั้นคนยังเรียนสาขานี้จะน้อย มีเพียง 18 อรหันต์ก็ตาม

#ขยันเรียนขยันหารายได้ไม่เคยย่อท้ออุปสรรค
เพราะครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย เป็นลูกคนที่ 9 จากจำนวน 10 คน คุณพ่อทำงานเป็นข้าราชการ ตำแหน่งสมุห์บัญชี ที่อำเภอในภาคอีสาน หลายจังหวัด ในยุคคอมมิวนิสต์ต้องเสี่ยงชีวิตไปเก็บภาษีในพื้นที่สีแดง เฉียดโดน มาหลายครั้ง แต่ต้องไปเพื่อแสดงถึงอำนาจรัฐ ต้องเข้าถึงทุกพื้นที่ ทำให้เล็กอยากช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว จึงเป็นคนมุมานะเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย หารายได้พิเศษ ทำหมดทุกอย่างที่เป็นเงิน ไม่ว่าคณะจะมีงานพิเศษอะไร เช่น งานทำแบบสอบถาม ถ่ายแบบมือ เล่นหนังเป็นตัวประกอบ เพราะเรียนโทภาพยนตร์ ถ้าอยากได้อะไรต้องหาเงินซื้อเอง ไม่รบกวนครอบครัว
ด้วยความที่ชื่นชอบอ่านเรื่องการเมือง ของคอลัมนิสต์ IDOL มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เรื่องยุคนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับทหาร การปฎิวัติ จึงมีส่วนสะสมความคิด “เกลียดทหาร ถึงขั้นแอนตี้ และอคติ” เพราะมีบล็อกความคิด ความเป็นธรรมศาสตร์ รักประชาธิปไตย เกลียดเผด็จการ “เข้าธรรมศาสตร์ทุกครั้งจะยกมือไหว้ทุกดวงวิญญานที่ปกป้องประชาธิปไตยต้องเสียชีวิตไปที่นี่ เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวกับ มธ.ท่าพระจันทร์”

#คณะวารสารฯปูพื้นฐานความรู้สู่อาชีพนักข่าวที่มั่นคงในวันนี้
เล็กได้รับการสั่งสมความรู้ด้านหนังสือพิมพ์จนเธอสามารถนำมาใช้งานได้จริง ยังจำคำสอนของ อ.มาลี บุญศิริพันธุ์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องเทคนิคการสอนแบบกดดันได้ดี เพราะอาจารย์ต้องการให้นักศึกษาเป็นนักสื่อสารมวลชนคุณภาพ เคยสั่งงานตอนเย็น ให้ส่งข้อเขียนให้ทัน 6 โมงเช้าวันรุ่งขึ้น เป็นความกดดันแต่ทำให้ได้เรียนรู้ว่า อาชีพนักข่าวต้องเขียนข่าวให้ดี และทันต่อเวลา “เรากับพิมพ์ดีดแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะเติบโตมาในยุคอนาล็อก” ตอนมาทำงานหนังสือพิมพ์แรกๆ เคยน้อยใจว่า นักข่าวที่เราเจอ ไม่เห็นมีใครจบนิเทศ วารสารเลย ทำไมเราต้องเรียนตั้ง 4 ปี แอบหวงวิชาชีพตัวเอง”

เมื่อเวลาผ่านไปทำให้เห็นว่า จริงๆแล้ว นักข่าวกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เขาก็ต้องผ่านการสั่งสมประสบการณ์ ประกอบกับพรสวรรค์ก็ต้องมี ถึงจะเป็นนักข่าวได้ “มันทลายกำแพงในใจ” เพราะเราเห็นคนเก่งจริงก็มี

เราโชคดีได้ผ่านการเรียนวารสารฯที่สร้างภูมิพื้นฐานให้แข็งแกร่ง สร้าง Sense เรื่องข่าว ให้มี Nose for News 4 W 1 H ก็ใช้ได้จริง เมื่อเราเก็ทประเด็นแล้ว เราเก็ทจากสิ่งที่เราเรียนมา พรสวรรค์ก็มีส่วน ทำให้เราเติบโตในสายอาชีพนี้ เพราะ “เรียนวารสารฯมา ทำให้เรามีภูมิแน่น”

#เป็นนักข่าวที่เรียนรู้การปรับตัว
ตลอด 30 ปีในอาชีพสื่อจึงมีทั้งพื้นฐานความรู้ที่เรียนมา ประสบการณ์ ผสมผสานกับการปรับตัวรับการเปลี่ยนผ่านจากยุคสู่ยุค ปัจจุบันเล็กสามารถตัดคลิปข่าวเองได้ เป็น Mojo – Modern Journalist ทำเองได้หมด ต้องพัฒนาตัวเองไม่ให้ตกยุค

ช่วงที่เรียนจบระหว่าง ปี 2533-2534 เป็นช่วงรัฐประหาร เธอจึงเลือกทำสารนิพนธ์ หัวข้อ ปร.42 กรณีนสพ.แนวหน้า โดนคำสั่งคณะปฎิวัติให้ปิด การเอาตัวรอดของ นสพ.แนวหน้าหลังถูกปิด และได้ฝึกงานเป็นนักข่าวที่นี่ ทำให้เลือดประชาธิปไตยในตัวยิ่งเข้มข้น ในยุคบิ๊กสุ พลเอก สุจินดา คราประยูร และพลเอก ชาติชาย ชุณหวัณ เธอได้เริ่มต้นชีวิตนักข่าวสายทหาร จากการรับคำสั่งให้ไปเสริมทีมยุคเป็นนักข่าว นสพ.แนวหน้า

“บอกเลยว่า ตอนนั้นมองทหารแบบตาขวาง มีอคติ จ้องจับผิดว่า จะปฎิวัติอีกแล้วเหรอ เวลาตั้งคำถาม ก็จะถามแบบกวน ยียวน ตรวจสอบ เชิงด่าบ้าง เคยมีเรื่องที่เกือบทะเลาะกับทหารมาแล้ว เพราะทหารก็มีบล็อกความคิดเป็นของตัวเอง ถ้าจะถามในเชิงตรวจสอบ เขาจะไม่ตอบ ครั้งหนึ่ง พลเอก อาทิตย์ กำลังเอก เคยเตือนว่า ถ้าจะด่าทหาร ก็ให้ด่าเป็นคนๆ ไม่ใช่ด่ารวมๆทั้งหมด บางครั้งเคยถูกรุ่นพี่ลากตัวออกมาจากวงสัมภาษณ์ก็ผ่านมาแล้ว”

#จุดเปลี่ยนอีกครั้ง
จากวันนั้น คิดได้เองว่า สิ่งที่ทำนั้นไม่เหมาะ เริ่มสังเกตจากนักข่าวรุ่นพี่ที่ใช้วิธีถามแบบนิ่มๆ แต่ได้คำตอบที่อยากได้ ทำให้เกิดการเรียนรู้การปรับตัวเอง (Flexible) จากวิชานอกตำรา เริ่มเข้าใจตัวเอง และเข้าใจทหารว่า เราเรียนธรรมศาสตร์ เรารักธรรมศาสตร์ เราถูกปลูกฝังแนวคิด ประชาธิปไตย และรักประชาชน ต่อต้านเผด็จการทหาร ขณะที่ทหารจบมาจากโรงเรียนทหาร ก็ถูกปลูกฝังให้ต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาชาติ รักษาอธิปไตย แม้ถูกสั่ง ให้ไปรบ ทั้งที่รู้ว่า ต้องเจ็บหรือตายก็ตาม ต้องรักษาความสงบเรียบร้อย แม้ในโรงเรียนจะไม่ได้สอนให้รัฐประหาร แต่ที่สุดรัฐประหาร ก็มักเกิด ด้วยข้ออ้าง ที่ว่า เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของชาติ ที่มีนิยามกว้าง จนครอบจักรวาล เพราะมักจะมีสาเหตุ มาจากการแย่งชิงอำนาจ และความขัดแย้ง ด้วยก็ตาม

32 ปี ในอาชีพนักข่าว สายทหาร ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่า บล็อกความคิดของทหาร กับเราไม่เหมือนกัน วิธีการสร้างคนที่แตกต่างกัน ต่างคน ต่างมีบทบาทในการผลิตบุคลากรรองรับกันคนละด้าน เริ่มปรับตัว และเข้าใจมากขึ้น จนเคยได้ยินบางคนบอกว่า เสนอข่าวเข้าข้างทหาร? กลายเป็นนักข่าวสนับสนุนทหารหรือเปล่า? เพราะเราเลิกเป็นนักข่าวเชิงกระแหนะกระแหน ไง บทเรียนสอนเราว่า ไม้นวมได้ผลดีกว่าไม้แข็ง

“เล็กวันนี้ เป็นนักข่าวสายล้วงความลับ มีคอนเนคชั่น เพราะอยู่มานาน ทำให้แหล่งข่าวไว้วางใจว่า เรายึดคุณธรรม จริยธรรม ที่อาจารย์คณะวารสารฯสอนมา แม้แต่อาจารย์ที่มาบรรยายพิเศษ อาทิ อาจารย์ทองเติม เสมรสุต เราจะตั้งใจฟังด้วยความชื่นชมท่าน 100 เปอร์เซ็นต์ หรือ ท่านอื่นๆที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ล้วนมีคุณค่า และนำมาใช้ทำงานได้จริง”

#วาสนานาน่วมชื่อนี้การันตีคุณภาพข่าว
ด้วยความขยัน มุ่งมั่น อดทน ยึดมั่นอุดมการณ์ในวิชาชีพ ทำให้เล็ก วาสนา นาน่วม มีชื่อเสียง และน่าเชื่อถือในฐานะสื่อมวลชน สายทหาร ที่ยืนยงยาวนานมากว่า 30 ปี ของนสพ.บางกอกโพสต์ ที่มีนโยบายเน้นข่าวเจาะ ข่าวเชิงวิเคราะห์ และมี Social media ส่วนตัว ที่มีจำนวนผู้ติดตามกว่า 500,000 คน เนื่องจากในสนามข่าวมีข่าวมากมาย ข่าวไหนที่บางกอกโพสต์ไม่เล่น เล็กก็จะเลือกข่าวมาโพสต์เอง จึงทำหน้าที่เป็นทั้งนักข่าว และเป็นสื่อ Social ในเวลาเดียวกัน

ปัญหาคนในวงการสื่อ บางคนเพิ่งจบ ประสบการณ์ไม่มี ไม่ใส่รายละเอียด ถูกส่งให้มาลงสายการเมือง มาร่วมวงแต่ไม่ถาม ในฐานะรุ่นพี่จะเปิดโอกาสเสมอเพื่อให้นักข่าวรุ่นใหม่ได้ถาม เพื่อเขาจะได้ภาคภูมิใจกับประเด็นของตัวเอง ถือเป็นประเพณีในวงการสื่อที่พี่แบ่งปันให้น้อง

“รุ่นพี่ในสนามมักจะพูดกันว่า อย่าเป็นแค่ Messenger ต้องคิดประเด็นเป็น เช็คข่าว และหาคำตอบให้สังคม ให้ประชาชนด้วย เราต้องเป็น Reporter ที่เช็คข้อมูลเพิ่มเติมเสมอ รุ่นพี่ในสนามคือ ครู นักข่าวรุ่นใหม่ ต้องอ่านข่าวที่ตัวเองทำทุกตัวอักษร อ่านละเอียด SIRI บางครั้งก็ช่วยได้ แต่ก็อาจทำให้ผิดความหมายได้เหมือนกัน และควร rewrite ได้ด้วยตัวเอง เพื่อลดปัญหาการ Copy ข่าวออกไปแล้ว ผิดเหมือนๆกัน นักข่าวไม่ควรขี้เกียจ”

#เทคนิคของนักข่าวสายทหาร
นักข่าวสายทหารส่วนใหญ่จะอยู่นาน 30-40 ปี ไม่ค่อยมีนักข่าวใหม่ เพราะนักข่าวสายนี้ต้องเรียนรู้โครงสร้างการบังคับบัญชา ต้องรู้เรื่องการสร้าง Connection สร้างแหล่งข่าว จุดเด่นของแหล่งข่าวสายทหารคือ ไม่ค่อยพูด คนพูดคือ ผู้นำเหล่าทัพ หรือ รมต.กระทรวงกลาโหม ทหารถูกสร้างมาให้เก็บความลับ ถ้าเราทำให้แหล่งข่าวไว้วางใจ วางใจในคุณธรรม และจริยธรรมสื่อที่เรามี เราก็จะได้ประเด็นข่าวที่ดี “นักข่าวที่ล้วงความลับทางทหารได้ ต้องทำให้ข่าวนั้นมีความน่าเชื่อถือ เขียนด้วยความระมัดระวังอย่างสูง และต้องมีความถูกต้องมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ภาพของ Bangkok Post และวาสนา ต้องมีความชัวร์ 100 เปอร์เซ็นต์ ปกติเรามักจะรู้ก่อน”

เคล็ดลับที่สามารถทำหน้าที่นักข่าวสายทหารมายาวนาน เพราะความอาวุโส อยู่นาน การได้รับความไว้วางใจ ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งข่าวที่เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงทหารได้ ถือว่า เล็กได้รับความสำคัญ และความไว้วางใจให้ข่าวเป็นรายแรกๆ เป็นข่าวหลักสำหรับสื่อในโลกโซเชี่ยล เพราะข่าวที่นำเสนอออกไปจากวาสนา นาน่วม ต้องเป็นความจริง เป็นข่าวที่เช็คแล้วแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ (คำว่า “ลือสะพัด”จะไม่ค่อยใช้) จะไม่ลงข่าวแบบรีบร้อนเกินไป

“ที่สุดคือ การเรียนรู้ และสังเกตปฎิกริยาของแหล่งข่าวเสมอว่า แต่ละท่านเราควรติดต่อด้วยวิธีไหน ส่งข้อความ Messenger หรือ Line ไปรอคอยการตอบ หรือ บางท่านสามารถต่อสายตรงได้เลย สมัยก่อนเรื่องความมั่นคงสำคัญมาก จะติดต่อแต่ละท่านต้องผ่าน ทส.ทหารคนสนิทหน้าห้องก่อน”

#ยุคนี้ข่าวแต่งตั้งโยกย้ายยังคงต้องจับตาคาดการณ์และวิเคราะห์
เล็กเคยตอบโต้กรณีนี้ กับพลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้บัญชาการเหล่าทัพเท่านั้น วาสนา ไม่เกี่ยว...แต่เล็กมองว่า เรื่องนี้ผู้สื่อข่าว หรือ ประชาชนควรรู้ข้อมูล Background ผู้ที่จะขึ้นมาคุมบังเหียนแต่ละเหล่าทัพ หากเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร จะได้รับรู้ ติดตามความเปลี่ยนแปลงอย่างเข้าใจ
นักข่าวสายทหารยืนหยัดอย่างมีอุดมการณ์
อย่างทหารชายแดนที่เสียสละตนเอง สิ่งไหนดีเราจะชื่นชม อันไหนไม่ดี กรณีการเมือง เป็นเรื่องผลประโยชน์ ก็ต้องสื่อสารให้ประชาชนรับรู้ว่า มีกลิ่นไม่ดี คำถามบางคำถามเกิดขึ้นเพื่อต้องการเช็คปฎิกริยา ที่มักจะหลอกกันไม่ได้ นักข่าวไม่ได้เชื่อเพียงคำพูดที่ออกมาเท่านั้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมักจะมีสัญญาน จากปฎิกริยาของแหล่งข่าวออกมาให้เห็นเสมอ

#นักข่าวสายทหารต้องก้าวผ่านความกลัว ความมีอิทธิพล ต้องไม่มีผลประโยชน์ ถ้ารับผลประโยชน์จะทำให้ไม่กล้าถามตามที่ต้องการได้ ด้วยความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ และเป็นคนตรง เธอจึงสามารถพูด หรือ ถาม แบบตรงไป ตรงมาได้อย่างเต็มที่ เพราะไม่ได้รับประโยชน์จากใคร ทุกวันนี้ยังคงทำงานพิเศษหารายได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนคอลัมน์ในแม็กกาซีน รายสัปดาห์ จัดรายการวิทยุ ส่วนหนังสือ พ็อคเก็ตบุค อาทิ ลับ ลวง พราง จะเขียนเมื่อมีสถานการณ์เท่านั้น

#เพราะนายอีกคนของเล็กคือประชาชน
ทำให้เราต้องกล้าก้าวผ่านความกลัว เพื่อแสวงหาคำตอบมาให้ประชาชน แม้ว่าจะผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งดี และไม่ดี เคยโดน ทุบรถ ปล่อยยาง ถอดน็อตล้อรถ ในเขตทหาร และเคยโดนห้ามเข้า บก.ทบ. มาแล้วก็ตาม แต่ปัจจุบัน เล็ก วาสนา นาน่วม ยังคงยืนหยัดในอาชีพด้วย ความคิดที่กลั่นกรองจนลงตัว มีสมดุล มีความเข้าใจบริบทของทั้งสององค์กร ธรรมศาสตร์ และกองทัพ เข้าใจอุดมการณ์ของการสร้างคนที่แตกต่างกัน แต่มีจุดยืนเดียวกันเพื่อประเทศชาติ และประชาชน
#ศิษย์JCTUที่เราภูมิใจ
#นักข่าวสายทหาร

30/07/2025
30/07/2025

ที่อยู่

99 ถ. ราชดำเนิน ต. พรหมณี อ. เมืองฯ
Nakhon Nayok
26001

เบอร์โทรศัพท์

+6637316616

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สถานีวิทยุกองทัพบกโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง สถานีวิทยุกองทัพบกโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า:

แชร์

ความเป็นมา

สถานีวิทยุกองทัพบก โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า สังกัดกองทัพบก อยู่ในส่วนของ กบว.ทบ. หมายเลข 7 โดยเริ่มก่อตั้งเมื่อ 4 ต.ค. 2531 ซึ่งในครั้งนั้น พลเอกหญิง สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จฯ เปิดสถานีวิทยุ รร.จปร.

สถานีวิทยุกองทัพบก โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ส่งกระจายเสียงด้วยระบบ FM ความถี่ 89.75 MHz. กำลังส่ง 1 กิโลวัตต์ โดยมีสถานที่ตั้งเครื่องส่งและห้องเครื่องส่ง ณ บริเวณด้านหน้าทางเข้าโรงเรียนปิยชาติพัฒนา ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก 26001 เริ่มส่งกระจายเสียงตั้งแต่ปี 2531 จนถึงปัจจุบัน โดยส่งกระจายเสียงตั้งแต่เวลา 05.00 - 01.00 รวมทั้งสิ้น 20 ชม.