คนรักกีฬาม้าแข่งไทย

คนรักกีฬาม้าแข่งไทย ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน

01/10/2025

ขอบคุณทุกการสนับสนุน 🙏💖
ขอบคุณทุกการโอนไว 💸⚡
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์นะคะ 🌙✨😴

🐎 รายชื่อม้า และอันดับ (Rating)📅 หลังจบการแข่งขันนัดวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568🇹🇭 ม้าไทย - Country-Bred Horses
01/10/2025

🐎 รายชื่อม้า และอันดับ (Rating)
📅 หลังจบการแข่งขันนัดวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568

🇹🇭 ม้าไทย - Country-Bred Horses

ม้า🐎 ”ทิวดอร์เกรย์“ยอดอาชาผู้สูงศักดิ์สง่า ดั่งชื่อแห่งราชันย์✨ ทิวดอร์ คือชื่อของราชวงศ์ที่ครองราชประเทศอังกฤษ ระหว่างป...
01/10/2025

ม้า🐎 ”ทิวดอร์เกรย์“
ยอดอาชาผู้สูงศักดิ์สง่า ดั่งชื่อแห่งราชันย์

✨ ทิวดอร์ คือชื่อของราชวงศ์ที่ครองราชประเทศอังกฤษ ระหว่างปี ค.ศ.1485-1603
ราชวงศ์นี้มีชื่อเสียงในเรื่องการปกครองอย่างมั่นคงและสง่างาม
คำว่า ทิวดอร์ จึงเป็นสัญลักษณ์ของความสง่าและมั่นคง
จึงถูกวาดออกมาให้ดูสูงส่งดั่งคำว่า “ทิวดอร์” ค่ะ

🎨 ฝากผลงาน Fanart ของ ทิวดอร์เกรย์ ไว้ด้วยนะคะ



🏆 ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมรับชม
การแข่งขันม้าไทย รอบ KING’S CUP
📅 วันที่ 7 ธันวาคม
📍 สนามม้าราชกรีฑาสโมสร เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

ขอเชิญทุกท่านมาร่วมเป็นกำลังใจให้กับเหล่านักกีฬาและม้าแข่งด้วยกันนะคะ 💙
ในนัดแข่งวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม 2568 นี้ไปชมกันเยอะๆนะคะ



📌 ข้อมูลม้าแข่ง
• 🐎 ชื่อม้า : ทิวดอร์เกรย์
• 🏇 จ๊อกกี้ : พร้อมรบ
• 🏡 คอก : รุ่งโรจน์



📷 ขอบคุณภาพประกอบจากเพจ
The Royal Bangkok Sports Club Racing
👩🏻‍🎨 Facebook ของผู้วาด : fugu neko



#ทิวดอร์เกรย์



#สนามม้าราชกรีฑาสโมสร

“กำเนิดถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ แห่งสยาม” #ตำนานม้าแข่งไทย
01/10/2025

“กำเนิดถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ แห่งสยาม”

#ตำนานม้าแข่งไทย

ตำนานม้าแข่งไทย ตอน“กำเนิดถ้วยพระราชทาน”

ไม่รู้แล้วใครเป็นผู้เริ่มพูด แต่มีคนไทยคนหนึ่งได้พูดเอาไว้ ว่ากีฬาแข่งม้าคือกีฬาของพระราชา
การแข่งม้านั้น มีทั้งเกียรติและศักดิ์ศรี และมีเรื่องราวมากมายให้เล่าต่อกัน วันนี้ผู้เขียนจึงขอนำเรื่องที่สำคัญที่สุดมาเล่าให้ทุกท่านฟัง ว่าในยามรุ่งอรุณแห่งไทย…หรือที่เรียกกันว่าสยามในสมัยนั้น ความฝันของชาวอาชาทั้งปวง “ถ้วยพระราชทาน” ได้เกิดขึ้นมาเช่นไร

ในการเล่าเรื่องนี้นั้นมีบุคคลจากทั่วสารทิศเข้ามาพัวพัน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีทั้งความฝัน ความรัก และความมุ่งมั่น แต่ในการเล่าเรื่องนี้ผู้เขียนจะขอเล่าตามหลังบุรุษท่านหนึ่งที่เป็นพระยาลูกชาวจีนอพยพ และอีกองค์หนึ่งผู้สูงศักดิ์มาก่อนยุค และด้วยเปลวเพลิงแห่งความมุ่งมั่นและเกียรติคุณอันยิ่งใหญ่ของ 2 คนได้มารวมกัน จึงหล่อหลอมกลายเป็นถ้วยทองคำอันนำมาซึ่งเกียรติภูมิชาวอาชา

ถ้าหากในต่างแดนจะมีวงการแข่งม้าที่เบิกบานดังดอกเบญจมาศดอกใหญ่อันสวยงามใต้แสงอรุณแล้ว เรื่องราวของวงการม้าแข่งไทยก็เป็นเสมือนนิยายของทุกคนที่คอยเอาไฟมาจุดฟืนเล็กๆ ของเรือที่ใกล้จมในท้องสมุทรใต้มรสุม จนสามารถขับเคลื่อนมาได้จนถึงทุกวันนี้

ในช่วงต้นปี 1800 มีชายหนุ่มจีนชาวฮกเกียนอายุ 25 ได้ใฝ่ฝันในชีวิตใหม่ในแดนไท โดยเขาได้เกาะเรือสำเภาหนีตายจนไปลงจอดที่เกาะปีนัง ซึ่งขณะนั้นยังเป็นอาณาเขตสยาม โดยทุกคนคิดว่าเรื่องราวของชายหนุ่มคนนั้นก็จะจบลงเพียงแค่กรรมกรคนหนึ่งที่หาเลี้ยงชีพไปวันๆ แต่หารู้ไม่ว่าการที่เขาเลือกที่จะลงในเกาะปรายขวานทองนั้นก็ล้วนแต่มาจากวิสัยทัศน์อันก้าวไกลของบุรุษผู้นั้นนั่นเอง

ชายหนุ่มคนนั้นมีนามว่า ซู่เจียง แซ่คอ ซึ่งได้เล็งเห็นถึงทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ของภาคใต้ และต่อมาจึงได้เริ่มกิจการจนรุ่งเรือง และได้รับการชุบเลี้ยงจากราชสำนักจนได้รับการแต่งตั้งเป็น พระยาดำรงสุจริต ต้นตระกูล ณ ระนอง เจ้าเมืองบ้านใหญ่ภาคใต้ และเรื่องราวนี้ที่กำลังจะนำเสนอเราก็จะต้องตามหลังบุตรชายของผู้นั้น ซึ่งมีความซื่อสัตย์สุจริตและความมุ่งมั่นไม่ต่างกับบิดา ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นต่อมาจะได้รับบรรดาศักดิ์เป็น พระยาประดิพัทธ์ภูบาล ซึ่งเขาก็จะอยู่คู่ประวัติศาสตร์ราชวงศ์และม้าแข่งไทยไปจนชั่วชีวิต สมชื่อบรรดาศักดิ์ที่มีความหมายว่าผู้อยู่เคียงข้างแผ่นดิน

ในช่วงต้นชีวิตของเขานั้น เขาก็ได้รับการชุบเลี้ยงจากขุนนางที่ส่งอิทธิพลที่สุดในสยามคนหนึ่งอย่าง สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เติบโตมาสักครู่หนึ่งจึงได้รับราชการเป็นมหาดเล็กของพระพุทธเจ้าหลวง หรือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะยังทรงพระเยาว์ แต่หลังจากนั้นอีกไม่นานเขาจึงได้เดินทางไปเล่าเรียนกฎหมายที่ Middle Temple สถานศึกษาด้านกฎหมายชั้นนำของอังกฤษที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมจากชาวต่างชาติที่เข้ามาเล่าเรียนในสมัยนั้น จนได้จบมาเป็นเนติบัณฑิตคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ชาติสยาม

เมื่อเขาได้สำเร็จการศึกษาจึงเข้ารับราชการสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ณ สถานอัครราชทูตลอนดอนเป็นเวลาหลายปี ไม่มีประวัติเขียนไว้ชัดว่าเขาได้พบกับกีฬาม้าแข่งในช่วงใด แต่ก็เป็นที่ประจักษ์จากบันทึกประจำตัวว่าท่านนั้นได้คอยไปสนามม้าในต่างประเทศอยู่เรื่อยมา และจดทั้งระบบและการบริหารจัดการของสนามม้าแต่ละที่ไว้อย่างละเอียด จนอยู่มาวันหนึ่งหลังจากที่เขาได้เป็นนักการทูตอยู่ช่วงหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่จะพลิกชีวิตของเขารวมทั้งแผ่นดินสยามจากหน้ามือเป็นหลังมือ และเหตุการณ์นั้นก็คือ การเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 1

ในยุคสมัยนั้นประเทศในแถบเอเชียได้ปวดหัวกับการปกป้องตัวเองจากลัทธิจักรวรรดินิยมของชาติตะวันตก บ้างก็หันไปพัฒนากองทหารจนรบบนทะเลก็ชนะ หรือบ้างก็แข็งข้อจนถูกรุมตีไม่เหลือซากมังกร สยามนั้นด้วยความที่ผู้ใหญ่หลายท่านได้เล็งไว้แล้วว่าการสู้รบนั้นแสนยานุภาพชาติไทยหาสู้ชาวตะวันตกได้ไม่ จึงทำให้เกิดนโยบาย soft power หรือการใช้หนทางแบบการทูตแบบตะวันตกผสมผสานกับการใส่เกร็ดความเป็นไทย เพื่อแสดงถึงความเป็นศรีวิไลให้แก่ชาวต่างชาติ โดยเริ่มต้นจากการที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงแต่งตั้งคณะราชทูตเพื่อไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสและอังกฤษ พร้อมด้วยการสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรณ์แบบยุโรปเป็นชาติแรกในเอเชีย ให้ตรงกับบริบทการทูตของฝั่งยุโรปในสมัยนั้น

แต่การเสด็จประพาสในครั้งนี้นั้นมีความสำคัญไปคนละทางกับการทูตดังที่ผ่านมา เพราะนี่เป็นการพูดครั้งแรกของชาวเอเชียในระดับประมุขที่จะไปเหยียบบนแผ่นดินเชาว์ยุโรป ไม่ใช่แค่ไทย แต่สำหรับทั้งเอเชียนั้น ก้าวแรกนี้ถ้าเดินพลาดไปก็อาจทำให้สายตาชาวยุโรปที่มองมายังทิศตะวันออกจะเปลี่ยนสีไปเลยก็เป็นได้ โดยพระยาประดิพัทธ์ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นบรรดาศักดิ์ชั้นผู้น้อยอยู่ ก็ได้ติดตามไปเป็นล่ามเพื่อถวายการรับใช้ในภารกิจอันสำคัญ

แต่เมื่อเรือไปถึงคลองสุเอซก็เกิดปัญหาว่าฝั่งอังกฤษและฝรั่งเศสซึ่งกำลังมีข้อพิพาทในเขตแดนกับสยามนั้น ดูเหมือนมีท่าทีจะไม่อยากรับพระเจ้ากรุงสยามเป็นแขกบ้านแขกเมือง เมื่อเป็นเช่นนั้นทางอิตาลีพร้อมด้วยวาติกันจึงได้เสนอให้พระจุลจอมเกล้าเข้าเฝ้าเป็นแขกของพระสันตะปาปา ลีโอที่ 13 ที่วาติกันก่อน เนื่องจากถ้าไม่นับว่าสยามเป็นเมืองพุทธแล้วนั้น ทั้งสองประเทศนี้ก็ไม่มีกรณีพิพาทแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังมีสถาปนิกและนักออกแบบที่มาได้ดิบได้ดีในสยามก็มากมาย พระจุลจอมเกล้าจึงได้เป็นแขกรับเชิญผู้เข้าเฝ้าโป๊ปแห่งคริสตจักรในฐานะพุทธศาสนิกชนคนแรกของโลก เมื่อเห็นดังนี้เหล่าประมุขมหาอำนาจจึงมีความเกรงใจและได้เตรียมตัวต้อนรับพระมหากษัตริย์ไทยในฐานะพระราชอาคันตุกะ

หลังจากนั้นการเสด็จประพาสครั้งแรกจึงเป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้งการถ่ายรูปกับสหายเก่าแดนหิมะ หรือการร่วมโต๊ะอาหารกับแม่ยายแห่งยุโรป หรือแม้แต่การแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ไทยในระหว่างการประพาส ทุกอย่างล้วนแต่มีส่วนที่ทำให้ประเทศสยามได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นมาในสายตาชาวโลก

พระยาประดิพัทธ์ที่ได้ติดตามไปก็ได้เคยสนทนากับพระจุลจอมเกล้าในยามดึกว่า
“เหตุใดพระพุทธเจ้าหลวงจึงไม่ออกไปท่องเที่ยวดูบ้านเมืองในยามราตรี”
และท่านจึงทรงตอบอย่างเป็นกันเองว่า
“เดี๋ยวแม่กลาง (พระมเหสี) จะไม่พอใจ”

ไม่เพียงแค่นั้น พระจุลจอมเกล้าก็ได้สาบานต่อที่ประชุมก่อนออกประเทศว่าจะอยู่ห่างไกลอบายมุขทั้งปวง จนถึงขั้นมีเรื่องเล่าว่าระหว่างที่ท่านทรงเสวยร่วมโต๊ะกับแขก ในแก้วไวน์ของท่านกลับมีน้ำเปล่ามาลินไว้แทน

หลังจากการเสด็จประพาสยุโรปครั้งนั้นได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ จึงมีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในสมัยนั้นต่างแข่งกันต้อนรับพระมหากษัตริย์นิวัฒน์พระนคร โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆ นานามากมาย เช่น การแสดงการบรรเลง และก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้วางแผนการจัดกิจกรรมเป็นพิเศษ โดยมีกลุ่มนักเรียนและอดีตเจ้าหน้าที่การต่างประเทศกลุ่มหนึ่งได้หารือและมีผู้เสนอว่า
“ทำไมเราจึงไม่จัดการแข่งม้าถวายเป็นพระราชกุศล”

ซึ่งแน่นอนว่าชาวอาชาอย่างพระยาประดิพัทธ์ก็ได้กระโจนเข้ามามีส่วนร่วมจนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในการจัดกิจกรรมในครั้งนั้น โดยการจัดการแข่งนั้นได้ถูกจัดในระยะ 1200 เมตร โดยนำพื้นที่สนามหลวงมาใช้แทนสนามม้า ส่วนม้านั้นก็ได้นำผู้ขี่และม้าของรถลากเหล่าผู้ใหญ่ขุนนางต่างๆ มาเป็นคู่แข่ง โดยน่าตกใจว่าถึงแม้จะเป็นการจัดแบบขำๆ เล่นๆ ถวายเฉยๆ นั้น พระยาประดิพัทธ์ก็ยังมีความวิริยะอุตสาหะในการจัดทั้งระบบน้ำหนัก ราคาจ่ายคืน และยังมีการทำใบแทงม้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จนชาวบ้านชาวเรือนในสมัยนั้นก็ได้เข้ามามีส่วนร่วม

และเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการณ์แรกที่ทำให้เราได้ทราบกันว่าพระยาประดิพัทธ์เป็นผู้ที่มีความชอบและความรู้เกี่ยวกับกีฬาม้าแข่งเป็นอย่างดี จนสามารถจัดกิจกรรมขึ้นมาให้ดูเสมือนการแข่งในต่างประเทศได้ในเวลาอันสั้น

ที่น่าตกตะลึงคือ พระพุทธเจ้าหลวงผู้ทรงเป็นที่รู้จักในฐานะพุทธศาสนิกชนอันเคร่งครัด และทรงไม่ชอบอบายมุขทั้งหลาย ถึงขั้นเคยทรงกริ้วกับโรงแรมในยุโรปที่ได้นำสุรามาถวายไว้ข้างเตียง กลับกลายเป็นทรงชื่นชอบกิจกรรมนี้เป็นอย่างมาก เมื่อเห็นดังนี้ พระยาประดิพัทธ์จึงเริ่มมีความคิดอันยิ่งใหญ่วนเวียนอยู่ในหัวของท่าน จนอยู่มาวันหนึ่งก็จะกลายเป็นแผนการอันยิ่งใหญ่

ในค่ำคืนวันนั้น หลังจากการจัดกิจกรรมไม่กี่ปี พระยาประดิพัทธ์ก็ได้เล่นไพ่โป๊กเกอร์ร่วมกับเพื่อนนักการทูตของท่านในสถานกงสุลรัสเซีย และจึงมีการหยิบยกกิจกรรมม้าแข่งในวันนั้นขึ้นมา และต่างคนก็ต่างพูดคุยหารือกันจนถึงตรงกันว่า เห็นควรจะทูลเกล้าเสนอการจัดตั้งกีฬาม้าแข่งในประเทศสยามอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

พระยาประดิพัทธ์พร้อมด้วยสหายจึงได้นัดมหาดเล็กเพื่อขอเข้าเฝ้าในพระตำหนักส่วนพระองค์ในวันต่อมา และเข้าไปหาพระเจ้าอยู่หัวด้วยความกระตือรือร้น โดยทูลเกล้าเสนอว่า
“ประเทศของเรานั้นจะหาม้าสูงสัก 12 แฮนด์ (130cm) ก็เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ ขนาดทหารม้าบางนายเท้าเกือบจะลากพื้นก็มี จึงขอให้ท่านทรงอุปถัมภ์อุตสาหกรรมเพาะพันธุ์ม้าไทยให้ได้เทียบเท่านานาอารยประเทศ”

เมื่อพระยาประดิพัทธ์ได้อธิบายไว้เช่นนั้น พระพุทธเจ้าหลวงจึงได้รับเรื่องนี้ไว้ และทรงพระราชทานที่ดินในทุ่งปทุมวัน โดยให้ค่าเช่าปีละ 25 สตางค์เป็นเวลา 50 ปี ซึ่งก็เหมือนกับการให้มาฟรีๆ โดยเงินเดือนครูสอนในโรงเรียนมหาดเล็กสมัยนั้นได้รับค่าจ้างเดือนละ 16 บาท

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าเป็นที่หลวงและไม่มีโฉนดที่ดิน จึงไม่สามารถนำไปค้ำประกันที่ธนาคารได้ และไม่มีใครให้กู้เงิน คณะกรรมการยุคแรกรวมถึงพระยาประดิพัทธ์จึงได้ระดมทุนกันเป็นจำนวน 100,000 บาทในสมัยนั้นเพื่อจัดสร้างสถานที่เพื่อแข่งม้าและเป็นสมาคม โดยต่อมาพื้นที่นี้จึงได้มีนักเขียนอันสูงศักดิ์ท่านหนึ่งมาตั้งชื่อว่า “ราชกรีฑาสโมสร” อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกนั้นคณะกรรมการส่วนมากก็เป็นชาวไทย แต่สมาชิกนั้นเห็นทีจะมีแต่ชาวต่างชาติที่มีฐานะ ต่อมาสนามม้าแห่งนี้จึงได้รับการเรียกว่า สนามฝรั่ง

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็ทรงยินดีอุปถัมภ์กีฬาม้าแข่งตามความสนใจของท่าน จึงได้เป็นที่มาของถ้วยทองคำถ้วยหนึ่ง โดยมีพระราชดำรัสว่า
“ถ้วยนี้ให้มอบแก่เจ้าของม้าที่ชนะในการแข่งเป็น 3 รอบติด”

ถ้วยทองคำอันไร้นามนั้น ต่อมาก็จะไปอยู่ในมือของผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่ง และต่อมาก็จะได้เป็นที่มาของถ้วย “พระราชทาน” หรือ “คิงส์คัพ” ในปัจจุบันนั่นเอง

ดูเหมือนว่าการเริ่มต้นของกีฬาอันทรงเกียรตินี้จะไปได้อย่างราบรื่น แต่หารู้ไม่ว่า ต่อไปในภายภาคหน้า สยามจะต้องเผชิญกับสงคราม ปฏิวัติ และการแย่งชิงอำนาจ ไม่เพียงแต่สยามประเทศเดียวเท่านั้น แต่ทั่วโลกก็จะต้องเผชิญกับมรสุมแห่งการเปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มประดิพัทธ์ตอนนี้ก็เริ่มชราแล้ว แต่ไฟในหัวใจที่รักม้าแข่งของท่านก็ยังไม่จางหายไป หารู้ไม่…ที่จริงแล้วเรื่องราวของม้าแข่งนั้นเพิ่งได้เริ่มต้นขึ้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จสวรรคต ประเทศสยามก็จึงได้เข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ทั้งประเทศชาติและม้าแข่งก็ได้ถูกฝากไว้กับพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ ถึงยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนคือความรักในม้าแข่งของพระยาประดิพัทธ์ ซึ่งต่อมาก็จะมีพระหัตถ์อันสูงส่งของมหาบุรุษท่านหนึ่งยื่นขึ้นมาช่วยดึงขึ้นมาจากหุบเหวแห่งความมืด

และนี่คือที่มาของ ถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะว่าเรายังขาดถ้วยสำคัญอีกถ้วยหนึ่ง เป็นถ้วยแห่งสัญลักษณ์ยอดอาชาที่ได้รับการขนานนามทั่วโลก ความฝันแห่งชาวอาชาทั้งปวง และตอนต่อไปผู้เขียนจึงจะขอนำเรื่อง “กำเนิดถ้วยพระราชทานดาร์บี้” มานำเสนอให้ทุกท่านได้อ่าน

ผู้เรียบเรียง
หลงรัก อาชาไทย
ขอขอบคุณ
พระยาประดิพัทธ์ภูบาล
The Royal Bangkok Sports Club Racing
yooklong
@เกรียง ปิ่นทอง
สมศักดิ์ แพงสูงเนิน

#ม้าแข่งไทย #ตำนานยอดม้าไทย #หลงรักอาชาไทย

มีใครรู้บ้างว่าพวงมาลัยทั้งหมดนี้สื่อถึงอะไรคะ
01/10/2025

มีใครรู้บ้างว่าพวงมาลัยทั้งหมดนี้สื่อถึงอะไรคะ

พวงมาลัยบนขื่อหน้าห้องนอนของคอนโดมิเนี่ยม

555 จริงมากกก 🤣พิมพ์สาระตั้งยาว…เงียบกริ๊บ 💤แต่พิมพ์เลอะเทอะหน่อย คอมเมนต์มารัว ๆ 🤪🐎สรุปต้องกลับไปอยู่โหมดไร้สาระละมั้งเ...
01/10/2025

555 จริงมากกก 🤣
พิมพ์สาระตั้งยาว…เงียบกริ๊บ 💤
แต่พิมพ์เลอะเทอะหน่อย คอมเมนต์มารัว ๆ 🤪🐎สรุปต้องกลับไปอยู่โหมด
ไร้สาระละมั้งเนี่ยาาาา 🎉

ใครรู้บ้างในภาพคืออะไร 🤔📸

#สาวม้าสายฮา

เรื่อง : โรงเรียนอัศวกรีฑาลัย 🏇✨หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลใหม่ได้ตั้ง โรงเรียนอัศวกรีฑาลัย เพื่อควบคุมและพัฒนากล...
01/10/2025

เรื่อง : โรงเรียนอัศวกรีฑาลัย 🏇✨

หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลใหม่ได้ตั้ง โรงเรียนอัศวกรีฑาลัย เพื่อควบคุมและพัฒนากลุ่มสาวม้าที่มีพลังพิเศษ กำหนดระบบทะเบียนนักเรียน 2 แบบคือ ทะเบียนสามัญ (สำหรับคนไทย) และ ทะเบียนเทศ (สำหรับต่างชาติ) แต่สิทธิ์การแข่งถ้วยพระราชทานสงวนไว้เฉพาะนักเรียนทะเบียนสามัญ

ภายในโรงเรียนมีทั้ง สภานักเรียน ซึ่งดูแลกิจการนักเรียน และ หัวหน้าคณะ จาก 3 คณะ (ราม, ประดิพัทธ์, เทพ) ที่คอยดูแลหอพักและการจัดตั้งคอกแข่งขัน ทั้งสองตำแหน่งแยกจากกันชัดเจน

สาวม้าทุกคนใช้คำนำหน้า “ส.ม.” ก่อนชื่อจริง และนิยมเรียกกันตามชื่อที่เหมือนถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด เครื่องแบบหลักมี 2 แบบ พร้อมปกแขนพิเศษสำหรับสภานักเรียนและหัวหน้าคณะ

ตัวอย่างตัวละคร
• ส.ม. พรีมาดอนน่า 🌟
ตำแหน่ง : รองประธานสภานักเรียน ชั้นปีที่ 6



#สาวม้าไทย

Setting สาวม้าไทยAgain เขียนขึ้นมาขำๆ ถ้ามีคนชอบก็อาจจะต่อยอดหน่อย 
ลองเสกดู ให้เป็นไปตามบริบทของสังคมไทย โดยไม่จำเป็นต้องฝืนไปอิงจากของญี่ปุ่นทั้งหมด

ความเดิมจากตอนที่แล้ว
เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และฝ่ายรัฐบาลใหม่ต้องการที่จะควบคุมกลุ่มสาวม้าที่มีกำลังเหนือกว่า จึงจัดตั้งเป็นสถานศึกษาขึ้นมาร่วมกับสถานศึกษาเดิมที่ได้ถูกสร้างเอาไว้ จึงเกิดเป็น โรงเรียนอัศวกรีฑาลัย ขึ้นมา ซึ่งต่อมาจึงได้จัดระเบียบการลงทะเบียนแข่งของนักเรียนในสังกัดกรุงเทพ โดยอ้างอิงจากระเบียบของโรงเรียนนี้

เรื่องทะเบียนนักเรียนและสภานักเรียน

ทะเบียนนักเรียนจะมีอยู่ด้วยกันสองแบบ ได้แก่
• ทะเบียนสามัญ : สำหรับนักเรียนสัญชาติไทย โดยต้องมีบิดามารดาหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นสัญชาติไทย
• ทะเบียนเทศ : สำหรับนักเรียนสัญชาติอื่นที่ได้มาอยู่ประเทศไทย ก็สามารถเข้ามาศึกษาและลงแข่งในประเทศไทยได้เช่นกัน

โดยทั้งสองทะเบียนนี้จะมีสิทธิ์เท่ากัน เรียนในหลักสูตรเดียวกัน แต่จะมีข้อผูกมัดเพียงข้อเดียวคือ การลงแข่งถ้วยพระราชทานและถ้วยสำคัญจะถูกสงวนไว้สำหรับนักเรียนสัญชาติไทย หรือผู้มีทะเบียนสามัญเท่านั้น

สืบเนื่องมาจากความตั้งใจของผู้ใหญ่สมัยก่อน ที่ต้องการอนุรักษ์กลุ่มสาวม้าไทยซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าต่างประเทศ ให้ไม่ถูกแย่งชิงเกียรติยศ ดังนั้นในสมัยก่อนจึงไม่มีการอนุมัติให้นักเรียนต่างประเทศเข้ามาศึกษา แต่บัดนี้ยุคสมัยได้เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันจึงมีการปรับระบบใหม่ ให้นักเรียนต่างประเทศหรือนักเรียนแลกเปลี่ยนเข้ามาศึกษาที่นี่ได้

สภานักเรียนและหัวหน้าคณะ

เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและความเป็นผู้นำ ทางโรงเรียนแบ่งกิจการบริหารส่วนหนึ่งให้ผู้แทนนักเรียนหรือ สภานักเรียน เป็นผู้ดูแล โดยสมาชิกจะถูกคัดเลือกตามความเหมาะสม และต้องได้รับการยินยอมจากการเลือกตั้งของนักเรียนทั้งทะเบียนสามัญและทะเบียนเทศ โดยไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่ชัด แต่โดยมากมักเป็นผู้ที่เคยชนะถ้วยสำคัญหรือทำลายสถิติ เนื่องจากเป็นผู้มีความอดทนและระเบียบวินัยในตัวเองสูง

อีกกลุ่มหนึ่งคือ นักเรียนหัวหน้าคณะ (หอพัก) ซึ่งแบ่งออกเป็นสามคณะ ได้แก่
• คณะราม
• คณะประดิพัทธ์
• คณะเทพ

โดยตั้งชื่อตามผู้ร่วมก่อตั้ง กรีฑาวิทยาลัย (ชื่อโรงเรียนเก่า)

หัวหน้าคณะมีหน้าที่ดูแลระเบียบวินัยของนักเรียน อีกทั้งยังต้องเป็นผู้จดทะเบียน คอก ซึ่งเป็นธรรมเนียมเก่าของโรงเรียนเพื่อเสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในหมู่เพื่อนพ้อง โดยการทำกลุ่มเล็กๆ ภายในคณะของตัวเองเป็นทีมในการลงแข่ง

หัวหน้าคณะจะไม่สามารถเป็นสมาชิกสภานักเรียนได้ และในทางกลับกันสมาชิกสภานักเรียนก็ไม่สามารถเป็นหัวหน้าคณะได้ ดังนั้นสองกลุ่มนี้จึงทำหน้าที่ดูแลจัดการนักเรียนกันเอง

การนับชั้นปี

การนับชั้นปีจะนับตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีหก (เทียบกับโรงเรียนปกติคือ ม.1–ม.6) และเมื่อจบก็ได้รับวุฒิมัธยมเช่นเดียวกับโรงเรียนอื่นๆ

สำหรับการลงแข่งนั้น สามารถลงแข่งได้ตั้งแต่ชั้นปีที่สองจนถึงชั้นปีที่หก

การตั้งชื่อและคำนำหน้า

สาวม้าทุกรายจะใช้คำนำหน้า “ส.ม.” โดยคำนำหน้านี้จะอยู่หลังชั้นยศในหน่วยงาน แต่จะนำหน้าชื่อจริงเสมอ

การตั้งชื่อนั้นเป็นไปตามกฎหมายทั่วไปของบุคคล แต่สามารถลงทะเบียนชื่อโดยไม่ใส่นามสกุลได้ ซึ่งกฎนี้เกิดจากธรรมเนียมที่สาวม้าเมื่อเริ่มพูดได้ จะขานชื่อตัวเองออกมาเสมือนถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังอธิบายไม่ได้

เครื่องแบบ

เครื่องแบบของนักเรียนมีอยู่สองแบบ และสำหรับสมาชิกสภานักเรียนหรือหัวหน้าคณะจะมี ปกแขน ประดับเพิ่มเติม
• สภานักเรียน : สีกรมท่า (น้ำเงินเข้ม) ตามสีโรงเรียน
• หัวหน้าคณะ : ตามสีของแต่ละคณะทั้งสาม

นางแบบ : ม.ส. พรีมาดอนน่า
ตำแหน่ง : รองประธานสภานักเรียน ชั้นปีที่ 6

01/10/2025

✨ ลงคลิปบ่อย ๆ มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ 💬ผู้ติดตามก็จะตามมาเอง 🐎💨ลองดูนะคะ
ครีเอเตอร์สายม้ามือใหม่ 💕

01/10/2025

นักเรียนอยากใส่ใจเรื่องอะไรเกี่ยวกับม้าแข่ง 🐎💭
พิมพ์ไว้ใต้คอมเม้นต์ได้เลยนะคะ 👇✨

01/10/2025

ห้าม+เตือน ม้า+จ๊อกกี้ คนจับปล่อยม้า
ม้าอ้อมใจ 2 นัด เอาจ๊อกกี้ โดนห้าม2คน..
นัดหน้าเอาอีกคนนะครับ ผู้ติดตาม 50,236

01/10/2025

ทักไปสั่งได้เลยนะคะ

01/10/2025

อะไรคือ
77

ที่อยู่

140/1 ซ. วัดหนองบัวรอง ต. ในเมือง ถ. จอมสุรรางค์ อ. เมือง จ. นครราชสีมา โทร. 089-630-0349 คุณกี้
Nakhon Ratchasima
30000

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คนรักกีฬาม้าแข่งไทยผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์